The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเต้นระบำ รำ ฟ้อน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ปฐมพร แดงขาว, 2024-06-29 02:13:39

นาฏศิลป์ตะวันออก

การเต้นระบำ รำ ฟ้อน

นาฏศิศิ ศิ ล ศิ ลป์ป์ป์ ต ป์ ตะวัวั วั น วั นออก จัดทําโดย เสนอ คุณครูสุดา โรงเรียนปากพนัง ปีการศึกษา2567 ภาคการเรียนที่ 1 ด.ช.หนึ่งเทพ นวลจันทร์คง ม.2/7 เลขที่20


นาฏศิลป์อินเดีย เป็นศาสตร์การร่ายรำ ที่ เป็นต้นแบบของนาฏศิลป์ไทย โดยกำ เนิด ตั้งแต่สมัยโบราณกาลมานานหลายร้อยปี ไม่เว้นแต่เป็นต้นแบบของไทยเท่านั้น แต่ ยังถือเป็นต้นแบบของศาสตร์นาฏศิลป์ ของโลก ถึงแม้ว่าดูเผิน ๆ อาจจะดูทั้งเก่า และน่าเบื่อ แต่นาฏศิลป์อินเดียนั้นได้สอด แทรกวัฒนธรรมออกมาอย่างสง่าและ สวยงาม นาฏศิลป์อินเดีย


ภารตนาฏยัม นาฏศิลป์ภารตนาฎยัมเป็นหนึ่งในนาฏศิลป์แขนงหลัก ของอินเดีย ที่มีแบบแผนประเพณีที่สืบทอดมายาวนานก ว่า 2,000 ปี ถือกำ เนิดขึ้นในรัฐทมิฬนาฑูของอินเดีย และพัฒนาไปสู่นาฏศิลป์แขนงต่างๆ ของอินเดีย ภา รตนาฏยัมเป็นศิลปะการแสดงนาฏศิลป์แบบหมู่คณะ ประกอบไปด้วย นางรำ หนึ่งคน นักดนตรีและนักร้อง หนึ่งคนหรือมากกว่านั้น


กถัก กถัก' (Kathak) คือนาฏศิลป์ทางภาคเหนือของอินเดีย ที่ถักทอเรื่องราวของเทพทางศาสนาฮินดู และเรื่อง ราวทางประวัติศาสตร์ของอินเดีย ผ่านท่าทางการเต้น ที่ต้องใช้ทั้งความแข็งแรงและความอ่อนโยนของผู้ เต้นในเวลาเดียวกัน สมัยเริ่มแรก ชาวฮินดูจะนิยมเต้น กถักกันตามสถานที่มงคล เช่น วัดหรือในพระราชวัง เพื่อเป็นการถวายเทพเจ้า


กถกฬิ หรือ กถักกฬิ กถักกฬิ เป็นการแสดงละครที่งดงามด้วยศิลปะ การ่ายรำ แบบเก่าๆ ผู้แสดงจะต้องสวมหน้ากาก นับว่ากถักกฬิของอินเดียเป็นต้นเค้าของ นาฏศิลป์ตะวันออก เช่น ละครโน้ะของญี่ปุ่น โขน ของไทย และนาฏศิลป์อินโดนีเซีย ส่วนพม่าจะ นิยมแสดงเรื่องรามายณะ และมหาภารตะ


นาฏศิลป์ญี่ปุ่น มีกําเนิดมาจากการแสดงเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่ง ภูเขาไฟบางประเภอเกิดจากแรงบันดาลใจทาง ศาสนา บางประเภอเกิดจากรสนิยมความต้องการของชนชั้นสูง พ่อค้าชาวบ้านตามยุคสมัยที่แตก ต่างกัน.


ละครโนะ เป็นศิลปะการแสดงนาฏกรรมญี่ปุ่น ดั้งเดิมแขนงใหญ่ที่แสดงมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 14 พัฒนาโดย คันอามิ คิ โยสึกุ และบุตรชายของเขา เซอามิ โม โตกิโยะ ละครโนเป็นศิลปะการแสดงที่ เก่าแก่ที่สุดและยังคงสืบทอดต่อกัน มาจวบจนถึงทุกวันนี้ แม้คำ ว่า โน และ โนงากุ จะสามารถนำ มาใช้แทนกันได้


ละครคาบูกิ เป็นศิลปะการแสดงของญี่ปุ่น โดยมี การแต่งหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ มีการ เคลื่อนไหวที่กระฉับกระเฉง แสดงออก ซึ่งท่าทางที่มีความหมาย เช่น ร้องไห้ เสียใจ โดยมีเนื้อเรื่อง 2 ประเภท คือ เรื่องเกี่ยวกับสังคมซามูไรและเรื่อง ราวชีวิตของชาวเมือง การละครคาบู กิ * มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม โดยยูเนสโก


ละครหุ่นบุนรากุ การแสดงละครหุ่นเชิดแบบดั้งเดิม ของญี่ปุ่น เป็นศิลปะชั้นสูงที่ญี่ปุ่น ภูมิใจเป็นอย่างมาก เดิมทีศิลปะแขนง นี้ในสมัยก่อนมีชื่อเรียกว่า นิงเงียวโจ รุริ (人形浄瑠璃 Ningyou Joururi) ซึ่งหมายถึง การแสดงนิทานหุ่น จน มาถึงช่วงปลายศตวรรรษที่ 16 ได้มี การเปิดโรงละครหุ่นขึ้นในโอซาก้าใน ชื่อ โรงละครบุนรา


นาฏศิศิล ศิ ล ศิป์ป์จี ป์ จี ป์นจี นจี เป็นศิลปะการเต้นรำ ของจีน ประเภทหนึ่ง มีพื้นฐานมาจากการ เต้นรำ พื้นบ้านแบบดั้งเดิม ได้รับ การขัดเกลา การจัดระเบียบ และ สร้างสรรค์ขึ้นจากคนงานมือ อาชีพในหลายชั่วอายุคน


งิ้วงิ้ เป็นการแสดงที่ผสมผสานการขับร้องและการ เจรจาประกอบกับลีลาท่าทางของนักแสดงให้ออก เป็นเรื่องราว โดยสมัยนั้นได้นำ เอาเหตุการณ์ต่าง ๆ ในพงศาวดารและประวัติศาสตร์มาดัดแปลง เป็นบทแสดง รวมทั้งยังมีการนำ เอาความเชื่อ ทางประเพณีและศาสนาเข้าไปผสมผสานกับการ แสดงงิ้วด้วย เดิมประเทศจีนมีงิ้วราว 300 กว่า ประเภท ส่วนใหญ่จะเป็นงิ้วท้องถิ่น ส่วนงิ้วระดับ ประเทศ เช่น งิ้วปักกิ่ง, งิ้วเส้าซิง, งิ้วเหอหนัน และ งิ้วกวางตุ้ง โดยงิ้วปักกิ่งเป็นงิ้วที่มีชื่อเสียงมาก ที่สุด โดยปัจจุบันถือเป็นตัวแทนงิ้วประจำ ชาติจีน


นาฏศิลป์อินโดนิเซีย ศิลปะการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ ที่เด่นชัดของอินโดนีเซียและยัง คงเป็นศิลปะประจำ ชาติที่เก่าแก่ ที่สุดคือ ศิลปะการเชิดหนังหรือ เชิดหุ่น ภาษาชวาเรียกว่า “วา ยัง” (Wayang) หรือ เรียกเต็ม ชื่อว่า “วายัง ปูร์วา” (Wayang Purwa) “วายัง” แปลว่า “เงา” ส่วน “ปูร์วา” แปลว่า “ความเก่า แก่” รวมกันจึงหมายถึงความ เก่าแก่


นาฏศิลป์สุมาตรา ลักษณะการแสดงจะแสดงเป็นเรื่อง ราวของนิทานพื้นบ้านและเรื่องราว ในราชสำ นัก จะไม่แสดงเรื่องรามาย ณะและมหาภารตะ การแต่งกาย ผ้า นุ่งที่ใช้มักเป็นลายหยกทอง และ หยกเงิน ใส่เสื้อกำ มะหยี่แขนยาว ตัว ยาว ผมเกล้ามวยผมต่ำ ใช่ปิ่นหรือ เครื่องประดับศีรษะสีทอง


นาฏศิลป์ชวา นาฏศิลป์ชวา เป็นการแสดงที่มีพื้น ฐานมาจากการรำ ในราชสำ นักมีลีลา ร่ายรำ ที่นุ่มนวล ประณีต จังหวะที่ใช้ ในการร่ายรำ จะช้า มีผ้าสไบเป็นส่วน ประกอบสำ คัญในการร่ายรำ เวลา แสดงตาจะตกตลอดเวลา ไม่ใช้ สายตาไปยังคนดู วงดนตรีประกอบ การแสดง เป็น วงดนตรีประจำ ราช สำ นักสมัยโบราณ ปัจจุบันใช้วง ดนตรีสำ หรับฟ้อนรำ เรียกว่า ภารม วลัน


นาฏศิลป์บาหลี เป็นศิลปะการแสดงที่ เป็นเอกลักษณ์ของ ชาวเกาะบาหลี #“บา รอง” เป็นสัตว์ใน ตำ นานมีรูปร่างคล้าย สิงโต หลังอานยาวและ หางงอนโง้ง เป็น สัญลักษณ์แทน วิญญาณดีงามซึ่งเป็น ผู้ปกปักษ์รักษามนุษย์ ต่อสู้กับรังดา


นาฏศิลป์เขมร เป็นนาฏศิลป์ที่ใช้แสดงในกลุ่ม ประชาชนทั่วไป และชนเผ่าต่างๆของ กัมพูชา เช่น ชาวจาม เขมรบน และการ แสดงของชาวนาและกรรมกร ส่วน ใหญ่ใช้วงมโหรีบรรเลงประกอบ บาง ส่วนเกี่ยวข้องกับความรักและนิทาน พื้นบ้าน


ระบำ อัปสรา (Apsara Dance) เป็นการแสดงที่ ถือกำ เนิดขึ้นมาไม่นานนัก โดยเจ้าหญิงบุปผา เทวี พระราชธิดาในเจ้านโรดมสีหนุ เพื่อเข้าฉาก ภาพยนตร์เกี่ยวกับนครวัด แต่กลายมาเป็นที่ จดจำ และเป็นระบำ ขวัญใจชาวพม่า ด้วยเครื่อง ประดับศีรษะและท่วงท่าร่ายรำ อันเป็นเอกลักษณ์ ที่ถอดแบบมาจากรูปสลักหินนางอัปสราใน ปราสาทนครวัด ประหนึ่งทำ ให้นางอัปสรา ระบําอัปสรา


นาฏศิลป์พม่า การแสดงของชาวพม่ม่ ม่ า ม่ า จะแสดงในงาน พิพิพิธีพิธี ธี ก ธี การต่ต่ ต่ า ต่ างๆ เกี่กี่ กี่ ย กี่ ยวกักั กั บ กั บศาสนา และประเพณีณี ณีณี นาฎศิศิศิลศิป์ป์ป์ ที่ ป์ ที่ ที่ เ ที่ เก่ก่ ก่ า ก่ าแก่ก่ ก่ พ ก่ พม่ม่ ม่ า ม่ าได้ด้ ด้ แ ด้ แก่ก่ ก่ก่ ระบวงสวรง เทพเจ้จ้ จ้ า จ้ า และสิ่สิ่ สิ่ ง สิ่ งศัศั ศั ก ศั กดิ์ดิ์ ดิ์ สิดิ์ สิสิทสิธิ์ธิ์ ธิ์ธิ์ส่ส่ ส่ ว ส่ วนการแสดง ประเภทโขน ละคร ปรากฏใน สมัมั มั ย มั ยพระเจ้จ้ จ้ า จ้ ามัมั มั ง มั งระ เมื่มื่ มื่ อ มื่ อไทยเสีสี สี ย สี ยกรุรุ รุ ง รุ งศรีรี รี อ รี อยุยุ ยุ ธ ยุ ธยา ให้ห้ ห้ กั ห้ กั กั บ กั บพม่ม่ ม่ า ม่ า นาฏศิศิศิลศิป์ป์ป์ไป์ ทยได้ด้ ด้ ถู ด้ ถู ถู ก ถู กกวาดต้ต้ ต้ อ ต้ อนไป ด้ด้ ด้ ว ด้ วย พระเจ้จ้ จ้ า จ้ ามัมั มั ง มั งระโปรดให้ห้ ห้ สห้ สอนโขนและละคร ไทยในพม่ม่ ม่ า ม่ า เล่ล่ ล่ น ล่ นเรื่รื่ รื่ อ รื่ องรามเกีกี กี ย กี ยรติ์ติ์ ติ์ แ ติ์ และอิอิอิเอิหนา พม่ม่ ม่ า ม่ าเรีรี รี ย รี ยกว่ว่ ว่ า ว่ า อิอิอินอิทรวงศ์ศ์ ศ์ศ์ เป็ป็ป็ น ป็ นละครในราช สำสำสำสำนันั นั ก นั ก นอกจากนี้นี้ นี้ ยั นี้ ยั ยั ง ยั งมีมี มี ก มี การเล่ล่ ล่ น ล่ นละครนอกเรื่รื่ รื่ อ รื่ อง สัสั สั ง สั งข์ข์ ข์ ท ข์ ทองและสัสั สั ง สั งข์ข์ ข์ ศิข์ ศิศิลศิป์ป์ป์ ชั ป์ ชั ชั ย ชั ย พระเจ้จ้ จ้ า จ้ ามัมั มั ง มั งระโปรด มากทรงให้ห้ ห้ ร ห้ รวมพวกละครและปี่ปี่ ปี่ปี่ปี่ พ ปี่ พาทย์ย์ ย์ไย์ ว้ว้ ว้ใว้ น ราชสำสำสำสำนันั นั ก นั กและพระราชทานบ้บ้ บ้ า บ้ านเรืรื รื อ รื อนให้ห้ ห้ เ ห้ เรีรี รี ย รี ยก ว่ว่ ว่ า ว่ า “ตำตำตำตำบลโยธาราช” และพวกละครไทยที่ที่ ที่ที่ แสดงเรีรี รี ย รี ยกว่ว่ ว่ า ว่ า “โยธยาสัสั สั ต สั ตคยียี ยี”ยี


การแสดงของชาวพม่ม่ ม่ า ม่ า จะแสดงในงาน พิพิพิธีพิธีธีกธีารต่ต่ ต่ า ต่ างๆ เกี่กี่ กี่ ย กี่ ยวกักักับกั ศาสนา และประเพณีณีณีณี นาฎศิศิศิลศิป์ป์ป์ ที่ ป์ ที่ ที่ เ ที่ เก่ก่ ก่ า ก่ าแก่ก่ ก่ พ ก่ พม่ม่ ม่ า ม่ าได้ด้ ด้ แ ด้ แก่ก่ ก่ก่ ระบวงสวรง เทพเจ้จ้ จ้ า จ้ า และสิ่สิ่ สิ่ ง สิ่ งศัศัศักศัดิ์ดิ์ ดิ์ สิดิ์ สิสิทสิธิ์ธิ์ ธิ์ธิ์ส่ส่ ส่ ว ส่ วนการแสดง ประเภทโขน ละคร ปรากฏใน สมัมัมัยมัพระเจ้จ้ จ้ า จ้ ามัมัมังมัระ เมื่มื่ มื่ อ มื่ อไทยเสีสีสียสีกรุรุ รุ ง รุ งศรีรีรีอรียุยุ ยุ ธ ยุ ธยา ให้ห้ ห้ กั ห้ กักับกัพม่ม่ ม่ า ม่ า นาฏศิศิศิลศิป์ป์ป์ไป์ ทยได้ด้ ด้ ถู ด้ ถู ถู ก ถู กกวาดต้ต้ ต้ อ ต้ อนไป ด้ด้ ด้ ว ด้ วย พระเจ้จ้ จ้ า จ้ ามัมัมังมัระโปรดให้ห้ ห้ สห้ สอนโขนและละคร ไทยในพม่ม่ ม่ า ม่ า เล่ล่ ล่ น ล่ นเรื่รื่ รื่ อ รื่ องรามเกีกีกียกีรติ์ติ์ ติ์ แ ติ์ และอิอิอิเอิหนา พม่ม่ ม่ า ม่ าเรีรีรียรีกว่ว่ ว่ า ว่ า อิอิอินอิทรวงศ์ศ์ ศ์ศ์ เป็ป็ป็ น ป็ นละครในราช สำสำสำสำนันันักนันอกจากนี้นี้ นี้ ยั นี้ ยัยังยัมีมีมีกมีารเล่ล่ ล่ น ล่ นละครนอกเรื่รื่ รื่ อ รื่ อง สัสัสังสัข์ข์ ข์ ท ข์ ทองและสัสัสังสัข์ข์ ข์ ศิข์ ศิศิลศิป์ป์ป์ ชั ป์ ชัชัยชัพระเจ้จ้ จ้ า จ้ ามัมัมังมัระโปรด มากทรงให้ห้ ห้ ร ห้ รวมพวกละครและปี่ปี่ ปี่ปี่ปี่พปี่าทย์ย์ ย์ไย์ ว้ว้ ว้ใว้ น ราชสำสำสำสำนันันักนัและพระราชทานบ้บ้ บ้ า บ้ านเรืรืรือรืนให้ห้ ห้ เ ห้ เรีรีรียรีก ว่ว่ ว่ า ว่ า “ตำตำตำตำบลโยธาราช” และพวกละครไทยที่ที่ ที่ที่ แสดงเรีรีรียรีกว่ว่ ว่ า ว่ า “โยธยาสัสัสัตสัคยียียี”ยี การแต่ต่ ต่ ง ต่ งกาย ชายใส่ส่ ส่ เ ส่ เสื้สื้ สื้ อ สื้ อแขนยาว นุ่นุ่นุ่งนุ่ โสร่ร่ ร่ ง ร่ ง ประดัดัดับดัด้ด้ ด้ ว ด้ วย เลื่ลื่ ลื่ อ ลื่ อม หญิญิญิงญิใส่ส่ ส่ เ ส่ เสื้สื้ สื้ อ สื้ อรัรัรัดรัอก เกล้ล้ ล้ า ล้ ามวยสูสู สู ง สู ง ปล่ล่ ล่ อ ล่ อย ชายผม นาฏศิลป์พม่า


จัดทําโดย เด็กชาย หนึ่งเทพ นวลจันทร์คง ม.2/7 เลขที่20


Click to View FlipBook Version