ตำนาน เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
1
ประวัติเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ ยวนั้ นกำเนิ ดในครอบครัวตระกูลลิ้มใน
สมัยพระเจ้าซื่อจงฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์ เหม็งราวๆ พ.ศ. 2065–2109
มีพี่น้ องชายหญิงหลายคน มีพี่ชายคนหนึ่ งชื่อ “ลิ้มโต๊ะเคี่ยม” ซึ่ง
รับราชการอยู่ที่อำเภอมณฑลฮกเกี้ยน เมื่อบิดาลิ้มโต๊ะเคี่ยมถึงแก่กรรม
จึงได้ย้ายมารับราชการที่เมื่องจั่วจิว ปล่อยให้ลิ้มกอเหนี่ ยวและพี่น้ อง
คนอื่น ๆ เฝ้ าดูแลมารดา
2
เล่ากันว่าในช่วงระยะนั้ นมีโจรสลัดญี่ปุ่ นบุกปล้นและเข้าตีเมือง
ตามชายฝั่ งของจีน ลิ้มโต๊ะเคี่ยมซึ่งเป็ นที่รักของประชาชนชาวจีนก็
ถูกขุนนางกังฉินใส่ร้ายว่าลิ้มโต๊ะเคี่ยมสมคบกับโจรสลัดญี่ปุ่ น ด้วย
เหตุนี้ ลิ้มโต๊ะเคี่ยมจึงถูกทางราชการประกาศจับ ทำให้ต้องจำใจ
หลบหนี ออกจากประเทศจีนไปกับพรรคพวกหลายคนไปอาศั ยอยู่
ที่เกาะไต้หวัน ต่อมาได้เปลี่ยนอาชีพเป็ นพ่อค้า โดยได้นำสินค้า
จากประเทศจีนบรรทุกเรือสำเภามาขายที่ประเทศไทย และท่าเรือ
สุดท้ายที่มาขายสินค้าคือ เมืองกรือเซะ (ปั จจุบันคือ บ้านกรือเซะ
ตำบลตันหยงลูโละ อำเภอเมือง จังหวัดปั ตตานี )
3
เจ้าเมืองผู้ครองเมืองกรือเซะสมัยนั้ นเป็ นชาวไทยมุสลิม มีธิดาที่
งามเลิศอยู่นางหนึ่ ง ซึ่งถือเป็ นธรรมเนี ยมของพ่อค้าในสมัยก่อนเมื่อนำ
เรือสินค้าเข้าไปจอดที่เมืองใดก็มักจะนำผ้าแพรพรรณและสิ่ งของสวย ๆ
งามๆ ที่มีค่าขึ้นไปถวายเจ้าผู้ครองเมืองเป็ นของกำนั ลเพื่อผูกไมตรี
ปรากฏว่า เป็ นที่พอพระทัยของเจ้าผู้ครองเมืองเป็ นอย่างยิ่ง จึงได้ให้
ความสนิ ทสนมเป็ นกันเองอย่างดีเป็ นพิเศษต่อลิ้มโต๊ะเคี่ยม
4
เนื่ องจากลิ้มโต๊ะเคี่ยมเป็ นชายหนุ่ มรู ปงาม อีกทั้งยังมีความรู้
ความสามารถในศิ ลปวิทยาการแขนงต่าง ๆ หลายด้าน แม้แต่ฝี มือ
การรบพุ่งก็เก่งกล้าสามารถ จึงเป็ นที่สนใจของธิดาเจ้าเมืองกรือเซะ
ซึ่งลิ้มโต๊ะเคี่ยมเองก็ต้องตาต้องใจในความงามที่เป็ นเลิศของนางอยู่
ก่อนแล้ว โดยที่เจ้าเมืองกรือเซะเองก็สนั บสนุนอยากได้ลิ้มโต๊ะ
เคี่ยมมาเป็ นเขย
5
ในที่ สุ ดลิ้มโต๊ะเคี่ ยมและธิ ดาเจ้าเมืองกรือเซะจึงได้ เข้าสู่ พิธี
วิวาห์ตามหลักศาสนาอิสลาม โดยลิ้มโต๊ะเคี่ยมยอมเปลี่ยนมานั บถือ
ศาสนาอิสลามตามฝ่ ายธิดาเจ้าเมือง เพราะยึดถือความรักเป็ นใหญ่
รวมทั้งลูกเรือที่มากับลิ้มโต๊ะเคี่ยมทั้งหมดก็ไม่กลับประเทศจีน ยอม
อยู่กับลิ้มโต๊ะเคี่ยมผู้เป็ นนายที่เมืองกรือเซะ และเปลี่ยนมานั บถือ
ศาสนาอิสลาม มีภรรยาเป็ นคนไทยมุสลิมในเมืองกรือเซะ
6
หลายปี ต่อมา มารดาของลิ้มโต๊ะเคี่ยม ซึ่งอยู่ที่ประเทศจีนไม่
เห็นบุตรชายกลับมาจากการค้าขายตามปกติ ก็มีความคิดถึงอีกทั้งเป็ น
ห่วงจนไม่เป็ นอันกินอันนอน ลิ้มกอเหนี่ ยวกับน้ องสาวอีกคนหนึ่ งต่าง
ก็มีความสงสารมารดา ประกอบกับความเป็ นห่วงพี่ชายที่ไม่ส่งข่าวมา
ถึงทางบ้านเลย จึงรับอาสามารดาออกติดตามพี่ชายเพื่อจะพากลับ
บ้านให้ได้ โดยให้สัญญากับมารดาว่า ถ้าไม่สามารถพาพี่ชายกลับมา
ก็จะไม่ขอมีชีวิตอยู่ต่อไป
7
ลิ้มกอเหนี่ ยวกับน้ องสาวได้คัดเลือกชายฉกรรจ์ที่มีฝี มือ
รบพุ่งในเชิงดาบจำนวนประมาณ 70 คน ออกเดินทางโดยใช้
เรือสำเภาติดตามมาจนถึงประเทศไทย โดยแวะที่ท่าเรือเมือง
นครศรีธรรมราชเป็ นแห่งแรก และได้สืบหาพี่ชายเรื่อยลงมาทาง
ใต้จนถึงหน้ าเมืองกรือเซะจึงได้ทอดสมอหยุดเรือที่อ่าวหน้ าเมือง
ฝ่ ายเมืองกรือเซะเข้าใจว่าเป็ นเรือของข้าศึ กจะยกมาตีเมือง
จึงส่งทหารออกไปต่อสู้ แต่ทุกครั้งที่ออกไปต่อสู้ทหารถูกฆ่าตาย
พ่ายแพ้กลับมา เจ้าเมืองกรือเซะเห็นว่าทหารไม่มีฝี มือพอที่จะชนะ
ข้าศึ กได้ อีกทั้งยังไม่มีใครกล้าอาสาออกรบ จึงได้ขอร้องลิ้มโต๊ะ
เคี่ยมผู้เป็ นบุตรเขยกับพวกที่มาจากประเทศจีนออกไปต่อสู้แทน
ปรากฏว่าการรบพุ่งเป็ นไปอย่างดุเดือด ต่างฝ่ ายต่างมีฝี มือ
ทัดเทียมกัน และฝี มือเพลงดาบของลิ้มกอเหนี่ ยวกับลิ้มโต๊ะเคี่ยม
เหมือนกัน
8
ในการออกรบลิ้มกอเหนี่ ยวกับน้ องสาวแต่งกายเป็ นผู้ชาย
ส่วนลิ้มโต๊ะเคี่ยมแต่งกายแบบไทยมุสลิม และเป็ นเวลากลางคืน
ต่างฝ่ ายต่างจำกันไม่ได้ เมื่อรบกันเป็ นเวลานานไม่มีใครแพ้ชนะ
อีกทั้งยังสงสัยว่าทำไมเพลงดาบจึงเหมือนกัน จึงได้เอ่ยถามกันขึ้น
ตามแบบธรรมเนี ยมจีน จึงได้รู้ว่าเป็ นพี่น้ องกัน และได้สั่ งให้ยุติ
การรบชวนกันเข้าไปพบเจ้าเมืองกรือเซะ เมื่อเจ้าเมืองทรงทราบก็
ยินดีจัดงาน
ฝ่ ายลิ้มกอเหนี่ ยวกับน้ องสาวพำนั กอยู่ในเมืองกรือเซะเป็ น
เวลานานพอสมควร จึงได้ชวนลิ้มโต๊ะเคี่ยมพี่ชายกลับประเทศจีน
เพราะมารดาคิดถึง แต่ถูกพี่ชายปฏิเสธทั้งๆ ที่ได้รบเร้าแล้วหลาย
ครั้งจึงทำให้แค้นใจและน้ อยใจในตัวพี่ชาย และมองเห็นแล้วว่า
พี่ชายคงไม่ยอมกลับแน่ นอน ซึ่งในช่วงระยะนั้ นลิ้มโต๊ะเคี่ยมกำลัง
เป็ นผู้อำนวยการก่อสร้างมัสยิดอยู่ด้วย
9
ลิ้มกอเหนี่ ยวจึงได้ตัดสินใจสละชีวิตตนเองประท้วงพี่ชาย โดยการ
ผูกคอตายที่ต้นมะม่วงหิมพานต์ โดยก่อนตายได้สาปแช่งไว้ว่า ขอให้
การสร้างมัสยิดที่พี่ชายทำอยู่ไม่มีวันสำเร็จ ส่วนน้ องสาวลิ้มกอเหนี่ ยว
เมื่อเห็นพี่สาวฆ่าตัวตายก็เลยฆ่าตัวตายตาม
ฝ่ ายลิ้มโต๊ะเคี่ยมผู้เป็ นพี่ชาย เมื่อรู้ว่าต้องสูญเสียน้ องสาวทั้ง 2 คน
ไป เพราะตนเองก็โศกเศร้าเสียใจยิ่งนั ก และได้จัดพิธีศพตามประเพณี
จีนอย่างสมเกียรติให้ โดยทำเป็ นฮวงซุ้ย อยู่ที่บ้านกรือเซะ ปั จจุบันมี
การบูรณะเฉพาะฮวงซุ้ยของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ ยวให้เห็นปรากฏอยู่จน
ทุกวันนี้
10
เมื่ อเสร็จงานพิธี ศพน้ องสาวแล้ว ลิ้มโต๊ ะเคี่ ยมก็ ได้ ก่ อสร้าง
มัสยิดที่ สร้างค้ างต่ อไป พอสร้างจวนจะสำเร็จเหลือยอดโดมก็
ถูกฟ้ าผ่ายอดโดมพังทลายหมด ลิ้มโต๊ ะเคี่ ยมก็ ยังไม่ยอมแพ้
เพียรพยายามสร้างต่ ออี ก 3 ครั้ง แต่ ก็ ถูกฟ้ าผ่าพังทลายทุกครั้ง
11
ในที่ สุ ดจึ งยอมแพ้หมดความพยายามที่ จะสร้างต่ อไป
แม้แต่ เจ้ าเมืองกรือเซะเองก็ บังเกิ ดความกลัวในอภิ นิ หารตาม
คำสาปแช่ งจนไม่มีใครกล้าสร้างต่ อจนถึ งปั จจุ บันนี้
ปั จจุ บันนี้ ได้ กลายเป็ นโบราณสถานที่ กรมศิ ลปากรได้
ขึ้ นทะเบียนอนุ รักษ์ ไว้แล้ว
12
สาระน่ ารู้
บรรดาลูกน้ องของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ ยวและน้ อง
สาว เมื่อเห็นนายฆ่าตัวตายก็พากันฆ่าตัวตายตามนาย
โดยวิธีลงเรือแล่นออกไปในทะเลแล้วกระโดดน้ำตาย
หมดทุกคน เหลือทิ้งไว้แต่เรือสำเภา 9 ลำ ลอยอยู่ใน
ทะเล ซึ่งเมื่อขาดการดูแลก็ชำรุ ดและจมทะเลคงเหลือไว้
แต่เสากระโดงเรือ ซึ่งทำด้วยต้นสนชูอยู่เหนื อน้ำทะเล
9 ต้น บริเวณดังกล่าวต่อมาได้ชื่อว่า “รู สะมิแล” เป็ น
ภาษามลายู ซึ่งได้มาจาก “รู ” แปลว่า “สน” “สะมิแล”
แปลว่า “เก้า” รวมความแปลว่า สนเก้าต้น ปั จจุบันเป็ น
ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปั ตตานี
13
สาระน่ ารู้
ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ ยวเป็ นที่เคารพสักการะของ
ประชาชนชาวปั ตตานี และจังหวัดอื่นๆ ทั่วไป ผู้ใดมีเรื่อง
ทุกข์ร้อนก็มักจะไปขอให้เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ ยวช่วย หรือถ้า
ต้องการทราบเรื่องเกี่ยวกับกิจการค้าขายว่าจะกำไรหรือ
ขาดทุนก็ไปเสี่ ยงทายล่วงหน้ าโดยวิธีเขย่าไม้เซียมซีแล้ว
ไปดูคำทำนายในใบเซี่ยมซี ซึ่งมีตัวเลขตรงกัน จะทำให้
ทราบได้ว่าจะมีโชคหรือไม่ หรือถ้าเจ็บไข้ได้ป่ วยก็ขอ
สลากยาจากเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ ยวแล้วนำไปซื้อตัวยาจาก
ร้านขายยามาต้มรับประทาน ได้กล่าวแล้วว่ามีการสมโภช
แห่เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ ยวทุกปี
อ้างอิง
ตำนานเจ้ าแม่ลิ้มกอเหนี่ ยว. (ม.ป.ป.). PATTANIHERITAGECITY.PSU.AC.TH.
สื บค้ น 27 ธั นวาคม 2565, จาก HTTPS://PATTANIHERITAGECITY.
PSU.AC.TH/DEMO/STORY/