The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรคอมสมบูรณ์ 61

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สุเมธ ราชประชุม, 2022-09-27 01:45:07

หลักสูตรคอมสมบูรณ์ 61

หลักสูตรคอมสมบูรณ์ 61

หลกั สูตรสถานศึกษา โรงเรียนห้วยกรดวทิ ยา

พุทธศักราช 2561

ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551

กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สำนกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 5
สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน

กระทรวงศึกษาธิการ

คำนำ

ด้วยเหตุผลของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมคนให้สาม ารถปรับตัว
รองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสม กระทรวงศึกษาธิการจึงกำหนดเป็นนโยบาย
สำคัญและเร่งด่วนให้มีการปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในกลุ่ม
สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนาวัฒนธรรม รวมทั้งสาระเทคโนโลยีโดยมอบหมายให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี (สสวท.) ดำเนินการปรับปรุงกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานดำเนินการปรับปรุง
สาระภูมิสาสตร์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ฉะน้ันกระทรวงศึกษาธิการ
จึงได้ประกาศใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ดังกล่าว ในคำส่ังกระทรวงศึกษาธิการ
ท่ี สพฐ. 1239/2560 ลงวันท่ี 7 สิงหาคม 2560 และคำสั่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ท่ี
30/2561 ลงวันท่ี 5 มกราคม 2561 ให้เปลี่ยนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) โดยมีคำสั่งให้โรงเรียนดำเนินการใช้หลักสูตรในปี
การศึกษา 2561 โดยให้ใช้ในช้ันมัธยมปีที่ 1 และ 4 ต้ังแต่ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นมา ให้เป็นหลักสูตร
แกนกลางของประเทศโดยกำหนดจุดหมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทาง
ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนมีพัฒนาการเต็มตามศักยภาพ มีคุณภาพและมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั นโยบายและเปา้ หมายของสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน

โรงเรียนห้วยกรดวิทยา สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 5 จึงได้ทำการปรับปรุง
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และสาระภูมิศาสตร์ในกลุม่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) เพ่ือ
นำไปใชป้ ระโยชนแ์ ละเปน็ กรอบในการวางแผนและพฒั นาหลกั สตู รของสถานศกึ ษาและจดั การเรียนการสอน โดยมี
เป้าหมายในการพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี น ให้มีกระบวนการนำหลกั สูตรไปสู่การปฏิบตั ิ โดยมีการกำหนดวิสัยทัศน์
จดุ หมาย สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรยี นรู้และตัวช้ีวัด โครงสร้าง
เวลาเรียน ตลอดจนเกณฑ์การวดั ประเมินผลให้มีความสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้โรงเรียน
สามารถกำหนดทศิ ทางในการจดั ทำหลกั สูตรการเรยี นการสอนในแต่ละระดบั ตามความพร้อมและจุดเน้น โดยมี
กรอบแกนกลางเป็นแนวทางที่ชัดเจนเพื่อตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 มีความพร้อม ในการก้าวสู่สังคม
คณุ ภาพ มีความรู้อยา่ งแทจ้ ริง และมที ักษะในศตวรรษท่ี 21

ในการน้ี โรงเรียนหว้ ยกรดวทิ ยา จงึ ไดจ้ ดั ทำหลักสูตรครบทุกระดบั ช้ันและทกุ กลมุ่ สาระการเรียนรู้
ตลอดแนว เพ่ือให้เป็นเอกภาพและสอดคล้องกับสภาพบริบทของโรงเรียน ซ่ึงการจัดหลักสูตรการศึกษาข้ัน
พ้ืนฐานจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่คาดหวังได้ ทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องทั้งระดับชาติ ชุมชน ครอบครัว
และบุคคลต้องร่วมรับผิดชอบ โดยร่วมกันทำงานอย่างเป็นระบบ และต่อเนื่อง ในการวางแผน ดำเนินการ
สง่ เสรมิ สนับสนนุ ตรวจสอบ ตลอดจนปรบั ปรุงแกไ้ ข เพ่ือพฒั นาเยาวชนของชาตไิ ปสู่คุณภาพตามมาตรฐานการ
เรยี นรู้ทก่ี ำหนดไว้

(นายสงา่ โพธกิ์ ลบี )
ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นหว้ ยกรดวิทยา

ประกาศโรงเรียนหว้ ยกรดวทิ ยา
เร่อื ง ใหใ้ ช้หลกั สตู รโรงเรยี นหว้ ยกรดวิทยา (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)

ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551

ตามที่โรงเรยี นห้วยกรดวิทยา ได้ประกาศใช้หลักสูตรโรงเรียนห้วยกรดวิทยา พุทธศักราช 2551
โดยเริ่มใชห้ ลักสูตรดงั กลา่ วกบั นกั เรยี นทกุ ระดับช้นั ในปีการศึกษา 2553 ต่อมาในปีการศกึ ษา 2558 โรงเรียน
ห้วยกรดวิทยา ได้เพิ่มรายวิชาเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องรับกับนโยบายเร่งด่ วนของรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงศึกษาธิการ เพ่ือให้ผเู้ รยี นพัฒนาทักษะกระบวนการคดิ วเิ คราะห์ มเี วลาในการทำกิจกรรมเพือ่ พัฒนา
ความรู้ ความสามารถและทักษะ การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม การสร้างวนิ ัย การมีจิตสำนึกรับผิดชอบตอ่
สังคม ยึดม่นั ในสถาบนั ชาติศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และมีความภาคภูมใิ จในความเปน็ ไทย ตลอดจนการเรียน
การสอนในวิชาประวัติศาสตร์ และหนา้ ที่พลเมอื ง รวมถึงการสอนศลี ธรรมแก่นกั เรียน โรงเรยี นห้วยกรดวิทยา
ได้ดำเนินการจัดทำหลกั สูตรโรงเรียนห้วยกรดวิทยา พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)
สอดคล้องตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การบริหารจัดการเวลาเรียน และปรับมาตรฐานและ
ตัวชี้วัด สอดคล้องกับ คำสั่งสพฐ. ที่ 1239/60 และประกาศ สพฐ.ลงวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2561 เป็นที่
เรียบร้อยแลว้

ทง้ั น้หี ลักสูตรโรงเรียนห้วยกรดวทิ ยา ไดร้ บั ความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาข้นั พ้นื ฐาน
เมือ่ วันท่ี 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 จงึ ประกาศใหใ้ ชห้ ลักสตู รโรงเรียนต้งั แตบ่ ดั นเ้ี ป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันท่ี 9 เดอื นพฤษภาคม พ.ศ. 2561

............................... .................................
(นายนพพร อนิ มณี) (นายสง่า โพธก์ิ ลีบ)
ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพืน้ ฐาน ผู้อานวยการโรงเรียนห้วยกรดวิทยา
โรงเรียนห้วยกรดวิทยา

สารบัญ

เรือ่ ง หนา้
คำนำ ก

ประกาศโรงเรียนหว้ ยกรดวทิ ยา ข

สารบญั ค

โครงสร้างเวลาเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 – 3 1

โครงสร้างเวลาเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 – 6 4

โครงสร้างเวลาเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 – 6 แผนวิทย์ - คณิต 5

โครงสรา้ งเวลาเรยี นช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4 – 6 แผนศลิ ป์ – ภาษา 7

โครงสรา้ งเวลาเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 – 6 แผนศลิ ปท์ ั่วไป 9

ความรทู้ ่วั ไปเกยี่ วกบั กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ 11

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 21

คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 22

มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชี้วดั และสาระการเรียนรแู้ กนกลาง 22

ตารางวเิ คราะหม์ าตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ช้ีวดั ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 36

ตารางวิเคราะหม์ าตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ช้ีวัด ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 49

โครงสรา้ งกลมุ่ สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 55

คำอธบิ ายรายวิชา 57

โครงสรา้ งรายวิชากลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 87

ภาคผนวก 149

คำสงั่ โรงเรยี นห้วยกรดวิทยา เรอ่ื ง แต่งตั้งคณะกรรมการพฒั นาและปรบั ปรุงหลกั สูตร 150

อภิธานศัพท์ 152

บรรณานกุ รม 160

หลกั สตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 1

โครงสรา้ งเวลาเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 - 3

หลักสตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 2

โครงสรา้ งเวลาเรียนของหลกั สูตร

โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศกึ ษา ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 – 3

เวลาเรยี น / สปั ดาห์ (วนั ละ 6 ชั่วโมง)

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ช้นั ม. 1 ชั้น ม. 2 ชนั้ ม. 3

สาระพ้ืนฐาน พนื้ ฐาน เพิ่มเติม พนื้ ฐาน เพิม่ เติม พืน้ ฐาน เพม่ิ เตมิ
1. ภาษาไทย
2. คณิตศาสตร์ นก. นก. นก. นก. นก. นก.
3. วทิ ยาศาสตร์
4. สังคมศึกษา ศาสนา และ 1.5 - 1.5 - 1.5 -
1.5 - 1.5 - 1.5 -
วัฒนธรรม 1.5 1.0 1.5 1.0 1.5 1.0
5. สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา
6. ศลิ ปะ 2.0 - 2.0 - 2.0 -
7. การงานอาชีพและ
1.0 - 1.0 - 1.0 -
เทคโนโลยี 1.0 - 1.0 - 1.0 -
8. ภาษาตา่ งประเทศ
9. การศกึ ษาคน้ คว้าด้วยตนเอง 1.0 - 1.0 - 1.0 -

(IS) 1.5 0.5 1.5 0.5 1.5 0.5
รวม 8 กลุม่ สาระ
สาระการเรยี นร้เู พิม่ เตมิ - 1.0 - 1.0 - 1.0
กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน
10.5 10.5 10.5
รวม 2.5 2.5 2.5
3 ชว่ั โมง 3 ชัว่ โมง 3 ช่ัวโมง
30 ชวั่ โมง 30 ชวั่ โมง 30 ชว่ั โมง

หลักสตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 3

หมายเหตุ
1. เวลาเรียน 30 ชั่วโมง / สปั ดาห์
2. กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น สปั ดาหล์ ะ 3 ช่ัวโมง คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมชุมนมุ

และกจิ กรรมลูกเสอื – เนตรนารี กิจกรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ 1 ชั่วโมง

3. สาระการเรียนรพู้ ้นื ฐาน 21 ช่ัวโมง / สปั ดาห์ สาระการเรียนรู้เพ่ิมเติม 6 ชั่วโมง/
สัปดาห์

4. ระดับช้ันมธั ยมศึกษาตอนตน้ (ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 – 3) ใหจ้ ัดเวลาเรียนเปน็ รายภาค มเี วลาเรียนวัน
ละไมเ่ กิน 6 ช่วั โมง คดิ นำ้ หนกั ของรายวชิ าทเ่ี รียนเปน็ หนว่ ยกติ ใช้เกณฑ์ 40 ชวั่ โมงตอ่ ภาคเรียน มีค่าน้ำหนกั วชิ า
เท่ากบั 1 หนว่ ยกิต (นก.)

หลกั สตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 4

โครงสรา้ งเวลาเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 - 6

หลกั สตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 5

โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศึกษา ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 – 6
แผน วิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์

เวลาเรียน / สปั ดาห์ (วันละ 7 ชั่วโมง)

กลุ่มสาระการเรียนรู้ ชนั้ ม. 4 ช้นั ม. 5 ชนั้ ม. 6

สาระพื้นฐาน พืน้ ฐาน เพิม่ เติม พืน้ ฐาน เพ่มิ เตมิ พ้ืนฐาน เพ่มิ เตมิ
1. ภาษาไทย
2. คณติ ศาสตร์ นก. นก. นก. นก. นก. นก.
3. วทิ ยาศาสตร์
4. สงั คมศึกษา ศาสนา 1.0 - 1.0 - 1.0 -
1.0 1.5 1.0 1.5 1.0 1.5
และวัฒนธรรม 1.0 5.5 1.0 5.5 1.0 5.5
5. สุขศกึ ษาและพลศึกษา
6. ศลิ ปะ 1.5 - 1.5 - 1.0 -
7. การงานอาชีพและ 0.5 - 0.5 - 0.5 -
0.5 - 0.5 - 0.5 -
เทคโนโลยี
8. ภาษาต่างประเทศ 0.5 - 0.5 - 0.5 -
9. การศึกษาคน้ ควา้ ด้วย 1.0 1.5 1.0 1.5 1.0 1.5

ตนเอง (IS) - 1.0 - 1.0 - 1.0
รวม 8 กล่มุ สาระ
7.0 7.0 7.0
สาระการเรยี นร้เู พิ่มเติม 9.5 9.5 9.5
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน 3 ชวั่ โมง 3 ชวั่ โมง 3 ช่ัวโมง
35 ชว่ั โมง 35 ชัว่ โมง 35 ชั่วโมง
รวม

หลักสูตรสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 6

หมายเหตุ

1. เวลาเรยี น 35 ช่ัวโมง / สปั ดาห์
2. กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน สปั ดาหล์ ะ 3 ชัว่ โมง คือ กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมชุมนมุ
และ กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์
3. สาระการเรยี นรู้พน้ื ฐาน 14 ชว่ั โมง / สปั ดาห์ สาระการเรียนรเู้ พิ่มเติม 18 ชัว่ โมง/สปั ดาห์

หลักสูตรสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 7

โครงสร้างหลักสูตรสถานศกึ ษา ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 – 6
แผนศิลป์-ภาษา

เวลาเรยี น / สปั ดาห์ (วันละ 6 ชวั่ โมง)

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ชนั้ ม. 4 ชั้น ม. 5 ช้ัน ม. 6

สาระพนื้ ฐาน พื้นฐาน เพิม่ เติม พ้ืนฐาน เพ่ิมเติม พ้นื ฐาน เพมิ่ เตมิ
1. ภาษาไทย
2. คณิตศาสตร์ นก. นก. นก. นก. นก. นก.
3. วทิ ยาศาสตร์
4. สงั คมศึกษา ศาสนา และ 1.0 1.0 1.0 1.0 1.0 1.0
วฒั นธรรม 1.0 - 1.0 1.0 1.0 1.0
5. สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 1.0 - 1.0 - 1.0 -
6. ศลิ ปะ
7. การงานอาชพี และ 1.5 2.0 1.5 2.0 1.0 2.0
เทคโนโลยี 0.5 1.0 0.5 1.0 0.5 1.0
8. ภาษาตา่ งประเทศ 0.5 1.0 0.5 1.0 0.5 1.0
9. การศึกษาคน้ คว้าดว้ ย
ตนเอง (IS) 0.5 - 0.5 - 0.5 -
1.0 2.5 1.0 2.5 1.0 2.5
รวม 8 กลุม่ สาระ
สาระการเรยี นร้เู พ่ิมเติม - 1.0 -- --
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน
7.0 7.0 7.0
รวม 9.5 9.5 9.5
3 ชว่ั โมง 3 ชั่วโมง 3 ชัว่ โมง
35 ช่ัวโมง 35 ช่ัวโมง 35 ชวั่ โมง

หลักสตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 8

หมายเหตุ
1. เวลาเรยี น 35 ชัว่ โมง / สัปดาห์
2. กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน สปั ดาหล์ ะ 3 ช่ัวโมง คอื กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมชมุ นมุ

และ กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์
3. สาระการเรยี นรู้พืน้ ฐาน 14 ชัว่ โมง / สปั ดาห์ สาระการเรยี นรเู้ พมิ่ เติม 18 ชัว่ โมง/

สัปดาห์
4. ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 - 6) จดั เวลาเรยี นเปน็ รายภาค มีเวลาเรยี น

วนั ละไม่น้อยกวา่ 6 ชั่วโมง คดิ นำ้ หนักของรายวิชาท่เี รียนเปน็ หนว่ ยกติ ใชเ้ กณฑ์ 40 ชั่วโมง ต่อภาคเรยี นมคี า่
น้ำหนักวชิ า เท่ากบั 1 หน่วยกติ (นก.)

หลกั สูตรสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 9

โครงสรา้ งหลักสตู รสถานศึกษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 – 6
แผนศลิ ป์-ท่วั ไป

เวลาเรียน / สปั ดาห์ (วันละ 6 ชวั่ โมง)

กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ชนั้ ม. 4 ชน้ั ม. 5 ชั้น ม. 6

สาระพืน้ ฐาน พื้นฐาน เพิ่มเตมิ พ้นื ฐาน เพ่มิ เตมิ พ้นื ฐาน เพ่มิ เติม
1. ภาษาไทย
2. คณติ ศาสตร์ นก. นก. นก. นก. นก. นก.
3. วทิ ยาศาสตร์
4. สงั คมศึกษา ศาสนา 1.0 - 1.0 - 1.0 -
1.0 - 1.0 - 1.0 -
และวัฒนธรรม 1.0 - 1.0 1.0 1.0 1.0
5. สุขศึกษาและพลศึกษา
6. ศิลปะ 1.5 1.0 1.5 1.0 1.0 1.0
7. การงานอาชีพและ 0.5 1.0 0.5 1.0 0.5 1.0
0.5 1.0 0.5 1.0 0.5 1.0
เทคโนโลยี
8. ภาษาตา่ งประเทศ 0.5 4.5 0.5 4.5 0.5 4.5
9. การศกึ ษาค้นควา้ ดว้ ย 1.0 1.0 1.0 1.0 1.0 1.0

ตนเอง (IS) - 1.0 -- --
รวม 8 กลุ่มสาระ
7.0 7.0 7.0
สาระการเรยี นรู้เพ่ิมเตมิ 9.5 9.5 9.5
กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น 3 ชวั่ โมง 3 ชว่ั โมง 3 ชวั่ โมง
35 ชวั่ โมง 35 ชวั่ โมง 35 ชวั่ โมง
รวม

หลักสูตรสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 10

หมายเหตุ
1. เวลาเรียน 35 ชั่วโมง / สปั ดาห์
2. กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน สปั ดาหล์ ะ 3 ช่วั โมง คือ กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมชุมนมุ และ

กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์
3. สาระการเรยี นรพู้ ื้นฐาน 14 ชัว่ โมง / สปั ดาห์ สาระการเรยี นรเู้ พม่ิ เตมิ 18 ชวั่ โมง/

สัปดาห์
4. ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 - 6) จดั เวลาเรยี นเป็นรายภาค มีเวลาเรยี น

วันละไม่น้อยกว่า 6 ช่วั โมง คดิ น้ำหนกั ของรายวชิ าที่เรียนเปน็ หนว่ ยกิต ใชเ้ กณฑ์ 40 ชวั่ โมง ตอ่ ภาคเรยี นมีค่า
นำ้ หนักวชิ า เท่ากับ 1 หน่วยกติ (นก.)

หลกั สตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 11

ความรู้ทัว่ ไปเกี่ยวกบั กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์

หลักสูตรสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 12

เป้าหมายของการจดั การเรยี นการสอนวิทยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของการเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ โดยมนุษย์ใช้กระบวนการสังเกต สำรวจ
ตรวจสอบ และการทดลองเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและนำผลมาจัดระบบ หลักการ แนวคิดและ
ทฤษฎี ดงั น้ันการเรียนการสอนวทิ ยาศาสตรจ์ งึ มุ่งเนน้ ใหผ้ เู้ รียนไดเ้ ป็นผู้เรียนรูแ้ ละค้นพบด้วยตนเองมากที่สุด
นน่ั คอื ให้ไดท้ ้ังกระบวนการและองค์ความรู้ ตงั้ แตว่ ัยเริ่มแรกก่อนเขา้ เรยี น เมือ่ อยู่ในสถานศึกษาและเมื่อออก
จากสถานศกึ ษาไปประกอบอาชีพแล้ว
การจดั การเรยี นการสอนวทิ ยาศาสตร์ในสถานศกึ ษามีเปา้ หมายสำคัญดงั น้ี

1. เพอ่ื ใหเ้ ข้าใจหลักการ ทฤษฎที เ่ี ป็นพื้นฐานในวทิ ยาศาสตร์
2. เพอ่ื ให้เข้าใจขอบเขต ธรรมชาติและข้อจำกดั ของวทิ ยาศาสตร์
3. เพอื่ ใหม้ ที ักษะทส่ี ำคญั ในการศึกษาค้นควา้ และคิดคน้ ทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
4. เพอ่ื พฒั นากระบวนการคิดและจนิ ตนาการ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและการจดั การทักษะใน
การสอื่ สาร และความสามารถในการตัดสนิ ใจ
5. เพอ่ื ใหต้ ระหนกั ถงึ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี มวลมนุษย์และสภาพแวดล้อมใน
เชิงทีม่ ีอิทธพิ ลและผลกระทบซ่ึงกนั และกนั
6. เพ่อื นำความร้คู วามเข้าใจในเร่ืองวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีไปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ ต่อสังคม
และการดำรงชีวิต
7. เพื่อให้เป็นคนมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์

เรยี นรอู้ ะไรในวทิ ยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรม์ ุ่งหวงั ให้ผเู้ รยี นได้เรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ทเี่ น้นการ เช่อื มโยงความรกู้ ับ

กระบวนการ มีทักษะสำคญั ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้ กระบวนการในการสบื เสาะหาความรู้
และแก้ปัญหาที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ ทุกขั้นตอน มีการทำกิจกรรมด้วยการลงมือ
ปฏบิ ัตจิ ริงอย่างหลากหลาย เหมาะสมกับระดบั ชนั้ โดยกำหนดสาระสำคัญ ดังน้ี

✧ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ เรียนรเู้ กย่ี วกบั ชวี ติ ในสิ่งแวดลอ้ ม องคป์ ระกอบของส่งิ มชี ีวติ การดำรงชีวิต
ของมนุษย์และสัตว์การดำรงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของ
สิง่ มชี วี ิต

✧ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ เรยี นรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร การเคล่ือนที่
พลงั งาน และคล่นื

หลกั สูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 13

✧ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับ องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ ภายในระบบ
สุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปล่ียนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการ เปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ
และผลตอ่ สิง่ มชี ีวติ และสิง่ แวดลอ้ ม

✧ เทคโนโลยี
● การออกแบบและเทคโนโลยีเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิต ในสังคมที่มีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อ
แก้ปัญหาหรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม และสิง่ แวดล้อม
● วิทยาการคำนวณ เรียนรูเ้ ก่ียวกับการคิดเชิงคำนวณ การคิดวิเคราะห์แก้ปญั หา เป็นขัน้ ตอนและ
เป็นระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ในการ
แก้ปัญหาที่พบในชวี ิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
สาระท่ี 1 วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ
มาตรฐาน ว 1.1 เขา้ ใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสง่ิ ไมม่ ีชีวิต กบั ส่งิ มีชีวิต และ

ความสมั พันธร์ ะหว่างสิ่งมชี ีวติ กบั ส่ิงมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน การ
เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของ ประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการ
แกไ้ ขปัญหาสง่ิ แวดลอ้ ม รวมทง้ั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ิของส่งิ มชี วี ิต หนว่ ยพ้ืนฐานของสงิ่ มีชวี ิต การลำเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์
ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงาน
สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงาน
สมั พนั ธก์ นั รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม สารพันธกุ รรม
การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลาย ทางชีวภาพและ
ววิ ัฒนาการของสงิ่ มีชีวติ รวมทั้งนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกบั

โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปลี่ยนแปลง
สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

หลักสตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 14

มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชวี ติ ประจำวัน ผลของแรงทกี่ ระทำตอ่ วตั ถุ ลักษณะ การเคลือ่ นที่
แบบตา่ ง ๆ ของวตั ถรุ วมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์
ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของ คลื่น ปรากฏการณ์ท่ี
เกย่ี วข้องกบั เสยี ง แสง และคล่นื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทงั้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

สาระท่ี 3 วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองคป์ ระกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซดี าวฤกษ์

และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการ
ประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยีอวกาศ
มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบและความสัมพนั ธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลก
และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้า อากาศและภูมิอากาศโลก
รวมท้ังผลต่อส่ิงมชี ีวติ และสง่ิ แวดล้อม

สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยเี พ่ือการดำรงชีวติ ในสงั คมท่ีมีการเปลย่ี นแปลง อยา่ งรวดเรว็

ใชค้ วามรูแ้ ละทักษะทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์คณติ ศาสตร์และ ศาสตรอ์ ื่น ๆ เพ่อื แก้ปญั หาหรือ
พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้
เทคโนโลยอี ย่างเหมาะสม โดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิง่ แวดล้อม
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปญั หาท่พี บในชวี ิตจรงิ อย่างเป็น ขั้นตอนและเป็น
ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหา
ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ร้เู ทา่ ทัน และมจี รยิ ธรรม

หลักสตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 15

คณุ ภาพผู้เรียน

จบชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3

❖ เข้าใจลักษณะและองค์ประกอบทสี่ ำคัญของเซลล์สง่ิ มชี ีวติ ความสมั พันธข์ องการทำงานของระบบ

ต่าง ๆ ในร่างกายมนษุ ย์ การดำรงชีวิตของพืช การถ่ายทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของยีน

หรือโครโมโซม และตัวอย่างโรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ประโยชน์และผลกระทบของ

สิง่ มชี ีวติ ดัดแปรพนั ธุกรรม ความหลากหลายทางชวี ภาพ ปฏิสมั พันธข์ ององค์ประกอบของระบบนิเวศและการ

ถา่ ยทอดพลังงานในส่ิงมีชวี ิต

❖ เข้าใจองค์ประกอบและสมบัติของธาตุ สารละลาย สารบริสุทธ์ิ สารผสม หลักการแยกสาร การ

เปลี่ยนแปลงของสารในรูปแบบของการเปลี่ยนสถานะ การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี และ

สมบตั ิทางกายภาพ และการใชป้ ระโยชนข์ องวัสดุประเภทพอลิเมอร์ เซรามกิ ส์ และวสั ดผุ สม

❖ เขา้ ใจการเคลอ่ื นที่ แรงลพั ธแ์ ละผลของแรงลพั ธก์ ระทำต่อวัตถุ โมเมนตข์ องแรง แรง

ที่ปรากฏในชีวติ ประจำวัน สนามของแรง ความสัมพันธ์ของงาน พลังงานจลน์ พลังงานศักย์โน้มถ่วง กฎการ

อนรุ ักษพ์ ลังงาน การถา่ ยโอนพลงั งาน สมดลุ ความร้อน ความสัมพนั ธ์ของปรมิ าณทางไฟฟ้า การตอ่ วงจรไฟฟ้า

ในบา้ น พลงั งานไฟฟ้า และหลักการเบ้ืองตน้ ของวงจรอิเล็กทรอนกิ ส์

❖ เข้าใจสมบัตขิ องคลืน่ และลกั ษณะของคลื่นแบบต่าง ๆ แสง การสะทอ้ น การหกั เหของแสงและ

ทัศนปู กรณ์

❖ เข้าใจการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ การเกิดฤดู การเคล่ือนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์

การเกดิ ข้างขนึ้ ขา้ งแรม การขน้ึ และตกของดวงจันทร์ การเกิดน้ำข้ึนน้ำลง ประโยชนข์ องเทคโนโลยอี วกาศ และ

ความก้าวหนา้ ของโครงการสำรวจอวกาศ

❖ เข้าใจลักษณะของชั้นบรรยากาศ องค์ประกอบและปัจจัยที่มีผลต่อลมฟ้าอากาศ การเกิดและ

ผลกระทบของพายฟุ า้ คะนอง พายุหมนุ เขตร้อน การพยากรณ์อากาศ สถานการณ์ การเปล่ียนแปลงภมู อิ ากาศ

โลก กระบวนการเกิดเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์และการใช้ประโยชน์ พลังงานทดแทนและการใช้ประโยชน์

ลักษณะโครงสร้างภายในโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาบนผิวโลก ลักษณะชั้นหน้าตัดดิน

กระบวนการเกดิ ดิน แหลง่ นำ้ ผิวดนิ แหล่งนำ้ ใต้ดิน กระบวนการเกดิ และผลกระทบของภยั ธรรมชาติ และธรณี

พบิ ัตภิ ยั

❖ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

ความสมั พนั ธ์ระหว่างเทคโนโลยกี บั ศาสตร์อ่ืน โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์ หรอื คณิตศาสตร์ วเิ คราะห์ เปรยี บเทยี บ

และตัดสนิ ใจเพอื่ เลอื กใชเ้ ทคโนโลยี โดยคำนงึ ถึงผลกระทบตอ่ ชวี ิต สังคม และส่ิงแวดลอ้ ม ประยุกต์ใช้ความรู้

ทักษะ และทรัพยากรเพื่อออกแบบและสร้างผลงานสำหรับการแก้ปัญหาในชวี ิตประจำวนั หรือการประกอบ

อาชีพ โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม รวมทั้งเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเคร่ืองมือได้อยา่ งถูกตอ้ ง

เหมาะสม ปลอดภัย รวมท้ังคำนงึ ถึงทรพั ย์สินทางปญั ญา

หลักสตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 16

❖ นำขอ้ มลู ปฐมภมู เิ ข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ ประเมิน นำเสนอข้อมลู และสารสนเทศได้ตาม
วัตถุประสงค์ ใช้ทักษะการคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาทีพ่ บในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพ่อื
ช่วยในการแก้ปญั หา ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารอยา่ งรู้เทา่ ทันและรับผิดชอบตอ่ สังคม

❖ ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาที่เชื่อมโยงกับพยานหลักฐาน หรือหลกั การทางวิทยาศาสตร์ที่มีการ
กำหนดและควบคุมตัวแปร คิดคาดคะเนคำตอบหลายแนวทาง สร้างสมมติฐานที่สามารถนำไปสู่การสำรวจ
ตรวจสอบ ออกแบบและลงมือสำรวจตรวจสอบโดยใช้วัสดุและเครือ่ งมือที่เหมาะสม เลือกใช้เครื่องมือและ
เทคโนโลยสี ารสนเทศทีเ่ หมาะสมในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ท้งั ในเชงิ ปริมาณและคณุ ภาพทไ่ี ด้ผลเทีย่ งตรงและ
ปลอดภยั

❖ วิเคราะหแ์ ละประเมนิ ความสอดคล้องของขอ้ มลู ที่ได้จากการสำรวจตรวจสอบจากพยานหลักฐาน
โดยใช้ความรูแ้ ละหลกั การทางวิทยาศาสตรใ์ นการแปลความหมายและลงขอ้ สรปุ และสอื่ สารความคิด ความรู้
จากผลการสำรวจตรวจสอบหลากหลายรูปแบบ หรือใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่าง
เหมาะสม

❖ แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น รับผิดชอบ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ในสิ่งที่จะเรียนรู้ มีความคิด
สร้างสรรค์เกี่ยวกับเรื่องที่จะศึกษาตามความสนใจของตนเอง โดยใช้เครื่องมือและวิธีการที่ให้ได้ผลถูกต้อง
เชือ่ ถอื ได้ ศึกษาคน้ ควา้ เพิม่ เติมจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ แสดงความคดิ เหน็ ของตนเองรบั ฟังความคิดเห็นผู้อื่น
และยอมรบั การเปล่ียนแปลงความรทู้ ีค่ น้ พบ เมือ่ มขี อ้ มูลและประจักษ์พยานใหมเ่ พ่ิมข้ึนหรอื โต้แยง้ จากเดิม

❖ ตระหนักในคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ความรู้และ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชวี ิต และการประกอบอาชีพ แสดงความชืน่ ชม ยก
ย่อง และเคารพสิทธิในผลงานของผู้คิดค้น เข้าใจผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบของการพัฒนาทาง
วทิ ยาศาสตรต์ ่อส่ิงแวดล้อมและต่อบรบิ ทอ่นื ๆ และศกึ ษาหาความรู้เพ่ิมเตมิ ทำโครงงานหรือสร้างชิ้นงานตาม
ความสนใจ

❖ แสดงถึงความซาบซ้ึง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกีย่ วกับการดูแลรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ และ
ความหลากหลายทางชีวภาพ

จบชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
❖ เข้าใจการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ กลไกการรักษาดุลยภาพของมนุษย์ ภูมิคุ้มกันใน

ร่างกายของมนุษย์และความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน การใช้ประโยชน์จากสารต่าง ๆ ที่พืชสร้างขึน้ การ
ถา่ ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรม การเปลย่ี นแปลงทางพันธกุ รรม ววิ ัฒนาการทท่ี ำใหเ้ กิดความหลากหลายของ
ส่ิงมชี วี ติ ความสำคัญและผลของเทคโนโลยที างดีเอ็นเอต่อมนษุ ย์ สิง่ มชี วี ิต และสิ่งแวดลอ้ ม

หลกั สตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 17

❖ เข้าใจความหลากหลายของไบโอมในเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ ของโลก การเปลี่ยนแปลงแทนที่ใน
ระบบนิเวศ ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์
ทรพั ยากรธรรมชาติ และการแก้ไขปญั หาสงิ่ แวดล้อม

❖ เข้าใจชนดิ ของอนภุ าคสำคัญที่เปน็ ส่วนประกอบในโครงสร้างอะตอม สมบัติบางประการของธาตุ
การจดั เรยี งธาตุในตารางธาตุ ชนิดของแรงยดึ เหนีย่ วระหว่างอนภุ าคและสมบตั ติ า่ ง ๆ ของสารทีม่ คี วามสัมพนั ธ์
กบั แรงยดึ เหนยี่ ว พันธะเคมี โครงสร้างและสมบตั ขิ องพอลเิ มอร์ การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ปัจจยั ทม่ี ีผลต่ออัตราการ
เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี และการเขยี นสมการเคมี

❖ เข้าใจปรมิ าณทเ่ี ก่ียวกับการเคลอ่ื นท่ี ความสัมพนั ธ์ระหว่างแรง มวลและความเรง่ ผลของความเร่ง
ที่มีต่อการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็ก ความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กและ
กระแสไฟฟา้ และแรงภายในนวิ เคลียส

❖ เข้าใจพลังงานนิวเคลียร์ ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเปน็
พลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้านพลังงาน การสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบน และการรวมคลื่น การได้ยิน
ปรากฏการณท์ ีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั เสียง สีกบั การมองเห็นสี คลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ และประโยชนข์ องคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟา้

❖ เข้าใจการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีที่
สัมพนั ธก์ ับการเกิดลกั ษณะธรณสี ณั ฐาน สาเหตุ กระบวนการเกดิ แผน่ ดนิ ไหว ภูเขาไฟระเบดิ สึนามิ ผลกระทบ
แนวทางการเฝ้าระวงั และการปฏิบัตติ นใหป้ ลอดภัย

❖ เขา้ ใจผลของแรงเน่ืองจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอรอิ อลสิ ทม่ี ตี อ่ การหมุนเวียน

ของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด และผลที่มีต่อภูมิอากาศ ความสัมพันธ์ของการ

หมุนเวียนของอากาศ และการหมุนเวียนของกระแสนำ้ ผิวหน้าในมหาสมทุ ร และผลต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ
สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก และแนวปฏิบัติเพื่อลด
กิจกรรมของมนุษย์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก รวมทั้งการแปลความหมายสัญลักษณ์ลมฟา้
อากาศทส่ี ำคัญจากแผนทีอ่ ากาศ และขอ้ มูลสารสนเทศ

❖ เข้าใจการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพ หลักฐานที่
สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซี โครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก
กระบวนการเกดิ และการสรา้ งพลังงาน ปัจจัยท่ีสง่ ผลต่อความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ และความสัมพันธ์ระหวา่ ง
ความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์
วิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์ กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขต
บรวิ ารของดวงอาทติ ย์ ลกั ษณะของดาวเคราะหท์ ี่เออื้ ตอ่ การดำรงชีวิต การเกิดลมสุริยะ พายสุ รุ ยิ ะและผลที่มี
ตอ่ โลก รวมทัง้ การสำรวจอวกาศและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยอี วกาศ

หลักสตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 18

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรเ์ ปน็ ทักษะทางสตปิ ญั ญา (Intellectual) ทีน่ ักวทิ ยาศาสตร์และผทู้ ีน่ ำ
วิธีการทางวิทยาศาสตร์มาแก้ปัญหา ใช้ในการศึกษาค้นคว้า สืบเสาะหาความรู้ และแก้ปัญหาต่าง ๆ ทักษะ
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ บง่ ออกไดเ้ ปน็ 13 ทกั ษะ ทักษะท่ี 1-8 เป็นทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขน้ั
พื้นฐาน และทักษะท่ี 9-13 เป็นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขัน้ สูงหรือข้ันผสมหรือขัน้ บูรณาการ ทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทงั้ 13 ทักษะ มีดังน้ี

1. การสังเกต (Observing) หมายถงึ การใช้ประสาทสัมผสั อย่างใดอยา่ งหน่ึงหรือหลายอย่างรวมกนั ไดแ้ ก่
ตา หู จมูก ลิ้น ผิวกาย เข้าไปสมั ผสั โดยตรงกับวัตถหุ รือเหตุการณ์ เพื่อค้นหา้ ข้อมูลซึง่ เป็นรายละเอยี ดของสิง่ นน้ั
โดยไม่ใส่ความเหน็ ของผู้สังเกตลงไป ข้อมูลที่ไดจ้ ากการสังเกตประกอบด้วยข้อมูลเชิงคุณภาพ ข้อมูลเชงิ ปริมาณ
และขอ้ มูลที่เกย่ี วกบั การเปล่ยี นแปลงท่สี งั เกตเหน็ ไดจ้ ากวัตถุหรือเหตุการณ์น้ัน ความสามารถที่แสดงให้เห็นวา่ เกิด
ทักษะนี้ประกอบด้วยการชี้บ่งและการบรรยายสมบัติของวัตถุได้โดยการกะประมาณและการบรรยายการ
เปลยี่ นแปลงของสิง่ ท่ีสงั เกตได้

2. การลงความเห็นจากข้อมูล (Inferring) หมายถึง การเพิม่ ความคิดเหน็ ให้กบั ขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากการสังเกต
อยา่ งมเี หตผุ ล โดยอาศยั ความรแู้ ละประสบการณ์เดิมมาชว่ ย ความสามารถทแ่ี สดงให้เห็นว่าเกิดทักษะน้ี คือ การ
อธบิ ายหรอื สรุป โดยเพม่ิ ความคดิ เหน็ ให้กบั ขอ้ มลู โดยใช้ความรหู้ รือประสบการณเ์ ดมิ มาช่วย

3. การจำแนกประเภท (Classifying) หมายถึง การแบ่งพวกหรือเรียงลำดับวัตถุหรือสิ่งที่มีอยู่ใน
ปรากฏการณ์โดยมีเกณฑ์ และเกณฑ์ดังกล่าวอาจใช้ความเหมือน ความแตกต่าง หรือความสัมพันธ์อย่างใดอย่าง
หน่งึ ก็ได้ ความสามารถที่แสดงว่าเกิดทกั ษะนีแ้ ลว้ ได้แก่ การแบ่งพวกของสงิ่ ตา่ ง ๆ จากเกณฑท์ ีผ่ ู้อน่ื กำหนดให้ได้
นอกจากน้ันสามารถเรียงลำดบั สิ่งของด้วยเกณฑ์ของตวั เองพรอ้ มกับบอกได้ว่าผู้อื่นแบ่งพวกของสิง่ ของนัน้ โดยใช้
อะไรเป็นเกณฑ์

4. การวัด (Measuring) หมายถงึ การเลือกใช้เครื่องมือและการใช้เคร่ืองมือนัน้ ทำการวดั หาปริมาณของ
สิ่งต่าง ๆ ออกมาเปน็ ตวั เลขทแ่ี นน่ อนได้อยา่ งเหมาะสมกับส่ิงที่วัด แสดงวิธใี ชเ้ คร่อื งมอื อยา่ งถกู ต้อง พร้อมทั้งบอก
เหตผุ ลในการเลือกใช้เครือ่ งมอื รวมท้งั ระบหุ นว่ ยของตัวเลขท่ไี ดจ้ ากการวัดได้

5. การใชต้ ัวเลข (Using Numbers) หมายถงึ การนบั จำนวนของวัตถแุ ละการนำตวั เลขทแ่ี สดงจำนวนท่ี
นับได้มาคดิ คำนวณโดยการบวก ลบ คณู หาร หรอื การหาค่าเฉลย่ี ความสามารถที่แสดงใหเ้ หน็ วา่ เกดิ ทักษะนี้ ไดแ้ ก่
การนับจำนวนสิง่ ของได้ถูกต้อง เช่น ใชต้ ัวเลขแทนจำนวนการนบั ได้ ตดั สนิ ได้ว่าวัตถุ ในแตล่ ะกลุ่มมจี ำนวนเทา่ กัน
หรือแตกต่างกัน เป็นต้น การคำนวณ เช่น บอกวิธีคำนวณ คิดคำนวณ และแสดงวิธีคำนวณได้อย่างถูกต้อง และ
ประการสุดทา้ ยคือ การหาคา่ เฉลยี่ เชน่ การบอกและแสดงวธิ ีการหาคา่ เฉลี่ยได้ถูกต้อง

6. การหาความสัมพันธร์ ะหวา่ งสเปสกบั สเปสและสเปสกับเวลา(Using Space/Time Relationships)

หลักสูตรสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 19

สเปสของวัตถุ หมายถึง ที่ว่างที่วัตถุนั้นครองที่อยู่ ซึ่งมีรูปร่างลักษะเช่นเดียวกับวัตถุนั้นโดยทั่วไป
แล้วสเปสของวัตถุจะมี 3 มิติ คอื ความกว้าง ความยาว และความสงู

ความสัมพนั ธ์ระหว่างสเปสกับสเปสของวัตถุ ได้แก่ ความสัมพนั ธร์ ะหว่าง 3 มิติ กบั 2 มิติ ความสมั พนั ธ์
ระหว่างตำแหน่งที่ของวัตถุหนึ่งกับอีกวัตถุหนึ่ง ความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะการหาความสัมพันธ์
ระหว่างสเปสกบั สเปส ไดแ้ ก่ การช้บี ่งรปู 2 มิติ และ 3 มติ ิได้ สามารถวาดภาพ 2 มติ ิ จากวัตถหุ รือจากภาพ 3 มติ ิ
ได้

ความสัมพนั ธ์ระหว่างสเปสกบั เวลา ไดแ้ ก่ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการเปลยี่ นตำแหน่งทอ่ี ยู่ของวัตถกุ ับเวลา
หรือความสัมพันธ์ระหว่างสเปสของวัตถุที่เปลี่ยนไปกับเวลาความสามารถที่แสดงให้เห็นว่าเกิดทักษะการหา
ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปสกับเวลา ไดแ้ ก่ การบอกตำแหนง่ และทิศทางของวตั ถโุ ดยใชต้ ัวเองหรอื วตั ถุอ่นื เปน็ เกณฑ์
บอกความสัมพนั ธร์ ะหว่างการเปลี่ยนตำแหนง่ เปลย่ี นขนาด หรอื ปริมาณของวตั ถุกบั เวลาได้

7. การสือ่ ความหมายข้อมลู (Communicating) หมายถงึ การนำข้อมลู ท่ไี ดจ้ าการสงั เกต การวัด การ
ทดลอง และจากแหลง่ อื่น ๆ มาจัดกระทำเสียใหมโ่ ดยการหาความถ่ี เรยี งลำดบั จดั แยกประเภท หรอื คำนวณหาค่า
ใหม่ เพ่ือใหผ้ ู้อื่นเข้าใจความหมายได้ดีข้นึ โดยอาจเสนอในรปู ของตาราง แผนภูมิ แผนภาพ ไดอะแกรม กราฟ
สมการ การเขียนบรรยาย เปน็ ต้น ความสามารถทแ่ี สดงใหเ้ หน็ วา่ เกดิ ทกั ษะนแี้ ลว้ คอื การเปลย่ี นแปลงข้อมลู ให้อยู่
ในรปู ใหม่ทเี่ ข้าใจดขี ้ึน โดยจะตอ้ งรจู้ ักเลือกรปู แบบท่ีใชใ้ นการเสนอขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม บอกเหตผุ ลในการ
เสนอขอ้ มลู ในการเลอื กแบบแสนอขอ้ มลู นั้น การเสนอขอ้ มลู อาจกระทำไดห้ ลายแบบดงั ทกี่ ลา่ วมาแลว้ โดยเฉพาะ
การเสนอขอ้ มลู ในรปู ของตาราง การบรรจขุ อ้ มลู ใหอ้ ยใู่ นรปู ของตารางปกตจิ ะใสค่ า่ ของตวั แปรอสิ ระไวท้ างซา้ ยมือ
ของตาราง และค่าของตวั แปรตามไว้ทางขวามือของตารางโดยเขยี นค่าของตัวแปรอสิ ระไวใ้ ห้เรียงลำดับจากค่าน้อย
ไปหาค่ามาก หรอื จากคา่ มากไปหาคา่ นอ้ ย

8. การพยากรณ์ (Predicting) หมายถงึ การคาดคะเนคำตอบลว่ งหนา้ กอ่ นการทดลอง โดยอาศัย
ปรากฏการณท์ ีเ่ กิดซำ้ หลักการ กฎ หรอื ทฤษฏีทม่ี ีอยู่แลว้ ในเรอ่ื งนนั้ มาชว่ ยสรปุ เช่น การพยากรณ์ขอ้ มลู เก่ียวกบั
ตวั เลข ไดแ้ ก่ ข้อมลู ทเ่ี ปน็ ตารางหรอื กราฟ ซึ่งทำไดส้ องแบบ คือ การพยากรณ์ภายในขอบเขตของขอ้ มูลที่มอี ยู่ กับ
การพยากรณ์นอกขอบของขอ้ มลู ท่มี อี ยู่ เช่น การพยากรณผ์ ลของข้อมลู เชงิ ปริมาณ เปน็ ตน้

9. การช้ีบ่งและการควบคมุ ตวั แปร (Identifying and Controlling Variables) หมายถึง การชี้บง่ ตวั แปร
ตน้ ตวั แปรตาม และตวั แปรทต่ี อ้ งควบคมุ ใหค้ งที่ในสมมุตฐิ าน หนงึ่ ๆ

ตัวแปรต้น หมายถึง สิ่งทเี่ ป็นสาเหตุท่ีทำใหเ้ กิดผลต่าง ๆ หรือส่ิงทีเ่ ราตอ้ งการทดลองดวู ่าเป็นสาเหตุที่
ก่อใหเ้ กดิ ผลเช่นนนั้ จรงิ หรอื ไม่

หลกั สูตรสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 20

ตวั แปรตาม หมายถงึ ส่ิงท่เี ป็นผลเนอ่ื งมาจากตวั แปรต้น เมอ่ื ตัวแปรต้นหรือสงิ่ ท่เี ป็นสาเหตุเปลยี่ นไป ตัว
แปรตามหรอื สิง่ ท่ีเป็นผลจะแปรตามไปด้วย

ตัวแปรที่ต้องควบคุมให้คงที่ หมายถึง สิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากตัวแปรต้นที่จะทำให้ผลการทดลอง
คลาดเคลอ่ื น ถา้ หากว่าไม่มกี ารควบคมุ ให้เหมอื นกัน

10. การตั้งสมมุติฐาน (Formulating Hypotheses) หมายถึง การคิดหาคำตอบล่วงหน้าก่อนทำการ
ทดลอง โดยอาศัยการสังเกต อาศัยความรู้หรือประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐาน คำตอบที่คิดล่วงหน้านี้ ยังไม่ทราบ
หรือยังไม่เปน็ ทางการ กฎหรือทฤษฏีมาก่อน สมมุติฐาน คือคำตอบทีค่ ิดไวล้ ่วงหน้ามีกลา่ วไว้เป็นขอ้ ความท่บี อก
ความสัมพันธร์ ะหว่างตวั แปรตน้ กับตัวแปรตามสมมุตฐิ านทต่ี ้ังข้นึ อาจถูกหรอื ผดิ ก็ได้ซงึ่ ทราบได้ภายหลงั การทดลอง
หาคำตอบเพือ่ สนับสนุนสมมุติฐานหรือคดั ค้านสมมตุ ฐิ านที่ตงั้ ไว้ สิ่งท่ีควรคำนึงถึงในการตั้งสมมตุ ิฐาน คือ การบอก
ชอ่ื ตัวแปรตน้ ซ่ึงอาจมีผลต่อตวั แปรตามและในการตัง้ สมมตุ ฐิ านตอ้ งทราบตัวแปรจากปญั หาและสภาพแวดลอ้ มของ
ตัวแปรนัน้ สมมตุ ฐิ านท่ีตั้งขึ้นสามารถบอกใหท้ ราบถึงการออกแบบการทดลอง ซึง่ ต้องทราบว่าตัวแปรไหนเปน็ ตวั
แปรตน้ ตัวแปรตาม และตวั แปรที่ตอ้ งควบคุมใหค้ งที่

11. การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการของตัวแปร (Defining Variables Operationally) หมายถึง การ
กำหนดความหมายและขอบเขตของค่าต่าง ๆ ทอ่ี ยูใ่ นสมมตุ ิฐานท่ีต้องการทดลองและบอกวิธีวดั ตวั แปรที่เกี่ยวกับ
การทดลองน้ัน

12. การทดลอง (Experimenting) หมายถึง กระบวนการปฏบิ ตั กิ ารเพื่อหาคำตอบจากสมมตุ ิฐานทีต่ ้ังไว้
ในการทดลองจะประกอบไปด้วยกิจกรรม 3 ขน้ั คือ

12.1 ออกแบบการทดลอง หมายถงึ การวางแผนการทดลองก่อนลงมือทดสอบจริง
12.2 ปฏิบัติการทดลอง หมายถึง การลงมือปฏิบัติจริงและให้อุปกรณ์ได้อย่างถูกต้องและ
เหมาะสม
12.3 การบนั ทกึ ผลการทดลอง หมายถึง การจดบนั ทกึ ข้อมลู ท่ไี ดจ้ ากการทดลองซงึ่ อาจเปน็ ผล
จากการสังเกต การวัด และอืน่ ๆ ได้อย่างคลอ่ งแคล่วและถูกต้อง การบันทึกผลการทดลอง อาจอยู่ในรูปตาราง
หรอื การเขยี นกราฟ ซงึ่ โดยทว่ั ไปจะแสดงคา่ ของตัวแปรต้นหรอื ตวั แปรอสิ ระบนแกนนอนและค่าของตวั แปรบนแกน
ตัง้ โดยเฉพาะในแตล่ ะแกนตอ้ งใช้สเกลที่เหมาะสม พร้อมทัง้ แสดงใหเ้ ห็นถึงตำแหน่งของคา่ ของตัวแปรทั้งสองบน
กราฟดว้ ย
ในการทดลองแต่ละครงั้ จำเปน็ อาศัยการวเิ คราะหต์ ัวแปรต่าง ๆ ท่เี กย่ี วข้อง คือสามารถทจี่ ะบอกชนิดของ
ตัวแปรในการทดลองว่า ตัวแปรนั้นเปน็ ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม หรือตวั แปรท่ีต้องควบคมุ ในการทดลองหนึ่ง ๆ
ตอ้ งมีตัวแปรตัวหนงึ่ เทา่ นนั้ ที่มีผลตอ่ การทดลอง และเพือ่ ให้แนใ่ จวา่ ผลที่ไดเ้ กิดจากตวั แปรนน้ั จริง ๆ จำเป็นต้อง
ควบคมุ ตัวแปรอื่นไมใ่ หม้ ผี ลตอ่ การทดลอง ซึง่ เรียกตวั แปรนว้ี า่ ตัวแปรที่ตอ้ งควบคุมให้คงที่
13.การตีความหมายข้อมูลและการลงข้อสรุป (Interpreting Data and Making Conlusion) การ
ตีความหมายข้อมูล หมายถึง การแปลความหมายหรือบรรยายลักษณะข้อมูลที่มอี ยู่ การตีความหมายข้อมูล ใน

หลักสูตรสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 21

บางครั้งอาจต้องใช้ทักษะอื่นๆ ด้วย เช่น การสังเกต การคำนวณ เป็นต้น และการลงข้อสรุป หมายถึง การสรปุ
ความสัมพนั ธข์ องขอ้ มลู ทั้งหมด ความสามารถทีแ่ สดงให้เหน็ วา่ เกิดทกั ษะการลงขอ้ สรุปคือบอกความสัมพันธ์ของ
ข้อมูลได้ เช่น การอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตวั แปรบนกราฟ ถ้ากราฟเป็นเส้นตรงก็สามารถอธิบายได้ว่าเกิด
อะไรขึ้นกับตัวแปรตามขณะที่ตัวแปรอิสระเปลี่ยนแปลงหรือถ้าลากกราฟเป็นเส้นโค้งให้อธิบายความสัมพันธ์
ระหว่างตวั แปรก่อนท่กี ราฟเส้นโค้งจะเปล่ียนทศิ ทางและอธบิ ายความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งตัวแปรหลงั จากที่กราฟเส้น
โคง้ เปลีย่ นทศิ ทางแลว้ .

สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน

หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐานม่งุ ให้ผเู้ รยี นเกดิ สมรรถนะสำคญั 5 ประการ ดงั นี้

1. ความสามารถในการส่อื สาร เปน็ ความสามารถในการรบั และส่งสาร มีวฒั นธรรมในการใชภ้ าษา

ถ่ายทอดความคดิ ความรู้ความเขา้ ใจ ความรสู้ ึก และทศั นะของตนเองเพอ่ื แลกเปล่ียนข้อมลู ข่าวสารและ

ประสบการณอ์ นั จะเปน็ ประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสงั คม รวมทง้ั การเจรจาต่อรองเพอ่ื ขจดั และลด

ปัญหาความขัดแยง้ ตา่ ง ๆ การเลอื กรบั หรือไมร่ บั ข้อมูลข่าวสารดว้ ยหลกั เหตผุ ลและความถูกต้องตลอดจนการ

เลอื กใชว้ ิธีการส่ือสารทม่ี ีประสทิ ธิภาพโดยคำนึงถงึ ผลกระทบทมี่ ีตอ่ ตนเองและสงั คม

2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง

สร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพือ่ นำไปสูก่ ารสร้างองค์ความรหู้ รอื สารสนเทศ

เพ่ือการตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั ตนเองและสังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา เป็นความสามารถในการแกป้ ญั หาและอุปสรรคตา่ ง ๆ ที่

เผชญิ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมบนพ้นื ฐานของหลกั เหตผุ ล คณุ ธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์

และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยกุ ต์ความรูม้ าใชใ้ นการปอ้ งกนั และ

แก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและ

สิง่ แวดล้อม

4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต เปน็ ความสามารถในการนำกระบวนการตา่ ง ๆ ไปใชใ้ นการ

ดำเนนิ ชวี ิตประจำวนั การเรียนรูด้ ้วยตนเอง การเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เนอ่ื ง การทำงาน และการอยรู่ ่วมกนั ในสังคม

ด้วยการสรา้ งเสรมิ ความสมั พนั ธ์อนั ดรี ะหว่างบคุ คล การจัดการปญั หาและความขัดแยง้ ต่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม การ

ปรบั ตัวใหท้ ันกบั การเปลย่ี นแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ้ มและการรจู้ ักหลกี เล่ียงพฤตกิ รรมไม่พงึ ประสงค์

ท่ีส่งผลกระทบต่อตนเองและผ้อู น่ื

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยดี ้านต่าง ๆ และ

มที กั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพฒั นาตนเองและสงั คม ในดา้ นการเรียนรู้ การสอ่ื สาร การทำงาน

การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถกู ต้อง เหมาะสม และมคี ุณธรรม

หลกั สตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 22

คุณลักษณะอันพึงประสงค์

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้
สามารถอย่รู ่วมกบั ผอู้ ืน่ ในสังคมไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข ในฐานะเปน็ พลเมืองไทยและพลโลก ดังน้ี

1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
2. ซื่อสตั ย์สจุ รติ
3. มวี ินัย
4. ใฝเ่ รียนรู้
5. อยู่อยา่ งพอเพียง
6. ม่งุ มั่นในการทำงาน
7. รักความเปน็ ไทย
8. มีจิตสาธารณะ

ตวั ชวี้ ัดและสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง

สาระท่ี 4 เทคโนโลยี

มาตรฐาน ว 4.1 เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง

รวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปญั หาหรือพัฒนางาน

อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลือกใชเ้ ทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ

ผลกระทบต่อชวี ิต สังคม และสิง่ แวดล้อม

ชั้น ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ม.1 1. อธิบายแนวคิดหลักของเทคโนโลยีใน • เทคโนโลยเี ปน็ สิ่งทม่ี นุษย์สร้างหรอื พฒั นาขึ้นซ่ึงอาจ

ชีวิตประจำวัน และวิเคราะห์สาเหตุหรือ เป็นได้ทั้งชิ้นงานหรือวิธีการ เพื่อใช้แก้ปัญหาสนอง

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ ความตอ้ งการ หรอื เพม่ิ ความสามารถในการทำงานของ

เทคโนโลยี มนุษย์

• ระบบทางเทคโนโลยีเป็นกลุ่มของสว่ นต่าง ๆ ตั้งแต่

สองส่วนข้ึนไปประกอบเขา้ ด้วยกนั และทำงานร่วมกนั

เพื่อให้บรรลวุ ัตถุประสงค์โดยในการทำงานของระบบ

ทางเทคโนโลยีจะประกอบไปด้วยตัวป้อน (input)

กระบวนการ (process) และผลผลิต (output) ที่

สัมพันธ์กัน นอกจากนี้ระบบทางเทคโนโลยีอาจมี

ข้อมูลย้อนกลับ(feedback) เพื่อใช้ปรับปรุงการ

ทำงานไดต้ าม

หลกั สตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 23

ช้นั ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

วัตถุประสงค์ซ่งึ การวิเคราะห์ระบบทางเทคโนโลยีช่วย

ใหเ้ ข้าใจองคป์ ระกอบและ

การทำงานของเทคโนโลยีรวมถึงสามารถปรับปรุงให้

เทคโนโลยีทำงานไดต้ ามตอ้ งการ

• เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตั้งแต่อดตี

จนถงึ ปัจจบุ ัน ซึง่ มสี าเหตุหรือปจั จยั มาจากหลายด้าน

เช่น ปัญหาความต้องการความก้าวหน้าของศาสตร์

ต่าง ๆ เศรษฐกจิ สังคม

2. ระบุปัญหาหรือความต้องการใน • ปญั หาหรอื ความต้องการในชีวติ ประจำวันพบไดจ้ าก

ชีวิตประจำวนั รวบรวม วเิ คราะหข์ อ้ มลู และ หลายบริบทขึ้นกับสถานการณ์ที่ประสบเช่น

แนวคิดท่เี ก่ียวขอ้ งกับปัญหา การเกษตร การอาหาร

• การแก้ปัญหาจำเป็นต้องสืบค้น รวบรวมข้อมูล

ความรู้จากศาสตรต์ ่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การ

ออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หา

3. ออกแบบวธิ ีการแกป้ ัญหา โดยวิเคราะห์ การวิเคราะห์เปรียบเทียบ และตดั สินใจเลือกข้อมูลท่ี

เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลที่ จำเป็น โดยคำนงึ ถงึ เง่อื นไข และทรพั ยากรที่มีอยู่ช่วย

จำเป็นนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ ให้ได้แนวทางการแก้ปญั หาทเี่ หมาะสม

ผู้อื่นเข้าใจวางแผนและดำเนินการ • การออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหาทำได้หลากหลาย

แก้ปญั หา วิธีเช่น การร่างภาพ การเขียนแผนภาพการเขียนผัง

งาน

• การกำหนดขัน้ ตอนและระยะเวลาในการทำงานก่อน

ดำเนินการแก้ปัญหาจะช่วยให้ทำงานสำเร็จได้ตาม

เป้าหมายและลดข้อผิดพลาดของการทำงานที่อาจ

เกดิ ขน้ึ

4. ทดสอบ ประเม ินผล และระบุ • การทดสอบ และประเมินผลเป็นการตรวจสอบ

ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งหาแนว ชิ้นงานหรือวิธีการว่าสามารถแก้ปัญหาได้ตาม

ทางการปรับปรุงแก้ไขและนำเสนอผลการ วัตถุประสงค์ภายใต้กรอบของปัญหา เพื่อหา

แก้ปญั หา ข้อบกพรอ่ ง และดำเนนิ การปรับปรุง โดยอาจทดสอบ

ซำ้ เพื่อให้สามารถแก้ปญั หาได้

หลักสตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 24

ชน้ั ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง

• การนำเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคิดเพื่อให้

ผู้อื่นเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำงานและชิ้นงาน

หรอื วิธกี ารทีไ่ ดซ้ ึ่งสามารถทำได้หลายวิธีเชน่ การเขยี น

รายงาน การทำแผน่ นำเสนอผลงาน การจดั นทิ รรศการ

การนำเสนอผ่านสอื่ ออนไลน์

5. ใช้ความรู้และทักษะเกี่ยวกับวัสดุ • วสั ดุแต่ละประเภทมีสมบตั ิแตกตา่ งกัน เชน่ ไมโ้ ลหะ

อุปกรณ์ พลาสติก จึงต้องมีการวิเคราะห์สมบัติเพื่อเลือกใช้ให้

เครอ่ื งมอื กลไก ไฟฟ้า หรอื อิเลก็ ทรอนิกส์ เหมาะสมกับลกั ษณะของงาน

เพอ่ื แกป้ ญั หาได้อยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสม • การสร้างชิ้นงานอาจใช้ความรู้เรื่องกลไก ไฟฟ้า

และปลอดภยั อเิ ล็กทรอนกิ สเ์ ช่น LED บัซเซอร์มอเตอรว์ งจรไฟฟา้

• อุปกรณ์และเครื่องมือในการสรา้ งชน้ิ งานหรอื พัฒนา

วิธีการมีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง

เหมาะสม และปลอดภยั รวมทงั้ รจู้ กั เก็บรกั ษา

ม.2 1. คาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะ • สาเหตุหรือปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความก้าวหน้าของ

เกิดขึน้ ศาสตร์ต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ

โดยพิจารณาจากสาเหตุหรอื ปจั จัยที่ส่งผล สังคม วัฒนธรรม ทำให้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง

ต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและ ตลอดเวลา

วิเคราะห์เปรียบเทียบ ตัดสินใจเลือกใช้ • เทคโนโลยีแต่ละประเภทมีผลกระทบต่อชีวิตสังคม

เทคโนโลยีโดยคำนึงถึงผลกระทบทีเ่ กดิ ขน้ึ และสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน จึงต้องวิเคราะห์

ต่อชวี ติ สงั คมและสง่ิ แวดล้อม เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และตัดสินใจเลือกใช้ให้

เหมาะสม

2. ระบุปัญหาหรือความต้องการในชุมชน • ปัญหาหรือความต้องการในชุมชนหรือท้องถิ่นมี

หรอื ท้องถน่ิ สรปุ กรอบของปญั หา รวบรวม หลายอย่าง ขึ้นกับบริบทหรือสถานการณ์ที่ประสบ

วิเคราะห์ข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกบั เช่น ดา้ นพลังงาน สิง่ แวดลอ้ มการเกษตร การอาหาร

ปญั หา • การระบปุ ัญหาจำเป็นตอ้ งมกี ารวิเคราะหส์ ถานการณ์

ของปัญหาเพื่อสรุปกรอบของปัญหาแล้วดำเนินการ

สืบค้น รวบรวมข้อมูล ความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ ที่

เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การออกแบบแนวทางการ

แก้ปัญหา

หลักสตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 25

ช้ัน ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง

3. ออกแบบวธิ กี ารแก้ปญั หา โดยวิเคราะห์ • การวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทียบ และตัดสินใจเลอื กข้อมลู ที่

เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ี จำเป็น โดยคำนึงถึงเงื่อนไขและทรัพยากร เช่น

จำเป็นภายใต้เง่ือนไขและทรพั ยากรที่มีอยู่ งบประมาณ เวลา ข้อมูลและสารสนเทศ วัสดุ

นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อ่ืน เครื่องมอื และอปุ กรณช์ ่วยใหไ้ ดแ้ นวทางการแกป้ ัญหา

เข้าใจ วางแผนขั้นตอนการทำงานและ ทีเ่ หมาะสม

ดำเนนิ การแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นขนั้ ตอน • การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หาทำไดห้ ลากหลาย

วิธีเช่น การร่างภาพ การเขียนแผนภาพ การเขียนผงั

งาน

• การกำหนดขั้นตอนระยะเวลาในการทำงานก่อน

ดำเนนิ การแกป้ ัญหาจะชว่ ยใหก้ ารทำงานสำเรจ็ ได้ตาม

เป้าหมาย และลดข้อผิดพลาดของการทำงานที่อาจ

เกดิ ขึน้

4. ทดสอบ ประเมินผล และอธิบายปญั หา • การทดสอบและประเมนิ ผลเปน็ การตรวจสอบชนิ้ งาน

หรือข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น ภายใต้กรอบ หรือวิธีการว่าสามารถแก้ปัญหาได้ตามวัตถุประสงค์

เงื่อนไขพร้อมทั้งหาแนวทางการปรับปรงุ ภายใต้กรอบของปัญหา เพื่อหาข้อบกพร่อง และ

แก้ไข และนำเสนอผลการแก้ปญั หา ดำเนนิ การปรับปรงุ ใหส้ ามารถแก้ไขปัญหาได้

• การนำเสนอผลงานเปน็ การถ่ายทอดแนวคิดเพื่อให้

ผู้อื่นเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำงานและชิ้นงาน

หรือวิธกี ารทไี่ ด้ซึ่งสามารถทำได้หลายวธิ ีเช่น การเขยี น

รายงานการทำแผ่นนำเสนอผลงาน การจัดนทิ รรศการ

5. ใช้ความรู้และทักษะเกี่ยวกับวัสดุ • วัสดแุ ตล่ ะประเภทมสี มบตั ิแตกตา่ งกัน เชน่ ไม้ โลหะ

อุปกรณ์ พลาสติก จึงต้องมีการวิเคราะห์สมบัติเพื่อเลือกใช้ให้

เครอื่ งมือ กลไก ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เหมาะสมกับลักษณะของงาน

เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางานได้อย่าง • การสร้างชิ้นงานอาจใช้ความรู้เรื่องกลไก ไฟฟ้า

ถูกตอ้ ง อิเล็กทรอนกิ สเ์ ชน่ LED มอเตอรบ์ ัซเซอรเ์ ฟอื งรอก ลอ้

เหมาะสม และปลอดภยั เพลา

• อปุ กรณ์และเคร่อื งมือในการสร้างชิน้ งานหรือพัฒนา

วิธีการมีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง

เหมาะสม และปลอดภัย รวมท้งั รจู้ กั เกบ็ รักษา

หลักสูตรสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 26

ชั้น ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ม.3 1. วิเคราะห์สาเหตุ หรือปัจจัยที่ส่งผลตอ่ • เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตั้งแต่อดตี

การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและ จนถึงปจั จบุ นั ซึง่ มีสาเหตุหรือปจั จัยมาจากหลายดา้ น

ความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีกับศาสตร์อ่ืน เชน่ ปัญหาหรอื ความตอ้ งการของมนุษยค์ วามกา้ วหนา้

โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ ของศาสตร์ต่างๆการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ

เพื่อเป็นแนวทางการแก้ปัญหาหรอื พัฒนา สังคม วัฒนธรรม สง่ิ แวดล้อม

งาน • เทคโนโลยีมีความสัมพันธ์กับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะ

วิทยาศาสตร์โดยวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐานความรู้ท่ี

นำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีและเทคโนโลยีที่ได้

สามารถเปน็ เครอ่ื งมือท่ใี ช้ในการศกึ ษา คน้ คว้าเพ่ือให้

ไดม้ าซง่ึ องคค์ วามรู้ใหม่

2. ระบปุ ัญหาหรือความตอ้ งการของชมุ ชน • ปญั หาหรอื ความตอ้ งการอาจพบได้ในงานอาชีพของ

หรือท้องถิ่น เพื่อพัฒนางานอาชีพ สรุป ชุมชนหรือท้องถิ่น ซึ่งอาจมีหลายด้าน เช่นด้าน

กรอบของปัญหา รวบรวม วิเคราะห์ข้อมลู การเกษตร อาหาร พลังงาน การขนส่ง

และแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา โดย • การวิเคราะห์สถานการณป์ ัญหาช่วยให้เขา้ ใจเงือ่ นไข

คำนึงถึงความถูกต้องด้านทรัพย์สินทาง และกรอบของปัญหาได้ชัดเจน จากนั้นดำเนินการ

ปัญญา สืบค้น รวบรวมข้อมูล ความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ ที่

เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การออกแบบแนวทางการ

แกป้ ัญหา

3. ออกแบบวิธกี ารแก้ปัญหา โดยวิเคราะห์ • การวิเคราะห์เปรยี บเทยี บ และตัดสนิ ใจเลอื กขอ้ มลู ท่ี

เปรียบเทียบ และตัดสนิ ใจเลือกข้อมูลท่ีจำ จำเป็น โดยคำนึงถึงทรัพยส์ ินทางปัญญาเงื่อนไขและ

เป็นายใต้เงื่อนไขและทรัพยากรที่มีอยู่ ทรัพยากร เช่น งบประมาณ เวลา ข้อมูลและ

นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อ่ืน สารสนเทศ วัสดุ เครื่องมือและอปุ กรณ์ช่วยใหไ้ ด้แนว

เข้าใจด้วยเทคนิคหรือวิธีการที่หลากหลาย ทางการแก้ปญั หาที่เหมาะสม

วางแผนขั้นตอนการทำงานและดำเนนิ การ • การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หาทำได้หลากหลาย

แก้ปญั หาอย่างเป็นขัน้ ตอน วิธีเช่น การร่างภาพ การเขียนแผนภาพการเขียนผัง

งาน

• เทคนิคหรือวิธีการในการนำเสนอแนวทางการ

แก้ปัญหามีหลากหลาย เช่น การใช้แผนภูมิตาราง

ภาพเคล่ือนไหว

หลกั สตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 27

ช้นั ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

• การกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการทำงานกอ่ น

ดำเนนิ การแก้ปญั หาจะช่วยให้การทำงานสำเร็จไดต้ าม

เป้าหมาย และลดข้อผิดพลาดของการทำงานที่อาจ

เกดิ ขน้ึ

4. ทดสอบ ประเมินผล วิเคราะห์และให้ • การทดสอบและประเมนิ ผลเปน็ การตรวจสอบช้นิ งาน

เหตผุ ลของปญั หาหรอื ข้อบกพรอ่ งทเี่ กดิ ขน้ึ หรือวิธีการว่า สามารถแก้ปัญหาได้ตามวัตถปุ ระสงค์

ภายใต้กรอบเงื่อนไข พร้อมทั้งหาแนว ภายใต้กรอบของปัญหา เพื่อหาข้อบกพร่อง และ

ทางการปรบั ปรุงแกไ้ ข และนำเสนอผลการ ดำเนนิ การปรบั ปรงุ โดยอาจทดสอบซ้ำเพ่ือใหส้ ามารถ

แก้ปัญหา แก้ไขปญั หาได้

• การนำเสนอผลงานเปน็ การถ่ายทอดแนวคิดเพื่อให้

ผู้อื่นเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำงานและชิ้นงาน

หรือวธิ กี ารที่ได้ซึ่งสามารถทำไดห้ ลายวธิ เี ช่น การเขยี น

รายงานการทำแผ่นนำเสนอผลงาน การจัดนทิ รรศการ

การนำเสนอผา่ นสอ่ื ออนไลน์

5. ใช้ความรู้และทักษะเกี่ยวกับวัสดุ • วัสดุแตล่ ะประเภทมสี มบัติแตกตา่ งกนั เช่น ไมโ้ ลหะ

อปุ กรณ์ พลาสติก เซรามิก จึงต้องมีการวิเคราะห์สมบัติเพ่ือ

เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนกิ ส์ เลือกใช้ให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน

ให้ • การสร้างชิ้นงานอาจใช้ความรู้เรื่องกลไก ไฟฟ้า

ถกู ต้องกับลกั ษณะของงาน และปลอดภยั อิเล็กทรอนิกส์เช่น LED LDR มอเตอร์เฟืองคาน รอก

เพ่ือแกป้ ัญหาหรอื พัฒนางาน ลอ้ เพลา

• อปุ กรณแ์ ละเครื่องมือในการสรา้ งชนิ้ งานหรอื พฒั นา

วิธีการมีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง

เหมาะสม และปลอดภัย รวมท้งั รจู้ กั เกบ็ รักษา

ม.4 1. วิเคราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยี • ระบบทางเทคโนโลยีเป็นกลุ่มของส่วนต่างๆตั้งแต่

ความสัมพันธ์กับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะ สองสว่ นขึ้นไปประกอบเข้าด้วยกนั และทำงานร่วมกัน

วิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์รวมท้ัง เพื่อให้บรรลวุ ัตถุประสงค์โดยในการทำงานของระบบ

ประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อมนุษย์ ทางเทคโนโลยีจะประกอบไปด้วยตัวป้อน (input)

สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดลอ้ ม เพื่อเปน็ กระบวนการ (process) และผลผลิต (output) ที่

แนวทางในการพฒั นาเทคโนโลยี สมั พันธ์กนั นอกจากนีร้ ะบบทางเทคโนโลยอี าจมขี ้อมลู

หลักสูตรสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 28

ช้นั ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

ย้อนกลับ(feedback) เพื่อใช้ปรับปรุงการทำงานได้

ตาม

วตั ถุประสงค์โดยระบบทางเทคโนโลยอี าจมรี ะบบยอ่ ย

หลายระบบ (sub-systems) ที่ทำงานสัมพันธ์กันอยู่

และหากระบบยอ่ ยใดทำงานผิดพลาดจะส่งผลต่อการ

ทำงานของระบบอ่นื ดว้ ย

• เทคโนโลยีมีการเปลีย่ นแปลงตลอดเวลา ตั้งแต่อดีต

จนถึงปัจจบุ ัน ซ่งึ มีสาเหตหุ รอื ปจั จยั มาจากหลายดา้ น

เช่น ปัญหา ความต้องการความก้าวหน้าของศาสตร์

ต่าง ๆ เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม สิ่งแวดลอ้ ม

2. ระบุปัญหาหรือความต้องการที่มี • ปญั หาหรือความตอ้ งการที่มีผลกระทบตอ่ สังคมเช่น

ผลกระทบต่อสังคม รวบรวม วิเคราะห์ ปัญหาด้านการเกษตร อาหาร พลังงานการขนส่ง

ข้อมลู และแนวคดิ ทีเ่ ก่ียวข้องกบั ปญั หาที่มี สุขภาพและการแพทย์การบริการซึ่งแต่ละด้านอาจมี

ความซับซ้อนเพ่อื สงั เคราะหว์ ธิ ีการ เทคนคิ ได้หลากหลายปญั หา

ในการแก้ปัญหาโดยคำนึงถึงความถูกต้อง • การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาโดยอาจใช้เทคนิค

ดา้ นทรัพยส์ ินทางปญั ญา หรือวิธกี ารวเิ คราะห์ทหี่ ลากหลาย ชว่ ยให้เขา้ ใจ

เงื่อนไขและกรอบของปัญหาได้ชัดเจน จากน้ัน

ดำเนินการสืบค้น รวบรวมข้อมูล ความรู้จากศาสตร์

ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่การออกแบบแนว

ทางการแก้ปญั หา

3. ออกแบบวิธกี ารแกป้ ัญหา โดยวเิ คราะห์ • การวเิ คราะห์เปรียบเทียบ และตดั สนิ ใจเลอื กขอ้ มลู ท่ี

เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ี จำเป็น โดยคำนึงถึงทรัพย์สินทางปญั ญาเงื่อนไขและ

จำเปน็ ภายใต้เงือ่ นไขและทรัพยากรท่มี ีอยู่ ทรพั ยากร เช่น งบประมาณ เวลาข้อมูลและสารสนเทศ

นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อื่น วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ช่วยให้ได้แนวทางการ

เข้าใจด้วยเทคนิคหรอื วิธีการทีห่ ลากหลาย แก้ปญั หาท่เี หมาะสม

โดยใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบ • การออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หาทำได้หลากหลาย

วางแผนขั้นตอนการทำงานและดำเนนิ การ วิธีเช่น การร่างภาพ การเขียนแผนภาพการเขียนผัง

แก้ปญั หา งาน

• ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบและนำเสนอมี

หลากหลายชนิดจงึ ต้องเลอื กใชใ้ ห้เหมาะกบั งาน

หลกั สตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 29

ชนั้ ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

• การกำหนดข้ันตอนและระยะเวลาในการทำงานก่อน

ดำเนนิ การแกป้ ัญหาจะชว่ ยให้การทำงานสำเร็จไดต้ าม

เป้าหมาย และลดข้อผิดพลาดของการทำงานที่อาจ

เกิดข้ึน

4. ทดสอบ ประเมินผล วิเคราะห์และให้ • การทดสอบและประเมนิ ผลเปน็ การตรวจสอบช้นิ งาน

เหตุผลของปญั หาหรอื ขอ้ บกพรอ่ งทเ่ี กดิ ขน้ึ หรือวิธีการว่าสามารถแก้ปัญหาได้ตามวัตถุประสงค์

ภายใต้กรอบเงื่อนไข หาแนวทางการ ภายใต้กรอบของปัญหา เพื่อหาข้อบกพร่อง และ

ปรับปรุงแก้ไขและนำเสนอผลการ ดำเนนิ การปรับปรงุ โดยอาจทดสอบซำ้ เพือ่ ใหส้ ามารถ

แก้ปัญหา พร้อมทั้งเสนอแนวทางการ แกไ้ ขปัญหาได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ

พัฒนาตอ่ ยอด • การนำเสนอผลงานเป็นการถ่ายทอดแนวคิดเพื่อให้

ผู้อื่นเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทำงานและชิ้นงาน

หรือวิธีการที่ได้ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธีเช่น การทำ

แผ่นนำเสนอผลงาน การจัดนิทรรศการ การนำเสนอ

ผ่านสื่อออนไลน์หรือการนำเสนอต่อภาคธุรกิจ เพื่อ

การพฒั นาตอ่ ยอดสูง่ านอาชีพ

5. ใช้ความรู้และทักษะเกี่ยวกับวัสดุ • วัสดุแต่ละประเภทมีสมบัติแตกต่างกัน เช่นไม้

อุปกรณ์ สังเคราะห์โลหะ จึงต้องมีการวิเคราะห์สมบัติเพ่ือ

เครื่องมอื กลไก ไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์ เลอื กใช้ใหเ้ หมาะสมกับลกั ษณะของงาน

และเทคโนโลยีที่ซับซอ้ นในการแกป้ ญั หา • การสร้างชิ้นงานอาจใช้ความรู้เรื่องกลไก ไฟฟ้า

หรือพัฒนางาน ได้อย่างถูกตอ้ ง เหมาะสม อิเลก็ ทรอนิกส์เชน่ LDR sensor เฟือง รอก คาน วงจร

และปลอดภัย สำเรจ็ รปู

• อุปกรณ์และเคร่อื งมอื ในการสรา้ งชิน้ งาน หรอื พัฒนา

วิธีการมีหลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง

เหมาะสม และปลอดภยั รวมทง้ั รู้จกั เก็บรักษา

ม.5 1. ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้และทักษะจากศาสตร์ • การทำโครงงาน เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้และ

ตา่ ง ๆ รวมท้ังทรพั ยากรในการทำโครงงาน ทักษะจากศาสตรต์ า่ ง ๆ รวมท้ังทรัพยากรในการสรา้ ง

เพอ่ื แกป้ ญั หา หรอื พฒั นางาน หรือพัฒนาชิ้นงานหรือวิธีการ เพื่อแก้ปัญหาหรือ

อำนวยความสะดวกในการทำงาน

• การทำโครงงานการออกแบบและเทคโนโลยีสามารถ

ดำเนินการได้โดยเริ่มจาก การสำรวจสถานการณ์

หลกั สตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 30

ช้ัน ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ม.6 - ปัญหาทส่ี นใจ เพือ่ กำหนดหัวข้อโครงงาน แล้วรวบรวม
ข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหาออกแบบแนว
ทางการแก้ปัญหา วางแผน และดำเนินการแก้ปัญหา
ทดสอบ ประเมินผลปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหา
หรือช้ินงาน และ นำเสนอวธิ กี ารแก้ปญั หา
-

สาระท่ี 4 เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชวี ิตจรงิ อยา่ งเป็นขั้นตอนและ

เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้การทำงาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ รูเ้ ทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม

ชั้น ตวั ช้วี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ม.1 1. ออกแบบอัลกอริทึมที่ใช้แนวคิดเชิง • แนวคิดเชิงนามธรรม เป็นการประเมินความสำคัญ

นามธรรมเพื่อแก้ปัญหาหรืออธิบายการ ของรายละเอียดของปัญหา แยกแยะส่วนที่เป็น

ทำงานทพ่ี บในชวี ิตจริง สาระสำคัญออกจากส่วนทไี่ มใ่ ชส่ าระสำคญั

• ตัวอย่างปัญหา เช่น ต้องการปูหญ้าในสนามตาม

พื้นที่ที่กำหนด โดยหญ้าหนึ่งผืนมีความกว้าง50

เซนตเิ มตร ยาว 50 เซนตเิ มตร จะใช้หญา้ ทั้งหมดกี่ผืน

2. ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย • การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใช้ตัวแปร

เพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หรือ เงอ่ื นไข วนซำ้

วิทยาศาสตร์ • การออกแบบอัลกอริทึม เพื่อแก้ปัญหาทาง

คณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์อย่างง่าย อาจใช้แนวคดิ เชงิ

นามธรรมในการออกแบบ เพื่อให้การแก้ปัญหามี

ประสทิ ธิภาพ

• การแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนจะช่วยให้แก้ปัญหา

ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น Scratch,

python, java, c

หลกั สตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 31

ชนั้ ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง

• ตัวอย่างโปรแกรม เชน่ โปรแกรมสมการการเคลอ่ื นที่

โปรแกรมคำนวณหาพื้นที่ โปรแกรมคำนวณดัชนีมวล

กาย

3. รวบรวมข้อมูลปฐมภูมิประมวลผล • การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ

ประเมินผลนำเสนอข้อมูล และสารสนเทศ ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมินผล จะทำให้ได้

ตามวัตถุประสงค์โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือ สารสนเทศเพอื่ ใชใ้ นการแกป้ ัญหาหรือการตดั สนิ ใจได้

บริการบนอินเทอร์เน็ตทหี่ ลากหลาย อยา่ งมีประสิทธิภาพ

• การประมวลผลเป็นการกระทำกับข้อมูล เพื่อให้ได้

ผลลพั ธท์ มี่ ีความหมายและมีประโยชนต์ ่อการนำไปใช้

งาน สามารถทำได้หลายวิธีเช่นคำนวณอัตราส่วน

คำนวณค่าเฉล่ยี

• การใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตที่

หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผลสรา้ งทางเลอื ก

ประเมินผล นำเสนอ จะช่วยให้แก้ปัญหาได้อย่าง

รวดเรว็ ถกู ตอ้ ง และแม่นยำ

• ตัวอย่างปัญหา เนน้ การบูรณาการกบั วชิ าอ่นื เชน่ ตม้

ไข่ใหต้ รงกับพฤตกิ รรมการบริโภคคา่ ดชั นมี วลกายของ

คนในท้องถิ่น การสร้างกราฟผลการทดลองและ

วิเคราะห์แนวโนม้

4. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย • ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เช่นการ

ใช้สื่อและแหล่งข้อมูลตามข้อกำหนดและ ปกป้องความเป็นส่วนตัวและอัตลกั ษณ์

ข้อตกลง • การจดั การอตั ลกั ษณ์เชน่ การตัง้ รหสั ผา่ นการปกปอ้ ง

ข้อมูลส่วนตวั

• การพิจารณาความเหมาะสมของเน้ือหา เช่นละเมิด

ความเป็นส่วนตัวผู้อื่น อนาจาร วิจารณ์ผู้อื่นอย่าง

หยาบคาย

• ข้อตกลง ข้อกำหนดในการใช้สอื่ หรอื แหลง่ ข้อมูลตา่ ง

ๆ เชน่ Creative commons

หลักสูตรสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 32

ช้นั ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ม.2 1. ออกแบบอัลกอริทึมที่ใช้แนวคิดเชิง • แนวคดิ เชงิ คำนวณ

คำนวณในการแก้ปัญหา หรือการทำงานท่ี • การแก้ปญั หาโดยใช้แนวคดิ เชิงคำนวณ

พบในชวี ิตจรงิ • ตัวอยา่ งปญั หา เช่น การเขา้ แถวตามลำดบั ความสูง

ให้เรว็ ที่สดุ จัดเรยี งเสอ้ื ใหห้ าไดง้ ่ายทส่ี ุด

2. ออกแบบและเขียนโปรแกรมทีใ่ ช้ตรรกะ • ตวั ดำเนนิ การบูลีน

และฟงั กช์ ันในการแกป้ ญั หา • ฟังกช์ ัน

• การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใช้ตรรกะ

และฟังก์ชนั

• การออกแบบอลั กอรทิ มึ เพ่อื แก้ปญั หาอาจใชแ้ นวคดิ

เชิงคำนวณในการออกแบบ เพื่อให้การแก้ปัญหามี

ประสิทธิภาพ

• การแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนจะช่วยให้แก้ปัญหา

ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ

• ซอฟต์แวร์ท่ีใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น Scratch,

python, java, c

• ตัวอย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรมตัดเกรดหาคำตอบ

ทง้ั หมดของอสมการหลายตวั แปร

3. อภิปรายองค์ประกอบและหลักการ • องค์ประกอบและหลักการทำงานของระบบ

ทำงานของระบบคอมพิวเตอร์และ คอมพิวเตอร์

เทคโนโลยีการสื่อสารเพื่อประยุกต์ใช้งาน • เทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร

หรอื แกป้ ัญหาเบอ้ื งต้น • การประยกุ ตใ์ ช้งานและการแก้ปญั หาเบอื้ งต้น

4. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั • ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย โดยเลือก

มีความรับผิดชอบ สร้างและแสดงสิทธิใน แนวทางปฏิบัติเม่ือพบเน้ือหาทีไ่ ม่เหมาะสม เช่น แจง้

การเผยแพร่ผลงาน รายงานผู้เกี่ยวข้อง ป้องกันการเข้ามาของข้อมลู ที่ไม่

เหมาะสม ไม่ตอบโต้ไมเ่ ผยแพร่

• การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างมคี วามรับผดิ ชอบ

เชน่ ตระหนกั ถึงผลกระทบในการเผยแพรข่ ้อมูล

• การสรา้ งและแสดงสทิ ธคิ วามเปน็ เจา้ ของผลงาน

• การกำหนดสิทธิการใชข้ ้อมูล

หลกั สตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 33

ชัน้ ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ม.3 1. พัฒนาแอปพลิเคชันที่มีการบูรณาการ • ขั้นตอนการพฒั นาแอปพลิเคชนั

กับวชิ าอน่ื อยา่ งสร้างสรรค์ • Internet of Things (IoT)

• ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น

Scratch, python, java, c, AppInventor

• ตัวอย่างแอปพลิเคชัน เช่น โปรแกรมแปลงสกุลเงนิ

โปรแกรมผันเสียงวรรณยุกต์โปรแกรมจำลองการแบ่ง

เซลล์ระบบรดนำ้ อตั โนมัติ

2. รวบรวมขอ้ มูล ประมวลผล ประเมินผล • การรวบรวมข้อมลู จากแหล่งขอ้ มูลปฐมภมู ิและทุติย

นำเสนอข้อมูลและสารสนเทศตาม ภมู ปิ ระมวลผล สร้างทางเลือก ประเมนิ ผลจะทำให้ได้

วัตถุประสงค์โดยใช้ซอฟตแ์ วร์หรือบริการ สารสนเทศเพือ่ ใช้ในการแกป้ ญั หาหรอื การตดั สินใจได้

บนอินเทอร์เนต็ ทหี่ ลากหลาย อย่างมปี ระสิทธิภาพ

• การประมวลผลเป็นการกระทำกับข้อมูล เพื่อให้ได้

ผลลัพธ์ทมี่ ีความหมายและมปี ระโยชนต์ ่อการนำไปใช้

งาน

• การใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตที่

หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผลสรา้ งทางเลอื ก

ประเมินผล นำเสนอ จะช่วยให้แก้ปัญหาได้อย่าง

รวดเรว็ ถกู ต้อง และแมน่ ยำ

• ตัวอย่างปัญหา เช่น การเลอื กโปรโมชันโทรศัพทใ์ ห้

เหมาะกบั พฤติกรรมการใช้งาน สินค้าเกษตรที่ต้องการ

และสามารถปลูกได้ในสภาพดนิ ของท้องถ่นิ

3. ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล • การประเมนิ ความน่าเชอื่ ถอื ของข้อมลู เช่นตรวจสอบ
วิเคราะห์สื่อและผลกระทบจากการให้ และยืนยนั ขอ้ มลู โดยเทยี บเคยี งจากข้อมูลหลายแหลง่
ขา่ วสารทผ่ี ิด เพื่อการใช้งานอยา่ งรูเ้ ทา่ ทัน แยกแยะข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น หรือ

ใช้PROMPT
• การสืบค้น หาแหลง่ ต้นตอของขอ้ มูล
• เหตุผลวบิ ตั (ิ logical fallacy)
• ผลกระทบจากข่าวสารท่ผี ดิ พลาด

หลกั สตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 34

ชั้น ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

• การร้เู ทา่ ทนั สอื่ เชน่ การวเิ คราะห์ถึงจุดประสงค์ของ

ข้อมูลและผู้ให้ข้อมูล ตีความ แยกแยะเนื้อหาสาระ

ของสื่อ เลือกแนวปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมเมื่อพบ

ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ

4. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย • การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เช่น การ

และมคี วามรับผดิ ชอบต่อสงั คม ปฏิบัติตาม ทำธุรกรรมออนไลน์การซื้อสินค้า ซื้อซอฟต์แวร์

กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ใช้ลิขสิทธ์ิ ค่าบริการสมาชิก ซื้อไอเท็ม

ของผู้อน่ื โดยชอบธรรม • การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างมคี วามรับผดิ ชอบ

เช่น ไม่สร้างข่าวลวง ไม่แชร์ข้อมูลโดยไม่ตรวจสอบ

ขอ้ เทจ็ จรงิ

• กฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

• การใชล้ ขิ สิทธข์ิ องผูอ้ ่นื โดยชอบธรรม (fair use)

ม.4 1. ประยุกต์ใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการ • การพฒั นาโครงงาน

พัฒนาโครงงานที่มีการบูรณาการกับวิชา • การนำแนวคิดเชิงคำนวณไปพัฒนาโครงงาน

อ่นื ที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เช่น การจัดการพลังงาน

อยา่ งสรา้ งสรรค์และเช่อื มโยงกับชีวติ จริง อาหาร การเกษตร การตลาด การค้าขาย การทำ

ธรุ กรรม สุขภาพ และสิง่ แวดลอ้ ม

• ตัวอย่างโครงงาน เช่น ระบบดูแลสุขภาพ ระบบ

อัตโนมัติควบคุมการปลูกพืช ระบบจัดเส้นทางการ

ขนส่งผลผลติ ระบบแนะนำการใชง้ านห้องสมุดทมี่ ีการ

โตต้ อบกบั ผู้ใชแ้ ละเชอื่ มตอ่ กบั ฐานข้อมลู

ม.5 1. รวบรวม วเิ คราะห์ข้อมูล และใชค้ วามรู้ • การนำความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์สื่อดิจิทลั

ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์สื่อดิจิทัล และเทคโนโลยสี ารสนเทศ มาใชแ้ ก้ปญั หากบั ชีวิตจริง

เทคโนโลยสี ารสนเทศในการแก้ปัญหาหรือ • การเพ่ิมมูลคา่ ให้บริการหรือผลิตภณั ฑ์

เพิ่มมลู คา่ ใหก้ บั บรกิ ารหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ • การเก็บข้อมูลและการจัดเตรียมข้อมูลให้พร้อมกับ

ในชวี ิตจรงิ อยา่ งสร้างสรรค์ การประมวลผล

• การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ทางสถิติ

• การประมวลผลขอ้ มลู และเคร่อื งมอื

• การทำข้อมูลให้เป็นภาพ (data visualization) เช่น

bar chart, scatter, histogram

หลักสตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 35

ชน้ั ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง

• การเลือกใช้แหล่งข้อมูล เช่น data.go.th, wolfram

alpha, OECD.org, ต ล า ด ห ล ั ก ท ร ั พ ย์ ,world

economic forum

• คณุ ค่าของขอ้ มูลและกรณีศกึ ษา

• กรณีศกึ ษาและวิธกี ารแกป้ ัญหา

• ตวั อยา่ งปญั หา เช่น

- รูปแบบของบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดความสนใจ และ

ตรงตามความตอ้ งการผใู้ ชใ้ นแต่ละประเภท

- การกำหนดตำแหน่งป้ายรถเมล์เพื่อลดเวลา

เดนิ ทางและปัญหาการจราจร

- สำรวจความต้องการรับประทานอาหารในชุมชน

และเลือกขายอาหารทีจ่ ะไดก้ ำไรสงู สดุ

- ออกแบบรายการอาหาร 7 วัน สำหรับผู้ป่วย

เบาหวาน

ม.6 1. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอ • การนำเสนอและแบง่ ปนั ขอ้ มลู เชน่ การเขยี นบล็อก

และแบ่งปันข้อมูลอย่างปลอดภัย มี อปั โหลดวิดีโอ ภาพอนิ โฟกราฟกิ

จริยธรรม และวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง • การนำเสนอและแบ่งปันข้อมูลอย่างปลอดภัยเช่น

เทคโนโลยีสารสนเทศที่มีผลต่อการดำเนนิ ระมดั ระวงั ผลกระทบทต่ี ามมา เมอ่ื มีการแบ่งปนั ขอ้ มลู

ชีวติ อาชีพ สงั คม และวฒั นธรรม หรือเผยแพรข่ ้อมลู ไม่สร้างความเดือดร้อนต่อตนเอง

และผูอ้ นื่

• จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

• เทคโนโลยเี กดิ ใหมแ่ นวโน้มในอนาคต

การเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี

• นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ

ชีวติ ประจำวนั

• อาชพี เกีย่ วกบั เทคโนโลยีสารสนเทศ

• ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อการดำเนิน

ชวี ติ อาชพี สงั คม และวัฒนธรรม

หลักสตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 36

ตารางวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด
ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น

หลักสูตรสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 37

ตารางวเิ คราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชวี้ ัดเพ่ือจดั ทำคำอธบิ ายรายวชิ า

รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1

มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละ สาระสำคญั กระบวนการ คุณลักษณะอนั สมรรถนะ
ตัวชี้วดั K (คำกริยา) พงึ ประสงค์ สำคัญผเู้ รียน

P A C
- ทกั ษะทางดา้ น
มาตรฐาน ว 4.1 วทิ ยาศาสตร์
คณติ ศาสตร์และ
เข้าใจแนวคดิ หลักของ - เขา้ ใจแนวคดิ หลกั ของ - คำนงึ ถึง - ความสามารถ
ศาสตร์อน่ื ๆ ผลกระทบตอ่ ชวี ติ ในการคดิ
เทคโนโลยีเพอื่ การ เทคโนโลยีเพอื่ การ สังคมและ - ความสามารถ
- สิ่งแวดลอ้ ม ในการ
ดำรงชวี ติ ในสังคมทม่ี ีการ ดำรงชวี ิตในสังคมทมี่ กี าร แก้ปัญหา
- ความสามารถ
เปล่ียนแปลงอยา่ ง เปล่ียนแปลงอย่าง ในการใช้
เทคโนโลยี
รวดเรว็ ใช้ความรู้และ รวดเรว็

ทกั ษะทางด้าน - แกป้ ญั หาหรือพฒั นา

วทิ ยาศาสตรค์ ณิตศาสตร์ งานอย่างมีความคดิ

และศาสตร์อนื่ ๆ เพอื่ สรา้ งสรรคด์ ว้ ย

แก้ปัญหาหรอื พฒั นางาน กระบวนการออกแบบ

อย่างมคี วามคิด เชงิ วิศวกรรม

สร้างสรรคด์ ้วย - เลือกใช้เทคโนโลยีอย่าง

กระบวนการออกแบบเชิง เหมาะสม

วศิ วกรรม เลือกใช้ - ใช้ความรทู้ างดา้ น

เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม วิทยาศาสตรค์ ณติ ศาสตร์

โดยคำนงึ ถึงผลกระทบ และศาสตร์อน่ื ๆ

ต่อชีวติ สงั คมและ

สง่ิ แวดล้อม

ม. 1/1 อธบิ ายแนวคดิ - อธบิ ายแนวคดิ หลักของ - - ความสามารถ
ในการคิด
หลกั ของเทคโนโลยใี น เทคโนโลยีใน

ชีวิตประจำวันและ ชีวิตประจำวัน

วเิ คราะหส์ าเหตหุ รือ - วิเคราะหส์ าเหตหุ รือ

ปจั จัยทีส่ ง่ ผลตอ่ การ ปัจจยั ทสี่ ง่ ผลต่อการ

เปล่ียนแปลงของ เปล่ยี นแปลงของ

เทคโนโลยี เทคโนโลยี

หลักสูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 38

มาตรฐานการเรียนรแู้ ละ สาระสำคัญ กระบวนการ คุณลักษณะอัน สมรรถนะ
พงึ ประสงค์ สำคญั ผเู้ รยี น
ตวั ชี้วดั K (คำกริยา)
A C
P - - ความสามารถ
ในการคดิ
ม. 1/2 ระบุปญั หาหรือ - ระบปุ ญั หาหรือความ -

ความต้องการใน ตอ้ งการในชีวติ ประจำวนั

ชวี ติ ประจำวัน รวบรวม - รวบรวมวเิ คราะหข์ อ้ มลู

วิเคราะห์ขอ้ มลู และ และแนวคดิ ทีเ่ กย่ี วข้อง

แนวคิดท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั กบั ปญั หา

ปัญหา

ม. 1/3 ออกแบบวธิ ีการ - ออกแบบวธิ กี าร - นำเสนอแนวทาง - - ความสามารถ
ในการคดิ
แกป้ ญั หาโดยวิเคราะห์ แก้ปัญหา การแกป้ ญั หาให้ - ความสามารถ
ในการแก้ปัย
เปรียบเทยี บและตดั สนิ ใจ - วิเคราะหเ์ ปรียบเทยี บ ผอู้ ่นื เขา้ ใจ หา

เลือกข้อมลู ทีจ่ ำเป็น - ตดั สินใจเลือกข้อมลู ที่ - - ความสามารถ
ในการคิด
นำเสนอแนวทางการ จำเป็น - ความสามารถ
ในการ
แก้ปัญหาใหผ้ ู้อ่นื เข้าใจ - วางแผนและดำเนินการ แกป้ ัญหา

วางแผนและดำเนนิ การ แก้ไข - - ความสามารถ
ในการคดิ
แก้ปัญหา - ความสามารถ
ในการ
ม. 1/4 ทดสอบ - ทดสอบประเมนิ ผล - นำเสนอผลการ แกป้ ัญหา

ประเมนิ ผลและระบุ - ระบขุ อ้ บกพร่องที่ แก้ปัญหา

ข้อบกพรอ่ งทเ่ี กิดขึน้ เกดิ ขนึ้

พรอ้ มทงั้ หาแนวทางการ - หาแนวทางการ

ปรบั ปรงุ แก้ไข และ ปรับปรงุ แก้ไข

นำเสนอผลการแกป้ ัญหา

ม. 1/5 ใชค้ วามรู้และ - ใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะ -

ทักษะเก่ยี วกบั วัสดุ เกีย่ วกับวสั ดอุ ุปกรณ์

อปุ กรณ์ เครื่องมือกลไก เครอื่ งมือกลไกไฟฟา้ หรอื

ไฟฟ้าหรอื อิเล็กทรอนกิ ส์ อเิ ลก็ ทรอนิกส์

เพ่อื แก้ปญั หาไดอ้ ย่าง - แกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ ง

ถูกต้องเหมาะสมและ ถกู ต้องเหมาะสมและ

ปลอดภัย ปลอดภัย

หลักสตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 39

มาตรฐานการเรียนรู้และ สาระสำคัญ กระบวนการ คุณลกั ษณะอัน สมรรถนะ
ตัวช้วี ดั K (คำกริยา) พึงประสงค์ สำคัญผ้เู รยี น

มาตรฐาน ว 4.2 - เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ P A C
เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิง คำนวณในการแกป้ ัญหา - ปฎิบตั กิ ารทำงาน -รเู้ ทา่ ทนั มี
คำนวณในการแก้ปัญหา ที่ พบในชีวติ จรงิ อยา่ ง และการแกป้ ัญหา จริยธรรม - ความสามารถ
ที่ พบในชวี ติ จริงอย่าง เป็นขนั้ ตอนและเปน็ - มปี ระสทิ ธิภาพ ในการคดิ
เปน็ ข้นั ตอนและเปน็ ระบบ - - ความสามารถ
ระบบ ใช้เทคโนโลยี - ใชเ้ ทคโนโลยี - ในการ
สารสนเทศและการ สารสนเทศและการ แกป้ ัญหา
สื่อสารในการเรยี นรู้ การ ส่ือสารในการเรยี นรู้ ความสามารถ
ทำงาน และการ ในการใช้
แกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมี - ออกแบบอลั กอลิทึมที่ เทคโนโลยี
ประสทิ ธิภาพ และมี ใชแ้ นวคดิ เชงิ นามธรรม
จรยิ ธรรม - แกป้ ญั หาหรอื อธบิ าย - ความสามารถ
ม.1/1 ออกแบบอัลกอลิ การทำงานทพี่ บในชวี ิต ในการคิด
ทมึ ท่ใี ช้แนวคดิ เชงิ จริง - ความสามารถ
นามธรรมเพื่อแกป้ ญั หา ในการ
หรืออธบิ ายการทำงานที่ แกป้ ญั หา
พบในชีวิตจริง - ความสามารถ
ในการใชท้ กั ษะ
ม.1/2 ออกแบบและ - ออกแบบ - เขียนโปรแกรม - ชวี ิต
เขยี นโปรแกรมอย่างง่าย - แกป้ ัญหาทาง อยา่ งงา่ ย - ความสามารถ
เพื่อแกป้ ญั หาทาง คณติ ศาสตร์หรอื ในการคดิ
คณติ ศาสตร์หรอื วิทยาศาสตร์ - ความสามารถ
วทิ ยาศาสตร์ ในการ
แกป้ ญั หา
- ความสามารถ
ในการใช้
เทคโนโลยี

หลักสตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 40

มาตรฐานการเรียนรแู้ ละ สาระสำคัญ กระบวนการ คณุ ลักษณะอัน สมรรถนะ
ตวั ชว้ี ัด K (คำกรยิ า) พึงประสงค์ สำคญั ผูเ้ รียน

ม.1/3 รวบรวมขอ้ มลู - รวบรวมขอ้ มูลปฐมภมู ิ P A C
ปฐมภมู ิประมวลผล - ประมวลผล - นำเสนอขอ้ มูล - - ความสามารถ
ประเมนิ ผล นำเสนอ ประเมินผล และสารสนเทศตาม ในการคิด
ขอ้ มลู และสารสนเทศ วตั ถุประสงค์โดยใช้ - ความสามารถ
ตามวัตถปุ ระสงค์โดยใช้ - ซอร์แวรห์ รอื บรกิ าร ในการ
ซอรแ์ วรห์ รอื บรกิ าร อินเทอร์เน็ตที่ แกป้ ญั หา
อนิ เทอร์เนต็ ที่ หลากหลาย - ความสามารถ
หลากหลาย ในการใช้
ม.1/4 ใช้เทคโนโลยี - ใชเ้ ทคโนโลยี - อย่างปลอดภยั เทคโนโลยี
สารสนเทศอย่าง สารสนเทศอยา่ ง ความสามารถ
ปลอดภัย ใช้ส่อื และ ปลอดภยั ในการคิด
แหล่งขอ้ มูลตาม - ใช้สอื่ และ - ความสามารถ
ข้อกำหนดและข้อตกลง แหลง่ ขอ้ มลู ตาม ในการใชท้ ักษะ
ขอ้ กำหนดและ ชีวิต
ข้อตกลง - ความสามารถ
ในการใช้
เทคโนโลยี

หลกั สตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 41

ตารางวเิ คราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวดั เพื่อจัดทำคำอธิบายรายวชิ า

รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ กลุม่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2

มาตรฐานการเรียนรแู้ ละ สาระสำคัญ กระบวนการ คณุ ลักษณะอนั สมรรถนะ
ตวั ชว้ี ดั K (คำกรยิ า) พงึ ประสงค์ สำคัญผ้เู รยี น

มาตรฐาน ว 4.1 P A C
- ทักษะทางด้าน - คำนงึ ถึง
เขา้ ใจแนวคิดหลักของ - เข้าใจแนวคดิ หลกั ของ วิทยาศาสตร์ ผลกระทบตอ่ ชีวิต - ความสามารถ
คณติ ศาสตรแ์ ละ สังคมและ ในการคดิ
เทคโนโลยเี พอื่ การ เทคโนโลยีเพอ่ื การ สง่ิ แวดล้อม - ความสามารถ
ศาสตรอ์ ื่นๆ ในการ
ดำรงชวี ิตในสังคมทม่ี กี าร ดำรงชวี ติ ในสังคมทม่ี ีการ - แกป้ ัญหา
- - ความสามารถ
เปลย่ี นแปลงอยา่ ง เปลย่ี นแปลงอยา่ ง ในการใช้
เทคโนโลยี
รวดเร็ว ใชค้ วามรู้และ รวดเร็ว
- ความสามารถ
ทักษะทางดา้ น - แกป้ ัญหาหรอื พฒั นา ในการคดิ
- ความสามารถ
วิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ งานอย่างมคี วามคิด ในการ
แกป้ ญั หา
และศาสตร์อน่ื ๆ เพอ่ื สร้างสรรคด์ ว้ ย - ความสามารถ
ในการใช้
แก้ปัญหาหรือพฒั นางาน กระบวนการออกแบบ

อยา่ งมคี วามคิด เชงิ วิศวกรรม

สร้างสรรคด์ ว้ ย - เลือกใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ ง

กระบวนการออกแบบเชิง เหมาะสม

วิศวกรรม เลือกใช้ - ใช้ความรูท้ างดา้ น

เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสม วทิ ยาศาสตรค์ ณติ ศาสตร์

โดยคำนึงถงึ ผลกระทบ และศาสตร์อื่นๆ

ต่อชีวติ สังคมและ

สง่ิ แวดล้อม

ม. 1/1 คาดการณ์ - คาดการณ์แนวโนม้

แนวโนม้ เทคโนโลยีท่ี เทคโนโลยี

เกิดขน้ึ โดยพจิ ารณาจาก - วเิ คราะหเ์ ปรียบเทยี บ

สาเหตหุ รอื ปจั จัยทสี่ ง่ ผล ตัดสินใจเลือกใช้

ตอ่ การเปลยี่ นแปลงของ เทคโนโลยี

เทคโนโลยี และวิเคราะห์

เปรยี บเทียบ ตดั สนิ ใจ

หลกั สตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 42

มาตรฐานการเรยี นร้แู ละ สาระสำคญั กระบวนการ คุณลกั ษณะอนั สมรรถนะ
พึงประสงค์ สำคัญผเู้ รียน
ตัวช้วี ดั K (คำกริยา)
A C
P เทคโนโลยี

เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีโดย

คำนึงถงึ ผลกระทบที่

เกดิ ข้ึนตอ่ ชีวติ สงั คมและ

ส่งิ แวดลอ้ ม

ม. 1/2 ระบปุ ญั หาหรอื - ระบปุ ญั หาหรือความ - - - ความสามารถ
ในการคิด
ความต้องการในชมุ ชน ตอ้ งการในชมุ ชนหรอื - ความสามารถ
ในการ
หรอื ท้องถิน่ สรุปกรอบ ทอ้ งถน่ิ แกป้ ัญหา

ของปัญหา รวบรวม - รวบรวม วเิ คราะห์ - ความสามารถ
ในการคดิ
วิเคราะห์ ข้อมลู และ ข้อมลู และแนวคดิ ที่ - - ความสามารถ
ในการแกป้ ัย
แนวคิดท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เก่ยี วข้องกบั ปญั หา หา

ปญั หา

ม. 1/3 ออกแบบวธิ กี าร - ออกแบบวิธกี าร - นำเสนอแนวทาง

แก้ปญั หา โดยวเิ คราะห์ แก้ปัญหา การแกป้ ญั หาให้

เปรยี บเทียบ และ - วเิ คราะหเ์ ปรียบเทยี บ ผู้อ่ืนเข้าใจ

ตัดสินใจเลอื กข้อมูลท่ี - ตดั สนิ ใจเลือกข้อมลู ท่ี

จำเป็น ภายใต้เงอื่ นไข จำเปน็

และทรัพยากรท่มี ีอยู่ - วางแผนและดำเนนิ การ

นำเสนอแนวทางการ แกไ้ ข

แกป้ ญั หาใหผ้ ู้อืน่ เข้าใจ

วางแผนข้ันตอนการ

ทำงานและดำเนินการ

แก้ปัญหาอยา่ งเปน็

ข้นั ตอน

ม. 1/4 ทดสอบ - ทดสอบประเมนิ ผล - นำเสนอผลการ - - ความสามารถ
ในการคดิ
ประเมินผล และอธิบาย - ระบขุ ้อบกพรอ่ งที่ แกป้ ัญหา - ความสามารถ
ในการ
ปัญหาหรอื ขอ้ บกพรอ่ งท่ี เกดิ ขนึ้ แก้ปญั หา

เกิดข้ึน ภายใตก้ รอบ - หาแนวทางการ

เง่อื นไข พรอ้ มทัง้ หาแนว ปรับปรงุ แก้ไข

หลักสตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 43

มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละ สาระสำคัญ กระบวนการ คณุ ลักษณะอัน สมรรถนะ
ตวั ชว้ี ัด K (คำกรยิ า) พึงประสงค์ สำคัญผู้เรยี น

ทางการปรบั ปรุงแกไ้ ข - ใชค้ วามรู้ P A C
และนำเสนอผลการ -
แก้ปญั หา - เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิง - ใช้ทกั ษะเกีย่ วกบั - ความสามารถ
ม. 1/5 ใชค้ วามรู้ และ คำนวณในการแก้ปญั หา วัสดุ อปุ กรณ์ -รเู้ ท่าทนั มี ในการคิด
ทกั ษะเก่ยี วกบั วสั ดุ ที่ พบในชวี ติ จรงิ อย่าง เครอื่ งมือ กลไก จริยธรรม - ความสามารถ
อปุ กรณ์ เครือ่ งมือ กลไก เปน็ ข้ันตอนและเป็น ไฟฟา้ และ - มีประสทิ ธภิ าพ ในการ
ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ ระบบ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ แกป้ ญั หา
เพ่ือแกป้ ญั หาหรอื พัฒนา - ใช้เทคโนโลยี -
งานไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง สารสนเทศและการ - ปฎบิ ัตกิ ารทำงาน - ความสามารถ
เหมาะสม และปลอดภยั สอื่ สารในการเรยี นรู้ และการแก้ปญั หา ในการคิด
มาตรฐาน ว 4.2 - ความสามารถ
เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิง - ออกแบบอลั กอลทิ ึมที่ - ในการ
คำนวณในการแกป้ ญั หา ใชแ้ นวคิดเชงิ นามธรรม แกป้ ญั หา
ท่ี พบในชวี ติ จรงิ อยา่ ง - แกป้ ัญหาหรอื อธิบาย ความสามารถ
เปน็ ขัน้ ตอนและเป็น การทำงานทพ่ี บในชีวติ ในการใช้
ระบบ ใช้เทคโนโลยี จรงิ เทคโนโลยี
สารสนเทศและการ
สอ่ื สารในการเรยี นรู้ การ - ความสามารถ
ทำงาน และการ ในการคดิ
แก้ปญั หาไดอ้ ย่างมี - ความสามารถ
ประสิทธิภาพ และมี ในการ
จริยธรรม แก้ปัญหา
ม.1/1 ออกแบบอัลกอลิ - ความสามารถ
ทึมทีใ่ ช้แนวคิดเชงิ
นามธรรมเพอื่ แกป้ ญั หา
หรอื อธบิ ายการทำงานที่
พบในชีวติ จริง

หลักสตู รสถานศกึ ษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ (เทคโนโลย)ี 44

มาตรฐานการเรียนรู้และ สาระสำคัญ กระบวนการ คณุ ลักษณะอัน สมรรถนะ
ตัวชว้ี ดั K (คำกริยา) พงึ ประสงค์ สำคัญผู้เรยี น

ม.1/2 ออกแบบและ - ออกแบบ P A C
- ในการใช้ทกั ษะ
เขยี นโปรแกรมที่ใช้ - เขยี นโปรแกรมท่ี ชวี ิต
ตรรกะและฟงั ก์ชนั ในการ ใช้ตรรกะและ - - ความสามารถ
แก้ปญั หา ฟังก์ชันในการ ในการคดิ
แก้ปญั หา - มีความ - ความสามารถ
ม.1/3 อภิปราย - อภปิ รายองคป์ ระกอบ รบั ผดิ ชอบ ในการ
- - อย่างปลอดภัย แก้ปัญหา
องคป์ ระกอบและ - แกป้ ัญหาเบอ้ื งต้น - ความสามารถ
- ใช้เทคโนโลยี ในการใช้
หลักการทำงานของ สารสนเทศอย่าง เทคโนโลยี
ระบบคอมพิวเตอรแ์ ละ ปลอดภัย - ความสามารถ
ในการคิด
เทคโนโลยกี ารสือ่ สารเพ่อื - ความสามารถ
ประยกุ ต์ใช้งานหรอื ในการ
แกป้ ัญหาเบอื้ งต้น แกป้ ญั หา
- ความสามารถ
ม.1/4 ใช้เทคโนโลยี - ในการใช้
เทคโนโลยี
สารสนเทศอยา่ ง ความสามารถ
ปลอดภยั มีความ ในการคิด
รบั ผดิ ชอบ สร้างและ - ความสามารถ
แสดงสทิ ธิในการเผยแพร่ ในการใชท้ ักษะ
ผลงาน ชีวิต
- ความสามารถ
ในการใช้
เทคโนโลยี

หลักสตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 45

ตารางวเิ คราะห์มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชี้วดั เพ่ือจัดทำคำอธบิ ายรายวชิ า

รายวชิ าวิทยาศาสตร์ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3

มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละ สาระสำคัญ กระบวนการ คณุ ลักษณะอัน สมรรถนะ
ตัวชีว้ ัด K (คำกรยิ า) พงึ ประสงค์ สำคัญผ้เู รยี น

มาตรฐาน ว 4.1 P A C
- ทกั ษะทางดา้ น - คำนึงถึง - ความสามารถ
เข้าใจแนวคิดหลักของ - เข้าใจแนวคดิ หลกั ของ วิทยาศาสตร์ ผลกระทบต่อชวี ิต ในการคดิ
คณิตศาสตรแ์ ละ สังคมและ - ความสามารถ
เทคโนโลยีเพอ่ื การ เทคโนโลยีเพอื่ การ สงิ่ แวดลอ้ ม ในการ
ศาสตรอ์ ่ืนๆ แกป้ ญั หา
ดำรงชวี ิตในสังคมทม่ี กี าร ดำรงชีวติ ในสงั คมทมี่ กี าร - - ความสามารถ
- ในการใช้
เปลย่ี นแปลงอยา่ ง เปลย่ี นแปลงอย่าง เทคโนโลยี

รวดเรว็ ใชค้ วามรแู้ ละ รวดเรว็ - ความสามารถ
ในการคดิ
ทักษะทางด้าน - แกป้ ญั หาหรือพฒั นา

วทิ ยาศาสตร์คณติ ศาสตร์ งานอยา่ งมีความคิด

และศาสตร์อ่ืนๆ เพอื่ สร้างสรรคด์ ว้ ย

แก้ปัญหาหรอื พฒั นางาน กระบวนการออกแบบ

อยา่ งมคี วามคิด เชิงวศิ วกรรม

สรา้ งสรรค์ดว้ ย - เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ ง

กระบวนการออกแบบเชงิ เหมาะสม

วิศวกรรม เลอื กใช้ - ใช้ความรูท้ างดา้ น

เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสม วิทยาศาสตรค์ ณิตศาสตร์

โดยคำนึงถึงผลกระทบ และศาสตรอ์ น่ื ๆ

ต่อชีวติ สังคมและ

สงิ่ แวดล้อม

ม. 3/1 วเิ คราะหส์ าเหตุ - วิเคราะหส์ าเหตุหรือ

หรือปัจจยั ทสี่ ่งผลตอ่ การ ปัจจัยทส่ี ง่ ผลตอ่ การ

เปล่ียนแปลงของ เปลย่ี นแปลงของ

เทคโนโลยแี ละ เทคโนโลยีและ

ความสมั พนั ธข์ อง ความสมั พันธข์ อง

เทคโนโลยกี บั ศาสตร์อนื่ เทคโนโลยีกับศาสตร์อ่นื

โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์ โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์

หลักสตู รสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ (เทคโนโลยี) 46

มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละ สาระสำคญั กระบวนการ คณุ ลกั ษณะอนั สมรรถนะ
ตัวชี้วดั K (คำกริยา) พงึ ประสงค์ สำคญั ผเู้ รียน

P A C
-
หรอื คณติ ศาสตร์เพอ่ื เปน็ หรือคณิตศาสตร์เพอื่ เป็น
-
แนวทางการแกป้ ัญหา แนวทางการแกป้ ัญหา

หรือพฒั นางาน หรือพฒั นางาน

ม. 3/2 ระบปุ ัญหาหรือ - ระบปุ ญั หาหรือความ คำนึงถึงความถกู - ความสามารถ
ต้องด้านทรพั ยส์ ิน ในการคิด
ความตอ้ งการของชุมชน ต้องการของชมุ ชนหรอื
ทางปญั ญา - ความสามารถ
หรือท้องถ่นิ เพ่ือพฒั นา ทอ้ งถ่ินเพอื่ พฒั นางาน ในการใช้ทักษะ
ชวี ิต
งานอาชพี สรปุ กรอบของ อาชพี

ปญั หา รวบรวม - สรปุ กรอบของปญั หา

วิเคราะห์ขอ้ มลู และ - รวบรวมวเิ คราะหข์ ้อมลู

แนวคิดท่ีเกีย่ วขอ้ งกับ และแนวคิดท่เี ก่ยี วขอ้ ง

ปัญหาโดยคำนงึ ถงึ ความ กับปญั หา

ถูกตอ้ งดา้ นทรพั ยส์ นิ ทาง

ปญั ญา

ม. 3/3 ออกแบบวิธีการ - ออกแบบวธิ ีการ - - ความสามารถ
ในการ
แกป้ ัญหาโดยวิเคราะห์ แกป้ ญั หา แกป้ ญั หา

เปรยี บเทยี บและตัดสนิ ใจ - วเิ คราะหเ์ ปรยี บเทียบ

เลือกขอ้ มลู ทจี่ ำเป็น และตัดสินใจเลือกขอ้ มลู

ภายใต้เงื่อนไขและ ทจ่ี ำเปน็ ภายใตเ้ งือ่ นไข

ทรพั ยากรทมี่ ีอยู่ และทรัพยากรทมี่ ีอยู่

นำเสนอแนวทางการ นำเสนอแนวทางการ

แก้ปญั หาใหผ้ อู้ น่ื เข้าใจ แกป้ ัญหาใหผ้ อู้ ่ืนเข้าใจ

ด้วยเทคนิคหรอื วิธกี ารที่ ดว้ ยเทคนิคหรือวธิ ีการท่ี

หลากหลาย วางแผน หลากหลาย วางแผน

ข้ันตอนการทำงานและ ข้นั ตอนการทำงานและ

ดำเนนิ การแกป้ ญั หา ดำเนินการแกป้ ญั หา

อย่างเป็นข้นั ตอน อย่างเป็นขัน้ ตอน


Click to View FlipBook Version