The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เพิ่มหัวเรื่อง_20240207_132833_0000

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

สายพันธุ์งูในไทย

เพิ่มหัวเรื่อง_20240207_132833_0000

สายพัพัพัน พัพัพั ธ์ธ์ธ์งู ธ์ งู ธ์ งู ธ์ ใ งู ใ งู ใ งู นไทย นาย พูลทรัพย์ โมกไธสงค์ ม.5/5 เลขที่20


ดินดิเป็น ป็ สัต สั ว์เ ว์ ลื้อ ลื้ ยคลานจำ พวกงูก งู ลุ่มลุ่ หนึ่ง นึ่ [2] จัด จั อยู่ใยู่ น อัน อั ดับ ดั ฐาน Scolecophidia[3] จัด จั เป็น ป็ งูข งู นาดเล็ก ล็ ที่สุ ที่ ด สุ เป็น ป็ งูไ งู ม่มี ม่ พิ มี ษพิมีลั มี ก ลั ษณะลำ ตัว ตั ยาวเรีย รี ว ปกคลุม ลุ ด้ว ด้ ย เกล็ด ล็ มัน มั วาว ขนาดเท่า ท่ กัน กั ตลอดลำ ตัว ตั รวมทั้ง ทั้ เกล็ด ล็ ท้อ ท้ ง มัก มั มีสี มี น้ำ สี น้ำตาลหรือ รื ดำ ลิ้นลิ้มี 2 แฉก มีข มี นาดลำ ตัว ตั ตั้ง ตั้ แต่ค ต่ วามยาวไม่กี่ ม่ เ กี่ ซนติเติมตรลัก ลั ษณะคล้า ล้ ยไส้เ ส้ ดือ ดื น หรือ รืไส้ดิ ส้ นดิสอ ไปจนถึง ถึ ความยาวกว่า ว่ 30 เซนติเติมตร ตาขนาดเล็ก ล็ มากอยู่ใยู่ ต้เ ต้ กล็ด ล็ บางชนิดนิมองไม่เ ม่ ห็น ห็ เลย จนเสมือ มื นว่า ว่ ตาบอด มัก มั พบเจองูดิ งู นดิได้บ่ ด้ อ บ่ ย ๆ บนพื้น พื้ ดินดิช่ว ช่ งหลัง ลั ฝนตกใหม่ ๆ ดำ รงชีวิ ชี ตวิ โดยการกินกิไข่และ ตัว ตั อ่อ อ่ นของมดและปลวกรวมถึง ถึ สัต สั ว์ข ว์ าปล้อ ล้ งขนาด เล็ก ล็ เป็น ป็ อาหาร งูทั้ งู ง ทั้ หมดในวงศ์นี้ ศ์ เ นี้ป็น ป็ นัก นั ขุดงัด งั (สามารถขุดรูไ รู ด้)ด้[4] ปัจ ปั จุบั จุ น บั มีช มี นิดนิที่ย ที่ อมรับ รั ถึง ถึ 5 วงศ์ และ 39 สกุล กุ [5 1.งูดินหัวเหลือง


งูข งู นาดเล็ก ล็ (จากปลายปากถึง ถึ รูก รู น 100 – 125 มิลมิลิเลิมตร และหางยาว 2 – 3 มิลมิลิเลิมตร – จาก Taylor 1963) ลํา ลํ ตัว ตั เรีย รี วยาวและกลม สวนของหัว หั กว้า ว้ งเท่า ท่ กับ กั ลํา ลํ ตัว ตั สวนปลายของหัว หั มน หางสั้น สั้ มาก และส่ว ส่ นปลายของหางมีห มี นามแข็ง ตาเล็ก ล็ มากและ มองเห็น ห็ เป็น ป็ จุด จุ ทึบ ทึ แสง ผิวผิหนัง นั ลํา ลํ ตัว ตั มีเ มี กล็ด ล็ ขนาดเล็ก ล็ ปกคลุม ลุ เกล็ด ล็ รอบลํา ลํ ตัว ตั ในแนวกึ่ง กึ่ กลางตัว ตั จํา จํ นวน 20 เกล็ด ล็ (Taylor, 1963) ลํา ลํ ตัว ตั สีเ สี ทา ดานทองสี จางกว่า ว่ ด้า ด้ นหลัง ลั เล็ก ล็ นอย สวนปลายของหัว หั ช่อ ช่ ง เป็น ป็ ดรูก รู น และหาง มี สีจ สี ากกว่า ว่ สีลํ สี า ลํ ตัว ตั (Taylor, 1963) 2.งูดินโคราช


มีลั มี ก ลั ษณะคล้า ล้ ยกับ กั งูเ งู หลือ ลื ม (M. reticulatus) ซึ่ง ซึ่ เป็น ป็ งูใ งู นวงศ์งู ศ์ เ งู หลือ ลื มเหมือ มื นกัน กั แต่มี ต่ ข มี นาดเล็ก ล็ กว่า ว่ งู เหลือ ลื ม โดยความยาวโดยเฉลี่ย ลี่ ประมาณ 1-3 เมตร (พบใหญ่ที่ ญ่ สุ ที่ ด สุ 5.18 เมตร น้ำ หนัก นั 74 กิโกิลกรัม รั ที่ อุท อุ ยานแห่ง ห่ ชาติเติอเวอร์เ ร์ กลดส์ สหรัฐ รั อเมริกริา[3] ทำ ลายสถิติถิตัติว ตั ที่มี ที่ ค มี วามยาว 5 เมตรในประเทศพม่า ม่ ) [4] มีลำ มี ลำตัว ตั ที่อ้ ที่ ว อ้ นป้อ ป้ มกว่า ว่ อีก อี ทั้ง ทั้ หางก็สั้ก็ น สั้ กว่า ว่ และมี ขีด ขี ที่บ ที่ นหัว หั เป็น ป็ สีข สี าว เรีย รี กว่า ว่ "ศรขาว" อีก อี ทั้ง ทั้ มีสี มี สั สี น สั และลวดลายที่แ ที่ ตกต่า ต่ งจากงูเ งู หลือ ลื ม รวมทั้ง ทั้ อุป อุ นิสันิย สั ที่ ไม่ดุ ม่ ต่ ดุ า ต่ งจากงูเ งู หลือ ลื ม จึง จึ เป็น ป็ ที่นิ ที่ ยนิมเลี้ย ลี้ งเป็น ป็ สัต สั ว์เ ว์ ลี้ย ลี้ ง ของผู้ที่ผู้ นิ ที่ ยนิมเลี้ย ลี้ งสัต สั ว์เ ว์ ลื้อ ลื้ ยคลาน นิยนิมกัน กั มากในตัว ตั ที่ สีก สี ลายเป็น ป็ สีเ สี ผือ ผื กและลวดลายแตกต่า ต่ งไปจากปกติ เคยถูก ถู จัด จั ให้เ ห้ป็น ป็ ชนิดนิย่อ ย่ ยของงูห งู ลามอินอิเดีย ดี (P. molurus) จากการศึก ศึ ษาโดยละเอีย อี ดแล้ว ล้ ด้ว ด้ ยความ แตกต่า ต่ งในหลาย ๆ ส่ว ส่ น ชนิดนิย่อ ย่ ย P. molurus bivittatus ที่เ ที่ คยใช้ 3.งูหลาม


4.งูเหลือม งูเ งู หลือ ลื ม ( ชื่อ ชื่ วิทวิยาศาสตร์ : Malayopython reticulatus ) จัด จั อยู่ใยู่ น ไฟลัม ลั สัต สั ว์มี ว์ แ มี กนสัน สั หลัง ลั ชั้น ชั้ สัต สั ว์เ ว์ ลื้อ ลื้ ยคลาน เป็น ป็ งูข งู นาดใหญ่ ลำ ตัว ตั ยาวเฉลี่ย ลี่ ประมาณ 3.5-6 เมตร จัด จั เป็น ป็ งูที่ งู ย ที่ าวที่สุ ที่ ด สุ ของโลกซึ่ง ซึ่ ตัว ตั ที่ย ที่ าวที่สุ ที่ ด สุ ยาวถึง ถึ 9.6 เมตร ถูก ถู จับ จั ได้เ ด้ มื่อ มื่ ปี ค.ศ. 1917 ที่ เกาะซีลิ ซี เลิบท เป็น ป็ หมู่เมู่ กาะแห่ง ห่ หนึ่ง นึ่ ใน มาเลเซีย ซี [4] โดยมีค มี วามยาวกว่า ว่ งูอ งู นาคอนดา ( Eunectes murinus ) ที่พ ที่ บในทวีปวี อเมริกริาใต้ แต่มี ต่ น้ำ มี น้ำหนัก นั น้อ น้ ย กว่า ว่ อาจจะหนัก นั น้อ น้ ยกว่า ว่ งูอ งู นาคอนดาได้ถึ ด้ ง ถึ ครึ่ง รึ่ เท่า ท่ ตัว ตั [4


งูห งู ลามปากเป็ด ป็ (อัง อั กฤษ: Blood python; ชื่อ ชื่ วิทวิยาศาสตร์: ร์ Python curtus) เป็น ป็ งูไ งู ม่มี ม่ พิ มี ษพิมีลำ มี ลำตัว ตั ที่ อ้ว อ้ น หนา กว่า ว่ งูห งู ลามและงูเ งู หลือ ลื ม แต่มี ต่ ห มี างที่สั้ ที่ น สั้ แลดู ไม่ส ม่ มส่ว ส่ น และมีล มี วดลายที่แ ที่ ปลกออกไป มีห มี ลาย หลากสี ทั้ง ทั้ น้ำ ตาล, แดง, เหลือ ลื ง, ส้ม ส้ หรือ รื เขีย ขี ว โดยงู แต่ล ต่ ะตัว ตั จะมีสี มี สั สี น สั และลวดลายต่า ต่ งกัน กั ออกไป ขนาด โตเต็ม ต็ ที่ไที่ ด้ปด้ ระมาณ 1.50 เมตร จัด จั เป็น ป็ งูที่ งู มี ที่ ข มี นาดเล็ก ล็ ที่สุ ที่ ด สุ ในสกุล กุ นี้[นี้2] พบในประเทศไทยตั้ง ตั้ แต่จั ต่ ง จั หวัด วั ประจวบคีรี คี ขั รี น ขั ธ์ล ธ์ งไป ตลอดจนมาเลเซีย ซี , สิงสิคโปร์จ ร์ นถึง ถึ อินอิโดนีเ นี ซีย ซี โดย สถานที่ค้ ที่ น ค้ พบครั้ง รั้ แรกอยู่ที่ยู่ เ ที่ กาะสุม สุ าตรา[3] เป็น ป็ งูที่ งู ไที่ ม่ ค่อ ค่ ยขึ้น ขึ้ ต้น ต้ไม้ มัก มั จะซุ่มซุ่ รออาหารตามพื้น พื้ ดินดิที่ เฉอะแฉะใกล้แ ล้ หล่ง ล่ น้ำ [4] ที่โที่ ดยมากเป็น ป็ สัต สั ว์เ ว์ ลือ ลื ดอุ่นอุ่ ขนาดเล็ก ล็ งูห งู ลามปากเป็ด ป็ วางไข่ครั้ง รั้ ละประมาณ 30– 50 ฟอง [5][2] 5.งูหลามปากเป็ด


งูใ งู นสกุล กุ งูป งู ล้อ ล้ งหวาย (Calliophis) ที่มี ที่ ถิ่ มี นถิ่อาศัย ศั ในไทย เป็น ป็ กลุ่มลุ่ งูพิ งู ษพิขนาดเล็ก ล็ ที่มี ที่ สี มี ส สี วย ทุก ทุ ชนิดนิมีข มี นาด ประมาณเท่า ท่ หลอดกาแฟหรือ รื ดินดิสอดำ ขนาดธรรมดา รูป รู ร่า ร่ งและนิสันิย สั คล้า ล้ ยคลึง ลึ กัน กั อาศัย ศั นอนตามใต้ใต้ บไม้ผุ ม้ ผุ ซอกหินหิซอกไม้ผุ ม้ ผุ ออกหากินกิในระหว่า ว่ งที่แ ที่ ดดอ่อ อ่ น อากาศเย็น ย็ มัก มั พบในสวนยาง และป่า ป่ ทึบ ทึ ออกเลื้อ ลื้ ยเวลา เย็น ย็ กินกิจิ้งจิ้จกและลูก ลู จิ้งจิ้เหลน มีเ มี ขี้ย ขี้ วพิษพิในลัก ลั ษณะ Proteroglypha ทุก ทุ ชนิดนิ ไม่ดุ ม่ ดุ เมื่อ มื่ ถูก ถู ตัว ตั มัก มั จะพยายาม ซุก ซุ หนี ไม่ส่ ม่ อ ส่ อากัปกั กิริกิยริา ว่า ว่ จะกัด กั งูป งู ล้อ ล้ งหวายแดงเป็น ป็ ชนิดนิที่พ ที่ บมากที่สุ ที่ ด สุ พบทุก ทุ ภาค ของไทย เช่น ช่ จัง จั หวัด วั เชีย ชี งใหม่ อุทั อุ ย ทั ธานี ชลบุรี บุ รี จัน จั ทบุรี บุ รี ปัต ปั ตานี ขนาดยาวประมาณ285 ม.ม. (หัว หั 10 ม.ม. ตัว ตั 230 ม.ม. หาง 45 ม.ม.) หัว หั สีดำ สี ดำพื้น พื้ ตัว ตั สีส้ สี ม ส้ หรือ รื น้ำ ตาล แดง ลายดำ (ลายดำ ตามตัว ตั ไม่เ ม่ หมือ มื นกัน กั บางตัว ตั เป็น ป็ จุด จุ ดำ เล็ก ล็ ๆ บางตัว ตั จุด จุ ใหญ่ไญ่ ม่เ ม่ ป็น ป็ ระเบีย บี บ บางตัว ตั ลายดำ ขวั้น วั้ ขวางตัว ตั เป็น ป็ ข้อ ข้ ๆ) โคนหางและปลายหางมีสี มี ดำ สี ดำ ขวั้น วั้ ปลายหางขาว ท้อ ท้ งชมพู 6.งูปล้องหวาย


7.งูแมวเซา เป็นงูที่มีรูปร่างอ้วนป้อม ลำ ตัวสั้น หางสั้น เวลาตกใจ หรือ รื ถูกรบกวนมักขดตัวเตรีย รี มสู้และระวัง วั ตัว พร้อมทั้ง ทำ เสียงขู่คล้ายแมวหรือ รื เสียงของยางรถยนต์รั่ว โดย การสูบลมเข้าไปในตัวจนตัวพอง แล้วพ่นลมออกมา ทางรูจมูกแรง ๆ แทนที่จะเลื้อยหนี เป็นงูที่ฉกกัดได้ รวดเร็วแทบไม่ทันตั้งตัวทั้ง ๆ ที่ขดตัวอยู่ในลักษณะ ปกติ ลำ ตัวมีสีน้ำ ตาลอ่อนอมเทา มีเกล็ดสีชมพูแซม บริเ ริ วณสีข้าง มีลายลักษณะทรงกลมสีน้ำ ตาลเข้ม ตลอดทั้งตัว เกล็ดมีขนาดเล็กและมีสัน หัวเป็นรูปทรง สามเหลี่ยมและมีลายดำ คล้ายลูกธนู มีเกล็ดเล็ก ละเอียดบนหัว เขี้ยวพิษมีความยาว สามารถโตเต็มที่ได้ 120–166 เซนติเมตร


8.งูสามเหลี่ยมหัวแดง งูสามเหลี่ยมหางหัวแดง (Red-headed Krait Snake) เป็นงูพิษร้ายแรงอีกชนิดหนึ่งที่อยู่ตระกูลงูสามเหลี่ยม ที่ หายากมากในประเทศไทย จึงพบกันได้น้อยมากของไทย มีลักษณะหัวมนลิ่มกลมมีพื้นสีเป็นสีแดงออกส้ม ม่านตา ดำ กลมทั้งดวง ลักษณะลำ ตัวมีสันกระดูกยื่นออกมาตั้ง ขนานกับลำ ตัวบนพื้นราบได้เห็นอย่างชัดเจน มฝไม่มี ลวดลาย มีสีพื้นลำ ตัวเป็นสีดำ อมเทาอ่อนทั้งลำ ตัว บริเ ริ วณ โคลนจรดถึงปลายหางเป็นแถบแดงออกส้มอ่อนเช่นเดียว กับส่วนหัวของงู และปลายหางจะเรีย รี วแหลมลักษณะเช่น นี้โดยส่วนใหญ่จะไม่พบเห็นตามป่าทั่วไป แต่จะพบตาม ยอดเขาซ้ะมากกว่า ว่ พื้นราบของดินป่าทั่วไป อุปนิสัยก็เช่น เดียวกับงูเหลี่ยมซึ่งจะไม่ดุตามธรรมชาติในเวลากลางวัน วั จะฉกกัดก็ต่อเมื่อไปเหยียบกับทำ ให้เขาตกใจ และเวลา กลางคืนว่อ ว่ งไว ปราดเปรีย รี ว และมีอาการดุมาก ซึ่งเป็น เวลาหากินของเขาเช่นกัน มีความยาวเฉลี่ยเมื่อโต สุด145เซนติเมตร


9.งูทับสมิงคลา งูทับสมิงคลา เป็นงูที่มีลำ ตัวค่อนข้าง กลม มีสันเล็กน้อยแต่ไม่ชัดเจนอย่างงู สามเหลี่ยม มีสีดำ สลับขาวเป็นปล้อง ตลอดความยาวลำ ตัว ส่วนท้องมีสีขาว ส่วนบนของหัวมีสีดำ ปนเทา ส่วนหาง เรีย รี วยาวและปลายหางแหลม เป็นงูที่ ว่องไวปราดเปรีย รี วและพิษมีความรุนแรง กว่างูสามเหลี่ยม โดยพิษของงู ทับสมิงคลาจะมีผลต่อระบบประสาท ทำ ให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง


10.งูเห่าไทย งูเห่าไทย งูเห่าดง งูเห่าหม้อ หรือ รื งูเห่าปลวก (ชื่อ วิท วิ ยาศาสตร์: Naja kaouthia) เป็นงูพิษร้ายแรงชนิดหนึ่ง จำ พวกงูเห่า อยู่ในวงศ์งูพิษเขี้ยวหน้า (Elapidae) หัวมีลักษณะกลมเรีย รี ว หางเรีย รี วยาว มีสีสันลำ ตัวต่าง ๆ ทั้ง สีดำ , เขียว หรือ รื น้ำ ตาลเหลืองหรือ รื น้ำ ตาลเข้ม รวมทั้งเป็นสี ขาวนวลปลอดตลอดทั้งตัวด้วย งูเห่าไทยมีดอกจันเป็นรูปตัว O โดยที่มิใช่เป็นงูเผือกเรีย รี กว่า ว่ "งูเห่านวล" (N. k. var. suphanensis Nutaphand, 1986) มีทั้งที่มีลายตามตัว และไม่มีลาย ไม่มีดอกจัน พบที่แถบจังหวัด วั สุพรรณบุรี[รี1] มี นิสัยดุร้าย มีพิษมีฤทธิ์ทำ ลายระบบประสาทที่รุนแรง และเป็น สาเหตุที่ทำ ให้ผู้ที่ถูกกัดเสียชีวิต วิ พิษของงูเห่านับว่า ว่ มีความร้าย แรงมาก งูเห่าไทย จัดเป็นงูเห่าที่มีขนาดใหญ่มากชนิดหนึ่ง โดยความ ยาวเฉลี่ยเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 100–180 เซนติเมตร โดย ขนาดยาวที่สุดที่วัด วั ได้ของสถานเสาวภา โดยสภากาชาดไทย คือ 225 เซนติเมตร


11.งูเห่าพ่นพิษ งูเห่าพ่นพิษสยาม (อังกฤษ: Indo-Chinese spitting cobra; ชื่อวิท วิ ยาศาสตร์: Naja siamensis) เป็นงูเห่า จำ พวกงูเห่าพ่นพิษ กล่าวคือ เป็นงูเห่าที่สามารถพ่นพิษได้ โดยสามารถพ่นพิษได้ไกล 1-2 เมตร เมื่อพ่นน้ำ พิษหมด แล้ว สามารถผลิตน้ำ พิษได้ในเวลา 10 นาที ก็สามารถพ่น น้ำ พิษใหม่ได้ ขณะชูคอแผ่แม่เบี้ยขู่ ก็จะอ้าปากเพื่อเตรีย รี ม พ่นพิษใส่ศัตรู จะมีรูของเขี้ยวพิษ อยู่ทางด้านหน้า เพื่อ สะดวกในการฉีดพ่นพิษออกไป และถ้าพิษเข้าตา จะไม่ ทำ ให้ตาบอดในทันที ยกเว้น ว้ เพียงแต่เราขยี้ตา ถ้าถูกพิษ ทางผิวหนังที่มีแผล ก็จะทำ ให้เกิดการอักเสบ แต่ไม่ อันตรายมาก เพราะได้รับปริม ริ าณพิษน้อย ลักษณะ ลักษณะรูปร่างทั่วไปจะคล้ายคลึงกับงูเห่าไทย (N. kaouthia) แต่มีลำ ตัวที่สั้นกว่า ว่ โดยจะยาวเฉลี่ย2 ถึง - 3เมตร มีความว่อ ว่ งไว นิสัยดุร้าย ดอกจันมักเป็นรูปตัว U หรือ รื เลือนลางในบางตัว สีลำ ตัวบางตัวอาจมีลายดอกด่าง ขาว จึงได้อีกชื่อหนึ่งว่า ว่ "งูเห่าพ่นพิษด่าง" หรือ รื "งูเห่าพ่น พิษขี้เรื้อ รื้ น" เป็นต้น


12.งูจงอาง งูเห่าพ่นพิษสยาม (อังกฤษ: Indo-Chinese spitting cobra; ชื่อวิท วิ ยาศาสตร์: Naja siamensis) เป็นงูเห่า จำ พวกงูเห่าพ่นพิษ กล่าวคือ เป็นงูเห่าที่สามารถพ่นพิษได้ โดยสามารถพ่นพิษได้ไกล 1-2 เมตร เมื่อพ่นน้ำ พิษหมดแล้ว สามารถผลิตน้ำ พิษได้ในเวลา 10 นาที ก็สามารถพ่นน้ำ พิษ ใหม่ได้ ขณะชูคอแผ่แม่เบี้ยขู่ ก็จะอ้าปากเพื่อเตรีย รี มพ่นพิษใส่ ศัตรู จะมีรูของเขี้ยวพิษ อยู่ทางด้านหน้า เพื่อสะดวกในการ ฉีดพ่นพิษออกไป และถ้าพิษเข้าตา จะไม่ทำ ให้ตาบอดในทันที ยกเว้น ว้ เพียงแต่เราขยี้ตา ถ้าถูกพิษทางผิวหนังที่มีแผล ก็จะ ทำ ให้เกิดการอักเสบ แต่ไม่อันตรายมาก เพราะได้รับปริม ริ าณ พิษน้อย ลักษณะ ลักษณะรูปร่างทั่วไปจะคล้ายคลึงกับงูเห่าไทย (N. kaouthia) แต่มีลำ ตัวที่สั้นกว่า ว่ โดยจะยาวเฉลี่ย2 ถึง - 3เมตร มีความว่อ ว่ งไว นิสัยดุร้าย ดอกจันมักเป็นรูปตัว U หรือ รื เลือนลางในบางตัว สีลำ ตัวบางตัวอาจมีลายดอกด่างขาว จึงได้อีกชื่อหนึ่งว่า ว่ "งูเห่าพ่นพิษด่าง" หรือ รื "งูเห่าพ่นพิษขี้ เรื้อ รื้ น" เป็นต้น


13.งูสมิงทะเลปากเหลือง งูสมิงทะเลปากเหลือง (อังกฤษ: Yellow-lipped sea krait; ชื่อวิท วิ ยาศาสตร์: Laticauda colubrina) เป็นงูทะเลชนิดหนึ่งในวงศ์Elapidae ที่พบได้ใน ประเทศไทย ซึ่งมีพิษร้ายแรงต่อระบบกล้ามเนื้อ[2] มีรูปร่างคล้ายงูสมิงทะเลปากดำ (L. laticaudata) ที่ เป็นงูในสกุลเดียวกัน แต่ว่างูสมิงทะเลปากเหลืองนั้นจะ มีลำ ตัวสีที่อ่อนกว่า ว่ ส่วนหัวและหางมีขนาดเล็กและมี ลายรูปเกือกม้าสีเหลือง ตัวผู้ขนาดเมื่อโตเต็มที่มีความ ยาวประมาณ 2 ฟุต ฟุ ขณะที่ตัวเมียจะมีความยาวกว่า 1.5 เมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า น้ำ หนักหนักได้ถึง 2 กิโลกรัม มีอุปนิสัยชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง 5-6 ตัว บาง ครั้งอาจมีลูกงูตัวเล็ก ๆ ตามงูตัวใหญ่หรือ รื แม่งูด้วย วางไข่บนบกเช่นเดียวกับงูสมิงทะเลปากดำ [3]


14.งูสมิงทะเล งูสมิงทะเล หรือ รื งูสามเหลี่ยมทะเล (อังกฤษ: Sea kraits) เป็นสกุลของงูทะเลที่มีขนาดใหญ่สกุลหนึ่ง ใช้ชื่อสกุลว่า ว่ Laticauda อยู่ในวงศ์งูพิษเขี้ยวหน้า (Elapidae) โดยงูในสกุลนี้ ยังจัดว่า ว่ เป็นงูทะเลที่สามารถเลื้อยบนขึ้นมาบน บกได้ ด้วยเกล็ดท้องยังมีอยู่และค่อนข้างกว้า ว้ งอย่างน้อย ประมาณครึ่ง รึ่ หนึ่งของความกว้า ว้ งลำ ตัว ทำ ให้สามารถเลื้อยขึ้น บนหาดทรายได้บ้าง นอกจากนี้ยังมีการสืบพันธุ์ด้วยการ วางไข่โดยขึ้นมาวางไข่บนบก โดยจะไปวางไข่ในในโพรงหิน หรือ รื พนังถ้ำ มีรูปร่างโดยรวม มีหัวขนาดเล็ก ปากมีขนาดเล็ก ปลายหาง แผ่แบนเหมือนครีบ รีปลา เพื่อใช้ในการว่า ว่ ยน้ำ ลำ ตัวมีลาย ปล้องดำ สลับกันไปทั้งทั่ว จัดเป็นงูที่มีขนาดใหญ่ โดยมีความ ยาวได้ถึงเกือบ 3 เมตร งูสมิงทะเลพบกระจายพันธุ์อยู่ในทะเลที่ใกล้กับชายฝั่ง จะ อาศัยหากินตามแนวปะการัง


15.งูเขียวหางไหม้ทองเหลือง งูเขียวหางไหม้ เป็นงูที่อยู่ในสกุล Trimeresurus ใน วงศ์งูแมวเซา (Viperidae) มีรูปร่างโดยรวม คือ มีหัวยาวมนใหญ่เป็นรูป สามเหลี่ยม คอเล็ก ตัวอ้วนสั้น ปลายหางมีสีแดง ลำ ตัว มีสีเขียวอมเหลืองสด บางตัวมีสีเขียวอมน้ำ เงิน หางสี แดงสด บางตัวมีหางสีแดงคล้ำ เกือบเป็นสีน้ำ ตาล อัน เป็นที่มาของชื่อ จัดเป็นงูพิษอ่อน ผิดไปจากงูสกุลหรือ รื ชนิดอื่นในวงศ์เดียวกัน โดยผู้ที่ถูกกัดจะไม่ถึงกับเสีย ชีวิต วิ นอกจากเสียแต่ว่า ว่ มีโรคหรือ รื อาการอื่นแทรกแซง โดยผู้ที่ถูกกัดจะมีอาการปวดอย่างรุนแรงทันทีที่ถูกกัด แล้วค่อย ๆหายใน 5-6 ชั่วโมง บริเ ริ วณที่ถูกกัดจะบวม อย่างรวดเร็วในระยะ 3-4 วัน วั แรก จากนั้นจะค่อย ๆ ยุบ บวมในเวลา 5-7 วัน วั อาจจะมีเลือดออกจากรอยเขี้ยว แต่ไม่มาก หากมีอาการมากกว่า ว่ นี้ถือว่า ว่ เป็นอาการ หนัก[3] เป็นงูที่เลื้อยช้า ๆ ไม่รวดเร็ว


16.งูทางมะพร้าว งูทางมะพร้าวธรรมดา เป็นงูไม่มีพิษขนาดกลาง เป็นงู บกที่มีสีและลวดลายงดงาม มีนิสัยดุ เมื่อโดนรบกวน จะพองตัวและอ้าปาก พับตัวเข้าเพื่อเตรีย รี มฉกสิ่งที่มา รบกวน ซึ่งในบางครั้งก็จะแกล้งตายโดยการอ้าปาก นอนหงายท้องและถ่ายอุจจาระออกมา ทำ ให้นักล่า หรือ รื สิ่งที่มารบกวนเลิกสนใจ เป็นงูที่พบเจอได้ทั่วไป ลำ ตัวมีสีน้ำ ตาลอมเหลืองหรือ รื สีน้ำ ตาลอมเทา มีลาย เป็นทางยาวสีดำ 4 เส้นพาดจากส่วนคอแล้วค่อยๆจาง ไปทางกึ่งกลางลำ ตัว ส่วนหัวมีสีน้ำ ตาลแดง มีเส้นสีดำ 3 เส้นพาดแผ่เป็นรัศมีออกจากมุมตาด้านหลัง ลักษณะเด่นคือมักแกล้งทำ เป็นตายเพื่อหลีกเลี่ยงศัตรู เมื่อสู้ไม่ไหว หรือ รื ขู่ศัตรูโดยการทำ คอแบนเข้าทางด้าน ข้างและขยายกว้า ว้ งเป็นทางยาว พร้อมกับยกหัวและ ส่วนต้นประมาณหนึ่งในสี่ของความยาวลำ ตัวให้สูงขึ้น เป็นวงโค้งเหมือนสปริง ริ และพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างว่อ ว่ งไว เพื่อฉกกัด แต่จะกัดไม่ค่อยโดน


16.งูทางมะพร้าว งูทางมะพร้าวธรรมดา เป็นงูไม่มีพิษขนาดกลาง เป็นงู บกที่มีสีและลวดลายงดงาม มีนิสัยดุ เมื่อโดนรบกวน จะพองตัวและอ้าปาก พับตัวเข้าเพื่อเตรีย รี มฉกสิ่งที่มา รบกวน ซึ่งในบางครั้งก็จะแกล้งตายโดยการอ้าปาก นอนหงายท้องและถ่ายอุจจาระออกมา ทำ ให้นักล่า หรือ รื สิ่งที่มารบกวนเลิกสนใจ เป็นงูที่พบเจอได้ทั่วไป ลำ ตัวมีสีน้ำ ตาลอมเหลืองหรือ รื สีน้ำ ตาลอมเทา มีลาย เป็นทางยาวสีดำ 4 เส้นพาดจากส่วนคอแล้วค่อยๆจาง ไปทางกึ่งกลางลำ ตัว ส่วนหัวมีสีน้ำ ตาลแดง มีเส้นสีดำ 3 เส้นพาดแผ่เป็นรัศมีออกจากมุมตาด้านหลัง ลักษณะเด่นคือมักแกล้งทำ เป็นตายเพื่อหลีกเลี่ยงศัตรู เมื่อสู้ไม่ไหว หรือ รื ขู่ศัตรูโดยการทำ คอแบนเข้าทางด้าน ข้างและขยายกว้า ว้ งเป็นทางยาว พร้อมกับยกหัวและ ส่วนต้นประมาณหนึ่งในสี่ของความยาวลำ ตัวให้สูงขึ้น เป็นวงโค้งเหมือนสปริง ริ และพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างว่อ ว่ งไว เพื่อฉกกัด แต่จะกัดไม่ค่อยโดน


17.งูทางมะพร้าวแดง งูทางมะพร้าวแดง เป็นงูไม่มีพิษขนาดกลาง เป็นงูบก ที่มีสีและลวดลายงดงาม มีนิสัยดุ เมื่อโดนรบกวนจะ พองตัวและอ้าปาก พับตัวเข้าเพื่อเตรีย รี มฉกสิ่งที่มา รบกวน ซึ่งในบางครั้งก็จะแกล้งตายโดยการอ้าปาก นอนหงายท้องและถ่ายอุจจาระออกมา ทำ ให้นักล่า หรือ รื สิ่งที่มารบกวนเลิกสนใจ เป็นงูที่พบเจอได้ทั่วไป ลำ ตัวมีสีน้ำ ตาลอมเหลืองหรือ รื สีน้ำ ตาลอมเทา มีลาย เป็นทางยาวสีดำ 4 เส้นพาดจากส่วนคอแล้วค่อยๆจาง ไปทางกึ่งกลางลำ ตัว ส่วนหัวมีสีน้ำ ตาลแดง มีเส้นสีดำ 3 เส้นพาดแผ่เป็นรัศมีออกจากมุมตาด้านหลัง ลักษณะเด่นคือมักแกล้งทำ เป็นตายเพื่อหลีกเลี่ยงศัตรู เมื่อสู้ไม่ไหว หรือ รื ขู่ศัตรูโดยการทำ คอแบนเข้าทางด้าน ข้างและขยายกว้า ว้ งเป็นทางยาว พร้อมกับยกหัวและ ส่วนต้นประมาณหนึ่งในสี่ของความยาวลำ ตัวให้สูงขึ้น เป็นวงโค้งเหมือนสปริง ริ และพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างว่อ ว่ งไว เพื่อฉกกัด แต่จะกัดไม่ค่อยโดน


18.งูสิง งูสิงธรรมดา หรือ รื งูสิงตาโต หรือ รื งูสิงบ้าน หรือ รื งูเห่าตะลาน (อังกฤษ: Indo-Chinese rat snake; ชื่อวิท วิ ยาศาสตร์: Ptyas korros) เป็นงูสิงชนิดหนึ่งที่ไม่มีพิษ จัดอยู่ในวงศ์งู พิษเขี้ยวหลัง (Colubridae) มีความยาวเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 1,400 มิลลิเมตร และ หางยาว 445 มิลลิเมตร หัวยาวและส่วนของหัวกว้า ว้ งกว่า ว่ ลำ คอเล็กน้อย ส่วนปลายของหัวมน ตาใหญ่มาก ลำ ตัวกลมและ ยาว หางยาวและส่วนปลายหางเรีย รี ว ผิวหนังลำ ตัวมีเกล็ด ปกคลุม เกล็ดบนหัวเป็นแผ่นกว้า ว้ ง เกล็ดบนหลังทางส่วนต้น ของลำ ตัวมีขนาดใหญ่และพื้นผิวเรีย รี บ เกล็ดท้องขยายกว้า ว้ ง เกล็ดใต้หางเป็นแถวคู่ เกล็ดรอบลำ ตัวในตำ แหน่งกึ่งกลางตัว จำ นวน 15 เกล็ด เกล็ดท้องจำ นวน 170 เกล็ด และเกล็ดใต้ หางจำ นวน 125 เกล็ด ลำ ตัวมีด้านบนของหัวและบนหลังครึ่ง รึ่ ทางด้านหน้าของลำ ตัวสีน้ำ ตาลหรือ รื สีน้ำ ตาลอมเขียว ส่วน ครึ่ง รึ่ ทางด้านท้ายของลำ ตัวสีน้ำ ตาล เกล็ดปกคลุมลำ ตัวและ หางมีขอบแผ่นเกล็ดสีจางหรือ รื สีขาว ซึ่งสีขาวของขอบแผ่น เกล็ดได้ขยายกว้า ว้ งขึ้นตามลำ ดับไปทางด้านท้ายลำ ตัวและหาง


งูปล้องทอง (อังกฤษ: Mangrove snake, Goldringed cat snake; ชื่อวิท วิ ยาศาสตร์: Boiga dendrophila) เป็นงูขนาดกลางมีความยาวเฉลี่ย 2.4–2.7 เมตร (8–9 ฟุต ฟุ )[2] ลำ ตัวมีสีดำ เป็นมันและมี สีเหลืองเป็นวงเล็ก ๆ เป็นระยะ แต่ไม่รอบตัว หัวดำ ปากลายเสือและท้องมีเขี้ยวพิษใต้ตา เมื่อถูกฉกกัด บริเ ริ วณปลายปากจะไม่เป็นอันตราย นอกเสียจากถูกฉก ติดและงับไปจนถึงเขี้ยวพิษ ผู้ถูกกัดไม่มีอันตรายมาก นัก หากแต่เพียงมีอาการปวดบวม แต่ไม่ปรากฏเป็น รอยแผลเป็น งูปล้องทองมีนิสัยดุ เมื่อเข้าใกล้จะงอพับ ตัวเตรีย รี มฉก สามารถแผ่หนังคอทางตั้งแล้วอ้าปากเพื่อ ให้อีกฝ่ายกลัว งูปล้องทองชอบอาศัยอยู่ตามป่าริม ริ แม่น้ำ และริม ริ ทะเลทางภาคใต้ ในเวลากลางวัน วั จะขดตัว นอนตามพุ่มไม้ และออกหากินในเวลากลางคืน งูปล้อง ทองกินอาหารได้หลายอย่างเช่น หนู, นก, ตุ๊กแก, กิ้งก่า, ปลา พบมากในจังหวัด วั ระนอง, ชุมพร, สตูล, ยะลา, ปัตตานี, ตรัง และนราธิวาส นอกจาก ประเทศไทยแล้วยังพบในมาเลเซียจนถึงฟิลิปปินส์ 19.งูปล้องทอง


20.งูกระ งูปล้องทอง (อังกฤษ: Mangrove snake, Goldringed cat snake; ชื่อวิท วิ ยาศาสตร์: Boiga dendrophila) เป็นงูขนาดกลางมีความยาวเฉลี่ย 2.4–2.7 เมตร (8–9 ฟุต ฟุ )[2] ลำ ตัวมีสีดำ เป็นมันและมี สีเหลืองเป็นวงเล็ก ๆ เป็นระยะ แต่ไม่รอบตัว หัวดำ ปากลายเสือและท้องมีเขี้ยวพิษใต้ตา เมื่อถูกฉกกัด บริเ ริ วณปลายปากจะไม่เป็นอันตราย นอกเสียจากถูกฉก ติดและงับไปจนถึงเขี้ยวพิษ ผู้ถูกกัดไม่มีอันตรายมาก นัก หากแต่เพียงมีอาการปวดบวม แต่ไม่ปรากฏเป็น รอยแผลเป็น งูปล้องทองมีนิสัยดุ เมื่อเข้าใกล้จะงอพับ ตัวเตรีย รี มฉก สามารถแผ่หนังคอทางตั้งแล้วอ้าปากเพื่อ ให้อีกฝ่ายกลัว งูปล้องทองชอบอาศัยอยู่ตามป่าริม ริ แม่น้ำ และริม ริ ทะเลทางภาคใต้ ในเวลากลางวันจะขดตัว นอนตามพุ่มไม้ และออกหากินในเวลากลางคืน งูปล้อง ทองกินอาหารได้หลายอย่างเช่น หนู, นก, ตุ๊กแก, กิ้งก่า, ปลา พบมากในจังหวัดระนอง, ชุมพร, สตูล, ยะลา, ปัตตานี, ตรัง และนราธิวาส นอกจาก ประเทศไทยแล้วยังพบในมาเลเซียจนถึงฟิลิปปินส์


21.งูเขียวพระอินทร์ งูเขียวพระอินทร์ หรือ รื งูเขียวดอกหมาก (ชื่อ วิท วิ ยาศาสตร์: Chrysopelea ornata) เป็นงูลักษณะ ลำ ตัวเรีย รี วยาว ปราดเปรีย รี ว เกล็ดสีเขียวแกมเหลือง ลายดำ สามารถเลื้อยไต่ไปบนกิ่งไม้ได้อย่างคล่องแคล่ว เป็นงูพิษอ่อนไม่มีผลกับมนุษย์ที่สามารถพบได้บ่อยครั้ง ตามบ้านเรือ รื น จึงได้รับสมญานามว่า ว่ "งูสามัญประจำ บ้าน” ลักษณะทั่วไป งูเขียวพระอินทร์เป็นงูบก หัวกลม ว่อ ว่ งไวปราดเปรีย รี ว เลื้อยเร็ว ลำ ตัวสีเขียวอ่อน มีลายดำ ตลอดตัว หัวมีลาย มากจนดูคล้ายกับมีหัวสีดำ ใต้คางสีขาว ใต้ท้องสีเขียว อ่อนหรือ รื เหลืองอ่อน ๆ ใต้หางมีลายดำ เป็นจุด ๆ


22.งูหมอก งูไม่มีพิษ การจำ แนกชนิด: ลักษณะโดยรวมคล้ายกลุ่มงู เขียวหางไหม้ แต่หัวจะยาวกว่า ไม่เป็นสามเหลี่ยมเห็น คางชัดเจนเหมือนงูเขียวหางไหม้ ตาโตม่านตาอยู่ในแนว ตั้งแบบตาแมว ลำ ตัวสีน้้าตาลสีน้ำ ตาลเทาหรือ รื สีน้ำ ตาล แดง ปากสีครีม รี หัวมีลายจุดสีเข้มกระจายตั้งแต่ปากผ่าน คอไปยังลำ ตัว ท้องสีน้้าตาลหรือ รื ชมพู ทั้งนี้สีและลายของ งูชนิดนี้อาจมีความหลากหลายมากกว่านี้ เกล็ดตัวเรีย รี บ เกล็ดกลางตัว 17 แถวเกล็ดหัวตา 1 เกล็ด เกล็ดหางตา 2 เกล็ด เกล็ดระหว่างเกล็ดจมูกกับเกล็ดหัวตา 1 เกล็ด เกล็ดริม ริฝีปากบน 8 เกล็ดต้าแหน่งเกล็ดที่ 3, 4 และ 5 อยู่ติดกับตาเกล็ดทวารเดี่ยว เกล็ดใต้หางคู่มีเขี้ยวพิษบน ขากรรไกรบนด้านในสุดมีพิษอ่อน


23.งูม่านทอง งูไม่มีพิษ การจำ แนกชนิด: ลักษณะโดยรวมคล้ายกลุ่มงู เขียวหางไหม้ แต่หัวจะยาวกว่า ไม่เป็นสามเหลี่ยมเห็น คางชัดเจนเหมือนงูเขียวหางไหม้ ตาโตม่านตาอยู่ในแนว ตั้งแบบตาแมว ลำ ตัวสีน้้าตาลสีน้ำ ตาลเทาหรือ รื สีน้ำ ตาล แดง ปากสีครีม รี หัวมีลายจุดสีเข้มกระจายตั้งแต่ปากผ่าน คอไปยังลำ ตัว ท้องสีน้้าตาลหรือ รื ชมพู ทั้งนี้สีและลายของ งูชนิดนี้อาจมีความหลากหลายมากกว่านี้ เกล็ดตัวเรีย รี บ เกล็ดกลางตัว 17 แถวเกล็ดหัวตา 1 เกล็ด เกล็ดหางตา 2 เกล็ด เกล็ดระหว่างเกล็ดจมูกกับเกล็ดหัวตา 1 เกล็ด เกล็ดริม ริฝีปากบน 8 เกล็ดต้าแหน่งเกล็ดที่ 3, 4 และ 5 อยู่ติดกับตาเกล็ดทวารเดี่ยว เกล็ดใต้หางคู่มีเขี้ยวพิษบน ขากรรไกรบนด้านในสุดมีพิษอ่อน งูม่านทอง ... การกระจายพันธุ์: พบแทบทุกภาคของไทย ยกเว้น ว้ ภาคใต้ การจำ แนกชนิด: หัวและลำ ตัวมีลายตามยาว สีน้ำ ตาลเข้มและอ่อนเรีย รี งสลับกัน. ถิ่นอาศัย: อยู่ที่ราบ ป่าโปร่ง ทุ่งหญ้า ทุ่งนา ...


24.งูหัวกระโหลก สกุลงูหัวกะโหลก เป็นสกุลของงูพิษอ่อนจำ พวกงู น้ำ ที่อยู่ในสกุล Homalopsis เดิมทีจัดเป็นสิ่งมี ชีวิต วิ ชนิดเดียว[1] แต่ปัจจุบันได้มีการพิจารณา ใหม่และจำ แนกออกได้เป็น 5 ชนิด ได้แก่[2] มีหัวรูปร่างคล้ายหัวใจ และบางตัวมีลายคล้ายหัว กระโหลกมนุษย์ จึงเป็นที่มาของชื่อ งูหัวกระโหลก มีลำ ตัวค่อนข้างอ้วน


25.งูลายสอ งูลายสอ (อังกฤษ: Painted keelbacks) เป็นงูขนาดเล็กในสกุล Xenochrophis (/ซี- โน-โคร-ฟิส/) ในวงศ์งูพิษเขี้ยวหลัง (Colubridae) เป็นงูขนาดเล็กที่ไม่มีพิษ แต่มี นิสัยดุร้าย ลำ ตัวมักมีลายดำ บนพื้นสีเหลือง อาศัยหากินอยู่ตามพื้นดินและในน้ำ ไม่ขึ้นต้นไม้ ออกหากินในเวลากลางวัน[1]


26.งูแสงอาทิตย์ งูแสงอาทิตย์ (อังกฤษ: Sunbeam snake) เป็นงูไม่มี พิษ มีลำ ตัวยาวทรงกระบอก หัวแบนเรีย รี ว ตามีขนาดเล็ก ลำ ตัวมีความยาวประมาณ 120 เซนติเมตร ลำ ตัวสีดำ ถึงสี น้ำ ตาลเข้ม ส่วนท้องมีสีขาว ส่วนหัวแบนเรีย รี ว ตาเล็ก ลักษณะเด่นคือเกล็ดลำ ตัวเรีย รี บเป็นเงาแวววาบสะดุดตา เมื่อสะท้อนแสงแดด อันเป็นที่มาของชื่อ พบได้ตั้งแต่ภาค ใต้ของจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยไม่มีชนิด ย่อย[3] ตัวอย่างต้นแบบแรกพบที่ชวา[2] จัดเป็นงู โบราณจากลักษณะที่ยังคงปอดทั้งสองข้างเอาไว้ ซึ่งงู ทั่วไปจะเหลือปอดซ้ายเพียงข้างเดียวเพื่อความสะดวกใน การเก็บปอดภายในลำ ตัวแคบๆ ยาว ๆ [4]มักพบเห็นได้ ในพื้นที่ที่มีกิ้งก่า, กบ, หนู และสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่น ๆ ซึ่งเป็นอาหาร รวมถึงกินงูด้วยกัน เช่น ลูกงูเห่าและงู กะปะ เป็นอาหารได้ด้วย


27.งูงวงช้าง งูงวงช้าง (อังกฤษ: Elephant trunk snake; ชื่อ วิท วิ ยาศาสตร์: Acrochordus javanicus) เป็นงูน้ำ ขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ไม่มีพิษ อยู่ในวงศ์ Acrochordidae จัดอยู่ในวงศ์เดียวและสกุลเดียวกับ งูผ้าขี้ริ้ว ริ้ (A. granulatus) ซึ่งในประเทศไทยพบเพียง 2 ชนิดนี้เท่านั้น งูงวงช้างมีผิวหนังย่นและสากแบบเปลือกขนุน หัวแบน เล็ก เกล็ดบนลำ ตัวมีลักษณะเป็นตุ่ม รวมถึงเกล็ด บริเ ริ วณด้านท้องซึ่งแตกต่างจากงูชนิดอื่น ท้องสีขาว ไม่มีลวดลาย ลำ ตัวป้อมอ้วนสั้น ฟันแหลมคม ถ้าอยู่พ้น น้ำ จะมีสีเหลืองนวล แต่ถ้าอยู่ในน้ำ จะมีสีน้ำ ตาลดำ มี ความยาวประมาณ 1 เมตร


28.งูปลา งูปลาตาแมว (Gerarda prevostiana) เป็นงูในวงศ์งูหัวกะโหลก (Homalopsidae) ที่มีงูปลิง งู สายรุ้งเป็นสมาชิกร่วมครอบครัวนี่แหละ ซึ่งตัวมันเองเป็นงู ที่มีเขี้ยวพิษอยู่ในสุดของชุดฟัน พิษอ่อนๆไม่เป็นอันตราย ต่อคน งูปลาตาแมว อาศัยบริเ ริ วณชายฝั่งน้ำ กร่อย พื้นเป็นเลน ค่อนข้างแข็ง เป็นที่ราบในป่าชายเลย ปกติไม่ชอบหากินใน ร่องน้ำ หลัก เพราะเจ้าตัวแม้ชื่องูปลาแต่มันชอบกินปู มากกว่า แล้วไม่ต้องรอให้ปูลอกคราบด้วยนะ เลื้อยไปกัด สะบัดแข้งขาปูกิน ถ้าตัวปูใหญ่เกินไปก็ทิ้งไว้แบบไร้แขนขา ซะงั้น เดี๋ยวพอน้ำ ขึ้นมาถึงตัวปู ก็จากมีสารพัดปลามากิน งูที่มักสับสนกับเจ้าตัวนี้ก็มีงูปลิงที่เป็นงูน้ำ จืด แต่ก็ สามารถพบได้ในเขตน้ำ กร่อยเหมือนกัน แต่เจ้างูปลาตา แมวมีลายขอบเกล็ดริม ริฝีปากที่คมชัด เส้นดำ ๆที่ข้างตัวมา จากใต้เกล็ดดูโดดเด่นกว่า เพราะงูปลิงถ้ามีเส้นขอบท้อง จากใต้เกล็ดก็จะไม่ดำ แล้วเกล็ดดั้งจมูก (internasal) ของงูปลิงมีชิ้นเดียวรูปสามเหลี่ยมที่ปลายยอดชี้ไปข้างหน้า


29.งูเขียวหางไหม้ตาโต งูเขียวหางไหม้ตาโต : Big-eyed Pitviper [Trimeresurus albolabris (Gray, 1842)] ขนาด : 60 – 70 เซนติเมตร ลักษณะ : ลำ ตัวค่อนข้างเพรีย รี ว สีเขียวแก่หรือ รื สีเขียวอมฟ้า ส่วนท้องมักมีสีเขียวอมฟ้าโดยเฉพาะริม ริฝีปากล่างและคาง ส่วน หัวรูปทรงสามเหลี่ยมค่อนข้างอ้วนป้อม ขนาดใหญ่กว่า ว่ ลำ คอ ชัดเจน ลักษณะเด่นคือมีดวงตากลมโตสีเหลืองขนาดใหญ่กว่า ว่ งูเขียวหางไหม้ทุกชนิด การสืบพันธุ์ : ผสมพันธุ์ช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน ออกลูกเป็นตัวครั้งละ 5 – 12 ตัวช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือน พฤษภาคม อาหาร : หนู นก กิ้งก่า กบ เขียด หรือ รื ปาด โดยออกหากิน ตอนกลางคืนตามพื้นดิน พุ่มไม้ หรือ รื ต้นไม้ แหล่งที่พบ : พบอาศัยอยู่ตามต้นไม้ในสวนใกล้บ้านเรือ รื น หรือ รื ใกล้แหล่งน้ำ ลำ ธาร


30.งูปล้องฉนวนสร้อยทอง ขนาด : ความยาวประมาณ 70 เซนติเมตร ลักษณะ : ลลำ ตัวเรีย รี วยาวสีน้ำ ตาลมีลวดลายไขว้กันเป็นร่างแห เล็กๆ สีขาวหรือ รื สีเหลืองอ่อนทั่วตัว ส่วนท้องสีขาว ส่วนหัวค่อน ข้างเเบนมีสีน้ำ ตาล ปลายจมูกยาวกว่าขากรรไกรล่าง มีเเถบสี ขาวพาดขวางบริเ ริ วณท้ายทอย ริม ริฝีปากมีสีเหลือง การสืบพันธุ์ : ออกลูกเป็นไข่ครั้งละ 3 – 11 ฟอง อาหาร : จิ้งจก จิ้งเหลน กบ และเขียด เป็นงูที่ออกหากินกลาง คืน แหล่งที่พบ : เป็นงูที่อาศัยอยู่ตามพื้นดินใกล้กับเเหล่งน้ำ หรือ รื ลำ ธาร การแพร่กระจาย : พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย นอกจาก นี้ ยังพบในพม่า มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย


31.งูปี่แก้ว Kukri Snakes (Genus Oligodon) ขนาด : 40 – 115 เซนติเ ติ มตร ลัก ลั ษณะ : ลำ ตัว ตั ค่อ ค่ นข้า ข้ งอ้ว อ้ นกลม เกล็ด ล็ ลำ ตัว ตั เรีย รี บ งูเ งู เต่ล ต่ ะชนิด นิ ในสกุล กุ งู่ปี่งู่ ปี่ เ ปี่ เก้ว ก้ มัก มั มีค มี วามผัน ผั เเปรของสีสั สี น สั มาก ทำ ให้ย ห้ ากในการ จำ เเนกชนิด นิ ลัก ลั ษณะเด่น ด่ คือ คื ส่ว ส่ นหัว หั มีล มี วดลายเป็น ป็ รูป รู คล้า ล้ ยหัว หั ธนูพ นู าดตั้ง ตั้ เเต่ปต่ ลายจมูก มู ไปถึง ถึ ท้า ท้ ยทอย จัด จั เป็น ป็ งูที่ งู ว่ ที่ อ ว่ งไวและดุ มาก มีฟัมี น ฟั ที่เ ที่ เหลมคม ผู้ที่ผู้ถู ที่ ก ถู งูส งู กุล กุ นี้กั นี้ ด กั มัก มั มีลั มี ก ลั ษณะบาดเเผล เหมือ มื นถูก ถู มีด มี บาดลึก ลึ มาก การสืบ สื พัน พั ธุ์ : ออกลูก ลู เป็น ป็ไข่ค ข่ รั้ง รั้ ละ 3 – 16 ฟอง อาหาร : หนู จิ้ง จิ้ เหลน นก กบ รวมถึง ถึไข่ข ข่ องนก และสัต สั ว์เ ว์ ลื้อ ลื้ ย คลานชนิด นิ อื่น อื่ โดยใช้ฟัช้ น ฟั ที่เ ที่ เหลมคมกัด กั เปลือ ลื กไข่ เป็น ป็ งูที่ งู อ ที่ อก หากิน กิ กลางคืน คื แหล่ง ล่ ที่พ ที่ บ : งูใ งู นสกุล กุ นี้เ นี้ป็น ป็ งูที่ งู พ ที่ บอาศัย ศั อยู่ตยู่ ามพื้น พื้ ดิน ดิในพื้น พื้ ที่ ราบลุ่มลุ่ จนถึง ถึในป่า ป่ ที่ร ที่ ะดับ ดั ความสูง สู ถึง ถึ 1,300 เมตร การแพร่ก ร่ ระจาย : พบได้ทั่ ด้ ว ทั่ ทุก ทุ ภาคของประเทศไทย รวมถึง ถึประ เทศอื่น อื่ ๆ ในภูมิ ภู ภ มิ าคเอเชีย ชี ตะวัน วั ออกเฉีย ฉี งใต้


32.งูก้นขบ งูก้นขบ Red-tailed Pipe Snake [Cylindrophis ruffus (Laurenti, 1768)] ขนาด : ความยาวประมาณ 100 เซนติเมตร ลักษณะ : ลำ ตัวทรงกระบอกยาวมีสีดำ ทั้งตัว ส่วนท้องเป็น ลายขวางสีขาว ส่วนหางค่อนข้างใหญ่เท่าๆ กับส่วนหัว เวลาตกใจหรือ รื ถูกคุกคามจะพยายามซุกซ่อนส่วนหัว แล้ว ทำ ตัวเเบนเเนบกับพื้นพร้อมกับชูส่วนหางม้วนงอขึ้นสูง มองเห็นส่วนใต้หางเป็นสีส้มเเดง เพื่อขู่ศัตรู เเละมักถูก เข้าใจผิดว่ามี 2 หัว การสืบพันธุ์ : ออกลูกเป็นตัวครั้งละ 5 – 13 ตัว อาหาร : งูชนิดอื่น จิ้งเหลน ปลา และไส้เดือน เป็นงูที่ออก หากินกลางคืน แหล่งที่พบ : เป็นงูที่ชอบอาศัยอยู่ตามพื้นที่ชุ่มชื้น พื้นดิน ร่วนซุยโดยซุกตัวอยู่ใต้เศษใบไม้ หรือ รืใต้ดินตื้นๆ หรือ รื ซ่อน ตัวตามโพรงหนู การแพร่กระจาย : พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย นอกจากนี้ ยังพบในพม่า อินโดนีเซีย (เกาะบอร์เนียว สุมาตรา ชวา และสุลาเวสี) และจีน


33.งูทะเล งูทะเล เป็นชื่อสามัญที่ใช้เรีย รี กสัตว์เลื้อยคลานจำ พวกงู ที่ อาศัยและดำ รงชีวิต วิ อยู่ในทะเลตลอดชีวิต วิ ไม่เคยขึ้นมาบนบก เลย ยกเว้นการผสมพันธุ์และวางไข่ในบางชนิด งูทะเลเป็นงูที่ อยู่ในวงศ์ย่อย Hydrophiinae งูทะเลทุกชนิดอาศัยอยู่ใน ทะเลหรือ รืปากแม่น้ำ ชายฝั่งหมด ยกเว้น ชนิด Hydrophis semperi และ Laticauda crokeri เท่านั้น ที่พบอาศัยอยู่ ในทะเลสาบน้ำ จืดในประเทศฟิลิปปินส์ ลักษณะ งูทะเลทั่วโลกมีทั้งหมดประมาณ 50 ชนิด[1] พบตั้งแต่ มหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย เชื่อว่าเป็นงูบกที่ พัฒนาการลงมาสู่น้ำ โดยปกติ งูทะเลจะอาศัยอยู่ตามชายฝั่ง น้ำ ตื้นที่อบอุ่น หากินปลาเป็นอาหารหลัก มีรูปร่างคล้ายงูบก แต่มีส่วนที่แตกต่างออกไปคือ เกล็ด บางชนิดมีเกล็ดเป็นมัน บางชนิดมีเกล็ดฝังอยู่ใต้ผิวหนัง ลำ ตัวลื่นคล้ายปลา หางแบน ราบคล้ายใบพาย ซึ่งเป็นวิวั วิวั ฒนาการใช้สำ หรับว่ายน้ำ สีสันลำ ตัวเป็นปล้อง จึงทำ ให้จำ แนกด้วยตาเปล่าได้ยากว่าชนิดไหน เป็นชนิดไหน โดยทั่วไปงูทะเลมีความยาวเต็มที่ประมาณ 50 - 70 เซนติเมตร


34.งูทางมะพร้าวดำ งูทางมะพร้าวธรรมดำ เป็นงูไม่มีพิษขนาดกลาง เป็นงู บกที่มีสีและลวดลายงดงาม มีนิสัยดุ เมื่อโดนรบกวน จะพองตัวและอ้าปาก พับตัวเข้าเพื่อเตรีย รี มฉกสิ่งที่มา รบกวน ซึ่งในบางครั้งก็จะแกล้งตายโดยการอ้าปาก นอนหงายท้องและถ่ายอุจจาระออกมา ทำ ให้นักล่า หรือ รื สิ่งที่มารบกวนเลิกสนใจ เป็นงูที่พบเจอได้ทั่วไป ลำ ตัวมีสีน้ำ ตาลอมเหลืองหรือ รื สีน้ำ ตาลอมเทา มีลาย เป็นทางยาวสีดำ 4 เส้นพาดจากส่วนคอแล้วค่อยๆจาง ไปทางกึ่งกลางลำ ตัว ส่วนหัวมีสีน้ำ ตาลแดง มีเส้นสีดำ 3 เส้นพาดแผ่เป็นรัศมีออกจากมุมตาด้านหลัง ลักษณะเด่นคือมักแกล้งทำ เป็นตายเพื่อหลีกเลี่ยงศัตรู เมื่อสู้ไม่ไหว หรือ รื ขู่ศัตรูโดยการทำ คอแบนเข้าทางด้าน ข้างและขยายกว้า ว้ งเป็นทางยาว พร้อมกับยกหัวและ ส่วนต้นประมาณหนึ่งในสี่ของความยาวลำ ตัวให้สูงขึ้น เป็นวงโค้งเหมือนสปริง ริ และพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างว่อ ว่ งไว เพื่อฉกกัด แต่จะกัดไม่ค่อยโดน


35.งูสิงหางลาย งูสิงหางลาย (Ptyas mucosa) เป็นงูไม่มีพิษขนาดกลางๆ ปกติพบยาวราว 1.2-1.8 เมตร เป็นงูที่ทำ คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นงูเห่าและ จงอาง แต่ด้วยหัวยาวๆ ตาโตๆ หน้าลายๆ เวลาขู่จะ งอคอเป็นตัว S และไม่สามารถแผ่คอแบนๆยกสูง แบบงูเห่าได้ จึงเป็นลักษณะที่พอสังเกตได้ว่าไม่ใช่ งูเห่า/จงอาง เป็นนักกินหนูประสิทธิภาพสูง นิสัยดุ ไม่มีพิษมีภัยต่อคนและสัตว์เลี้ย ลี้ ง มีการปล่อยคืนสู่ ธรรมชาติเพื่อช่วยเกษตรกรควบคุมสัตว์ที่เป็นศัตรู พืชด้วย และยังเป็นงูที่ยังพบตามชุมชนเมืองเสมอๆ และพบได้ทุกภาคในพื้น พื้ ที่ต่ำ


36.งูแสมรัง แสมรัง[1] เป็นสกุลของงูพิษ จำ พวกงูทะเลสกุล หนึ่ง ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hydrophis (/ไฮ-โดรพิส/) ในวงศ์งูพิษเขี้ย ขี้ วหน้า (Elapidae) เป็นงูที่มีพิษ ร้ายแรงมากสกุลหนึ่ง[1][2] พบกระจายพันธุ์ใน น่านน้ำ แถบอินโด-แปซิฟิก และตอนเหนือของ ออสเตรเลีย ตลอดจนในน่นน้ำ ไทยด้วยอีกจำ นวน หนึ่ง


37.งูกินทากจุดขาว งูกินทากจุดขาว – Pareas margaritophorus (Jan, 1866) ลักษณะ งูขนาดตัวเล็ก (จากปลายปากถึงรูกน 250 มิลลิเมตร และหางยาว 70 มิลลิเมตร) หัว โตและสวนหัวกวางกวาลําคอมาก สวนปลายของ หัวคอนขางตัดตรง ตาใหญ ลําตัวแบนขาง เล็กนอย หางคอนขางสั้น สั้ และเรียวเล็กกวาลําตัว มาก ผิวหนังลําตัวมีเกล็ดปกคลุม เกล็ดบนหัว เปนแผนกวาง เกล็ดบนหลังและดานบนของหาง เล็กมีขนาดและมีพื้น พื้ ผิวเรียบ เกล็ดทองขยาย กวาง เกล็ดใตหางเปนแถวคู เกล็ดรอบลําตัว ในตําแหนงกึ่งกลางตัวจํานวน 15 เกล็ด เกล็ด ทอง จํานวน 146 เกลด็ และเกล็ดใตหางจํานวน 51 เกล็ด ลําตัวสีเทาเขม ดานบนของหัวสีจางกวาลําตัว เล็กนอย มีแถบกวางสีครีมหรือสีขาว (ประมาณ 3 แผนเกล็ด)


38.งูสายรุ้ง สายรุ้งลาย..เป็นงูน้ำ ขนาดค่อนข้างเล็ก หลัง สีเทา แนวกลางหลังจะมีจุดดำ ๆขนาดกลาง ตามแนว ข้างลำ ตัวมีจุดดำ เรียงเป็นระยะ ตั้ง ตั้ แต่คอถึงหาง ใต้แนวจุดดำ จะมีแถบขาว หรือสีชมพูดูคล้ายรอยหยักฟันปลา เป็นงู พิษอ่อนที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ มีผลต่อ ระบบประสาทซึ่งทำ ให้เหยื่อ อันได้แก่ ปลา กบ ให้เป็นอัมพาตชั่วขณะก่อนที่จะกลืนกิน นิสัยจะดุเล็กน้อย นับเป็นงูน้ำ ที่เจอบ่อยใน ระดับปานกลาง พบชุกชุมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ชอบอยู่แหล่งน้ำ ที่ไม่ลึกนัก เช่น ตามทุ่งนา คูน้ำ ริมถนน ตลอดจน ลำ ธารในภาคกลาง(ส่วนใหญ่) ตะวันออก ส่วนประชากรทางภาคอีสาน พบว่าเป็นงู สายรุ้งลายอินโดจีน


39.งูลายสาบคอขาว งูลายสาบจุดดําขาว งลายสาบแดงคอขาว ู– Rhabdophis chrysargus (Schlegel, 1837) ลักษณะ งูขนาดตัวเล็ก (จากปลายปากถึงรูกน 463 มิลลิเมตร และหางยาว 160 มิลลิเมตร) หัว ยาวและสวนของหัวกวางกวาลําคอ ตาใหญ ลําตัว กลม หางคอนขางยาวและสวนปลายหาง เรียว ผิวหนังลําตัวมีเกล็ดปกคลุม เกล็ดบนหัว เปนแผนกวาง เกล็ดบนหลังและทางดานบนของ หางมีสันแตเกล็ดที่อยูทางสวนลางของลําตัวมีพื้น พื้ ผิวเรียบ เกล็ดทองขยายกวาง เกล็ดใตหางเปน แถวคู เกล็ดรอบลําตัวในตําแหนงกึ่งกลางตัวจํา นวน 19 เกล็ด เกล็ดทองจํานวน 153 เกล็ด และ เกล็ดใตหางจํานวน 80 เกล็ด ลําตัวมีดานบนของหัวสีดําอมเขียว มีแถบสีขาว หรือสีเหลืองพาดยาวจากมุม ขากรรไกรไป


40.งูเขียวดง ชื่อไทย: งูเขียวบอน,งูเขียวดง ชื่อสามัญ: Green Cat Snake ชื่อวิทยาศาสตร์: Boiga cyanea #พิษอ่อนๆไม่อันตราย งูเขียวบอน,งูเขียวดง เป็นงูกลุ่มงูเขี้ย ขี้ วพิษ หลัง จุดสังเกตุ ตัวสีเขียว ลำ ตัวยาวเรียว ตากลมโต คอคอดเล็ก เกล็ดเรียบวาว งูเขียว บอนในช่วงวัยเด็กส่วนลำ ตัวจะเป็นสีน้ำ ตาล อมส้มๆ ส่วนหัวสีเขียว พอโตขึ้น ขึ้ จากสีน้ำ ตาล ก็จะกลายเป็นสีเขียวแบบที่เราเห็นกันทั่วๆไป งูเขียวบอน,งูเขียวดง เป็นงูที่ออกหากินช่วง เวลากลางคืน ส่วนใหญ่มักพบตัวได้ตามต้นไม้ หรืออาจพบตามพื้นไ พื้ ด้บางครั้ง รั้ บางทีก็หลบ ซ่อนอาศัยอยู่ตามรูของนก กินอาหารได้หลาก หลาย เช่น พวกสัตว์เลี้ย ลี้ งลูกด้วยน้ำ นมขนาด เล็ก หนูกระรอก พวกสัตว์ปีก นก และ สามารถกินไข่ได้เช่นกันครับ


1.งูชนิดใดมีพิษร้านแรงที่สุดในไทย 1 งูจงอาง 2งูเห่า 3งูเขียวหางไหม้ 4งูทับสมิงคลา


1 งูจงอาง 2งูเห่า 3งูเขียวตาโต 4งูทับสมิงคลา 2.งูชนิดใดไม่มีพิษ


3.งูชนิดใดมีพิษ 1 งูดิน 2งูสิง 3งูเขียวตาโต 4งูทับสมิงคลา


4งูชนิดใดไม่อยู่ในประเทษไทย 1 งูดิน 2งูเห่าหางกระดิ่ง 3งูเขียวตาโต 4งูทับสมิงคลา


5งูชนิดใดเป็นญาติกับอนาคอนด้า 1 งูดิน 2งูเห่าหางกระดิ่ง 3งูเขียวตาโต 4งูเหลือม


6เมื่อโดนงูมีพิษกัดควรทำ อย่างไร 1จำ ชนิดของงูแล้วไปพบแพทย์ 2ใช้เชือกรัดบาดแผล 3ล้างน้ำ เปล่า 4ใช้เชือกรัดบริเ ริ วณคอ


7งูชนิดใดกินงูด้วยกัน 1งูเขียว 2งูปี่แก้ว 3งูสิงหางลาย 4งูจงอาง


8งูชนิดใดแตกต่างจากชนิดอื่น 1งูกินปลา 2งูแมวเซา 3งูเห่าพ่นพิษ 4งูทางมะพร้าว


Click to View FlipBook Version