The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นางสาวกันธิชา-เชื้อมณี-006

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by eiww2546, 2022-06-01 12:52:13

นางสาวกันธิชา-เชื้อมณี-006

ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์

จัดทาโดย

นางสาวกนั ธชิ า เช้ือมณี
65301050006

สาขางาน อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์อตุ สาหกรรม
เสนอ

คุณครพู ลวัฒน์ เก้อื ขา

1 สารบัญ 3 รปู แบบการเช่ือมตอ่
เครือขา่ ย(Peer-to-Peer)
ชนิดของเครือข่าย 4
คอมพิวเตอร์ หลักการทางานของ
อปุ กรณร์ ะบบเครือข่าย
2
5 มาตรฐานระบบ
ลกั ษณะการเชอื่ มตอ่
ระบบเครือขา่ ย(ดาว) เครอื ขา่ ย

ชนิดของเครือขา่ ย เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ แบง่ ออกเปน็ 3 ชนดิ คือ
คอมพิวเตอร์
เครอื ข่ายแลน

(Local Area Network : LAN) หรอื เครือขา่ ยคอมพิวเตอรท์ ้องถิ่น
เปน็ เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ ซึง่ เช่อื มโยงคอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณ์
ส่ือสารทอ่ี ยใู่ นท้องทีบ่ ริเวณทีไ่ ม่ไกลเข้าดว้ ยกัน เช่น ภายในอาคาร
หรือภายในองคก์ รทม่ี ีระยะทางไมไ่ กลมากนกั เครอื ข่ายแลนจดั ไดว้ า่
เปน็ เครือขา่ ยเฉพาะขององค์กร การสร้างเครอื ข่ายแลนน้ีองคก์ ร
สามารถทาเองได้ โดยวางสายสัญญาณสือ่ สารภายในอาคารหรือ
ภายในพน้ื ทีข่ องตนเอง

เครือขา่ ยระดบั เมอื ง

( MAN : Metropolitan Area Network) เปน็ การเช่ือมตอ่ เครือข่าย
ระหวา่ งอาคารซ่ึงอาจจะอยใู่ นพนื้ ท่ีเดียวกันหรือนอกพ้ืนที่ท่อี าจจะอยู่
กนั คนละมุมเมืองกไ็ ด้ แตพ่ ื้นทกี่ ารเชื่อมต่อนนั้ จะกาหนดให้อยู่ภายใน
เมืองหน่งึ อาจจะเป็นเมืองท่มี ีขนาดใหญร่ ะดับเมืองหลวง หรอื มหานคร
ก็ได้ บางคร้งั อาจเป็นการรวมเอาเครือขา่ ยในเมอื งขนาดเล็กเขา้ ด้วยกันก็
ได้ ปกติเครือข่าย MAN นม้ี ักจะใช้บรกิ ารของระบบส่ือสารสาธารณะท่ี
จดั บริการโดยหนว่ ยงานต่าง ๆ

เครือข่ายพื้นทก่ี วา้ ง

( WAN : Wide Area Network) คอมพิวเตอรท์ ่เี ช่ือมโยงระบบคอมพิวเตอร์ใน
ระยะห่างไกล เช่น เช่อื มโยงระหวา่ งจงั หวัด ระหวา่ งประเทศ การสร้างเครือข่าย
ระยะไกลจงึ ตอ้ งพึ่งพาระบบบริการเครอื ขา่ ยสาธารณะ เช่น ใชส้ ายวงจรเช่าจาก
องคก์ ารโทรศพั ท์แห่งประเทศไทย หรอื การสือ่ สารแหง่ ประเทศไทย ใชว้ งจรส่ือสาร
ผา่ นดาวเทียม ใช้วงจรสอ่ื สารเฉพาะกจิ ทม่ี ีให้บรกิ ารแบบสาธารณะ เครอื ข่ายแวนจงึ
เป็นเครอื ข่ายทใี่ ช้กับองคก์ รทม่ี ีสาขาหา่ งไกลและต้องการเชื่อมสาขาเหลา่ นั้นเข้า
ดว้ ยกนั

ในการเช่ือมตอ่ คอมพวิ เตอรห์ รืออุปกรณต์ า่ ง ๆ ทางคอมพวิ เตอร์เขา้ เปน็ เครือขา่ ยน้นั เราสามารถเช่ือมตอ่ กนั
โดยมรี ปู แบบการเช่อื มตอ่ (Topology) ที่แตกต่างกนั ได้ 4 แบบ คือ

1 การเชอ่ื มต่อแบบดาว(Star Topology)

เปน็ รูปแบบที่ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ทกุ เคร่ืองท่ีเช่อื มต่อเขา้ ด้วยกันในเครอื ข่าย จะต้องเชื่อมตอ่ กบั
อปุ กรณ์ตวั กลางตวั หนึ่งทเี่ รยี กว่า ฮบั (HUB) หรอื เคร่อื ง ๆ หน่ึง ซง่ึ ทาหน้าทีเ่ ปน็ ศนู ย์กลางของการ
เช่ือมตอ่ สายสญั ญาญที่มาจากเครื่องต่าง ๆ ในเครือข่าย และควบคุมเส้นทางการสื่อสาร ทั้งหมด
เมื่อมเี ครอ่ื งท่ีตอ้ งการส่งขอ้ มลู ไปยงั เครอื่ งอน่ื ๆ ทต่ี ้องการในเครอื ขา่ ย เครื่องนนั้ กจ็ ะต้องส่งขอ้ มลู
มายัง HUB หรือเครื่องศนู ยก์ ลางกอ่ น แล้ว HUB ก็จะทาหน้าทีก่ ระจายขอ้ มลู น้ันไปในเครือขา่ ย
ต่อไป

ขอ้ ดี

- การตดิ ต้งั เครอื ข่ายและการดแู ลรกั ษาทา ได้งา่ ย หากมเี ครอื่ งใดเกิดความ
เสยี หาย กส็ ามารถตรวจสอบได้งา่ ย และศูนย์ กลางสามารถตดั เคร่อื งที่เสยี หาย
น้นั ออกจากการสอื่ สาร ในเครอื ขา่ ยได้เลย โดยไมม่ ีผลกระทบกบั ระบบเครอื ขา่ ย

ข้อเสีย

- เสยี ค่าใช้จ่ายมาก ท้งั ในด้านของเคร่ืองทีจ่ ะใช้เปน็ เครื่องศนู ยก์ ลาง หรอื
ตัว HUB เอง และค่าใช้จา่ ยในการตดิ ตัง้ สายเคเบลิ ในเครือ่ งอ่ืน ๆ ทุกเครื่อง การ
ขยายระบบให้ใหญ่ข้นึ ทาได้ยาก เพราะการขยายแต่ละครง้ั จะตอ้ งเกย่ี วเนอ่ื งกบั
เคร่อื งอน่ื ๆ ทั้งระบบ

2 การเชอื่ มต่อแบบบัส (Bus Topology)

เป็นรปู แบบท่ี เครือ่ งคอมพวิ เตอร์จะถกู เช่อื มต่อกนั โดยผ่ายสายสญั ญาณแกนหลัก ที่เรียกวา่ BUS หรอื
แบ็คโบน (Backbone) คอื สายรับสง่ สญั ญาณขอ้ มลู หลกั ใช้เป็นทางเดินขอ้ มลู ของทกุ เคร่ืองภายในระบบ
เครอื ข่าย และจะมีสายแยกย่อยออกไปในแตล่ ะจุด เพอ่ื เชื่อมต่อเขา้ กบั คอมพวิ เตอร์เครอื่ งอน่ื ๆ ซง่ึ เรยี กวา่ โหนด
(Node) ขอ้ มูลจากโหนดผู้สง่ จะถกู สง่ เข้าสสู่ ายบสั ในรูปของแพ็กเกจ ซึง่ แตล่ ะแพ็กเกจจะประกอบไปดว้ ยขอ้ มลู
ของผ้สู ง่ , ผรู้ บั และขอ้ มลู ทจ่ี ะส่ง การสอ่ื สารภายในสายบัสจะเปน็ แบบ 2 ทศิ ทางแยกไปยังปลายท้ัง 2 ดา้ นของ
บสั โดยตรงปลายทงั้ 2 ด้านของบสั จะมีเทอร์มเิ นเตอร์ (Terminator) ทาหนา้ ทลี่ บลา้ งสัญญาณท่สี ่งมาถึง เพือ่
ปอ้ งกนั ไม่ให้สัญญาณข้อมูลนน้ั สะทอ้ นกลบั เขา้ มายงั บัสอกี เพอ่ื เปน็ การปอ้ งกนั การชนกันของขอ้ มูลอืน่ ๆ ท่ี
เดนิ ทางอยู่บนบัสในขณะน้ัน

ขอ้ ดี

- ไมต่ อ้ งเสยี คา่ ใชจ้ ่ายในการวางสายสญั ญาณมากนัก สามารถขยาย
ระบบไดง้ ่าย เสยี คา่ ใชจ้ ่ายน้อย ซง่ึ ถอื วา่ ระบบบัสนีเ้ ป็นแบบโทโปโลยีที่
ไดร้ ับความนิยมใช้กนั มากท่สี ดุ มา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เหตุผลอย่าง
หน่งึ ก็คือสามารถติดต้ังระบบ ดูแลรกั ษา และตดิ ตงั้ อปุ กรณ์เพิ่มเตมิ ได้งา่ ย
ไม่ตอ้ งใชเ้ ทคนิคท่ยี ่งุ ยากซบั ซอ้ นมากนกั

ข้อเสยี

- อาจเกดิ ข้อผิดพลาดง่าย เน่ืองจากทุกเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ ต่อยู่บนสายสญั ญาณเพยี งเสน้
เดียว ดังนนั้ หากมี สัญญาณขาดทตี่ าแหน่งใดตาแหนง่ หน่งึ กจ็ ะทาให้เคร่ืองบางเคร่ือง หรือทัง้ หมด
ในระบบไมส่ ามารถใชง้ านไดต้ ามไปดว้ ย

- การตรวจหาโหนดเสีย ทาไดย้ าก เน่ืองจากขณะใดขณะหนึ่ง จะมีคอมพวิ เตอรเ์ พยี งเคร่อื ง
เดียวเทา่ น้นั ทส่ี ามารถส่งข้อความ ออกมาบนสายสัญญาณ ดงั นัน้ ถ้ามเี ครื่องคอมพิวเตอรจ์ านวน
มากๆ อาจทาให้เกิดการคบั คัง่ ของเนต็ เวิรค์ ซง่ึ จะทาให้ระบบชา้ ลงได้

3 การเชอ่ื มต่อแบบวงแหวน (Ring Topology)

เปน็ รปู แบบท่ี เครอื่ งคอมพวิ เตอรท์ กุ เคร่ืองในระบบเครือขา่ ย ท้งั เครอ่ื งทีเ่ ปน็ ผใู้ ห้บริการ(
Server) และ เครือ่ งทเ่ี ป็นผขู้ อใชบ้ ริการ(Client) ทกุ เครื่องถกู เชือ่ มตอ่ กันเปน็ วงกลม ข้อมูล
ข่าวสารที่สง่ ระหว่างกัน จะไหลวนอยใู่ นเครอื ขา่ ยไปใน ทศิ ทางเดยี วกนั โดยไม่มจี ุดปลายหรอื
เทอรม์ เิ นเตอรเ์ ชน่ เดยี วกับเครือข่ายแบบ BUS ในแต่ละโหนดหรอื แต่ละเครื่อง จะมรี ีพีตเตอร์
(Repeater) ประจาแตล่ ะเคร่ือง 1 ตวั ซ่ึงจะทาหนา้ ท่ีเพม่ิ เตมิ ข้อมูลที่จาเปน็ ตอ่ การติดต่อส่อื สาร
เข้าในส่วนหัวของแพก็ เกจที่สง่ และตรวจสอบขอ้ มูลจากสว่ นหวั ของ Packet ทส่ี ่งมาถึง ว่าเป็น
ข้อมลู ของตนหรือไม่ แต่ถ้าไม่ใช่กจ็ ะปลอ่ ยข้อมูลนัน้ ไปยัง Repeater ของเคร่ืองถัดไป

ข้อดี

- ผ้สู ่งสามารถสง่ ข้อมูลไปยงั ผรู้ บั ไดห้ ลาย ๆ เคร่ืองพรอ้ ม ๆ กนั โดยกาหนดตาแหน่งปลายทางเหล่าน้นั ลงในสว่ นหัวของ
แพก็ เกจข้อมลู Repeaterของแตล่ ะเครือ่ งจะทาการตรวจสอบเองว่า ข้อมลู ทสี่ ่งมาให้น้นั เปน็ ตนเองหรอื ไม่

- การส่งผา่ นข้อมูลในเครือขา่ ยแบบ RING จะเป็นไปในทิศทางเดยี วจากเครอื่ งสเู่ ครื่อง จงึ ไม่มีการชนกนั ของสัญญาณ
ข้อมูลท่ีสง่ ออกไป

- คอมพวิ เตอรท์ ุกเครอ่ื งในเน็ตเวริ ก์ มีโอกาสทจี่ ะสง่ ขอ้ มูลไดอ้ ย่างทัดเทยี มกัน

ขอ้ เสีย

- ถา้ มีเครอ่ื งใดเครื่องหนึง่ ในเครือข่ายเสียหาย ขอ้ มลู จะไมส่ ามารถส่งผ่านไปยงั
เครื่องต่อ ๆ ไปได้ และจะทาใหเ้ ครือข่ายท้ังเครือขา่ ย หยดุ ชะงกั ได้

- ขณะทขี่ ้อมูลถูกสง่ ผ่านแตล่ ะเครอ่ื ง เวลาส่วนหนึ่งจะสูญเสียไปกับการท่ที กุ ๆ
Repeater จะต้องทาการตรวจสอบตาแหนง่ ปลายทางของขอ้ มลู นน้ั ๆ ทกุ ขอ้ มลู ที่
ส่งผ่านมาถงึ

ลกั ษณะการเช่ือมตอ่ ระบบเครอื ข่าย

1. เครอื ข่ายแบบดาว (Star Network) จะมีคอมพิวเตอร์หลกั เปน็ โฮสต์ (Host) ตอ่

สายสื่อสารกบั คอมพิวเตอรย์ ่อยท่เี ปน็ ไคลเอนต์ (Client) คอมพวิ เตอร์ที่เป็นไคลเอนต์แต่
ละเครอื่ งไมส่ ามารถตดิ ต่อกนั ได้โดยตรง การตดิ ตอ่ จะต้องผ่านคอมพวิ เตอรโ์ ฮสตท์ ่เี ป็น
ศนู ยก์ ลาง

ข้อดขี องเครอื ขา่ ยแบบดาว
1.) มีความคงทนสงู คอื หากสายเคเบิลของบางโหนดเกดิ ขาดกจ็ ะไม่สง่ ผลกระทบต่อระบบโดยรวม โดยโหนดอืน่ ๆ ยัง
สามารถใช้งานได้ตามปกติ
2.) เน่อื งจากมจี ุดศูนยก์ ลางอยู่ทฮ่ี บั (Hub) ดงั นั้น การจัดการและการบรกิ ารจะงา่ ยและสะดวก
ข้อเสยี ของเครอื ข่ายแบบดาว
1.) ใช้สายเคเบลิ มากเทา่ กับจานวนเคร่ืองทเ่ี ชื่อมต่อ หมายถงึ คา่ ใชจ้ ่ายท่สี ูงข้ึนดว้ ย แต่กใ็ ชส้ ายเคเบิลมากกว่าแบบ BUS
กบั แบบ RING
2.) การเพิม่ โหนดใด ๆ จะต้องมพี อรต์ เพยี งพอต่อการเชอ่ื มโหนดใหม่ และจะต้องโยงสายจากพอรต์ ของฮบั (Hub) มายงั
สถานท่ีที่ตั้งเครื่อง
3.) เนอ่ื งจากมจี ดุ ศูนยก์ ลางอยทู่ ฮี่ ับ (Hub) หากฮบั เกดิ ข้อขดั ข้องหรอื เสยี หายใช้งานไมไ่ ด้ คอมพิวเตอรต์ ่าง ๆ ท่ีเชอื่ มต่อ
เข้ากบั ฮบั (Hub) ดงั กล่าวก็จะใชง้ านไมไ่ ด้ท้งั หมด

2. เครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Network) เป็นเครือขา่ ยทเี่ ชือ่ มต่อคอมพวิ เตอรด์ ้วย

สายเคเบลิ เดียวในลกั ษณะวงแหวนไมม่ ีเครื่องคอมพวเตอร์เป็นศูนยก์ ลาง ขอ้ มูลจะต้องผ่าน
ไปยงั คอมพวิ เตอรร์ อบ ๆ วงแหวน และผา่ นเครอื่ งคอมพิวเตอรท์ ุกเครือ่ งเพอ่ื ไปยงั สถานที ่ี
ต้องการ ซง่ึ ขอ้ มูลทีส่ ง่ ไปจะไปในทิศทางเดยี วกัน การว่งิ ของข้อมลู ในเครือขา่ ยวงแหวนจะ
ใช้ทศิ ทางเดยี วเทา่ นน้ั เมอ่ื คอมพวิ เตอร์เครือ่ งหนงึ่ ส่งขอ้ มลู จะส่งไปยงั เครื่องคอมพวิ เตอร์
ตวั ถดั ไป ถ้าข้อมูลทีร่ ับมาไม่ตรงตามทคี่ อมพิวเตอร์ตน้ ทางระบุก็จะส่งผา่ นไปให้
คอมพิวเตอรเ์ คร่ืองถัดไป ซงึ่ จะเปน็ ข้ันตอนแบบน้ีไปเร่อื ย ๆ จนกว่าจะถงึ คอมพิวเตอร์
ปลายทาง ทถี่ กู ระบตุ ามท่อี ยูจ่ ากเครือ่ งต้นทาง

ข้อดีของเครือข่ายแบบวงแหวน
1.) แตล่ ะโหนดในวงแหวนมโี อกาสทจี่ ะส่งข้อมลู ได้เทา่ เทยี มกัน
2.) ประหยัดสายสญั ญาณ โดยจะใชส้ ายสญั ญาณเท่ากับจานวน
โหนดท่เี ชอ่ื มตอ่
3.) ง่ายต่อการตดิ ตั้งและการเพ่มิ /ลบจานวนโหนด

ข้อเสียของเครือข่ายแบบวงแหวน
1.) หากวงแหวนเกดิ ขาดหรือเสยี หายจะส่งผลต่อระบบทัง้ หมด
2.) ยากตอ่ การตรวจสอบ ในกรณีทม่ี ีโหนดใดโหนดหนึง่ เกดิ
ขัดขอ้ ง เนอ่ื งจากต้องตรวจสอบทีละจุดว่าเกดิ ข้อขดั ข้องอย่างไร

3. เครอื ขา่ ยแบบบสั (Bus Network) จะมีการเชอ่ื มต่อคอมพวิ เตอร์บนสาย
เคเบลิ ซงึ่ เรยี นว่า บสั คอมพวิ เตอร์เครือ่ งหนงึ่ ๆ สามารถสง่ ถา่ ยข้อมลู ได้เปน็
อิสระในการสง่ ข้อมูลนั้นจะมีเพยี งคอมพวิ เตอร์ตัวเดียวเทา่ นน้ั ทส่ี ามารถส่งข้อมลู
ได้ในช่วงเวลาหน่งึ ๆ จากนน้ั ข้อมลู จะว่ิงไปตลอดความยาวของสายเคเบลิ แล้ว
คอมพิวเตอรป์ ลายทางจะรับข้อมลู ท่ีวง่ิ ผ่านมา

ขอ้ เสยี ของเครือขา่ ยแบบบัส
1.) เป็นโครงสรา้ งท่ไี มซ่ บั ซ้อน และติดต้งั ง่าย
2.) งา่ ยต่อการเพิม่ จานวนโหนด โดยสามารถเช่อื มตอ่ เข้ากับสายแกนหลักไดท้ นั ที
3.) ประหยดั สายสง่ ข้อมลู เน่อื งจากใชส้ ายแกนเพียงเสน้ เดยี ว

ข้อเสียของเครอื ขยา่ ยแบบบสั
1.) หากสายเคเบิลท่ีเปน็ สายแกนหลักขาดจะสง่ ผลใหเ้ ครือข่ายตอ้ งหยุดชะงักในทนั ที
2.) กรณีระบบเกิดขอ้ ผดิ พลาดใด ๆ จะหาข้อผิดพลาดได้ยาก
3.) ระหว่างโหนดแตล่ ะโหนดจะต้องมรี ะยะห่างตามข้อกาหนด

4. เครือขา่ ยแบบผสม (Hybrid Network) เป็นเครือขา่ ย

คอมพิวเตอร์ท่ีผสมผสานระหวา่ งรปู แบบตา่ ง ๆ หลาย ๆ แบบ
เขา้ ดว้ ยกนั คือ มีเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ย่อยหลาย ๆ เครอื ข่าย
เพ่อื ใหเ้ กดิ ประสิทธภิ าพสงู สุดในการทางานเครอื ข่ายบรเิ วณกว้าง
ซง่ึ เครือขา่ ยทถ่ี ูกเช่อื มตอ่ อาจจะอยู่หา่ งกันคนละจงั หวด หรือ
อาจจะอยคู่ นละประเทศกเ็ ป็นได้

รปู แบบการเชือ่ มต่อเครอื ขา่ ย(Peer-to-Peer)

Peer to Peer , P2P , เพียร์ ทู เพียร์ คอื อะไร
Peer to Peer คือ รูปแบบการเชอ่ื มตอ่ แลนแบบโครงข่ายโดยตรง ระหว่าง

เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ โดยเครื่องคอมพวิ เตอรแ์ ต่ละเคร่ืองนน้ั จะมคี วามเทา่ เทยี ม
กนั เครื่อง PC สามารถทางานของตนเองและขอใช้บริการเคร่อื ง PC อื่นได้ จึง
เหมาะสาหรับนามาใช้งานเพอื่ จดุ ประสงค์ ดา้ นความรวดเรว็ หรอื ติดตง้ั ได้
โดยงา่ ยเมอ่ื ไมม่ ีโครงสร้างพนื้ ฐานที่จะรองรบั ตัวอย่างเช่น ในศูนยป์ ระชุมหรือ
การประชุมทจี่ ัดนอกสถานที่

อีกทงั้ Peer to Peer เปน็ ระบบเครอื ขา่ ยขนาดเล็ก และเหมาะกบั หน่วยงาน ทม่ี ีคอมพิวเตอร์
น้อยกวา่ 10 เคร่ือง ระบบ Peer to Peer นีค้ อมพวิ เตอร์แตล่ ะเครื่อง สามารถเขา้ ไปใชไ้ ฟลท์ ี่
เกบ็ บนเครื่องไหนกไ็ ด้ software ท่ีใชค้ อื Windows for Workgroups, Windows 95, 98,
2000 การตดิ ต้ังเพยี งแตเ่ พ่มิ อปุ กรณ์ทเ่ี รียกวา่ LAN Card ในแตล่ ะเครือ่ งคอมพิวเตอร์ และต่อ
สายแลนเข้าไปสู่ อปุ กรณ์ทเี่ ปน็ ตัวกลาง ซึง่ เรยี กวา่ HUB หากเปรยี บเทยี บแลว้ เทคโนโลยีระบบ
เครือขา่ ยแบบ Peer-to-Peer จะมีการทางานในลักษณะที่เปน็ Decentralization ส่วนระบบ
Client-Server มีการทางานเป็นแบบ Centralization

คุณสมบตั ขิ อง Peer to Peer

- ระบบท่อี นุญาตใิ หผ้ ู้ใชส้ ามารถแลกเปล่ียนไฟลร์ ะหวา่ งกันหรอื ใชท้ รัพยากรรว่ มกันผา่ นระบบเครือข่าย
- ระบบการสอ่ื สารจากคอมพวิ เตอร์เครือ่ งหนึ่งไปยังอีกเครอื่ งหน่งึ โดยตรง
- ฯลฯ

การใช้ File Server เป็นแมข่ ่ายศูนย์กลางในการส่งข้อมูล ทาให้เครอื่ งทางานหนักและ

อัตราเร็วลดลง

แตเ่ ดมิ นัน้ เมอ่ื เราต้องการดาวนโ์ หลดไฟล์จากแมข่ ่าย Server โดยใช้ FTP (File Transfer Protocal) ,

HTTP (Hypertext Transfer Protocal) นน้ั หากมคี นที่ต้องการไฟลเ์ ดียวกบั เรา 500 คนมาดาวนโ์ หลดบน

แมข่ ่าย Server เดยี วกันพร้อมๆ กันโดยแตล่ ะคนมี Bandwidth คนละ 256kbps ถา้ จะให้ทกุ คนนัน้ ได้

ความเรว็ ในการดาวน์โหลดสูงสดุ ตวั แม่ขา่ ย Server จะตอ้ งมี Bandwidth เทา่ กับ 256kbps x 500 ซึง่
Simple PowerPoint
เทา่ กับ 125Mbit เลยทีเดียว Presentation

ซึ่งไม่ใช่เพยี งแตจ่ ะเปลอื ง Bandwidth เทา่ นน้ั แตย่ ังจะต้องใช้แมข่ า่ ย Server ท่ีมี
ความเร็วในการประมวลผลสงู เพื่อรองรบั ความตอ้ งการท่เี พิ่มขึน้ อกี ดว้ ย จากปญั หา
ดังกลา่ วนเ้ี องทาให้โปรแกรมแชรไ์ ฟล์ P2P ถูกพัฒนาขน้ึ มารองรับความตอ้ งการท่ี
เพม่ิ ขนึ้ โดยใช้ทรัพยากรของแมข่ า่ ยใหน้ ้อยลงน้นั เอง

เพยี ร์ทเู พียร์ หรอื เพือ่ นถึงเพอื่ น 1. เชอ่ื มตอ่ ไปยังแมข่ ่าย Server เพื่อ
ยืนยันตัวตนและส่งสารบญั ไฟลท์ ี่เราแชรไ์ ว้
Peer to Peer หรอื P2P อาจจะมีคาอนื่ อีกเช่น ไปดว้ ย
People to People , Point to Point ซ่ึงมี
ความหมายคลา้ ยคลงึ กนั และมีลักษณะนามแทนตวั ได้ 2. หากเราตอ้ งการหาไฟล์สักไฟลห์ นึ่ง
วา่ "เพือ่ นถึงเพ่ือน" ระบบ P2P นนั้ ถูกพัฒนาเพอ่ื ใช้ใน เมือ่ เราระบุ Keyword** โปรแกรมจะสง่
การแลกเปล่ียนไฟล์ระหวา่ งกันโดยที่ไม่พึ่งแม่ข่าย คารอ้ งไปยังแม่ขา่ ย Server
Server ใน การแจกจ่ายไฟลแ์ ละทาใหส้ ามารถหาไฟล์
ท่ตี อ้ งการไดง้ า่ ยขึ้น จากน้นั แมข่ ่าย Server จะส่ง
รายช่อื ไฟล์พร้อมข้อมลู ตัวตนของคนท่มี ี
จากความหมายนีเ้ องทาใหเ้ ราเรยี กโปรแกรมทใ่ี ช้ ไฟลท์ ่ตี รงกับ Keyword ที่เราระบกุ ลับมา
ในการแลกเปล่ียนไฟลร์ ะหวา่ งกันโดยไมไ่ ดร้ ้องขอไฟล์
จากแมข่ า่ ย Server ว่า "P2P File Sharing" 3. เมือ่ เราพบไฟลท์ ี่ตอ้ งการแลว้ ตวั
โปรแกรมประเภทนม้ี อี ยู่มากมายหลายตัวด้วยกัน เช่น โปรแกรมจะใช้ข้อมูลทไ่ี ดจ้ ากแม่ขา่ ย
Emule, Kazaa, Edonkey ฯลฯ หลักการทางาน Server ตดิ ต่อไปยงั คนนน้ั ๆโดยตรงเพ่ือ
คร่าวๆของโปรแกรมก็คือ รอ้ งขอไฟล์

แตก่ ็อยา่ งท่ที กุ คนเขา้ ใจกันดี "ไม่มีอะไรที่จะสมบูรณ์ไปทุกอยา่ ง" หรอื เรยี กว่า "Perfect" ทกุ ๆอย่างต้อง
มจี ดุ ออ่ นถึงแมว้ า่ P2P ที่วา่ จะแก้ปญั หาจุดอ่อนเร่ือง Bandwidth และทรัพยากรของเครอ่ื งแม่ขา่ ย
Server ที่สูงได้ แต่ถึงกระน้นั ความเรว็ ท่ีได้ก็ไม่คอ่ ยจะดีเอาเสยี เลยเน่อื งจากความเรว็ ทไี่ ด้น้นั จะได้จาก
จากเชอ่ื มตอ่ ผใู้ ชด้ ว้ ยกันเอง ซง่ึ โดยทัว่ ไปแล้วความเรว็ Internet ในการรับสง่ ของผ้ใู ชต้ ามบ้านนนั้ ไม่ได้
เร็วเหมอื นเคร่อื งทใ่ี ชเ้ ป็นแม่ข่าย Server โดยเฉพาะจะตงั้ อยใู่ น ISP ซงึ่ Bandwidth อยา่ งต่าๆ น้นั เป็น
100Mbit และเคร่อื งลกู ข่ายผูใ้ ช้เอง ส่วนใหญ่มี Bandwidth ต่า และสว่ นมากนั้นกจ็ ะเห็นแก่ตัวคือไม่
ปลอ่ ยใหต้ วั โปรแกรมสง่ แบบอัตราเรว็ แบบเต็มๆ Bandwidth แต่จะมีการกักเอาไว้ ( มีนอ้ ยแล้วยังจะก๊ัก
อีก) สว่ น Ban

หลักการทางานของอุปกรณ์ระบบเครือข่าย

คอมพิวเตอรท์ นี่ ามาเช่อื มต่อกันในเน็ตเวิรก์ จะประกอบด้วย ฮารด์ แวร์ท่ีเชื่อมตอ่
โปรแกรมควบคมุ และสือ่ นาข้อมลู ซง่ึ คอมพิวเตอร์ทงั้ หมดในระบบจะมีหน้าทที่ างาน
แบง่ เปน็ 2 ประเภท คือ

- สว่ นของผใู้ ช้บริการ หรอื ทเ่ี รียกว่า Client
- ส่วนของผู้ให้บรกิ าร หรือทเ่ี รยี กวา่ Server

Client ผ้ขู อใชบ้ ริการ คอื คอมพิวเตอร์อื่นๆ ในระบบเนต็ เวริ ์กทผี่ ้ใู ชส้ ามารถเขา้ ไปใชท้ รพั ยากรตา่ งๆ ของเครอื ขา่ ย
ติดต่อกบั Server เรยี กวา่ "Client" (Work Station) Client จะเปน็ คอมพวิ เตอรท์ ใี่ ชร้ ะบบปฏบิ ตั กิ ารตา่ งๆ เชน่
windows xx หรือแมคอินทอช เป็นต้น ซ่ึงสามารถเข้าไปขอใช้บรกิ ารจาก Server ได้ เชน่ ฮารด์ ดิสก์ สายส่ือสาร
ไฟล์ฐานข้อมูล เรยี กว่า Database client และเครื่องพิมพ์บน Server ได้ ราวกับว่าเป็นสว่ นหนึ่งของผ้ใู ชเ้ อง ก่อนท่จี ะ
เริ่มตดิ ตอ่ กับ Server ต้องทาการโหลดโปรแกรมทเี่ รยี กวา่ "Network Shell" กอ่ น ซ่ึงต้องกาหนดประเภทของ คาร์ด
หนว่ ยความจา หมายเลขอนิ เทอรร์ บั ปต์ และรายละเอยี ดต่างๆ ของ Network Shell ใหต้ รงกับฮาร์ดแวร์และไดรเวอร์
ทใ่ี ช้ ต่อจากนัน้ จงึ จะเรมิ่ ทางานได้
Server ผใู้ หบ้ ริการ ในระบบ LAN จาเป็นต้องมเี ครื่องคอมพิวเตอรท์ คี่ อยทาหน้าท่ใี หบ้ ริการทางดา้ นต่างๆ แก่
คอมพวิ เตอรอ์ น่ื ๆ ซ่งึ เปน็ ลูกข่าย เรียกวา่ "Server" โดยทว่ั ไปมหี นา้ ที่ ใหบ้ รกิ าร 3 ประการ คอื

1. บรกิ ารในการจัดเกบ็ ข้อมลู เรยี กว่า " File server"
2. ให้บรกิ ารด้านการพิมพเ์ อกสารและควบคุมเคร่ืองพิมพ์ เรียกวา่ "Printer server" และ
3. ใหบ้ ริการควบคุมดา้ นการสือ่ สารทจี่ ะต่อเช่ือมกบั อุปกรณ์ส่ือสารอ่ืน เรียกว่า "communication server"

มาตรฐานระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์

มาตรฐานเครือขา่ ยทอ้ งถิน่ (Local Area Network : LAN )
เปน็ มาตรฐานทเี่ ปน็ ทน่ ิยมใช้มากในปัจจุบันท่วั ไปมี 3 แบบ คอื

Ethernet

พฒั นาโดยบริษทั Xerox เปน็ มาตรฐานเครือข่ายทอ้ งถิ่นทไ่ี ด้รบั ความนิยมมากทสี่ ดุ ในปจั จุบนั ซ่ึงมาการกาหนด
มาตรฐานโดยสถาบันวศิ วกรไฟฟ้าอิเล็กทรอนกิ ส์ IEEE โดยที่มาตรฐาน Ethernet ทีเ่ ปน็ ท่นี ยิ มจะใชม้ าตรฐาน IEEE 802.3
โดยที่ Ethernet จะใช้เทคนิคกาสง่ ข้อมูลแบบ CSMA/CD (Carier Sense Multiple Access / Collision Detection )
กล่าวคือถา้ ส่งข้อมูลพร้อมกนั และสญั ญาณชนกนั จะต้องสง่ ขอ้ มูลใหม่

Token-Ring

พัฒนาโดย IBM จะใช้ Access Method แบบ Token Passing ในการเชือ่ มตอ่ สามารถใชไ้ ดท้ ง้ั สาย
Coaxial, UTP, STP หรอื สายใยแก้วนาแสง (Fiber optic) ระบบเครอื ขา่ ยน้มี ีความคงทนต่อความผดิ พลาด
สูง (Fault-tolerant) ความเรว็ ในการรบั ส่งข้อมลู ท่ีจะอยูท่ ่ี 4-16 Mbps จะใชม้ าตรฐาน IEEE 802.5

FDDI

เป็นมาตรฐานเครือข่ายความเรว็ สงู ท่ีทางานอยู่ในชน้ั Physical สว่ นใหญ่นาไปใช้เช่อื มต่อเป็น Backbone เปน็
สญั ญาณหลกั ทเ่ี ชือ่ มตอ่ ระหว่างเครอื ข่ายทอ้ งถนิ่ เข้าดว้ ยกนั โดยใช้ Access Method แบบ Token-Passing และใช้
Topology แบบวงแหวนคู่ (Dual Ring) ซึง่ ช่วยให้ทนต่อข้อบกพรอ่ งของระบบเครอื ขา่ ยได้ดีขึ้น ทางานอยู่ทค่ี วามเรว็
100Mbps

มาตรฐานระบบเครือขา่ ยระดับประเทศ (Wide Area Network : WAN)
มี 3 แบบคอื

X.25

เป็นโปรโตคอลมาตรฐานของเครอื ข่ายเกา่ ทไี่ ดร้ บั การออกแบบโดย CCITT เพอ่ื ใช้เปน็ ่
วนตดิ ต่อนะหว่างระบบเครือข่ายสาธารณะแบบแพก็ เกตสวติ ช์ กบั ผ้ใู ช้ระบบ x.25 เป็นการ
ส่ือสารแบบตอ่ เน่ืองทสี่ นบั สนนุ การเช่อื มตอ่ วงจรสอื่ สารแบบ Switching Virtual Circuit
(SVC) และ Permanent Virtual Circuit (PVC)

Frame Relay

เปน็ เทคโนโลยีทพี่ ัฒนาต่อจาก X.25 อกี ที หน่งึ ในการส่ง
ขอ้ มลู เฟรมรีเลย์ จะมกี ารตรวจเช็คความถูกตอ้ งของขอ้ มลู ทจี่ ุด
ปลายทาง ทางานแบบ Packet Switching

ATM

เป็นระบบเครือข่ายความเรว็ สงู ปัจจบุ นั ระบบองค์กร
ใหญๆ่ นยิ มใช้งานอย่างแพร่หลายในวงการอุตสาหกรรมการ
สื่อสาร โดยระบบ ATM จะมกี ารส่งขอ้ มูล จานวนน้อยๆท่มี ีขนาด
คงทท่ี เ่ี รียกว่า Cells

เอกสารอ้างองิ

1. Tanyaporn Parakornwatthana.(2014)ชนิดของเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์, สบื ค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2565
จาก http://www.kbyala.ac.th/CAI%20KROO%20PEN/my%20web/it-4/mywebpen

2. นางสาวลลิตา ธรรมภบิ าล. (2559).ลักษณะการเช่ือมตอ่ ระบบเครอื ขา่ ย(ดาว),สืบคน้ เม่อื 30 พฤษภาคม 2565
จาก https://www.sites.google.com/site/kunyaandsiravit/home/laksna-kar-cheuxm-tx-khxng-rabb-khe-
rx-khay-khxmphiwtexr

3. รูปแบบการเชื่อมตอ่ เครอื ขา่ ย(Peer-to-Peer), สืบคน้ เมอ่ื 30 พฤษภาคม 2565
จาก https://sites.google.com/site/wwwboonchokcom/kar-suxsar-khxmul-laea-
kherux-khay

4. นางสาวคาเหลา จอก่า.หลกั การทางานของอปุ กรณร์ ะบบเครือขา่ ย, สบื ค้นเมือ่ 30 พฤษภาคม 2565
จาก https://sites.google.com/site/kumlao2540/7-hlak-kar-thangan-khxng-rabb-kherux-khay-
khxmphiwtexr

5. นายสิทธิโชค ถาวฒุ ิ. (2559).มาตรฐานระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์, สบื คน้ เมื่อ 30 พฤษภาคม 2565
จาก http://thedctmike.blogspot.com/2013/01/technology-lesson-3_1677.html


Click to View FlipBook Version