The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วงจรกลับทางหมุน เขียนแบบไฟฟ้า

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ไฟกด กดไฟ, 2024-03-26 22:17:41

วงจรกลับทางหมุน เขียนแบบไฟฟ้า

วงจรกลับทางหมุน เขียนแบบไฟฟ้า

วงจรกลับทิศทางหมุนของมอเตอร์ 3 เฟส มอเตอร์ 3 เฟส สามารถที่จะกลับทิศทางการหมุนได้โดยสลับสายเมนคู่ใดคู่หนึ่งที่ต่อเข้ากับมอเตอร์ ส่วนอีก เส้นหนึ่งต่อไว้คงเดิม ก าหนดให้ K1 ต่อให้มอเตอร์หมุนขวา K2 ต่อให้มอเตอร์หมุนซ้าย ในวงจรก าลัง ถ้าคอน แทคเตอร์ตัวใดตัวหนึ่งท างานอยู่ อีกตัวหนึ่งจะต้องไม่ท างาน วงจรก าลังซ้ายมือ ถ้าคอนแทคเตอร์ทั้งสองตัว ท างานพร้อมกัน จะเกิดการลัดวงจรระหว่าง L1 กับ L3 วิธีป้องกันไม่ให้ K1 และ K2 ท างานพร้อมกัน ท าได้โดย การต่อคอนแทคปกติปิดของคอนแทคเตอร์ แต่ละตัวไว้ก่อนเข้าขดลวดของคอนแทคเตอร์สลับกัน (เรียกว่า Interlocked contact)มอเตอร์ 3 เฟส สามารถกลับทางหมุนได้โดย การกลับเฟสของสายไฟที่จ่ายให้กับมอเตอร์ จ านวน 2 สาย โดยสามารถที่จะกลับเฟสของสายคู่ใดก็ได้ ที่จ่ายให้กับมอเตอร์ รูปที่ 8.1 แสดงการกลับทางหมุนมอเตอร์ 3 เฟส แมกเนติกคอนแทคเตอร์ แมกเนติกคอนแทคเตอร์หรือแมกเนติกสวิตซ์ เป็นอุปกรณ์ในการตัดต่อไฟฟ้าด้วยการ ใช้วิธีเปิด-ปิด หน้าสัมผัสด้วยการโดยอาศัยอ านาจแม่เหล็กที่ใช้ในการตัด-ต่อวงจร ซึ่งมีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาด 0 ถึง 6 และในตัวของมันเอง นอกจากจะมีคอนแทคส าหรับวงจรก าลังแล้ว จะมีคอนแทคช่วยทั้งปกติปิดและปกติเปิด อีกด้วย ซึ่งอาจจะมีอยู่ 1 หรือ 2 คอนแทคให้เลือกใช้ตามความจ าเป็นของวงจร ควบคุมด้วยหลักการนี้จึงนิยม น ามาใช้กับระบบวงจรของเครื่องปรับอากาศ และน ามาประยุกต์ใช้กับการควบคุมมอเตอร์หรือควบคุมวงจรการ ท างานต่างๆ ส่วนประกอบของแมกเนติกคอนแทคเตอร์นั้นจะประกอบไปด้วย 1. ขดลวดสนามแม่เหล็ก (Coil) 2. สปริงผลัก (Moving Contact Spring) เป็นการผลักออกเมื่อไม่มีกระแสไฟไปเลี้ยง Coil แกนเหล็ก (Moving Core) ที่เคลื่อนได้ 3. หน้าสัมผัสตัดต่อวงจร (Contact)


หลักการท างานแมกเนติกคอนแทคเตอร์ แมกเนติกคอนแทคเตอร์ มีหลักการท างาน คือ เมื่อเกิดกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้ามาสู่วงโคจร โดยเริ่มจาก เมื่อไหลผ่านขดลวดที่เป็นสนามแม่เหล็ก ก็จะเกิดเป็นสนามแม่เหล็ก เมื่อมีแรงแม่เหล็กเกิดขึ้นแล้วก็จะท าให้สปริง ดึงแกน Stationary Core ให้มาอยู่ที่เปิด (On) และคอนแทคทั้ง 2 ชุดก็จะท างานโดยคอนแทคที่ปิดจะเริ่มเปิด ให้วงจรจุดสัมผัสเปิดออก จากนั้นคอนแทคเปิดก็จะต่อเข้ากับวงจรที่เป็นจุดสัมผัส และหากไม่มีไฟฟ้าไหลผ่าน ขดลวด สนามแม่เหล็กก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยจะหมุนวนเวียนเช่นนี้เรื่อยไป อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้ แมกเนติกคอนแทคเตอร์ท างานได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ควรเลือกหาแมกเนติกคอนแทคเตอร์ ที่เหมาะกับ เครื่องใช้หรืออุปกรณ์นั้นๆ รวมทั้งอุปกรณ์เสริมของแมกเนติกคอนแทคเตอร์ ก็ต้องเหมาะสม จึงจะท าให้ท างานได้ อย่างเต็มความสามารถ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหากับผู้ใช้งานน้อยที่สุด รูปที่ 8.2 แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ชนิดต่าง ๆ ชนิดและขนาดของแมกเนติกคอนแทคเตอร์ไฟสลับ คอนแทคเตอร์ที่ใช้กับไฟกระแสสลับ แบ่งออกเป็น 4 ชนิดตามลักษณะของโหลด และการใช้งาน คือ AC1, AC2, AC3 และ AC4 AC1 : เป็นคอนแทคเตอร์ที่เหมาะส าหรับโหลดที่เป็นความต้านทาน หรือในวงจรที่มีค่าอินดัคที่ฟน้อย ๆ AC2 : เป็นคอนแทคเตอร์ที่เหมาะส าหรับใช้กับโหลดที่เป็นสปริงมอเตอร์ AC3 : เป็นคอนแทคเตอร์ที่เหมาะส าหรับใช้สตาร์ทและหยุดโหลดที่เป็นมอเตอร์กรงกระรอก AC4 : เป็นคอนแทคเตอร์ที่เหมาะส าหรับการสตาร์ท-หยุดมอเตอร์ วงจร Jogging และกลับทางหมุนของ มอเตอร์แบบโรเตอร์กรงกระรอก


ขนาดของคอนแทคเตอร์นิยมเรียกเป็น size 0, size 1, size 2, ...เป็นต้น size ซึ่งตามด้วย ตัวเลขที่มีค่า มากกว่าจะแสดงถึงขนาดของคอนแทคเตอร์ที่ใหญ่กว่า รีเลย์ช่วย (Auxiliry Relay) บางทีเรียกว่า รีเลย์ควบคุม (Control relay) ลักษณะการท างานเหมือนกับคอนแทคเตอร์ทั่วๆ ไป ต่างกันที่คอนแทคของรีเลย์ช่วยทนกระแสได้ต่ า เพราะฉะนั้นจะน าไปต่อเข้ากับโหลดขนาดใหญ่ไม่ได้ อักษรก ากับอุปกรณ์จะมีตัว A ตามหลัง เช่น K2A เพื่อ แสดงหน้าที่ว่าเป็นตัวช่วยในการควบคุม ฟิวส์ส าหรับการป้องกันสายย่อยของมอเตอร์ F1 เป็นฟิวส์ที่ต่อไว้ในวงจรก าลังเพื่อท าหน้าที่ ป้องกันสาย หากเกิดการลัดวงจรของวงจรก าลัง ในกรณีที่มอเตอร์มีการป้องกันด้วยโอเวอร์โหลดอยู่ แล้ว ขนาดของ F1 ขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และวิธีการ สตาร์ทมอเตอร์ซึ่งกินกระแสสตาร์ทไม่เท่ากัน F2 เป็นฟิวส์ซึ่งมีไว้ส าหรับป้องกันสายของวงจรควบคุม ขนาดของฟิวส์ขึ้นอยู่กับขนาดของสาย ที่ใช้ใน วงจรควบคุมโดยจะต้องมีค่ากระแสต่ ากว่ากระแสสูงสุดที่สายทนได้ ฟิวส์ของวงจรควบคุมจะต่ออยู่หลังฟิวส์ ของวงจรก าลัง ข้อดีของการต่อแบบนี้ จะช่วยท าให้วงจรควบคุมไม่สามารถท างานได้กรณี ฟิวส์ก าลังเส้น นั้นขาด หรือไฟฟ้าไม่ครบเฟสในสายเส้นนั้น ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายให้กับมอเตอร์


การต่อสายจ่ายไฟย่อยเข้ากับสายเมน ในแบบ Schematic diagram ของวงจรก าลัง จุดต่อสายไฟย่อยเข้ากับสายเมน แสดงด้วยสัญลักษณ์ 1 ที่ จุดต่อสายป้องกัน (จุด PE) แสดงว่า อุปกรณ์ไฟฟ้านั้นได้มีการต่อสายป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ารั่วเข้ากับจุด PE แล้ว ลักษณะการต่อสายระบบป้องกัน (PE) แบบที่ใช้เขียนวงจรการควบคุมมอเตอร์ด้วยคอนแทคเตอร์ แบบที่ใช้เขียนวงจรที่เกี่ยวกับการควบคุมมอเตอร์ แบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด คือ 1. แบบงานจริง (Working Diagram) รูปที่ 8.3 แสดงเขียนแบบงานจริง (Working Diagram) วงจรควบคุมมอเตอร์ด้วยคอนแทคเตอร์


แบบชนิดนี้จะเขียนคล้ายลักษณะงานจริง คือ ส่วนประกอบของอุปกรณ์ใด ๆ จะเขียนเป็นชิ้นเดียว ไม่ แยกออกจากกัน เช่น การเขียนสัญลักษณ์ของสวิตซ์ปุ่มกด S1, S2 และคอนแทคเตอร์ การเขียนจุดต่อสาย ต่าง ๆ จะต่อกันที่จุดเข้าลักษณะของงานจริง ๆ (สังเกตการณ์เข้าสายที่จุดต่อ 23 และจุด 3 ของคอนแทคเตอร์ K1) 2. แบบแสดงการท างาน (Schematic Diagram)


รูปที่ 8.4 เขียนแบบแสดงการท างาน (Schematic Diagram) แบบแสดงการท างาน แบ่งตามลักษณะวงจรได้เป็น 2 แบบ คือ 2.1 แบบแสดงการท างานของวงจรก าลัง (Power Circuit) แบบชนิดนี้เป็นการน าเอาเฉพาะส่วนของวงจรก าลังมาเขียนเท่านั้น ดังนั้น อุปกรณ์บางชิ้นจึงตัดส่วนที่ ไม่เกี่ยวข้องออก เช่น โอเวอร์โหลดรีเลย์ จะไม่เขียนส่วนที่เป็นคอนแทค ซึ่งใช้ส าหรับวงจรควบคุม ส่วนสาย ต่าง ๆ ที่ต่อถึงกันจะแสดงด้วยจุดต่อทึบและจากจุดต่อแต่ละจุดจะลากเพียงสายเดียวไปเข้าจุดต่อสายของอุปกรณ์ 2.2 แบบแสดงการท างานของวงจรควบคุม (Control Circuit) แบบนี้ได้จากการจับต้นและปลายของวงจรควบคุมในแบบงานจริง ยืดออกเป็นเส้นตรง สายแยกต่าง ๆ จะเขียนในแนวดิ่งและแนวระนาบเท่านั้น ส่วนประกอบของอุปกรณ์ เช่น คอนแทคของสวิตซ์หรือคอนแทคของ โอเวอร์โหลด จ าน ามาเขียนเฉพาะส่วนที่ใช้ในวงจรควบคุมเท่านั้น ส่วนคอนแทคของรีเลย์หรือคอนแทคเตอร์ สามารถเขียนแยกกันอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของวงจรได้ โดยจะเขียนก ากับด้วยอักษรและตัวเลข ให้รู้ว่าเป็นของคอน แทคเตอร์ตัวใด


Click to View FlipBook Version