The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by philm_dunk, 2020-07-04 06:51:25

การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยไฟฟ้า

การพยาบาลผู้ปว่ ยทไี่ ด้รับการรกั ษาดว้ ยไฟฟ้า 33

การพยาบาลผู้ปว่ ยทไี่ ดร้ บั การ
รกั ษาดว้ ยไฟฟ้า

อาจารยช์ มพนู ทุ กาบคาบา

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพนู ทุ กาบคาบา

การพยาบาลผู้ป่วยทไี่ ดร้ บั การรกั ษาด้วยไฟฟ้า 34

บทนา

การบาบัดทางชีวภาพสาหรับผู้ป่วยจิตเวช ประกอบด้วยการจิตเภสัชบาบัด (การรักษา
ดว้ ยยา) และการบาบัดรกั ษาดว้ ยไฟฟ้า การบาบดั ทางชวี ภาพนี้เป็นส่วนสาคัญในการรกั ษาผู้ป่วย
ที่มีปัญหาสุขภาพจิตหรือมีอาการทางจิต แม้พยาบาลจะไม่มีบทบาทหน้าท่ีโดยตรงในการสั่งจ่าย
ยาหรือพิจารณาให้การรักษาด้วยไฟฟ้าแก่ผู้ป่วย อย่างไรก็ดีพยาบาลมีบทบาทสาคัญในการดูแล
ผู้ป่วยเมื่อได้รับยาหรือการรักษาด้วยไฟฟ้าให้ปลอดภัยและเกิดประสิทธิผลสูงสุดในการรักษา
องค์ความรู้ท่ีเกี่ยวข้องเรื่องยาและการรักษาด้วยไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งจาเป็นที่พยาบาลควรรู้ เพื่อให้
พยาบาลสามารถดาเนินบทบาทของตนเองในการดูแลผู้ป่วยได้อย่างครอบคลุมแบบองค์รวม
ผูเ้ ขียนจงึ ได้รวบรวมรายละเอียดของการบาบดั ทางชีวภาพท่ีสาคญั ไวใ้ นเอกสารประกอบคาสอนนี้
เพื่อให้นักศึกษาเกิดความรู้ความเข้าใจในหลักการบาบัดรักษาด้วยยาและไฟฟ้า รวมถึงบทบาท
ของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยท่ีได้รับการบาบัดทางชีวภาพ เอกสารประกอบคาสอนนี้มีเน้ือหา
ครอบคลมุ การรักษาดว้ ยยาทางจิตเวชอันประกอบดว้ ย ขอ้ บ่งใชใ้ นการรักษา การออกฤทธิข์ อง
ยาแต่ละกลุ่ม อาการข้างเคียงที่เกิดจากยา รวมถึงบทบาทของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยท่ีได้รับ
ยาทางจิตเวชกลุ่มต่างๆ เพื่อบรรเทาอาการข้างเคียงของยาและป้องกนั ภาวะแทรกซ้อนอื่นจากการ
รับประทานยาทางจิตเวช สาหรับเน้ือหาการพยาบาลผู้ป่วยจิตเวชท่ีได้รับการรักษาด้วยไฟฟ้า
ประกอบด้วย หลักการของการรักษาด้วยไฟฟ้า ข้อบ่งชี้ในการรักษา การเตรียมผู้ป่วยเพ่ือรับ
การรักษาด้วยไฟฟ้า การพยาบาลผู้ป่วยระหว่างและหลังรักษา การดูแลเพื่อบรรเทาอาการ
ข้างเคียงจากการรักษาด้วยไฟฟ้า ซ่ึงนักศึกษาสามารถใช้ในการเตรียมตัวก่อนเรียน ใช้
ประกอบการเรยี นการสอนรายวิชาการพยาบาลจิตเวช และทบทวนหลงั เรยี น

อาจารย์ชมพูนทุ กาบคาบา

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพนู ทุ กาบคาบา

การพยาบาลผปู้ ว่ ยทไ่ี ดร้ ับการรักษาดว้ ยไฟฟ้า 35

แนวคดิ

การบาบัดรักษาผู้ป่วยจิตเวชมีความหลากหลายมากขึ้น ท้ังการบาบัดทางชีวภาพและ
การบาบัดทางจิตสังคม ในแง่การบาบัดทางชีวภาพได้รับการยอมรับอย่างกว้างในการ
บาบดั รกั ษาผู้ท่มี ีอาการทางจิต

แนวคิดทฤษฎีชีวภาพทางการแพทย์มีอิทธิพลในการบาบัดรักษาผู้ป่วยทางจิตเวชเป็น
อย่างมาก ด้วยเหตุที่เชื่อว่าการเจบ็ ป่วยทางจิตน้ีมีสาเหตุจากความผิดปกติของสารส่ือประสาทใน
สมอง (Neurotransmitter) ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติภายในสมองเองหรือเกิดจากการรับ
สารเคมีเข้าสู่ร่างกาย ทาให้สารส่ือประสาทเกิดความเสียสมดุลอาจมากเกินไปหรือน้อยเกินไป
และส่งผลให้ผู้ป่วยแสดงออกทางพฤติกรรม ความคิด และอารมณ์ไม่เหมาะสมหรือเกิดความ
ผิดปกติทางจิต การบาบัดด้วยยาและไฟฟ้าจะช่วยปรับระดับสารส่ือประสาทให้กลับเข้าสู่ภาวะ
ปกติทาให้ผู้ป่วยมีทางพฤติกรรม ความคิด และอารมณ์เหมาะสมหรือมีความผิดปกติทางจิต
ลดลง

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพนู ทุ กาบคาบา

การพยาบาลผ้ปู ่วยทไี่ ด้รบั การรักษาดว้ ยไฟฟ้า 36

วตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี น

เมอ่ื สิ้นสุดการเรยี นการสอนในหนว่ ยท่ี 2 นีน้ ักศกึ ษาสามารถ:
1. อธิบายหลกั การการรักษาดว้ ยไฟฟา้ และขอ้ บง่ ชใี้ นการรกั ษาด้วยไฟฟา้ แก่ผู้ปว่ ยจิต
เวชได้
2. อธบิ ายการเตรียมผปู้ ว่ ยเพ่ือรบั การรกั ษาดว้ ยไฟฟ้า การพยาบาลผปู้ ว่ ยระหว่างและ
หลงั รกั ษาดว้ ยไฟฟา้
3. บอกอาการขา้ งเคียงจากการบาบัดรักษาด้วยไฟฟา้ และบอกการพยาบาลไดอ้ ยา่ ง
เหมาะสม

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพนู ทุ กาบคาบา

การพยาบาลผู้ปว่ ยทไ่ี ดร้ บั การรักษาด้วยไฟฟ้า 37

2. การพยาบาลผปู้ ว่ ยทไี่ ดร้ บั การรกั ษาด้วยไฟฟา้ Electroconvulsive therapy
การรักษาด้วยไฟฟ้า หรือ Electroconvulsive therapy (ECT) เป็นการรักษาท่ีใช้

กระแสไฟฟ้าในปริมาณที่เหมาะสมปล่อยผ่านเข้าไปในสมองของผู้ป่วยในระยะเวลาที่เหมาะสม
เพ่ือกระตุ้นให้ผู้ป่วยเกิดการชัก ซ่ึงเป็นการชักทั้งตัว ( Generalized Seizure หรือ
Grandmal Seizure หรือ Tonic-Clonic Convulsion) โดยการรักษา ECT มีแนวคิด
ตามทฤษฎีชีวภาพทางการแพทย์ ท่ีเช่ือว่าการชักจะทาใหเ้ ซลลส์ มองมีการเปลยี่ นแปลงระดับสาร
สื่อสารประสาทในสมอง เพ่ิมการไหลเวียนของเลือดและการใช้กลูโคสในสมอง และเกิดความ
สมดุลของระดับส่ือสารประสาท (Singh & Kar, 2017) การบาบัดรักษาดว้ ย ECT มี ข้อ
บ่งชี้ ในการรักษาอาการทางจิตดงั นี้

1. เป็นผ้ปู ่วยซมึ เศร้ารนุ แรง ท่มี คี วามเสีย่ งสงู ต่อการฆ่าตวั ตาย
2. ผปู้ ่วยโรคจิตเภทระยะ acute manic episode
3. ผปู้ ่วยทม่ี ีพฤตกิ รรมแข็งท่ือไมเ่ คล่อื นไหว (catatonia)
4. ผู้ป่วยจิตเภททร่ี ักษาดว้ ยยาไมไ่ ดผ้ ล
สาหรบั ขอ้ หา้ มหรอื ขอ้ ควรระวงั ในการรกั ษาดว้ ย ECT ไดแ้ ก่
1. ผู้ปว่ ยทม่ี ปี ัญหาของระบบหวั ใจ และหลอดเลือดอยา่ งมาก
2. ผู้ปว่ ยที่มีภาวะความดันภายในกะโหลกศีรษะสูง
3. ผู้ปว่ ยทีม่ ีภาวะกระดกู พรุน
4. ผู้ปว่ ยทเ่ี ปน็ โรควณั โรคในระยะแพรก่ ระจายเชอ้ื
5. ผู้ปว่ ยสงู อายุ หรอื หญิงตง้ั ครรภ์ ควรระวงั เปน็ พเิ ศษ
อย่างไรกต็ ามข้อห้ามดงั กล่าวน้ไี ม่ไดต้ ายตวั ขึ้นอยกู่ ับการพิจารณาของแพทย์ในการเลือก
รักษา

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพนู ทุ กาบคาบา

การพยาบาลผู้ป่วยทไี่ ด้รับการรักษาด้วยไฟฟา้ 38

ปัจจุบันการรักษาอาการทางจิตด้วยไฟฟ้าสามารถแบ่งเป็น สองประเภท คือ 1)
Unmodified Electroconvulsive Therapy แ ล ะ 2 ) Modified Electroconvulsive
Therapy ซึ่งเป็นการแบ่งตามการใช้ยาระงับความรู้สึกร่วมกับการรักษาด้วยไฟฟ้า (สุพัตรา
สกลุ พันธ์ุ, กลิน่ ชบา สุวรรณรงค์, และ วารีรตั น์ ถานอ้ ย, 2561) มีรายละเอยี ดดงั น้ี

1. การรกั ษาแบบ Unmodified Electroconvulsive Therapy เปน็ การรักษาดว้ ย
ไฟฟา้ ทไี่ มม่ ีการใช้ยาระงับความรู้สกึ และหรือยาคลายกล้ามเนือ้ ร่วมด้วย ดงั นัน้ ผู้ปว่ ยจึงรู้สกึ ตัว
ในระหว่างท่ีกระแสไฟฟา้ ผ่านเข้าสู่สมอง ดว้ ยวิธกี ารน้ผี ูป้ ่วยจานวนมากทเ่ี กิดความรู้สกึ กลัว วิตก
กังวลจากการรกั ษาด้วยไฟฟ้า และปฏิเสธการรกั ษา

2 . ก า รรักษาแบบ Modified Electroconvulsive Therapy เป็นการ ปล่อย
กระแสไฟฟ้าเข้าสู่สมองหลังจากท่ีผู้ป่วยสลบแล้ว โดยผู้ป่วยจะได้รับยาระงับความรู้สึก เช่น
Thiopenthal (Pentothal) หรือ Methohexital (Brevial) และยาคลายกล้ามเน้ือ เช่น
Succinylcholine (Anecline) เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดความรุนแรงของอาการชัก การ
แตกหักของกระดูก ก่อนปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าสู่สมอง วิธีการน้ีช่วยลดความกลัวและความทุกข์
ทรมานจากการรักษาด้วยไฟฟ้าได้ ทั้งยังเกิดอาการข้างเคียงจากการรักษาน้อยกว่าแบบ
Unmodified ECT อย่างไรก็ตามควรเฝ้าระวังการหยุดหายใจนานเน่ืองจากฤทธ์ิของยาระงับ
ความร้สู ึก

ภาพท่ี 9 การรกั ษาดว้ ยไฟฟ้าแบบ Modified Electroconvulsive Therapy

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพูนุท กาบคาบา

การพยาบาลผูป้ ว่ ยทไ่ี ด้รบั การรกั ษาดว้ ยไฟฟ้า 39

การตรวจทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารกอ่ นรกั ษาดว้ ยไฟฟา้

เมอื่ แพทยพ์ จิ ารณาการรกั ษาดว้ ยไฟฟ้าให้แกผ่ ูป้ ว่ ยเบ้ืองตน้ แล้ว พยาบาลมบี ทบาทใน
การเตรยี มผู้ป่วยเพื่อรับการตรวจประเมินทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารดงั น้ี

1. CBC
2. UA เพอ่ื ประเมิน renal function
3. Electrolytes potassium ทส่ี ูงจะมผี ลต่อหัวใจโดยตรง ถา้ potassium ตา่

อาจฟ้ืน จากยาสลบช้า
4. EKG , CXR เพอ่ื หาความผดิ ปกตขิ องหัวใจและปอด โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ
5. Full spine x-ray ในปจั จุบนั การตรวจพิเศษน้ีลดลงเนือ่ งจากการรกั ษาแบบ

modified ECT มีมากขน้ึ
6. CT หรือ MRI ในกรณีท่สี งสัยวา่ มรี อยโรคในสมอง
7. ตรวจทันตกรรม

การรักษา

แพทย์จะปล่อยกระแสไฟฟา้ สลับในปริมาณ 70- 150 โวลท์ผ่านไปท่ีขั้วตวั นาไฟฟา้
(electrode) ท่ีติดที่ขมับของผู้ป่วย เป็นเวลาประมาณ 2-8 วินาที เพ่ือนาให้เกิดการชัก
กระบวนการชักใช้เวลาประมาณ 25-60 วินาที (Tonic phase – ระยะกล้ามเน้ือเกร็ง
ใชเ้ วลา 5-15 วนิ าที และ Clonic phase –ระยะกล้ามเนอ้ื กระตกุ ใช้เวลา 10-60 วนิ าที)
(สุมติ รพร จอมจนั ทร์, 2560)

การติด electrode มีสองแบบ คือ แบบ bilateral ECT และแบบ Unilateral
ECT ซึ่งมรี ายละเอียดดังน้ี

Electrode คือการติดขั้วนาไฟฟ้าท่ีขมับทั้งสองข้าง ข้อดี คือรักษาได้ผล
Bilateral ECT ดกี วา่
คือการติดขั้วนาไฟฟ้าที่ขมับข้างเดียว เพื่อให้กระแสไฟฟ้าเข้า
Unilateral ECT สมองข้างเดียว โดยติดข้ัวนาไฟฟ้าข้างท่ีผู้ป่วยถนัด เช่น ถ้า
ผู้ป่วยถนัดขวา ก็ติดข้ัวนาไฟฟ้าที่ขมับข้างขวา ข้อดี คือ
สูญเสยี ความจาเลก็ น้อย และฟืน้ ตวั เร็ว

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพูนทุ กาบคาบา

การพยาบาลผปู้ ว่ ยทไี่ ด้รับการรักษาดว้ ยไฟฟ้า 40

ภาพท่ี 12 แสดงลักษณะการติด electrode แบบ bilateral และ unilateral ECT
ดัดแปลงจาก Ultrabrief Right Unilateral ECT Similar in Efficacy to Brief
ECT with Fewer Side Effects. Copyright 2020 by Bipolar network
news. (ท่มี าภาพ: https://kku.world/7b06e)

อาการขา้ งเคียง จากการรักษาด้วย ECT ท่ีพบบ่อย ได้แก่ อาการปวดศีรษะ คลื่นไส้
อาเจียน เวียนศีรษะ มึนงง สับสน หลงลืม สูญเสียความจาชั่วคราว ปวดเม่ือย
กล้ามเนื้อ สาหรับภาวะแทรกซ้อนท่ีอาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการรักษา ได้แก่ การอุดกั้น
ของทางเดินหายใจ ภาวะขาดออกซิเจน หลอดลมหดเกร็ง กระดูกหักหรือข้อต่อหลุด
ปวดหลัง การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ แผลในปากและที่ล้ิน กรามหลุด กรามค้าง ปวด
กราม เป็นตน้ (สพุ ตั รา สกลุ พันธุ์ และคณะ, 2561)
หลกั การพยาบาลผปู้ ว่ ยทไี่ ดร้ บั การรกั ษาดว้ ยไฟฟา้
1. การพยาบาลกอ่ นการรกั ษาดว้ ยไฟฟา้ เปน็ การเตรียมผู้ปว่ ยกอ่ นรับเขา้ รักษา มี
รายละเอียดดงั น้ี

1.1 การเซ็นใบยินยอมในการรักษา พยาบาลต้องอธิบายข้อมูลที่เก่ียวข้องกับ
การรักษาด้วยไฟฟ้า เช่น วัตถุประสงค์ของการรักษา อาการข้างเคียง ภาวะแทรกซ้อนท่ีอาจ
เกิดขึ้น จากน้ันให้ผู้ป่วยหรือญาติเป็นผู้ตดั สินใจยอมยินรับการรักษาด้วยไฟฟ้า เมื่อผู้ป่วยหรือ
ญาติตัดสินใจเรยี บร้อยแล้ว จึงให้ลงช่ือยินยอมการรกั ษาด้วยไฟฟา้ ในแบบฟอรม์ ยินยอม

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพนู ุท กาบคาบา

การพยาบาลผปู้ ่วยทไี่ ด้รบั การรักษาดว้ ยไฟฟา้ 41

1.2 การเตรยี มด้านร่างกาย
 ตรวจสอบรายงานการตรวจร่างกาย และผลการตรวจทาง
ห้องปฏิบัติการดังท่ีกล่าวมาข้างต้นในหัวข้อ การตรวจทาง
หอ้ งปฏบิ ัตกิ ารกอ่ นรักษาด้วยไฟฟ้า
 ดูแลใหผ้ ู้ปว่ ยงดนา้ และอาหารอย่างนอ้ ย 4 ช่ัวโมง หรือหลงั เท่ยี งคนื
กอ่ นวนั ทา ECT เพื่อป้องกันการสาลักในระหวา่ งรักษาดว้ ยไฟฟา้
 โดยปกติผู้ป่วยจะได้รับการรักษาด้วยไฟฟ้าในช่วงเช้า ดังนั้นเย็นวัน
ก่อนทา ECT พยาบาลดุแลให้ผู้ป่วยอาบน้า สระผมให้สะอาด ห้าม
ใสน่ ้ามันผม หา้ มทาเล็บ
 เช้าวันท่ีทา ECT พยาบาลตรวจประเมินสัญญาณชีพ ดูแลถอดฟัน
ปลอม เครื่องประดับ และให้ผปู้ ว่ ยถา่ ยปสั สาวะก่อนทา

1.3 การเตรยี มด้านจิตใจ
 กอ่ นวันทา ECT พยาบาลควรประเมนิ ความวติ กกังวล ความไม่
สบายใจ ความรูส้ ึกกลวั เปิดโอกาสใหผ้ ปู้ ว่ ยไดร้ ะบายความรสู้ ึก
ดงั กลา่ ว
 พยาบาลควรให้ข้อมูลแก่ผ้ปู ว่ ยอย่างคราวๆ ครอบคลุมถึง
วัตถุประสงค์ในการรักษา ข้ันตอนการรกั ษา อาการท่อี าจพบได้
หลงั รักษาดว้ ยไฟฟ้าเพ่อื ลดความวติ กกังวล

1.4 การเตรยี มอุปกรณ์ เครอื่ งมอื ในการทา ECT
 เตรยี มทดสอบสถานการณใ์ ชง้ านของเครอ่ื ง ECT
 เตรียม electrode และสายยางรดั electrode ทีข่ มับ
 เตรยี ม electrode jelly หรือน้าเกลือ สาหรบั ทาแผ่น electrode
 Mouth gag เพอื่ กนั ผู้ป่วยกดั ลิน้ หมอนรองเอว
 เครอ่ื งดูดเสมหะ และอปุ กรณค์ ืนชพี อืน่ ๆ

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพนู ทุ กาบคาบา

การพยาบาลผูป้ ่วยทไ่ี ดร้ บั การรักษาด้วยไฟฟ้า 42

ภาพที่ 13 แสดงอุปกรณ์และเคร่ืองมอื ในการทา ECT
2. การพยาบาลขณะรักษาด้วยไฟฟ้า เนื่องจากในปัจจุบันการรักษาด้วยไฟฟ้าแบบ Modified
Electroconvulsive Therapy นั้นได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเน่ืองจากช่วยลดอาการ
เ จ็ บ ป ว ด ข ณ ะ ไ ด้ รั บ ก ร ะ แ ส ไ ฟ ฟ้ า อ ย่ า ง ไ ร ก็ ต า ม ก า ร รั ก ษ า แ บ บ Unmodified
Electroconvulsive Therapy ก็ยังคงใช้ในการรักษาผู้ป่วยอยู่ หัวข้อนี้จึงจะกล่าวถึงการ
พยาบาลผู้ป่วยขณะได้รบั การรกั ษาด้วยไฟฟา้ ท้ังสองแบบดงั น้ี

2.1 การพยาบาลผู้ป่วยขณะได้รับการรักษาด้วยไฟฟ้าแบบ Unmodified ECT (สุ
มติ รพร จอมจันทร์, 2560)

 ดแู ลใหผ้ ปู้ ว่ ยนอนราบบนเตียง ไมห่ นนุ หมอน ใช้ผา้ ห่ม หรือหมอนรองใต้
เอวผูป้ ่วย

 ดแู ลให้ออกซเิ จนทางจมกู
 พยาบาล 1 คนยนื ดา้ นศรี ษะผู้ป่วย ทา electrode jelly ท่ขี มับ 2 ขา้ งของ

ผปู้ ว่ ยแล้ววางelectrode ทขี่ มบั 2 ข้าง โดยมสี ายยางรดั ไว้เพ่ือใหเ้ กดิ ความ
กระชับ (การวาง electrode pad ขึ้นอยกู่ บั การพิจารณาของแพทย์
อยา่ งไรกต็ ามปจั จบุ ันนิยมใชก้ ารวางแบบ bilateral ECT)
 ใส่ Mouth gag ให้แกผ่ ปู้ ว่ ยเพ่อื กันผ้ปู ่วยกดั ลน้ิ
 พยาบาล 1 คนยืนดา้ นศรี ษะผูป้ ว่ ยจบั คางของผู้ป่วยหงายข้ึน จบั ใหม้ ั่นคง
เพ่ือปอ้ งกนั ขากรรไกรเคลอ่ื นและค้าง
 พยาบาลอกี 2 คน จับแขนและไหล่คนละข้างใหแ้ นบกับลาตวั ลักษณะการ
จับไมก่ ดเพราะอาจทาใหก้ ระดกู หักหรอื เคลื่อนได้

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพนู ุท กาบคาบา

การพยาบาลผ้ปู ่วยทไ่ี ด้รับการรักษาด้วยไฟฟา้ 43

 พยาบาลอกี 2 คน จับต้นขาและเขา่ ผู้ป่วยคนละข้างให้ราบกบั เตียง การจบั
ผปู้ ่วยควรจับให้แนน่ แต่ไมก่ ดในระยะทผ่ี ูป้ ่วยเกร็ง และจบั หลวมในระยะ
กระตกุ เพือ่ ไม่ใหต้ า้ นแรงขณะผ้ปู ่วยชกั กระตกุ แต่ประคองทศิ ทางไมใ่ ห้
กระตกุ จนเกดิ อุบตั เิ หตุ

 แพทย์กดสวิทซ์ไฟฟ้าเคร่ือง ECT เม่ือกระแสไฟฟ้าผ่านสมองผู้ป่วยจะชัก
(ระยะเวลาชักไม่ต่ากว่า 20 วินาที ไม่เกิน 3 นาที ถ้าชักเกิน 3 นาที เป็น
Prolong seizures ซ่ึงหมายความว่าการรักษาไม่ได้ผล แพทย์ต้องทาการ
ปล่อยกระแสไฟฟา้ ใหม่ นอกจากน้ีการชกั เป็นระยะเวลาอาจเสีย่ งต่อสมองขาด
ออกซิเจนได้

 เม่ือผู้ป่วยหยุดชัก จับหน้าผู้ป่วยตะแคงไปด้านหนึ่ง ดูดเสมหะและน้าลายให้
ผู้ป่วย เพ่ือป้องกันการอุดตันของทางเดินหายใจ เอาหมอนรองใต้เอวออก
และดูแลให้ผ้ปู ว่ ยได้รบั ออกซเิ จนอยา่ งเพียงพอ

2 . 2 ก า ร พ ย า บ า ล ผู้ ป่ ว ย ข ณ ะ ไ ด้ รั บ ก า ร รั ก ษ า ด้ ว ย ไ ฟ ฟ้ า แ บ บ Modified
Electroconvulsive Therapy (รตั นา สายพานิชย์, 2554)

 ดแู ลใหผ้ ปู้ ่วยนอนราบบนเตียงเรยี บแขง็ พอควร ไมห่ นนุ หมอน
 เปดิ เส้นเลอื ดใหส้ ารนา้ และต่อเข็มแบบปีกผีเส้อื (Scalp vein) เพ่อื เตรยี มให้

ยาระงบั ความรูส้ ึก
 เตรยี มเครื่อง ECT เครอ่ื งวัด EKG เครื่องสัญญาชีพ เคร่ืองวัดออกซิเจน

และเครื่องดดู เสมหะ ใหพ้ ร้อม
 ดแู ลทา electrode jelly บนดา้ นท่ตี ิดกับผิวหนงั ผูป้ ว่ ย จากนั้นติด

electrode pad ทีข่ มับท้ัง 2 ข้าง (การวาง electrode pad ขึ้นอย่กู บั
การพจิ ารณาของแพทย์ อย่างไรกต็ ามปัจจุบนั นิยมใชก้ ารวางแบบ bilateral
ECT)
 ดแู ลตอ่ เคร่ืองต่างๆกับผูป้ ว่ ยได้แก่ ต่อเคร่ืองวดั EKG เครอ่ื งสญั ญาชพี
เครอื่ งวัดออกซิเจน
 ดแู ลให้ผู้ปว่ ยสดู ออกซเิ จน 100% นาน 2-3 นาที
 วสิ ญั ญใี ห้ methohexital (Brevital) เข้าเส้นเพือ่ ระงับความรูส้ กึ ทดสอบ
การหลบั ดว้ ยการตรวจ eyelash reflex

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพูนทุ กาบคาบา

การพยาบาลผปู้ ่วยทไ่ี ด้รบั การรกั ษาดว้ ยไฟฟา้ 44
 วิสญั ญใี ห้ succinylcholine 0.5-1.5 มก./กก. เขา้ เส้นเพื่อคลาย

กล้ามเนอ้ื ทดสอบการคลายตวั ของกล้ามเนื้อเต็มท่ีดว้ ยการตรวจ
Babinski’s sign (ดภู าพที่ 14) หรือดงึ คางจะอ้าปากขึน้ ไดง้ า่ ย
 ใช้ anesthetic mask ทีต่ อ่ กบั ambu bag และออกซิเจน 100 %
ครอบจมกู บบี ambu bag เพอ่ื ช่วยการหายใจของผปู้ ว่ ย (ดูภาพท่ี 15)
 ระหว่างแพทยก์ ดปุ่มท่เี ครอ่ื ง ECT เพ่อื ใหก้ ระแสไฟฟา้ ผา่ นเข้าไปในสมอง
ของผู้ปว่ ย พยาบาลจบั คางผู้ปว่ ยไว้เพราะอาจมกี ารกระตกุ ของคางได้
 ในระหว่างผูป้ ่วยชัก ต้องดูแลให้ ventilation เพิ่มข้นึ และดแู ลตอ่ เน่ืองจน
กระทง้ั ผูป้ ว่ ยหยดุ ชักและหายใจได้เอง ซ่ึงใช้เวลาประมาณ 5 นาที จากนัน้
ดูแลดดู เสมหะและน้าลายใหผ้ ปู้ ว่ ยทั้งในปากและจมูก
 ยกไมข้ า้ งเตยี งขน้ึ เสมอเพอ่ื ปอ้ งกันการเกดิ อบุ ตั ิเหตุ ตกเตียง

ภาพที่ 14 การตรวจ Babinski’s sign ภาพท่ี 15 การชว่ ยการหายใจของผูป้ ่วย
ด้วย ambu bag

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพูนุท กาบคาบา

การพยาบาลผปู้ ่วยทไ่ี ดร้ ับการรักษาดว้ ยไฟฟา้ 45

3. การพยาบาลหลงั การรกั ษาดว้ ยไฟฟา้ (สมุ ติ รพร จอมจนั ทร,์ 2560)

 ดูแลจดั ทา่ ใหผ้ ปู้ ่วยหนนุ หมอน นอนหงายราบประมาณ 30-60 นาที
 ดแู ลให้สขุ สบายเชด็ เหง่อื บริเวณหนา้ เรียกชอื่ ผูป้ ่วยเพื่อให้รสู้ กึ ตัว
 วดั สัญญาณชีพ ระดับคา่ ออกซิเจนทกุ ๆ 15 นาทใี น 1 ชว่ั โมง พร้อมจดบนั ทกึ

ทางการพยาบาล
 สังเกตอาการอยา่ งใกลช้ ดิ เฝ้าระวงั การหยดุ หายใจ ระวังอบุ ตั เิ หตุตกเตียงเพราะผู้ปว่ ย

อาจสับสน พยาบาลยกไม้ก้ันเตียงข้ึนทุกครัง้ หากผู้ป่วยมีอาการสับสนมากอาจจาเป็น
ผกู มดั ผูป้ ว่ ย
 เมือ่ ผปู้ ว่ ยรู้สึกตัวดปี ระเมนิ และสังเกตอาการแทรกซ้อนกับผปู้ ว่ ยว่ามีหรอื ไม่ เชน่ ปวด
ศีรษะ ปวดเมื่อยกลา้ มเนือ้ หรือสบั สน พรอ้ มจดบันทึกทางการพยาบาล หากมีอาการ
ผิดปกตมิ ากใหร้ ายงานแพทย์
 เมอ่ื ผู้ปว่ ยรู้สกึ ตวั ดีให้ความรใู้ หมแ่ กผ่ ู้ปว่ ย (Reorientation) เกย่ี วกับวัน เวลา
สถานที่ และบคุ คลรอบขา้ ง
เม่ือผู้ป่วยกลับสู่หอผ้ปู ่วยเช่นเดิมแล้ว พยาบาลควรประเมินอาการแทรกซ้อนตอ่ และให้
การพยาบาลตามอาการ เช่น การปะคบร้อนในบริเวณท่ีมีอาการปวด หรือการให้ยาบรรเทา
อาการปวด เป็นต้น รวมท้ังเปิดโอกาสผู้ป่วยเล่าถึง ความรู้สึก ประสบการณ์การรักษาด้วย
กระแสไฟฟ้า นอกจากน้ีพยาบาลควรประเมินผลการตอบสนองต่อการรกั ษาด้วยไฟฟ้าของผ้ปู ว่ ย
ว่าดีขึ้นหรอื ไม่ ตามข้อบ่งชีด้ งั น้ี

1. นอนไดน้ านขึ้น และกลบั เข้าสปู่ กติ
2. รับประทานอาหารได้มากขึน้
3. แสดงอารมณโ์ กรธได้ชดั เจนขน้ึ
และบนั ทึกการเปลยี่ นแปลงดังกลา่ วเสมอ

ข้อควรระวงั ผปู้ ว่ ยทไี่ ดร้ บั การรกั ษาดว้ ยไฟฟา้ รว่ มกบั ยาทางจติ เวช (รตั นา สายพานิชย์, 2554)

อยา่ งท่ไี ด้กล่าวไปในหัวข้อเรอ่ื งจิตเภสัชบาบัด จะพบว่ามียาบางตัวสามารถเพิ่มโอกาสเกิด
อาการชักได้ง่ายข้ึน ในขณะที่ยาบางตัวออกฤทธ์ิต้านอาการชัก ซึ่งจะกระทบต่อการรักษาด้วย
ไฟฟ้า เพราะการรกั ษาด้วยไฟฟ้าตอ้ งการให้ผปู้ ว่ ยเกิดการชักเพ่ือปรบั สมดุลของสางเคมีในสมอง
ดังนั้นพยาบาลจึงต้องเตรียมผู้ป่วยให้พร้อมในการรักษาด้วยไฟฟ้า เพ่ือให้เกิดผลการรักษา
สูงสุด และลดหรือป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา กลุ่มยาที่อาจมีผลกระทบต่อการรักษา
ดว้ ยไฟฟ้ามีดงั น้ี

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพูนทุ กาบคาบา

การพยาบาลผ้ปู ว่ ยทไ่ี ด้รับการรกั ษาด้วยไฟฟา้ 46

1. ย า ก ลุ่ ม TCA ผู้ ป่ ว ย ที่ ไ ด้ รับ ย า กลุ่ม น้ี จ ะต อ บ ส น อ ง ต่อ epinephrine แ ละ
norepinephrine มากกว่าปกติ อาจทาให้เกิด hypertensive crisis และอาจทาให้
เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในผู้ท่ีเพ่ิงได้รับยาไม่ถึง 1 เดือน และจาเป็นต้องทา ECT ควร
หยุดยานี้ไปก่อน นอกจากนี้ในผู้ป่วยสูงอายุท่ีได้รับยากลุ่ม TCA ร่วมกับการรักษา
บาบัดด้วยไฟฟ้า อาจทาให้เกิดอาการสับสน หลังทา ECTในระยะพักฟ้ืนได้ ดังน้ัน
พยาบาลควรเฝา้ ระวงั การเกิดอบุ ัตเิ หตหุ ลังทา ECT

2. ยากลุ่ม MAOI ผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มน้ีอาจเกิดผลข้างเคียงอ่ืน ๆ ได้ เช่น ความดัน
โลหิตสูง หรือต่ากว่าปกติ ไข้สูง ปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ (reflex) ไวกว่าปกติ
อาจมีอาการชักและหัวใจหยุดเตน้ ได้ และหากพบอาการดังกลา่ วให้รายงานทีมรกั ษาดว้ ย
ไฟฟ้า เพ่ือพิจารณารูปแบบการรักษาด้วย ECT และการใช้ยานาสลบ หากมีการใช้
succinyl choline ร่วมเพ่ือนาการสลบ ผปู้ ว่ ยอาจมpี rolong apnea ได้ เพราะฉะนั้น
ควรหยุดยา MAOI กอ่ นอยา่ งน้อย 2 สัปดาห์กอ่ นทา ECT

3. Clozapine สาหรับผู้ป่วยท่ีได้รับยา Clozapine ร่วมกับการรักษาด้วย ECT พบว่า
ผู้ป่วยหลังจากท่ีได้ทา ECT แล้วอาจมีโอกาสชักได้บ่อยข้ึน ดังนั้นพยาบาลควรเผา้ ระวงั
การชัก หรอื อุบตั ิเหตุ

4. Benzodiazepine, carbamazepine, valproate สาหรับเหล่านี้ซ่ึงถูกใช้ในการ
ต้านชัก เม่ือแพทย์พิจารณาจะเพม่ิ seizure threshold ทาให้ต้องใช้ปริมาณไฟฟ้าและ
หรือเวลามากขึ้น ดังน้ันระหว่างการรักษาด้วยไฟฟ้า ต้องเฝ้าระวังการชักเป็นเวลานาน
สมองขาดออกซเิ จนได้

สรุป แม้การบาบัดรักษาด้วยไฟฟ้าจะไม่ใช้หน้าท่ีหลักโดยตรงของพยาบาลจติ เวช แต่พยาบาลจิต
เวชมบี ทบาทสาคัญในการประเมินรวบรวมข้อมลู เตรียมผปู้ ว่ ยกอ่ นรบั การรกั ษาทัง้ ด้านร่างกาย
จิตใจ รวมท้ังให้การพยาบาลระหว่างผู้ป่วยรับการรักษา และการพยาบาลหลังผู้ป่วยรับการ
รักษา ดังนั้นจึงจาเป็นที่พยาบาลต้องมีความรู้ความเข้าใจในการรักษาบาบัดด้วยไฟฟ้าเพ่ือให้
สามารถให้การพยาบาลแก่ผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และลดความเส่ียงต่อการเกิด
ภาวะแทรกซ้อนอน่ื ๆ จากการบาบัดรักษาดว้ ยไฟฟา้

เอกสารประกอบคาสอนรายวชิ าการพยาบาลจติ เวช_อ.ชมพนู ทุ กาบคาบา


Click to View FlipBook Version