นทิ านพื้นบา้ น
เพจภาษาไทยไมจ่ กั๊ เดียม
นิทานพื้นบา้ น
นิทานพ้ืนบ้าน คอื เร่ืองเลา่ ที่เลา่ สบื ตอ่ กันมา ดัง้ เดิมนัน้ ถ่ายทอดกนั ดว้ ย
มขุ ปาฐะ (การเล่าปากต่อปากกันมา การบอกเล่าต่อ ๆ กนั มา โดยมิไดเ้ ขยี น
เป็นลายลักษณ)์ แตก่ ม็ อี ยู่มากทบี่ นั ทึกเปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษร และนทิ าน
พนื้ บา้ นต้องเลา่ ดว้ ยถ้อยคาํ ธรรมดาภาษาชาวบา้ นทัว่ ๆ ไป เป็นเรื่องเลา่ ตอ่ ๆ
กันมาชา้ นานหลาย ชวั่ อายุคน ไมส่ ามารถร้ไู ดว้ า่ ใครเป็นคนเลา่ ดั้งเดมิ ต้นเรือ่ ง
ความสาํ คญั ของนิทานพน้ื บ้าน
ใหค้ วามเพลดิ เพลนิ เพราะในนทิ านมเี รื่องมหัศจรรย์ตา่ ง ๆ
ทเ่ี ราทาํ ไมไ่ ดใ้ นชวี ติ จรงิ จึงทําใหเ้ ราเกดิ ความเพลิดเพลนิ เช่น
การเหาะเหินเดินอากาศ เวทยม์ นตร์ ของวเิ ศษ หรอื การแปลงกาย
ความสําคญั ของนิทานพืน้ บ้าน
ใหก้ ําลงั ใจในการดาํ เนนิ ชวี ติ ตัวละครในนทิ านหลายเร่อื ง
มักประสบความทุกขย์ ากลาํ บากแตก่ ็จะได้รบั ความสขุ สบาย
ในที่สุด เช่น นทิ านชดุ ทา้ วกาํ พร้าของคนอีสาน ตัวละครเอก
ยากจนและอยอู่ ย่างอา้ งวา้ งไรญ้ าตมิ ิตร แตใ่ นที่สุดก็มโี ชคหรอื มี
ผ้ชู ่วยใหร้ ํา่ รวยและได้เป็นเจา้ เมืองในตอนจบ
ความสาํ คัญของนทิ านพื้นบ้าน
ใหค้ าํ อธบิ ายเก่ยี วกบั ปรากฏการณธ์ รรมชาติ หรือทม่ี า
ของสถานที่และส่ิงต่าง ๆ ในทอ้ งถน่ิ เชน่ เรอ่ื งเมขลากบั
รามสูรอธิบายการเกิดฟ้าแลบฟ้าร้อง หรือนทิ านเรอื่ งพญา
กงพญาพานทส่ี ัมพันธ์กับการสร้างพระปฐมเจดยี ์ในจังหวัด
นครปฐม
ความสาํ คญั ของนทิ านพ้นื บ้าน
ใหค้ วามสําคัญแกว่ ีรบุรุษประจําถ่ินหรอื ประจาํ ชาติ เชน่
นทิ านเรอ่ื งพระรว่ งของชาวสุโขทยั เปน็ เรื่องทกี่ ลา่ วถึง
พระร่วงซึง่ เป็นผู้นาํ ของกลมุ่ คนไทยวา่ เป็นผู้มวี าจาสทิ ธิ์
ความสําคญั ของนทิ านพ้นื บ้าน
ให้ขอ้ คดิ และคตใิ นการดาํ เนนิ ชวี ติ นทิ านมักจะสอนเรื่อง
กฎแห่งกรรมหรอื คตธิ รรมทว่ี ่า “ทําดีได้ดี ทําช่ัวไดช้ ่วั ” เชน่
เรอื่ งปลาบู่ทอง โสนน้อยเรอื นงาม ทั้งสองเรื่องนางเอกเปน็
คนดีแต่ถูกกลั่นแกลง้ ตอนจบนางเอกไดพ้ บพากบั ความสขุ
เขา้ ทาํ นองทว่ี า่ “คนดีตกนํ้าไมไ่ หล ตกไฟไม่ไหม้” ส่วนคน
ชั่วกถ็ กู ลงโทษในทส่ี ุด
นิทานพ้ืนบา้ นในทอ้ งถนิ่
นิทานแต่ละท้องถิ่นมักมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับ
สภาพแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมของท้องถิ่น
นิทานแต่ละท้องถิ่นจึงมีความแตกต่างกันตาม
ลกั ษณะสภาพแวดลอ้ ม สงั คมและวฒั นธรรม
นทิ านภาคเหนอื
นิทานภาคเหนือ
มักมีนิทานประเภทเล่าความเป็นมาของสถานที่หรือ
นิทานที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ส่วนใหญ่เกี่ยวกับ
พระพุทธเจ้าหรือ ความเป็นมาของสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับ
พระพุทธเจ้า เช่น การสร้างเมือง และที่มาของชื่อเมือง
การสร้างพระธาตุเจดีย์ นิทานประเภทอธิบายสาเหตุของ
สิ่งต่าง ๆ บางเรื่องก็ยังมีเรื่องของพระพุทธเจ้าเข้าไป
เกีย่ วข้อง
นทิ านภาคเหนือ “คาํ ผี้หล้ี”
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมี
พระชมน์ชีพอยู่นั้น สัตว์ทุกตัวสามารถพูดภาษาคนได้ สัตว์หลาย
ตัวได้เดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อขอให้พระพุทธเจ้าตั้งชื่อให้
สตั ว์แต่ละตวั ตา่ งกไ็ ดช้ ่ือ ดี ๆ ไพเราะ ๆ กลับไปทกุ ตวั
สนุ ขั ตัวหนง่ึ เหน็ เพื่อน ๆ ตา่ งไดช้ ่อื ทไ่ี พเราะ
ก็เลยเดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า มันได้ขอให้
พระพทุ ธเจ้าต้ังชอื่ ให้ พระพทุ ธเจ้าจงึ ตงั้ ชอื่ สนุ ขั วา่
"คาํ ผ้ีหลี้" ซึ่งมีความหมายวา่ งดงาม นา่ รัก
สุนัขตัวนั้นชอบชื่อของมันมาก ด้วยความเห่ออยากจะได้ยินคน
อื่นเรียกชื่อตัวเองบ่อย ๆ ก็เลยวิ่งกลับไปหาพระพุทธเจ้าอีกแล้ว
ถามว่า "พระพุทธเจ้า ท่านตั้งชื่อให้ข้าว่าอย่างไรนะท่าน“
พระพทุ ธเจ้าจงึ บอกสุนขั ไปว่า "ขา้ ใหช้ อื่ เจา้ วา่ คําผห้ี ล"้ี
สุนัขหรือคําผี้หลี้ตามที่พระพุทธเจ้าได้ตั้งชื่อให้นั้นก็ดีใจ
ลากลบั ไป พอกลับไปได้ไมน่ านก็ดีใจอยากจะได้ยนิ ชอ่ื ของตนอกี
จึงวิ่งกลับมาถามพระพุทธเจ้าอีกว่ามันชื่ออะไร พระพุทธเจ้าก็ตอบ
เหมือนเดิมว่า "คาํ ผหี้ ล”ี้
คําผี้หลี้ได้ยินชื่อตนเองอีกครั้งก็ดีใจ จึงลากลับไป
วิ่งไปได้ไม่นาน ก็อยากจะฟังชื่อของตนอีก ด้วยความ
เห่อก็วิ่งกลับมาถามพระพุทธเจ้าเป็นครั้งที่ ๓ ว่า
"พระพุทธเจ้า ท่านให้ชื่อว่าอะไรนะ บอกข้าอีก
ครัง้ เถอะ“
พระพุทธเจ้าได้ยินคําผี้หลี้ถามซํ้าแล้วซํ้าอีกก็นึก
รําคาญจึงตอบไปว่า "ข้าให้ชื่อเจ้าว่า หมา” คําผี้หลี้จึง
ได้ชื่อว่าหมา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาสุนัขจึงมีชื่อเรียกว่า
“หมา”
ที่มา : ฐานข้อมูลนิทานพื้นบ้านล้านนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
http://lannakadee.cmu.ac.th/area1/story/index.php?pid=96
นทิ านภาค
ตะวันออกเฉยี งเหนอื
นทิ านภาคตะวันออกเฉียงเหนอื
มักเป็นนิทานที่กล่าวถึงความแห้งแล้ง การขอฝนและบทบาท
ของแถนซึง่ ชาวอสี านเชอื่ ว่าเป็นเทวดาทมี่ ีอํานาจเหนอื ชีวติ มนษุ ย์
นทิ านภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื
เรอ่ื ง “พญาคันคาก”
เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าถือชาติกําเนิดเป็นพญาคันคาก (คางคก)
ได้อาศัยอยู่ใต้ร่มโพธิ์ใหญ่ในเมืองพันทุมวดี ครั้งหนึ่งพญาแถนเทพ
เจ้าแห่งฝนโกรธเคืองโลกมนุษย์มาก จึงแกล้งไม่ให้ฝนตกนานถึง
๗ เดือน ทําให้เกิดความลําบากยากแค้นอย่างแสนสาหัสแก่มวล
มนุษย์ สตั วแ์ ละพืช จนกระทง่ั พากันล้มตายเปน็ จํานวนมาก
พวกที่แข็งแรงก็รอดตายและได้พากันมารวมกลุ่มใต้ต้น
โพธิ์ใหญ่กับพญาคางคก สรรพสัตว์ทั้งหลายจึงได้หารือกัน
เพื่อจะหาวธิ กี ารปราบพญาแถน
ที่ประชุมได้ตกลงกันให้พญานาคียกทัพไปรบกับพญาแถน
แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ จากนั้นจึงให้พญาต่อแตนยกทัพไปปราบแต่
ก็ต้องพ่ายแพ้อีกเช่นกัน ทําให้พวกสรรพสัตว์ทั้งหลายเกิด
ความทอ้ ถอยหมดกําลังใจและสิน้ หวงั ไดแ้ ตร่ อวันตาย
ในที่สุด พญาคางคกจึงขออาสาที่จะไปรบ
กับพญาแถน และได้วางแผนในการรบโดยให้
ปลวกทั้งหลายก่อจอมปลวกขึ้นไปจนถึงเมือง
พญาแถน
เพื่อเป็นเส้นทางให้บรรดาสรรพสัตว์
ทั้งหลายได้เดินทางไปสู่เมืองพญาแถน ซึ่งมี
มอด แมลงป่อง ตะขาบ มอดได้รับหน้าที่ให้
ทาํ การกัดเจาะดา้ มอาวุธท่ที ําดว้ ยไม้ทุกชนดิ
ส่วนแมลงป่องและตะขาบให้ซ่อนตัวอยู่
ตามกองฟืนที่ใช้หุงต้มอาหาร และอยู่ตาม
เสอ้ื ผ้าของไพรพ่ ลพญาแถนทาํ หน้าที่กดั ตอ่ ย
หลังจากวางแผนเรียบร้อย กองทัพพญาคางคกก็เดินทางเพื่อ
ปฏิบัติหน้าที่การรบ มอดทําหน้าที่กัดเจาะด้ามอาวุธ แมลงป่องและ
ตะขาบกัดต่อยไพร่พลของพญาแถนจนเจ็บปวด ร้องระงมจนกองทัพ
ระสํ่าระสาย
ในที่สุดพญาแถนจึงยอมแพ้และตกลงทําสัญญาสงบศึกกับ
พญาคางคก ดังนี้
๑. ถ้ามวลมนุษย์จุดบั้งไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อใดให้พญาแถนสั่ง
ให้ฝนตกในโลกมนษุ ย์
๒. ถ้าได้ยินเสยี งกบ เขียดร้อง ให้รับรู้วา่ ฝนไดต้ กลงมาแล้ว
๓. ถ้าได้ยินเสียงสนู (เสียงธนูหวายของว่าว) หรือเสียง
โหวด ให้ฝนหยุดตกเพราะจะเขา้ สูฤ่ ดูเกบ็ เกี่ยวขา้ ว
หลังจากที่ได้สัญญากันแล้ว พญาแถนจึงได้
ถกู ปลอ่ ยตวั ไปและได้ปฏิบตั ติ ามสัญญามาจนบัดนี้
ทีม่ า : โครงการทาํ นบุ ํารงุ ศิลปวฒั นธรรม
มหาวทิ ยาลัยอุบลราชธานhี ttps://www.ubu.ac.th/web/rocket/content
นิทานภาคกลาง
มกั อธบิ ายท่มี าหรือตํานานสถานที่และส่งิ ตา่ ง ๆ
นทิ านภาคกลาง
“พญากงพญาพาน“
กล่าวถึงพญากงไดค้ รองเมอื งกาญจนบุรี (บางสาํ นวนว่าเปน็ เมอื ง
นครชัยศรี) มพี ระมเหสีรูปโฉมงดงาม เมือ่ พระมเหสที รงพระครรภ์
โหรหลวงไดท้ าํ นายวา่ จะได้พระราชโอรสเปน็ ผมู้ บี ุญ และจะไดเ้ ปน็
ใหญภ่ ายหนา้ แตจ่ ะเป็นผูฆ้ ่าพระราชบดิ า
เมอื่ ครบกําหนดพระมเหสีกป็ ระสตู พิ ระกุมาร ขณะท่ีขา้ ราชบริพาร
ได้เอาพานไปรองรบั บังเอิญหน้าผากของพระกมุ ารกระทบขอบพาน
เปน็ แผล พญากงไดส้ ่ังให้นําพระกุมารไปทงิ้ ตามยถากรรม
ยายหอมไปพบเข้าจงึ นําไปเลย้ี งไว้และต้ังชอื่ ว่า “พาน”
คร้ันเมอ่ื เดก็ ชายพานโตขนึ้ ยายหอมก็นาํ ไปฝากให้เลา่ เรยี นที่วดั
พานเปน็ เด็กฉลาด สมภารวดั ผ้เู ป็นอาจารย์จงึ รักใคร่เอน็ ดู มวี ชิ าอะไรก็
สอนให้หมด อาจารย์ไดน้ ําพานไปฝากใหเ้ ข้ารบั ราชการกับเจ้าเมอื ง
ราชบรุ ี พานเปน็ คนปัญญาดี เรียบร้อยและขยัน จงึ เป็นทโ่ี ปรดปราน
ของเจา้ เมอื งราชบุรีมาก จนถึงกับรบั ไว้เป็นโอรสบุญธรรม
สมยั นั้นเมอื งราชบรุ ีขนึ้ กับเมืองกาญจนบุรี พระยาราชบุรตี อ้ งสง่
เครอื่ งบรรณาการทุกปี พญาพานเปน็ ผูม้ ีฝีมือในการรบจึงชกั ชวนให้เจา้
เมืองราชบุรยี กกองทัพไปปราบเมืองกาญจนบุรี พญาพานเป็นแมท่ พั
ออกไปรบกับพญากง ทัง้ สองทาํ ยุทธหตั ถีกันในท่ีสุดพญากงก็ถกู ฟัน
ด้วยของ้าวคอขาดตายในท่ีรบ
เมอื่ พญาพานเข้ายดึ เมืองกาญจนบุรไี ด้แล้ว ยอ่ มได้ทัง้
ราชสมบัตติ ลอดจนพระมเหสีของพญายากงด้วย แต่ในขณะทจ่ี ะ
เขา้ ไปหาพระมเหสนี น้ั เทวดาไดแ้ ปลงกายเปน็ แมวแม่ลูกออ่ นให้ลูก
กินนมขวางประตไู ว้ แลว้ รอ้ งทกั เสียก่อน
พญายาพานจึงไดอ้ ธษิ ฐานวา่ ถ้าพระมเหสีเป็นแมข่ องตนจริง
กข็ อใหม้ ีนา้ํ นมไหลซมึ ออกมา กเ็ หน็ นา้ํ นมไหลออกมาจริง จึงไดร้ วู้ า่
ทัง้ สองเปน็ แมล่ กู กัน พญายาพานจึงสาํ นกึ ได้ว่าได้กระทําปิตฆุ าต
ฆา่ พระราชบดิ า และโกรธที่ยายหอมปิดบงั ความจรงิ ด้วยโทสะจึง
สั่งใหน้ ํายายหอมไปฆา่ เสยี
ตอ่ มาดว้ ยความสํานึกผิด ท่ไี ดฆ้ ่าพระราชบิดาและ
ยายหอมผู้มีพระคณุ จงึ ได้สร้างพระเจดีย์ขนาดใหญ่สูงแค่นกเขา
เหนิ ตามคาํ แนะนาํ ของพระอรหนั ต์ คือ พระปฐมเจดีย์ ทีเ่ มอื งนคร
ชยั ศรี (ปจั จุบนั ตงั้ อยู่ในจังหวัดนครปฐม) เพอื่ เปน็ การลา้ งบาปที่
ฆา่ พระราชบดิ าให้บรรเทาลงบา้ ง และสร้างพระประโทณเจดีย์
(ปัจจบุ ันตงั้ อยใู่ นจังหวัดนครปฐม) เพอ่ื ล้างบาปที่ฆ่ายายหอม
ทีม่ า : มรดกภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรม
http://ich.culture.go.th/
นทิ านภาคตะวันออกและ
ภาคตะวันตก
นทิ านภาคตะวันออกและภาคตะวันตก
ภาคตะวันออกและภาคตะวันตกมพี น้ื ทที่ ีเ่ ป็นชายหาดและเกาะแก่งตา่ ง ๆ
ในทะเลอา่ วไทย จึงมักมนี ิทานที่สมั พนั ธ์กับชอื่ และลักษณะภมู ปิ ระเทศ
ชายฝ่ังทะเล
นทิ านภาคตะวนั ออกและภาคตะวนั ตก
“ตามอ่ งลา่ ย”
ตาม่องลา่ ยและยายราํ พงึ อาศัยอยู่บา้ นหลงั หนึง่ รมิ ทะเล มลี ูกสาวสวยชอ่ื
ยมโดย สวยเด่นกว่าหญงิ อ่นื จึงมีชายหมายปองหลายคน ในขณะเดียวกัน
มชี ายคนหนง่ึ ชอ่ื เจ้าลาย ซึง่ มียายราํ พงึ ใหก้ ารสนับสนนุ เน่ืองจากรู้ใจมักนํา
ของมาเป็นของกํานัลอยู่เนอื ง ๆ อีกคนหนง่ึ คอื เจ้ากรงุ จนี ซึ่งมตี าม่องล่าย
ให้การสนับสนนุ
ต่อมาเจ้ากรุงจีนมาสขู่ อยมโดยต่อตามอ่ งล่าย สว่ นเจา้ ลาย
มาขอยมโดยจากยายรําพงึ บังเอญิ ทส่ี องตายายนดั วนั
แตง่ งานตรงวนั เดียวกนั เมอ่ื วันนั้นมาถงึ ขบวนขนั หมากของ
ทัง้ สองฝ่ายก็ยกมาประจันหน้ากนั สองตายายไม่รจู้ ะทํา
อย่างไรดี ในที่สุดก็หันไปโทษกันถึงขัน้ วิวาทอยา่ งรุนแรง
จนยายรําพงึ ฉวยไดห้ มวกขว้างใสต่ ามอ่ งล่าย แต่หมวกลอยตามแรงลม
ลงทะเลกลายเป็นเขาล้อมหมวก ตาม่องล่ายก็ไม่ยอมฉวยไดก้ ระบงุ ขวา้ ง
ใส่ยายราํ พงึ ทนั ที กระบุงก็ลอยไปตกในทะเลแถวจงั หวัดตราดเปน็ เกาะ
กระบงุ ยายราํ พงึ ไม่ยอมควา้ ไดง้ อบขวา้ งเข้าใส่ตาม่องล่ายอกี คราวนี้
งอบลอยไปตกในทะเลกลายเป็นแหลมงอบทจ่ี ันทบรุ ี
ตาม่องล่ายกต็ อบโตโ้ ดยการขวา้ งสากใสย่ ายรําพึง แตส่ ากกระดอนไป
กระทบเกาะทขี่ วางหน้า จนเกาะทะลุแลว้ กระดอนลงในทะเลไปเป็นเกาะสาก
ยายรําพึงหมดปัญญาท่ีจะตอบโต้โมโหสดุ ขีดนอนดนิ้ เรา่ ๆ ส้ินใจตรงริม
หาดแหง่ นน้ั ผู้คนจงึ เรยี กวา่ หาดแมร่ ําพึง
เมือ่ เหตกุ ารณ์เป็นเชน่ นั้น ตาม่องลา่ ยไม่รูจ้ ะทําประการใด
จงึ ควา้ ลูกสาวฉีกออกเป็นสองซีก ซีกหนงึ่ ขว้างให้เจา้ ลาย
อีกซีกโยนไปให้เจา้ กรงุ จนี กลายเป็นเกาะนมสาวท่ีบางปู
ปราณบรุ แี ละจันทบุรี พร้อมกบั ขวา้ งขนั หมาก พลู เครอ่ื งสูข่ อ
ลงในทะเลกลายเปน็ หอยมวน ขนมจีนกลายเป็นสาหร่าย
กระจกโยนตกไปเปน็ เขาชอ่ งกระจก