การพัฒนาระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ นายชณาธร ดีทับไทย นายพีรพัฒน์ มูลวงษ์ ที่ปรึกษา ดร.วิเชษฐ์ นันทะศรี โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษารายวิชา วิทยาการก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ ตามหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ปีการศึกษา 2564
การพัฒนาระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ นายชณาธร ดีทับไทย นายพีรพัฒน์ มูลวงษ์ ที่ปรึกษา ดร.วิเชษฐ์ นันทะศรี โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษารายวิชา วิทยาการก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ ตามหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ปีการศึกษา 2564
Development of IOT trash system and online storage system Researcher Mr.Chanathon Deetubthai Mr.Peerapat Moonwong Advisor Dr.Wiches Nuntasri A Project is a Advanced Topics in Computer Bachelor of Education, Faculty of Education, Computer Education Loei Rajabhat University, Academic year 2021
ข กิตติกรรมประกาศ วิจัยฉบับนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดีเนื่องจากได้รับความอนุเคราะห์จากบุคคลหลายท่านที่ได้ให้ความ ช่วยเหลือด้านข้อมูล ด้านข้อเสนอแนะ ให้คำปรึกษาและแนะนำทางการทำวิจัยคณะผู้จัดทำขอขอบพระคุณ อย่างยิ่ง ที่ให้การช่วยเหลือส่งเสริมและอนุเคราะห์ทุกอย่างซึ่งถ้าขาดบุคคลดังกล่าววิจัยเหล่านี้คงไม่สำเร็จได้ ด้วยดี ขอขอบพระคุณอาจารย์ที่ปรึกษา ดร.วิเชษฐ์ นันทะศรี อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการในครั้งนี้ที่ได้ให้ คำปรึกษา และข้อคิดเห็นต่าง ๆ ในการทำวิจัยครั้งนี้ รวมทั้งเสียสละเวลาในการให้คำแนะนำแก้ไข ข้อบกพร่องต่าง ๆ และคณะอาจารย์ทุกท่านในสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษาที่ได้กรุณาให้ความรู้คำแนะนำสั่ง สอนให้กับผู้วิจัยด้วยดีเสมอมาจนผู้วิจัยสามารถดำเนินการศึกษาค้นคว้าวิจัยฉบับนี้ได้สำเร็จผู้ศึกษาขอกราบ ขอบคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ ขอขอบคุณเพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียน ค.6210 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ทุกคนที่ช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้ผู้วิจัยด้วยดีเสมอมาจนทำให้วิจัยในครั้งนี้เกิดความสำเร็จดังมุ่งหมาย สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณบิดามารดารวมทั้งครอบครัว และญาติพี่น้อง ผู้กำลังใจเป็นพลังที่สำคัญใน การทำให้เกิดความมุ่งมั่นในการทำงาน และสนับสนุนทุนทรัพย์มาโดยตลอด นำไปสู่ความสำเร็จในการวิจัยใน ครั้งนี้ คุณงามความดี คุณประโยชน์จากงานวิจัยเรื่องนี้ ผู้วิจัยขออุทิศเป็นเครื่องบูชาพระคุณของบิดา มารดา ครูอาจารย์ อันเป็นที่เคารพยิ่ง รวมไปถึงผู้ที่มีพระคุณทุกท่านทั้งที่ได้กล่าวถึง และมิได้กล่าวถึง และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในงานวิจัยฉบับนี้ทุกท่าน สำหรับข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น ผู้วิจัยขอน้อมรับ และยินดีที่จะรับฟังคำแนะนำจากทุกท่านที่ได้เข้ามาศึกษา เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนา งานวิจัยต่อไป นายชณาธร ดีทับไทย นายพีรพัฒน์ มูลวงษ์
ค ชื่อเรื่อง ระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ ผู้ศึกษา 1. นายชณาธร ดีทับไทย 2. นายพีรพัฒน์มูลวงษ์ ปริญญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต ค.บ. (คอมพิวเตอร์ศึกษา) สาขาวิชา คอมพิวเตอร์ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย อาจารย์ที่ปรึกษา ดร.วิเชษฐ์ นันทะศรี ปีการศึกษา 2564 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบ ออนไลน์โดยมีจุดประสงค์คือ (1) เพื่อพัฒนาระบบถังขยะเปิด-ปิด อัตโนมัติ ควบคุมด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับค วาเคลื่อนไหว (2) เพื่อหาประสิทธิภาพของระบบถังขยะไอโอทีที่พัฒนาขึ้น (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของ ผู้ใช้ถังขยะไอโอทีที่พัฒนาขึ้น โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักศึกษา แม่บ้านและบุคลากรฝ่ายอาคารและสถานที่ และผู้บริหาร ที่ใช้งานระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ ทำการเลือกกลุ่ม ตัวอย่างโดยวิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) จำนวน 20 คน ผลการศึกษาพบว่าจากการสำรวจโดยใช้แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เชี่ยวชาญจากการใช้ระบบ ถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ จำนวน 3 คน โดยภาพรวมของระบบถังขยะ ไอโอที มีค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ที่ 4.55 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.47 โดยภาพรวมผู้เชี่ยวชาญ มีความพึง พอใจอยู่ในระดับดีมาก และจากการสำรวจโดยใช้แบบประเมินความพึงพอใจ จากกลุ่มตัวอย่างที่ทดลองใช้ งาน ระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ จำนวน 20 คน โดยภาพรวมของ ระบบถังขยะไอโอที มีค่าเฉลี่ยโดยรวมอยู่ที่ 4.59 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.50 โดยภาพรวมผู้ทดลองใช้ ระบบถังขยะไอโอทีมีความพึงพอใจอยู่ในระดับดีมาก
ง Research title Development of IoT trash system and online storage system Researcher Name 1. Mr.Chanathon Deetubthai 2. Mr.Peerapat Moonwong Bachelor degree Bachelor of Education (Computer Education Program) Branch Computer Education Program Loei Rajabhat University Advisor Dr.Wiches Nuntasri Academnic year 2021 Abstract This research aims for Development of Iot trash system and online storage system whose objectives are (1) to develop an automatic trash opening-closing system controlled by motion sensors (2) to determine the efficiency of the developed IoT trash system (3) to study the satisfaction of the vapor bin users IOT developed The sample groups used in this study were students, housewives and personnel of the Building and Premises Department and administrators. that use the Development of IoT trash system and online storage system The samples were selected by purposive sampling method of 20 people. The results of the study revealed that from the survey using the satisfaction assessment form of experts from using the Development of IoT trash system and online storage system for 3 people. Overall, the IoT trash system with an overall mean of 4.55 with a standard deviation of 0.47. Satisfaction is at a very good level. and from the survey using the satisfaction assessment form from the samples tested IoT trash system and an online garbage collection system for 20 people. Overall, the IoT trash system with an overall mean of 4.59 with a standard deviation of 0.50. Satisfaction is at a very good level.
จ สารบัญ เรื่อง หน้า หน้าอนุมัติ ก กิตติกรรมประกาศ ข บทคัดย่อภาษาไทย ค บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ง สารบัญ จ สารบัญภาพ ช สารบัญตาราง ฌ บทที่ 1 บทนำ 1 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา 1 1.2 วัตถุประสงค์ของงานวิจัย 1 1.3 สมมติฐานงานวิจัย 1 1.4 ขอบเขตและระยะเวลาในการดำเนินการ 2 1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 5 1.6 คำนิยามศัพท์เฉพาะ 5 บทที่ 2 เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 6 2.1 บอร์ด ESP8266 6 2.2 Line notify 8 2.3 เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (Sensor) 8 2.4 มอเตอร์ (Servo) 10 2.5 สายไฟจัมเปอร์(Jumper) 14 2.6 โปรแกรม Arduino 15 2.7 GPS Module 16 2.8 Visual Studio Code 17 2.9 แนวคิดทฤษฎี เกี่ยวกับ ภาษา PHP 17
ฉ สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า 2.10 แนวคิดทฤษฎี เกี่ยวกับ web site 19 2.11 การจัดการฐานข้อมูล MySQL 22 2.12 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 23 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการศึกษา 26 3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 26 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 26 3.3 ขั้นตอนการดำเนินงาน 28 3.4 สถิติที่ใช้ในการประเมิน 40 3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล 41 บทที่ 4 ผลการศึกษา 42 4.1 ลำดับขั้นตอนที่ใช้ในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 42 4.2 ผลวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจจากผู้เชี่ยวชาญ 43 4.3 ผลวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจจากกลุ่มตัวอย่าง 46 บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 49 5.1 สรุปผล 49 5.2 อภิปรายผล 50 5.3 ข้อเสนอแนะในการวิจัย 51 บรรณานุกรม 52 ภาคผนวก ภาคผนวก ก (โครงร่างวิจัย) ภาคผนวก ข (แบบประเมินความพึงพอใจผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์) ภาคผนวก ค (แบบประเมินความพึงพอใจผู้ใช้บริการ) ภาคผนวก ง (คู่มือการใช้งาน) ภาคผนวก จ (ภาพการดำเนินงาน) ภาคผนวก ฉ (ประวัติผู้วิจัย)
ช สารบัญภาพ หน้า รูปภาพที่ 2.1 บอร์ด ESP8266 7 รูปภาพที่ 2.2 Ultrasonic module Hc-SR04 9 รูปภาพที่ 2.3 การต่อใช้งาน Ultrasonic module Hc-SR041 10 รูปภาพที่ 2.4 มอเตอร์ Servo MG90s 10 รูปภาพที่ 2.5 ส่วนประกอบภายนอก RC Servo Motor 11 รูปภาพที่ 2.6 ส่วนประกอบภายใน RC Servo Motor 12 รูปภาพที่ 2.7 ตัว RC Servo Motor 12 รูปภาพที่ 2.8 องศาการหมุนของ RC Servo Motor 13 รูปภาพที่ 2.9 องศาการหมุนของ RC Servo Motor 14 รูปภาพที่ 2.10 สายไฟจัมเปอร์ใช้งานกับบอร์ด Arduino รุ่น UNO 14 รูปภาพที่ 2.11 โปรแกรม Arduino 16 รูปภาพที่ 2.12 Visual Studio Code 17 รูปภาพที่ 3.1 แผนภาพบริบทของ ของระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้ง ขยะแบบออนไลน์ 29 รูปภาพที่ 3.2 แผนภาพกระแสข้อมูลระดับที่ 1 ระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ 30 รูปภาพที่ 3.3 แผนภาพกระแสข้อมูลระดับที่ 2 โปรเซสที่ 1 ระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบ ออนไลน์ 30 รูปภาพที่ 3.4 แผนภาพกระแสข้อมูลระดับที่ 2 โปรเซสที่ 2 ระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบ ออนไลน์ 31 รูปภาพที่ 3.5 แผนภาพกระแสข้อมูลระดับที่ 2 โปรเซสที่ 3 ระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบ ออนไลน์ 31 รูปภาพที่ 3.6 แสดงระบบถังขยะไอโอที ในการวัดปริมาณขยะ 32 รูปภาพที่ 3.7 แสดงระบบถังขยะไอโอที ในการเปิด-ปิดถังขยะ 33 รูปภาพที่ 3.8 แสดงระบบถังขยะไอโอที ในการรับข้อมูลตำแหน่งของถังขยะ 34
ซ สารบัญภาพ (ต่อ) หน้า รูปภาพที่ 3.9 เว็บไซต์แสดงหน้ารายงานสถานะ และแสดงข้อมูลเจ้าหน้าที่ประจำตึก 35 รูปภาพที่ 3.10 เว็บไซต์แสดงกราฟเปรียบเทียบ การรายงานผลการทิ้งขยะแต่ละถังประจำสัปดาห์ 35 รูปภาพที่ 3.11 หน้าเว็บไซต์แสดงตำแหน่งของถังขยะอัตโนมัติ 36 รูปภาพที่ 3.12 หน้าเว็บไซต์ผู้ดูแลระบบถังขยะอัตโนมัติ ที่สามารถแก้ไขข้อมูลได้ 36 รูปภาพที่ 3.13 แสดงการแก้ไขข้อมูลของผู้ดูแลระบบผ่านเว็บไซต์ 37 รูปภาพที่ 3.14 ER Model ของระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบ ออนไลน์ 38
ฌ สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ 1.1 ระยะเวลาและแผนการดำเนินงาน 4 ตารางที่ 3.1 แฟ้มข้อมูลตารางข้อมูลตึกในมหาวิทยาลัย 38 ตารางที่ 3.2 แฟ้มข้อมูลตารางข้อมูลเจ้าหน้าที่ 39 ตารางที่ 3.3 แฟ้มข้อมูลตารางข้อมูลถังขยะอัตโนมัติ 39 ตารางที่ 3.4 แฟ้มข้อมูลตารางข้อมูลสถานะถังขยะอัตโนมัติ 39 ตารางที่ 3.5 แฟ้มข้อมูลตารางข้อมูลการรายงานผลข้อมูล 40 ตารางที่ 3.6 แฟ้มข้อมูลตารางข้อมูลผู้บริหาร 40 ตารางที่ 3.7 แฟ้มข้อมูลตารางข้อมูลผู้ดูแลระบบถังขยะอัตโนมัติ 40 ตารางที่ 4.1 ค่าเฉลี่ยเกณฑให้คะแนนระดับความพึงพอใจ 43 ตารางที่ 4.2 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผู้เชี่ยวชาญ ที่มีต่อการใช้ งานถังขยะไอโอทีและระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ ด้านการทำงาน โดยภาพรวม 43 ตารางที่ 4.3 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผู้เชี่ยวชาญ ที่มีต่อการใช้ งานถังขยะไอโอทีและระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ ด้านการทำงาน ของเว็บไซต์ 44 ตารางที่ 4.4 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผู้เชี่ยวชาญ ที่มีต่อการใช้ งานถังขยะไอโอทีและระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ ด้านการทำงาน ของระบบแจ้งเตือน 45 ตารางที่ 4.5 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของผู้เชี่ยวชาญ ที่มีต่อการใช้ งานถังขยะไอโอทีและระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ 45 ตารางที่ 4.6 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง ที่มีต่อการใช้ งานถังขยะไอโอทีและระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ ด้านการทำงาน ของถังขยะอัตโนมัติ 46
ญ สารบัญตาราง (ต่อ) หน้า ตารางที่ 4.7 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง ที่มีต่อการใช้ งานถังขยะไอโอทีและระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ ด้านการทำงาน ของระบบแจ้งเตือนของถังขยะอัตโนมัติ 47 ตารางที่ 4.8 ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง ที่มีต่อการใช้ งานถังขยะไอโอทีและระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ 48
1 บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ในปัจจุบันนี้ได้พบว่าสังคมปัจจุบันไม่ว่าสถานที่ใด จะพบปัญหาคนทิ้งขยะไม่เป็นที่ซึ่งทำให้ ปริมาณของขยะมากยิ่งขึ้นแต่ถังขยะที่มีอยู่นั้นก็ไม่มีลักษณะเด่นอะไร ที่จูงใจให้นักเรียนทิ้งขยะลงในถัง จึงเกิดปัญหาขยะทิ้งเกลื่อนกลาดไปหมด เราจึงได้มีความคิดพัฒนาถังขยะรูปแบบใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และสะดวกสบายเป็นที่ดึงดูดความสนใจยกตัวอย่าง เช่น การทำถังขยะเปิด-ปิดอัตโนมัติ (Control System On-Off Auto Trash Power by Sensor)ที่ปรับเปลี่ยนจากเดิมโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากถังขยะธรรมดาที่ใช้การเหยียบหรือใช้มือสัมผัสกับตัวถังขยะซึ่งมีเชื้อโรคปะปนอยู่ทำให้ เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ได้อย่างรวดเร็วส่งผลให้ตัวเราติดเชื้อทำให้เราเกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบได้ ซึ่งผู้จัดทำได้มองเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับตัวเรา จึงได้คิดค้นตัวถัง ขยะเปิด-ปิดอัตโนมัติ(Control System On-Off Auto Trash Power by Sensor)ให้มีความสะดวกสบาย และที่สำคัญมีความปลอดภัยและทันสมัยมากขึ้น คณะผู้จัดทําจึงได้ทำถังขยะอัตโนมัติแจ้งเตือนผ่านไลน์ ที่สามารถเปิด-ปิดได้ อัตโนมัติ เพื่อช่วยลด การสัมผัสเชื้อโรคบริเวณฝาถังขยะและช่วยให้เจ้าหน้าที่ที่ทำการเก็บ ขยะทราบสถานะปริมาณขยะภายใน ถังว่าถึงไหนสามารถที่จะนํารถบรรทุกขยะเก็บเอาไปทิ้งโดยไม่ต้องรอให้ปริมาณขยะล้นออกมาด้านนอก ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา ส่วนถังที่ยังมีปริมาณขยะไม่มากก็ยังไม่ต้องจัดเก็บทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องขับ รถวนไปมาทำให้การทำงานใน แต่ละครั้งสะดวกรวดเร็วไม่เสียเวลาในการทำงาน ทำให้การจัดเก็บขยะมี ประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น 1.2 วัตถุประสงค์ของงานวิจัย 1.2.1 เพื่อพัฒนาระบบถังขยะเปิด-ปิด อัตโนมัติ ควบคุมด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับควาเคลื่อนไหว 1.2.2 เพื่อหาประสิทธิภาพของระบบถังขยะไอโอทีที่พัฒนาขึ้น 1.2.3 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ถังขยะไอโอทีที่พัฒนาขึ้น 1.3 สมมติฐานงานวิจัย 1.3.1 ถังขยะอัตโนมัติ ได้รับความพึงพอจากผู้ใช้งานอยู่ในระดับดี 1.3.2 ถังขยะอัตโนมัติสามารถมีประสิทธิภาพตามที่กำหนดไว้ 1.3.3 ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำระบบถังขยะอัตโนมัติมากขึ้น
2 1.4 ขอบเขตและระยะเวลาในการดำเนินการ 1.4.1 ขอบเขตด้านระบบ 1) ผู้ดูแลระบบ (1) สามารถแก้ไขข้อมูลได้ (2) สามารถเพิ่มและลบข้อมูลได้ (3) สามารถเพิ่มชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านแก่ผู้บริหารได้ 2) ผู้บริหาร (1) สามารถดูรายชื่อและประเภทของถังขยะอัตโนมัติได้ (2) สามารถดูปริมาณของถังขยะอัตโนมัติได้ (3) สามารถดูตำแหน่งที่ตั้งของถังขยะได้ 3) เจ้าหน้าที่ (1) สามารถดูปริมาณของขยะหน้าถังขยะได้ (2) สามารถรับการแจ้งเตือนผ่านทางไลน์ได้ (3) สามารถดูตำแหน่งที่ตั้งของถังขยะได้ 1.4.2 ขอบเขตด้านเนื้อหา 1.4.2.1 ศึกษาลักษณะการทำงานของไมโครคอนโทรลเลอร์ (Microcontroller) เพื่อประยุกต์ใช้ในการควบคุมการทำงานขอระบบเปิด-ปิดถังขยะอัตโนมัติด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับความ เคลื่อนไหว 1.4.2.2 ศึกษาระบบการทำงานของเซ็นเซอร์ การออกแบบระบบและการติดเซ็นเซอร์ 1.4.2.3 ศึกษาและทำการเขียนโปรแกรมควบคุมระบบเซ็นเซอร์ ให้ทำงานตามคุณสมบัติ ของตัวเซ็นเซอร์ 1.4.2.4 ศึกษาการการเก็บข้อมูลการทิ้งขยะในฐานข้อมูล เพื่อนำมาแจ้งให้ผู้ใช้รับทราบ ผ่านไลน์บอท 1.4.2.5 ศึกษาการทำงานเกี่ยวกับระบบติดตามถังขยะอัตโนมัติ โดยใช้ GPS Module ผ่านระบบการแจ้งเตือนผ่านไลน์ 1.4.3 ขอบเขตเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาระบบ 1) ซอฟต์แวร์ (Software) (1) โปรแกรม Dialog flow
3 (2) Application line (3) Visual Studio Code (4) โปรแกรม Arduino (5) Line notify (6) Microsoft Word (7) Microsoft Powerpoint 2) ฮาร์ดแวร์(Hardware) (1) บอร์ด ESP8266 (2) เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (Ultrasonic Sensor) (3) มอเตอร์ (servo) (4) สายจัมเปอร์ (Jumper) (5) GPS Module (6) หลอดไฟ LED 3) ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการพัฒนาระบบ (1) HTML (2) PHP (3) CSS (4) JavaScript (5) SQL (6) C++ 1.4.4 ขอบเขตเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย - แบบประเมินความพึงพอใจ 1.4.5 ขอบเขตด้านกลุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1.4.5.1 ประชากร คือ นักศึกษา แม่บ้านและบุคลากรฝ่ายอาคารและสถานที่ และผู้บริหาร มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย 1.4.5.2 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษา แม่บ้านและบุคลากรฝ่ายอาคาร และสถานที่และผู้บริหาร จำนวน 20 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง
4 ตารางที่ 1.1 ระยะเวลาและแผนการดำเนินงาน ระยะเวลาและแผนการดำเนินงานเริ่มเดือนพฤษภาคม พ.ศ 2564 ถึง มีนาคม พ.ศ. 2565 ดังนี้ กิจกรรม ระยะเวลาในการดำเนินงาน พ.ค. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. 1. กำหนดและศึกษาปัญหาหัวข้อที่สนใจ 2.ศึกษาข้อมูลจัดทำเอกสารนำเสนอหัวข้อ 3. ศึกษาหาข้อมูลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 4. ออกแบบระบบถังขยะ 5. สั่งซื้อและจัดเตรียมอุปกรณ์ 6. เริ่มประกอบอุปกรณ์ใส่ถังขยะ 7. เขียนชุดคำสั่งในการทำงานของถังขยะ 8. ทำระบบแจ้งเตือนผ่านไลน์ 9. ทดสอบการทำงานของถังขยะ 10. เก็บสถิติบันทึกข้ออมูลลงในฐานข้อมูล 11. จัดทำเอกสารและปรับปรุงและแก้ไข เอกสาร 12. ทดลองใช้ถังขยะอัตโนมัติและประมิน ความพึงพอใจ 13.แก้ไขปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ 14.นำถังขยะอัตโนมัติไปใช้งานจริง หมายเหตุ หมายถึง ระยะเวลาดำเนินการ หมายถึง กำลังดำเนินการ
5 1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.5.1 สามารถรายงานข้อมูลถังขยะอัตโนมัติผ่านเว็บไซต์และไลน์บอท 1.5.2 ได้ระบบเปิด-ปิด ถังขยะอัตโนมัติด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว 1.5.3 ป้องกันเชื้อโรคจากการสัมผัสถังขยะและบอกตำแหน่งถังขยะได้ 1.6 คำนิยามศัพท์เฉพาะ 1.6.1 ถังขยะอัตโนมัติ หมายถึง ระบบของถังขยะที่ทำงานผ่านการควบคุมจากบอร์ดควบคุมการ ทำงาน โดยรับข้อมูลจากเซนเซอร์ และจะทำงานตามที่เขียนชุดคำสั่งไว้ 1.6.2 ระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะ หมายถึง ระบบเว็บไซต์ที่สามารถดูข้อมูลการทิ้งขยะข้อมูล ของเจ้าหน้าที่และตำแหน่งของถังขยะเพื่อจัดการและบริหารการใช้ถังขยะบริเวรนั้นได้ 1.6.3 ระบบการแจ้งเตือนผ่านไลน์ หมายถึง การแจ้งเตือนข้อมูลที่รับมาจากถังขยะอัตโนมัติโดยมี ข้อมูลปริมาณของขยะและตำแหน่งของถังขยะ
6 บทที่ 2 เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ในการออกแบบและการพัฒนาระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบ ออนไลน์ ผู้วิจัยได้ศึกษาค้นคว้าหนังสือเอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อเป็นแนวทางไปสู่การ วิจัยตามลำดับดังต่อไปนี้ 2.1 บอร์ด ESP8266 2.2 Line notify 2.3 เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (Ultrasonic Sensor) 2.4 มอเตอร์ (servo) 2.5 สายจัมเปอร์ (Jumper) 2.6 โปรแกรม Arduino 2.7 GPS Module 2.8 Visual Studio Code 2.9 แนวคิดทฤษฎี เกี่ยวกับ ภาษา PHP 2.10 แนวคิดทฤษฎี เกี่ยวกับ web site 2.11 การจัดการฐานข้อมูล MySQL 2.12 เอกสารเกี่ยวข้อง 2.1 บอร์ด ESP8266 ESP8266เป็นชื่อเรียกของชิฟของโมดูลESP8266สำหรับติดต่อสื่อสารบนมาตรฐาน Wi-Fi ทำงาน ที่แรงดันไฟฟ้า 3.0-3.6V ทำงานใช้กระแสโดยเฉลี่ย 80mA รองรับคำสั่ง deep sleep ในการประหยัด พลังงานใช้กระแสน้อยกว่า10ไมโครแอมป์สามารถwakeupกลับมาส่งข้อมูลใช้เวลาน้อยกกว่า2 มิลลิวินาที ภายในมี Low power MCU 32bit ทำให้เราเขียนโปรแกรมสั่งงานได้ มีวงจร analog digital converter ทำให้สามารถอ่านค่าจาก analog ได้ความละเอียด 10bit ทำงานได้ที่อุณหภูมิ -40 ถึง 125 องศาเซลเซียส เมื่อนำชิฟ ESP8266 มาผลิตเป็นโมดูลหลายรุ่นก็จะขึ้นต้นด้วยESP866แล้วตามด้วยรุ่นเช่น ESP01 , ESP-03 , ESP-07 , ESP-12E ESP8266 ติดต่อกับ WI-FI แบบ Serial สามารถเขียนโปรแกรมลงไป ในชิฟ โดยใช้ Arduino IDE ได้ ทำให้การเขียนโปรแกรมและใช้งานเป็นเรื่องง่ายคล้ายกับการใช้ Arduino
7 แน่นอนว่าสามารถติดต่ออุปกรณ์อื่น ๆเซนเซอร์ ต่าง ๆแบบสไตล์ Arduino ถ้ามีพื้นฐาน Arduino อยู่แล้ว ก็เข้าใจและใช้งานได้รวดเร็ว 2.1.1 ขาของโมดูล ESP8266 รูปภาพที่ 2.1 บอร์ด ESP8266 ( ที่มา : https://www.allnewstep.com/ ) 2.1.1.1 GPIO0 เป็นขาสำหรับเลือกโหมด โดยเมื่อต่อกับ GND จะเข้าโหมดโปรแกรม เมื่อต้องการให้ทำงานปกติก็ไม่ต้องต่อ 2.1.1.2 GPIO15 เป็นขาที่ต้องต่อลง GND เพื่อให้โมดูลทำงาน 2.1.1.3 CH_PD หรือ EN เป็นขาที่ต้องต่อไฟ VCC เพื่อ pull up สัญญาณ ให้โมดูลทำงาน โมดูลบางร่นไม่มีขา Reset มาให้ เมื่อต้องการรีเซต ให้ต่อขา CH_PD กับ GND 2.1.1.4 Reset ต่อกับไฟVCCเพื่อpullupสัญญาณโดยเมื่อต้องการรีเซตให้ต่อกับไฟ GND 2.1.1.5 VCC เป็นขาสำหรับจ่ายไฟเลี้ยง ใช้ไฟเลี้ยง 3.0-3.6V 2.1.1.5 GND ต่อกับไฟ 0V 2.1.1.6 GPIO เป็นขาดิจิตอล INPUT/OUTPUT ทำงานที่ไฟ 3.3V
8 2.2 Line notify LINE Notify คือบริการที่คุณสามารถได้รับข้อความแจ้งเตือนจากเว็บเซอร์วิสต่าง ๆ ที่คุณสนใจได้ ทาง LINE โดยหลังเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อกับทางเว็บเซอร์วิสแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนจากบัญชี ทางการของ “LINE Notify” ซึ่งให้บริการโดย LINE นั่นเอง คุณสามารถเชื่อมต่อกับบริการที่หลากหลาย และยังสามารถรับการแจ้งเตือนทางกลุ่มได้อีกด้วย ซึ่งบริการหลักๆ ที่สามารถเชื่อมต่อได้แก่ GitHub , IFTTT หรือ Mackerel เป็นต้น เราใช้ Line notify เพื่อแจ้งสถานะการออนไลน์ไปอีกระบบปลายทางได้ จึงทำให้เราสามารถส่ง ข้อความแจ้งเตือนจากบริการต่าง ๆ หรืออุปกรณ์ใด ๆ ก็ตามที่สามารถเชื่อมต่อกับ internet และสามารถเชื่อมด้วย http post มายัง Account ของเราได้ ซึ่งการใช้งานโดยรวมของ Line notify จะมีรูปแบบดังนี้ คือ เริ่มแรกเลย เราต้องไปสร้าง token ของ account ในระบบของ Line เสียก่อน จากนั้นเก็บ token นี้เอาไว้ แล้วเมื่อเราต้องการที่จะส่งข้อความแจ้งเตือนต่าง ๆ เราจะใช้ token นี้เพื่อส่ง ข้อความแจ้งเตือน ผ่านทาง http post นั่นเอง Line notify ตัวนี้เรียกได้ว่ามีประโยชน์ใช้สอยมากพอตัวเลยก็ว่าได้ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อแจ้ง เตือนสิ่งต่าง ๆ ในองค์กร เช่น การแจ้ง IT หรือฝ่ายซ่อมบำรุง เมื่อระบบมีปัญหา หรืออุปกรณ์ในหน่วยงาน เกิดการชำรุด แจ้งการเรียกประชุม หรือจะเป็นการนำ Line notify มาใช้งานร่วมกับ crontab เพื่อให้ สามารถตั้งเวลาในการแจ้งเตือนได้ เช่น การนับสต็อกสินค้าให้แจ้งเตือนในไลน์ ทุก ๆ เช้าทำให้นอกจาก จะใช้ Line notify เป็นลูกเล่นสนุก ๆ กันในแชททั่ว ๆ ไปแล้วยังสามารถนำเจ้าตัว Line notify นี้มาต่อ ยอดเพื่อใช้ประโยชน์ในองค์กรได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว 2.3 เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (Sensor) 2.3.1 หลักการทำงานเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว (Ultrasonic module HC-SR04) HC-SR04 เป็นเซนเซอร์โมดูลสำหรับตรวจจับวัตถุและวัดระยะทางแบบไม่สัมผัสโดยใช้ คลื่นอัลตราโซนิกซึ่งเป็นคลื่นเสียงความถี่สูงเกินกว่าการได้ยินของมนุษย์วัดระยะได้ตั้งแต่ 2–400 เซนติเมตร หรือ 1–156 นิ้ว สามารถต่อใช้งานกับไมโครคอนโทรลเลอร์ได้ง่าย ใช้พลังงานต่ำ เหมาะกับ การนำไปประยุกต์ใช้งานด้านระบบควบคุมอัตโนมัติหรืองานด้านหุ่นยนต์หลักการทำงานจะเหมือนกันกับ การตรวจจับวัตถุด้วยเสียงของค้างคาว โดยจะประกอบไปด้วยตัว รับ-ส่ง คลื่นอัลตราโซนิก ตัวส่งจะส่ง
9 คลื่นความถี่ 40 kHz ออกไปในอากาศด้วยความเร็วประมาณ 346 เมตรต่อวินาที และตัวรับจะคอยรับ สัญญาณที่สะท้อนกลับจากวัตถุ เมื่อทราบความเร็วในการเคลื่อนที่ของคลื่น เวลาที่ใช้ในการเดินทางไป - กลับ (t) ก็จะสามารถคำนวณหาระยะห่างของวัตถุ (S) รูปภาพที่ 2.2 Ultrasonic module Hc-SR04 ( ที่มา : https://www.arduitronics.com/) 2.3.2 การต่อใช้งานโมดูล โมดูลนี้มีจุดต่อใช้งานทั้งหมด 4 จุด การใช้งานบอร์ด STM32F4DISCOVERY การทดลอง ในเบื้องต้นสามารถต่อวงจรอย่างง่ายได้โดยใช้โปรโตบอร์ดและสายไฟต่อวงจรตามรูปที่2 ทั้งนี้ต้อง ตรวจสอบคุณสมบัติของพอร์ตของไมโครคอนโทรลเลอร์จากดาต้าชีทว่าสามารถทนระดับแรงดันลอจิก High (5V) ได้ 2.3.2.1 ขา VCC สำหรับต่อแรงดันไฟเลี้ยงไม่เกิน 5V 2.3.2.2ขา Trig เป็นขาอินพุตรับสัญญาณพัลส์ความกว้าง 10ไมโครวินาทีเพื่อกระตุ้นการ สร้างคลื่นอัลตราโซนิกความถี่ 40KHz ออกสู่อากาศจากตัวส่ง 2.3.2.3 ขา Echoเป็นขาเอาต์พุตสำหรับส่งสัญญาณพัลส์ออกจากโมดูลไปยัง ไมโครคอนโทรลเลอร์ เพื่อตรวจจับความกว้างของสัญญาณพัลส์และคำนวณเป็นระยะทาง 2.3.2.4 ขา GND สำหรับต่อจุดกราวด์ร่วมแรงดันและสัญญาณ
10 ( ที่มา : http://suwitkiravittaya.eng.chula.ac.th/) ตามคุณลักษณะของเซนเซอร์ จะต้องสร้างสัญญาณพัลส์ความกว้างไม่น้อยกว่า10 msec ป้อนเข้า ที่ขา Trig หลังจากนั้นอีกประมาณ 1.4 msec จึงจะเริ่มมีสัญญาณพัลส์เกิดขึ้นที่ขา Echo มีความกว้างของ สัญญาณตั้งแต่ 150 usec – 25 msec ซึ่งถ้าหากกว้างกว่านี้จะถือว่าตรวจไม่พบวัตถุหลังจากนั้นควรหน่วง เวลาออกไปอีก 10 mS จึงจะส่งสัญญาณ Trig ออกไปอีกรอบ ตามรูปที่ 2.3 2.4 มอเตอร์ (Servo) ( ที่มา : https://aerosportmodelismo.com/) Servo เป็นคำศัพท์ที่ใช้กันทั่วไปในระบบควบคุมอัตโนมัติ มาจากภาษาละตินคำว่า Sevus หมายถึง “ทาส” (Slave) ในเชิงความหมายของ Servo Motor ก็คือ Motor ที่เราสามารถสั่งงานหรือตั้ง ค่า แล้วตัว Motor จะหมุนไปยังตำแหน่งองศาที่เราสั่งได้เองอย่างถูกต้อง โดยใช้การควบคุมแบบป้อนกลับ รูปภาพที่ 2.3 การต่อใช้งาน Ultrasonic module Hc-SR041 รูปภาพที่ 2.4 มอเตอร์ Servo MG90s
11 (Feedback Control) ในบทความนี้จะกล่าวถึง RC Servo Motor ซึ่งนิยมนำมาใช้ในเครื่องเล่นที่บังคับ ด้วยวิทยุ (RC = Radio - Controlled) เช่นเรือบังคับวิทยุ รถบังคับวิทยุ เฮลิคอปเตอร์บังคับวิทยุ เป็นต้น Feedback Control คือ ระบบควบคุมที่มีการวัดค่าเอาต์พุตของระบบนำมาเปรียบเทียบกับค่า อินพุตเพื่อควบคุมและปรับแต่งให้ค่าเอาต์พุตของระบบให้มีค่า เท่ากับ หรือ ใกล้เคียงกับค่าอินพุต 2.4.1 ส่วนประกอบภายนอก RC Servo Motor รูปภาพที่ 2.5 ส่วนประกอบภายนอก RC Servo Motor ( ที่มา : http://www.mikroelec.com/) 2.4.1.1 Case ตัวถัง หรือ กรอบของตัว Servo Motor 2.4.1.2 Mounting Tab ส่วนจับยึดตัว Servo กับชิ้นงาน 2.4.1.3 Output Shaft เพลาส่งกำลัง 2.4.1.4 Servo Horns ส่วนเชื่อมต่อกับ Output shaft เพื่อสร้างกลไกล 2.4.1.5 Cable สายเชื่อมต่อเพื่อ จ่ายไฟฟ้า และ ควบคุม Servo Motor จะประกอบด้วย สายไฟ 3 เส้น และ ใน RC Servo Motor จะมีสีของสายแตกต่างกันไปดังนี้ 1) สายสีแดง คือ ไฟเลี้ยง (4.8-6V) 2) สายสีดำ หรือ น้ำตาล คือ กราวด์ 3) สายสีเหลือง (ส้ม ขาว หรือฟ้า) คือ สายส่งสัญญาณพัลซ์ควบคุม (3-5V) 4) Connector จุดเชื่อมต่อสายไฟ
12 2.4.2 ส่วนประกอบภายใน RC Servo Motor รูปภาพที่ 2.6 ส่วนประกอบภายใน RC Servo Motor ( ที่มา : https://www.informatique-mania.com/) 2.4.2.1 Motor เป็นส่วนของตัวมอเตอร์ 2.4.2.2 Gear Train หรือ Gearbox เป็นชุดเกียร์ทดแรง 2.4.2.3 Position Sensor เป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับตำแหน่งเพื่อหาค่าองศาในการหมุน 2.4.2.4 Electronic Control System เป็นส่วนที่ควบคุมและประมวลผล 2.4.3 หลักการทำงานของ RC Servo Motor เมื่อจ่ายสัญญาณพัลซ์เข้ามายัง RC Servo Motor ส่วนวงจรควบคุม (Electronic Control System) ภายใน Servo จะทำการอ่านและประมวลผลค่าความกว้างของสัญญาณพัลซ์ที่ส่งเข้า มาเพื่อแปลค่าเป็นตำแหน่งองศาที่ต้องการให้ Motor หมุนเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งนั้น แล้วส่งคำสั่งไปทำ การควบคุมให้ Motor หมุนไปยังตำแหน่งที่ต้องการ โดยมี Position Sensor เป็นตัวเซ็นเซอร์คอยวัดค่า มุมที่Motorกำลังหมุนเป็นFeedbackกลับมาให้วงจรควบคุมเปรียบเทียบกับค่าอินพุตเพื่อควบคุมให้ได้ ตำแหน่งที่ต้องการอย่างถูกต้องแม่นยำ 2.4.3.1 สัญญาณ RC ในรูปแบบ PWM รูปภาพที่ 2.7 ตัว RC Servo Motor ( ที่มา : https://blog.thaieasyelec.com/ )
13 ตัว RC Servo Motor ออกแบบมาใช้สำหรับรับคำสั่งจาก Remote Control ที่ใช้ ควบคุมของเล่นด้วยสัญญาณวิทยุต่างๆ เช่น เครื่องบินบังคับ รถบังบังคับ เรือบังคับ เป็นต้น ซึ่ง Remote จำพวกที่ภาครับจะแปลงความถี่วิทยุออกมาในรูปแบบสัญญาณ PWM (Pulse Width Modulation) มุมหรือองศาจะขึ้นอยู่กับความกว้างของสัญญาณพัลซ์ ซึ่งโดยส่วนมากความกว้างของพัลซ์ที่ใช้ใน RC Servo Motor จะอยู่ในช่วง 1-2 ms หรือ 0.5-2.5 ms ตัวอย่างเช่นหากกำหนดความกว้างของสัญญาณพัลซ์ไว้ที่ 1 ms ตัว Servo Motor จะ หมุนไปทางด้ายซ้ายจนสุด ในทางกลับกันหากกำหนดความกว้างของสัญญาณพัลซ์ไว้ที่ 2 ms ตัว Servomotor จะหมุนไปยังตำแหน่งขวาสุด แต่หากกำหนดความกว้างของสัญญาณพัลซ์ไว้ที่ 1.5 ms ตัว Servo Motor ก็จะหมุนมาอยู่ที่ตำแหน่งตรงกลางพอดี ( ที่มา : https://blog.thaieasyelec.com/ ) ดังนั้นสามารถกำหนดองศาการหมุนของ RC Servo Motor ได้โดยการเทียบค่า เช่น RC Servo Motor สามารถหมุนได้ 180 องศา โดยที่ 0 องศาใช้ความกว้างพัลซ์เท่ากับ 1000 us ที่ 180 องศา ความกว้างพัลซ์เท่ากับ 2000 us เพราะฉะนั้นค่าที่เปลี่ยนไป 1 องศาจะใช้ความกว้างพัลซ์ต่างกัน (2000- 1000)/180 เท่ากับ 5.55 us จากการหาค่าความกว้างพัลซ์ที่มุม 1 องศาข้างต้น หากต้องกำหนดให้ RC Servo Motor หมุนไป ที่มุม 45 องศาจะหาค่าพัลซ์ที่ต้องการได้จาก 5.55 x 45 เท่ากับ 249.75 us แต่ที่มุม 0 องศาเราเริ่มที่ รูปภาพที่ 2.8 องศาการหมุนของ RC Servo Motor
14 ความกว้างพัลซ์ 1ms หรือ 1000 us เพราะฉะนั้นความกว้างพัลซ์ที่ใช้กำหนดให้ RC Servo Motor หมุน ไปที่ 45 องศา คือ 1000 + 249.75 เท่ากับประมาณ 1250 us ( ที่มา : https://blog.thaieasyelec.com/ ) 2.5 สายไฟจัมเปอร์(Jumper) รูปภาพที่ 2.10 สายไฟจัมเปอร์ใช้งานกับบอร์ด Arduino รุ่น UNO ( ที่มา : https://www.mosfex.com/) สายไฟจัมเปอร์แบบ ผู้-ผู้ เหมาะสำหรับใช้งานในวงจรทั่วๆไป เช่น วงจรทดลองบน Protoboard เพราะมีหัวเข็มหรือ Pin Header ที่ออกแบบมาใช้สำหรับเสียบลงบน Protoboard โดยเฉพาะ หรือใช้งาน กับบอร์ด Arduino รุ่น UNO หรือรุ่นอื่นๆที่มี Socket ตัวเมียขนาด 26 AWG สามารถทนกระแส สูงสุดได้ 2.2 A ถ้าต่อสายแบบ Chassis Wiring (ต่อแบบแยกสาย) ,สามารถทนกระแสได้ 0.36 A ถ้าต่อแบบ Power Transmission (รวมเป็นกระจุก) รูปภาพที่ 2.9 องศาการหมุนของ RC Servo Motor
15 2.6 โปรแกรม Arduino ค่าว่า Arduino นั้นไม่ใช่ชื่อของไมโครชิพ (Microchip) เป็นแค่เพียงชื่อแบรนด์ที่ออกแบบรูปทรง และเพิ่มอุปกรณ์เสริมเข้าไปบนบอร์ดเพื่อให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้นเช่นช่องสำหรับเสียบ usb ช่องเสียบ สายสัญญาณชุดแปลงไฟฟ้าก่อนเข้าไปเลี้ยงบอร์ด เป็นต้น และเราสามารถใช้แค่ไมโครชิพอย่างเดียวได้แต่ ค่อนข้างยุ่งยากสำหรับการทดลองหรือทำสิ่งประดิษฐ์จึงนิยมใช้เป็นบอร์ดสำเร็จแบบ Arduino บอร์ด มากกว่า และยังมีโปรแกรมสำเร็จรูปที่ให้เราใช้กันฟรีๆ เพื่อใช้ในการเขียนโปรแกรมชื่อของโปรแกรมคือ Arduino ide Arduino board มีหลายรุ่นซึ่งแต่ละรุ่นจะมีราคาและคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างของบอร์ด Arduino เช่น Arduino UNO , Arduino MEGA2560 , Arduino YUN เป็นต้นโดยที่ รุ่นที่เป็นที่นิยมมากสุดน่าจะเป็น Arduino UNO เนื่องจากมีราคาที่ถูกมีช่องสัญญาณที่สามารถเสียบได้ ง่ายจึงถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายอย่างเช่นในเครื่องมินิ CNC เครื่อง 3D Printer เป็นต้น Arduino board นั้นไม่มีลิขสิทธิ์ หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า Open source นั่นแปลว่าใครสามารถผลิตมันขึ้นมาก็ได้ดังนั้น บอร์ด Arduino จึงมีหลายราคาโดยที่ Arduino มีจุดเริ่มต้นมาจากอิตาลี ราคาบอร์ด Arduino uno ที่สั่ง จากอิตาลีมีค่าประมาณ 713.07 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้าและค่าขนส่ง ส่วนราคาบอร์ด Arduino uno ที่สั่งซื้อในไทยนั้นอยู่ที่ราคาประมาณ 300 บาท ดังนั้นหากเห็นบอร์ดที่ราคาแตกต่างกันมากนั้นอย่าตกใจ และก็จะมีคำถามว่าแล้วคุณภาพ หลายคนบอกว่าไม่แตกต่างกันครับทุกวันนี้มีการทำเซ็นเซอร์และ อุปกรณ์เสริมต่างๆที่สามารถใช้กับบอร์ด Arduino ได้ทันทีอยู่มากมาย ทำให้สะดวกในการทดลองหรือใช้ ในงานทั่วไป ส่วนโค้ดที่ใช้กับเซ็นเซอร์แบบต่างๆนั้นก็หาได้ง่ายเช่นกันสำหรับคนที่ไม่ได้มีความชำนาญมาก ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน Arduino คือ โครงการโปรเจกต์หนึ่งที่นำตัว IC Microcontroller ในตระกูลต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ ร่วมกันกับภาษา C ซึ่งภาษา C ในที่นี้เป็นลักษณะเฉพาะเลย (Library ของ Arduino) ทำให้สามารถใช้ตัว คำสั่งโค้ดตัวเดียวกันกับตัว IC Microcontroller ที่แตกต่างกันได้เลย Arduino นั้นถูกออกแบบมาให้ สามารถนำไปใช้งานได้ง่ายจึงเหมาะสำหรับใครที่เป็นมือใหม่ไม่มีความรู้ด้านสถาปัตยกรรมก็สามารถทำได้ เช่นกัน อีกทั้งยังสามารถปรับแต่ง ดัดแปลงอะไรต่าง ๆ ได้อีกมากมาย ที่เราสามารถนำตัว Arduino ไปต่อ ยอดเป็นสิ่งต่าง ๆ ดั่งใจเรานึกได้จุดเด่นของ Arduino Board ก็คือ ความง่ายในการต่อกับอุปกรณ์เสริม
16 ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้อย่างเราสามารถต่อวงจร Electronic ได้อย่างง่ายดาย เพราะเขาทำตัว I/O ของบอร์ดมาให้ เรียบร้อยแล้วนั่นเอง ( ที่มา : https://www.cybertice.com/) 2.7 GPS Module GPS Module คือเป็นชิ้นส่วนอุปกรณ์รับสัญญาณของฮาร์ดแวร์ที่คุณสามารถเพิ่มเข้ากับชิ้นส่วน อื่นๆของฮาร์ดแวร์ต่าง ๆได้ (เช่น ติดเข้ากับส่วนคอนโซลหน้ารถ , Raspberry PI , Arduino หรือแม้แต่ กระทั่งคอมพิวเตอร์ของคุณเอง) เพื่อให้สามารถรับข้อมูลจากดาวเทียม GPS ได้ อุปกรณ์ที่ใช้จีพีเอสทั่วไปมักต้องมี GPS Module ที่มีฟังก์ชัน GPS ขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว ซึ่งประกอบ ไปด้วยเสาอากาศเป็นตัวรับสัญญาณหลายช่องสัญญาณและกาคำนวนในการรับส่งข้อมูลระยะทาง , เวลา ที่ส่งไป แล้วถอดรหัสข้อมูลเหล่านั้นออกมาเป็นพิกัดที่ส่งจากดาวเทียม และโปรเซสเซอร์ที่อยู่ใน GPS Module จะจัดการกับข้อมูลเหล่านี้และรายงานออกมาเป็น ตำแหน่ง พิกัด ความเร็ว ข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ดังนั้น ขีดความสามารถของ GPS Module ในการคำนวนพิกัด การส่งสัญญาณ หรือการ ประมวลผล ความคลาดเคลื่อนของพิกัด การส่งข้อมูลที่ผิดพลาดจากตัวอุปกรณ์เอง จะทำให้การรายงาน ตำแหน่งนั้นไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต หรือบริษัทที่พัฒนา GPS Module ของตัวนั้นๆด้วย ดังนั้นจะ เป็นการดีที่สุดหากคุณ เลือกใช้อุปกรณ์ที่ถูกผลิตจากบริษัท หรือผู้ผลิตอุปกรณ์ GPS ที่มีคุณภาพ และมี GPS Module ที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ จะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น รวดเร็ว ถูกต้อง รูปภาพที่ 2.11 โปรแกรม Arduino
17 2.8 Visual Studio Code VS Code หรือ Visual Studio Code จากบริษัทไมโครซอฟต์ เป็นโปรแกรมประเภท Editor ใช้ในการแก้ไขโค้ดที่มีขนาดเล็ก แต่มีประสิทธิภาพสูง เป็น Open Source โปรแกรมจึงสามารถนำมาใช้ งานได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเหมาะสำหรับนักพัฒนาโปรแกรมที่ต้องการใช้งานหลายแพลตฟอร์มรองรับการใช้ งานทั้งบน Windows , macOS และ Linux รองรับหลายภาษาทั้ง JavaScript , TypeScript และ Node.js ในตัว และสามารถเชื่อมต่อกับ Git ได้ง่าย สามารถนำมาใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อนมีเครื่องมือ และส่วนขยายต่าง ๆ ให้เลือกใช้มากมาย รองรับการเปิดใช้งานภาษาอื่น ๆ ทั้ง ภาษา C++ , C# , Java , Python , PHP หรือ Go สามารถปรับเปลี่ยน Themes ได้ มีส่วน Debugger และ Commands เป็นต้น ( ที่มา : https://docs.microsoft.com/) 2.9 แนวคิดทฤษฎี เกี่ยวกับ ภาษา PHP 2.9.1 ประวัติภาษา PHP ในช่วงแรกภาษาที่นิยมใช้ในการทางานบนระบบเว็บ คือ HTML(Hypertext Markup Language) แต่ภาษา HTML เป็น Static Language ก็คือ ภาษาที่ใช้สร้างข้อมูลประเภทตัวอักษรภาพ หรือ Object อื่น ๆ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวของมันเอง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าข้อมูลที่คงที่นั่นเอง ก็ทาให้ไม่ยืดหยุ่น ต่อมาความต้องการของมนุษย์ไม่มีวันเพียงพอ จึงได้มีการพัฒนาภาษาที่เป็นภาษาไดนา มิค (Dynamic Language) ขึ้นมาก็คือ ภาษาที่มีข้อมูลถูกเปลี่ยนแปลงอัตโนมัติตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ผู้เขียนกำหนดไว้ มีการประกาศตัวแปรได้ข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงก็เปลี่ยนแปลงตามตัวแปรซึ่งนี่เป็นที่มา รูปภาพที่ 2.12 Visual Studio Code
18 ของ ภาษา PHP, CGI และ ASP เป็นต้น โดยเฉพาะภาษาประเภทสคริปต์(Script)ที่สามารถติดต่อกับผู้ใช้ ได้ และหนึ่งในภาษาเหล่านั้น ก็คือ PHP ถูกสร้างขึ้นเมือปี 1994 ก่อน Windows 95 ปี เดียวเองโดยนาย Rasmus Leadoff PHP เป็นภาษาจำพวกภาษาสคริปต์ (Scripting Language) คำสั่งต่าง ๆ จะเก็บอยู่ใน ไฟล์ที่เรียกว่าสคริปต์ และเวลาใช้งานต้องอาศัยตัวแปลชุดคาสั่งตัวอย่างของภาษาสคริปต์ก็เช่น JavaScript, Perl เป็นต้น ลักษณะของ PHP ที่แตกต่างจากภาษาสคริปต์แบบอื่น ๆ คือ PHP ได้รับการ พัฒนาและออกแบบมา เพื่อใช้งานในการสร้างเอกสารแบบ HTML โดยสามารถสอดแทรกหรือแก้ไขเนื้อ หาได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้น จึงกล่าวว่า PHP เป็นภาษาที่เรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ไซด์ (Server-Side) หรือ HTMLEmbedded Scripting Language เป็นเครื่องมือที่สำคัญชนิดหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถสร้างเอกสารแบบ ไดนามิก HTML (Dynamic HTML) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีลูกเล่นมากขึ้น 2.9.2 ความสามารถ ของ PHP เนื่องจาก PHP มีความสามารถมากมาย จึงแบ่งหมวดหมูได้ออกเป็น 3 หมวดหมู่ ดังนี้ 2.9.2.1 ความสามารถพื้นฐานสามารถสร้างฟอร์มโต้ตอบ หรือรับส่งข้อมูลกับผู้ใช้ได้ สามารถแทรกชุดคำสั่ง PHP เข้าไประหว่างโค้ ด HTML ได้ทันที โดยการพิมพ์แทรกเครื่องหมายพิเศษ <?PHP ... ?> เข้าไประหว่างส่วนที่ เป็นภาษา HTML ก็จะทำให้มีความสามารถเพิ่มขึ้น ทันทีฟังก์ชัน สนับสนุนการทำงาน PHP มีฟังก์ชันมากมายที่เกี่วข้องกับการจัดการข้อความและอักขระ และ Pattern Matching (เหมือนกับภาษา Pert และสนับสนุนตัวแปร Scalar, Array, Associative Array นอกจากนี้ ยังสามารถกำหนดโครงสร้างชั้นข้อมูลรูปแบบอื่น ๆ ที่สูงขึ้นไปได้ (เช่นเดียวกับภาษา C หรือ Java 2.9.2.2 ความสามารถในการติดต่อฐานข้อมูลการสร้างเว็บส่วนใหญ่จะต้องมีการติดต่อ กับฐานข้อมูลเพื่อใช้ในการจัดเก็บข้อมูลและแสดงผลทางเว็บเพจ ซึ่งภาษา PHP มีข้อดีกว่าภาษาอื่นที่ สามารถรองรับการใช้งานฐานข้อมูลได้มากมาย แต่ถ้าจะให้แนะนาว่าการใช้งาน PHP ร่วมกับฐานข้อมูล แบบไหนดี ควรที่จะใช้PHP ร่วมกับฐาน MySQL เนื่องจากเป็นฐานข้อมูลที่ใช้งานง่าย และได้รับความ นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน 2.9.2.3 ความสามารถขั้นสูง สนับสนุนการติดต่อกับโปรโตคอลได้หลากหลาย PHP สามารถเชื่อมต่อกับโปรโตคอลอื่น ๆ อีกเช่น IMAP, SNMP NNTP, POP3 และ HITTP และคุณสามารถ เปิดพอร์ตการเชื่อมโยง (Socket) หรือสื่อสารโต้ตอบแบบอินเตอร์แอคทีฟโดยผ่านโปรโตคอลอื่น ๆ สามารถทำงานได้กับฮาร์ดแวร์ทุกระดับ เนื่องจาก PHP จะถูกประมวลผลและทางานอยู่บนฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ดังนั้นโปรแกรมที่เขียนด้วย PHP ที่มีขนาดใหญ่ และชับซ้อนเพียงใดก็จะสามารถประมวลผลได้โดยไม่ จำเป็นต้องใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงเท่านั้นฮาร์ดแวร์ในระดับใดก็สามารถใช้ได้
19 2.9.2.4 องค์ประกอบของการเขียนสคริปต์ PHP ก่อนจะเริ่มเขียนสคริปต์ด้วย PHP เรา ลองมาสำรวจความพร้อมของระบบคอมพิวเตอร์ที่จะใช้งานซึ่งสรุปเป็นองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ ในการ เขียน PHP นั้นสิ่งที่คุณต้องมีเพื่อใช้ในการเขียนคือ 1) เซิร์ฟเวอร์ : ในการใช้งานเบื้องต้นก็ใช้ Pc ที่เรากาลังเขียนทาหน้าที่เป็นเซิฟเวอร์ก็ได้ หากเป็นเว็บไซต์ ที่ทางานจริงจะต้องเป็นคอมพิวเตอร์คุณสมบัติดีเยี่ยมแยกต่างหาก 2) ไคลเอนด์ : สาหรับไคลเอนต์ก็คือ เครื่องของผู้ใช้งาน ในการศึกษาด้วยตนเอง เรา อาจจะให้ไคลเอนท์กับเซิร์ฟเวอร์เป็นเครื่องเดียวกันไปเลย 3) โปรแกรมบริการเว็บ (Web Sever) เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำให้เซิร์ฟเวอร์กลายเป็นเว็บ เซิร์ฟเวอร์นั่นคือพร้อมรองรับการใช้งานจากไคลเอนต์ หลาย ๆ ตัวพร้อมกันสำหรับโปรแกรมบริการเว็บ (Web Sever) ที่นิยมกันก็ คือ Apache PWS (Personal Web Server) 4) โปรแกรม Text Editor : เป็นซอฟต์แวร์ที่เราใช้พิมพ์และแก้ไขสคริปต์ในภาษาPHP ซึ่งมีให้เ ลือกหลายโปรแกรม เช่น Notepad , Frontpage , Dreamweaver และ Edit Plus 5) คำสั่งภาษา PHP (PHP Script Language): นั่น ก็คือคำสั่ง ภาษา PHP ที่เราจะเขียน นั่นเอง 6) โปรแกรม Database Server : เป็นซอฟต์แวร์ที่ทางานบนเซิร์ฟเวอร์ทำให้เซิร์ฟเวอร์ ให้บริการเกี่ยวกับฐานข้อมูลได้ สาหรับโปรแกรม Database Server ที่นิยมกันก็คือ MySQL , Postage SQL , SQL Server 7) โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล Database Manager : เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยอำนวยความ สะดวกในการจัดการระบบฐานข้อมูลทั้งนี้เพราะโปรแกรม Database Server บางตัวเช่น MySQL ไม่ได้ สร้างส่วนที่จัดการ, สร้าง, แก้ไข Database เหมือน Microsoft Access ทาให้จำเป็นต้องมีผู้ช่วยที่คอย จัดการเกี่ยวกับฐานข้อมูลซึ่งก็คือ PHP My admin พัฒนาขึ้น ด้วยภาษา PHPเพื่อใช้ในการจัดการ MySQL โดยเฉพาะ 2.10 แนวคิดทฤษฎี เกี่ยวกับ web site 2.10.1 ระบบจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์ (Content Management System : CMS) 2.10.1.1 ความหมายของ Content Management System (CMS) เริ่มต้นจาก อินเทอร์เน็ตได้ก่อกำเนิดขึ้นมาโลกของเราก็เปลี่ยนแปลงไปมากมายดยเฉพาะเรื่องของการติดต่อสื่อสารที่ ทำได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และการพัฒนาของภาษซอฟต์แวร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตก็เติบโตขึ้น เช่นกัน ทั้งยังมีการแช่งชันกันในการพัฒนาซอฟต์แวร์ต่าง ๆและมีการเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตมากขึ้นหาก
20 กล่าวถึงในอดีต ภาษา HTML เป็นภาษาที่นิยมในการสร้างเว็บเพจหรือเว็บไซต์ขึ้น ต่อมาได้มีการพัฒนา ภาษาในการสร้างเว็บไซต์เพิ่มขึ้นอีกมากมาย และภาษาที่ได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันก็คือ ภาษา PHP เนื่องจากภาษา PHP มีความสามารถในการทำงานสูง สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และมีตัวอย่างให้เลือกใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทำเว็บไซต์แนวใหม่ที่เรียนว่า Content Management System (CMS)CMS ย่อมาจาก Content Management System เป็นระบบ ที่นำมาช่วยในการสร้างและบริหารจัดการเว็บไชต์แบบสำเร็จรูปโดยในการใช้งาน CNS นั้นผู้ใช้งาน จำเป็นต้องมีความรู้ในด้านการเขียนโปรแกรม แต่สามารถสร้างเว็บไซด์ได้ด้วยตนเองโดยที่ตัว CNS มี โปรแกรมประยุกต์พร้อมใช้งานอยู่ภายในมากมาย เช่น ระบบจัดการบทความและข่าวสาร (News And Article) , ระบบจัดการบทวิจารณ์ (Review) , ระบบจัดการสมาชิก (Member) , ระบบสืบคันข้อมูล (Search) , ระบบจัดการไฟล์ดาวน์โหลด (Download), ระบบจัดการป้ายโฆษณา (Banner) , ระบบการ วิเคราะห์และตรวจสอบสถิติความนิยมในเว็บไซต์ (Analysis Tracking And Statistics) โดยผู้ใช้งาน สามารถเพิ่มโปรแกรมอิสระ (Module) อาทิ กระดานสนทนา (Forum) , ห้องสนทนาออนไลน์ (Chat Room) , แบบส่งอีเมล (Form Mail) เข้าไปได้ในภายหลังจากการติดตั้งระบบการจัดการเนื้อหาของ เว็บไซต์ หรือ Content Management System คือ ระบบชอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่ใช้เพื่อจัดระเบียบ เนื้อหาเว็บไชต์และทดสอบการทำงานในหมู่คณะให้สามารถสร้างเอกสารหรือเนื้อหาสาระอื่น ๆ บนเว็บไซต์ได้ Content Management System เป็นระบบที่พัฒนาคิดค้นเพื่อช่วยลดทรัพยากรในการ พัฒนา (Development) และการบริหาร (Management) เว็บไซต์ โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะนำภาษา สคริปต์ (Script Language) ต่าง ๆ มาใช้เพื่อให้วิธีการทำงานเป็นแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น PHP, Asp , Python หรือภาษาอื่น ๆ ที่ขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้พัฒนาซึ่งมักต้องใช้ควบคู่กันกับโปรแกรมเว็บ บราวเซอร์ (Web Browser) และดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์( Database Server ) 2.10.1.2 ความโดดเด่นของ Content Management System (CMS) มีเมนูผู้ควบคุม ระบบ (Administration Panel) ที่ใช้ในการบริหารจัดการส่วนการทำงานต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ ทำให้ สามารถบริหารจัดการเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว และเน้นการจัดการหรือการทำงานผ่านรูปแบบเว็บ (Web Interface) ในลักษณะรูปแบบของเว็บท่า (Portal Systems) ตัวอย่างการทำงาน ได้แก่ การนำเสนอ บทความ (Articles/Content), เว็บไดเรกทอรี(Web Directory) , การเผยแพร่ข่าวสารต่าง ๆ (News) , หัวข้อข่าว (Headline) , รายงานสภาพดินฟ้าอากาศ (Weather) , หัวข้อข่าวสารที่น่าสนใจ (Information) , ถาม/ตอบปัญหา ( Faqs ) , องสนทนาออนไลน์ (Chat Room) , กระดานสนทนา (Forum) , การจัดการไฟล์ในส่วน(Downloads) , แบบสอบถาม (Polls) , ข้อมูลสถิติต่าง ๆ (Statistics)
21 เป็นต้น และยังมีส่วนต่าง ๆ อีกมากมายที่สามารถเพิ่มเติม ดัดแปลงแก้ไข หรือนำมาประยุกต์ให้เหมาะสม ตามรูปแบบ และประเภทของแต่ละเว็บไซต์นั้น ๆ 2.10.1.3 หลักการทำงานของ Content Management System (CMS) หลักการ ทำงานของ Content Management System ระบบจัดการทำงานแบ่งแยกการทำงานระหว่างเนื้อหา (Content) ออกจากการออกแบบ (Design) โดยการออกแบบเว็บเพจนั้นจะถูกจัดเก็บไว้ในแม่แบบ (Templates/Themes ในขณะที่เนื้อหาถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลหรือไฟล์ เมื่อใดที่มีการเรียกใช้งานจะมี การทำงานร่วมกันระหว่าง 2 ส่วน เพื่อสร้างเว็บเพจขึ้นมา โดยเนื้อหาจะประกอบไปด้วยหลาย ๆ ส่วนประกอบ 2.10.1.4 ส่วนประกอบของ Content Management System (CMS) 1) แม่แบบ (Templates Theme) เป็นส่วนที่เปรียบเสมือนหน้าตา หรือเสื้อผ้า ที่ถือเป็นสีสันของเว็บไซต์ มีรูปแบบที่ใช้กลมกลืนกันตลอดทั้งเว็บไซต์ 2) ภาษาสคริปต์ ภาษา HTML ภาษา PHP หรือภาษาอื่น ๆ ที่ใช้ในการควบคุม การทำงานทั้งหมดของระบบ 3) ฐานข้อมูล สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา รวมทั้งการแสดงผล 2.10.1.5 การเลือกใช้ Content Management System 1) ใช้ Content Management System ให้เหมาะสมกับงาน 2) เลือก Content Management System ที่ง่ายต่อการติดตั้ง ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน มีส่วนการทำงานทั่วไป เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน (User Friendly ) และสามารถใช้งานได้ง่าย 3) ควรเลือกใช้ Content Management System ที่มีความยืดหยุ่นในการ พัฒนา กล่าวคือ ผู้ใช้สามารถนำไปพัฒนา ประยุกต์ใช้งานได้ หรือต่อยอดการใช้งานได้ 4) เลือกจากความสามารถในการทำงานของ Content Management System ซึ่งมีการทำงานอย่างง่ายดาย และไม่ซับซ้อน สามารถนำไฟล์มัลติมีเดียมาใช้งานได้ ทั้งยังสามารถกระจาย ข่าวสารได้ 5) Content Management System ต้องมีความบกพร่องน้อยที่สุด หรือถ้า หากมีข้อบกพร่องของระบบก็ควรมีตัวแก้ไขหรือซ่อมแซม เพื่อให้มีความปลอดภัยในการใช้งาน 6) ระบบปฏิบัติการที่จะนำมาใช้ถือเป็นสิ่งจำเป็น Content Management System ที่สามารถติดตั้งได้ทุกระบบปฏิบัติการ โดยไม่ต้องตัดแปลงโปรแกรม 7) ควรเลือกใช้ Content Management System ที่สามารถใช้งานได้โดยไม่ เสียค่าใช้จ่าย เช่น Open Source
22 2.10.1.6 การจัดเตรียมก่อนการติดตั้ง Content Management Systemการติดตั้ง Content Management System สามารถทำได้โดยการจำลองเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Pc) เป็นเครื่อง Server เพื่อทดสอบการใช้งานและการติดตั้งไว้ที่Server ที่มีการใช้งานจริง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว จำลองติดตั้งใช้งานลงที่เครื่อง ไมโครคอมพิวเตอร์ ส่วนบุคคล (Pc) ก่อน แล้วจากนั้นจึงย้ายไปที่ Server ที่มีการใช้งานจริง โปรแกรมที่ใช้สำหรับการจำลองเครื่อง ไมโครคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Pc) เป็นเครื่อง Server ประกอบด้วย 1) Apache Web Server ทำหน้าที่เป็น Web Server 2) PHP Script Language เพื่อใช้ในการทำงานด้วยภาษา PHP 3) PhpMyAdmin Database Manager ทำหน้าที่จัดการฐานข้อมูล 2.11 การจัดการฐานข้อมูล MySQL 2.11.1 ความหมายของการจัดการฐานข้อมูล MySQL MySQL เป็นโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลแบบ Relational Database Management System (RDBMS) ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาจากชาวสวี่เดน 2 คน ชื่อ David Ax mark, Allan Larsson และชาวฟินแลนด์ 1 คน Michael "Monty" Widen us ซึ่งได้จัดตั้งบริษัทที่ชื่อว่า MySQLซึ่งโปรแกรม จัดการฐานข้อมูลนี้ได้ถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี 1979 แต่ได้เปิดให้ใช้งานจริงเมื่อปี 1996 และMySQL ยังเป็น โปรแกรมที่ได้รับรางวัล Linux Journal Reader 's Choice Award 3 ปีซ้อน ซึ่งเป็นเครื่องการันดี ความสามารถของโปรแกรมนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ในปัจจุบันได้ถูกซื้อไปอยู่กับเจ้าของคนใหม่ที่บริษัทว่าซัน ไมโครซิสเต็มส์ (Sun Micros sterns, Inc.) ถึงแม้ว่าจะมีการขาย MySQLให้กับ Sum แล้วแต่โปรแกรมนี้ ก็ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้กลายเป็นโปรแกรมที่ทุกคนเลือกใช้งานจุดเด่นของ MySQL คือความเร็ว เมนูการใช้งานที่สะดวกสบาย พร้อมกับความเอาใจใส่ในการดูแลด้วยการอัพเดท ความสามารถของโปรแกรม MySQL จากผู้ผลิตอยู่เรื่อย ๆ ทำให้ MySQLมีความสามารถใหม่และแก้ไข ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ 2.11.2 ประโยชน์ของการจัดการฐานข้อมูล MySQL โปรแกรม MySQL นั้นเป็นโปรแกรมจัดการฐานข้อมูลที่มีด้วยกัน 2 แบบคือ Open Source License แบบใช้งานได้ฟรีและแบบ Commercial License แบบธุรกิจ ซึ่งเราสามารถเลือกใช้ งานได้ตามลักษณะการใช้งาน โดยประโยชน์และความสามารถของ MySQL ส่งผลให้สามารถใช้งานได้ หลายด้านด้วยกัน
23 2.11.2.1 การใช้ร่วมกับเครื่องบริการเว็บ (Web Server) ซึ่ง MySQL ถูกออกแบบให้ สามารถทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ตัวอื่น ๆ ได้พร้อมกันนั้นยังรองรับภาษาคอมพิวเตอร์ได้อย่างหลากหลาย อีกทั้ง MySQL ยังสามารถจัดการข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนเลือกใช้ MySQL เป็นโปรแกรมจัดการฐานของข้อมูลภายในเครื่อง Server 2.11.2.2 การใช้งานด้านกราฟิก(Graphical)เป็นอีกหนึ่งในความสามารถของ MySQL ที่รองรับการทำงานด้านกราฟิก (GUI) โดยมีโปรแกรมต่าง ๆ รองรับมากมายอาทิเช่น PhpMyAdmin, Navi cat , OpenOffice.org, SQL Boddy , Sequel Pro, SQL Yog, Toad for MySQL, Admin, Database นอกจากโปรแกรมที่กล่าวมาแล้วยังมีอีกหลายโปรแกรมที่ให้การสนับสนุนการทำงานของ MySQL 2.12 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ณพวุฒิ (2561) การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาอุปกรณ์แจ้งเตือนผ่าน Line SMS และ E-Mail โดยใช้ RaspberryPi ร่วมกับอุปกรณ์เซ็นเซอร์ต่างๆ พัฒนาด้วยภาษา Python และ Visual Basic.NET เมื่อระบบที่พัฒนาขึ้นสามารถตรวจจับสัญญาณต่างๆ ได้จากเซ็นเซอร์แล้วจะทำการส่ง ข้อความแจ้ง เตือนไปยังเซิร์ฟเวอร์ซึ่งมีระบบประมวลผลเพื่อวิเคราะห์และแยกแยะประเภทการแจ้งเตือน ก่อน ตัดสินใจแจ้งเตือนผ่านช่องทางต่างๆ ตามกลุ่มผู้รับที่กำหนดไว้ก่อนหน้าได้ จากการทดลองจะพบว่าระบบสามารถส่งข้อมูลแจ้งเตือนไปยังกลุ่มผู้รับปลายทางได้ ครบถ้วนทั้ง 3 ช่องทางตามที่ได้ตั้งค่าไว้ โดยพบว่าการส่งผ่าน Line มีความรวดเร็วมากที่สุดอย่างไรก็ตามSMS สามารถ เข้าถึงผู้รับที่ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ในขณะที่การแจ้งเตือนผ่าน E-Mail มีการแสดงรายละเอียด ข้อมูลได้มากกว่าวิธีอื่น ๆ อภิรักษ์ และคณะ (2561) ในปัจจุบันเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ได้เข้ามามีบทบาทใน ชีวิตประจำวันของผู้คนมาก ขึ้น การเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ เข้าสู่อินเทอร์เน็ตทำให้การควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีอิสระมากขึ้น เช่น การควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในครัวเรือนหรือที่ทำงานผ่าน เครือข่ายอินเทอร์เน็ต Internet of Things (IoT) มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นอย่างมาก โดยเทคโนโลยี IoT กําลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดและส่งผลกระทบต่อแทบทุกภาคอุตสาหกรรม คาดการณ์ว่าจำนวนอุปกรณ์ IoT ที่ใช้ทั่วโลกจะสูงถึง 60,700 ล้านเครื่องภายในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มี 19,900 ล้านเครื่อง มีการเติบโตเฉลี่ย 20.35% ต่อปี แสดงถึงความต้องการใช้เทคโนโลยี IoT ในระดับสูงมากในโลกเป็นที่น่าสังเกตว่าลักษณะการเข้ามาของเทคโนโลยี IoT สำหรับผู้บริโภคหรือ
24 ผู้ประกอบการทั่วไปมักจะอยู่ในรูปแบบของบ้าน อัจฉริยะ (Smart Home) หรือ ฟาร์มอัจฉริยะ (Smart Farming) สามารถควบคุมจากภายในบ้านหรือ ผ่านไมโครเซนเซอร์หรือผ่านแอปพลิเคชันและเมื่อเชื่อม เข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตทำให้สามารถควบคุมจากสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ได้จากจุดใดก็ ตาม ช่วยให้การดำรงชีวิตมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทิพานัน และคณะ (2562) ระบบติดตามถังขยะอัจฉริยะ Smart Trash Tracking System เป็น ระบบที่ใช้ในการจัดการปัญหาขยะที่เต็มก่อนกำหนดและมีกลิ่นเหม็น โดยมีการแจ้งเตือนส่วนกลางให้ ทราบถึงถังขยะที่ใกล้จะเต็มแล้วขยะมีกลิ่นเหม็น หรือตรวจสอบว่าขยะที่เต็มแล้วนั้นถูกวางไว้จุดใดเป็น การแก้ปัญหาจากที่กล่าวมาข้างต้นโดยการใช้เซ็นเซอร์แสงอินฟราเรดติดที่จุดต่าง ๆ เพื่อวัดปริมาณขยะใน ถัง การนำเซ็นเซอร์วัดคุณภาพอากาศเพื่อตรวจสอบกลิ่นเหม็นที่ออกมาจากขยะ จากนั้นจะส่งตำแหน่ง ของถังขยะโดยใช้ระบบนำทาง (GPS) ข้อมูลปริมาณและกลิ่นของขยะผ่านทางอุปกรณ์ตรวจจับแล้วส่ง ข้อมูลไปยังเครื่องแม่ข่าย (Server) และมีระบบรายงานแจ้งเตือนทั้งทางเว็บและแอพพลิเคชั่นบนมือถือ เพื่อบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาขยะในห้องสมุด พนิตา และคณะ (2563) อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งหรือไอโอที (Internet of Things: IoT) เป็น เทคโนโลยีที่ต้องผสมผสานทักษะการพัฒนาทั้งด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการสื่อสาร บริการคลาวด์ แพลตฟอร์มไอโอที่เป็นเสมือนโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยอํานวยความสะดวกให้นักพัฒนาสามารถสร้างสรรค์ ผลงานด้านไอโอที่ได้อย่างรวดเร็ว ลดภาระ การติดตั้งดูแลระบบสื่อสาร ระบบเซิร์ฟเวอร์ หรือฐานข้อมูลใด ๆ บทความนี้อธิบายหลักการทำงานและองค์ประกอบพื้นฐานของแพลตฟอร์มไอโอทีในท้องตลาด และ นําเสนอแพลตฟอร์มเน็ตพายที่พัฒนาและให้บริการ โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ แห่งชาติบริการแพลตฟอร์มเน็ตพายกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์พัฒนาไอโอที่ขึ้นภายในประเทศนําไปสู่ การสร้างขีดความสามารถและความเข้มแข็งด้านดิจิทัลให้กับประเทศไทย ณิชดนีย์ (2564) การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อพัฒนาต้นแบบระบบถังขยะไอโอทีและจัดเก็บ สถิติข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ของนักเรียนในโรงเรียนระดับประถมศึกษาเป็นระบบที่ใช้ในการจัดเก็บ สถิติข้อมูลการทิ้งขยะของนักเรียนโดยมีขั้นตอนดังนี้ 1) การออกแบบตัวถัง 2) จัดทำระบบตัวถัง 3) จัดทำ ระบบจัดเก็บข้อมูล โดยได้ออกแบบถังขยะสำหรับทิ้งขยะ 4 ประเภท ได้แก่ ขยะรีไซเคิล ขยะอินทรีย์ ขยะ อันตราย และขยะทั่วไป จากนั้นทำการติดตั้งระบบ sensor เพื่อเล่นเสียงแนะนําการทิ้งขยะและระบบเก็บ ข้อมูลปริมาณและช่วงเวลาในการทิ้งขยะ การจัดเก็บข้อมูลจะแยกเป็นประเภทของขยะทั้ง 4 ประเภท ตามชนิดของถัง ซึ่งระบบที่จัดเก็บข้อมูลจะเป็นการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นสถิติการทิ้งขยะแยกตามประเภท
25 ของถังขยะ และ ช่วงเวลาในการทิ้งในแต่ละวัน แสดงผลแบบ dashboard ผ่าน cloud server สามารถ เข้าถึงข้อมูลได้แบบ real time ทุกที่ทุกเวลา ทุกอุปกรณ์ข้อมูลดิบที่ได้มาจะถูกจัดนํามาวิเคราะห์โดยแยก ตามประเภทของขยะและความถีในการทิ้งขยะ โดยสามารถคิดเป็นสัดส่วนเปอร์เซ็นทางสถิติได้อย่าง ครบถ้วน การทดสอบระบบ sensor ที่ใช้เก็บข้อมูลปริมาณและช่วงเวลาในการทิ้งขยะทำการทดสอบ พบว่าสามารถแสดงผลจัดเก็บบน cloud server ได้ถูกต้องร้อยละ 100
26 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการศึกษา ในการศึกษาค้นคว้าการพัฒนาถังขยะอัตโนมัติ เรื่อง การพัฒนาระบบถังขยะไอโอทีและระบบ จัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ โดยผู้วิจัยได้กำหนดวิธีการดำเนินการศึกษาค้นคว้าตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้ 3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 3.3 ขั้นตอนการดำเนินงาน 3.4 สถิติที่ใช้ในการประเมิน 3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล 3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 3.1.1 กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญ คือ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์และอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน เว็บไซต์มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย จำนวน 3 คน ซึ่งได้โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) 3.1.2 ประชากร ประชากร คือ นักศึกษา แม่บ้านและบุคลากรฝ่ายอาคารและสถานที่และผู้บริหาร มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย 3.1.3 กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษา แม่บ้านและบุคลากรฝ่ายอาคารและสถานที่และผู้บริหาร จำนวน 20 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ผู้วิจัยได้สร้างเครื่องมือเพื่อใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลดังต่อไปนี้ 3.2.1 แบบประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้บริการผู้วิจัยได้ใช้แบบประเมินเป็นเครื่องมือในการเก็บ รวบรวมข้อมูลความพึงพอใจของผู้ใช้บริการที่มีต่อระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะ แบบออนไลน์ เพื่อให้ได้เครื่องมือในการวิจัยที่มีความเที่ยงตรงโดยมีขั้นตอนในการสร้าง ดังนี้
27 1) ศึกษาค้นคว้าเอกสาร การใช้ esp8266 ในการเชื่อมต่อฐานข้อมูล และการพัฒนา เว็บไซต์ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการสร้างแบบประเมินความพึงพอใจ 2) กำหนดประเด็นหลัก และประเด็นย่อยต่าง ๆ ที่ต้องการจะทำการเก็บข้อมูลเพื่อ ประเมินความพึงพอใจที่มีต่อถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์จะแบ่ง ออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ (1) ลักษณะทั่วไปของแบบสอบถาม - เพศ - ช่วงอายุ (2) การศึกษาสภาพความพึงพอใจต่อรูปแบบเว็บไซต์และการทำงานถังขยะไอ โอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ - ขนาดของถังขยะอัตโนมัติ - ความเสถียรของระบบถังขยะอัตโนมัติ - คำแนะนำวิธีการใช้งานมีความเข้าใจ - การให้บริการตรงต่อความต้องการ - ความคุ้มค่าในการใช้งาน 3.2.2 แบบประเมินจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้วิจัยได้ใช้แบบประเมินเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลความพึงพอใจของ ผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์เพื่อให้ได้เครื่องมือ ในการวิจัยที่มีความเที่ยงตรง โดยมีขั้นตอนในการสร้าง ดังนี้ 1) ศึกษาค้นคว้าเอกสาร การใช้ esp8266 ในการเชื่อมต่อฐานข้อมูล และการพัฒนา เว็บไซต์ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการสร้างแบบประเมินความพึงพอใจ 2) กำหนดประเด็นหลัก และประเด็นย่อยต่าง ๆ ที่ต้องการจะทำการเก็บข้อมูลเพื่อ ประเมินความพึงพอใจที่มีต่อถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์จะแบ่ง ออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ (1) เกี่ยวกับสถานภาพผู้เชี่ยวชาญ - ซื่อ - วุฒิการศึกษา
28 - ตำแหน่ง - สถานที่ทำงาน - ผู้เชี่ยวชาญด้าน (2) แบบประเมินผู้เชี่ยวชาญ การพัฒนาระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บ ข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ ด้านการทำงานโดยภาพรวมของถังขยะอัตโนมัติ - ความรวดเร็วในการประมวลผลของถังขยะอัตโนมัติ - ความถูกต้องของผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล - ความสะดวกในการใช้งานของถังขยะอัตโนมัติ - ความเหมาะสมในการวางตำแหน่งส่วนประกอบของอุปกรณ์ - ความปลอดภัยในการใช้งาน ด้านการทำงานของเว็บไซต์ - การดูและระบบอย่างครอบคลุม - ความสามารถในการรายงานแบบกราฟ - ความสามารถในการแสดงหน้ารายงาน - ระบุตำแหน่งได้อย่างถูกต้อง ด้านการทำงานของระบบแจ้งเตือน - ความแม่นยำในการส่งข้อมูล - สามารถแจ้งเตือนได้อย่างรวดเร็ว 3.3 ขั้นตอนการดำเนินงาน 3.3.1 กำหนดปัญหาและโอกาสเป้าหมาย จากการสัมภาษณ์จ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารและสถานที่ และระดับผู้บริหารพบว่ายังมีข้อที่ต้อง แก้ไขในเนื่องเรื่องของการทิ้งขยะเนิ่งจากพบว่ามีการทิ้งขยะล้นถังออกมาทำให้ส่งกลิ่นเหม็น ดังนั้น ผู้วิจัยจึงมีแนวทางแก้ไขปัญหาจากสาเหตุดังกล่าวโดยพัฒนาระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการใช้งานได้สะดวกและ รวดเร็วยิ่งขึ้น
29 3.3.2 การค้นหาความต้องการของผู้ใช้ จากการสังเกตการทิ้งขยะในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนที่มาทิ้งขยะในมหาวิทยาลัย พบว่า ผู้คนจะมีการทิ้งขยะในทุกวันและยังมีขยะล้นถังในบางจุดจึงจำเป็นต้องมีระบบถังขยะที่สามารถ เปิด-ปิดอัตโนมัติ และมีการจัดเก็บข้อมูลแบบออนไลน์ 3.3.3 การวิเคราะห์ระบบ รูปภาพที่ 3.1 แผนภาพบริบทของ ของระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์
30 รูปภาพที่ 3.2 แผนภาพกระแสข้อมูลระดับที่ 1 ระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ รูปภาพที่ 3.3 แผนภาพกระแสข้อมูลระดับที่ 2 โปรเซสที่ 1 ระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์
31 รูปภาพที่ 3.4 แผนภาพกระแสข้อมูลระดับที่ 2 โปรเซสที่ 2 ระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ รูปภาพที่ 3.5 แผนภาพกระแสข้อมูลระดับที่ 2 โปรเซสที่ 3 ระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์
32 รูปภาพที่ 3.6 แสดงระบบถังขยะไอโอที ในการวัดปริมาณขยะ
33 รูปภาพที่ 3.7 แสดงระบบถังขยะไอโอที ในการเปิด-ปิดถังขยะ
34 รูปภาพที่ 3.8 แสดงระบบถังขยะไอโอที ในการรับข้อมูลตำแหน่งของถังขยะ
35 3.3.4 การออกแบบระบบ 1) การออกแบบหน้าจอสำหรับ ระบบถังขยะอัตโนมัติ สามารถออกแบบหน้าระบบได้ดังนี้ รูปภาพที่ 3.9 เว็บไซต์แสดงหน้ารายงานสถานะ และแสดงข้อมูลเจ้าหน้าที่ประจำตึก รูปภาพที่ 3.10 เว็บไซต์แสดงกราฟเปรียบเทียบ การรายงานผลการทิ้งขยะแต่ละถังประจำสัปดาห์
36 รูปภาพที่ 3.11 หน้าเว็บไซต์แสดงตำแหน่งของถังขยะอัตโนมัติ รูปภาพที่ 3.12 หน้าเว็บไซต์ผู้ดูแลระบบถังขยะอัตโนมัติ ที่สามารถแก้ไขข้อมูลได้
37 รูปภาพที่ 3.13 แสดงการแก้ไขข้อมูลของผู้ดูแลระบบผ่านเว็บไซต์
38 2) ERs Model ระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์ สามารถเขียน ER Model ได้ดังนี้ 3) พจนานุกรมข้อมูล (Data Dictionary) ระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์สามารถเขียนพจนานุกรมข้อมูลได้ ดังนี้ ตารางที่ 3.1 แฟ้มข้อมูลตารางข้อมูลตึกในมหาวิทยาลัย Attribute Description Data Type Width Key build_id รหัสตึก int 11 PK build_name ชื่อตึก varchar 50 numberof_id จำนวนชั้น varchar 50 รูปภาพที่ 3.14 ER Model ของระบบถังขยะไอโอที และระบบจัดเก็บข้อมูลการทิ้งขยะแบบออนไลน์