The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเลี้ยงกุ้งขาว ด้วยระบบน้ำหมุนเวียนที่มีความปลอดภัยทางชีวภาพ ป้องกันการระบาดของโรคจากภายนอก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by warong56, 2021-11-09 05:58:26

การเลี้ยงกุ้งขาว ด้วยระบบน้ำหมุนเวียนที่มีความปลอดภัยทางชีวภาพ ป้องกันการระบาดของโรคจากภายนอก

การเลี้ยงกุ้งขาว ด้วยระบบน้ำหมุนเวียนที่มีความปลอดภัยทางชีวภาพ ป้องกันการระบาดของโรคจากภายนอก

คุณจรูญ ทรัพยศิริ รองประธานกลุมเกษตรกร
ทําการประมงพัฒนาเกษตรพอเพียง 49 ตําบลโรงเข
จงั หวดั สมทุ รสาคร เปน เกษตรกรผเู ลย้ี งกงุ ทมี่ ปี ระสบการณ
มากกวา 20 ป เดิมคุณจรูญประกอบอาชีพทําสวนและ
เร่ิมเห็นวาอาชีพการเล้ียงกุงเปนอาชีพท่ีทํารายไดและ
เปน อาชพี ทม่ี น่ั คง เรมิ่ เลย้ี งกงุ กลุ าดาํ มาตงั้ แตป  พ.ศ. 2543
แตการเลี้ยงกุงกุลาดําชวงหลังประสบปญหาโรคระบาด
อยางรุนแรง จึงเปลี่ยนมาเล้ียงกุงขาวแวนนาไม ต้ังแตป
พ.ศ. 2550 เรม่ิ แรกเดมิ ทสี ง่ิ แวดลอ มดี นาํ้ ดี แรธ าตใุ นดนิ สงู
เล้ียงกุงในบอดิน นํ้าไมไดถายเลนไมไดดูด เพราะเปน
พ้ืนที่ใหม พอหลังจากนั้นอีก 2 ป การเล้ียงกุงก็จะเร่ิม
ถดถอย คุณจรูญไดทดลองนําระบบน้ําหมุนเวียนมาใช
ภายในฟารม เนื่องจากระบบน้ําหมุนเวียนเปนระบบที่มี
ความปลอดภยั ทางชวี ภาพ และเรยี นรทู าํ จนเกดิ ความมน่ั ใจ
ปรับระบบการเลี้ยงแบบพัฒนาเต็มรูปแบบ จนสามารถ
แกปญหาการระบาดของโรคจากภายนอกและสามารถ
เลย้ี งกงุ ขาวแวนนาไมไดป ระสบความสาํ เรจ็ อยา งตอ เนอื่ ง
อีกทั้งฟารมเล้ียงกุงของคุณจรูญเปนฟารมพัฒนาและ
ทันสมัย นําพลังงานแสงอาทิตยมาชวยในดานการ
ลดตนทุนการเล้ียง โดยการนําแผงโซลาเซลลมาใชกับ
เครอื่ งตีน้ํา ทาํ ใหตนทนุ พลังงานลดลง

1



ดังน้ัน การนํารูปแบบการเล้ียงกุงขาวแวนนาไม
ระบบน้ําหมุนเวียนท่ีมีความปลอดภัยทางชีวภาพ
เนนการเตรียมนํ้าใหมีคุณภาพเพ่ือใชภายในฟารม
มีระบบควบคุมการดูดของเสีย ท้ังตะกอนหนักและ
ตะกอนเบาออกจากบอ ระบบนาํ้ หมนุ เวยี นประกอบดว ย
(1) บอ เลยี้ ง (2) บอ ตกตะกอนหนกั (3) บอ ตกตะกอนเบา
(4) บอ ฆา เชอ้ื นาํ้ และ (5) บอพรอ มใช

มีการนําหัวเช้ือจุลินทรีย ปม.1 (กรมประมง)
ทปี่ ระกอบดว ย Bacillus subtilis, B. licheniformis และ
B. megaterium ซ่ึงเปนจุลินทรียที่ใชบําบัดคุณภาพ
ดิน นา้ํ และการใชนาํ้ หมกั สบั ปะรดเปน แหลง จลุ ินทรยี 
ทม่ี ปี ระโยชน นาํ มาใชเ พอื่ ทดแทนการใชย าและสารเคมี
ในการควบคมุ เชอื้ กอ โรค ในชว งของการเตรยี มบอ จนถงึ
วนั จับ

พื้นท่ฟี ารมท้ังหมด 126 ไร แบงเปนบอ เล้ยี งขนาด
ประมาณ 2–3 ไร จํานวน 18 บอ ผลผลิตอยูระหวาง
3–5 ตันตอไร ตนทุน 120 บาทตอกิโลกรัม ไดกุงขาว
ขนาด 25–35 ตัวตอกิโลกรัม อัตรารอดอยูระหวาง
รอยละ 90–100 และอัตราแลกเนื้อ (FCR) อยูระหวาง
1.2–1.3 นบั ไดว า คณุ จรญู เปน เกษตรกรสมยั ใหมและเปน
ผปู ระสบความสาํ เรจ็ ในการเลยี้ งกงุ ขาวแวนนาไมในพ้ืนที่
อาํ เภอบา นแพว จังหวดั สมุทรสาคร จนถงึ ปจ จุบนั

3

ทเ่ี ลยี้ งแบ‹งเปนš บอ‹ ตา‹ งๆ

บ‹อฆ‹าเชอ้ื

บอ‹ พรอŒ มใชŒ บเบ‹อาตกตะกอน

หลตมุ ะดกดูอน

บอ‹ เลย้ี ง

บ‹อตกตะกอน
หนัก

ใบตแี บบส้ัน ตีกลางวัน
ใบตีแบบยาว ตรี วมตะกอนกลางคนื

4

ของโรคทพ่ี บในพื้นท่ี

ปญหาวิกฤตท่ีพบเจอในการเล้ียงกุงขาวแวนนาไมในพ้ืนท่ีอําเภอ
บา นแพว จงั หวดั สมทุ รสาคร ทส่ี าํ คญั คอื โรคขขี้ าว โรคหวั เหลอื ง และ
โรคตายดว น (EMS)

1 โรคข้ีขาวในกŒุงขาวแวนนาไม

โรคข้ีขาวในกุงขาวแวนนาไม อาการขี้ขาวในกุงกลายเปนโรค
ประจําถิ่น ซ่ึงจะเปนท้ังปในพ้ืนที่อําเภอบานแพว จังหวัดสมุทรสาคร
โดยโรคขข้ี าวถา เปน แลว กงุ จะไมโ ต โตชา และทยอยตาย ถา พบในชว งกงุ
อายุ 60–70 วัน กย็ ังสามารถจบั ขายไดก าํ ไร แตถ ามาพบในชวงกุง อายุ
30–40 วัน โอกาสในการขาดทุนจะมีสูง วิธีแกไขตามแนวความคิดของ
คุณจรูญคือตองเตรียมน้ําใหสะอาด ซ่ึงน้ําเล้ียงสะอาดสําคัญมาก
ในการเลี้ยงกงุ ขาวใหผา นโรคขีข้ าว

5

2 โรคหวั เหลือง (Yellow head disease)

โรคหัวเหลือง (Yellow head disease) หมายถึง โรคในกุงทะเล
ที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสหัวเหลือง (Yellow Head Virus; YHV)
เกดิ จากการใหอ าหารมากเกินไปในชวงเดอื นแรก ทาํ ใหพ น้ื บอมีของเสยี
สะสมมาก จะมาเปน บางฤดูกาล อยา งเชน ชวงอากาศรอนจัด ๆ แลว มี
ฝนตกลงมา แตกุงท่ีเลี้ยงในฟารมของคุณจรูญไมเปนโรคหัวเหลือง
เพราะใชว ธิ ีกางมงุ คลมุ ท้งั บอไมใ หพาหะนาํ เชอื้ YHV พวกนกหรอื แมลง
เขา ไปในบอ ควบคุมปริมาณอาหารกุงใหเหมาะสม เลอื กลูกกุงท่แี ข็งแรง
และมรี ะบบการเลย้ี งทสี่ ามารถลดปรมิ าณสารอนิ ทรยี ส ว นเกนิ ในบอ เลย้ี ง
ใหอ ยใู นระดบั ทเี่ หมาะสม มรี ะบบควบคมุ การดดู ของเสยี ทงั้ ตะกอนหนกั
และตะกอนเบาออกจากบอ ทําใหสารอนิ ทรยี ถูกกาํ จดั ออกจากบอกอน
ที่น้าํ จะเนา เสีย

3 โรคตายด‹วน (EMS)
โรคตายดวน (EMS) หรือ Acute Hepatopancreatic Necrosis
Disease; VVpibAHriPoND หมายถึง โรคในกุงทะเลท่ีมีสาเหตุจากการติดเชื้อ
แบคทีเรีย parahaemolyticus สายพันธุกอโรค กุงทะเลท่ีปวย
มักพบตับและตับออนลีบฝอ ภายในมีปริมาณเม็ดไขมันนอยผิดปกติ
โดยฟารม เลยี้ งรอบขา งมกั จะพบปญ หาการตายจากโรค EMS เพราะไมม ี
ทกา่ีเจรรปิญอ งดกีในันนแํ้าลทะะตเรลวจใสนอเขบตคเณุ ล้ียภงากพุงลอกู ํากเงุภไอมบด าพี นอแเพชวอ้ื เลVp้ียAงHทPN่ีคDวซาง่ึ มเปเคน ็มเชตอื้ํ่า
จงึ ไมเจอโรค EMS แตพ บบางในชวง 2 ปหลงั ที่ผา นมา

6

การเตรียมนํ้า

เพื่อใชเŒ ลยี้ งกŒุงขาว ในระบบนาํ้ หมุนเวียน
ที่มคี วามปลอดภยั ทางชวี ภาพ จากคลองธรรมชาติ

ข้ันตอนท่ี 1
สูบนํ้าจากคลองธรรมชาติใกลกับบริเวณของฟารมเขาไปเก็บไวใน

บอตกตะกอนท่ีปูดวย PE บริเวณขอบบอ นํ้าในคลองธรรมชาติจะมี
ความเคม็ ประมาณ 0–3 ppt โดยเฉพาะชวงหนารอ น ความเค็มจะเพม่ิ
สงู ขนึ้ แตไมเกิน 3 ppt
ข้นั ตอนท่ี 2

สูบนํ้าจากบอตกตะกอนท่ีใสแลวมายังฆาเชื้อ (บอทรีต) โดยจะ
ฆา เชอ้ื นาํ้ ดว ยคลอรนี ในอตั ราสว น 25 กโิ ลกรมั ตอ ไร และจะเรม่ิ ฆา เชอ้ื นาํ้
ชว งเวลากลางคืนในชว ง pH ตํา่ และตีนาํ้ ไว 2 วนั 2 คืน น้ําจะใสและ
คลอรีนหมดไป จากน้ันจะสูบน้ํามายังบอพรอ มใชตอไป ซึ่งบอพรอมใช
ยงั ไมใ ชบ อ เลย้ี ง โดยจะเตมิ สนี า้ํ วทิ ยาศาสตรห รอื สนี า้ํ เทยี มลงไปเพอ่ื ปรบั
สนี า้ํ ในกรณที น่ี า้ํ ใสเกนิ ไป ซง่ึ ถา หากบอ เลยี้ งตากบอ จนแหง แลว กส็ ามารถ
นาํ นาํ้ จากบอ พรอ มใชม าลงไดเ ลย สาํ หรบั การตากบอ นนั้ จะตากประมาณ
2 เดือน ชว งเดอื นพฤศจิกายน–ธนั วาคม โดยจะฉีดลา งบอ ดวยโซดาไฟ
(Sodium Hydroxide) เนื่องจากเปน บอ PE แบบไมไ ดซ ีนทัง้ บอ จงึ ตอ ง
ตากบอเปนระยะเวลานาน ซึ่งบอ PE ท่ีไมไดซีนน้ันอาจจะมีรอยร่ัว
เกิดข้ึนภายในบอ ได

7

แนวคิดของการจัดการ

เลีย้ งกŒุงขาวในระบบนํา้ หมนุ เวยี นท่ีใชภŒ ายในฟารม

บอ‹ ฆ‹าเชอื้ บ‹อฆ‹าเชื้อ บอ‹ พรอŒ มใชŒ

บ‹อตกตะกอน บ‹อตกตะกอน บอ‹ ตกตะกอน
เบา หนัก เบา

บอ‹ เล้ยี ง บ‹อเล้ียง บอ‹ เลย้ี ง บอ‹ เล้ยี ง

8

1. บ‹อเล้ียง มีขนาด 2–3 ไร เปนบอที่มีลักษณะลาดเอียงลงสู
จุดศูนยกลาง มีการขุดหลุมลึกที่มีความลาดชันของหลุมประมาณ
45 องศา พรอ มวางทอ ขนาด 3 นวิ้ เพ่อื ดดู ของเสยี และสิง่ ตกคา งตาง ๆ
ท่อี ยูในบอเลีย้ งออกไปสบู อตกตะกอน ทัง้ บอ ตกตะกอนหนักและบอตก
ตะกอนเบา

2. บอ‹ ตกตะกอนหนัก มีขนาด 1 งาน เปน บอ ทรี่ องรบั ของเสีย
จากหลุมกลางบอของบอเล้ียง ซึ่งในบอจะมีปลาดุกเพื่อชวยกําจัดซาก
ของเปลือกกุง คอยคุยตะกอนกนบอและกินเศษอาหารท่ีเหลือ โดยนํ้า
จากบอ เลีย้ งจะมีการดูดตะกอนจากหลมุ ผานทอ PVC ขนาด 3 น้ิว

3. บ‹อตกตะกอนเบา มีขนาด 1 งาน เปนบอที่ดูดน้ําบริเวณ
กลางหลุมกลางบอของบอเลยี้ ง ลกึ จากผวิ นํา้ ประมาณ 120 เซนติเมตร
เพื่อเปนการถายน้ําในบอเลี้ยง โดยการนํานํ้าในสวนน้ีไปตกตะกอน
ในบอตกตะกอนเบา ซง่ึ ในบอ น้ีจะมีปลานลิ ปลาตะเพียน ปลายส่ี ก และ
ปลาดกุ คยุ ตะกอนกน บอ และกนิ เศษอาหารทเี่ หลอื เปน การบาํ บดั นาํ้ ดว ย
วิธีธรรมชาติ เพ่ือใหสารแขวนลอย ของเสีย และตะกอนส่ิงตกคาง
ถูกกําจัดออก มีระบบเติมอากาศเพ่ือชวยในการเพิ่มออกซิเจนและ
บาํ บดั น้ํา กอ นจะถูกหมนุ เวยี นน้ําไปยังบอ ฆา เชอื้ น้ําตอ ไป

4. บ‹อฆ‹าเชือ้ นํา้ (บอ‹ ทรตี นา้ํ ) มีขนาด 2 ไร เปน บอ ที่รบั นาํ้ เสีย
จากบอตกตะกอนเบา และฆาเช้อื นาํ้ ดว ยคลอรนี 65% ชนิดผง (Calcium
Hypochloride) ในอัตราสวน 25 กิโลกรัมตอไร โดยจะเร่ิมฆาเช้ือน้ํา
ชวงเวลากลางคืนในชว ง pH ตา่ํ และตนี ํ้าไว 2 วัน 2 คนื น้ําจะใสและ
คลอรนี หมดไป จึงจะเริ่มสูบนาํ้ มายังบอพรอ มใชต อไป

9

5. บ‹อพรอŒ มใชŒ มขี นาด 3 ไร เปนบอ ท่ีรบั นํา้ มาจากบอฆา เช้อื นํา้
พรอมท่ีจะเติมใสบอเลี้ยง ซ่ึงบอพรอมใชยังไมใชบอเล้ียง มีการเติม
สีนํ้าเทียมลงไปเพ่ือปรับสีนํ้าในกรณีท่ีนํ้าใสเกินไป และจะใสปูนมารล
ในอตั ราสว น 7 ตนั ตอ บอ 3 ไร ซง่ึ ในหนงึ่ ปจ ะใสเ พยี งครงั้ เดยี วเพอื่ เปน การ
สรา งแรธ าตใุ นบอ พรอ มใช นาํ้ พรอ มใชจ ะมคี วามเคม็ อยรู ะหวา ง 0–5 ppt
บอเลย้ี งที่ตากบอจนแหง แลวกจ็ ะนาํ นํ้าจากบอ พรอ มใชมาเติมไดเ ลย

บ‹อเลย้ี ง

10

บอ‹ ตกตะกอนหนกั

บอ‹ ตกตะกอนเบา

11

บ‹อฆ‹าเชอ้ื

บอ‹ พรŒอมใชŒ

12

ของการเลี้ยงกงŒุ ขาว

1. การเตรียมบอ‹ เล้ยี งกŒงุ ขาว

1.1 กรณที เ่ี ตรยี มบอ ใหม
ควรวางแผนผังบอใหเหมาะสม โดยตองคํานึงถึงขนาดบอเล้ียง
บอพกั นา้ํ ใหเ หมาะสม ในอัตราสว น บอ เลีย้ ง : บออน่ื ๆ คือ 30 : 70
หลังจากจับกุงเสร็จแลวใชเคร่ืองขัดคราบของบอหรือในทอ ฉีดลางดวย
โซดาไฟ อุปกรณทุกอยางในบอฆาเชื้อโรคดวยไอโอดีนกอนจะลงลูกกุง
ชดุ ใหม และตากบอทงิ้ ไวน าน 15–60 วนั

13

1.2 กรณที เี่ ลย้ี งกงุ ไมผ า น (มกี งุ ตายระหวา งการเลย้ี ง) เสยี หาย
จากโรคระบาด

ในกรณีท่ีกุงในบอเปนโรคหัวเหลือง จะทําการลงยาฆาเชื้อหมด
ท้ังบอ รวมไปถงึ กุงทอ่ี ยใู นบอ ดวย เพื่อไมใ หเช้อื กระจายไปสูบอ อ่ืนหรือ
ในแหลงนํ้า ระยะเวลาในการฆาเช้ือและพักไวประมาณ 21–22 วัน
หลังจากน้ันจะใสคลอรีน หลังจากคลอรีนสลายแลว ใชจุลินทรีย ปม.1
(กรมประมง) นําน้าํ ในบอ ไปฆาเชือ้ ในบอ ฆาเชอื้ นํา้ อีกครง้ั

ในสวนของอาการโรคขี้ขาวและโรค EMS น้ันสามารถเลี้ยงตอได
หลังจากเก็บเก่ียวผลผลิต โดยจะตากบอใหนานข้ึน อาจใชเวลานานถึง
3 เดอื น เพราะมโี อกาสทเ่ี ชอ้ื โรคจะฝง อยใู นดนิ จงึ ทาํ ใหต อ งมกี ารตากบอ
และทาํ ความสะอาดฆา เชอื้ นานกวาปกติ

2. การเตรียมนาํ้

ในตอนทสี่ บู นา้ํ จะใชก ารกรองทงั้ หมดโดยใชม งุ ขาวและมงุ ฟา 2 ชนั้
เติมน้ําจากบอพรอมใชลงในบอเล้ียงใหไดระดับนํ้า 150 เซนติเมตร
สําหรับระบบใหอากาศภายในบอเล้ียงจะมีแบบใบพัดตีนํ้า และแบบ
เคร่อื งพนอากาศใตนํา้

ในสวนของใบพัดตีนํ้าจะมีอยู 2 ชุด ชุดท่ีเปนใบพัดตีน้ําแบบ
แขนยาว จะเปด ใชง านในชว งเวลากลางคนื เพอ่ื รวมตะกอน ขก้ี งุ คราบกงุ
ใหรวมอยใู นหลมุ บริเวณกลางบอ สวนทเ่ี ปน ใบพดั ตีนํา้ แบบแขนสั้น และ
ระบบใหอ ากาศแบบเครอ่ื งพน อากาศใตน าํ้ จะไมเ ปด ใชใ นชว ง 1–30 วนั แรก
จะเริม่ เปด ใชงานในชว งท่ีกงุ มีขนาดใหญจนถงึ จับ

14

หลังจากเติมนํ้าจากบอพรอมใชลงในบอเลี้ยงใหไดระดับน้ํา 150
เซนตเิ มตร ปรบั นา้ํ เคม็ ใหไ ด 5 ppt ทาํ การฆา เชอื้ ดว ยคลอรนี ในอตั ราสว น
25 กิโลกรัมตอไร จากนั้นใชดางทับทิมในอัตราสวน 10 กิโลกรัมตอไร
เปดใบพัดตีนํ้าจนน้ําใส ใชเวลาประมาณ 3–5 วัน เติมจุลินทรีย ปม.1
(กรมประมง) และนาํ นา้ํ ไปตรวจการปนเปอ นของเชอ้ื โรคในนาํ้ ซง่ึ จะตอ งไมม ี
เช้อื กอโรค ตรวจวัดคุณภาพนํา้ ใหไดตามเกณฑท่ีกําหนดจึงจะสามารถ
ปลอยลูกกุงได โดยในการเลี้ยงชวงเดือนแรกจะไมมีการถายน้ํา แตจะมี
การเติมน้ําแทนนา้ํ ท่ดี ดู ออกไปไวใ นบอตกตะกอน

3. การปล‹อยลูกกŒงุ

สําหรับวิธีการทดสอบลูกกุงกอนปลอยลงเลี้ยงในบอ จะใชวิธีการ
ตกั นาํ้ จากบอ ทเ่ี ตรยี มไวม าทดสอบกบั กงุ ทน่ี าํ มาสง ทดสอบความแขง็ แรง
จากพฤติกรรมโดยการสังเกตหรือการเคล่ือนไหวดวยการกวนนํ้าให
หมุนวนอยูในกะละมัง ใชเวลาประมาณ 5 นาที ลูกกุงท่ีดีและแข็งแรง
จะวา ยทวนนาํ้ และดดี ตวั วา ยตามขอบขา ง ๆ กะละมงั สว นลกู กงุ ทอ่ี อ นแอ
จะไปรวมตัวกนั เปนกองตรงกลาง ตองเช็กลกู กุงทกุ ถังดว ยวิธนี ้ี ถาลูกกุง
ไมแขง็ แรงจะตีกลบั และจะไมย อมปลอยลงเลี้ยง

ลูกกุงตองเปนลูกกุงจากฟารมท่ีไดรับมาตรฐาน GAP ของ
กรมประมง หรือมาตรฐานสินคา เกษตร มกษ. 7422 โดยลูกกงุ ตอ งผา น
การตรวจหาเช้ือกอโรคในกุงทะเล คือ WSSV, IHHHNV, YHV, TSV,
IMNSV, DIV1 (SHIV), EHP และ Vibrio parahaemolyticus (VpAHPND)
จากหนว ยงานท่ีเชือ่ ถือได เชน ศนู ยฯ ภายใตส ังกัดกรมประมง เปนตน

15

4. การตรวจวดั คุณภาพนาํ้

ทาํ การตรวจวดั คณุ ภาพนาํ้ ของนาํ้ ในบอ เลย้ี งกงุ เปน ประจาํ อยา งนอ ย
สัปดาหละคร้ัง ในชวงทาย ๆ ของการเล้ียงจะทําการวัดคุณภาพนํ้า
บอยคร้ังขึ้น เน่ืองจากการใหอาหารกุงมีปริมาณมากขึ้น จึงตองมีการ
ตรวจสอบเพอื่ ทําการควบคมุ คณุ สมบัตินา้ํ ใหเ หมาะสม

สาํ หรบั เกณฑค ณุ ภาพนาํ้ ภายในบอ เลย้ี งของฟารม คา DO ไมต าํ่ กวา
5 มิลลิกรัมตอ ลติ ร ปกติคา DO จะวัดได 7 มลิ ลิกรมั ตอ ลติ ร คาความ
เปน กรดเปนดาง (pH) อยูระหวา ง 7.5–8.2 โดยวดั ทัง้ ตอนเชา และบาย
คาแอมโมเนีย 0 มิลลิกรัมตอลิตร และคาไนไตรท 0 มิลลิกรัมตอลิตร
คาแคลเซียมไมต่ํากวา 200 มิลลิกรัมตอลิตร คาแมกนีเซียมสูงกวา
200 มิลลกิ รัมตอ ลิตร คา โพแทสเซียมไมต ่าํ กวา 30 มิลลิกรัมตอ ลิตร และ
คา อัลคาไลน 150–170 มลิ ลกิ รัมตอลติ รขนึ้ ไป

เมอ่ื พบปรมิ าณแอมโมเนยี หรอื ไนไตรทใ นนา้ํ สงู เกนิ คา ทเี่ หมาะสม
แสดงวามีการตกคางของสารอินทรียในบอเลี้ยง เชน อาหารเหลือจาก
การใหก งุ กนิ สง่ิ ขบั ถา ยในรปู ทลี่ ะลายอยใู นนาํ้ ซากสง่ิ มชี วี ติ เลก็ ๆ ภายใน
บอเลี้ยง จะตองดําเนินการถายน้ําจากบอเลี้ยงและเติมจุลินทรีย ปม.1
(กรมประมง) เพ่ือชว ยยอยสารอินทรยี ในนาํ้

5. การตรวจเชก็ ปรมิ าณอาหารใหเŒ หมาะสมกบั ความตŒองการ
ของกงŒุ ขาว

การใหอ าหารจะเปน ระบบการใหอ าหารแบบอตั โนมตั ิ หยดุ 5 นาที
หวานอาหาร 1 นาที เฉพาะในชวงเวลา 06.00–18.00 น. ยอเช็กอาหาร
จะต้ังหางจากจุดหวานอาหาร 2 เมตร ถาอาหารในยอเหลือ ใหเพ่ิม
ระยะหางในการหวานอาหารรอบใหม ถาอาหารหมดสามารถกดหวาน

16

เพ่ิมขึ้นไดอีกคร้ังหลังจากเช็กยอ โดยใหความสําคัญกับการเช็กยอ
เพราะการใหอ าหารในปรมิ าณทพ่ี อดแี ละแมน ยาํ สามารถปอ งกนั การเกดิ
โรคขข้ี าวและโรคในกงุ ทะเลได

6. การใชจŒ ุลินทรยี  ปม.1 (กรมประมง)

โดยกอ นปลอ ยกงุ ลงในบอเลยี้ งจะใสจ ลุ นิ ทรยี  ปม.1 (กรมประมง)
ลงในบอกอน สําหรับความถี่ในการใสจุลินทรีย ปม.1 (กรมประมง)
นัน้ จะใชสัปดาหละ 3 คร้งั ในชว งทก่ี งุ มีขนาดเล็ก และใชทกุ วนั ในกรณที ่ี
กงุ มีอายุ 60 วันข้นึ ไป จนจบั ได โดยขยายจุลนิ ทรยี  ปม.1 (กรมประมง)
จาํ นวน 1 ซอง นา้ํ สะอาด 250 ลติ ร ตอบอ เลยี้ งขนาด 2–3 ไร ใชอ าหาร
กงุ เบอร 0 จํานวน 0.5 กโิ ลกรมั และกากน้าํ ตาล 0.5 ลติ ร เปนระยะเวลา
36 ชวั่ โมง และใหอ ากาศผานหัวทราย

7. การเตรยี มนาํ้ หมักสับปะรด และการนาํ ไปใชŒ

สับปะรดลางจนสะอาด ปนท้ังเปลือก 30 กิโลกรัม กากนํ้าตาล
10 กิโลกรัม นมเปรี้ยว 1 ลิตร ปดถังหมักดวยฝาถังเพื่อไมใหน้ําเขา
และไมใ หอ ากาศลงไปสมั ผสั หลงั จาก 30 วนั จะไดห วั เชอ้ื นา้ํ หมกั สบั ปะรด

นาํ หวั เชอ้ื นาํ้ หมกั สบั ปะรดท่ีไดม าขยายตอ โดยใชหวั เชอ้ื 10 ลิตร
กากนา้ํ ตาล 10 ลติ ร นมเปร้ยี ว 830 มิลลิลติ ร อาหารกุงเบอร 0 จํานวน
100 กรัม เตมิ นํา้ ใหเ ต็ม 500 ลิตร ตง้ั ในที่รม ปด ฝา ไมตองใหอ ากาศ
หลังจากนั้น 30 วัน สามารถนําน้ําหมักไปใชได ใสลงไปในนํ้าสาดให
ทวั่ ๆ บอ เชน อาหารกงุ ท่ีให 1 กิโลกรมั ใชนา้ํ หมักสับปะรด 100 ลิตร
ในกรณีท่ีจุลินทรีย ปม.1 (กรมประมง) ไมพอ จะใชน้ําหมักสับปะรด
สลับกบั จลุ นิ ทรีย ปม.1 (กรมประมง)

17

การเตรียมนํา้ หมัก
สบั ปะรด

18

8. การใชŒกระเทยี มสดผสมในอาหารสาํ เรจ็ รูป

กระเทยี มสดปอกเปลอื ก ลา งนาํ้ จนสะอาด 0.5 กโิ ลกรมั นาํ้ สม สายชู
350 มิลลลิ ติ ร ผสมในอาหารสาํ เร็จรปู 25 กิโลกรัม คลกุ เคลาใหท ั่วและ
ผ่ึงใหแ หงประมาณ 15 นาที ใหกุง กนิ วันละ 1 มอ้ื โดยเรมิ่ ใหตงั้ แตก ุง อายุ
1 วัน ถงึ 60 วัน

9. การกําจดั ตะกอน คราบกŒงุ ระหว‹างการเล้ียง

ของเสยี จะโดนดดู จากหลมุ กลางบอ โดยเรม่ิ ดดู เมอ่ื กงุ อายุ 4–5 วนั
วนั ละ 2 คร้ัง เชา –เย็น หลังจากใหอ าหารดว ยเคร่ืองใหอ าหารอตั โนมัติ
1 ชว่ั โมง ดดู จนกวา นา้ํ ท่ีออกมาจากปลายทอ ลงบอ ตกตะกอนหนกั จะใส
ในสว นของตะกอนเบาบรเิ วณกลางหลมุ กลางนา้ํ จะโดนดดู ไปบาํ บดั นา้ํ ใน
บอ ตกตะกอนเบา หลงั จากนนั้ นา้ํ จะเขา ไปสใู นกระบวนการหมนุ เวยี นนาํ้
ตลอดระยะเวลาการเล้ียง และจะเปน แบบนีต้ ลอดระยะเวลาการเลย้ี ง

19

ลดตŒนทุนพลังงาน

ในการเลย้ี งกŒุงดวŒ ย

โซลาเซลล

20

จุดเริ่มตนมาจากโครงการระบบสงเสริม
เกษตรแบบแปลงใหญ ตองการใหมีการลด
ตนทุน กรมประมง โดยศูนยวิจัยและพัฒนา
การเพาะเลยี้ งสตั วน าํ้ ชายฝง เขต 2 (สมทุ รสาคร)
ไดด าํ เนนิ การในหวั ขอ ของการลดการใชพ ลงั งาน
และมีการคดั เลอื กเกษตรกรตนแบบ

การใชง านโซลาเซลลข องฟารม คณุ จรญู นน้ั
จะใชต อกบั เครอ่ื งตนี า้ํ สามารถรองรบั แขนตนี าํ้
ทม่ี ใี บพดั ตนี าํ้ ไดถ งึ 10–12 ใบ สามารถลดการใช
ไฟฟาไดตั้งแต 09.00–16.00 น. เฉล่ียวันละ
7 ชั่วโมง หลังจากน้ันจะเปนระบบไฟฟาปกติ
ในการเลยี้ งกุง 3 เดือน หรอื 1 รอบการเลีย้ ง
สามารถประหยัดไฟไดถึง 630 ช่ัวโมง หรือ
คิดเปน 26 วัน คิดเปนสัดสวนตนทุนพลังงาน
ลดลง 30% (ในกรณีท่ีมีแสงแดดปกติ) โดยมี
อุปกรณท่ีใชดงั น้ี

1. แผงโซลาเซลล ขนาด 330 วัตต
จาํ นวน 5 แผง

2. มอเตอรเ กียร DC ขนาด 1.5 แรงมา
3. ชดุ ควบคุม ตอวงจรแบบอนกุ รม
4. เบรกเกอรเปด–ปดใบพดั ตนี าํ้

21

คุณจรูญ ทรพั ยศริ ิ

1. ไดรับมาตรฐาน Good Aquaculture Practice (GAP) จากกรมประมง
2. ไดรับการคัดเลือกเปนเกษตรกรดีเดนของอําเภอบานแพว จังหวัด

สมทุ รสาคร ประจาํ ป 2562
3. ไดรับการคัดเลือกจากสํานักงานประมงจังหวัดสมุทรสาคร ใหเปน

เกษตรกรดีเดนแหงชาติ สาขาอาชีพการเพาะเล้ียงสัตวน้ํากรอย
ประจาํ ป 2563
4. ไดรับการแตงตั้งเปนรองประธานกลุมเกษตรกรทําการประมงพัฒนา
เกษตรพอเพียง 49 ตําบลโรงเข จังหวดั สมุทรสาคร
5. ไดร ับการแตง ต้ังเปน คณะกรรมการประมงจงั หวัด 2 สมัย
6. ไดรับเชิญเปนวิทยากรบรรยาย เรื่อง การเลี้ยงกุง และเทคโนโลยี
การเลย้ี งกงุ ใหก บั มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร เกษตรกรผเู พาะเลย้ี งกงุ
ในเขตอําเภอบานแพว จังหวัดสมทุ รสาคร และพนื้ ทใ่ี กลเคยี ง รวมถงึ
ตอ นรับคณะผูมาเยยี่ มชมจากตา งประเทศ
7. ไดร บั เชญิ เปน วทิ ยากรบรรยาย เรอื่ ง การลดตน ทนุ โดยการใชพ ลงั งาน
ทดแทน
8. ใหส ัมภาษณน ิตยสาร Aqua biz (Issue 141) เรือ่ ง ลดตนทนุ พลังงาน
ในการเลยี้ งกงุ ดวยโซลาเซลล

22

การใชยŒ าและสารเคมี

1. ยาตŒานจุลชพี ทอ่ี นุญาตใหŒใชŒในสตั วน้ํา

1.1 ยาตํารบั เด่ียว
• อะม็อกซซี ิลลิน (Amoxicillin)
• เอนโรฟล็อกซาซิน (Enrofloxacin)
• ออกซิเตตราไซคลีน (Oxytetracycline)
• ซาราฟล็อกซาซนิ (Sarafloxacin)
• ออกโซลนิ ิก แอซดิ (Oxolinic acid)
• โทลทราซูริล (Toltrazuril)
• ซลั ฟาโมโนเมททอกซนี โซเดียม (Sulfamonomethoxine sodium)

1.2 ยาตาํ รบั ผสม
• ซลั ฟาไดอาซีน + ไตรเมโทพริม
(Sulfadiazine + Trimethoprim)
• ซัลฟาไดเมททอกซนี โซเดยี ม + ไตรเมทโธพรมิ
(Sulfadimethoxine sodium + Trimethoprim)
• ซัลฟาไดเมททอกซีน โซเดยี ม + ออรเ มทโธพรมิ
(Sulfadimethoxine sodium + Ormethoprim)
• ซัลฟาโมโนเมททอกซนี + ไตรเมทโธพริม
(Sulfamonomethoxine + Trimethoprim)
• ซลั ฟาไดมดิ นี + ไตรเมทโธพริม
(Sulfadimidine + Trimethoprim)

23

2. ยาตŒานจุลชีพและเคมีภัณฑท ห่ี าŒ มใชŒในสตั วน ํ้า

2.1 ยาตอ งหา ม
• คลอแรมฟนิคอล (Chloramphenicol)
• ไนโตรฟรู าโซน (Nitrofurazone)
• ไนโตรฟรู านโทอิน (Nitrofurantoin)
• ฟรู าโซลโิ ดน (Furazolidone)
• ฟูรัลทาโดน (Furaltadone)
• กลมุ เซฟาโลสปอรนิ (Cephalosporins)
• กลมุ ไนโตรอิมดิ าโซล (Nitroimidazoles)

2.2 เคมภี ณั ฑตอ งหาม
• มาลาไคทกรนี (Malachite green)

ทป่ี รึกษา ผูอาํ นวยการกองวจิ ัยและพัฒนา
ดร. สทุ ธินี ล้ิมธรรมมหศิ ร การเพาะเล้ียงสตั วน ้ําชายฝง
นางสาวมนทกานติ ทา มติ้น ผอู ํานวยการศนู ยว จิ ยั และพฒั นา
ผูจŒ ัดทาํ การเพาะเล้ยี งสัตวน ้ําชายฝง เขต 2 (สมทุ รสาคร)
นางชมพูนทุ สามหว ย นกั วิชาการประมงชํานาญการ
ศูนยว จิ ัยและพฒั นาการเพาะเล้ยี งสัตวน ้าํ ชายฝง
นายธนพล ปนดี เขต 2 (สมุทรสาคร)
ขอขอบคุณ นกั วิชาการประมง ศูนยว ิจยั และพัฒนา
คณุ จรูญ ทรพั ยศิริ การเพาะเล้ียงสัตวนํา้ ชายฝง เขต 2 (สมุทรสาคร)
รองประธานกลุมเกษตรกรทาํ การประมง
พฒั นาเกษตรพอเพยี ง 49
ตาํ บลโรงเข จังหวดั สมทุ รสาคร


Click to View FlipBook Version