The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

orca_share_media1669648488863_7003013335432281497

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by warunya0157, 2022-11-28 10:25:37

กัณฑ์มัทรี

orca_share_media1669648488863_7003013335432281497

มหาเวสสันดรชาดก

กัณฑ์มัทรี

จัดทำโดย
นางสาววรัญญา บุญทองใหม่

ม.๕/๒ เลขที่ ๓๖


ผู้แต่ง

เจ้าพระยาพระคลัง (หน)

ประวัติ


ที่มาของเรื่อง


จุดมุ่งหมายของเรื่อง
ลักษณะคำประพันธ์

แผนผังร่ายยาว


เนื้อเรื่องย่อ


เนื้อเรื่องถอดคำประพันธ์

ิ คืนก่อนที่พระนางมัทรีจะออกจากอาศรมไปเก็บผลไม้
ในป่า พระกุมารทั้งสองฝันร้าย ทำให้พระนางหวั่นวิตก
นึกถึงลูกตลอดเวลาจนน้ำตาอาบแก้มทั้งสองข้าง พลาง
สังเกตเห็นว่าต้นที่มีผลไม้กลับกลายเป็นดอกไม้ ส่วนต้นที่
มีดอกไม้กลับกลายเป็นผลไม้ขึ้นแทน ส่วนดอกไม้ที่เคยเก็บ
ไปร้อยให้ลูกก็ถูกลมพัดปลิวร่วงลงมา เมื่อมองไปรอบทิศก็
มืดมัวทุกหนแห่ง ท้องฟ้ากลับกลายเป็นสีแดงคล้ายกับลาง
บอกเหตุร้าย สายตาของพระนางก็เริ่มพร่ามัว ตัวสั่นใจสั่น
ของที่ถือก็หลุดจากมือ คานที่หาบไว้ก็ร่วงลงจากบ่าซึ่ง
เหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยิ่งพระนางคิดเท่าไร ก็ยิ่ง
ทุกข์ใจมากขึ้นเท่านั้น

ด้วยความหวั่นใจเรื่องลูก พระนางจึงรีบเก็บผลไม้เพื่อ
จะได้รีบกลับไปหาลูกที่อาศรม แต่ระหว่างทางกลับเจอ สิงโต
เสือเหลือง และเสือโคร่ง ขวางทางไว้ นางกลัวจนใจสั่นร่ำไห้
คิดไปว่าเป็นกรรมของตนเอง นางจะหนีไปทางไหนก็ไม่ได้
เพราะถูกสัตว์ทั้งสามกั้นไว้ทุกทิศทางจนฟ้ามืด พระนางมัทรี
ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงยกมือไหว้อ้อนวอนขอให้สัตว์หิมพานต์
ทั้งสามเปิดทางให้ตน โดยกล่าวว่า พระนางคือพระนางมัทรี
เป็นภรรยาของพระเวสสันดร ตามมาอยู่ที่อาศรมในป่าด้วย
ความบริสุทธิ์ใจและกตัญญูต่อสามี นี่ก็เวลาย่ำค่ำแล้วลูกคง
หิวนม โปรดเปิดทางให้พระนางกลับไปที่อาศรมแล้วตนจะแบ่ง
ผลไม้ให้ จากนั้นไม่นานสัตว์หิมพานต์ทั้งสามจึงยอมเปิดทาง
ให้ พระนางมัทรีก็รีบวิ่งกลับไปที่อาศรมด้วยแก้มที่อาบน้ำตา


เมื่อถึงที่พักพระนางมัทรีก็ตกใจไม่เห็นลูกอยู่ในอาศรม ร้อง
เรียกหาเท่าไรก็ไม่มีใครตอบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้จะออกมาหาแม่กัน
พร้อมหน้า ทั้งกัณหาขอกินนม ส่วนชาลีจะขอกินผลไม้ พระนา
งมัทรีเสียใจมาก พร่ำบอกว่าที่ผ่านมาก็ดูแลลูกอย่างดีแบบยุง
ไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม หวังจะกลับมาพบลูกให้ชื่นใจ ก่อนหน้านี้ยัง
ได้ยินเสียงลูกเล่นกันอยู่แถวนี้ นั่นก็รอยเท้าชาลี นี่ก็ของเล่น
กัณหา แต่เมื่อลูกหายไปอาศรมกลับดูเงียบเหงาเศร้าหม่น นาง
จึงไปถามพระเวสสันดรว่าลูกหายไปไหน เหตุใดจึงปล่อยให้
คลาดสายตา หากมีสัตว์ป่าจับไปจะทำอย่างไร แต่พระเวสสันดร
กลับไม่ตอบอะไร ทำให้นางกลุ้มใจยิ่งไปว่าเก่า

ด้วยความกลุ้มใจ ตัวก็ร้อน น้ำตาก็ไหล กระวนกระวาย
พลางบอกว่า ไม่เคยมีครั้งใดที่นางรู้สึกแค้นเคืองใจขนาดนี้
เพราะนางออกจากเมืองมาก็หวังว่าอย่างน้อยจะได้สุขใจเพราะ
อยู่พร้อมหน้ากับลูกและสามี แต่เมื่อลูกหายตัวไป ความหวังนั้น
ก็คล้ายจะดับสิ้น

พระนางมัทรีอ้อนวอนขอให้พระเวสสันดรตรัสกับนาง
บ้าง เพราะการนั่งนิ่งเหมือนโกรธเคืองพระนางมัทรีนั้นยิ่งทำให้
ปวดใจราวกับมีคนเอาเหล็กรนไฟมาแทงที่หัวใจ หรือเป็นคนไข้ที่
หมอนำยาพิษมาให้ดื่ม อีกไม่กี่วันคงสิ้นชีวิตอย่างแน่นอน เมื่อ
พระเวสสันดรได้ยินพระนางมัทรีดังนั้น ก็คิดว่าหากใช้ความหึง
หวงคงเป็นวิธีคลายความโศกให้พระนางได้ จึงตรัสว่า ในป่า
หิมพานต์แห่งนี้มีทั้งพระดาบสและนายพรานจำนวนมาก เจ้า
ออกไปเก็บผลไม้ตั้งแต่เช้าจนย่ำค่ำ หากไปทำอะไรในป่าแห่งนี้ก็
คงจะไม่มีใครรู้เห็น เหตุใดจึงทิ้งลูกหนีเข้าไปในป่านานถึงเพียงนี้
พอกลับมายังห่วงแต่ลูก ไม่ห่วงสามีแต่อย่างใด หรือหากไม่
นึกถึงสามีก็ไม่ควรหายเข้าไปในป่านานถึงเพียงนี้ จะให้เราเข้าใจ
ได้อย่างไร


เมื่อพระนางมัทรีได้ยินดังนั้น จึงกราบทูลว่า เหตุใด
พระองค์จึงไม่ได้ยินเสียงของราชสีห์ เสือโคร่ง และเสือเหลือง
เพราะสัตว์ทั้งสามนี้ทำให้ทำให้พระนางไม่สามารถกลับอาศรม
ได้ ทั้งยังเกิดเหตุร้ายหลายประการขณะที่นางเข้าไปในป่า ทั้ง
ของที่ถือก็หลุดจากมือ คานที่หาบไว้ก็ร่วงลงจากบ่า ต้นไม้ที่เคย
ผลิดอกก็ออกผล ต้นไม้ที่เคยออกผลก็ผลิดอกออกมา ชวนให้
หวาดกลัวจนตัวสั่น อธิษฐานภาวนาให้ลูกและสามีปลอดภัย
แล้วรีบกลับมายังอาศรมแต่ถูกสัตว์ร้ายทั้งสามตัวนอนขวาง
ทางเอาไว้ จึงต้องกราบอ้อนวอนสัตว์ทั้งสามให้เปิดทางให้จน
พระอาทิตย์ตกดินสัตว์ทั้งสามจึงหลีกทาง แล้วพระนางมัทรีก็
รีบวิ่งกลับมายังอาศรมนี้ มิได้ไปทำสิ่งใดที่ไม่เหมาะไม่ควรแต่
อย่างใด ฝ่ายพระเวสสันดรเมื่อฟังคำตอบของพระนามัทรีก็
เอาแต่นิ่งเงียบทั้งคืน จนกระทั่งรุ่งเช้า

ระหว่างนั้นพระนางมัทรีโศกเศร้าร่ำไห้ คร่ำครวญว่าตนปฏิบัติต่อ
สามีดั่งศิษย์ปฏิบัติต่อครู ดูแลลูกทั้งสองแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ทั้ง
บดขมิ้นไว้ให้อาบน้ำ จัดหาอาหารมาให้มิได้ขาด แล้วอ้อนวอนให้สามีเรียก
ลูกมากินอาหารที่ตนหามา ถามว่าลูกอยู่แห่งหนใดเหตุใดจึงยังไม่ยอม
ออกมา แต่ไม่ว่าจะร้องขออ้อนวอนอย่างไรสามีก็นิ่งเฉยไม่เอ่ยสิ่งใดออก
มา พระนางจึงถวายบังคมลาออกไปตามหาลูกทั้งสองในป่าหิมพานต์
เมื่อออกตามหาจนทั่วแล้วไม่พบจึงกลับมาที่อาศรมพบว่าพระเวสสันดร
ยังคงนั่งนิ่งอยู่เหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด พระนางจึงตัดพ้อว่า เหตุใดพระ
เวสสันดรจึงยังนั่งนิ่งอยู่ไม่ลุกมาผ่าฝืน ตัดน้ำใส่บ่อ หรือก่อไฟไว้อย่างที่
เคยทำเป็นประจำทุกวัน พร้อมกับบอกว่าพระเวสสันดรนั้นเป็นที่รักของ
พระนางมัทรีอย่างยิ่ง เมื่อกลับมาจากป่าเห็นพระพักตร์ของพระองค์และ
ได้เห็นลูกทั้งสองวิ่งเล่น ก็คลายความเหนื่อยล้าเป็นปลิดทิ้ง แต่วันนี้กลับ
กลายเป็นความทุกข์ร้อน เศร้าโศก เพราะพระองค์ไม่ยอมตรัสสิ่งใดกับ
พระนาง แม้พระนางมัทรีจะได้ออกตามหาพระกัณหาและพระชาลีไปทั่วป่า
ทั้งราตรี แล้วกลับมาหาพระเวสสันดรอย่างไรพระองค์ก็ไม่ยอมตรัสสิ่งใด
อยู่เช่นเดิม นางมัทรีสะอื้นไห้จนหมดสติล้มลงกับพื้น


พระเวสสันดรบรรพชาเป็นดาบสมากว่า 7
เดือน ไม่เคยได้แตะต้องตัวพระนางมัทรี แต่วันนี้
ด้วยความเศร้าโศกและตระหนกตกใจเกรงว่า
พระนางจะเป็นอะไรไป พระเวสสันดรจึงเข้าไป
ตรวจชีพจรดูแลนางจนได้สติตื่นฟื้นขึ้นมา ฝ่าย
พระนางมัทรีเมื่อฟื้นขึ้นมาก็ทูลถามอีกครั้งว่า
ลูกทั้งสองอยู่แห่งหนใด กลับมาแล้วหรือไม่ พระ
เวสสันดรจึงตอบว่าตนได้ยกพระกัณหากับพระ
ชาลีให้กับชูชกไปแล้ว แต่พระองค์มิได้บอกกับ
พระนางมัทรีตั้งแต่ต้นเกรงว่าพระนางจะเศร้า
โศกเสียใจ เมื่อได้รู้ความจริงแล้ว พระนางมัทรี
จึงคลายความทุกข์เศร้าลงแล้วอนุโมทนาบุญ
กับบุตรทานที่พระเวสสันดรได้ปฏิบัติในครั้งนี้


ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้


Click to View FlipBook Version