ทคุ คาหะทฏิ ฐภิ ชุ ะเคนะ สทุ ัฏฐะหตั ถงั
พรัหมัง วสิ ุทธชิ ตุ ิมิทธิพะกาภิธานงั
ญาณาคะเทนะ วิธนิ า ชิตะวา มนุ นิ โท
ตนั เตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
เอตาปิ พุทธะชะยะมงั คะละอฏั ฐะคาถา
โย วาจะโน ทินะทเิ น สะระเต มะตนั ที
หิตะ๎ วานะเนกะวิวิธานิ จปุ ัททะวานิ
โมกขัง สขุ งั อะธิคะเมยยะ นะโร สะปญั โญ ฯ1
มะหาการณุ ิโก นาโถ หติ ายะ สัพพะปาณนิ ัง
ปูเรตะ๎ วา ปาระมี สัพพา ปัตโต สมั โพธมิ ตุ ตะมัง
เอเตนะ สจั จะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมงั คะลงั ฯ
ชะยันโต โพธิยา มเู ล สกั ะ๎ ยานัง นนั ทวิ ัฑฒะโน
เอวัง ตะ๎ วัง วชิ ะโย โหหิ ชะยสั สุ ชะยะมังคะเล
อะปะราชิตะปัลลงั เก สเี ส ปะฐะวิโปกขะเร
อะภเิ สเก สพั พะพทุ ธานงั อัคคัปปตั โต ปะโมทะติ ฯ
สุนกั ขัตตงั สมุ งั คะลัง สุปะภาตัง สุหฏุ ฐติ งั
สุขะโณ สมุ หุ ตุ โต จะ สุยิฏฐงั พรัหมะจาริสุ
1 บทสวดน้ี คอื ตง้ั แต่ พาหงุ ... มาจนจบ นะโร สะปญั โญ เรยี กกนั วา่ พาหงุ
แปดบท มีคณุ วเิ ศษดังน้ี บทท่ี ๑ แก้และปอ้ งกันภตู ผปี ีศาจ บทท่ี ๒ เสกเมอ่ื จะ กินยา
สะเดาะโรคใหห้ าย บทท่ ี ๓ เวลาจะเขา้ ป่าปอ้ งกนั สัตวร์ ้ายได้ บทที่ ๔ ไปต่างเมือง
ไดล้ าภ มีคนรัก บทที่ ๕ ศัตรจู ะกลายเปน็ มติ ร บทที่ ๖ พูดจาจะมคี นเชอ่ื ฟัง บทที่
๗ แก้พิษของอสรพษิ ทุกชนดิ บทที่ ๘ ผจญภัยได้ชัยชนะ
49
ปะทักขณิ ัง กายะกมั มัง วาจากมั มงั ปะทักขิณงั
ปะทกั ขณิ ัง มะโนกมั มัง ปะณิธี เต ปะทกั ขิณา
ปะทกั ขิณานิ กตั ๎วานะ ละกันตัตเถ ปะทักขิเณ ฯ
ภะวะตุ สพั พะมังคะลัง รกั ขันตุ สัพพะ สัพพะเทวะตา
สพั พะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ
ภะวะตุ สัพพะมงั คะลัง รกั ขนั ตุ สัพพะเทวะตา
สพั พะธมั มานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวนั ตุ เต ฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลงั รกั ขันตุ สพั พะเทวะตา
สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต ฯ
50
ยอดพระกณั ฑไ์ ตรปฎิ ก
เปดิ กรไุ ด้ทเี่ มอื งสวรรคโลก มีคาํ กล่าวในหนังสือว่า ผู้ใดมีไว้
ประจาํ บ้านเรอื น มีอานสิ งส์ยิง่ กวา่ ได้สร้างพระเจดยี ์ทองคาํ สงู เทียม
เทวโลก และป้องกันภยั อนั ตรายตา่ ง ๆ ทํามาหากิน เจริญ ฯ
ผู้ใดสร้างไว้สวดมนต์ สักการบูชาเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ และ
จะมีความสุขศริ สิ วสั ดเิ์ จรญิ ตอ่ ไปทั้งปัจจบุ ัน กาลอนาคต และภาย
ภาคหน้า ดว้ ยอาํ นาจของความเคารพในพระคาถานี้ สรา้ งครบ ๗ วัน
ครบอายหุ มดเคราะห์ หมดโศก ทกุ ประการ
ประวตั ิกล่าวไว้ตน้ ฉบบั เดมิ วา่
หนังสือยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี้มีคํากล่าวไว้ในหนังสือนํา
ว่าศักดิ์สทิ ธิ์ ถา้ ผู้ใดสวดมนตภ์ าวนาทกุ ค�่ำ เชา้ แลว้ ผนู้ ้นั จะไมไ่ ปตก
อบายภมู ิ แมไ้ ด้บชู าไว้กบั บา้ นเรือนกอ็ าจป้องกันอันตรายต่างๆ จะ
ภาวนาพระคาถาอน่ื ๆ สัก ๑๐๐ ปี อานสิ งสก์ ็ไม่เทา่ ภาวนาพระคาถา
นค้ี รั้งหนง่ึ ถงึ แมว้ า่ อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ทีม่ ีอทิ ธฤิ ทธิ์จะเนรมติ
แผน่ อฐิ เปน็ ทองคําก่อเปน็ พระเจดีย์ ต้งั แตม่ นุษยโลกสูงขน้ึ ไปจนถึง
พรหมโลก อานสิ งส์ก็ยังไมเ่ ทา่ ภาวนา ยอดพระกณั ฑไ์ ตรปฎิ กน้ี แลมี
คาํ อธบิ ายคุณความดีไวใ้ น ตน้ ฉบับเดิมนน้ั อีกหลายประการฯ
ต้นฉบับเดิมเปิดกรุได้ท่ีเมืองสวรรคโลกเป็นอักษรขอมจารึก
ไวใ้ นใบลานจงึ แปลเปน็ อกั ษรไทย หลวงธรรมาธิกรณ์ (พระภิกษแุ สง)
ได้มาแต่พระแทน่ ศิลาอาสน์ มณฑลพิษณุโลก
51
ยอดพระกัณฑไ์ ตรปิฎกน้ี ถา้ ผู้ใดบรจิ าคทรัพย์สร้างถวาย
พระภิกษสุ งฆ์ สามเณร หรอื ญาติ-มิตรสหาย จนครบ ๗ วัน หรือ
ครบอายปุ ัจจุบันของตน จะบงั เกิดโชคลาภทาํ มาค้าขายเจรญิ พน้
เคราะหแ์ ละภัยพบิ ัติทง้ั ปวง
พระคาถายอดพระกัณฑไ์ ตรปฎิ ก
๑. อติ ปิ ิโส ภะคะวา อะระหัง วจั จะโส ภะคะวา ฯ อติ ปิ โิ ส
ภะคะวา สมั มาสัมพุทโธ วจั จะโส ภะคะวา ฯ อิติปโิ ส ภะคะวา วิชชา
จะระณะสัมปันโน วัจจะโส ภะคะวา ฯ อิติปโิ ส ภะคะวา สคุ ะโต วัจจะโส
ภะคะวาฯ อิตปิ โิ ส ภะคะวา โลกะวทิ ู วัจจะโส ภะคะวา ฯ
๒. อะระหนั ตัง สะระณงั คัจฉามิ อะระหนั ตงั สิระสา นะมามิ ฯ
สัมมาสัมพุทธัง สะระณงั คจั ฉามิ สัมมาสมั พทุ ธัง สริ ะสา นะมามิ ฯ
วิชชาจะระณะ สมั ปันนงั สะระณงั คจั ฉามิ วชิ ชาจระณะ สัมปนั นัง
สริ ะสา นะมามิ ฯ สุคะตัง สะระณงั คจั ฉามิ สคุ ะตงั สิระสา นะมามิ ฯ
โลกะวทิ งั สะระณงั คจั ฉามิ โลกะวิทัง สริ ะสา นะมามิ ฯ
๓. อิติปโิ ส ภะคะวา อะนุตตะโร วจั จะโส ภะคะวา ฯ อิติปิโส
ภะคะวา ปุริสะธัมมะสาระถิ วัจจะโสภะคะวา ฯ อติ ปิ ิโส ภะคะวา สัตถา
เทวะมะนุสสานัง วจั จะโสภะคะวา ฯ อิติปโิ ส ภะคะวา พุทโธ วัจจะ
โสภะคะวา ฯ
52
๔. อะนตุ ตะรงั สะระณงั คัจฉามิ อะนุตตะรงั สิระสา นะมามิ
ปรุ สิ ะธมั มะสาระถิ สะระณงั คจั ฉามิ ปรุ สิ ะธมั มะสาระถิ สริ ะสา นะมามิ
สัตถาเทวะ มะนุสสานงั สะระณงั คัจฉามิ สัตถาเทวะมะนสุ สานัง
สิระสา นะมามิ ฯ พุทธงั สะระณัง คจั ฉามิ พุทธัง สริ ะสา นะมามิ
อิติปิโส ภะคะวา ฯ
๕. อิตปิ โิ ส ภะคะวา รปู ะขันโธ อะนิจจะ ลักขะณะปาระมี
จะ สมั ปนั โน อิติปิโสภะคะวา ฯ อติ ปิ โิ ส ภะคะวา เวทะนาขันโธ
อะนจิ จะลกั ขะณะ ปาระมี จะ สัมปันโน อติ ปิ ิโส ภะคะวา ฯ อิตปิ โิ ส
ภะคะวา สญั ญาขนั โธ อะนจิ จะลกั ขะณะปาระมี จะ สมั ปันโน อิตปิ ิโส
ภะคะวา ฯ อิติปิโส ภะคะวา สงั ขาระขันโธ อะนจิ จะลักขะณะปาระมี
จะ สัมปนั โน อติ ิปิโส ภะคะวา ฯ อติ ิปิโส ภะคะวา วญิ ญาณะขนั โธ
อะนิจจะลกั ขะณะปาระมี จะ สัมปนั โน อติ ปิ โิ ส ภะคะวา ฯ
๖. อิตปิ ิโส ภะคะวา ปะฐะวจี ักกะวาฬะจาตมุ ะหาราชิกา-
ตาวะติงสาธาตสุ มั มาทิยานะสมั ปันโน ฯ อิตปิ ิโส ภะคะวา เตโชจักกะ-
วาฬะ จาตมุ ะหาราชิกา ตาวะตงิ สา ธาตสุ ัมมาทิยานะสัมปนั โน ฯ
อิติปิโส ภะคะวา วาโยจักกะวาฬะ จาตมุ ะหาราชกิ า ตาวะตงิ สา
ธาตุสัมมาทิยานุสัมปันโน ๆ อิติปิโส ภะคะวา อาโปจักกะวาฬะ
จาตมุ ะหาราชกิ า ตาวะติงสา ธาตสุ มั มาทิยานะ สัมปันโน ฯ อิตปิ ิโส
ภะคะวา อากาสะจกั กะวาฬะ จาตุมะหาราชกิ า ตาวะติงสา ธาตุ-
สัมมาทยิ านะสัมปันโน ฯ
53
๗. อิติปิโส ภะคะวา ยามา ธาตุสัมมาทิยานะสัมปันโน ฯ
อติ ปิ โิ ส ภะคะวา ตสุ ติ า ธาตสุ มั มาทยิ านะ สมั ปนั โน ฯ อติ ปิ โิ ส ภะคะวา
นมิ มานะระติ ธาตสุ ัมมาทิยานะสมั ปนั โน ฯ อิตปิ ิโส ภะคะวา กามา-
วะจะระ ธาตุสัมมาทิยานะสมั ปนั โน ฯ อติ ปิ โิ ส ภะคะวา รูปาวะจะระ-
ธาตุสมั มาทิยานะสมั ปนั โน ฯ
๘. อติ ปิ ิโส ภะคะวา ปะฐะมะฌานะธาตสุ ัมมาทิยานะสมั -
ปนั โน ฯ อติ ิปิโส ภะคะวา ทตุ ยิ ะฌานะ ธาตุสมั มาทยิ านะสัมปันโน ฯ
อิติปิโส ภะคะวา ตะติยะฌานะธาตุสมั มาทิยานะสัมปันโน ฯ อิตปิ โิ ส
ภะคะวา จาตถุ ะฌานะธาตุสมั มาทิยานะสมั ปนั โน ฯ อติ ปิ ิโส ภะคะวา
ปญั จะมะฌานะ ธาตสุ มั มาทิยานะสมั ปนั โน ฯ
๙. อติ ิปิโส ภะคะวา อากาสานัญจายะตะนะ เนวะสญั ญา-
นาสัญญายะตะนะ อะรูปาวะจะระ ธาตสุ มั มาทิยานะสมั ปันโน ฯ
อติ ปิ โิ ส ภะคะวา วญิ ญานญั จายะตะนะ เนวะสญั ญานาสญั ญายะตะนะ
อะรปู าวะจะระธาตุสมั มาทิยานะสัมปันโน ฯ อติ ปิ ิโส ภะคะวา อากิญ-
จัญญายะตะนะ เนวะสัญญานาสัญญายะตะนะ อะรูปาวะจะระ-
ธาตสุ มั มาทิยานะ สมั ปนั โน ฯ
๑๐. อิติปิโส ภะคะวา โสตาปฏิมัคคะธาตุสัมมาทิยานะ-
สมั ปนั โน ฯ อติ ิปโิ ส ภะคะวา สกทิ าคา ปฏมิ ัคคะธาตุสัมมาทิยานะ-
สัมปันโน ฯ อติ ิปโิ ส ภะคะวา อะนาคาปฏิมคั คะธาตสุ มั มาทิยานะ-
สัมปันโน ฯ อติ ปิ โิ ส ภะคะวา อะระหัตตะปฏมิ คั คะธาตุสมั มาทยิ านะ-
สัมปนั โน ฯ
54
๑๑. อิตปิ ิโส ภะคะวา โสตาอะระหตั ตะปฏิผะละธาตุสัมมา
ทยิ านะสมั ปนั โน ฯ อิตปิ ิโส ภะคะวา สกทิ าคาอะระหัตตะปฏผิ ะละ
ธาตุสัมมาทยิ านะ สัมปันโน ฯ อติ ิปิโส ภะคะวา อะนาคามิอะระหัตตะ
ปฏิผะละ ธาตุสัมมาทิยานะสมั ปันโน ฯ
๑๒. กุสะลาธัมมา อติ ปิ โิ ส ภะคะวา อะอา ยาวะชวี ัง พุทธัง
สะระณัง คัจฉามิ ฯ ชมั พทู ปิ ัญจะ อิสสะโร กสุ ะลาธมั มา นะโม พุทธายะ
นะโม ธัมมายะ นะโม สังฆายะ ฯ ปญั จะ พทุ ธา นะมามหิ งั อาปา-
มะจุปะ ทีมะสังองั ขุ สงั วิธาปกุ ะยะปะ ฯ อุปะสะชะ สเุ หปาสายะ โสโส
สะสะ อะอะอะอะนิ เตชะสุเนมะภจู ะนาวิเว อะสงั วสิ ุโรปุสะภพุ ะ
อิสะวาสุ สสุ ะวาอิ กุสะลา ธมั มา จติ ติ วิอัตถิ ฯ
๑๓. อติ ปิ โิ ส ภะคะวา อะระหงั อะอายาวะชวี งั พุทธงั สะระณัง
คจั ฉามิ สาโพธิปญั จะอิสะโร ธมั มา ฯ
๑๔. กสุ ะลาธมั มา นนั ทะววิ ังโก อติ ิ สมั มาสมั พทุ โธ สคุ ะลาโน
ยาวะชีวัง พุทธงั สะระณงั คจั ฉามิ ฯ จาตมุ ะหาราชกิ า อิสสะโร กุสะลา
ธมั มา อติ ิวิชชา จะระณะสมั ปนั โน ออุ ยุ าวะชีวงั พุทธงั สะระณะ
คัจฉามิ ตาวะติงสาอิสสะโร กุสะลาธัมมา ฯ นันทะปัญจะสุคะโต
โลกะวทิ ู มะหาเอโอยาวะชวี ัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ฯ ยามาอิสสะโร
กุสะลา ธัมมา พรหมมาสทั ธะปญั จะสัตตะ สัตตาปาระมี อะนุตตะโร ฯ
ยะมะกะขะ ยาวะชวี ัง พุทธัง สะระณัง คจั ฉามิ ฯ
๑๕. ตุสิตาอสิ สะโร กุสะลาธมั มา ปุกะยะปะ ปรุ สิ ะธมั มะ-
สาระถิ ยาวะชีวงั พทุ ธัง สะระณงั คจั ฉามิ ฯ
55
๑๖. นิมมานะระติ อสิ สะโร กุสะลา ธมั มา เหตโุ ปวะ สัตถา-
เทวะมะนสุ สานงั ฯ ตะถะ ยาวะชวี งั พุทธงั สะระณงั คจั ฉามิ ฯ
๑๗. ปาระนมิ ติ ตะอิสสะโร กสุ ะลา ธมั มา สงั ขาระขนั โธ ทกุ ขัง
อะนจิ จงั อะนตั ตา รปู ะขนั โธ ฯ พุทธะปะผะ ยาวะชีวัง พทุ ธัง สะระณงั
คจั ฉามิ ฯ
๑๘. พรหมมาอิสสะโร กุสะลา ธัมมา นัจจิ ปจั จะยา วินะ-
ปัญจะ ภะคะวะตา ยาวะนิพพานงั สะระณัง คจั ฉามิ ฯ นะโม พทุ ธัสสะ
นะโม ธมั มสั สะ นะโม สงั ฆัสสะ ฯ พุทธลิ า โลกะลากะระกะนา เอเตนะ
สัจเจนะ สวุ ัตถิ โหนตุ หลุ ู หุลู หุลู สะวาหายะ ฯ
๑๙. นะโม พุทธสั สะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆสั สะ ฯ วติ ติ
วิตติ วติ ติ มติ ติ มติ ติ จติ ติ จิตติ อัตติ อตั ติ ฯ มะยะสุ สวุ ัตถิ โหนตุ
หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ ฯ
๒๐. อินทะสาวัง มะหาอินทะสาวัง พรหมมะสาวงั มะหา-
พรหมมะสาวงั ฯ จักกะวตั ตสิ าวัง มะหาจักกะวตั ติสาวงั เทวาสาวงั
มะหาเทวาสาวัง ฯ อิสสิ าวัง มะหาอสิ ิสาวงั มนุ ีสาวัง มะหามุนสี าวัง ฯ
สัปปุริสาวัง มะหาสัปปุริสาวัง พุทธะสาวัง ปัจเจกะ พุทธะสาวัง
อะระหัตตะสาวัง สพั พะสิทธิวชิ า ธะรานังสาวัง ฯ สพั พะโลกา อิรยิ า-
นงั สาวงั เอเตนะ สจั เจนะ สุวตั ถิ โหนตุ ฯ
๒๑. สาวงั คุณณงั วะชะพะลัง เตชงั วริ ยิ งั สิทธิ กัมมัง ฯ
นพิ พานงั โมกขังคยุ หะกัง ฐานงั สลี ัง ฯ ปัญญานกิ ขัง ปุญญังภาคะยงั
ตัปปงั สุขัง สริ ริ ูปงั ฯ จะตุวสิ สะติเสนัง เอเตนะ สจั เจนะ สวุ ตั ถิ โหนตุ
หุลู หลุ ู หลุ ู สะวาหายะ ฯ
56
๒๒. นะโมพทุ ธัสสะ นะโมธมั มัสสะ นะโม สงั ฆัสสะ ทุกขัง
อะนิจจงั อะนตั ตา รปู ะขันโธ เวทนาขนั โธ สญั ญาขนั โธ สงั ขาระขนั โธ
วิญญาณะขนั โธ นะโม อิตปิ โิ ส ภะคะวา ฯ
๒๓. นะโมพุทธัสสะ ทกุ ขัง อะนิจจงั อะนตั ตา รูปะขนั โธ
เวทนาขนั โธ สญั ญาขันโธ สงั ขาระขนั โธ วิญญาณะขันโธ นะโม
สวากขาโต ภะคะวะตา ธมั โมฯ
๒๔. นะโมธมั มัสสะ ทกุ ขงั อะนจิ จงั อะนัตตา รูปะขนั โธ
เวทะนาขนั โธ สญั ญาขนั โธ สงั ขาระขันโธ วญิ ญาณะขันโธ นะโม
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ฯ
๒๕. นะโมธมั มสั สะ ทกุ ขัง อะนจิ จัง อะนตั ตา รูปะขันโธ
เวทนาขนั โธ สัญญาขันโธ สงั ขาระขนั โธ วิญญาณะขันโธ นะโมสปุ ะฏ-ิ
ปนั โน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ฯ
๒๖. นะโมสงั ฆสั สะ ทุกขัง อะนจิ จงั อะนัตตา รปู ะขนั โธ
เวทนาขันโธ สญั ญาขนั โธ สังขาระขนั โธ วิญญาณะขนั โธ นะโมสุปะ-
ฏปิ ันโน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ วาหะปะริตตงั ฯ
๒๗. นะโมพทุ ธายะ มะอะอุ ทกุ ขัง อะนิจจงั อะนตั ตา ฯ
ยาวะตัสสะ หาโย นะโม ออุ ะมะ ทุกขงั อะนิจจงั อะนัตตา ฯ อุอะมะ
อาวันทา นะโมพุทธายะ นะอะกะตินสิ ะระณะ ฯ อาระปะขธุ งั มะอะ-
อุทุกขัง อะนิจจงั อะนตั ตา ฯ
57
พระคาถาชินบัญชร
เพื่อให้เกดิ อานุภาพย่งิ ขึ้น ก่อนเจริญภาวนาชนิ บัญชร ตงั้
นะโม ๓ จบ แล้วระลกึ ถึง สมเดจ็ พุฒาจารย์ (โต พรหมรงั สี)
ปตุ ตะกาโมละเภปตุ ตัง ธะนะกาโมละเภธะนงั
อตั ถิกาเยกายะญายะ เทวานงั ปิยะตัง สุตตะวา
อิตปิ ิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ทา้ วเวสสวุ ัณโณ
มรณงั สุขัง อะระหงั สคุ ะโต นะโมพุทธายะ
๑. ชะยาสะนากะตา พทุ ธา เชตะวา มารงั สะวาหะนัง
จะตสุ จั จาสะภงั ระสัง เยปิ วงิ สุ นะราสะภา
๒. ตณั หงั กะราทะโย พุทธา อฏั ฐะวสี ะติ นายะกา
สพั เพ ปะตฏิ ฐติ า มยั หัง มตั ถะเก เต มุนสิ สะรา
๓. สีเส ปะตฏิ ฐิโต มัยหงั พทุ โธ ธมั โม ทวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐโิ ต มยั หงั อเุ ร สัพพะคุณากะโร
๔. หะทะเย เม อะนรุ ทุ โธ สารีปตุ โต จะ ทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐภิ าคัสมงิ โมคคลั ลาโน จะ วามะเก
๕. ทกั ขเิ ณ สะวะเน มยั หงั อาสงุ อานันทะราหโุ ล
กัสสะโป จะ มะหานาโม อภุ าสงุ วามะโสตะเก
๖. เกสะโต ปิฏฐิภาคัสมิง สุรโิ ย วะ ปะภงั กะโร
นสิ นิ โน สริ สิ ัมปนั โน โสภโี ต มนุ ิปุงคะโว
58
๗. กมุ าระกสั สะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก
โส มัยหงั วะทะเน นจิ จงั ปะตฏิ ฐาสิ คณุ ากะโร
๘. ปณุ โณ องั คลุ มิ าโล จะ อปุ าลี นันทะสวี ะลี
เถรา ปัญจะ อเิ ม ชาตา นะลาเต ตลิ ะกา มะมะ
๙. เสสาสตี ิ มะหาเถรา วิชติ า ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา ชติ ะวันโต ชิโนระสา
ชะลนั ตา สีละเต-เชนะ องั คะมงั เคสุ สณั ฐิตา
๑๐. ระตะนงั ปรุ ะโต อาสิ ทกั ขิเณ เมตตะสตุ ตะกงั
ธะชัคคงั ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคลุ มิ าละกงั
๑๑. ขนั ธะโมระ ปะรติ ตัญจะ อาฏานาฏิยะสุตตะกงั
อากาเส ฉะทะนงั อาสิ เสสา ปาการะสณั ฐติ า
๑๒. ชินา นานา วะระสงั ยตุ ตา สตั ตัปปาการะสงั กะตา
วาตะปติ ตาทสิ ัญชาตา พาหริ ัชฌัตตปุ ัททะวา
๑๓. อะเสสา วนิ ะยัง ยันตุ อะนนั ตะชนิ ะเตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปญั ชะเร
๑๔. ชินะปญั ชะระมัชฌมั หิ วหิ ะรันตงั มะหีตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปรุ ิสาสะภา
๑๕. อจิ เจวะมนั โต สคุ ุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ ชิตุปทั ทะโว
ธมั มานภุ าเวนะ ชติ ารสิ งั โฆ
สงั ฆานภุ าเวนะ ชิตันตะราโย
สทั ธัมมานุภาวะปาลโิ ต จะรามิ ชนิ ะปัญชะเรติ ฯ
59
คําแปลพระคาถาชนิ บัญชร
๑. พระนราสภาพทุ ธเจ้าทั้งหลาย ผปู้ ระทับนง่ั แล้วบนชยั บลั ลงั ก์ ทรง
พิชติ พระยามาราธิราช ผพู้ รง่ั พร้อมด้วย เสนาราชพาหนะแลว้ เสวย
อมฤตรส คือ อรยิ สัจจธรรม ทั้งส่ปี ระการ เปน็ ผู้นําสรรพสตั ว์ใหข้ ้าม
พน้ จากกเิ ลสและกองทุกข์
๒. มี ๒๘ พระองค์ คือ พระผทู้ รงพระนามว่า ตณั หงั กร เป็นอาทิ
พระพทุ ธเจ้า ผู้จอมมุนีท้งั หมดน้นั
๓. ข้าพระพทุ ธเจ้าขออัญเชิญมาประดษิ ฐานเหนอื เศยี รเกลา้ องค์
สมเดจ็ พระสมั มาสมั พุทธเจา้ ประดิษฐานอยู่บนศีรษะ พระธรรมอยูท่ ี่
ดวงตาทัง้ สอง พระสงฆผ์ ู้เปน็ อากรบ่อเกิด แหง่ สรรพคุณอยูท่ ่อี ก
๔. พระอนรุ ุทธะอย่ทู ี่ใจ พระสารบี ตุ รอยเู่ บือ้ งขวา พระโมคคัลลาน์
อยเู่ บอื้ งซ้าย พระอัญญาโกณฑัญญะอยเู่ บือ้ งหลงั
๕. พระอานนท์กับพระราหลุ อยทู่ หี่ ขู วา พระกสั สปกบั พระมหานามะ
อยูท่ ่ีหูซ้าย
๖. มนุ ผี ู้ประเสรฐิ คอื พระโสภติ ะ ผู้สมบรู ณ์ด้วยสริ ิดังพระอาทิตย์
สอ่ งแสงอยทู่ ่ที กุ เสน้ ขนตลอดรา่ ง ทัง้ ขา้ งหนา้ และขา้ งหลัง
๗. พระเถระกุมารกัสสปผแู้ สวงบญุ ทรงคุณอนั วเิ ศษ มวี าทะอันวิจิตร
ไพเราะอยปู่ ากเปน็ ประจํา
๘. พระปณุ ณะ พระองคลุ มิ าล พระอบุ าลี พระนันทะ และพระสวี ลี
พระเถระทงั้ ๕ นี้ จงปรากฏ เกดิ เปน็ กระแจะจณุ เจิมทีห่ นา้ ผาก
60
๙. ส่วนพระอสตี ิมหาเถระทีเ่ หลอื ผู้มีชยั และเป็นพระโอรส เปน็ พระ
สาวกของพระพุทธองคผ์ ู้ทรงชัย แตล่ ะองคล์ ้วนร่งุ เรอื งไพโรจนด์ ้วย
เดชแหง่ ศลี ให้ดาํ รงอยู่ทั่วอวยั วะนอ้ ยใหญ่
๑๐. พระรตั นสูตรอยเู่ บอ้ื งหน้า พระเมตตาสูตรอยู่เบอื้ งขวา พระ
อังคลุ มิ าลปริตรอยเู่ บอ้ื งซา้ ย พระธชคั คสตู รอยู่เบอื้ งหลัง
๑๑. พระขนั ธปริตร พระโมรปรติ ร และพระอาฏานาฏิยสูตร เปน็ เครอ่ื ง
กางกน้ั ดจุ หลงั คาอยู่บนนภากาศ
๑๒. อน่งึ พระชินเจ้าทงั้ หลายนอกจากทไี่ ดก้ ลา่ วมาแลว้ น้ี ผู้ประกอบ
พร้อม ดว้ ยกําลังอันประเสริฐนานาชนิด มีศีลาทิคณุ อนั ม่นั คง คือ
สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตัง้ ลอ้ มเป็นกาํ แพงคุ้มครองเจด็ ชัน้
๑๓. ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินะเจ้า ไม่ว่าจะทํากิจการใดๆ
เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเขา้ อาศัยอยใู่ นพระบญั ชร แวดวงกรงลอ้ มแหง่
พระสัมมาสมั พุทธเจ้า ขอโรคอปุ ัทวทกุ ข์ ท้ังภายนอก และภายในอัน
เกิดแตโ่ รครา้ ย คือ โรคลมและ โรคดเี ป็นต้น เปน็ สมฏุ ฐาน จงกาํ จัด
ให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
๑๔. ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำ�เลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาล
ขา้ พระพทุ ธเจ้าผู้อย่ใู นภาคพ้ืน ทา่ มกลางพระชินบัญชรทุกเมื่อ ข้า-
พระพุทธเจา้ ได้รับการคุ้มครองปกปอ้ ง รักษาภายในเปน็ อนั ดี ฉะนแ้ี ล
๑๕. ข้าพระพทุ ธเจ้าได้รับการอภบิ าลดว้ ยคณุ านุภาพแหง่ พระสทั ธรรม
จงึ ชนะเสยี ไดซ้ ่ึงอปุ ัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแหง่ พระชนิ ะพุทธเจ้า
ชนะข้าศึกศัตรดู ้วยอานุภาพแหง่ พระธรรม ชนะอนั ตรายทัง้ ปวงด้วย
อานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพทุ ธเจ้าจงได้ปฏบิ ตั แิ ละรักษาดําเนนิ
ไปโดยสวัสดี เป็นนิจนริ นั ดร ฯ
61
อานภุ าพแห่งพระคาถา
ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถาชินบัญชรเป็นประจําอยู่สม่ำ�เสมอ
จะเกดิ ความเปน็ สิรมิ งคลสมบรู ณ์พูนผล ศตั รหู มู่พาลไม่กลา้ กลำ�้ กราย
ไปทางใดยอ่ มเกดิ เมตตามหานยิ ม เกิดลาภผลพูนทวี ขจดั ภัยจากภตู ผี
ปีศาจ ตลอดจนคณุ ไสยตา่ งๆ ทาํ น�้ำ มนต์รด แก้วิกลจรติ แก้สรรพ
โรคภัยหายสิน้ เป็นสริ ิมงคลชวี ติ มคี ุณานุภาพตามแตจ่ ะปรารถนา
ดงั คําโบราณวา่ “ฝอยท่วมหลังช้าง” จะเดินทางไปท่ใี ดๆ สวด ๑๐ จบ
แล้วอธิษฐานจะสําเรจ็ สมดังใจ
อานสิ งสช์ นิ บญั ชร
พระคาถาชนิ บัญชรน้ี เป็นคาถาทศ่ี กั ดสิ์ ทิ ธย์ิ งิ่ นกั ตกทอด
มาจากลงั กา เจา้ ประคุณสมเด็จฯ ค้นพบในคมั ภีร์โบราณ ไดด้ ัดแปลง
แกไ้ ขแต่งเตมิ ใหด้ ีขนึ้ เปน็ เอกลกั ษณพ์ ิเศษ ไดเ้ นือ้ ถอยกระทงความ
สมบูรณ์ แปลออกมาแล้วมีแต่ส่ิงสริ มิ งคล แก่ผ้สู วดภาวนาทุกประการ
พระคาถานี้ เปน็ การอญั เชิญพระพทุ ธานุภาพแหง่ พระบรมศาสดา
สมเดจ็ พระสมั มาสัมพุทธเจา้ และพระพุทธเจา้ ทไ่ี ดเ้ คยตรสั รมู้ าก่อน
หนา้ น้นั จากนน้ั เป็นการอัญเชิญพระอรหันตข์ ีณาสพอนั สําเรจ็ คณุ ธรรม
วิเศษ แต่ละองค์ไมเ่ หมอื นกัน นอกน้ันยงั อญั เชิญพระสตู รตา่ งๆ อัน
โบราณาจารย์เจ้าถอื ว่า เปน็ พระพทุ ธมนต์อนั วิเศษแต่ละสตู รมารวมกัน
สอดคล้องเป็นกําแพงแก้วคุ้มกัน ตง้ั แตก่ ระหม่อมจอมขวญั ของผ้ภู าวนา
พระคาถาลงมาจนล้อมรอบตวั จนกระทง่ั หาชอ่ งว่างให้อันตรายสอด
แทรกเขา้ มามิได้
62
กะระณยี ะเมตตะสตุ ตัง
กะระณียะมัตถะกสุ ะเลนะ ยนั ตัง สันตงั ปะทัง อะภิสะเมจจะ
สกั โก อชุ ู จะ สหุ ุชู จะ สวุ ะโจ จัสสะ มทุ ุ อะนะติมานี
สนั ตุสสะโก จะ สภุ ะโร จะ อัปปะกจิ โจ จะ สัลละหุกะวตุ ติ
สนั ตินทะ๎ รโิ ย จะ นิปะโก จะ อปั ปะคพั โภ กุลสุ อะนะนคุ ิทโธ
นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วญิ ญู ปะเร อปุ ะวะเทยยงุ
สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ สัพเพ สัตตา ภะวนั ตุ สขุ ิตตั ตา
เย เกจิ ปาณะภตู ัตถิ ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
ทีฆา วา เย มะหนั ตา วา มชั ฌิมา รสั สะกา อะณุกะถลู า
ทฏิ ฐา วา เย จะ อะทฏิ ฐา เย จะ ทเู ร วะสันติ อะวทิ ูเร
ภตู า วา สมั ภะเวสี วา สัพเพ สตั ตา ภะวนั ตุ สขุ ิตตั ตา
นะ ปะโร ปะรงั นิกพุ เพถะ นาติมญั เญถะ กตั ถะจิ นัง กญิ จิ
พ๎ะยาโรสะนา ปะฏฆี ะสัญญา นาญญะมญั ญสั สะ ทกุ ขะมจิ เฉยยะ
มาตา ยะถา นิยงั ปุตตงั อายสุ า เอกะปตุ ตะมะนุรกั เข
เอวมั ปิ สพั พะภูเตสุ มานะสมั ภาวะเย อะปะรมิ าณัง
เมตตญั จะ สพั พะโลกัส๎ะมงิ มานะสมั ภาวะเย อะปะริมาณงั
อทุ ธงั อะโธ จะ ติรยิ ัญจะ อะสมั พาธัง อะเวรงั อะสะปตั ตัง
ตฏิ ฐัญจะรงั นิสนิ โน วา สะยาโน วา ยาวะตสั สะ วคิ ะตะมทิ โธ
เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ พรัหมะเมตงั วหิ ารัง อิธะมาหุ
ทฏิ ฐญิ จะ อะนปุ ะคัมมะ สีละวา ทัสสะเนนะ สัมปนั โน
กาเมสุ วิเนยยะ เคธงั นะ หิ ธาตุ คัพภะเสยยงั ปุนะเรตีติ ฯ
63
อะภะยะปะรติ ตัง
ยนั ทนุ นมิ ติ ตงั อะวะมงั คะลญั จะ โยจามะนาโป สะกณุ ัสสะ
สัทโท ปาปัคคะโห ทสุ สุปินงั อะกนั ตงั พทุ ธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ
ยันทนุ นมิ ติ ตัง อะวะมังคะลัญจะ โยจามะนาโป สะกณุ สั สะ
สทั โท ปาปัคคะโห ทุสสุปินงั อะกนั ตัง ธมั มานภุ าเวนะ วินาสะเมนตุ ฯ
ยนั ทุนนมิ ติ ตัง อะวะมงั คะลัญจะ โยจามะนาโป สะกุณัสสะ
สัทโท ปาปคั คะโห ทุสสปุ ินัง อะกันตงั สงั ฆานภุ าเวนะ วนิ าสะเมนตุ ฯ
พระคาถามงกุฎพระพุทธเจา้
อิ ติ ปิ โส วิ เส เส อิ
อิ เส เส พุท ธะ นา เม อิ
อิ เม นา พุท ธะ ตงั โส อิ
อิ โส ตงั พุท ธะ ปิ ติ อิ
64
พระคาถาขา่ ยเพ็ชรพระพทุ ธเจ้า
พระคาถาข่ายเพ็ชรพระพทุ ธเจ้า (พระพทุ ธเจ้ามอบให้พระ
อานนท์ เป็นคาถาท่ชี ่วยใหพ้ น้ จากความทกุ ข์ยากทั้งมวล เวลาเจบ็ ไข้
ไดป้ ว่ ย หรอื ใช้ทำ�น้ำ�มนต์ภูตผไี มอ่ าจกล�ำ้ กราย ใชใ้ นเวลาศกึ สงคราม
ด้วย)
ตั้งนะโม ๓ จบ
ชาโล มหาชาโล ชาลัง มหาชาลงั ชาลเิ ต มหาชาลเิ ต ชาลิตัง
มหาชาลติ งั
มตุ เต มตุ เต สมั ปตั เต มตุ ตงั มตุ ตงั สมั ปตั ตงั สตุ งั คะมติ ิ
สุตัง คะมิติ มัคคะยีติ
ทฏิ ฐลิ า ทณั ฑะลา มณั ฑะลา โรคลิ า กะระลา ทพุ พะลา รติ ติ
รติ ติ กติ ติ กิตติ
มิตติ มิตติ จติ ติ จิตติ มุตติ มตุ ติ จุตติ จุตติ ธาระณี ธาระณีติ
อทิ ัง ธาระณะ ปะริตตงั ฯ
65
พระคาถามหาจกั รพรรดิ
บทสวดบชู าหลวงปทู่ วด
นะโม โพธสิ ตั โต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
นะโม โพธสิ ตั โต อาคนั ตมิ ายะ อติ ภิ ะคะวา
นะโม โพธสิ ัตโต อาคนั ตมิ ายะ อติ ภิ ะคะวา
บทสวดบชู าหลวงปดู่ ู่
นะโม โพธสิ ัตโต พรหมะปญั โญ
นะโม โพธสิ ัตโต พรหมะปญั โญ
นะโม โพธสิ ตั โต พรหมะปญั โญ
คาถามหาจักรพรรดิ
(ต้ังนะโม ๓ จบก่อน)
นโม พทุ ธายะ
พระพุทธะไตรรัตนญาณ มณีนพรตั น์
สสี ะหัสสะ สุธรรมา
พุทโธ ธัมโม สงั โฆ
ยะ-ธา-พุท-โม-นะ
พุทธะบชู า ธัมมะบชู า
สังฆะบชู า
66
อัคคที านงั วะรงั คันธงั
สวี ะลี จะ มะหาเถรงั
อะหัง วนั ทามิ ทรู ะโต
อะหงั วนั ทามิ ธาตโุ ย
อะหงั วันทามิ สพั พะโส
พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปเู ชมิ
พทุ ธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ
บทสวดเชญิ พระเขา้ ตวั (แผก่ ศุ ลปรับภพภมู ิ)
สพั เพ พุทธา สัพเพ ธมั มา สัพเพ สงั ฆา
พะลัปปัตตา ปจั เจกานัญจะ ยงั พะลัง
อะระหันตานญั จะ เตเชนะ รกั ขงั พันธามิ สพั พะโส
คําอธษิ ฐานจติ (แผ่กศุ ลปรับภพภูมใิ หเ้ จ้ากรรมนายเวร)
พทุ ธัง อธิฏฐามิ ธัมมัง อธิฏฐามิ สงั ฆงั อธิฏฐามิ
พระคาถาปอ้ งกนั ภยั
พทุ ธงั บงั ซ้าย ธมั มงั บงั ขวา
สังฆังบังกายา อะระหังบังเกศา
นะมะพทุ โธ นะโมพุทธายะ
67
วธิ บี ูชาพระ และอธิษฐานกอ่ นจะทำ�สมถะวิปัสนา
รักษ์รา่ งพอสรา่ งรา้ ย รอดตน
ยอดเย่ยี ม “ธรรมกาย” ผล ผ่องแผว้
เลอเลศิ ลว่ งกศุ ล ใดอนื่
เชญิ ท่านถอื เอาแก้ว ก่องหล้าเรอื งสกล
พระมงคลเทพมนุ ี
วิธีบูชาพระ
วา่ กอ่ นนัง่ ภาวนาทกุ คร้งั
ในอนั ดับต่อไปนี้ ใหท้ ่านทง้ั หลายพึงตงั้ ใจจดุ ธปู เทียน บชู า
พระรตั นตรัย เมอ่ื เสรจ็ แลว้ จะไดบ้ ชู ากันต่อไป จะสอนใหว้ า่ ทา่ นท้ัง
หลาย จงว่าตามดงั นี้
ยะมะหัง สัมมาสัมพทุ ธงั , ภะคะวันตงั สะระณัง คะโต
(ชาย) คะตา (หญงิ ), อิมินา สักกาเรนะ ตงั ภะคะวนั ตงั อภิปชู ะยามิ
ขา้ พเจ้าบูชาบดั น้ี ซ่งึ พระผ้มู พี ระภาค ผตู้ รัสร้แู ล้วเองโดยชอบ
ซึ่งข้าพเจา้ ถึง วา่ เปน็ ที่พง่ึ กําจัดทกุ ขไ์ ด้จรงิ ด้วยสักการะน้ี
68
ยะมะหงั สะวากขาตงั , ภะคะวะตา ธมั มัง สะระณัง คะโต
(ชาย) คะตา (หญงิ ), อมิ นิ า สกั กาเรนะ ตัง ธัมมงั อภิปูชะยามิ
ขา้ พเจ้าบชู าบดั น้ี ซงึ่ พระธรรม อันพระผูม้ พี ระภาคเจ้า ตรัส
ดีแลว้ ซึง่ ข้าพเจ้าถงึ วา่ เปน็ ทพ่ี ่ึง กาํ จัดภยั ไดจ้ ริง ดว้ ยสักการะน้ี
ยะมะหงั สุปะฏิปันนัง, สงั ฆัง สะระณัง คะโต (ชาย) คะตา
(หญิง), อิมนิ า สกั กาเรนะ ตงั สงั ฆงั อะภิปูชะยามิ
ข้าพเจา้ บชู าบดั น้ี ซึง่ พระสงฆผ์ ู้ปฏิบตั ดิ ี ซ่ึงข้าพเจา้ ถึง ว่าเป็น
ที่พึ่ง กาํ จดั โรคไดจ้ ริง ดว้ ยสกั การะนี้
ไหวพ้ ระตอ่ ไป
อะระหัง สัมมาสัมพทุ โธ ภะคะวา, พทุ ธงั ภะคะวนั ตงั
อภวิ าเทมิ (กราบลง ๑ หน)
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธมั โม, ธัมมัง นะมัสสามิ
(กราบลง ๑ หน)
สปุ ะฏิปนั โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ, สงั ฆัง นะมสั สามิ
(กราบลง ๑ หน)
69
คาํ ขอขมาโทษ
บชู าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เมอื่ เราไหว้พระพทุ ธ พระ
ธรรม พระสงฆ์ เสรจ็ แลว้ ตอ่ จากนีไ้ ปต้งั ใจใหแ้ นแ่ น่ว ขอขมาโทษ
งดโทษต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทีเ่ ราไดพ้ ลาดพลง้ั ลงไปแลว้
ดว้ ยกายวาจาใจ ตงั้ แตเ่ ด็กเลก็ ยังไมร่ เู้ ดยี งสา มาจนกระทงั่ ถงึ บดั นี้
ขอขมาโทษงดโทษแล้ว กายวาจาใจของเราจะได้เปน็ ของบริสทุ ธ์ิ
สมควรเป็นภาชนะทองรองรบั พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในอดีต
ปัจจบุ ัน อนาคต สืบตอ่ ไป
แต่ก่อนจะขอขมาโทษงดโทษพระรัตนตรัย พึงนอบน้อม
พระรตั นตรัยด้วยปณามคาถา คอื นะโม ๓ หน นะโมหนท่ี ๑
นอบนอ้ ม พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ในอดตี นะโมหนท่ี ๒
นอบนอ้ ม พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ในปจั จุบนั นะโมหนท ่ี ๓
นอบน้อม พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในอนาคต ทงั้ หมดด้วยกัน
ตา่ งคนต่างว่านะโมดังๆ พรอ้ มกนั ๓ หน ได้ ณ บัดน้ี
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธสั สะ
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พุทธัสสะ
อุกาสะ, อัจจะโย โน ภันเต, อัจจัคคะมา, ยะถาพาเล
ยะถามุฬเห, ยะถาอะกสุ ะเล, เย มะยัง กะรมั หา, เอวงั ภนั เต มะยงั ,
อัจจะโย โน, ปะฏิคคณั หะถะ, อายะตงิ สังวะเรยยามะ
70
ขา้ พระพุทธเจ้า ขอวโรกาส ไดพ้ ลั้งพลาดด้วย กาย วาจา ใจ
ในพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ เพียงไร แต่ข้าพระพทุ ธเจา้ เป็นคนพาล
คนหลง อกศุ ลเข้าสงิ จติ ใหก้ ระทําความผิดต่อพระพุทธ พระธรรม
พระสงฆ์ ขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงงดความผิด
ท้ังหลาย เหล่านั้นแก่ข้าพระพทุ ธเจา้ จาํ เดิมแตว่ นั นี้เปน็ ต้นไป ข้า-
พระพทุ ธเจา้ จกั ขอสาํ รวมระวัง, ซ่ึงกาย วาจา ใจ สบื ต่อไปในเบ้อื งหนา้
กาย วาจา ใจ ของเราเป็นของบรสิ ทุ ธิ์ ตอ่ ไปนจ้ี ะไดอ้ าราธนา
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในอดตี ปจั จบุ ัน อนาคต เขา้ สิงสถิต
ในกาย วาจา จิต สบื ตอ่ ไป
คาํ อาราธนา
อุกาสะ ข้าพระพุทธเจ้าขออาราธนา สมเดจ็ พระพทุ ธเจ้า ที่
ไดต้ รสั รู้ลว่ งไปแลว้ มากกว่าเมลด็ ทรายในทอ้ งมหาสมทุ รทงั้ ๔ และ
สมเดจ็ พระพุทธเจ้า อันจกั ไดต้ รัสรู้ ในอนาคตกาลภายภาคเบอ้ื งหน้า
แลสมเด็จพระพุทธเจา้ ที่ไดต้ รสั รใู้ นปัจจบุ นั น้ี ขอจงมาบงั เกดิ ใน จักขุ
ทวาร โสตทวาร ฆานทวาร ชวิ หาทวาร กายทวาร มโนทวาร แหง่
ข้าพระพุทธเจ้า ในกาลบดั เดี๋ยวนเ้ี ถิด
อุกาสะ ขา้ พระพทุ ธเจา้ ขออาราธนา พระนพโลกตุ ตรธรรมเจา้
๙ ประการ ในอดตี กาลลว่ งลับไปแลว้ จะนับจะประมาณมไิ ด้ และ
71
พระนพโลกตุ ตรธรรมเจา้ ๙ ประการ ในอนาคตกาลภายภาคเบอ้ื งหนา้
และพระนพโลกตุ ตรธรรมเจ้า ๙ ประการ ในปัจจุบันนี้ ขอจงมาบงั เกิด
ในจกั ขทุ วาร โสตทวาร ฆานทวาร ชิวหาทวาร กายทวาร มโนทวาร
แห่งข้าพระพทุ ธเจา้ ในกาลบดั เด๋ยี วนีเ้ ถิด
อกุ าสะ ข้าพระพุทธเจา้ ขออาราธนา พระอริยสงฆก์ ับสมมติ
สงฆ์ ในอดีตกาลล่วงลับไปแล้ว จะนบั จะประมาณมิได้ และพระอริยสงฆ์
กับสมมติสงฆ์ ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า และพระอริยสงฆ์
กับสมมตสิ งฆ์ ในปัจจบุ นั นี้ ขอจงมาบงั เกดิ ในจกั ขทุ วาร โสตทวาร
ฆานทวาร ชวิ หาทวาร กายทวาร มโนทวาร แหง่ ข้าพระพทุ ธเจ้า ใน
กาลบดั เด๋ียวนเ้ี ถดิ
ขอเดชคุณพระพทุ ธเจ้า คณุ พระธรรมเจา้ คณุ พระสงฆเ์ จา้
(ชายว่า) คณุ ครูอุปชั ฌายอ์ าจารย์ (หญงิ วา่ ) คุณครูบาอาจารย์ คณุ
มารดาบดิ า คณุ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขมั มบารมี ปัญญาบารมี
วริ ยิ บารมี ขนั ติบารมี สจั จบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขา
บารมี ทีข่ า้ พเจ้าได้บําเพ็ญมา แตร่ อ้ ยชาติ พนั ชาติ หมื่นชาติ แสนชาติ
ก็ดี ท่ขี ้าพเจ้าไดบ้ ําเพญ็ มาตงั้ แต่เลก็ แต่นอ้ ย ระลกึ ไดก้ ด็ ี มิระลกึ ได้ก็ดี
ขอบารมีทัง้ หลายเหลา่ นัน้ จงมาช่วยประคับประคอง ขา้ พเจา้ ขอให้
ข้าพเจา้ ไดส้ าํ เรจ็ มรรคและผล ในกาลบดั เดีย๋ วน้เี ถิด
นิพพานะปัจจะโย โหตุ ฯ
72
วธิ ฝี ึกสมาธเิ บื้องตน้
วธิ ีฝกึ สมาธเิ บ้ืองตน้
สมาธิ คอื ความสงบ สบาย และความรู้สึกเป็นสขุ อยา่ งยงิ่
ท่มี นษุ ยส์ ามารถสร้างขน้ึ ไดด้ ว้ ยตนเอง เปน็ สิง่ ทพี่ ระพทุ ธศาสนา
กําหนดเอาไว้เป็นข้อควรปฏิบัติเพื่อการดํารงชีวิตทุกวันอย่างเป็นสุข
ไม่ประมาทเต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะและปญั ญา อนั เป็นเรอ่ื งไมเ่ หลือ
วสิ ัย ทกุ คนสามารถปฏบิ ัติ ได้ง่าย ๆ ดงั วธิ ีปฏิบัติที่ พระเดชพระคุณ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนทฺ สโร) หลวงพอ่ วดั ปากน้�ำ ภาษเี จรญิ
ไดเ้ มตตาส่ังสอน ไวด้ งั นี้
๑. กราบบูชาพระรัตนตรยั เปน็ การเตรียมตัวเตรยี มใจให้
น่มุ นวลไวเ้ ป็นเบอื้ งตน้ แลว้ สมาทานศลี ห้า หรือศลี แปด เพอ่ื ย้ำ�ความ
มัน่ คงในคณุ ธรรมของตนเอง
๒. คกุ เขา่ หรือนั่งพับเพียบสบายๆ ระลึกถึงความ ดี ท่ไี ด้
กระทําแล้วในวันน้ี ในอดตี และทต่ี ง้ั ใจจะทาํ ตอ่ ไปในอนาคต
จนราวกับว่ารา่ งกายท้ังหมดประกอบข้นึ ดว้ ยธาตุ แหง่ คุณงามความดี
ล้วนๆ
๓. นงั่ ขดั สมาธิ เทา้ ขวาทบั เท้าซ้าย มือขวาทบั มอื ซ้าย น้ิวชี้
ขวาจรดนว้ิ หวั แมม่ ือซ้าย น่งั ใหอ้ ยู่ในจงั หวะพอดี ไม่ฝนื รา่ งกายมาก
จนเกนิ ไป ไมถ่ งึ กบั เกรง็ แตอ่ ย่าใหห้ ลงั โคง้ งอ หลับตาพอสบายคล้าย
กบั กําลังพกั ผ่อน ไมบ่ ีบกลา้ มเนอื้ ตา หรอื ว่าขมวดค้วิ แล้วตง้ั ใจมั่น
วางอารมณส์ บาย สร้างความรูส้ ึก ใหพ้ รอ้ มท้ังกายและใจ ว่ากาํ ลงั จะ
เข้าไปส่ภู าวะแห่งความสงบ สบายอย่างย่ิง
74
๔. นึกกาํ หนดนมิ ติ เป็นดวงแก้วกลมใส ขนาดเทา่ แก้วตาดํา
ใสสนิทปราศจากราคี หรอื รอยตาํ หนิใดๆ ขาวใส เย็นตาเยน็ ใจ
ดังประกายของดวงดาว ดวงแกว้ กลมใสนีเ้ รยี กว่า บริกรรมนิมิต นึก
สบายๆ นกึ เหมือนดวงแกว้ นน้ั มานง่ิ สนทิ อยู่ ณ ศูนยก์ ลางกายฐาน
ทเ่ี จด็ นึกไปภาวนาไปอย่างน่มุ นวลเปน็ พุทธานสุ ตวิ า่ “สมั มา อะระหงั ”
หรือค่อยๆ น้อมนกึ ดวงแก้วกลมใสให้เคลอ่ื นเข้าส่ศู ูนยก์ ลางกาย
ตามแนวฐาน โดย เริ่มต้นตั้งแตฐ่ านทห่ี น่งึ เป็นต้นไป (ดูภาพแสดงท่ี
ตัง้ จิตท้ัง ๗ ฐาน) น้อมด้วยการนกึ อย่างงา่ ยๆ สบายๆ ใจเยน็ ๆ ไป
พร้อมๆ กับคําภาวนา
อนง่ึ เม่ือนิมิตดวงใส และกลมสนทิ ปรากฏแล้ว ณ กลางกาย
ให้วางอารมณ์สบายๆ กับนิมติ นน้ั จนเหมอื นกบั ว่าดวงนิมติ เปน็
ส่วนหนงึ่ ของอารมณ์ แตต่ อ้ งไม่นกึ เสยี ดาย หากดวงนมิ ติ นนั้ เกดิ
อนั ตรธานหายไป ให้วางอารมณ์สบาย แล้วนกึ นิมติ น้นั ข้นึ มาใหม่
แทนดวงเก่า หรือเม่ือนมิ ติ นัน้ ไปปรากฏที่อนื่ ทมี่ ใิ ช่ ศูนยก์ ลางกาย
ใหค้ ่อยๆ นอ้ มนมิ ติ นนั้ เข้ามาอยา่ งคอ่ ยเปน็ คอ่ ยไป ไม่มกี ารบงั คบั
และเม่อื นิมิตมาหยุดสนทิ ณ ศนู ย์กลาง กาย ให้วางสติลงไปยัง
จุดศูนย์กลางของดวงนมิ ิต ดว้ ยความร้สู ึกคล้ายมดี วงดาวดวงเล็กๆ
อีกดวงหนงึ่ ซอ้ นอย่ตู รงกลางดวงนิมิตดวงเดมิ แลว้ สนใจเอาใจใส่แต่
ดวงเล็กๆ ตรงกลางนัน้ ไปเรอ่ื ยๆ ใจจะปรบั จนหยุดได้ถกู ส่วน แลว้
จากน้ันทกุ อย่างจะคอ่ ยๆ ปรากฏใหเ้ หน็ ไดด้ ้วยตนเอง เป็นภาวะ
ของดวงกลมที่ท้ังใส ท้ังสว่าง ผดุ ซ้อนขน้ึ มาจากกง่ึ กลางดวงนิมติ ตรงท่ี
เราเอาใจใส่ อย่างสมำ�่ เสมอ
75
ดวงนี้เรยี กวา่ ดวงธรรม หรือ ดวงปฐมมรรค อันเปน็ ประตู
เบอื้ งตน้ ทีจ่ ะเปิดไปสู่หนทางแห่งมรรคผลนิพพาน การระลึกนึกถงึ
นิมติ หรอื ดวงปฐมมรรค เราสามารถทําได้ ในทกุ แหง่ ทกุ ท่ี ทกุ อริ ิยาบถ
เพราะดวงธรรมนี้ คือที่พ่งึ อันเป็นท่สี ุดแลว้ ของมนษุ ย์
ขอ้ แนะนาํ คอื ต้องทาํ ใหส้ ม่�ำ เสมอเปน็ ประจาํ ทําเร่อื ยๆ
ทาํ อย่างสบายๆ ไมเ่ ร่งไม่บงั คับทําไดแ้ ค่ไหนกใ็ หพ้ อใจแค่นนั้ อนั จะ
เป็นเครื่องสกัดกั้นมิให้เกิดความอยากจนเกินไป จนถึงกับทําให้ใจ
ตอ้ งสญู เสยี ความเปน็ กลาง และเม่ือการปฏิบตั ิบังเกดิ ผลแล้ว ให้หม่นั
ตรึกระลึกนึกถงึ อยู่เสมอจนกระทั่ง ดวงปฐมมรรคกลายเปน็ อันหนง่ึ
อนั เดียวกบั ลมหายใจหรือนึกเม่อื ใดเปน็ เห็นได้ทกุ ที่
อย่างน้ีแลว้ ผลแหง่ สมาธิจะทาํ ให้ชีวิตดํารงอย่บู นเส้นทาง
แหง่ ความสุข ความสําเรจ็ และความไม่ประมาท ได้ตลอดไป ทง้ั
ยงั จะทําให้สมาธลิ ะเอียดออ่ นก้าวหนา้ ไปเรอ่ื ยๆ ไดอ้ ีกดว้ ย
76
ภาพแสดงท่ตี ้งั จติ ทัง้ ๗ ฐาน
{ฐานที่ ๑ ปากชอ่ งจมูก หญิงขา้ งซ้าย
ชายขา้ งขวา
ฐานท่ี ๒ เพลาตา { หญงิ ข้างซ้าย
ชายขา้ งขวา
ฐานที่ ๓ จอมประสาท
ฐานที่ ๔ ช่องเพดาน
ฐานที่ ๕ ปากช่องลำ�คอ
ฐานท่ี ๗ ศูนยก์ ลางกายทต่ี ้ังจติ ถาวร ๒ นวิ้
ฐานท่ี ๖ ศูนยก์ ลางกายระดบั สะดือ
77
{ฐานท่ี ๑ ปากชอ่ งจมกู หญงิ ข้างซา้ ย
ชายข้างขวา
{ฐานท่ี ๒ เพลาตา หญงิ ขา้ งซา้ ย
ชายขา้ งขวา
ฐานท่ี ๓ จอมประสาท
ฐานที่ ๔ ชอ่ งเพดาน
ฐานท่ี ๕ ปากช่องลำ�คอ
ฐานที่ ๗ ศนู ยก์ ลางกายท่ตี ง้ั จติ ถาวร ๒ นิ้ว
ฐานที่ ๖ ศูนย์กลางกายระดับสะดือ
78
ขอ้ ควรระวัง
๑. อย่าใช้กาํ ลัง คอื ไมใ่ ช้กําลังใดๆ ทงั้ สิ้น เชน่ ไม่บีบ
กล้ามเนือ้ ตา เพอื่ จะให้เห็นนมิ ิตเร็วๆ ไม่เกร็งแขน ไมเ่ กร็งกล้ามเนอื้
หน้าท้อง ไมเ่ กรง็ ตวั ฯลฯ เพราะการใชก้ าํ ลงั ตรงส่วนไหนของร่างกาย
ก็ตาม จะทําให้จิตเคลื่อนจากศูนย์กลางกายไป สจู่ ดุ นนั้
๒. อย่าอยากเหน็ คือ ทาํ ใจใหเ้ ปน็ กลาง ประคองสติมิให้
เผลอจากบรกิ รรมภาวนาและบริกรรมนิมติ ส่วนจะเห็นนิมติ เมื่อใดนนั้
อย่ากังวล ถา้ ถึงเวลาแล้วยอ่ มเห็นเอง การบังเกดิ ของ ดวงนมิ ิต อปุ มา
เสมอื นการขนึ้ และตกของดวงอาทิตย์ ไม่อาจจะเร่งเวลาได้
๓. อย่ากังวลถึงการกาํ หนดลมหายใจเข้าออก เพราะการ
ฝึกสมาธิเจรญิ ภาวนาวชิ ชาธรรมกาย อาศัยการ กําหนดอาโลกกสิณ
คือ กสณิ ความสวา่ งเป็นบาทเบื้องตน้ เม่อื เกิดนิมิตเป็นดวงสว่าง
แล้วคอ่ ยเจริญวปิ ัสสนาในภายหลัง จึงไมม่ ีความจาํ เปน็ ตอ้ งกําหนด
ลมหายใจเขา้ ออกแตป่ ระการใด
๔. ให้ตงั้ ใจไว้ท่ีศนู ย์กลางกายท่ีเดยี ว เมอ่ื เลกิ จากนั่งสมาธิ
แลว้ ไมว่ า่ จะอยใู่ นอรยิ าบถใดก็ตาม เช่น ยนื ก็ดี เดินกด็ ี นอนก็ดี หรือ
นั่งก็ดี หา้ มยา้ ยฐานท่ีตงั้ จติ ไปไว้ที่อื่นเปน็ อันขาด ให้ตง้ั ใจบริกรรม
ภาวนา พรอ้ มกับนกึ ถงึ บรกิ รรมนมิ ิตเป็น ดวงแกว้ ใสควบคกู่ ันตลอดไป
79
๕. นิมติ ต่างๆ ทเี่ กิดขึน้ จะต้องน้อมไปต้งั ไว้ท่ีศูนย์กลางกาย
ท้ังหมดถ้านิมิตท่ีเกดิ ขึน้ แลว้ หายไป กไ็ ม่ตอ้ งตามหา ใหภ้ าวนาประคอง
ใจต่อไปตามปกติ ในทีส่ ดุ เม่ือจติ สงบ นิมิตย่อมปรากฏขนึ้ ใหมอ่ กี
สาํ หรับผทู้ ีน่ บั ถอื พระพุทธศาสนา เพยี งเพอ่ื อาภรณ์ประดับกาย
หรอื เพอื่ เปน็ พิธีการชนดิ หน่ึง หรือผทู้ ต่ี ้องการ ฝึกสมาธเิ พยี งเพ่ือให้
เกิดความสบายใจ จะได้เป็นการพักผ่อนหลังจากการปฏบิ ตั ิหน้าท่ีภาร
กิจประจําวัน โดยไม่ปรารถนาจะทําให้ถงึ ทส่ี ดุ แหง่ กองทุกข์ ยงั คดิ อยู่
ว่าการอย่กู บั บตุ ร-ภรรยา การมหี นา้ มตี าทางโลก การท่องเทยี่ วอยู่
ในวัฏฏสงสารเป็นกวา่ การเขา้ นิพพาน เสมอื นทหารเกณฑท์ ไ่ี มค่ ิดจะ
เอาดีในราชการ อีกต่อไปแล้ว
การฝกึ สมาธเิ บือ้ งตน้ เทา่ ทก่ี ลา่ วมาท้งั หมดนี้ ก็พอเปน็ ปจั จยั
ให้เกิดความสุขไดพ้ อสมควร เมอื่ ซักซอ้ มปฏิบัติอยเู่ สมอๆ ไมท่ อดทงิ้
จนได้ดวงปฐมมรรคแล้วก็ให้ม่ันประคองรักษาดวงปฐมมรรคนั้นไว้
ตลอดชีวิตและอยา่ กระทาํ ความช่ัวอีก เป็นอนั มั่นใจได้วา่ ถงึ อย่างไร
ชาติน้ี กพ็ อมีทพี่ ึ่งท่ีเกาะท่ีดพี อสมควร คอื เป็นหลักประกนั ได้วา่ จะ
ไม่ต้องตกนรกแล้วท้งั ชาตนิ ้ี และชาตติ อ่ ๆ ไป
80
ประโยชนข์ องการฝึกสมาธิ
๑. ผลต่อตนเอง
๑.๑ ด้านสขุ ภาพจติ
- สง่ เสริมใหค้ ุณภาพของใจดขี น้ึ คอื ทาํ ใหจ้ ติ ใจ
ผอ่ งใส สะอาดบริสทุ ธิ์ สงบ เยือกเย็น ปลอดโปร่ง โล่งเบา สบาย มี
ความจํา และสติปญั ญาดีขน้ึ
- ส่งเสรมิ สมรรถภาพใจ ทาํ ใหค้ ิดอะไร ได้รวดเร็ว
ถกู ตอ้ งและเลอื กคดิ แต่ในส่ิงทีด่ เี ทา่ นัน้
๑.๒ ด้านพัฒนาบคุ ลกิ ภาพ
- จะเป็นผู้มบี ุคลกิ ภาพดี กระฉับกระเฉง กระปรี้-
กระเปรา่ มคี วามองอาจสง่าผา่ เผย มผี วิ พรรณผอ่ งใส
- มคี วามมั่นคงทางอารมณ์ หนักแน่น เยอื กเยน็
และเช่อื ม่ันในตนเอง
- มมี นุษย์สมั พันธ์ดี วางตวั ได้เหมาะสม กับกาลเทศะ
เปน็ ผมู้ ีเสน่ห์ เพราะไม่มกั โกรธ มคี วามเมตตา กรุณาต่อบคุ คลทว่ั ไป
๑.๓ ด้านชีวติ ประจาํ วนั
- ช่วยใหค้ ลายเครยี ดเปน็ เคร่ืองเสรมิ ประสิทธภิ าพ
ในการทาํ งาน และการศกึ ษาเล่าเรียน
- ชว่ ยเสรมิ ใหม้ สี ขุ ภาพรา่ งกายแขง็ แรง เพราะรา่ งกาย
กับจติ ใจยอ่ มมีอทิ ธพิ ลต่อกนั ถ้าจิตใจเขม้ แข็ง ย่อมเป็นภมู ิตา้ นทาน
โรคไปในตวั
81
๑.๔ ด้านศีลธรรมจรรยา
- ย่อมเปน็ ผู้มสี มั มาทิฏฐิ เช่ือกฎแหง่ กรรม สามารถ
คุ้มครองตนให้พ้นจากความชั่วทั้งหลายได้ เป็นผู้มีความประพฤติดี
เนอื่ งจากจติ ใจดี ทาํ ให้ความประพฤตทิ างกาย และวาจาดตี ามไปด้วย
- ย่อมเปน็ ผู้มีความมกั นอ้ ย สันโดษ รักสงบ และ
มีขนั ติเป็นเลศิ
- ย่อมเปน็ ผูม้ ีความเอ้ือเฟื้อเผอ่ื แผ่ เห็นประโยชน์
ส่วนรวมมากกวา่ ประโยชนส์ ว่ นตัว
- ยอ่ มเปน็ ผมู้ สี มั มาคารวะ มคี วามออ่ นน้อมถ่อมตน
๒. ผลต่อครอบครวั
๒.๑ ทําใหค้ รอบครัวมีความสงบสุข เพราะสมาชิกใน
ครอบครัวเห็นประโยชน์ของการประพฤติธรรม ทุกคนตง้ั ม่นั อย่ใู นศลี
ปกครองกันด้วยธรรม เดก็ เคารพผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เมตตาเด็ก ทกุ คนมี
ความรกั ใครส่ ามคั คี เป็นน�ำ้ หนึ่ง ใจเดียวกัน
๒.๒ ทาํ ใหค้ รอบครวั มคี วามเจรญิ กา้ วหนา้ เพราะสมาชกิ
ต่างก็ทําหน้าที่ของตนโดยไม่บกพร่องเป็นผู้มีใจคอหนักแน่นเม่ือมี
ปญั หาครอบครัวหรอื มอี ุปสรรคใดๆ ยอ่ มรว่ มใจกนั แกไ้ ขปัญหาให้ลุลว่ ง
ไปได้
๓. ผลต่อสงั คมและประเทศชาติ
๓.๑ ทาํ ให้สังคมสงบสุข ปราศจากปัญหา อาชญากรรม
และปญั หาสังคมอื่นๆ เพราะปัญหาทง้ั หลายท่เี กดิ ขึ้นในสงั คม ไมว่ ่า
82
จะเปน็ ปญั หาการฆา่ ขม่ ขนื โจรผ้รู า้ ย การทจุ รติ คอรัปช่นั ล้วนเกดิ
ขึ้นมาจากคนท่ขี าดคณุ ธรรม เป็นผู้ทีม่ ีจิตใจออ่ นแอ หวัน่ ไหวตอ่ อํานาจ
สง่ิ ย่ัวยวนหรือกิเลสได้งา่ ย ผทู้ ่ีฝึกสมาธยิ ่อมมีจติ ใจเข้มแขง็ มคี ุณธรรม
ในใจสูง ถ้าแต่ละคนในสงั คมต่างฝึกฝนอบรมใจของตนใหห้ นักแนน่
ม่ันคงปญั หาเหลา่ น้ี ก็จะไม่เกดิ ขึน้ ส่งผลให้สังคมสงบสขุ ได้
๓.๒ ทําให้เกิดความมีระเบียบวินัย และเกิดความ
ประหยัด ผ้ทู ี่ฝกึ ใจให้ดงี ามดว้ ยการทําสมาธิอยูเ่ สมอยอ่ มเปน็ ผ้รู กั ความ
มีระเบยี บวนิ ัย รักความสะอาด ดังนั้นบ้านเมอื งเรา กจ็ ะสะอาดนา่ อยู่
ไมม่ ีคนมกั ง่ายท้ิงขยะลงบนพนื้ ถนน ทกุ คน มคี วามเคารพกฎหมาย
ของบ้านเมอื ง จะข้ามถนนกเ็ ฉพาะตรงทางข้าม เป็นต้น เปน็ เหตใุ ห้
ประเทศชาตไิ มต่ ้องสิ้นเปลอื งงบประมาณ เวลา และกําลงั เจ้าหน้าท่ี
ที่จะไปใช้สําหรับแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น จากการไม่มีระเบียบวินัยของ
ประชาชน
๓.๓ ทําให้สังคมเจรญิ กา้ วหน้า เมอื่ สมาชกิ ในสงั คมมี
สุขภาพจติ ดรี ักความเจริญกา้ วหนา้ มปี ระสิทธิภาพในการทาํ งานสูง
ยอ่ มส่งผลใหส้ ังคมเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย และเมอ่ื มกี จิ กรรมของ
สว่ นรวมสมาชกิ ในสังคมก็ยอ่ มพร้อมท่จี ะสละความสขุ ส่วนตน ใหค้ วาม
รว่ มมอื กับส่วนรวมอยา่ งเต็มท่ี และถ้ามีผไู้ มป่ ระสงค์ดตี ่อสงั คม จะ
มายุแหยใ่ หเ้ กิดความแตกแยกกจ็ ะไมเ่ ป็นผลสําเร็จ เพราะสมาชิกใน
สังคมเป็น ผูม้ จี ิตใจหนักแนน่ มีเหตุผลและเป็นผู้รกั สงบ
83
๔. ผลตอ่ ศาสนา
๔.๑ ทําใหเ้ ขา้ ใจพระพุทธศาสนาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และ
รซู้ งึ้ ถึงคุณค่าของพระพทุ ธศาสนา รวมทงั้ รู้เหน็ ด้วยตัวเองว่า การฝึก
สมาธไิ ม่ใชเ่ ร่ืองเหลวไหล หากแต่เปน็ วิธเี ดยี ว ที่จะทําให้พ้นทกุ ขเ์ ขา้ สู่
นิพพานได้
๔.๒ ทําใหเ้ กิดศรัทธาตงั้ ม่ันในพระรตั นตรยั พรอ้ มทีจ่ ะ
เป็นทนายแกต้ า่ งใหก้ บั ศาสนา อันจะเปน็ กําลังสาํ คญั ในการเผยแผ่
การปฏบิ ตั ิธรรมอยา่ งถกู ตอ้ งให้แพรห่ ลายไป อย่างกวา้ งขวาง
๔.๓ เปน็ การสบื อายพุ ระพทุ ธศาสนา ใหเ้ จรญิ รงุ่ เรอื ง
ตลอดไป เพราะตราบใดท่พี ทุ ธศาสนิกชน ยงั สนใจปฏิบัตธิ รรมเจรญิ
ภาวนาอยูพ่ ระพุทธศาสนากจ็ ะเจรญิ รงุ่ เรือง อยู่ตราบนัน้
๔.๔ จะเปน็ กําลงั สง่ เสรมิ ทะนบุ าํ รงุ ศาสนา โดยเมอ่ื
เขา้ ใจซาบซึ้งถึงประโยชน์ของการปฏบิ ตั ธิ รรมดว้ ยตนเองแล้ว ย่อมจะ
ชักชวนผอู้ ่ืนให้ทาํ ทานรักษาศีลเจรญิ ภาวนาตามไปดว้ ย.
จาก กตเวทิตา
ในวาระวนั คล้ายวันเกดิ ครบ ๕๐ ปี พระธรรมกิตตวิ งศ์
และทร่ี ะลึก พระเทพโกศล ๕ ธันวาคม ๒๕๔๐
84
คารวกถา
คุณยายวิจารณ์บรรณกิจนับเป็นแบบอย่างอันประเสริฐใน
การดำ�เนินชีวิตโดยต้งั อยู่ในความไมป่ ระมาท กล่าวคอื ตลอดช่วงเวลา
ชวี ติ ซ่งึ ยาวนานกวา่ ๑ ศตวรรษ ท่านมีความเพียรในการอำ�นวย
ประโยชนส์ ขุ แก่ครอบครัวและสังคม ท้งั ยงั ไม่ละเลยซ่ึงการเสริมสรา้ ง
อรยิ ทรัพย์เพอ่ื โลกตุ รธรรมและพระนิพพานเปน็ เปา้ หมาย
เพ่อื เปน็ สว่ นเลก็ ๆ ในการจรรโลงพระบวรพทุ ธศาสนา ญาติ
ผู้ใหญ่เห็นชอบในการสร้างหนังสือรวบรวมกลุ่มพระคาถาซ่ึงอาจไม่
ได้เคยมีการพิมพ์โดยสมบูรณ์หรือแพร่หลายอย่างกว้างขวางนักมาก่อน
รวมไปถงึ ค�ำ อธิษฐาน และคำ�น�ำ เบื้องต้นเก่ยี วกบั สมถะวปิ สั สนา
ให้อยู่ในเล่มเดียวกันเพ่ือง่ายแก่การอ้างอิงศึกษาโดยปารมีชนและ
พุทธศาสนิกชน
ข้าพเจ้าขอกราบบูชาพระคุณและน้อมถวายบุญกุศลอันเกิด
จากการสบื ต่ออายุพระพทุ ธศาสนาในครั้งน้ีเปน็ พุทธบูชา ธรรมบชู า
สังฆบชู า และถวายแดค่ รูบาอาจารยท์ างธรรมและผใู้ หญท่ เ่ี คารพทุก
ท่านซึง่ ไดก้ รุณาใหค้ วามรเู้ หลา่ น้โี ดยมี ทา่ นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร) วัดปากน้ำ�ภาษีเจริญ หลวงลุงเทอรี
สรุ ตั โนภกิ ขุ คณุ ยายฉลวย สมบตั สิ ขุ อาจารยแ์ มช่ อี ภญิ ญา นาคทรงแกว้
และคุณปา้ จวงจันทน์ บุรกรรมโกวทิ เป็นต้น และขออุทิศกุศลท้ังปวง
น้ีแด่คุณยายวิจารณ์บรรณกิจและบรรพบุรุษในสกุลช่ืนชูเวสผู้มี
พระคณุ ทุกท่าน
85
หากมีข้อบกพร่องหรือผิดพลาดประการใดก็กราบขอขมา
และขออภัยมา ณ ทีน่ ด้ี ้วย ขา้ พเจ้าและครอบครวั หวงั เป็นอยา่ งยิ่ง
ว่าหนังสืออนุสรณ์เล่มนี้จะอำ�นวยประโยชน์สุขแก่ท่านในการสร้าง
บารมแี ละเพ่ิมพูนอริยทรพั ย์เช่นเดียวกับทเี่ ราได้รบั
ก.ช.ป.
๒๙ กันยายน ๒๕๖๔
สหรัฐฯ
86