116
ภาพที่ 84 การแต่งกายแบบสวยงามของการยนื เคร่ืองพระ นาง
ทีม่ า : กรมศิลปากร, (2542 : 222).
1. การสวมชฎา การใสช่ ฎาและมงกุฎ กระบังหนา้ ควรตรวจสอบกรอบพักตรข์ องนกั แสดง
กับกรอบพักตร์ของชฏาหรือมงกุฎ ควรให้เข้าส่วนโค้งของกรอบหน้านักแสดง การใส่ชฎาและมงกุฎ
จะต้องเก็บไรเส้นผมไว้ให้เรียบร้อย ไม่ควรทาให้จอนผม หรือเส้นผมตนเองห้อยหล่นเต็มใบหนา้ ของผู้
แสดง นอกจากนี้ควรตรวจสอบอุบะรักร้อย ดอกไม้ทัดควรทัดบริเวณหูของนักแสดง ขณะเดียวกัน
อุบะรกั รอ้ ย จะต้องใหด้ อกจาปี ห้อยระหว่างแก้มกับปลายจมกู เท่าน้ัน
การสวมเทริดของโนรามีความแตกต่างจากการสวมชฎา และมงกุฎ กล่าวคือเทริดโนราที่
นักแสดงสวมใส่ จะตอ้ งให้กรอบพักตร์ลงมาคลมุ หนา้ ผากของนกั แสดง ซึ่งจะมีความแตกต่างกับมงกุฎ
และชฎาทีก่ รอบพกั ตรจ์ ะตอ้ งวางบนกรอบไรผมของนักแสดง
117
ภาพท่ี 85 การสวมเทริดของโนราในภาคใต้
ท่ีมา : ธรี วฒั น์ ช่างสาน, (2562).
2. การติดอินทรธนู ต้องตั้งอยู่ บนหัวไหล่ของนักแสดง ขณะเย็บควรให้ส่วนโค้งลาดไปกับ
ไหลน่ ักแสดงเล็กน้อย โดยใหม้ ุมบนของอินทรธนตู รงกบั เส้นไหล่ของรอยเยบ็ บนตัวฉลองพระองค์ ควร
เย็บด้านบนฐานไหล่ให้แน่น ส่วนฐานล่างของไหล่ควรใช้วธิ ีการเย็บโยงจากหน้าไปผูกไว้ด้านหลงั สอด
เชือกให้อยู่ใต้รักแร้ ข้อสังเกตของการเย็บอินทรธนู ควรทดลองให้นักแสดงตั้งวงบนดูต้องไม่ให้ส่วน
ของพู่บนปลายโค้งของอินทรธนูบังหน้า หรือติดกับหูเพราะจะทาให้ไม่สวยงาม นอกจากน้ีการติด
อินทรธนจู ะตอ้ งให้มสี ดั สว่ นบนไหลเ่ ทา่ กนั ทงั้ สองขา้ ง
3. การใส่กรองคอ กรองคอท่ีออกแบบไว้ลงตัวจะใส่แล้วรับกับรูปคอ กรองคอท่ีออกแบบ
เล็ก เกินไปจะ บีบคอและเม่ือเย็บจะปีนคอ ส่วนกรองคอท่ีใหญ่ไปเม่ือใส่จะต้องดึงเข้ามาซ้อนกันให้
เล็กเข้าตามรูปคอ กรองคอสมัยใหม่จะนิยม ติดกระดุมกด เม็ดใหญ่ไว้ แต่ถ้าผู้แสดงมีรูปร่างไม่รับกับ
กรองคอ เช่นเล็กไปก็ จะตอ้ งใช้การเย็บกรองคอเข้ามา หรือผู้แสดงคอใหญ่ไปกรองคอไม่รอบและห่าง
ออกจากกันไม่สวยงาม การใช้กระดุมกด จึงไม่สามารถช่วยได้มากนัก และอีกประการหน่ึงในการ
แสดงที่เคล่ือนไหวร่างกาย กระดุมกดอาจไม่แน่น กรองคอมักหลุดอยู่เสมอ การเย็บจึงเป็นวิธีป้องกัน
นอกจากการเย็บกรองคอให้ เข้าหากันแล้ว การป้องกันการหลุดของกรองคอ ช่างแต่งกาย จะเย็บ
กรองคอติดลงไปกับตัวเสื้อด้วยเพื่อ ป้องกันการเล่ือนหลุด และกันการเลื่อนไหลของกรองคอขณะ
แสดง
4. การเย็บเส้ือหรือฉลองพระองค์ ควรตรวจสอบดูลายให้เสมอกันทั้งทางซ้ายและทางขวา
ควรเร่ิมเย็บใต้ฐานหน้าอก โดยการปักฝีเข็มให้ปลายเข็มลงด้านล่าง และเย็บตักชายเสื้อให้เท่ากันท้ัง
118
ทางซ้ายและทางขวาเก็บส่วนเอวให้มากเพ่ือจะให้หุ่นเรียวมีเอวมีองค์ ฝีเข็มควรเป็นเส้นตรงกับลาตัว
เฉพาะอย่างยิ่งขณะปักฝีเข็มให้หลีกเลี่ยงการเย็บบนลายของตัวเสื้อเพราะจะทาให้ด้ินท่ีปักบนตัวเส้ือ
ชารุดง่ายขณะที่ตัดด้ายหลังการแสดงเสร็จ นอกจากนี้การเย็บแขนเสื้อในกรณีเส้ือแขนยาว ต้องระวัง
ไมใ่ ห้แน่นเกนิ ไปจนผูร้ า งอแขนไมไ่ ด้ นอกจากน้ีควรตรวจสอบลายเสือ้ ใหเ้ รียบร้อย
5. การเย็บรัดสะโพก รัดสะโพกคือส่วนปิดข้อบกพร่องของเคร่ืองแต่งกายระหว่างเสื้อและ
สนับเพลา ดังนั้นการควรมีความประณีตในเรื่องการเก็บชายเสื้อ ซ่ึงควรเย็บให้ลึกลงด้านล่าง ใน
ขณะเดยี วกันกค็ วรพับซ้อนสนบั เพลาให้กระชบั กบั ชายเสื้อ แล้วนาเอารดั สะโพกมาทาบให้ชายทั้งสอง
อยู่ดา้ นหน้า ส่วนโค้งด้านล่างของชายรัดสะโพกจะต้องอยู่บนตรงต้นขาของนักแสดง ส่วนชายด้านบน
จะตอ้ งเยบ็ ใหต้ ิดกบั ตวั เสือ้ และเก็บชายใหแ้ น่นเรยี บโค้งลงด้านล่างผกู เกบ็ ดา้ ยใหเ้ รยี บร้อย
6. การนุ่งผ้ายก ส่ิงที่จะทาให้ผ้ายกสวยงามเราจะดูจากจีบ 3 จีบข้างสะโพกท่ีต้องย้อยรับ
สะโพกให้ลดหลั่นอย่างสวยงาม และต้องเหมือนกันทั้งสองข้าง นอกจากนี้ต้องตรวจสอบหางหงส์ของ
นักแสดง ส่วนข้างหลัง ห้ามมิให้จีบแตกไม่เรียงกันจึงควรเย็บตรึงจีบกับรัดสะโพกไว้ให้แน่น และควร
ตรวจดูฝีเข็มการเย็บตรึงของหางหงส์ห้ามมิให้อยู่ต่าจนจุกเข้าใสก้นผู้แสดง จะทาให้ดูไม่สวยงาม
ขณะเดียวกันก็อยา่ ดงึ ให้เลิกขึ้นด้านบน จะทาใหห้ างหงส์แตกไมส่ วยงามอีกเหมือนกนั
7. การใส่ห้อยหน้า ควรตรวจสอบกับผ้าห้อยให้เรียบร้อย น่ันคือ ผ้าหอ้ ยข้างทั้งสองตอ้ งเสมอ
กันและจะต้องสั้นกว่าห้อยหน้า โดยให้ห้อยหน้าอยู่ตรงกลางและยาวกว่าห้อยผ้าห้อยประมาณ 1 นิ้ว
และพึงระวังไม้ให้ผ้าห้อยแยกออกจากกันแม้เอาห้อยหน้าทาบปิดแล้ว จึงควรใช้ความประณีต
ตรวจสอบให้เรยี บรอ้ ย
8. การใส่สนับเพลา ที่ถูกต้องสวยงามนั้น ชายสนับเพลาท่ีโค้งงอนข้ึนด้านบนควรอยู่
ด้านหน้าและคลุมเข่าของผู้แสดงเลก็ น้อย ด้วยสนบั เพลาของเครื่องแต่งกายละครรามีขนาดใหญ่ดังน้ัน
ควรดึงร้ังขอบสนับเพลาด้านบนข้ันไปให้มากเฉพาะอย่างยิ่งช่วงท่ีจะปิดทับรัดสะโพก อย่างไรก็ตาม
การดึงชายสนบั เพลาจะต้องใหเ้ สมอกันทงั้ สองขา้ ง
9. การใส่ผ้าห่มนาง การใส่ผ้าห่มนางให้ได้รูปคือเม่ือแต่งจะตกคลุมไหล่ของผู้แสดงลงมา
เกอื บถงึ ข้อศอก และความยาวที่ท้ิงชายไปด้านหลังประมาณคร่งึ นอ่ งถงึ จะสวยงาม
นอกจากนก้ี ารแก้ไขการใสถ่ นิมพมิ พาภรณ์ โดยใส่ทบั ทรวงต่อเขา้ กับกรองคอ เข็มขัดรัดอยู่
ระดบั เอว ใหถ้ ว่ งต่าเลก็ น้อยแต่อย่ามากจะดูหย่อน สงั วาลส้ันให้ตาบทิศอยู่ระดับเดียวกับเอว ไม่ห้อย
ยอ้ ยลงมาอยู่หน้าขา
การเกบ็ รักษาเครื่องแต่งกายละครรา
การเก็บรักษาเครื่องแต่งกายละครรา เป็นส่ิงสาคัญมากสาหรับผู้ท่ีจะสร้างเคร่ืองแต่งกาย
เพราะเคร่ืองแต่งกายละครรามีราคาท่ีแพง เช่น ชุดเคร่ืองตัวพระปักด้ินหนุนลาย ราคาปัจจุบันอยู่ที่
119
75,000-80,000 บาท แต่ถ้าเป็นเครื่องพระที่ปักด้วยเลื่อมและลูกปัด ราคาก็อาจจะต่าลงตาม
คุณภาพของช้ินงาน ส่วนเครื่องแต่งกายนางน้ันถ้าเป็นปักด้วยดิ้นหนุนลาย เครื่องประดับครบชุด
พร้อมออกนาแสดง ก็จะประมาณ 55000 – 60,000 บาท แล้วแต่ความประณตี และคณุ ภาพของฝีมือ
การปัก อย่างไรก็ตามราคาที่อ้างนี้ มีราคาแพง ดังน้ันเพื่อให้คุ้มค่ากับการใช้งานตามราคาท่ีต้องจ่าย
เราจงึ ตอ้ งเขา้ ใจวิธกี ารเก็บรักษาและการทาความสะอาด ดังนี้
1. ภายหลังจากที่แสดงเสร็จ จะต้องตัดเคร่ืองโดยการใช้ใบมีดเล็ก ๆ กรดี ตัดด้ายใหข้ าดจาก
กัน ตามจุดทีเ่ ยบ็ ตรงึ ภายหลงั จากตัดด้ายจะตอ้ งเก็บเศษด้ายออกให้หมด
2. ทาให้เครื่องแต่งกายแห้งอย่างรวดเร็ว เส้ือผ้าเครื่องแต่งกายโดยเฉพาะชุดเครื่องต้องใช้
เวลาแต่งนานมาก และเมอื่ แสดงเสร็จสิ้น ผู้แสดงจะคายความร้อนของร่างกายออกมาเป็นเหงื่อ ซึ่งจะ
ทาปฏิกิริยากับชุดเส้ือผ้าเคร่ืองแต่งกาย เพราะเหงื่อมีรสเค็ม ซึ่งถ้าหากทิ้งหมักหมมจะทาให้
เกิดปฏิกิริยาท้ังกับด้ินที่อาจจะหมดความวาวเมื่อโดนแสงไฟ และผ้าอาจจะเกิดเป็นจุดดา ๆ ทาให้ไม่
สวยงาม ของทมี่ รี าคามาก ๆ ก็จะดดู ้อยราคา ดงั นนั้ จึงจะต้องดูแลหลงั การใช้งาน คอื
2.1 การตากผึ่งลม โดยการกลับช้ินส่วนของเส้ือผ้าเคร่ืองแต่งกาย ให้ด้านในของตัวเส้ือ
หรือเคร่ืองแตง่ กายออกมาด้านนอก แล้วผึ่งไว้ใหโ้ ดนลม ถ้าหากการแสดงเสร็จส้ินในตอนกลางคืนไม่มี
แสงแดด ซ่งึ จะชว่ ยได้ในระดับหน่ึง
2.2 การตากแดด เป็นการรักษาเคร่ืองแต่งกาย โดยนาเอาเครื่องแต่งกายมาตากแดดจัด
เพ่ือให้เหงื่อและความชื้นระเหยออกไปเร็วท่ีสุด โดยกลับลายเคร่ืองแต่งกายเข้าด้านใน เอาด้านใน
ของเครื่องแต่งกายมาตากแดด แตผ่ ลเสียของการตากแดดมากๆ คือสีของผ้าจะซดี เรว็ และเปราะบาง
3. การซักเคร่อื งแต่งกาย เครื่องแต่งกายละครราเป็นการปักด้วยวัสดุที่เป็นโลหะ ดังน้ันจึงไม่
สามรถซักล้างได้บ่อยคร้ังเคร่ืองแต่งกายโขนละครแบบปัจจุบันที่ปักด้วยดิ้นสีเงินขนาดใหญ่ มีวิธีการ
ซกั ลา้ ง ดงั น้ี
3.1 ซกั ล้างเครอ่ื งแตง่ กายดว้ ยสารเคมี โพแทสเซยี มไซยาไนด์(Potassium cyanide) ซึ่ง
เป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมโลหะ และงานเครอื่ งเงนิ เคร่ืองทอง ลักษณะเป็นเกล็ดผงสีขาว นามา
ละลายน้าเจือจาง และนามาเทใส่เครอ่ื งแตง่ กาย ล้างสดงึ ท่ีปัก หรือนาเคร่ืองแต่งกายโขนละคร ลงไป
แช่สักครู่ แล้วล้างออกด้วยน้าสะอาดหลายๆ คร้ังจึงนามาตากแดดให้แห้ง กรดไซยาไนด์จะกัดดิ้น
โลหะเป็นสีเงินทาความสะอาดคราบดาท่ีติดกับโลหะที่ปัก แต่ข้อควรระวังคือ การผสมเข้มข้นจะกัดสี
เคลือบดนิ้ ลงไปจนถึงโลหะจรงิ คอื ทองแดง ทาให้ดิ้นเป็นสีทองแดงทันที และกัดกรอ่ นเนือ้ ผ้าให้เปอื่ ย
งา่ ย และอีกประการหนึ่งโปรแทนเซียมไซยาไนด์เป็นสารพิษรุนแรงเม่ือละลายน้าจะเกิดก๊าซไซยาไนด์
สูดเข้าทางลมหายใจหรือเข้าสู่ ผิวหนังอาจทาให้เกิดอาการแพ้ ผู้ท่ีซักเคร่ืองแต่งกายวิธีการนี้ต้อง
ป้องกันโดยการสวมถุงมือ ผ้าปิดจมูก ให้ถูกต้อง และต้องทา ความสะอาดในท่ีโล่ง ไม่ควรสัมผัสกับ
สารเคมีโดยตรง
120
3.2 การซักโดยผงซักฟอก เป็นการซักปกติเหมือนกับการซกั ผ้าท่ัวไปเพ่ือให้เคร่ือง แต่ง
กายสะอาดข้ึน แต่ต้องล้างให้สะอาดและตากแดดทันที แต่การซักด้วยน้าและผงซักฟอกจะทาให้ด้ิน
โลหะสเี งนิ (แบบราคาถูก) หมองและดาเร็ว ไม่นยิ มนกั
3.2 การซักโดยใช้แชมพูเด็ก วิธีการน้ีเป็นการซกั ผ้าปักที่ทาจากวัสดุคุณภาพดีแบบด้ิน
เล่อื มทเ่ี รยี กว่า ดิ้นแท้ผลิตจากฝรง่ั เศสเปน็ การ ทาความสะอาดเน้ือผ้าและลวดลายโดยใช้แชมพูเด็กที่
ไม่มีฤทธ์ิแรง ทาความสะอาด เมื่อซักล้างเสร็จ ต้องตากแดดทันทีให้แห้ง แต่ข้อจากัดของการ ซักล้าง
เครื่องแต่งกายจะไม่ทาบ่อยนัก สามารถซักได้เพียง 1-2 คร้ัง เพราะสารเคมี น้า และแสงแดด เป็นตัว
ทาลายท้งั วัสดทุ ป่ี กั และตัวผา้
4. การจดั เกบ็ ควรจัดเก็บเครอื่ งแตง่ กายใหเ้ ปน็ ระบบ ดงั นี้
4.1 จัดระบบเป็นเคร่ืองๆ เช่น เครื่องพระราม เครื่องพระลักษมณ์ เครื่องนางสีดา
เครอ่ื งพระ เคร่ืองนาง โดยแยกเป็นชดุ ๆ ให้เป็นระเบียบ โดยการมัดเกบ็ เปน็ ห่อใช้ผ้าดิบผกู มัดเป็นห่อ
ๆ ให้เป็นระเบียบ หมวดหมู่ เขียนช่ือไว้บนผ้าว่าเป็นชุดอะไร อย่างไรก็ตามการพับเก็บเป็นชุด ๆ นี้
จะตอ้ งเก็บภายหลังจากตากเครือ่ งอยา่ งแห้งสนิทแลว้ เท่านน้ั
4.2 เก็บแบบแยกส่วนต่าง ๆ เช่น เส้ือ สนับเพลา ห้อยหน้า ห้อยข้าง ผ้าห่มนาง เส้ือใน
นาง โดยปกติแล้วควรแผ่กางเพราะหากพับเก็บท้ิงเวลาไว้นานๆ อาจทาให้เส้ือผ้าท่ีพับเก็บมีรอบพับ
จะทาใหส้ ีเกิดความไม่สม่าเสมอเพราะเกิดจากรอยพับ นอกจากน้ีการเกบ็ ลักษณะท่ีกล่าวนจี้ าเป็นต้อง
ใช้พืน้ ทีม่ าก และอาจทาให้เคร่ืองแต่งกาย อาจถูกเคลื่อนย้ายแยกช้ินส่วนได้ง่าย จึงต้องดูแลตรวจสอบ
เป็นพเิ ศษ
4.3 เก็บโดยการแขวนเส้ือผ้า เคร่ืองแต่งกายที่ทาจากผ้ากับไม่แขวน ท่ีมีความแข็งแรง
แขวนไว้ในตู้ก็เป็นความสะดวกสาหรับการเก็บรักษา และเห็นได้ง่าย ซ่ึงหากมีความประณีตมากขึ้น
สามารถใช้ถุงครอบกันฝุ่น กันแมลงเล็ก ๆ กดั ทาลาย ได้ดี สว่ นเครอ่ื งประดับท่ีใช้ตกแตง่ ทม่ี มี ากหลาย
ชน้ิ โดยท่ัวไปจะใชก้ ลอ่ งเกบ็ ไว้เปน็ ชดุ ๆ เพ่อื ให้งา่ ยตอ่ การเก็บรักษาและหยิบใชง้ าน
สรปุ
เคร่ืองแต่งกายละครรามีวิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยอยุธยาในเร่ิมต้นอาจจะยังไม่วิจิตรสวยงาม
เพราะยังไม่ปรากฏหลักฐานในลักษณะการแต่งกาย จนกรุงแตกเข้าสู่สมัยธนบุรี บ้านเมืองเผชิญกับ
ปัญหาความยากจนเพราะเพิ่งเสร็จสิ้นสงคราม จนมีละครผู้หญิงเจ้าพระยานครจึงได้ฝึกหัดละครข้ึน
อีกคร้ังแต่ยังไม่เห็นหลักฐานท่ีแน่ชัดในเรื่องเคร่ืองแต่งกายละคร สมัยรัตนโกสินทร์ มีวิวัฒนาของการ
พัฒนาเคร่ืองแต่งกายตั้งรัชกาลที่ 1-รัชกาลท่ี7 จนพัฒนาเป็นเคร่ืองแต่งกายท่ีสวยงามตามแบบกรม
ศิลปากรท่ีมีความสวยงามลงตัวที่ใช้ประกอบการแสดงได้จริงมีการนาเสนอเรื่อง มีองค์ประกอบของ
เครื่องแต่งกาย ประเภทของเคร่ืองแต่งกายละครรา การแต่งกายโขนพระราชทานหรือโขนของมูลนิธิ
121
สง่ เสรมิ ศิลปาชีพซ่ึงเป็นงานสร้างสรรค์ท่ีอนุรกั ษ์พลิกฟ้ืนอาชพี การทอผ้าภมู ิปญั ญาสรา้ งเศรษฐกจิ และ
รายได้แก่ชุมชนในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ได้ให้รายละเอียกข้ันตอนการแต่งกายตัวพระ ตัวนาง ทั้งแบบ
ห่มคลุม ห่มสไบสองชาย เพ่ิมเติมการแต่งกายละครพันทางที่ออกเช้ือชาติท้ังเช้ือชาติมอญ เช้ือชาติ
พม่า และเชอ้ื ชาติลาว อีกทั้งให้รายละเอยี ดเพิม่ เติมเร่ืองการแก้ไขการแต่งกายละครไทย และการเก็บ
รักษาเครือ่ งแต่งกาย ตามท่ีไดใ้ ห้รายละเอยี ดไปแล้วข้างตน้
122
คาถามทบทวน
คาชแี้ จง จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ีมาให้ถูกตอ้ ง
*******************************************************************************************
1. นักศึกษาสรปุ วิวัฒนาการของเคร่อื งแต่งกายละครรามาพอสงั เขป
2. องคป์ ระกอบของเคร่ืองแต่งกายละครราท่นี า่ สนใจมอี ะไรบ้าง จงยกตัวอย่างประกอบ
3. นักศึกษาสามารถนาขั้นตอนการแต่งกายตัวพระไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันไดห้ รือไม่ เพราะ
เหตุใด
4. การแตง่ กายแบบหม่ คลมุ กบั การแต่งกายแบบหม่ สองชายแตกต่างกนั อย่างไร จงใหเ้ หตผุ ล
ประกอบ
5. วิเคราะหค์ วามงามของเครื่องแต่งกายแบบกรมศิลปากรและแบบโขนพระราชทานหรือโขนของ
มลู นธิ ิสง่ เสรมิ ศลิ ปาชีพ ตามความคดิ ของนักศึกษา พร้อมยกตัวอยา่ งประกอบ