หลักสตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 147
หนว่ ย ชือ่ หน่วยการ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา นำ้ หนัก
ที่ เรียนรู้
(ชั่วโมง) คะแนน
3 งานระบบ
คอมพวิ เตอร์ - สาขาวิศวกรรม
คอมพิวเตอร์ (Computer
Engineering)
เปน็ ต้น
การประกอบอาชีพด้าน
คอมพวิ เตอร์ เชน่
- พนักงานคอมพวิ เตอร์ (Key
Operator)
- พนกั งานเตรียม (Data
Entry)
- บรรณารกั ษ์คอมพิวเตอร์
(Libralian Computer)
- ผเู้ ขียนโปรมแกรม
(Programmer)
- นักวิเคราะห์ระบบ
(System Analysis)
- นกั บรหิ ารทางดา้ น
คอมพิวเตอร์
- ครู-อาจารย์สอน
คอมพวิ เตอร์
- เจา้ ของธุรกจิ คอมพิวเตอร์
เปน็ ต้น
3. ปฏิบัตกิ าร ติดต้งั ปฏบิ ตั ิการ ติดตง้ั ประกอบ 20 33.3
ประกอบ ดูแลรกั ษา และ ดูแลรักษา และแกป้ ัญหาใน
แกป้ ัญหาในการทำงาน การทำงานคอมพิวเตอร์
คอมพวิ เตอร์ ปฏิบตั ิการ ซอ่ มแซมอปุ กรณ์
4. ปฏบิ ัตกิ าร ซอ่ มแซม เครอ่ื งมือ เครอื่ งใช้ท่ีเกี่ยวกบั
อุปกรณ์ เคร่อื งมือ เคร่ืองใช้ คอมพิวเตอร์
ท่ีเก่ียวกับคอมพวิ เตอร์
หลักสตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 148
หนว่ ย ชื่อหนว่ ยการ ผลการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ เวลา น้ำหนกั
(ชัว่ โมง) คะแนน
ท่ี เรียนรู้ ใชง้ าน ตดิ ต้งั และบำรุงรกั ษา
ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 20 33.3
4 งานระบบ 5. มีความรู้ ความสามารถ ทัง้ ระบบมสี าย และระบบไร้
สาย 10 16.7
เครือขา่ ย ในการใช้งานระบบ แก้ปญั หาที่เกิดจากการ
ปฏบิ ตั งิ านอาชพี ดา้ น 60 100
เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์
ประยกุ ตใ์ ช้ทกั ษะด้าน
6. มีความรู้ สามารถ คอมพิวเตอร์ และระบบ
เครือขา่ ยในชวี ติ ประจำวนั
แกป้ ญั หาท่เี กดิ จากการ และการประกอบอาชพี
ถอดบทเรยี นในการประกอบ
ปฏิบัติงานอาชพี ด้าน อาชีพด้านคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์
5 สรปุ ผลนำเสนอ 7. มคี วามรู้ สามารถสรปุ
ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน
อาชีพ
รวม
ภาคผนวก
คำสงั่ โรงเรยี นห้วยกรดวทิ ยา
ที่ 44 / 2561
เร่อื ง แต่งตง้ั คณะกรรมการพัฒนาและปรบั ปรงุ หลกั สตู ร
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พ.ศ.2551 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)
ด้วยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐานได้มปี ระกาศปรับปรุงหลักสูตรตามหลักสตู รแกนกลาง
การศึกษาขนั้ พื้นฐาน พ.ศ.2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2560) ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาตอนต้นและระดบั มัธยมศกึ ษา
ตอนปลาย โดยมกี จิ กรรมการปรับปรงุ หลักสตู รสาระการเรียนรู้ ในทุกสาระการเรียนรู้ เพื่อให้สถานศึกษาทจ่ี ัด
การศึกษาระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไดม้ ีหลักสูตรสำหรับการจัดการศกึ ษาท่ี
เปน็ มาตรฐานในทางเดียวกัน สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางของประเทศ ตลอดจนมี
ความเหมาะสมกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โรงเรียนมีแนวทางการจัดการศึกษาได้
อย่างมีประสิทธิภาพ มีการวัดและประเมินผล การเทียบโอนผลการเรียนในกรณีท่ีย้ายสถานศึกษาได้อย่าง
สะดวก เพื่อให้การดำเนนิ โครงการเป็นไปตามวัตถุประสงคแ์ ละเปา้ หมายอยา่ งมีคุณภาพ จงึ แตง่ ต้ังผู้มีตำแหน่ง
และรายนามต่อไปน้เี ปน็ คณะกรรมการดำเนินการ ประกอบดว้ ย
1. ทป่ี รกึ ษาการพัฒนาและปรับปรุงหลักสตู รตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน
พ.ศ.2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560)
นางวันทนา บวั ทอง ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ
ปฏิบตั หิ น้าทร่ี องผู้อำนวยการโรงเรยี นหว้ ยกรดวิทยา
มีหน้าท่ี ใหค้ ำปรกึ ษา ตรวจแก้ไขหลักสตู รฯ ใหม้ คี ณุ ภาพและนำไปใชจ้ ัดการเรียนการสอนไดจ้ ริง
2. คณะกรรมการดำเนินการพัฒนาและปรบั ปรุงหลักสตู รตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั
พน้ื ฐาน พ.ศ.2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2560)
2.1 นายพุฒ ก้อนทอง หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์
2.2 นายจกั รนิ ทร์ บญุ หนัก ครผู สู้ อน
2.3 นางสาวจริ าวัช คมสนั ครผู สู้ อน
2.4 นางนงนุช จนั ทร์สวาท หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
2.5 นายวศนิ คลา้ ยแกว้ ครูผสู้ อน
2.6 นางสาวสุกัญญา สขุ เดช ครูผสู้ อน
2.7 นางน้ำฝน อินทรแ์ สง หัวหน้ากลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์
2.8 นางจรญุ ลกั ษณ์ บตุ รศรี ครผู สู้ อน
2.9 นายศรัณย์ เทพพกั ทัน ครูผสู้ อน
2.10 นางสาวชญานี สุ่ยหนองไผ่ ครูผสู้ อน
2.11 นางสาวลกั ขณา เกดิ โพชา ครผู สู้ อน
2.12 นางสาวนารถลดั ดา คดิ การ หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษาฯ
2.13 นางรสสุคนธ์ ขันกสกิ ร ครผู สู้ อน
2.14 นายชัยณรงค์ เขยี วแก้ว ครูผสู้ อน
2.15 นายเสกสรร ไทยย้ิม หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ุขศึกษาและพลศกึ ษา
2.16 นายพลรบ บญุ คงมา ครูผสู้ อน
2.17 นางสาวบุษกร พชื พันธ์ หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ
2.18 นายกฤษณะ ภหู่ ้อย ครผู สู้ อน
2.19 นายมานพ พลบั เที่ยง หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี
2.20 นางวฒั นา สุนมิ ิต ครูผสู้ อน
2.21 นายสุเมธ ราชประชมุ ครูผสู้ อน
2.22 นางสาวสราลี สุทธิศาสตร์ ครูผสู้ อน
2.23 นางบงั เอิญ ก้อนทอง หัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาตา่ งประเทศ
2.24 นางกันยา โพธกิ์ ล่ำ ครผู สู้ อน
2.25 นางสาวดลพร เอย่ี มจยุ้ ครผู สู้ อน
มีหน้าที่ เป็นผู้ดำเนินการพฒั นาและปรับปรุงหลักสูตรสถานศกึ ษาและหลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ.2551 (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2560) ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนต้น
และระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย จัดทำรปู เล่มเอกสารหลักสูตรที่ปรับปรุงแล้ว ตลอดจนการประสานงานกับ
ทุกฝ่าย และสรุปผลการดำเนินงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ
ให้ผ้มู ีรายนามท่ีไดร้ บั ยการแตง่ ตั้ง ปฏิบัตหิ น้าท่ีที่ไดร้ ับมอบหมายให้บรรลุตามวัตถุประสงค์อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ
ท้ังน้ี ตั้งแต่บัดน้เี ป็นตน้ ไป
สั่ง ณ วันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2561
(นายสงา่ โพธกิ์ ลบี )
ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นหว้ ยกรดวทิ ยา
อภธิ านศพั ท์
กำหนดปัญหา (Define problem)
ระบุคำถาม ประเดน็ หรือสถานการณ์ ท่เี ป็น ข้อสงสยั เพ่ือนำไปสู่การแกป้ ญั หา หรอื อภปิ ราย
รว่ มกัน
แก้ปญั หา (Solve problem)
หาคำตอบของปญั หาที่ยังไมร่ วู้ ิธกี ารมาก่อน ท้ัง ปญั หาทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั วทิ ยาศาสตร์โดยตรง และ
ปัญหาในชวี ติ ประจำวัน โดยใชเ้ ทคนิคและ
วิธกี ารต่าง ๆ
เขยี นแผนผัง/ วาดภาพ (Construct diagram/ illustrate)
นำเสนอข้อมูล หรอื ผลการสำรวจตรวจสอบดว้ ย แผนผัง กราฟ หรือภาพวาด
คาดคะเน (Predict)
คาดการณ์ผลที่จะเกิดขนึ้ ในอนาคต โดยอาศยั ข้อมูลทส่ี ังเกตได้ และประสบการณ์ทีม่ ี
คำนวณ (Calculate)
หาผลลพั ธจ์ ากข้อมลู โดยใช้หลกั การ ทฤษฎี หรอื วธิ ีการทางคณิตศาสตร์
จำแนก (Classify)
จดั กลมุ่ ของสิง่ ตา่ ง ๆ โดยอาศัยลักษณะที่ เหมือนกันเปน็ เกณฑ์
ต้ังคำถาม (Ask question)
พดู หรอื เขียนประโยค หรือวลเี พ่อื ใหไ้ ด้มาซงึ่ การค้นหำคำตอบที่ต้องการ
ทดลอง (Conduct/ experiment)
ปฏบิ ัตกิ ารเพือ่ หำคำตอบของคำถาม หรือปัญหา ในกำรทดลอง โดยตั้งสมมติฐานเพอ่ื เป็นแนวทาง
ในการกำหนดตัวแปรและวางแผนดำเนินการ เพอ่ื ตรวจสอบสมมติฐาน
นำเสนอ (Present)
แสดงขอ้ มลู เรอื่ งราว หรือ ความคิด เพือ่ ใหผ้ ้อู ่ืน รับรหู้ รอื พจิ ารณา
บรรยาย (Describe)
ใหร้ ายละเอยี ดของเหตุการณห์ รอื ปรากฏการณ์ท่ี เกดิ ข้นึ ใหผ้ ู้อ่นื ไดร้ ับรู้ด้วยการบอกหรอื เขยี น
บอก (Tell)
ให้ข้อมลู ข้อเท็จจรงิ แก่ผู้อ่นื ด้วยการพดู หรอื เขยี น
บนั ทกึ (Record)
เขยี นข้อมลู ท่ีได้จากการสงั เกต เพอ่ื ช่วยจำ หรอื เพือ่ เป็นหลกั ฐาน
เปรยี บเทียบ (Compare)
บอกความเหมอื น และ/หรอื ความแตกตา่ งของ สงิ่ ท่ีเทียบเคียงกัน
แปลความหมาย (Interpret)
แสดงความหมายของข้อมลู จากหลักฐานทป่ี รากฎ เพ่อื ลงขอ้ สรปุ
ยกตัวอยา่ ง (Give examples)
ให้ข้อมูล เหตุการณ์ หรือสถานการณ์ เพ่ือแสดง ความเขา้ ใจในสิ่งท่ีได้เรียนรู้
ระบุ (Identify) ช้บี อกสง่ิ ต่าง ๆ โดยใชข้ อ้ มูลประกอบอย่างเพยี งพอ
เลอื กใช้ (Select)
พิจารณาและตัดสนิ ใจนำวัสดุ สิง่ ของ อุปกรณ์ หรอื วิธีการมาใชไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม
วดั (Measure)
หาขนดหรอื ปรมิ าณของส่งิ ต่าง ๆ โดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ทเี่ หมาะสม
วเิ คราะห์ (Analyze)
แยกแยะ จดั ระบบ เปรียบเทยี บ จัดลำดับ จัดจำแนก หรือเชอ่ื มโยงข้อมลู
สร้างแบบจำลอง (Construct model)
นำเสนอแนวคิดหรอื เหตกุ ารณ์ในรปู ของ แผนภาพ ช้ินงาน สมการ ขอ้ ความ คำพูด และ/หรอื ใช้
แบบจำลองเพอ่ื อธบิ ายความคิด วตั ถุ หรือ เหตุการณต์ า่ ง ๆ
สังเกต (Observe)
หาข้อมลู ดว้ ยการใช้ประสาทสัมผสั ทัง้ ห้ำ ทเี่ หมาะสม ตามขอ้ เทจ็ จรงิ ทปี่ รากฏ โดยไม่ใช้
ประสบการณเ์ ดมิ ของผสู้ งั เกต
สำรวจ (Explore)
หาข้อมูลเกีย่ วกบั สงิ่ ต่าง ๆ โดยใช้วธี กี ารและ เทคนคิ ทเ่ี หมาะสมเพ่ือนำขอ้ มลู มาใชต้ าม
วตั ถุประสงค์ทกี่ ำหนดไว้
สืบค้นข้อมลู (Search)
หาข้อมูล หรือขอ้ สนเทศทีม่ ผี รู้ วบรวมไวแ้ ล้วจาก แหล่งตา่ ง ๆ มาใชป้ ระโยชน์
สื่อสาร (Communicate)
นำเสนอและแลกเปลยี่ นความคดิ ขอ้ มูล หรอื ผล จากการสำรวจตรวจสอบดว้ ยวิธีทเ่ี หมาะสม
อธบิ าย (Explain)
กลา่ วถึงเรอ่ื งราวตา่ ง ๆ อย่างมเี หตผุ ล และมี ขอ้ มลู หรอื ประจักษพ์ ยานอา้ งอิง
อภปิ ราย (Discuss)
แสดงความคิดเห็นตอ่ ประเดน็ หรอื คาถามอย่าง มเี หตผุ ลโดยอาศัยความรู้และประสบการณ์ของ ผู้
อภปิ รายและขอ้ มูลประกอบ
ศพั ทท์ ีเ่ กี่ยวขอ้ งกับตัวชี้วัด สาระเทคโนโลยี
การใช้ลขิ สทิ ธ์ิของผูอ้ น่ื โดยชอบธรรม (Fair use)
การนำสือ่ หรอื ขอ้ มลู ทเ่ี ปน็ ลิขสทิ ธิข์ องผูอ้ ืน่ ไปใช้โดยชอบดว้ ยกฎหมาย ภายใต้เงอ่ื นไขบางประการ
เชน่
1) นำไปใช้ในการศกึ ษา หรอื การคำ้
2) งานนัน้ เป็นงานวชิ ำการ หรือบนั เทงิ
3) คัดลอกเพยี งส่วนนอ้ ย หรือคดั ลอกจานวนมาก
4) ทำใหเ้ จา้ ของเสยี ผลประโยชน์ทางการเงนิ มากน้อยเพยี งใด
การตรวจและแก้ไขขอ้ ผดิ พลาด (Debugging)
กระบวนการในการคน้ หาขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม เพ่ือแกไ้ ขให้ทำงานไดถ้ ูกต้อง
การประมวลผลขอ้ มลู (Data processing)
การดำเนนิ การตา่ ง ๆ กับข้อมลู เพอื่ ให้ไดผ้ ลลพั ธท์ มี่ ีความหมาย และมปี ระโยชน์ต่อการนำไปใช้
งานมากยิง่ ขึ้น
การวบรวมข้อมลู (Data collection)
กระบวนกรในการรวบรวมขอ้ มลู ทเ่ี กี่ยวข้องจากแหล่งขอ้ มลู ตา่ ง ๆ
ข้อมูลปฐมภูมิ (Primary data)
ขอ้ มลู ทรี่ วบรวมโดยตรงจากแหลง่ ขอ้ มลู ขนั้ ตน้ โดยอาจใช้วิธกี ารสังเกต การทดลอง การสำรวจ
การสมั ภาษณ์
เทคโนโลยี (Technology)
ส่ิงทมี่ นษุ ย์สรา้ ง หรอื พฒั นาขน้ึ ซ่ึงอาจเป็นได้ทง้ั ช้นิ งาน หรอื วิธกี าร เพ่อื ใช้แกป้ ัญหา สนองความ
ตอ้ งการ หรือเพิ่มความสามารถในการทำงำนของมนุษย์
แนวคิดเชงิ คำนวณ (Computational thinking)
กระบวนการในการแกป้ ญั หา การคดิ วเิ คราะหอ์ ยา่ งมเี หตผุ ลเปน็ ขนั้ ตอน เพื่อหำวธิ กี ารแกป้ ัญหา
ในรปู แบบทส่ี ามารถนำไปประมวลผลได้
แนวคดิ เชิงนามธรรม (Abstraction)
การพจิ ารณารายละเอยี ดทสี่ ำคัญของปัญหา แยกแยะสำระสำคญั ออกจากส่วนทีไ่ มส่ ำคญั
ระบบทางเทคโนโลยี (Technological system)
กลุ่มของส่วนต่าง ๆ ต้ังแต่สองส่วนขึ้นไปประกอบเข้าด้วยกันและทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุ
วัตถุประสงค์ โดยในการทำงานของระบบทางเทคโนโลยีจะประกอบไปด้วย ตัวป้อน (input) กระบวนการ
(process) และผลผลิต (output) ท่ีสัมพันธ์กัน นอกจากนี้ระบบทางเทคโนโลยีอาจมีข้อมูลย้อนกลับ
(feedback) เพื่อใชป้ รับปรุง การทำงานไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์
เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ (Logical reasoning)
การใช้เหตผุ ล กฎ กฎเกณฑ์ หรือเงอื่ นไข ทเี่ กย่ี วข้อง เพ่ือแก้ปญั หาไดค้ รอบคลมุ ทกุ กรณี
เหตผุ ลวิบตั ิ (Logical fallacy)
การใชเ้ หตผุ ลทผี่ ดิ พลาด ไม่อย่บู นพ้นื ฐานของความจริง ไม่มนี ้ำหนักสมเหตุสมผล มาสนบั สนุน
หรอื ชีน้ ำขอ้ สรปุ ทผี่ ดิ ให้ดนู ่าเชื่อถอื
อัตลักษณ์ (Identity)
ลกั ษณะเฉพาะ หรอื ข้อมูลสำคญั ทบี่ ง่ บอกถึงความเป็นตัวตนของบคุ คลหรือสิ่งใดสง่ิ หนง่ึ เช่น ช่ือ
บญั ชผี ใู้ ช้ ใบหน้า ลายนว้ิ มอื
อัลกอริทึม (Algorithm)
ขัน้ ตอนในการแก้ปญั หา หรือการทำงาน โดยมลี ำดบั ของคำสัง่ หรอื วิธกี ารทช่ี ดั เจน ที่คอมพวิ เตอร์
สามารถปฏิบัติตามได้
แอพพลิเคชนั (Software application)
ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ ทที่ ำงานบนคอมพวิ เตอร์ สมารท์ โฟน แทบ็ เล็ต หรอื อุปกรณ์เทคโนโลยีอน่ื ๆ
อภิธานศพั ท์
ศัพท์ทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั ตัวช้วี ัดกลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์
ท่ี ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ความหมาย
1 กำหนดปญั หา define problem ระบุคำถาม ประเด็นหรือ สถานการณ์ทเ่ี ปน็ ขอ้ สงสัย เพื่อ
นำไปสกู่ ารแก้ปญั หาหรอื อภปิ รายรว่ มกนั
2 แกป้ ญั หา solve problem หาคำตอบของปัญหาที่ยงั ไม่รู้ วิธีการมาก่อน ทง้ั ปัญหาท่ี
เก่ียวข้องกับวิทยาศาสตร์ โดยตรงและปัญหาในชีวิต
ประจำวนั โดยใช้เทคนคิ และ วธิ ีการต่าง ๆ
3 เขียนแผนผัง/ construct diagram/ นำเสนอข้อมูลหรือผลการสำรวจ ตรวจสอบด้วยแผนผัง
วาดภาพ illustrate กราฟ หรือภาพวาด
4 คาดคะเน predict คาดการณ์ผลท่ีจะเกิดข้ึนในอนาคต โดยอาศัยข้อมูลที่
สังเกตได้ และประสบการณท์ ่ีมี
5 คำนวณ calculate หาผลลัพธ์จากข้อมูล โดยใช้ หลักการ ทฤษฎีหรือวิธีการ
ทาง คณติ ศาสตร์
6 จำแนก classify จัดกลุ่มของส่ิงต่าง ๆ โดยอาศัย ลักษณะท่ีเหมอื นกันเป็น
เกณฑ์
7 ต้ังคำถาม ask question พูดหรือเขียนประโยค หรือวลี เพื่อให้ได้มาซึ่งการค้นหา
คำตอบทีต่ ้องการ
8 ทดลอง conduct/experiment ปฏิบัติการเพ่ือหาคำตอบ ของคำถาม หรือปัญหาในการ
ทดลอง โดยตั้งสมมตฐิ านเพื่อ เปน็ แนวทางในการกำหนด
ตัวแปรและวางแผนดำเนินการ เพื่อตรวจสอบสมมติฐาน
9 นำเสนอ present แสดงข้อมลู เรือ่ งราว หรือ ความคิด เพอื่ ให้ผ้อู น่ื รบั รู้ หรอื
พจิ ารณา
10 บรรยาย describe ให้รายละเอียดของเหตุการณ์ หรือปรากฏการณ์ท่ีเกิดขึ้น
ให้ ผูอ้ ่นื ได้รบั รดู้ ้วยการบอก หรอื เขียน
11 บอก Tell ใหข้ ้อมลู ข้อเทจ็ จรงิ แกผ่ ู้อ่ืน ด้วยการพดู หรือเขียน
12 บันทึก Record เขยี นข้อมูลทีไ่ ด้จากการสงั เกต เพ่ือชว่ ยจำ หรอื เพื่อเปน็
หลักฐาน
13 เปรยี บเทยี บ Compare บอกความเหมอื น และ/หรือ ความแตกต่าง ของสง่ิ ที่
เทียบเคยี งกัน
14 แปล Interpret แสดงความหมายของขอ้ มลู จากหลกั ฐานทีป่ รากฏ เพอ่ื ลง
ที่ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ความหมาย
ความหมาย give examples ขอ้ สรปุ
ให้ขอ้ มลู เหตกุ ารณ์หรอื สถานการณ์ เพอ่ื แสดงความเขา้ ใจ
15 ยกตวั อย่าง ในสิง่ ทไ่ี ด้ เรียนรู้
ชี้บอกสง่ิ ต่าง ๆ โดยใช้ขอ้ มูล ประกอบอย่างเพยี งพอ
16 ระบุ identify พิจารณา และตดั สินใจนำวสั ดุ ส่งิ ของ อุปกรณห์ รอื วิธีการ
17 เลือกใช้ select มาใชไ้ ด้อย่างเหมาะสม
หาขนาด หรือปรมิ าณ ของ สิ่งต่าง ๆ โดยใช้เครื่องมือ ที่
18 วัด measure เหมาะสม
แยกแยะ จัดระบบ เปรียบเทียบ จัดลำดับ จัดจำแนก
19 วิเคราะห์ analyze หรอื เชอื่ มโยงขอ้ มลู
นำเสนอแนวคิด หรือเหตุการณ์ ในรูปของแผนภาพ
20 ส ร้ า ง construct model ชนิ้ งาน สมการ ขอ้ ความ คำพูดและ/ หรือใช้แบบจำลอง
แบบจำลอง เพ่ืออธบิ าย ความคิด วัตถุ หรอื เหตุการณ์ ต่าง ๆ
หาข้อมูลดว้ ยการใช้ประสาท สัมผัสท้ังห้า ท่ีเหมาะสม
21 สังเกต Observe ตาม ข้อเท็จจรงิ ทีป่ รากฏ โดยไมใ่ ช้ ประสบการณ์เดมิ ของ
ผ้สู ังเกต
22 สำรวจ explore หาข้อมูลเก่ียวกับส่ิงต่าง ๆ โดยใช้วีธีการและเทคนิคท่ี
เหมาะสม เพ่ือนำข้อมลู มาใช้ ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด
23 สืบค้นข้อมลู search ไว้
หาข้อมลู หรือขอ้ สนเทศทมี่ ี ผรู้ วบรวมไว้แลว้ จากแหลง่
24 ส่อื สาร communicate ตา่ ง ๆ มาใชป้ ระโยชน์
นำเสนอ และแลกเปลย่ี น ความคิด ข้อมลู หรอื ผลจากการ
25 อธบิ าย explain สำรวจตรวจสอบ ดว้ ยวิธี
26 อภิปราย discuss ท่เี หมาะสม
กลา่ วถึงเร่ืองราวตา่ ง ๆ อย่างมี เหตุผล และมีขอ้ มลู หรอื
27 ออกแบบการ design experiment ประจักษ์พยานอ้างองิ
ทดลอง แสดงความคดิ เห็นตอ่ ประเดน็ หรือคำถามอย่างมีเหตุผล
โดยอาศัยความรูแ้ ละประสบการณ์ ของผูอ้ ภิปรายและ
ข้อมลู ประกอบ
กำหนด และวางแผนวธิ ีการ ทดลองใหส้ อดคล้องกบั
สมมตฐิ านและตวั แปรตา่ ง ๆ รวมทงั้ การบันทกึ ขอ้ มูล
ศัพท์ทเ่ี กยี่ วข้องกับตัวช้ีวัดสาระเทคโนโลยี ความหมาย
ท่ี ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ การนำสื่อ หรือข้อมลู ทีเ่ ป็น ลขิ สทิ ธ์ขิ องผู้อืน่ ไปใชโ้ ดยชอบ
1 การใชล้ ิขสทิ ธ์ขิ อง fair use ด้วยกฎหมาย ภายใตเ้ งื่อนไข บางประการ เช่น 1) นำไปใช้
ในการศึกษา หรอื การคา้ 2) งานน้ันเปน็ งานวชิ าการ หรอื
ผอู้ ่ืน โดยชอบ บนั เทงิ 3) คัดลอกเพยี งสว่ นน้อย หรือ คดั ลอกจำนวนมาก
ธรรม 4) ทำให้เจา้ ของเสียผลประโยชน์ ทางการเงิน มากน้อย
เพยี งใด
2 การตรวจและ debugging กระบวนการในการค้นหา ขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม เพ่ือ
แกไ้ ข แกไ้ ขใหท้ ำงานไดถ้ ูกตอ้ ง
ข้อผิดพลาด
การดำเนนิ การตา่ ง ๆ กบั ขอ้ มลู เพื่อใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ท่ีมี
3 การประมวลผล data processing ความหมาย และมปี ระโยชน์ตอ่ การนำ ไปใชง้ านมากยงิ่ ขึ้น
ขอ้ มูล กระบวนการในการรวบรวม ข้อมูลทเ่ี กย่ี วขอ้ งจากแหลง่
ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ
4 การรวบรวม data collection ข้อมูลทรี่ วบรวมโดยตรง จากแหลง่ ขอ้ มูลขน้ั ตน้ โดยอาจ ใช้
ขอ้ มูล วธิ ีการสงั เกต การทดลอง การสำรวจ การสมั ภาษณ์
ส่ิงทมี่ นุษยส์ ร้างหรอื พฒั นาข้นึ ซ่งึ อาจเป็นได้ทั้งช้นิ งาน หรอื
5 ขอ้ มลู ปฐมภูมิ primary data วธิ กี าร เพ่ือใช้แก้ปญั หาสนอง ความต้องการ หรอื เพม่ิ
ความสามารถในการทำงาน ของมนุษย์
6 เทคโนโลยี technology กระบวนการในการแกป้ ญั หา การคิดวเิ คราะหอ์ ยา่ งมี
เหตผุ ล เป็นข้นั ตอน เพ่ือหาวธิ ีการ แกป้ ญั หาในรปู แบบท่ี
7 แนวคิดเชิง computational สามารถ นำไปประมวลผลได้
คำนวณ thinking พจิ ารณารายละเอยี ดทส่ี ำคญั ของปญั หา แยกแยะ
สาระสำคัญ ออกจากสว่ นที่ไมส่ ำคญั
8 แนวคิดเชงิ abstraction การ กลมุ่ ของสว่ นต่าง ๆ ต้งั แต่ สองสว่ นขน้ึ ไป ประกอบเขา้
นามธรรม ด้วยกัน และทำงานร่วมกนั เพื่อใหบ้ รรลุวตั ถุประสงค์ โดย
technological ในการทำงานของระบบ ทางเทคโนโลยจี ะประกอบไปดว้ ย
9 ระบบทาง system ตัวปอ้ น (input) กระบวนการ (process) และผลผลิต
เทคโนโลยี (output) ทสี่ มั พนั ธก์ นั นอกจากนรี้ ะบบทางเทคโนโลยี
อาจมขี อ้ มลู ย้อนกลบั (feedback) เพอ่ื ใช้ปรบั ปรงุ
การทำงานไดต้ ามวตั ถปุ ระสงค์
ท่ี ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ความหมาย
10 เหตผุ ลเชิงตรรกะ logical reasoning การใช้เหตผุ ล กฎ กฎเกณฑ์ หรือเงื่อนไขทเี่ กย่ี วข้อง เพอ่ื
แก้ปญั หาได้ครอบคลมุ ทกุ กรณี
11 เหตผุ ลวบิ ตั ิ logical fallacy การใช้เหตผุ ลท่ผี ดิ พลาดไมอ่ ยบู่ น พน้ื ฐานของความจรงิ ไม่
มนี ้ำหนกั สมเหตุสมผลมาสนบั สนุน หรอื ชีน้ ำข้อสรุปท่ผี ิด
ใหด้ ูน่าเชื่อถือ
12 อตั ลกั ษณ์ Identity ลกั ษณะเฉพาะหรอื ข้อมลู สำคญั ทบี่ ง่ บอกถงึ ความเปน็
ตัวตนของ บคุ คลหรอื สง่ิ ใดส่งิ หนง่ึ เช่น ชอ่ื บญั ชผี ใู้ ชใ้ บหน้า
ลายน้ิวมอื
13 อัลกอริทมึ algorithm ขน้ั ตอนในการแก้ปญั หาหรือ การทำงาน โดยมลี ำดบั ของ
คำส่ังหรอื วธิ กี ารท่ชี ัดเจน ท่ีคอมพิวเตอรส์ ามารถปฏบิ ัติ
ตามได้
14 แอปพลเิ คชนั software ซอฟต์แวร์ประยกุ ตท์ ีท่ ำงาน บนคอมพิวเตอรส์ มาร์ตโฟน
application แทบ็ เลต็ หรอื อุปกรณเ์ ทคโนโลยี อื่น ๆ
บรรณานุกรม
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2560). ตัวช้ีวดั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลาง กล่มุ สาระการเรยี นรู้
คณติ ศาสตร.์ (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน
พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : สำนกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา.
. (2560). ตัวชีว้ ดั และสาระการเรยี นร้แู กนกลาง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
วทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน
พุทธศกั ราช 2551. กรุงเทพฯ : สำนกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา.
. (2553). หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551. พมิ พค์ ร้ังที่ 2.
กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พส์ หกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ตวั ช้ีวัดและสาระภมู ิศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) กลุม่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา
และวฒั นธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551.
[ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.sesa17.go.th/site/images/explain1.pdf.
สืบคน้ เมื่อวนั ที่ 27 เมษายน 2561.
องค์ประกอบของหลักสตู ร. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก https://docs.google.com/viewer.
สืบค้นเมื่อวนั ที่ 27 เมษายน 2561.