ประเพณีกวนข้าวทิพยช์ มุ ชนบา้ นมาบตะโกเอน
สานักงานวัฒนธรรมอาเภอครบรุ ี
โทร. ๐๘ ๑๘๗๔ ๕๔๐๘
คานา
สำนักงำนวัฒนธรรมอำเภอครบุรี ได้จัดทำข้อมูลองค์ควำมรู้ เรื่อง ประเพณีกวนข้ำวทิพย์ชุมชน
บ้ำนมำบตะโกเอน เพื่อรวบรวมข้อมูลองค์ควำมรู้และเนื้อหำสำระทำงวัฒนธรรม สำหรับใช้ในกำรดำเนินงำน
ทำงวัฒนธรรมและนำไปสู่กระบวนกำรเรียนรู้ และกระบวนกำรสร้ำงควำมภำคภูมิใจต่อมรดกทำงวัฒนธรรม
และภูมปิ ญั ญำทีม่ อี ยู่ในพื้นที่ อนั จะนำไปสูก่ ระบวนกำรสืบสำน สืบทอด ประยกุ ตใ์ ช้และเผยแพร่วัฒนธรรมอันดี
งำมตอ่ ไป
ขอขอบคุณผู้ที่เก่ียวข้องในกำรจัดทำข้อมูลองค์ควำมรู้ ท่ีให้ควำมร่วมมือในกำรจัดทำข้อมูลองค์ควำมรู้
เป็นไปด้วยควำมเรียบรอ้ ยและสำเรจ็ ดว้ ยดี และหวังเป็นอย่ำงย่ิงว่ำจะเกิดประโยชน์ต่อกำรสืบสำนและเผยแพร่
วฒั นธรรมใหม้ ปี ระสิทธภิ ำพในโอกำสตอ่ ไป
สำนักงำนวฒั นธรรมอำเภอครบุรี
สารบญั หนา้
คำนำ ๑
ชมุ ชนบ้ำนมำบตะโกเอน ๒
๒
๑.ประวตั ิควำมเป็นมำของหมู่บำ้ น ๒
๑.๑ ท่ตี ้ัง ๙
๑.๒ ลักษณะภูมปิ ระเทศ ๑๒
๑๖
ชมุ ชนคณุ ธรรมบ้ำนมำบตะโกเอน บนวิถีพอเพียง
อตั ลักษณโ์ ดดเด่น ๒๑
ประเพณกี วนขำ้ วทิพย์และตกั บำตรเทโวโลหณะ ๒๑
ประเพณีกวนขำ้ วทิพย์ ๒๒
๒๓
ควำมม่งุ หมำยของประเพณี ๒๔
ขัน้ ตอนกำรปฏิบตั ิหรอื จัดพธิ ีกรรม ๒๖
ศำสนพิธี ๓๑
อปุ กรณ์ในกำรกวนข้ำวทิพย์ ๓๑
ส่วนผสมที่ต้องเตรียม ๓๒
ขั้นตอนกำรดำเนินกำรกวนข้ำวทิพย์ ๓๒
คติควำมเชื่อทีเ่ กี่ยวข้อง
อทิ ธพิ ลควำมเช่ือในพธิ กี วนข้ำวทพิ ย์
คณุ คำ่ ของประเพณี
กำรสบื ทอดประเพณี
ประเพณกี วนข้าวทิพยช์ ุมชนบา้ นมาบตะโกเอน
ชุมชนบ้านมาบตะโกเอน
๑.ประวตั ิความเป็นมาของหมบู่ ้าน
หมู่บ้านมาบตะโกเอน หมทู่ ่ี ๒ ตงั้ ขึน้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘ โดยราษฏรได้อพยพมาจาก หลายจงั หวดั
หลายอาเภอ จึงทาใหม้ ีการพูดหลายภาษา และประเพณีที่หลากหลาย
มีนายสมหมาย พรมสขุ กาย เป็นกานันคนแรก และในปัจจุบนั มี นายประเสริฐศกั ดิ์ บุญโสม เป็น
กานัน
๑.๑ ที่ตง้ั (รูปแผนทห่ี มู่บา้ น)
เขตอำเภอหนองบุญมำก
ตำบลแชะ
บำ้ นบยุ ำยแลบ ม.4 บำ้ นดงดินแดง ม.7
บำ้ นใหมห่ นองมน ม.10
ท่ีทำกำร อบต. บำ้ นประดู่งำม ม. 6 บำ้ นหนองสองหอ้ ง ม. 5
ไปดอนแขวน
บำ้ นโคกสะอำด ม. 3 บำ้ นมำบตะโกเอน ม. 2
บำ้ นบมุ ะค่ำ ม. 8 บำ้ นเกษตรสมบูรณ์ ม. 9
บำ้ นบมุ ะค่ำ ม. 1
ไปอำเภอคร ุบ ีร ตำบลสระวำ่ นพระยำ
สัญลกั ษณ์
เส้ นแบ่ งเขตตาบล
ถนน
หมู่บ้าน
ที่ทาการ อบต.
-2-
๑.๒ ลกั ษณะภูมิประเทศ.ที่ตั้ง
บา้ นมาบตะโกเอน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ของท่ีว่าการอาเภอ ครบุรี และห่างจากตัวอาเภอ
ประมาณ ๑๒ กิโลเมตร โดยเป็นถนนลาดยาง บ้านมาบตะโกเอน มีพ้ืนท่ีรวมทั้งหมด ๒,๗๕๐ ไร่ พ้ืนท่ี
ส่วนใหญ่เป็นท่ีลุ่ม สภาพดินร่วนซุยมีแหล่งน้า ๒ แหล่ง คืออ่างเก็บน้า บุมะค่า ฝายก้ันน้าคลองสะแก มีพื้นท่ี
เพอ่ื ทาการเกษตร ๒,๒๓๐ ไร่ ท่เี หลือเปน็ ทอ่ี ยู่อาศยั ประมาณ ๕๒๐ ไร่
อาณาเขตของหมู่บ้าน
ทศิ เหนือ ติดตอ่ กับ บ้านบยุ ายแลบ หมูท่ ี่ ๔ ตาบลมาบตะโกเอน
ทิศใต้ ตดิ ต่อกับ บา้ นราษฎรส์ ขุ สันต์ หมู่ท่ี ๖ ตาบลสระวา่ นพระยา
ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ต่อกบั บา้ นประดู่งาม หม่ทู ี่ ๖ ตาบลมาบตะโกเอน
ทศิ ตะวันตก ติดต่อกับ บ้านบุมะค่า หมู่ท่ี ๘ ตาบลมาบตะโกเอน
บ้านมาบตะโกเอน เป็นชุมชนคุณธรรมพลังบวรที่มีกระบวนการส่งเสริมคุณธรรม ความดี
ภายใตห้ ลักธรรมทางศาสนา หลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และวิถีวัฒนธรรมท่ีดีงาม โดยมุ่งเน้นให้คนในชุมชน
ยึดมนั่ หลักธรรมทางศาสนา น้อมนาหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดาเนินชีวิต บนประเพณีและ
วิถีวัฒนธรรมไทยท่ีดีงาม โดยมีวัดหรือศาสนสถานเป็นศูนย์รวมทางจิตใจ เป็นแหล่งเรียนรู้สืบสานประเพณี
วัฒนธรรมและภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ รวมทงั้ เป็นศูนย์ฝกึ อาชีพเสรมิ สรา้ งรายได้แก่คนในชมุ ชน สง่ ผลใหค้ นในชุมชนมี
ความสุข อยู่ดี กินดี และสามารถใช้ชีวิตพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงเสริมสร้างให้ชุมชน เกิดความเข้มแข็งโดยรวม
กล่มุ คนในชุมชนอยา่ งมีพลังนาทนุ ทางวฒั นธรรมมาพฒั นาตอ่ ยอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มีขับเคลื่อน
การดาเนินงานโครงการชุมชนคุณธรรมโดยส่งเสริมให้วัด ศาสนสถานร่วมกับชุมชนทั่วประเทศ นาพลัง “บวร”
บา้ น วัด ศาสนสถาน โรงเรยี น และราชการ รว่ มสรา้ งให้ประเทศชาติ เกิดความมั่นคงสงบสุข ร่มเย็นด้วยมิติทาง
ศาสนา และม่งั คัง่ ทางเศรษฐกิจภายใตห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งบนวิถีวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยอย่างย่ังยืน
โดยกาหนดคณุ ลักษณะ วดั ศาสนสถาน หนว่ ยราชการ และชุมชน ทเ่ี ข้ารว่ มเปน็ เครอื ข่ายชุมชนคณุ ธรรม ดังนี้
-3-
๑. รายชื่อผนู้ าพลังบวร ที่รว่ มขับเคล่อื นชุมชนคณุ ธรรม
ที่ ผ้นู าพลงั บวร อุดมการณ/์ แนวคิด (ระบเุ ชิงพรรณนา)
๑ ผนู้ ำศำสนำ เปน็ ผู้นำทำงจติ วญิ ญำณของคนในชมุ ชน เปน็ ที่เคำรพนบั ถือ
๑.๑ พระครูพิศำลศีลคุณ มจี ริยวัตรทง่ี ดงำม เป็นที่เส่ือมใส ศรัทธำของผคู้ นในชมุ ชน
เจ้ำคณะตำบลมำบตะโกเอน
เจำ้ อำวำสวดั มำบตะโกเอน
๒ ผนู้ ำชมุ ชน เป็นผูน้ ำทำงปกครองทเี่ ข้มแข็ง เสยี สละ เป็นศูนย์รวมใจของ
๒.๑ ชือ่ นำยเล้ยี ม เกตุค้ำงพลู ผใู้ หญ่บ้ำน และคนในชุมชน ทุกหม่บู ้ำน
ผูใ้ หญ่บำ้ นมำบตะโกเอน ม.๒
๒.๒ ชอ่ื ประเสรฐิ ศกั ด์ิ บญุ โสม
กำนันตำบลมำบตะโกเอน
๓ ผ้นู ำองค์กรปกครองสว่ นท้องถนิ่ เป็นผนู้ ำทอ้ งถ่ินที่เข้มแข็ง ให้ควำมสำคญั กบั วฒั นธรรม
๓.๑ ชอื่ นำยเลยี บ บญุ เช่อื ง ประเพณีของชมุ ชน ใหก้ ำรสนับสนบั สนนุ ชุมชนคุณธรรมวดั
นำยก อบต.มำบตะโกเอน พรหมรำชอย่ำงต่อเน่ือง
๔ ผู้นำตำมธรรมชำติ (ปรำชญช์ ำวบำ้ น เป็นนักคิด นกั พดู นักประชำสัมพันธ์ ทส่ี รำ้ งควำมรู้ ควำม
และภูมิปญั ญำท้องถ่นิ ) เข้ำใจเกีย่ วกับชุมชนคุณธรรมวดั มำบตะโกเอนแก่นกั ท่องเท่ียว
๔.๑ ชื่อนำยแก้ว หวังแนบกลำง และแขกผูม้ ำเยือน มคี วำมรอบรู้เกีย่ วกบั บรบิ ทของชุมชน
๔.๒ ชอื่ นำยไมตรี ดำละกอ
๕ ผู้บรหิ ำรสถำนศึกษำ/ครู อำจำรย์ เปน็ ผนู้ ำสถำนศกึ ษำทเ่ี ขม้ แข็ง ให้ควำมรว่ มมือเปน็ อย่ำงดกี ับ
๕.๑ นำงนัทภำ วรรณประพนั ธ์ ชมุ ชนคุณธรรมวัดมำบตะโกเอน เน่อื งจำกโรงเรียนบำ้ นมำบ
ผอ.โรงเรยี นมำบตะโกพิทยำคม ตะโกเอนและโรงเรยี นชมุ ชนบ้ำนมำบตะโกเอน เป็นโรงเรียนท่ี
๕.๒ นำยเอกอรรถ ถูกหมำย อยูต่ ิดวดั จงึ มคี วำมใกลช้ ดิ กับวดั และชุมชน
ผอ.โรงเรียนชมุ ชนบ้ำนมำบตะโกเอน
๒. จานวนรายไดแ้ ละหน้สี ินเฉล่ยี ตอ่ ครัวเรือนตอ่ ปี
ที่ รายการ จานวน
๑ รำยไดเ้ ฉล่ยี ของ ๒๕๖๓ ๒๕๖๔ ๒๕๖๕
ครัวเรอื นต่อปี
จำนวน ๑๐๔,๖๐๐บำท จำนวน ๑๑๐,๒๐๐บำท จำนวน ๑๒๒,๐๐๐ บำท
๒ หนสี้ ินเฉลย่ี ของ
ครวั เรือนตอ่ ปี จำนวน ๖๐,๐๐๐..บำท จำนวน ๕๒,๐๐๐ บำท จำนวน ๔๓,๐๐๐ บำท
-4-
๓. การรวมกลุ่มในชุมชน
ท่ี รายการ ๒๕๖๓ รายช่ือกลุ่มที่มีในชุมชน ๒๕๖๕ ทมี่ าของ
๒๕๖๔ ขอ้ มูล
๑ กลมุ่ อำชพี ๑) ชอ่ื กลมุ่ ทำขนมกระหร่ีพ๊ัพ ๑) ช่ือกล่มุ ทำขนมกระหรพ่ี ๊พั
๑) ชื่อกลุ่มทำขนมกระหรี่พพั๊ ๒) ช่อื กลมุ่ ทอเส่ือกก สนง.พฒั นำ
๒) ชือ่ กลมุ่ ทอเสือ่ กก ๒) ชื่อกล่มุ ทอเสอ่ื กก ๓) ช่อื กลมุ่ ปลูกผักปลอด ชุมชนอำเภอ
๓) ช่อื กลมุ่ ปลกู ผักปลอด สำรพษิ ครบุรี
๓) ชอ่ื กลมุ่ ปลกู ผักปลอด สำรพิษ ๑) ชอื่ กลุ่มออมทรัพย์
๑) ชอ่ื กลุ่มออมทรพั ย์ ๒) ชอ่ื กลุ่มกองทุนหมู่บำ้ น สนง.พัฒนำ
สำรพษิ ๒) ช่ือกลมุ่ กองทุนหมู่บ้ำน ชุมชนอำเภอ
๑) ชอ่ื กลุม่ ครบุรี
๒ กล่มุ ออม ๑) ชื่อกลมุ่ ออมทรัพย์ ๑) ชอ่ื กลมุ่ จิตอำสำวดั มำบตะโกเอน สนง.พัฒนำ
จิตอำสำวดั มำบตะโกเอน ๒) ชอ่ื กลมุ่ ชุมชนอำเภอ
ทรพั ย์ ๒) ชอื่ กลุ่มกองทนุ หม่บู ำ้ น ๒) ชื่อกลมุ่ จติ อำสำตำบลมำบตะโกเอน ครบุรี
จิตอำสำตำบลมำบตะโกเอน
๓ กลุ่มจิต ๑) ชอ่ื กลุ่ม
อำสำ จิตอำสำวดั มำบตะโกเอน
๒) ชอื่ กลมุ่
จติ อำสำตำบลมำบตะโกเอน
๔. จานวนแหลง่ เรยี นรู้ กล่มุ ศึกษาดูงาน ผู้มาเยือน/นักทอ่ งเที่ยว
ที่ รายการ ๒๕๖๔ จานวน ชือ่ -สกุล
๒๕๖๕ เบอร์โทรผูป้ ระสำนงำน
พระครูพศิ ำลศีลคุณ
๑ แหลง่ เรยี นร/ู้ ศูนย์เรยี นรู้ ศูนยเ์ รียนรู้เศรษฐกิจ ศูนยเ์ รียนร้เู ศรษฐกิจพอเพียง โทร. ๐๘ ๙๗๖๘ ๑๔๗๖
พอเพยี งมำบตะโกเอน มำบตะโกเอน
๒ กลุ่มบุคคลและบคุ คลที่ จำนวน ๒ กล่มุ จำนวน ๗ กลุ่ม พระครูพศิ ำลศลี คณุ
เข้ำมำศึกษำดงู ำนใน โทร. ๐๘ ๙๗๖๘ ๑๔๗๖
ชมุ ชน รวมเปน็ จำนวน ๗๐๐ คน รวมเป็น จำนวน๑,๒๐๐ คน
พระครูพิศำลศีลคณุ
๓ ผมู้ ำเยอื นและ จำนวน ๘๙๐ คน จำนวน ๑,๗๐๐ คน โทร. ๐๘ ๙๗๖๘ ๑๔๗๖
นักทอ่ งเท่ยี ว พระครูพิศำลศลี คณุ
จำนวน ๑ เส้นทำง จำนวน ๑ เส้นทำง โทร. ๐๘ ๙๗๖๘ ๑๔๗๖
๔ เสน้ ทำงทอ่ งเทีย่ วใน
ชมุ ชน
-5-
๕. ผลิตภณั ฑ์ทางวฒั นธรรมของชุมชน
ประเภท ช่ือผปู้ ระกอบการหรือ เฟซบุก๊ /
ผูน้ ากลุ่มทป่ี ระกอบการ เวบ็ ไซต์
ท่ี ชื่อผลิตภัณฑ์ เปน็ ไม่เป็น เบอรโ์ ทรตดิ ต่อ /line id
CPOT OTOP -
๑ กล้วยกรอบ / / นำงรจนำ มุ่งหมำยกจิ ๐๘ ๔๓๗๕ ๙๙๒๖ -
แกว้
๒ เสอ่ื กก // นำยนุม่ ปวงกระโทก ๐๘ ๖๗๘๘ ๒๔๗๘
๖. อาหารพน้ื บา้ นที่ขนึ้ ชื่อหรอื สารับอาหารพ้ืนบ้านพร้อมรับนกั ท่องเท่ียวและผมู้ าเยือน
ท่ี ช่ือรำยกำรอำหำร ประเภท ช่ือภมู ิปญั ญำหรือผู้ประกอบกำร เบอร์โทร
ตดิ ตอ่
คำว หวำน
๑ กลว้ ยกรอบแกว้ / นำงรจนำ มุ่งหมำยกิจ ๐๘ ๔๓๗๕
๙๙๒๖
๒ แกงขนุน / นำงอ่อน นำคน้อย ๐๘ ๑๖๗๔
๓๗๔๔
๗. ศิลปะการแสดงทีเ่ ป็นอัตลักษณ์ของชุมชน
ท่ี ชือ่ ศิลปะการแสดง ช่ือผู้ดูแล/ประสานงาน เบอร์โทรตดิ ตอ่ เฟซบกุ๊ /เว็บไซต์/line
id
๑ ศลิ ปะรำมวยไทย โรงเรยี นมำบตะโกเอนพิทยำคม ๐๔๔ ๕๔๗๖๘๖ -
๘. การสบื สานเทศกาล ประเพณีและวัฒนธรรมหรอื กิจกรรมสาคัญทเ่ี ปน็ อตั ลักษณ์ของชุมชน
ที่ เดือน ช่ือเทศกาล ประเพณีและวัฒนธรรม วัน/เดอื น/ปี ท่มี าของข้อมูล หมาย
หรอื กิจกรรมสาคญั ทเี่ ป็นอตั ลักษณ์ของชุมชน ท่ีจดั เหตุ
๑ มกรำคม ตกั บำตรทำบุญวันขึน้ ปใี หม่ ๑ ม.ค. ชมุ ชนคณุ ธรรม
๒ กุมภำพนั ธ์ งำนนมัสกำรปิดทองพทุ ธนมิ ติ รองค์ดำ ชมุ ชนคณุ ธรรม
3 มนี ำคม บุญเทศนม์ หำชำติ ๒๒-๒๓ก.พ. ชุมชนคณุ ธรรม
4 เมษำยน กำรจดั งำนสงกรำนต์แบบดงั้ เดิม ชุมชนคณุ ธรรม
5 พฤษภำคม วันวสิ ำขบชู ำ ม.ี ค. ชุมชนคุณธรรม
6 มิถนุ ำยน วันอำสำฬหบูชำและวนั เข้ำพรรษำ ชุมชนคุณธรรม
7 กรกฎำคม งำนบุญสำรทขำ้ วประดบั ดนิ ๑๒-๑๓ เม.ย. ชุมชนคณุ ธรรม
8 สิงหำคม วนั ออกพรรษำ กวนข้ำวิพย์ตักบำตรเทโว ชมุ ชนคณุ ธรรม
9 กันยำยน โปลรหะณเพะณลี อยกระทง ขเมึ้น.ย.๑๖๕๒ คำ่ ชุมชนคุณธรรม
10 ตุลำคม สวดมนต์ขำ้ มปี ชุมชนคุณธรรม
11 พฤศจิกำยน ขน้ึ ๑๕ ค่ำ ชุมชนคณุ ธรรม
12 ธนั วำคม ชุมชนคณุ ธรรม
แรม ๑๔ ค่ำ
ขน้ึ ๑๕ คำ่
ขน้ึ ๑๕ คำ่
๓๑ ธ.ค.
-6-
๙. กิจกรรมเทิดทนู สถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ท่ีสาคัญในชมุ ชน
ที่ ประจาเดอื น ชอ่ื กิจกรรม วัน/เดือน/ปี ท่ีจดั หมายเหตุ
โปรดระบุ (ไดม้ ากกว่า ๑ รายการ/เดือน)
13 ตุลำคม ทุกปี
๑ ตลุ ำคม บำเพ็ญกุศลถวำยเปน็ พระรำชกศุ ล
-
วนั คลำ้ ยวนั สวรรคต ในหลวงรชั กำลที่ 9 5 ธันวำคม ทกุ ปี
๒ พฤศจิกำยน - -
-
3 ธนั วำคม วนั พอ่ แห่งชำติ -
๒ เม.ย.
4 มกรำคม -
ขึ้น ๑๕ ค่ำ
5 กุมภำพนั ธ์ -
๓ ม.ิ ย. ทุกปี
6 มีนำคม - ๒๘ ก.ค.ทุกปี
๑๒ ส.ค.ทกุ ปี
7 เมษำยน วันอนรุ ักษม์ รดกไทย
-
8 พฤษภำคม วนั วสิ ำขบชู ำ
9 มถิ นุ ำยน วนั เฉลิมพระชนมพรรษำ ๓ มิถนุ ำยน
10 กรกฎำคม วนั เฉลมิ พระชนมพรรษำ ๒๘ กรกฎำคม
11 สิงหำคม วนั แมแ่ ห่งชำติ
12 กนั ยำยน -
-7-
ชุมชนวัดมาบตะโกเอน เป็นชุมชนคุณธรรมฯ ต้นแบบที่มีความเข้มแข็ง ยึดมั่นในหลักธรรม
ทางศาสนาและเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดจนการสร้างภูมิคุ้มกัน
ให้กับ.สถาบันครอบครัว ชุมชน และสังคมให้เกิดความเข้มแข็ง เกิดค่านิยมท่ีดีงามในการดาเนินชีวิตที่มีความ.
พร้อมทางกาย ใจ สติปัญญา และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักธรรมทางศาสนา และน้อมนาปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียง และวิถีวัฒนธรรมไทย มาปรับใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต มีความปรองดองสมานฉันท์.มี
ความสุข มีความม่ันคง มีความเสมอภาคและเป็นธรรม เป็นชุมชนท่ีเกิดจากการมีส่วนร่วมของประชาชนทุก
ภาคส่วน(บวร) ภายใต้ระบบประชารัฐ และยังได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้วยการนา .
ผลิตภัณฑ์ของชุมชน ประกอบด้วย การปลูกพืช ผัก ปลอดสาร ตามแนวหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
และการนาภูมิปัญญาพ้ืนบ้าน เช่น การสาธิตการทาอาหารและขนมพ้ืนบ้าน การทากระหรี่พ๊ัพ การทาหมอน
การทาเสื่อกก ตลอดจนการจาหน่ายผลผลิตทางการเกษตรและสินค้าโอทอป ตลอดจนการจัดกิจกรรมวันสาคัญ
จดั กิจกรรมสบื สานประเพณี วฒั นธรรมไทยอยา่ งสมา่ เสมอเชน่ การจัดงานกวนข้าวทิพย์ การจัดงานประเพณีแห่
เทียนพรรษา ฯลฯ และการจัดกิจกรรมน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ เช่น การจัดทา
บัญชคี รัวเรือน กลุ่มอาชีพในชุมชน มาสร้างมูลค่าเพ่ิมและสร้างรายได้ให้แก่คนชุมชนสามารถพึ่งตนเองได้อย่าง
ยัง่ ยืน.
-8–
-9-
ชมุ ชนคณุ ธรรมบา้ นมาบตะโกเอน บนวถิ ีพอเพียง
ชุมชนวัดมาบตะโกเอนคนในชุมชนบ้านมาบตะโกเอน ตาบลมาบตะโกเอน อาเภอครบุรี
จังหวัดนครราชสีมา ได้น้อมนาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และวิถีวัฒนธรรมไทย มาปรับใช้ในการพัฒนา
คณุ ภาพชีวติ เป็นการการสรา้ งภูมคิ ุ้มกนั ในตวั เอง ตลอดจนใช้ความรแู้ ละคุณธรรม เป็นพ้นื ฐานในการดารงชีวิต
ที่สาคัญจะต้องมี “สติ ปัญญา และมีความเพียร” ซ่ึงจะนาไปสู่ “ความสุข” ในการดาเนินชีวิตอย่างแท้จริง
ชุมชนมีการสนับสนนุ และสง่ เสริมกลมุ่ อำชีพตำ่ ง ๆ ในหมบู่ ้ำน เช่น กลุ่มดอกไม้จันทน์ กลุ่มทอเสื่อกก กลุ่มปลูก
ผักปลอดสำรพิษ กล่มุ ทำขนมพ้นื บ้ำน หนึ่งตำบลหน่ึงผลิตภัณฑ์ตำบลมาบตะโกเอน เพ่ือให้สมำชิกมีรำยได้เสริม
และมีจิตสำนึกในกำรร่วมกันพัฒนำหมู่บ้ำน มีเงินกองทุนของหมู่บ้ำนใช้ในกำรบริหำรจัดกำรภำยในหมู่บ้ำน
ส่งเสริมให้ชำวบ้ำนใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อลดต้นทุนกำรผลิต มีกำรทำเกษตรกรรมแบบหลำกหลำย มีปุ๋ยน้ำหมัก
ชีวภำพทำให้ชุมชนวัดมาบตะโกเอน พัฒนำสู่ควำมม่ังคง มั่งค่ัง และอย่ำงย่ังยืนต่อไป นอกจำกนี้ยังมีกำร
รวมกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มกองทุน กลุ่มแม่บ้าน เป็นต้น ท้ังนี้ คนในชุมชนได้ยึดมั่นในการ
เสริมสรา้ งค่านิยมหลัก ๑๒ ประการ มีความรัก ความสามัคคี โดยนาหลักธรรมคาสอนของพระพุทธศาสนา
มาปรับใช้ในการดารงชีวิตประจาวันได้อย่างเหมาะสม เกิดความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และ
ประพฤติตนให้เป็นคนดีของสังคม สามารถพ่ึงพาตนเองได้ และมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ท่ีเอื้ออาทรพ่ึงพาซ่ึงกัน
และกัน ชมุ ชนมีความเขม้ แขง็ มคี ุณภาพชวี ติ ทีด่ ี.
- 10 –
วัดมาบตะโกเอน ต้ังอยู่ที่บ้านมาบตะโกเอน หมู่ ๒ ตาบลมาบตะโกเอน อาเภอครบุรี จังหวัด
นครราชสีมา ปัจจุบันมีพระครูพิศาลศีลคุณ เป็นเจ้าอาวาสวัด ได้ร่วมกับประชาชนในชุมชนตาบลมาตะโกเอน
ดาเนินการจัดโครงการและกิจกรรมโดยนามิติทางศาสนาและวัฒนธรรมมาเสริมสร้างชุมชนเกิดความเข้มแข็ง
และอยู่เย็นเป็นสุข ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้พ้ืนที่วัดมาบตะโกเอนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้
ด้านการศึกษา ศาสนาและสืบสานวัฒนธรรมประเพณี เพ่ือสร้างชุมชนและสังคมท่ีดี โดยเปิดพื้นที่วัดเป็นลาน
ธรรมและลานกิจกรรมด้านสุขภาพ เพ่ือสร้างแกนนาชุมชนในการร่วมดูแลสุขภาพอนามัยแก่ประชาชนในชุมชน
ให้มีคุณภาพชีวิตท่ีดี ตลอดจนเป็นศูนย์อนุรักษ์สืบทอดพระพุทธศาสนาและส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม อีกท้ัง
ร่วมกับสภาวฒั นธรรมตาบลมาบตะโกเอนเปดิ พนื้ ท่ีวดั เป็นลานวฒั นธรรมร่วมอนรุ ักษ์สบื สานวัฒนธรรม ประเพณี
อันดีงาม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน อนุรักษ์ภูมิปัญญาพ้ืนบ้าน เช่นการจัดงานตามประเพณี ๑๒ เดือน และการจัดงาน
ประเพณกี วนขา้ วทพิ ย์ เป็นต้น
- 11 –
- 12 –
อัตลักษณ์โดดเด่น
ชุมชนบ้ำนมำบตะโกเอน ประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้ทางด้านเกษตร มีวิถีกำรดำเนินชีวิต
แบบสังคมท่ีเรียบง่ำย มีเอ้ืออำทรซึ่งกันและกัน มีความรู้ภูมิปัญญาท้องถ่ินในด้านต่างๆ ส่งเสริมให้ชุมชนเข้า
ร่วมกิจกรรมทางศาสนาในวันธรรมสวนะ และวันสาคัญทางศาสนา เช่น การรักษาศีล ๕ การทาบุญตักบำตร
ในวันข้ึนปใี หม่ งำนวนั มำฆบชู ำ งำนวนั วสิ ำขบชู ำ งำนวนั อำสำฬหบชู ำ งำนรดน้ำ ดำหัว ขอพรผู้ใหญ่ในงำน
ประเพณสี งกรำนต์ งำนวันเขำ้ พรรษำ งำนวนั ออกพรรษำ และงำนบุญกฐนิ และจัดกิจกรรมกวนข้าวทิพย์ของ
วัดมาบตะโกเอน ซึ่งได้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นประจาทุกปี และเป็นแห่งเดียวในอาเภอครบุรีท่ียังอนุรักษ์ได้
อย่างยั่งยืน จนเป็นท่ีรับรู้ไปทั่วของชาวอาเภอครบุรีและอาเภอใกล้เคียง เป็นประเพณีท่ีชาวมาบตะโกเอนและ
ชาวอาเภอครบุรภี าคภูมิใจทไ่ี ดร้ ่วมกันสืบสาน ได้เรียนรแู้ ละซึมซบั ในประเพณอี ันดีงามน้ีสูอ่ นชุ นร่นุ หลงั
- 13 –
กิจกรรมกำรสง่ เสริมสถำบนั ชำติ ศำสนำและพระมหำกษตั ริยข์ องชมุ ชนคณุ ธรรมตน้ แบบวดั มำบตะโกเอน
พิธีทำบุญตักบำตร ปฏิบัติธรรม น่ังสมำธิ เจริญจิตภำวนำ ลด ละ เลิกอบำยมุข หรือปฏิบัติศำสนกิจ ตำมหลัก
ศำสนำของแต่ละศำสนำ เพ่ืออุทิศถวำยเป็นพระรำชกุศล ดำเนินกำรในวันท่ี ๕ ธันวำคม ของทุกปี จำนวน
ผู้เข้ำร่วมกิจกรรม (โดยประมำณ) ๕๐๐ รูป/คน โดย จัดกิจกรรมทำบุญตักบำตร ปฏิบัติธรรม นั่งสมำธิ เจริญ
จิตภำวนำ ลด ละ เลิกอบำยมุข หรือปฏิบัติศำสนกิจn พระครูพิศำลศีลคุณ เจ้ำคณะตำบลมำบตะโกเอน เจ้ำ
อำวำสวดั มำบตะโกเอน เป็นประธำนฝ่ำยสงฆ์ นำยเลยี บ บุญเชอื่ ง เป็นประธำนฝ่ำยฆรำวำส
- 14 -
กิจกรรมจิตอาสาทาความดีด้วยหัวใจ เพ่ือน้อมราลึกในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จ
พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร วนั ทีด่ าเนนิ การ ๕-๙ ธันวาคม ๒๕๖๔ โดยจัดกิจกรรมทา
ความสะอาดในชุมชนและบริเวณวัด โดยมี นายบุญเลี้ยง เกตุค้างพลู กานันตาบลมาบตะโกเอน ผู้ใหญ่บ้าน
ประชาชน และพระสงฆ์รว่ มกนั จานวนผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรม ๒๒๖ รปู /คน โดยประมาณ
การจัดงานนมัสการปดิ ทองหลวงพ่อพุทธนมิ ติ องค์ดา มีการจัดกจิ กรรมให้ประชาชนในชุมชนร่วม
นมสั การปิดทองหลวงพ่อพุทธนมิ ิตองค์ดา ระยะเวลาดาเนนิ การ เดอื น ๑๒-๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ จานวนผ้รู ว่ ม
กิจกรรม ๑,๐๐๐ รูป/คน มจี านวนกล่มุ เดก็ วยั เรียน (อายรุ ะหวา่ ง ๕ - ๑๖ ป)ี เข้ารว่ มกิจกรรมจานวน ๑๕๐ คน
- 15 -
- 16 –
ประเพณีกวนข้าวทพิ ยแ์ ละตักบาตรเทโวโลหณะ
การจดั กิจกรรม กวนขา้ วทิพย์และตักบาตรเทโวโลหณะ ผู้สงู อายใุ นพื้นท่แี ต่งกายดว้ ยผ้าไทย (มี
การประกวดแขง่ ขัน) ระยะเวลาดาเนินการ ๑๓-๑๔ ตลุ าคม ของทุกปี จานวนผูร้ ว่ มกจิ กรรม ๑,๐๐๐ รปู /คน
มจี านวนกลุม่ เด็กวยั เรยี น (อายรุ ะหว่าง ๕ - ๑๔ ป)ี เข้าร่วมกจิ กรรมจานวน ๓๘๐ คน
- 17 -
กิจกรรม วันอาสาฬหบชู าและวันเขา้ พรรษา
ชุมชนบ้านมาบตะโกเอนจัดกิจกรรม เข้าวัดทาบุญตักบาตรเนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา
กจิ กรรมรกั ษาศลี เจรญิ จิตภาวนา ปฏบิ ตั ธิ รรมและสวดมนต์เป็นสิริมงคล และกิจกรรมรณรงค์และสร้างแรงจูงใจ
ในการลด ละ เลิก อบายมุขในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ระยะเวลาดาเนินการ ๑๔ กรกฎาคม ของทุกปี จานวนผู้
ร่วมกิจกรรม ๑,๐๐๐ รูป/คน มีจานวนกลุ่มเด็กวัยเรียน (อายุระหว่าง ๕ - ๑๔ ปี) เข้าร่วมกิจกรรมจานวน
๓๘๐ คน
- 18 -
กิจกรรม วนั เฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจา้ สิริกติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนีพนั ปี
หลวงและวนั แม่แหง่ ชาติ โดยจัดกจิ กรรม เข้าวดั ทาบญุ ตักบาตรเนือ่ งในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนาง
เจ้าสิรกิ ติ ์ิ พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนพี นั ปีหลวงและวนั แม่แหง่ ชาติ กจิ กรรมรักษาศีลเจริญจิตภาวนา
ปฏิบัติธรรมและสวดมนตเ์ ป็นสริ ิมงคลและถวายเป็นพระราชกุศล ระยะเวลาดาเนินการ ๑๒ สิงหาคม ของทุกปี
จานวนผ้รู ่วมกิจกรรม ๕๐๐ รปู /คน มจี านวนกลุ่มเดก็ วัยเรียน (อายุระหว่าง ๕ - ๑๔ ป)ี เขา้ ร่วมกิจกรรม
จานวน ๑๒๐ คน
- 19 -
กิจกรรมสวดมนตข์ ้ามปีถวายเป็นพระราชกุศล เสริมสริ มิ งคลทัว่ ไทย สง่ ท้ายปเี ก่าวถิ ไี ทยตอ้ นรับปใี หม่
วถิ ีธรรม ของชุมชนคณุ ธรรมต้นแบบ
- 20 -
ประเพณกี วนขา้ วทิพย์
ตานานโบราณกล่าวว่า“ขา้ วทิพย์” หรือ “ข้าวมธปุ ายาส”นนั้ เป็นอาหารวเิ ศษใช้สาหรับถวายเทวดา ท้ัง
ยงั มีความเชอ่ื ท่ีวา่ หากผ้ใู ดได้บรโิ ภคข้าวทิพยแ์ ลว้ จะประสบโชคลาภตา่ งๆ นานา ปราศจากโรคาพยาธิ ภัยพิบัติ
ประสบสิง่ ทเี่ ปน็ มงคล และมีกาลังวังชาแข็งแรงกว่าใครๆการกวนข้าวทิพย์น้ันเป็นพิธีกรรมของศาสนาพราหมณ์
ที่สอดแทรกเข้ามาปะปนในพิธีกรรมทางพุทธศาสนา โดยมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา เพื่อถวายแด่
พระภิกษุสงฆ์ บูชาพระรัตนตรัย และอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย แต่เดิมกระทากันในเดือน ๑๐ แต่ปัจจุบันน้ีส่วน
ใหญ่นิยมจัดกันในเดือน ๖เคร่ืองกวนข้าวทิพย์น้ันทาจากสิ่งต่างๆ ท่ีมนุษย์ใช้รับประทานหลากหลายชนิด จน
เรียกไดว้ า่ ทามาจากอาหาร ๑๐๘ อย่าง เช่น นา้ นมขา้ ว ข้าวสาลี ข้าวตอก ข้าวเม่าสาคู เผือก มัน นม เนย น้าผ้ึง
น้าออ้ ย ธัญพืชคว่ั สุกชนดิ ต่างๆ เชน่ ถ่ัว งา ลูกเดอื ย เมล็ดแตง เมลด็ บวั ผลไม้สด ผลไม้แหง้ เช่น มะพร้าวมะม่วง
กล้วย ทุเรียน ละมุด ลาไย ส้ม ขนุน เป็นต้น นามาบดผสมในน้ากะทิกรองเอาแต่น้า แล้วนามากวนบนไฟ
ออ่ นๆ เรียกการกวนนีว้ ่า“ประเพณกี วนข้าวทพิ ย"์
ทม่ี าของประเพณกี วนข้าวมธปุ ายาสนั้นมีผู้สนั นษิ ฐานตา่ งกนั ออกไปเป็น ๒ ประเภท คือ
๑. พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยูห่ ัว ไดท้ รงกลา่ วไวใ้ นพระราชพิธีสิบสองเดือน ว่าประเพณีน้ีมี
ที่มาปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ธรรมบทแห่งหนึ่ง และในคัมภีร์มโนถบุรณี อีกแห่ง หนึ่งท้ังสองคัมภีร์นี้ มีเน้ือความ
ตรงกันว่า พระพุทธองค์ได้ทรงแสดง บุรพชาติ ของอัญญา-โกญทัญญะ ซึ่งมีความประสงค์อันแน่วแน่ที่จะศึกษา
ธรรมเพื่อให้บรรลุพระอรหันต์ก่อนผู้อ่ืน จุดมุ่งหมายในการแสดงของพระพุทธองค์ก็เพ่ือท่ีจะให้พระภิกษุได้ฟัง
พระองค์ได้ทรงแสดงว่า เมื่อพระพุทธวิปัตสีอุบัติขึ้นในโลกมีกุมพี สองคนพ่ีน้อง คนพี่ช่ือมหากาฬ คนน้องช่ือว่า
จลุ กาฬ ท้ังสองคนทานาขา้ วสาลีในนาแปลงเดียวกนั เมอื่ ขา้ วกาลงั จะออกรวง (ทอ้ ง) จลุ กาฬไปในนา เอาท้องข้าว
น้นั ไปกนิ ก็รู้วา่ หวานอรอ่ ยมาก เลยจะเอาข้าวนนั้ ไปถวายพระภิกษุ จึงไปบอกพ่ีชาย พ่ีชายก็ไม่เห็นด้วย อ้างว่าไม่
มีใครเคยทา ทาไปก็สูญเสียข้าวไปเปล่าๆแต่จุลกาฬก็รบเร้าอยู่ทุกวันจนมหากาฬไม่พอใจขึ้นมากทุกที ในที่สุดก็
ใหแ้ บ่งนาออกเป็น ๒ สว่ น แบ่งกนั คนละส่วนจุลกาฬให้ชาวบ้านช่วยกันเก็บข้าวของตนซ่ึงกาลังต้ังท้องนั้น ไปผ่า
แล้วนาไปต้มด้วยน้านมสด ไม่มีน้าปะปนเลย ผสมเนยใส น้าผึ้ง น้าตาลกรวด เป็นต้น นาไปถวายพระพุทธองค์
และพระสาวก โดยอธิฐานว่าผลทานน้ันจงเป็นเคร่ืองให้ตนบรรลุธรรมวิเศษก่อนคนทั้งปวง เมื่อจุลกาฬทาทาน
แลว้ กลับไปดนู าเห็นเต็มไปดว้ ยข้าวสาลี ก็ยินดีย่ิงนักหลังจากน้ันก็ทาบุญในวาระต่าง ๆ อีก ๙ ครั้ง จุลกาฬซึ่งมา
เป็นพระอญั ญาโกญทัญญะกท็ าทานและมคี วามมุง่ มั่นเชน่ เดมิ มาโดยตลอดจน ในที่สุดก็ได้บรรลุพระอรหันต์ก่อน
พุทธสาวกท้ังปวงจึงน่าจะสันนิษฐานได้ว่าประเพณีการกวนข้าวมธุปายาสน่าจะเนื่องมาจากอรรถกถาที่กล่าว
มาแล้วน้ี
๒. เป็นความเชื่อของชุมชนบ้านมาบตะโกเอนและชาวอาเภอครบุรี ซึ่งเป็นความเชื่อที่ต่อเน่ืองกับ
พระพทุ ธศาสนามาเชน่ กัน เป็นความเช่ือท่ีสอดคล้องกับพุทธประวัติ ตอนที่นางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส ก่อน
อภิสัมโพธิกาลดังหลักฐานที่ปรากฏในพุทธประวัติเล่ม ๑ ปริมกาล ปุริจเฉทท่ี ๕ ตอนหน่ึงว่า" ในเช้าวันนั้นนาง
สุชาดาบุตรีกุฏมพีนายใหญ่แห่งชาวบ้านเสนานิคม ณ ตาบลอุรุเวลาปรารถนาจะทาการบวงสรวงเทวดา หุงข้าว
มธุปายาสคือข้าวสุกหุงด้วยน้านมโคล้วนเสร็จแล้วจัดลงในถาดทองนาไปที่โพธิ์พฤกษ์ เห็นพระมหาบุรุษน่ังอยู่
สาคญั วา่ เทวดาจึงนอ้ มข้าวปายาสเขา้ ไปถวายในเวลาน้นั บาตรของพระองคเ์ ผอิญอันตรธานหาย พระองค์จึงทรง
- 21 -
รับข้าวปายาสนั้นท้ังถาดด้วยพระหัตถ์แล้ว ทอดพระเนตรแลดูนาง นางทราบพระอาการจึงทูลถวายทั้งถาดแล้ว
กลับไปพระมหาบุรุษทรงถือถาดข้าวปายาสเสด็จไปสู่ท่าแห่งแม่น้าเนรัญชราสรงแล้วเสวยข้าวปายาสหมดแล้ว
ทรงลอยถาดเสียในกระแส……"หลงั จากพระองคท์ รงเสวยข้าวมธปุ ายาสของนางสชุ าดาแล้วก็ทรงบรรลุอภิสัมโพธิ
ญาณในคนื นัน้ เอง เหตนุ ช้ี าวพุทธโดยทว่ั ไปในเมืองนคร จึงเชือ่ กันว่า ขา้ วมธุปายาส น่ีเองที่ส่งผลให้พระพุทธองค์
ทรงตรัสรู้ จึงเห็นข้าวมธุปายาสเป็นของดีวิเศษที่บันดาลความสาเร็จได้อย่างเอก เพราะเห็นว่าเมื่อพระพุทธองค์
ทรงเสวยข้าวมธุปายาสแล้วทาให้พระองค์ เห็นแจ้งในธรรม แสดงว่าข้าวมธุปายาสช่วยเพ่ิมพูนพลังจึงก่อให้เกิด
ปัญญาสมองแจ่มใส ปลอดโปร่งเป็นอย่างย่ิงจึงเห็นได้ว่าข้าวมธุปายาสก็คือยาขนานวิเศษนั่นเองด้วยความเช่ือ
ดังกล่าวน้ี ประเพณีกวนมธปุ ายาสจึงเปน็ ประเพณีท่ีชุมชนมาบตะโกเอนปฏบิ ตั สิ บื ทอดกันมาอย่างแน่นแฟ้น
ประเพณีกวนขา้ วทิพยเ์ ป็นพธิ กี รรมของศาสนา พราหมณท์ ี่มีสอดแทรกเข้ามาปะปนในพิธีกรรมทางพุทธ
ศาสนา เพื่อถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ และบชู าพระรัตนตรยั อุทิศสว่ นกุศล ใหแ้ ก่ผ้ตู าย ประเพณีกวนขา้ วทิพย์ เป็น
พระราชพิธที กี่ ระทากนั ในเดอื น ๑๐ ซึง่ มีมาตัง้ แตส่ มัยสโุ ขทยั และกรุงศรอี ยุธยา เป็นราชธานี และได้รับการฟื้นฟู
ครง้ั ใหญ่ ในสมัยรัชกาลที่ ๑ และมาละเว้นเลิกรา ไปในสมัยรัชกาล ท่ี ๒ และรัชกาลท่ี ๓ แล้วมาได้รับการฟ้ืนฟู
อีกครงั้ หนงึ่ ในสมยั รัชกาลที่ ๔ เปน็ ต้นมา แต่ในปจั จุบันน้ีส่วนใหญ่จะจัดกันในเดือน ๑๒ บางแห่งก็เดือนหน่ึง ซ่ึง
คงจะถือเอาระยะทข่ี ้าวกลา้ ในทอ้ งนามีรวงขาวเป็นนา้ นม ของแตล่ ะปี และชาวบ้านก็มีความพร้อมเพรียงกัน ใน
อาเภอครบุรีบริเวณท่ียังคงรักษาประเพณีกวน ข้าวทิพย์ มีเหลืออยู่เพียง ๑ หมู่บ้าน คือหมู่บ้านมาบตะโกเอน
ตาบลมาบตะโกเอน อาเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งยังคงรูปเค้าโครงของการรักษาประเพณี และมีความ
เช่ือถืออย่างม่ันคง เป็นแบบอย่างท่ีดีซึ่งแฝงด้วยจริยธรรมและคติธรรมอยู่มาก ท่ีสมควรนามากล่าวถึงคือ ความ
พร้อมเพรยี งของ ชาวบา้ นท้งั ที่ ทานา และไมไ่ ด้ทานาถึงเวลาก็มารว่ มจดั ทาและชว่ ยเหลือโดยยึดถือความสามัคคี
เป็นหลัก
ความมุ่งหมายของประเพณี
ตามประวัติสมยั พทุ ธกาล เชอื่ วา่ นางสชุ าดา ได้นาขา้ วทิพย์ หรอื ขา้ วมธปุ ายาธ ถวายพระพทุ ธเจา้ ก่อนที่
พระองค์จะได้ตรัสรู้ในวนั เพญ็ เดือนสบิ สอง ดงั น้ันชาวพทุ ธ จงึ ถอื ว่าขา้ วทิพย์ หรือขา้ วมธุปายาธ เปน็ อาหารทิพย์
และได้ทาถวายแด่พระสงฆก์ ่อนเดือนสบิ สอง
ชมุ ชนบ้านมาบตะโกเอน มจี ุดมุ่งหมายหลกั ในการจดั ประเพณกี วนขา้ วทพิ ย์คือ เพ่ือศึกษาหลักธรรมทาง
พระพุทธศาสนา สามารถนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวันได้ เพื่อให้ประชาชนเกิดความรัก และความ
สามคั คที ี่ได้มาทากิจกรรมร่วมกัน และเพื่อให้ประชาชนเห็นคุณค่า และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม
อันถอื เปน็ มรดกของชนชาติไทย และได้สบื ทอดพระพทุ ธศาสนาตอ่ ไป
ขั้นตอนการปฏบิ ัติหรอื จัดพิธกี รรม
กวนข้าวทิพย์ เป็นพิธีท่ีมีความยุ่งยากสลับซับซ้อนมาก ต้องมีการตระเตรียมข้าวของต่างๆ จานวนมาก
อาทิ นม เนย ขา้ วตอก น้านม น้าออ้ ย นา้ ผงึ้ มะพรา้ ว งา ถ่วั ตา่ งๆแตส่ ่ิงของเคร่อื งปรุงข้าวทิพย์ ได้เลือก คงไว้ ๙
ส่งิ คือ ถ่ัว , งา , นม , นา้ ตาล , นา้ ผึ้ง , นา้ อ้อย เนย และน้านมที่ค้ันจากรวงข้าวและยังคงรักษารูปเดิมไว้ โดยมี
พราหมณ์ เข้าพธิ ี มสี าวพรหมจารีซง่ึ จะพถิ ีพถิ ันคดั เลือกจากหญงิ สาว ที่ยงั ไมม่ ีดอกไม้ (ระด)ู ด้วยต้องการบริสุทธิ์
สาหรับสาว พรหมจารีท่ีจะเข้าร่วมพิธี ต้องสมาทานศีล ๘ และต้องถือ ปฏิบัติตามองค์ศีลอย่างมั่นคง แม้ท่ีพักก็
จดั ใหอ้ ยูส่ ่วนหน่ึง จนกระทัง่ ถงึ เวลาถวายขา้ วทิพยแ์ ก่ พระสงฆ์ ในตอนเช้าจงึ จะหมดหนา้ ท่วี ัตถุท่ีกวน ไดแ้ ก่
- 22 -
น้านมโคสด (ปัจจบุ ันใช้นมข้นหวานแทน) นา้ ผ้ึง น้าอ้อย ชะเอมเทศ น้าตาลกรวด น้าตาลหม้อ ข้าวตอก ข้าวเม่า
ธัญพืชต่าง ๆ ท่ีค่ัวสุก ถั่ว งา ลูกเดือย เมล็ดแตง เผือกมัน เมล็ดบัว มะพร้าวแก่ มะพร้าวอ่อน ผลไม้สด ผลไม้
แห้งเช่น มะม่วง กล้วย ทุเรียน ละมุด ลาไย ส้ม ขนุน เป็นต้น ท้ังนี้แล้วแต่ความเหมาะสมเท่าท่ีจะหาได้หรือ
ปรับปรุงให้มีรสชาติหอมหวานอร่อย ตามความต้องการของผู้กวนในแต่ละท้องถิ่น บางท้องที่อาจใช้ผลไม้ชนิด
ตา่ งๆ ท่ีมกี ารจัดเตรียมการในพิธีกวนข้าวทิพยต์ ้องจัดเตรียมสิง่ สาคัญดังน้ี
ต้องปลูกโรงพิธีข้ึน ๑ หลัง ให้กว้างใหญ่พอสมควร เพ่ือต้ังโต๊ะบูชาพระพุทธรูป อาสน์สงฆ์โต๊ะบูชา
เทวรูป และท่ีซึ่งผู้เข้าร่วมพิธี คือ พราหมณ์ โหร (ผู้ท่ีมีความรู้ในพิธีกรรมอย่างดี) เทพยดา นางฟ้า นางสุชาดา
สาวพรหมจารี และทายก ทายิกา ฯลฯ นัง่ ฟงั พระสงฆ์เจรญิ พระพุทธมนต์ และก่อเตาต้ังกะทะกวนภายในโรงพิธี
จัดหาพายสาหรับกวนกะทะละ ๓-๕ เล่ม จัดหาฟืนให้เพียงพอและตากให้แห้งสนิท โรงพิธีทาสีขาว
เครอื่ งประดบั ตกแตง่ ควรใช้เครื่องขาว ต้ังราชวัฏ ฉัตร ธง ผูกต้นกล้วย อ้อย ทั้ง ๔ มุม หรือครบ ๘ ทิศย่ิงดี แล้ว
ยกศาลเพียงตาขึ้นไว้ในทิศที่เป็นศรีของวัน คือ ทิศที่เทวดาสถิตในวันกวน ตั้งเครื่องสังเวย คือ หัวหมู บายศรี
เป็ด ไก่ ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว มะพร้าวอ่อน กล้วย และมีการจัดที่น่ัง การให้โหร น่ัง ๑ ท่ี และจัดให้เทวดา
และนางฟ้าน่งั เรยี งแถวหนา้ กระดานดงั นี้
แถวท่ี ๑ จัดใหท้ า้ วมหาพรหมกบั พระอนิ ทรน์ ่ังขา้ งหน้า
แถวที่ ๒ มหาราชทั้งส่ี
แถวท่ี ๓ นางฟ้า
แถวท่ี ๔ นางสชุ าดา น่งั ข้างหน้าสาวพรหมจารี
จดั เตรยี มตะลอมพอก หรือยอดเทวดา ๖ ยอด ทีส่ มมตวิ ่าเปน็ ทา้ วมหาพรหม พระอนิ ทร์(ท้าวสักกะ) ทา้ วธตรฐ
ทา้ ววริ ุฬหก ท้าววริ ปู กั ข์ ท้าวเวสวัณ มงกุฎนางฟ้า ๔ และมงคลสวมศีรษะสาวพรหมจารี ใช้มงคลด้ายแบบมงคล
ตดั จุก หรือใช้ดอกมะลิรอ้ ยให้เป็นวงกลม เรยี ก มงคลดอกไม้ ให้ครบจานวนเตาละ ๒ คน สมมติว่าเป็นบริวาร
ของนางสุชาดา
ศาสนพธิ ี จดั ทบ่ี ูชา ๒ ท่ี คอื
๑. โต๊ะบูชาพระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก หรือทิศเหนือ ถ้าสถานท่ีไม่อานวย มีไม้มหาโพธิ์ใส่
กระถางตง้ั ไว้ดา้ นหลงั พระพุทธรูป ส่วนประกอบอ่นื เหมอื น การจดั ตงั้ โตะ๊ หมูบ่ ชู าทว่ั ไป
๒. โต๊ะบชู าเทวรูป มีพระพรหม พระอิศวร พระนารายณ์ เป็นตน้ สดุ แตจ่ ะหาได้ พระฤาษี ๕ ตน ถ้าหายากก็ต้อง
ให้ไดอ้ ยา่ งน้อย ๑ ตน สมมติเป็นฤาษีกไลยโกฏ มีเคร่ืองบูชาเช่นเดียวกัน จัดตั้งอาสนะสงฆ์ ด้านซ้ายของโต๊ะหมู่
บชู าพระพทุ ธรปู ให้สูงกว่าพ้ืนที่ สัปบรุ ษุ ทายก ทายกิ า และผู้เข้าร่วมพิธนี งั่
- 23 -
อุปกรณใ์ นการกวนข้าวทพิ ย์ ประกอบด้วย
๑. เตา ทาจากถงั นา้ มันขนาด ๕๐๐ ลิตร นามาตัดให้มีความสูงประมาณ ๒ ฟตุ
๒. กระทะใบบัว
๓. พายไม้
อุปกรณใ์ นการปรุง ประกอบด้วย
๑. ข้าว ใช้แป้งขา้ วเหนยี ว และแป้งขา้ วเจ้า
๒. ถั่วลิสง
๓. งาดา งาขาว
๔. น้าผ้งึ
๕. นา้ ตาลทราย
๖. นมขน้ หวาน
๗. มะพรา้ ว คัน้ เอาแตก่ ะทิ
๘. เนย
- 24 -
ส่วนผสมท่ตี ้องเตรียมก่อนวันประกอบพิธีในกวนข้าวทิพย์
๑. ถ่วั ลิสง คั่วให้เหลอื ง มีกลน่ิ หอม หลังจากนน้ั นามาทาการกะเทาะเปลือกท้งิ นาไปเข้าเคร่อื งบด
๒. งาขาวและงาดา ค่วั ให้เหลือง มีกลิ่นหอม ทิง้ ไวใ้ หเ้ ยน็ นาไปใส่ครกตาให้ละเอียด
๓. มะพรา้ ว นาไปปลอกเปลอื กกะเทาะกะลาทิ้ง เอาแตเ่ น้ือมะพรา้ ว จะนามาใส่เครื่องขูดมะพร้าว ในตอนเช้ามืด
ของวันทจ่ี ะประกอบพิธี เพ่ือให้ไดก้ ะทิสดมีกล่ินหอมเครื่องปรุงท่ีเป็นส่วนประกอบดังกล่าวข้างต้น นาใส่หม้อปิด
ฝาให้เรยี บรอ้ ย เตรียมทีจ่ ะประกอบพธิ ี กวนในวันรุ่งขึ้น
- 25 -
- 26 -
ขัน้ ตอนการดาเนินการกวนข้าวทพิ ย์
ช่วงเช้าชาวบา้ นมารว่ มทาบญุ ตักบาตรที่ศาลาวัด หลงั จากนั้นจึงมาเรมิ่ พธิ กี วนขา้ วทิพย์ โดยมี
รายละเอยี ดขน้ั ตอนดังนี้
๑.นาเครื่องปรุงเตรียมไว้ทุกอย่างเทใส่กระทะใบบัวคนให้เข้ากัน ไม่มีสูตรในการกาหนดอัตราส่วนของเคร่ืองที่
แน่นอน จานวนขา้ วทพิ ยจ์ ะมากน้อยขน้ึ อยกู่ ับวัตถดุ บิ ท่มี ี ดงั น้ัน รสชาตใิ นแต่ละปีจะไมเ่ หมอื นกัน
๒. ก่อนเริ่มกวนข้าวทิพย์พระสงฆ์จะประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โดยพระสงฆ์จะเป็นผู้ทาพิธีบูชาพรรัตนตรัย
จากนั้นสวดเจริญพระพุทธมนตธ์ ัมมจักรกัปปวตั นสูตร
๓. สาวพรหมจรรย์ จานวน ๔ - ๕ คนนุ่งขาวห่มขาว เริ่มกวนข้าวทิพย์ เมื่อพระสงฆ์ เจริญพระพุทธมนตร์จบ
นักเรียนก็จะเปลี่ยนให้ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมเป็นผู้กวนต่อไปจนกว่าจะเสร็จ ใช้เวลากวนประมาณ ๓-๕
ชวั่ โมงเมื่อเสร็จแล้ว ก็จะแบ่งปันข้าวทิพย์หรือข้าวมธุปายาส ไปรับประทาน ถือว่าเป็นของดีก่อให้เกิดความเป็น
สิริมงคลแก่ตน และนาไปฝากบุคคลในครอบครัว หรือผู้ท่ีตนเคารพนับถือ ก่อนกลับบ้านทุกคนช่วยกันเก็บ
อุปกรณ์ ล้างทาความสะอาด จัดเก็บสถานที่ให้เรียบร้อย ซึ่งสะท้อนให้เห็นความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ
ชาวบ้าน ซ่งึ นา่ จะตอ้ งร่วมกนั อนรุ ักษ์ สืบทอดประเพณอี ันทรงคุณค่าอยคู่ ู่กับชาวมาบตะโกเอนสบื ไป
- 27 -
- 28 -
- 29 -
.
- 30 -
- 31 -
คติความเช่ือทเ่ี กี่ยวขอ้ ง
ความเป็นมาของการกวนข้าวทิพย์เช่ือว่าเกิดจากนางสุชาดากวนข้าวมธุปายาสหรือข้าวทิ พย์ถวาย
พระพทุ ธเจ้า ซ่ึงนางสชุ าดานับถอื ศาสนาพราหมณม์ าก่อน จงึ กลา่ วไดว้ ่าเราไดร้ ับอิทธพิ ลการปรุงข้าวทิพย์มาจาก
พราหมณ์ ประเพณีการกวนข้าวทิพย์ในประเทศไทยมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เช่ือกันว่าข้าวทิพย์เป็นอาหารพิเศษ
เหมือนกับอาหารทิพย์ของเทวดา เม่ือได้รับประทานแล้วจะทาให้สุขภาพแข็งแรงหายจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ
ดังน้ัน เมอ่ื ไดถ้ วายข้าวทพิ ยแ์ กพ่ ระสงฆจ์ งึ มีอานสิ งสม์ าก เพราะเปน็ ทานพิเศษ มีความต้งั ใจมาก และตระเตรยี มมาก
ประวัติความเป็นมาของประเพณีทาบุญกวนข้าวทิพย์ของบ้านมาบตะโกเอนมีการสันนิษฐานไว้
แตกต่างกัน ประเพณีท่ีทากันอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘ การเตรียมงานคือ ประชาสัมพันธ์ให้
ชาวบ้านทราบอย่างน้อย ๑๐ วัน ประชุมกันเตรียมจัดงาน แต่งตั้งคนทางาน ช่วยกันเตรียมสถานท่ีกวนข้าว
ทิพย์ แล้วช่วยกันเตรียมสถานท่ีคือจัดปะราพิธีกวนข้าวทิพย์ และสถานท่ีเจริญพระพุทธมนต์ ส่วนประกอบข้าว
ทิพย์ ได้แก่ มะพร้าว ใบเตย น้านมข้าว เนย เผือก เป็นต้น สาหรับอุปกรณ์ในการกวน ได้แก่ เชื้อเพลิง เตา
กระทะ ไม้กวน ตะแกรง เครื่องบด, ก่อนกวนมีการรับศีล ๘ ก่อน ขณะพระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา สาว
พรหมจารี อายุ ๘-๑๒ ปี สวมชุดขาว ซึ่งสมมติว่าเป็นนางฟ้า กวนไปเร่ือย ๆ หลังจากสาวพรหมจารีกวนแล้ว
ชาวบา้ นทว่ั ไปก็ช่วยกวนตอ่ จนข้าวและเครื่องปรงุ ทั้งหมดเปน็ เน้ือเดยี วกนั ใชเ้ วลากวนประมาณ ๑๕-๑๖ ชัว่ โมง
อทิ ธิพลความเช่อื ในพิธีกวนขา้ วทพิ ย์
อิทธิพลความเช่อื ในพธิ ีกวนขา้ วทิพยต์ ่อชาวบา้ นมาบตะโกเอน มีดังน้ี
- ด้านเศรษฐกิจ พบว่า การทาบุญข้าวทิพย์ทาให้มีเงินหมุนเวียน เพราะมีการจับจ่ายใช้สอยกัน
ผทู้ าบุญโดยมากไม่คิดวา่ ประเพณีทาบุญกวนข้าวทิพย์เป็นการสิ้นเปลือง เพราะแต่ละครอบครัวไม่จาเป็นต้องซ้ือ
ส่ิงของให้ครบทุกอย่าง สามารถบริจาคได้ตามกาลังศรัทธาและกาลังทรัพย์ของตน และทาปีละคร้ัง ไม่ไ ด้ทา
บ่อย ท่สี าคัญเปน็ การทาด้วยความสมัครใจ ตอ้ งการไดบ้ ญุ และมคี วามสุขใจกับการได้ทาบุญ
- ด้านสงั คม พบวา่ ประเพณที าบุญกวนข้าวทิพย์ทาให้มีความสามัคคีกัน ชาวบ้านได้เสียสละเวลา
ทางาน กาลังทรัพย์และกาลังกาย มาร่วมกันทาบุญประเพณี เป็นการได้สงเคราะห์ผู้อื่นในทางอ้อม ได้อนุรักษ์
ประเพณีของชุมชน ได้ปลูกฝังค่านิยมที่ดีงามแก่ลูกหลาน ทาให้คนลดความเห็นแก่ตัวได้ รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน
ได้ส่ังสมคณุ งามความดี
- ด้านประเพณี พบว่า ประเพณีบุญกวนข้าวทิพย์ทาให้เกิดความเสียสละและมีความสามัคคีกัน
ควรประชาสัมพันธ์ให้รู้จักทั้งความเป็นมาและคุณค่าของประเพณีทาบุญกวนข้าวทิพย์ และควรได้ส่งเสริม
สนับสนุนให้ทาเป็นประจาทุกปี นอกจากนี้ควรได้ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้มาศึกษาเรียนรู้ประเพณีท่ีดีงาม
เพราะเปน็ แหลง่ เรยี นทดี่ ี ทาให้มีความรู้เก่ียวกบั สังคม ศาสนาและวัฒนธรรม
- ดา้ นวัฒนธรรม พบว่า ประเพณีทาบญุ กวนข้าวทิพย์ของชาวบ้านมาบตะโกเอนไม่ให้มีการด่ืมของ
มนึ เมาภายในวดั เปน็ การทาบุญจริง ๆ
- 32 -
- ด้านศาสนา พบว่า บุญกวนข้าวทิพย์ของบ้านมาบตะโกเอนไม่มีการฆ่าสัตว์ ดังน้ัน จึงเป็นการ
ไมไ่ ด้ทาบาปแต่อย่างใด ประเพณีทาบญุ กวนขา้ วทิพย์ทาให้ไดร้ ับความสุขใจ ทาให้คนรู้จักเห็นอกเห็นใจกัน และ
เอ้ือเฟือ้ เผอ่ื แผ่แบง่ ปนั กนั มีความอดทนและความสามัคคี
- ด้านวิถีชีวิต พบว่า บุญกวนข้าวทิพย์สามารถเปล่ียนความขัดแย้งกันให้เกิดความสามัคคีกันได้
ดังน้ัน ประเพณีที่ดีงามจึงช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทาให้เกิดความรักกันฉันพ่ีน้องและเป็นญาติ
ธรรมกนั ไดเ้ สยี สละประโยชน์ตนเพอื่ ประโยชน์สว่ นรวม
- ด้านคุณค่า พบว่า บุญกวนข้าวทิพย์ทาให้คนรู้จักทาบุญและอานิสงส์การทาบุญ ทาให้ผู้ทามี
ความสุขใจ มีความเสียสละและอดทน ผู้ใหญ่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างท่ีดีแก่ลูกหลาน คนในชุมชนมีความรัก
สามัคคกี นั ได้ค้าจุนพระพุทธศาสนา ทาให้เกิดความเชื่อมโยงสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชนและสังคมอื่น ๆ เมื่อ
คนดีก็ทาใหเ้ ป็นสังคมมคี วามสงบสขุ
ข้าวทิพย์เป็นอาหารท่ีรวมโอชารสต่าง ๆ ไว้พร้อม บริโภคแล้ว จะได้รับประโยชน์ มีคุณค่าทางอาหาร
ครบถ้วน ตามหลักโภชนาการสมกับเป็นข้าวทิพย์ รวมเอนกรส ยากที่จะทาขึ้นบริโภคได้ เมื่อผู้ใดได้บริโภคแล้ว
จะทาให้มีกาลังแข็งแรง มีคุณค่าอาหาร คงอยู่ในตัวได้นานพิจารณาแล้ว จะเป็นทางสนับสนุนข้าวทิพย์ของนาง
สุชาดา ท่ีนาไปถวายพระพุทธเจ้า ในวันตรัสรู้ ประเพณีกวนข้าวมธุปายาสยาคู เชื่อกันว่าแต่เดิมนั้นกระทาโดย
พราหมณ์ตามความเช่ือในศาสนาพราหมณ์ เพราะพุทธศาสนาเกิดข้ึนท่ามกลางอิทธิพลพราหมณ์ ซึ่งเจริญมา
ก่อน เมื่อมีพราหมณ์เป็นจานวนมากเปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนา ก็นาเอาพิธีการต่าง ๆ ท่ีตนเคยทามาปฏิบัติ
ต่อไปด้วยความเคยชิน พระพุทธองค์ทรงเห็นว่าพิธีการทางศาสนาพราหมณ์ บางพิธีนั้นไม่ทาให้เสียหายแก่ผู้
ปฏิบัติ กลับทาให้เกิดความศรัทธา ในความดีงามและบารุงกาลังใจ ก็ไม่ทรงห้ามการปฏิบัติกิจเหล่านั้นแต่
ประการใด ดังนั้น พุทธศาสนิกชน สมัยหลัง ๆ มาจึงพบวา่ ประเพณพี ราหมณ์ เข้ามาปะปนอยู่ในพุทธศาสนามาก
จนบางครง้ั กไ็ มร่ วู้ า่ ในชัน้ ต้นนัน้ เป็นประเพณีอนั เนอื่ งดว้ ยศาสนาพุทธหรือศาสนาพราหมณ์กันแน่
คณุ ค่าของประเพณี
พธิ กี วนข้าวทพิ ย์ ได้ยึดถือปฏิบัติเป็นประเพณีสืบต่อกันมาต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในหมู่ของชาว
พุทธทัว่ ไป เพ่ือระลกึ ถึงสมเดจ็ พระสมั มาสัมพทุ ธเจา้ และเหตุการณ์ท่ีนางสุชาดาได้กวนข้าวทิพย์ในวันขึ้น ๑๔ ค่า
แล้วนาไปถวายพระพุทธเจ้าก่อนท่ีจะตรัสรู้ ๑ วัน โดยถือว่ามีผลานิสงฆ์มาก ด้วยเหตุน้ีชาวพุทธจึงพร้อมใจกัน
กวนข้าวทิพย์ เพ่อื ถวายเป็นพุทธบูชา เทิดทูนพระเกียรติคุณด้วยความกตัญญูกตเวทิตาธรรมข้าวทิพย์มธุปายาส
น้ีเช่ือกันว่า เมื่อทาครบถ้วนตามพิธีแล้ว จะเป็นสิริมงคลแด่ผู้ทาและผู้บริโภค สมควรจะเซ่นสรวงเทพารักษ์ ผู้ที่
ไดบ้ ริโภคข้าวทิพยแ์ ลว้ จะประสบโชคลาภตา่ งๆ นานา ปราศจากโรคาพยาธิ ภยั พบิ ัติ ประสบสิง่ ทเ่ี ป็นมงคล
การสบื ทอดประเพณี
ปัจจุบันมีการให้ความรู้ดังกล่าวกับเยาวชนในตาบลได้รับความรู้ เพื่อช่วยกันสืบทอดประเพณี
ดังกลา่ ว โดยการให้เยาวชนได้เขา้ มาส่วนรว่ มในการจดั กิจกรรม
นายไชยนันท์ แสงทอง ที่ปรึกษา
นายพรี วฒั น์ ธีระวฒั นา
นายนา ฉวยกระโทก วฒั นธรรมจังหวัดนครราชสีมา
นายอาเภอครบรุ ี
นางสนุ นั ทา ยบั ประธานสภาวฒั นธรรมอาเภอครบุรี
ผูจ้ ัดทา
นักวชิ าการวฒั นธรรมชานาญการ
เรยี บเรียง/จดั ทา