การแยกสารในชีวิตประจําวัน การแยกสารในชีวิตประจําวัน ดวยการระเหยแหงและการ ดวยการระเหยแหงและการ ตกผลึก
ด .ช .ธนภัทร ชวกุล ม .2/7 เลขที 6 ด .ญ .จิรันธนิน วัชรีบํารุง ม .2/7 เลขที 21 ด .ญ .ลภัสธยาน์ วาณิชรุ่งโรจน์ ม .2/7 เลขที 42 ด .ญ .ไอยดา กูลศิริศรีตระกูล ม .2/7 เลขที 44 1 . 2 . 3 . 4 . สมาชิกในกลุ่ม
01 (evaporation) การระเหยแห้ง
การระเหยแห้ง การแยกสารด้วยวิธีนี้เหมาะสําหรับใช้แยกสารผสมที่เป็นของเหลวและมี ของแข็ง ละลายในของเหลวนี้ จนทําให้สารผสม มีลักษณะ เป็นของเหลวใส ซึ่งเราเรียกสารผสมนี้ว่า สารละลาย เช่น นํ้าทะเล นํ้าเชื่อมนํ้าเกลือ เป็นต้น การแยกสารโดยวิธีการระเหยแห้ง นิยมใช้ในการแยกเกลือออกจากนํ้าทะเล มีการนําเกลือเพื่อแยกนํ้าทะเลให้ได้เกลือสมุทรโดยวิธีการระเหยแห้ง ชาวนา เกลือเตรีมแปงนาแล้ว ใช้กังหันฉุดนํ้าทะเลเข้าสู้แปลงนาเกลือหลังจาก นั้น ปล่อยให้นํ้าทะเลได้รับแสงแดดเป็นเวลานานจนกระทั่งนํ้าระเหยจนแห้ง จะ เหลือเกลืออยู่ในนา เกลือที่ได้นี้เรียกว่า เกลือสมุทรซึ่งเป็นเกลือที่นํามาปรุง อาหาร ทําเครื่องดื่ม
ตัวอย่างของการระเหยในชีวิตประจําวัน เช่น การตากผ้า การทํา นาเกลือ การเกิดฝน จากตัวอย่างที่กล่าวมา ใช้หลักการระเหยทั้งสิ้น ในที่นี้ของยก ตัวอย่างใกล้ตัวนั่นคือการซักผ้า เมื่อเราซักผ้า โมเลกุลของนํ้าก็จะ เข้าไปอยู่ในเนื้อผ้า เมื่อเรานําผ้าเปียกไปตากแดด โมเลกุลของ นํ้าได้รับความร้อนระดับหนึ่งที่สามารถทําให้โมเลกุลของนํ้าที่อยู่ บริเวณผิวหน้าของผ้าสามารถเอาชนะแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง โมเลกุลได้ และเคลื่อนตัวออกห่างจากกันจนหลุดออกไปจากผิว หน้าของผ้าแล้วระเหยกลายเป็นไอได้ เมื่อนํ้าระเหยออกไปผ้าของ เราก็จะแห้งตามที่เราต้องการ
นอกจากนี้ เราอาจจะเคยมีคําถามนี้เกิดขึ้นในใจนั่นคือ ในวันที่ อากาศร้อน เวลาเหงื่อออก หลังจากเหงื่อแห้ง ทําไมเราจึงรู้สึก เย็นสบาย? เมื่อคนรู้สึกร้อนโดยธรรมชาติแล้วร่างกายคนเราจะ ขับเหงื่อออกมา องค์ประกอบหลักที่อยู่ในเหงื่อ จะประกอบไปด้วย โมเลกุลของนํ้าและเกลือ เมื่อพิจารณาที่หยดเหงื่อ จะเห็นว่าเมื่อ หยดนํ้าดูดพลังงานความร้อนจากร่างกาย จะทําให้โมเลกุลของนํ้า ที่บริเวณผิวมีพลังงานจลน์สูงขึ้น โมเลกุลเหล่านี้จะระเหย โดย เปลี่ยนสถานะจากของเหลวกลายเป็นแก๊ส (ไอนํ้า) เนื่องจาก ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอของนํ้า มีค่าเท่ากับ 40.79 KJ/MOL ดังนั้นพลังงานความร้อนที่ถูกโมเลกุลของนํ้าในหยดเหงื่อ ใช้ไปในกระบวนการระเหย ซึ่งถูกดึงออกไปพร้อมๆ กับการระเหย ของไอนํ้า สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ทําให้อุณหภูมิของร่างกายลดลง รู้สึก เย็น และรู้สึกสดชื่น
(CRYSTALLIZATION) 02 การตกผลึก
การตกผลึก คือ การแยกของผสมที่เป็นของแข็งที่มีสมบัติการละลาย ในตัวทําละลายต่างกันและได้ไม่เท่ากันทุกอุณหภูมิ มีหลักการ คือ เมื่อนําของผสมละลายในตัวทําละลายต้มสารละลายนั้นจนละลายหมด แล้วทิ้งให้อุณหภูมิลดลง สารที่ละลายน้อยกว่าจะอิ่มตัวแล้วตกผลึก แยกออกมาก่อน เช่น นํ้าตาลกับเกลือซิลเวอร์ไนเตรตกับ โพแทสเซียมไนเตรต การแยกเกลือโซเดียมคลอไรด์ออกจากนํ้าทะเล การตกผลึก
การเกิดกระบวนการตกผลึก การทําให้ตัวถูกละลายในสารละลายตกผลึก สารละลายดังกล่าวจะต้องอิ่ม ตัวอย่างยิ่งยวด จากการมีปริมาณของตัวถูกละลายไม่ว่าจะอยู่ในรูปของอะตอม โมเลกุล หรือไอออน มากกว่าปกติภายใต้สภาวะสมดุล (Equilibrium) ของ สารละลายอิ่มตัว ซึ่งผลึกที่สมบูรณ์ของสารแต่ละชนิดจะมีรูปร่างและโครงสร้างที่ แตกต่างกันออกไป ตามกระบวนการตกผลึกหรือการเย็นตัวลงของสารละลายดัง กล่าว โดยทั่วไป สารละลายอิ่มตัวที่มีอุณหภูมิลดตํ่าลงอย่างรวดเร็วมักก่อให้เกิด ผลึกของแข็งหรือคริสตัลขนาดเล็ก ขณะที่การเย็นตัวลงอย่างช้า ๆ มักก่อให้เกิด ผลึกที่มีขนาดใหญ่
การตกผลึกในธรรมชาติ การตกผลึกตามช่วงเวลาปกติ การเกิดแร่ธาตุและอัญมณี การเกิดหินงอก (Stalactites) และหินย้อย (Stalagmites) การเกิดเกล็ดหิมะ (Snow) และผลึกนํ้า การตกผลึกของนํ้าผึ้งและเกลือ แข็ง (Ice Crystals) ตัวอย่างของการตกผลึกตามมาตราทางธรณีกาล
THANK YOU!