The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by only.bamby, 2022-10-24 02:17:33

พัฒนาการความเชื่อของคนเกี่ยวกับแมวที่สืบมาจนถึงปัจจุบัน (The development of people's beliefs about cats)

พัฒนาการความเชื่อของแมวที่สืบมาจนถึง ปัจจุบัน

พัฒ นาveกloาpรmคeวntาoมf เpชืe่อopขlอe'งs คbeนliเeกfีs่ยaวboกัuบแ มว

de ธนัชพร ธัมมากาศ t

The cats





คำนำ

หนังสือ E-Book "พัฒนาการความเชื่อของคนเกี่ยวกับแมว"
(The development of people's beliefs about cats) เล่มนี้ ผู้จัดทำมี
จุดประสงค์ เพื่อการศึกษาพัฒนาการความเชื่อของคนที่มีต่อแมวตั้งแต่
ในสมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรู้
จากกฎหมายการคุ้มครองสัตว์ในสมัยอยุธยา ตำราดูลักษณะแมวที่
แสดงถึงความเชื่อของผู้คนในแต่ละยุคสมัย สาเหตุที่ทำให้แนวความเชื่อ
ของผู้คนในยุคสมัยเปลี่ยน และความเชื่อของคนที่มีต่อแมวในยุคปัจจุบัน

ผู้จัดทำได้เลือก หัวข้อนี้ในการจัดทำ E-Book เนื่องมาจากเป็น
เรื่องที่น่าสนใจ รวมถึงผู้จัดทำนั้นก็เป็นทาสแมวคนหนึ่งด้วยเช่นกัน
สุดท้ายนี้ผู้จัดทำจะต้องขอขอบคุณ ดร. อาจารย์ ธรรศ ศรีรัตนบัลล์ ผู้ให้
ความรู้ และแนวทางการศึกษา ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ให้ ความช่วย
เหลือมาโดยตลอด ผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็น
ประโยชน์แก่ผู้อ่านทุก ๆ ท่าน หากผิดพลาดประการใดผู้จัดทำขออภัย
มา ณ ที่นี้ด้วย

ธนัชพร ธัมมากาศ
ผู้จัดทำ





สารบัญ

เรื่อง หน้า

คำนำ ก
สารบัญ ข
สารบัญ (ต่อ) ค
บทนำ ๑
การค้นพบความเชื่อเกี่ยวกับแมว - สมัยอยุธยา ๓

- สมัยอยุธยา ๕
- การเลี้ยงสัตว์ในสมัยอยุธยา ๖-๘
- การเลี้ยงแมวและความเชื่อในสมัยอยุธยา ๑๐
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์กับความเชื่อเรื่องแมว ๑๑
- สมัยรัตนโกสินทร์ ๑๒
- การเลี้ยงสัตว์ในสมัยรัตนโกสินทร์ ๑๓-๑๘
- การเลี้ยงแมวและความเชื่อในสมัยรัตนโกสินทร์ ๑๙-๒๐
- การประกาศความงามของแมวไทยสู่ต่างแดน
การเข้ามาของชาติต่างๆ กับจุดเปลี่ยนความ ๒๒
เชื่อที่มีผลมาสู่สมัยปัจจุบัน ๒๓-๒๕
- อินเดีย



สารบัญ (ต่อ)

เรื่อง หน้า

- จีน ๒๖-๒๘
- ญี่ปุ่น ๒๙-๓๑
- ชาติตะวันตก ๓๒-๓๔
ความเชื่อเกี่ยวกับแมวของสังคมไทยในปัจจุบัน ๓๕-๓๘
สรุป
บรรณานุกรม ๓๙
๔๐-๔๔





แมว

แมว เป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน
และโดยนิสัยจำเพาะของแมวที่รักสงบ

ขี้อ้อน และอีกทั้งยังมีใบหน้าที่น่ารักน่าเอ็นดู
ทำให้ผู้คนทั้งในอดีตและปัจจุบันนิยมเลี้ยง
แมว โดยนอกจากจะนิยมเลี้ยงให้เป็นสัตว์
เลี้ยงเล่นแล้ว แมวยังได้แทรกซึมไปยังส่วน
ต่าง ๆ ในวิถีชีวิตของผู้คนในสังคม ทั้ง
ด้านวรรณกรรม สุภาษิตไทย การเป็นต้น
แบบในการเรียกชื่อสีของไทย และยังเป็น
ส่วนในการประกอบพิธีทางศาสนาสำคัญ
ต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นแสดงให้เราเห็นว่า
แมวนั้นแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในการ
ดำรงชีวิตของคนไทย







การค้นพบความเชื่อเกี่ยวกับ
แมว - สมัยอยุธยา



"สมัยอยุธยา"

อาณาจักรอยุธยา เป็นอาณาจักรในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วง พ.ศ. ๑๘๙๓ ถึง
พ.ศ. ๒๓๑๐ มีกรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางอำนาจหรือราชธานี อาณาจักรอยุธยานับ
ว่าเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่งที่สุดในภูมิภาคสุวรรณภูมิ ทั้งยังมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับ
หลายชาติ จนถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการค้าในระดับนานาชาติ เช่น จีน เวียดนาม
อินเดีย ญี่ปุ่น เปอร์เซีย รวมทั้งชาติตะวันตก เช่น โปรตุเกส สเปน ดัตช์ (ฮอลันดา) และ
ฝรั่งเศส ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งอยุธยาเคยสามารถขยายอาณาเขตประเทศราชถึง รัฐฉาน
ของพม่า อาณาจักรล้านนา มณฑลยูนนาน อาณาจักรล้านช้าง อาณาจักรขอม และ
คาบสมุทรมลายูในปัจจุบัน



การเลี้ยงสัตว์
ในสมัยอยุธยา

การเลี้ยงสัตว์ในสมัยอาณาจักรอยุธยา
สัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงกันทั่วไปในอาณาจักร
อยุธยา ได้แก่ ช้าง ม้า โค กระบือ และหมู
สัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ที่นิยมเลี้ยงกันมาก
ที่สุด ทั้งนี้เพราะเป็นสัตว์ที่มีคุณประโยชน์
มากและเป็นสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองทาง
กฎหมายอยู่หลายมาตรา นอกจากนี้ใน
หลักฐานของลาลูแบร์กล่าวว่า ชาวสยาม
เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ แพะและแกะ ส่วนหลัก
ฐานของโยสเซาเต็น ได้บอกว่า ยังมีการ
เลี้ยงห่าน นกยูงและนกพิราบอีกด้วย

บันทึกลาลูแบร์



การเลี้ยงแมวและความเชื่อในสมัยอยุธยา

การเลี้ยงแมวในสมัยอาณาจักรอยุธยานั้นมีการบันทึกหรือหลักฐานไม่มาก
เนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยมีคุณประโยชน์มากในช่วงเวลานั้น แต่ในกฎหมาย
สมัยอาณาจักรอยุธยานั้นมีข้อกฎหมายที่คุ้มครองสัตว์ตัวเล็กอย่างแมวด้วย



กฎหมายการเลี้ยงสุนักข - วิลาระ

กฎหมายสมัยอาณาจักรอยุธยา เป็นกฎหมายที่มีหลัก
การพื้นฐานมาจากคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ โดยภายใน
กฎหมายนั้นได้มีการปรากฏกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลี้ยงสุ
นักข-วิลาระ (หมา - แมว) ซึ่งมีเนื้อหา คือ ทั้งสุนัขและ
แมวนั้นเป็นสัตว์ที่เลี้ยงกันประจำบ้านเรือนและต้องได้รับ
การคุ้มครองจากกฎหมายด้วย แม้ว่าจะเป็นสัตว์ที่ไม่มี
เจ้าของก็ตาม นอกจากจะเป็นกฎหมายที่ทำให้เราทราบถึง
การมีอยู่ถึงแมวในสมัยอยุธยาแล้ว ในกฎหมายยังมีการ
สอดแทรกหลักคำสอนของศาสนาในเรื่องของการไม่ฆ่า
สัตว์เล็กอีกด้วย

พระนิพนธ์มัชชารนีติ
มัชชารนีติเป็นพระนิพนธ์ที่มีการแปลจากภาษา
ไทยให้เป็นภาษามอญ มีลักษณะเป็นสมุดไทยขาว
ปกดำ ปรากฏการใช้ภาษาบาลีในการเขียนผสม
ผสานในการเรียบเรียงเป็นกลอน มีภาพการวาด
ภาพประกอบเป็นรูปแมวในท่าต่างๆ ในพระนิพนธ์
นั้นได้กล่าวถึงลักษณะแมวดีและแมวไม่ดี รวม ๓๘
ชนิด เป็นแมวดี ๒๖ ชนิด และแมวไม่ดี ๑๒ ชนิด มี
การอธิบายถึงการให้คุณและโทษตามลักษณะชนิด
ของแมว ทั้งยังกล่าวถึงวิธีการทำศพให้แมว ทำให้
เรารับรู้ถึงการทำศพให้สัตว์เลี้ยงในสมัยอยุธยา



เนื้อหาภายในพระนิพนธ์มัชชารนีติ



๑๐



สมัยกรุงรัตนโกสินทร์กับความ
เชื่อเรื่องแมว

๑๑

"สมัยรัตนโกสินทร์"

ราชอาณาจักรรัตนโกสินทร์ เป็นราชอาณาจักรที่สี่ในยุคประวัติศาสตร์ของไทย
เริ่มตั้งแต่การย้ายเมืองหลวงจากฝั่งกรุงธนบุรี มายังกรุงเทพมหานคร ซึ่งตั้งอยู่ทาง
ตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์
แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕

๑๒

การเลี้ยงสัตว์ใน

สมัยรัตนโกสินทร์

โดยหลักฐานเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ของชาว
ไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีน้อยมากเมื่อ
เปรียบเทียบกับหลักฐานในสมัยอยุธยา จึงไม่
สามารถทำให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพนี้
ของคนไทยในยุคนั้นได้มากนัก หลักฐานจะมีมาก
ขึ้นเมื่อมาถึงสมัย รัชกาลที่ ๕ และ ๖ เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตามในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนี้ ก็ได้
ทราบจากบันทึกของปาลเลกัวซ์ ว่า สัตว์ที่เลี้ยง
และมีกันแทบทุกครัวเรือน เห็นจะได้แก่วัวและ
ควาย นอกจากนั้นก็มีหมูเป็ดไก่ สำหรับเป็ด
และไก่นั้น ปาลเลกัวซ์บันทึกว่า “สัตว์เลี้ยงมีปีก
จำพวกเป็ดและไก่นั้นเป็นสิ่งธรรมดา” คงหมาย
ถึงมีเลี้ยงกันทุกบ้าน นอกจากนี้สัตว์เลี้ยงที่มี
“มากที่สุดในประเทศสยามคือหมากับแมว”
ปาลเลกัวซ์ให้เหตุผลว่าที่มีมากเพราะคนไทยไม่
ฆ่าสัตว์นั่นเอง

๑๓

การเลี้ยงแมวและความเชื่อใน
สมัยรัตนโกสินทร์

จากบันทึกของปาลเลกัวซ์ได้บันทึกถึงการมีอยู่ของแมวในสมัย
รัตนโกสินทร์ว่า "สัตว์เลี้ยงที่มีมากที่สุดในประเทศสยามคือหมากับแมว"
ปาลเลกัวซ์ให้เหตุผลว่าที่มีมากเพราะคนไทยไม่ฆ่าสัตว์นั่นเอง โดยใน
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์นั้นได้ปรากฏ หลักฐานที่แสดงถึงแนวคิดและความ
เชื่อที่มีเกี่ยวกับแมว คือ ตำราดูลักษณะแมวและนก และตำราดูลักษณะ
แมว วัดอนงคาราม

บันทึกของปาลเลกัวซ์

๑๔

ตำราดูลักษณะแมวและนก ของ
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา

ปวเรศวริยาลงกรณ์

ตำราดูลักษณะแมวและนกนั้นเป็นจดหมายเหตุ เป็นสมุดปกดำ ข้างในเป็น
ภาษาบาลี ภายในเนื้อหานั้นเขียนเป็นกลอนสวยงาม มีการวาดภาพประกอบเป็น
แมวในแต่ละชนิด ภายในจดหมายเหตุนั้นได้กล่าวถึงลักษณะแมวดีและแมวไม่ดี รวม
๒๓ ชนิด เป็นแมวดี ๑๗ ชนิด และแมวไม่ดี ๖ ชนิด

๑๕

โดยแมวดีทั้ง ๑๗ ชนิดที่ได้กล่าวไว้มี แมวนิลรัตน์
ดังนี้ แมวนิลรัตน์ แมววิลาศ แมวศุภลักษณ์ แมววิลาศ
หรือทองแดงแมวเก้าแต้ม แมวมาเลศหรือ แมววิเชียรมาศ
ดอกเลา แมวแซมเศวต แมวรัตนกัมพล
แมววิเชียรมาศ แมวนิลจักร แมวมุลิลา
แมวกรอบแว่นหรืออานม้า แมวปัศเศวต
หรือปัตตลาด แมวกระจอก แมวโสงเสพ
หรือสิงหเสพย์ แมวการเวก แมวโกนจาหรือ
ร่องมด และแมวจตุบท

แมวดอกเลา

๑๖

แมวลายเสือ

แมวทุพลเพศ ส่วนแมวไม่ดีทั้ง ๗ ชนิดในตำราได้
แมวปีศาจ กล่าวถึงดังนี้ แมวทุพลเพศ แมวพรรณ
พยัคฆ์หรือลายเสือ แมวปีศาจ แมวหินโทษ
แมวกอบเพลิง และแมวเหน็บเสนียด

แมวหินโทษ

๑๗

ตำราดูลักษณะแมว
วัดอนงคาราม

ตำราดูลักษณะแมว วัดอนงคารามเป็นตำรา
หายากที่ถูกเก็บไว้ที่วัดอนงคาราม แต่เดิมมาสม
เด็จฯ ท่านพอใจในการเลี้ยงแมวมาก และสนใจ
ตำราดูลักษณะแมวเป็นอย่างยิ่ง ดังบางส่วนของ
คำนำที่น่าสนใจ คือ "...ท่านมีความสนใจเป็น
พิเศษ ถึงกับให้คัดลอกไว้ในสมุดข่อยแบบโบราณ
บางแห่งมีลายมือของท่านตรวจแก้ไว้ด้วย พร้อม
ทั้งให้จำลองภาพแมวชนิดต่างๆ ประกอบลักษณะ
ที่บอกไว้ในตำรา ซึ่งตำรานี้เป็นของเก่า ไม่
สามารถหาผู้รวบรวมหรือแต่งได้ บทโคลงและ
กาพย์ที่แต่งไว้ในตำราเป็นสำนวนเก่าไพเราะมาก
แสดงให้เห็นว่าผู้แต่งเป็นจินตกวี มีความรู้ในทาง
ประพันธ์เป็นอย่างดี ส่วนเนื้อหานั้นตำราได้กล่าว
ถึงลักษณะแมวดีและแมวไม่ดี รวม ๒๓ ชนิด เป็น
แมวดี ๑๗ ชนิด และแมวไม่ดี ๖ ชนิด

๑๘

แมวดีทั้ง ๑๗ ชนิดที่ได้กล่าวไว้มีดังนี้ แมวนิลรัตน์ แมววิลาศ แมวศุภลักษณ์หรือทองแดง แมว
เก้าแต้ม แมวมาเลศหรือดอกเลา แมวแซมเศวต แมวรัตนกัมพล แมววิเชียรมาศ แมวนิลจักร แมวมุลิ
ลา แมวกรอบแว่นหรืออานม้า แมวปัศเศวตหรือปัตตลาด แมวกระจอก แมวโสงเสพหรือสิงหเสพย์
แมวการเวก แมวโกนจาหรือร่องมด และแมวจตุบท

และแมวไม่ดีทั้ง ๖ ชนิดในตำราได้กล่าวถึงดังนี้ แมวทุพลเพศ แมวพรรณพยัคฆ์หรือลายเสือ
แมวปีศาจ แมวหินโทษ แมวกอบเพลิง และแมวเหน็บเสนียด

๑๙

การประกาศความงาม
ของแมวไทยสู่ต่างแดน




พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๕ ทรงเป็นผู้ทำนุบำรุงบ้านเมือง
เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อการพัฒนา
ประเทศ และหนึ่งในคือแมวไทยซึ่งเป็นสัญลักษณ์
ที่สามารถทำให้ประเทศทั่วโลกรู้จักประเทศไทยดี
ขึ้น จึงได้พระราชทานแมวไทยให้กับประเทศเพื่อน
บ้านหลายประเทศ เช่น อเมริกา นอร์เวย์

และที่ทำให้แมวไทยมีชื่อโด่งดังไปทั่วโลกคือ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล
ที่ ๕ มอบแมววิเชียรมาศนี้ให้กับนายโอเวน กูลด์
ได้นำแมวไทยตัวผู้และตัวเมียคู่หนึ่งจาก
ประเทศไทย ไปฝากน้องสาวของท่านที่อังกฤษ
อีกหนึ่งปีต่อมาแมวคู่นี้ถูกส่งเข้าประกวดในงาน
ประกวดแมวที่ The Crystal Palace กรุง
ลอนดอน ผลปรากฎว่าได้ที่หนึ่ง ทำให้ชาวอังกฤษ
พากันตื่นเต้นเลี้ยงแมวไทยกันมากขึ้น จนถึงขั้น
ตั้งเป็นสโมสรแมวไทย

๒๐

โอเวน กูลด์ น้องสาวของโอเวน กูลด์

๒๑

๒๒



การเข้ามาของชาติต่างๆ กับจุด
เปลี่ยนความเชื่อที่มีผลมาสู่สมัย

ปัจจุบัน

๒๓

อินเดีย

๒๔

การเข้ามา

อินเดียมีความเจริญทางวัฒนธรรมถึงขั้นอารยธรรมตั้งแต่โบราณ
ก่อน ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว และเชื่อกันว่าอารยธรรมอินเดียคงแพร่กระจายไป
ยังสังคมต่างๆ มานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัฒนธรรมแบบฮินดู -
พราหมณ์ ได้แพร่กระจายออกไปก่อนหน้าพุทธศาสนา ต่อมาในสมัย
ราชวงศ์โมริยะ (พ.ศ. ๒๒๒ - ๓๙๙) วัฒนธรรมของอินเดียได้แพร่กระจาย
ไปยังภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (พ.ศ. ๒๖๙ -
๓๐๗) ได้ส่งสมณทูตเดินทางไปเผยแพร่พุทธศาสนายังประเทศต่างๆเช่น
ลังกาและสุวรรณภูมิทำให้พุทธศาสนาและวัฒนธรรมอินเดียแพร่กระจาย
เข้าสู่ เอเชียอาคาเน

๒๕

ความเชื่อที่มีต่อแมว

โดยความเชื่อที่เกี่ยวกับแมวในอินเดียนั้นมีความเกี่ยวข้องกับ
พระษัษฐี เทวีแห่งความตายของทารก พระองค์มีบริวารเป็นแมว
ตำนานเล่าว่า หญิงสาวคนหนึ่งมีนิสัยเสียชอบลักขโมยข้าวปลาอาหาร
เมื่อของกินหายไปก็โทษให้เป็นความผิดของแมวดำเสมอๆ กระทั่งนาง
มีครรภ์จนถึงคราวคลอดลูกก็เกิดเรื่องประหลาด คือลูกทุกคนของนาง
จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย จนชาวบ้านเริ่มลือว่าเธอเป็นแม่มดหมอผี

ด้วยความตื่นตระหนกตกใจหญิงสาวจึงหนีไปร้องไห้ในป่า
มะม่วง ณ ที่นั้นพระษัษฐีปรากฏกายต่อหน้าเธอและกล่าวว่า นี่คือ
โทษทัณฑ์ของการลักขโมยแล้วโยนความผิดไปให้แมวซึ่งเป็นบริวาร
ของท่าน หญิงสาวสำนึกผิดและสัญญาว่าจะบูชาพระษัษฐีและบูชา
แมว นางจึงได้รับลูกๆ คืนในที่สุด

พระษัษฐี

๒๖

จีน

๒๗

การเข้ามา

สังคมไทยรับเอาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม
จีนมาผสมผสานอยู่ในวัฒนธรรมไทยอย่างมากมาย
จนแยกไม่ออก มีรากเหง้าของการบูรณาการทาง
วัฒนธรรมนับถอยหลังไปได้ตั้งแต่ก่อนสมัยอยุธยา
ซึ่งปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้สังคมเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้รับเอาวัฒนธรรมจีนมาได้ง่าย
เพราะมีพื้นฐานทางวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน ความ
ยึดมั่นในบรรพบุรุษและครอบครัว มีวัฒนธรรมข้าว
ร่วมกัน และความศรัทธาในศาสนาที่ใกล้เคียงกัน
แม้ว่าสังคมจีนมีหลักปรัชญาต่างๆ ที่นับถือ เช่น
ปรัชญาของขงจื้อ ปรัชญาเต๋า แต่ชาวจีนก็ยังนับถือ
พุทธศาสนาเช่นกัน

๒๘

ความเชื่อที่มีต่อแมว

ในประวัติศาสตร์จีน มีเทพเจ้าองค์หนึ่งที่ชาวจีนเรียกว่า “Li Shou” จะปรากฏ
กายในร่างแมว โดยชาวจีนโบราณมักบูชาและขอให้ช่วยในเรื่องการควบคุมศัตรูพืช
และความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ ชาวจีนยังเชื่อว่าแมวจะเข้ามาอยู่ในบ้านก็ต่อเมื่อ
มันพอใจเท่านั้น และเมื่อมีแมวเข้าอยู่เจ้าของบ้านก็มักจะมีโชคลาภ แม้แต่จักรพรรดิ
จีนก็ยังนิยมใช้แมวป่าคาราคัล ซึ่งเป็นแมวป่าขนาดใหญ่ เป็นของขวัญชั้นสูง

แต่อีกด้านก็มีความเชื่อกันว่าหากแมวสีดำได้กระโดดข้ามศพใดแล้ว ศพนั้นจะ
คืนชีพกลายเป็นผีร้ายคอย หลอกหลอนชาวบ้านคนอื่น ซึ่งในประเทศจีนจึงมีการแก้
เคล็ดเรื่องนี้ด้วยการเอากรรไกรหรือเหล็กวางไว้บนอกศพ เพื่อเป็นการสะกด
วิญญาณไม่ให้ลุก ขึ้นมาด้วย

เทพ Li Shou แมวป่าคาราคัล

๒๙

ญี่ปุ่น

๓๐

การเข้ามา

ด้านความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับไทยหลังจากที่ได้ยุติความสัมพันธ์ลงในสมัยอยุธยาในรัช
สมัยพระเจ้าปราสาททอง ญี่ปุ่นกับไทยเปิดสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศทั้งสองอีกครั้งในปีพ.ศ.
๒๔๓๐ การเปิดความสัมพันธ์ในครั้งนี้มีผลให้เกิด ว่าปฏิญญาด้วยทางพระราชไมตรีและการค้าขาย
ในระหว่างประเทศสยามกับประเทศญี่ปุ่น และได้มีการแลกเปลี่ยนคณะทูตของประเทศทั้งสองใน
ปีพ.ศ.๒๔๔๑ ความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการที่เกิดขึ้นนี้ ได้ส่งเสริมให้ไทยกับญี่ปุ่นมีการติดต่อกัน
มากขึ้น ชาวญี่ปุ่นเดินทางมาประเทศไทยหลายรุ่นและจำนวนมากขึ้นตามลำดับทั้งในกรุงเทพฯและ
ตามเมืองใหญ่จังหวัด

๓๑

ความเชื่อที่มีต่อแมว

“มาเนกิ เนโกะ”แมวกวักสีดำ ตามความ
เชื่อของชาวญี่ปุ่น สัญลักษณ์ของความโชคดีและ
ปัดเป่าวิญญาณชั่วร้ายและภูติผีปิศาจ

มีตำนานหนึ่งเริ่มต้นมาจากแมวตัวหนึ่งที่
เกิดในวัดโกโทคุจิ ในช่วงยุคเอโดะ (1603–1868)
ตามประวัติของวัดกล่าวไว้ว่า ในขณะที่ไดเมียว
(ตำแหน่งเจ้าเมืองของญี่ปุ่น) อี นาโอทากะ
กำลังเดินทางเพื่อล่าเหยี่ยว เขารอดจากการถูก
ฟ้าผ่าเมื่อแมวของเจ้าอาวาสของวัดอย่างเจ้าทา
มะกวักมือเรียกเขาให้เข้าไปในวัดโกโทคุจิ ด้วย
ความซาบซึ้งที่แมวได้ช่วยชีวิตเขาไว้ เขาจึงสร้าง
ให้แมวเป็นนักบุญของวัดและให้มีการสร้างศาล
เจ้าของแมวนับตั้งแต่นั้น

๓๒

ชาติตะวันตก

๓๓

การเข้ามา

ในปลายสมัยรัชกาลที่ ๓ อีก ภาคตะวันตกเริ่มแผ่เข้า
มาในประเทศไทยมากขึ้น จนถึงปีพ.ศ. ๒๓๙๘ ได้มีการทำ
สนธิสัญญาเบาว์ริงเพื่อให้ช่วยให้ประเทศรอดพ้นวิกฤตจาก
ลัทธิจักรวรรดิ์นิยม สนธิสัญญานี้ทำให้ไทยต้องเปิดประเทศ
ทำการค้ากับประเทศตะวันตก ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการ
เปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อโครงสร้าง
ไทย

๓๔

ความเชื่อที่มี

ต่อแมว

ราวคริสต์ศตวรรษที่ ๔ มีลัทธิความเชื่อเกิด
ใหม่ที่มาจากฝั่งตะวันออกกลาง ตัดสินว่าแมวเป็น
ปีศาจ ซาตาน เนื่องจากการประณามพลังวิเศษ
ของแมวที่เคยถูกยกย่องมาตั้งแต่ยุคก่อน
ประวัติศาสตร์ และยุคอียิปต์โบราณ กาลเวลาและ
ความเชื่อทำให้เกิดงานศิลปะเกี่ยวกับเทพปกรณัม
และแมว แมวที่เป็นส่วนหนึ่งในสัญลักษณ์ต่างๆ
จึงถูกร่างแห ถูกตีตราว่าเป็นปีศาจ ซาตาน จาก
ลัทธิเกิดใหม่ที่กำลังเติบโตเป็นศาสนาในขณะนั้น

๓๕

ผู้คนในสังคมไทยในปัจจุบันนั้นมีความเชื่อเกี่ยวกับแมวต่างจากในอดีต
อย่างชัดเจน เช่น หากแมวดำกระโดดข้ามโลงศพของใครจะทำให้ฟื้นจากความ
ตายและกลายเป็นผีที่ดุร้าย ซึ่งสอดคล้องกับความเชื่อของจีนที่ว่าหากแมวสีดำ
ได้กระโดดข้ามศพใดแล้ว ศพนั้นจะคืนชีพกลายเป็นผีร้ายคอย หลอกหลอนชาว
บ้านคนอื่น และหากแมวดำวิ่งตัดหน้า จะทำให้เกิดความโชคร้าย หรือแมวดำ
นั้นเป็นแมวผี เป็นต้น แต่เหรียญมี ๒ ด้าน หากมีความเชื่อที่ว่าแมวเป็น
ตัวแทนของความชั่วร้ายแล้ว แมวก็ยังมีความเชื่อว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในไทย
เช่นกัน

ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ภาคอีสาน แมวมีบทบาทสำคัญใน
พิธีกรรมยามที่ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ชาวชนบทของไทยจะทำพิธี “แห่นาง
แมวขอฝน” โดยจะใช้แมวสีสวาดเพศเมียเป็นองค์ประกอบสำคัญของพิธีกรรม
เนื่องจากมีความเชื่อว่าสีขนของแมวคล้ายกับสีของเมฆอันเป็นที่มาของฝน

๓๖

ภาพพิธีแห่นางแมว

๓๗

นอกจากแมวจะมีบทบาทสำคัญในประเพณีราษฎร์อย่างการแห่นาง
แมวขอฝนแล้ว เจ้าเหมียวยังมีบทบาทในประเพณีหลวงด้วย เมื่อพระมหา
กษัตริย์รัชกาลใหม่เสด็จขึ้นครองราชย์จะทรงตั้งการพระราชพิธีเฉลิมพระราช
มณเฑียร การพระราชพิธีดังกล่าวคือการสมโภชปราสาทราชมณเฑียรสถานที่
ประทับดั้งเดิมของพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี หากเทียบกับประเพณีชาวบ้าน
ก็เปรียบได้กับการขึ้นบ้านใหม่

ในพิธีนี้บัญญัติให้มีพระราชวงศ์หรือเชื้อพระวงศ์สตรีจำนวนหนึ่งเป็นผู้
อัญเชิญเครื่องราชูปโภคและสิ่งอันเป็นมงคล วิฬาร์หรือแมวเป็นหนึ่งในสิ่ง
มงคลที่จะอัญเชิญในพิธีนี้ด้วย ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาล
ที่ 1 บรรยายถึงพิธีนี้ว่า “ครั้งได้ฤกษ์เจ้าพนักงานจึงประโคมดุริยางคดนตรีแตร
สังข์พิณพาทย์มโหรีมี่สนั่นประนังเสียงศัพทนฤนาท เสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่
พระมหามณเฑียร ทรงโปรยดอกพิกุลทอง พิกุลเงิน มีนางชำระพระบาท ๒
นางเชิญเครื่องราชูปโภค และนางเชื้อพระวงศ์ ๖ อุ้มวิฬาร์ ๑ อุ้มศิลาบด ๑ อุ้ม
ฟักเขียว ๑ ถือขันข้าวเปลือก ๑ ถือขันถั่วทอง ๑ ถือขันงา ๑”

๓๘

ภาพในพระราชพิธีเฉลิม
พระราชมณเฑียร

๓๙

สรุป

ความเชื่อเกี่ยวกับแมวในประเทศไทยของเรานั้นมีมาตั้งแต่ในอดีตจนถึง

ปัจจุบัน และมีความเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย หรือตามค่านิยมที่ได้รับมา โดย

เริ่มจากสมัยอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์ โดยผู้คนในสมัยอยุธยานั้นมีความ

เชื่อที่ว่าแมวที่ดีจะต้องมีลักษณะร่างกายที่ดี แข็งแรง สมบูรณ์ ไม่มีความพิการ

และออดอ้อนคน ส่วนแมวที่ไม่ดีจะมีลักษณะตรงกันข้าม คือ มีรูปร่างที่พิการ

หรือผิดปกติทางฮอร์โมน นิสัยก้าวร้าว ไม่ติดคน จนกระทั่งมีการเข้ามาของ

ชนชาติต่างๆ ทั้ง อินเดีย จีน ญี่ปุ่น และชาติตะวันตก โดยผ่านทางการค้า

ศาสนา และการศึกษา เมื่อมีการรับเอาวัฒนธรรม ค่านิยม และแนวคิดต่างๆ

เข้ามา ก็เริ่มทำให้ความเชื่อเกี่ยวกับแมวเปลี่ยนแปลงไป เช่น การที่คิดว่าแมว

ดำนั้นเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย และการที่นำแมวกวักมาช่วยเสริมในการ

ค้าขายเพื่อเป็นการเรียกทรัพย์ เป็นต้น หรือการผสมผสานจนเกิดวัฒนธรรม

อย่างพิธีแห่นางแมว และจากการศึกษาวิวัฒนาการความเชื่อของแมว

นอกจากผู้ศึกษาจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของความเชื่อที่เกิดขึ้น

แล้ว มีสิ่งหนึ่งที่ผู้ศึกษายังได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากการศึกษาคือความเชื่อนั้นย่อม

เปลี่ยนแปลงตามการพัฒนาของสังคมต่อไป

๔๐

บรรณานุกรม

ปวริยาลงกรณ์. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา. “ตำราดูลักษณะแมว
และนก ฉบับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวริยาลงกรณ์”. D-
Library | National Library of Thailand, accessed September 6
2022, http://164.115.27.97/digital/items/show/7356.

พระนคร : วัดอนงคาราม. “ตำราดูลักษณะแมว ของวัดอนงคาราม”. Office of
Academic Resources Chulalongkorn University. 2503,
http://adminebook.car.chula.ac.th

พรทิพย์ เฉิดฉินนภา. (7 เมษายน 2565). “แมว” ในภาษาและวัฒนธรรมไทย
, วารสารวิชาการ The New Viridian Journal of Arts, Humanities and
Social Sciences ฉบับสาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ
2(2). 19 - 35

ทักษิณา สุขพัทธี, (2558). อิทธิพลแห่งความเชื่อและศรัทธาสู่การสร้างอัต
ลักษณ์ท้องถิ่นในการออกแบบของที่ระลึกแมวกวักนาโชค มาเนะคิเน
โคะ. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์.
1(1). 9-20. https://so03.tci-thaijo.org

ไทยพีบีเอส. (2563). ลือนาม แมวสยาม ในรายการภาคภูมิไทย ซีซัน 1. สืบค้น
8 กันยายน 2565. จาก https://program.thaipbs.or.th

Thainess TV. (2564). สารคดี ของดีประเทศไทย ตอน แมวไทย มรดกสี่ขา
แห่งสยาม. สืบค้น 8 กันยายน 2565. จาก https://www.youtube.com/

๔๑

บรรณานุกรม

ปวริยาลงกรณ์. สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา. “ตำราดูลักษณะแมว
และนก ฉบับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวริยาลงกรณ์”. D-
Library | National Library of Thailand, accessed September 6
2022, http://164.115.27.97/digital/items/show/7356.

พระนคร : วัดอนงคาราม. “ตำราดูลักษณะแมว ของวัดอนงคาราม”. Office of
Academic Resources Chulalongkorn University. 2503,
http://adminebook.car.chula.ac.th

พรทิพย์ เฉิดฉินนภา. (7 เมษายน 2565). “แมว” ในภาษาและวัฒนธรรมไทย
, วารสารวิชาการ The New Viridian Journal of Arts, Humanities and
Social Sciences ฉบับสาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ
2(2). 19 - 35

ทักษิณา สุขพัทธี, (2558). อิทธิพลแห่งความเชื่อและศรัทธาสู่การสร้างอัต
ลักษณ์ท้องถิ่นในการออกแบบของที่ระลึกแมวกวักนาโชค มาเนะคิเน
โคะ. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์.
1(1). 9-20. https://so03.tci-thaijo.org

ไทยพีบีเอส. (2563). ลือนาม แมวสยาม ในรายการภาคภูมิไทย ซีซัน 1. สืบค้น
8 กันยายน 2565. จาก https://program.thaipbs.or.th

Thainess TV. (2564). สารคดี ของดีประเทศไทย ตอน แมวไทย มรดกสี่ขา
แห่งสยาม. สืบค้น 8 กันยายน 2565. จาก https://www.youtube.com/

๔๒

บรรณานุกรม

ไทยพีบีเอส. (2564). ปรัชญากับความเชื่อจากแมว : Spirit of Asia. สืบค้น 8
กันยายน 2565. จากhttps://www.youtube.com

นักรบ มูลมานัส. (2562). แมวเอ๋ยแมวเหมียว ที่ข้องเกี่ยวกับชาวไทย. สืบค้น
8 กันยายน 2565. จาก https://readthecloud.co

สถาบันไทยศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2562). รายการวิทยุไทยศึกษา
ตำราดูแมว. สืบค้น 8 กันยายน2565. จาก
http://www.thaistudies.chula.ac.th

อิทธิพลแห่งความเชื่อและศรัทธาสู่การสร้างอัตลักษณ์ท้องถิ่นในการออกแบบ
ของที่ระลึกแมวกวักนาโชค มาเนะคิเนโคะ. วารสารมนุษยศาสตร์และ
สังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์.1(1). 9-20.
https://so03.tci-thaijo.org

ไทยพีบีเอส. (2563). ลือนาม แมวสยาม ในรายการภาคภูมิไทย ซีซัน 1. สืบค้น
8 กันยายน 2565. จาก https://program.thaipbs.or.th

Thainess TV. (2564). สารคดี ของดีประเทศไทย ตอน แมวไทย มรดกสี่ขา
แห่งสยาม. สืบค้น 8 กันยายน 2565. จาก https://www.youtube.com/

ประวัติศาสตร์นอกตำรา. (2564). เเมวไทย แมวในตำราโบราณ ควรค่าแก่การ
อนุรักษ์. สืบค้น 8 กันยายน2565. จาก
https://www.youtube.com/watch?v=NuBEpnxFnqY

ไทยพีบีเอส. (2564). วิถีแมวกับโลกที่เปลี่ยนไป : Spirit of Asia. สืบค้น 8
กันยายน 2565. จาก https://www.youtube.com/watch?v=K6U7-

๔๓

บรรณานุกรม

ปัญฑา พัวพิพัฒน์เสลากุล. (2564). วัฒนธรรม “ทาสแมว” : ว่าด้วยเรื่องความ
สัมพันธ์ของมนุษย์กับสัตว์เลี้ยงและกระแสนิยม(รายงานผลการศึกษา).
สารนิพนธ์ – มานุษยวิทยา.

เกรียงไกร ฮ่องเฮงเส็ง. (2563). ประวัติความเป็นมาของการเรียกชื่อสีแบบไทย
โบราณ : กรณีศึกษาหมู่สีดำและสีเทา (The History of Ancient Thai
Color Terms : A Case Study of Black and Gray Tone). วารสาร
ศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 13(2). 305-328

ลักษิกา นุ้ยกุล และจอมขวัญ สุทธินนท์. (2564). ตัวละคร บทพูด และบท
บรรยายในวรรณกรรมเรื่องสั้นเรื่อง “แมวพม่า” ที่สะท้อนอุดมการณ์ถึง
กลุ่มชายขอบในสังคมไทย. วารสารพุทธสังคมวิทยาปริทรรศน์ Journal
of Buddhistic Sociology. 6(1). 19-36

Go Ayutthaya. (2563). การล่มสลายของอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา. สืบค้นเมื่อ
วันที่ 8 กันยายน 2565. จาก https://go.ayutthaya.go.th

รศ. ประภัสสร บุญประเสริฐ. (2535). ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย. (พิมพ์ครั้ง
ที่ 2). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ชูศักดิ์ จรูญสวัสดิ์. (2555). ระบบเศรษฐกิจและพัฒนาการเศรษฐกิจไทย.
(พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ส.เสริมการพิมพ์

วันเพ็ญ อินทรอักษร. (2538). เอกสารประกอบการสอนวิชา 1642102
ประวัติศาสตร์ไทย 3 : ประวัติศาสตร์การปกครอง สังคม เศรษฐกิจ
และความสัมพันธ์กับต่างประเทศก่อนสมัยสุโขทัยจนถึง พ.ศ. 2475.


Click to View FlipBook Version