The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nattchai.nc, 2022-06-27 12:19:48

ilovepdf_merged

ilovepdf_merged

เอกสารประกอบการสอน
การตรวจรา่ งกายระบบประสาทและการบนั ทกึ ผลการตรวจ

อาจารย์ ณฐั วรรณ ชัยมเี ขียว
รายวชิ า 822 202 กระบวนการพยาบาลและการประเมินภาวะสขุ ภาพ

สำหรบั นกั ศกึ ษาพยาบาลชน้ั ปีที่ 2
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชธานี วทิ ยาเขตอุดรธานี

ปกี ารสึกษา 1/2565

เอกสารประกอบการสอน
การตรวจรา่ งกายระบบประสาทและการบันทึกผลการตรวจ

อาจารย์ ณัฐวรรณ ชัยมเี ขยี ว

รายวชิ า 822 202 กระบวนการพยาบาลและการประเมนิ ภาวะสุขภาพ

สำหรบั นักศกึ ษาพยาบาลชัน้ ปที ่ี 2
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชธานี วิทยาเขตอุดรธานี

ปีการสกึ ษา 1/2565

คำนำ

เอกสรประกอบการสอน การตรวจร่างกายระบบปรสาทและบันทกึ ผลการตรวจ
เป็นหวั ขอ้ หนงึ่ ทอี่ ยใู่ นรายวิชากระบวนการพยาบาลและการประเมินภาวะสุขภาพ เป็น
เนอื้ หาการตรวจร่างกายระบบประสาท สำหรับนกั ศกึ ษาพยาบาลศาสตรบ์ ณั ฑติ ของ
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชธานี วิทยาเขตอุดรธานี การประเมินภาวะ
สุขภาพและการวนิ ิจฉัยเบอื้ งตน้ เป็นหนง่ึ ในกระบวนการพยาบาล(Nursing process) ใน
การประเมิน (Assessment) รวบรวมข้อมูลท้ังเป็นขอ้ มูลอตั นัย(Subjective data) และ
ขอ้ มลู ปรนัย (Objective data) นำสู่การวเิ คราะห์ในการวินิจฉยั ทางการพยาบาล(Nursing
diagnosis) และวางแผนการพยาบาล(Planning) การนำแผนการไปใช้ (Implementation)
รวมถึงการประเมนิ ตดิ ตามผลการใหก้ ารพยาบาล(Evaluation) ฉะน้ันพยาบาลจงึ ต้องมี
ความรู้ ความเข้าใจในการประเมินท้ังการซักประวตั แิ ละตรวจร่างกายให้แม่นยำและ
ถูกต้อง เอกสารประกอบการสอนการตรวจร่างกายเป็นเน้ือหาความร้เู กย่ี วกับ การซกั
ประวัติและตรวจทัว่ ไปทเ่ี ก่ยี วข้องกับการทำงานของระบบประสาท การตรวจของระบบ
ประสาท (Nervous system)ทปี่ ระกอบดว้ ย การตรวจเส้นประสาทสมอง (Cranial
nerve) การตรวจระบบประสาทส่ังการ (Motor function) การตรวจระบบประสาทรบั
ความรู้สกึ (Sensory function) การตรวจระบบประสาทปฏกิ ิรยิ าตอบสนอง(Reflex)
การตรวจระบบประสาทการประสานสัมพันธ(์ Coordination function) และตวั อย่างการ
บันทึกการพยาบาลทีเ่ ก่ียวขอ้ ง

ผ้เู รยี บเรยี งหวังเปน็ อย่างย่ิงวา่ จะช่วยนักศึกษาในการประกอบการเรียนการสอน
รายวชิ าการประเมินภาวะสขุ ภาพในหัวข้อการตรวจร่างกายระบบประสาทได้โดยผู้เรยี น
จะตอ้ งศึกษาคน้ คว้าเพิ่มเติมในรายละเอียดเพิ่มเติมอีกคร้ังหนง่ึ

ณัฐวรรณ ชัยมีเขยี ว

พฤษภาคม 2565

สารบัญ 1
6
คำนำ 15
สารบัญ 18
การซกั ประวัติ ตรวจร่างกายโดยทั่วไป 21
การตรวจเสน้ ประสาทสมอง (Cranial nerve) 23
การตรวจระบบประสาทสงั่ การ (Motor function) 25
การตรวจระบบประสาทรับความรู้สกึ (Sensory function) 30
การตรวจระบบประสาทปฏกิ ิรยิ าตอบสนอง ( Reflex)
การตรวจระบบประสาทการประสานสมั พันธ์ (Coordination function)
สรุปการตรวจร่างกายระบบประสาท
ตวั อบา่ งแบบบันทึกการตรวจรา่ งกาย

การประเมินภาวะสขุ ภาพระบบประสาท 1

อาจารย์ ณฐั วรรณ ชัยมเี ขียว
พยม.(การพยาบาลผู้สูงอาย)ุ

แนวคดิ
ระบบประสาทเปน็ ระบบที่มีความซับซ้อนและเกี่ยวพันกนั โดยเปน็ การควบคมุ การทำงานของระบบต่างๆในรา่ งกาย

การตรวจประเมินจึงตอ้ งให้ประเมินตามโครงสร้างและหนา้ ทใ่ี หค้ รอบคลุ มมากทส่ี ดุ ทักษะในการตรวจรา่ งกายดว้ ยวธิ ี ด้วย ดู คลำ เคาะ
และฟงั ตอ้ งถูกตอ้ งครบถ้วน รวมกับการใช้แบบประเมินทีเ่ กีย่ วข้องอย่างแมน่ ยำ ระบบประสาทประกอบด้วย การตรวจระบบประสาท
โดยท่วั ไป การตรวจระดับความรู้สติและการตรวจสภาวะทางจิตใจ(Mental function) การทำงานของเส้นประสาทสมอง(Cranial nerve)
การทำงานของประสาทสั่งการ(Motor function) การตรวจประสาทรบั ความรู้สกึ (Sensation) การตรวจปฏิกิริยาตอบสนอง(Reflex) และ
การตรวจการทำงานประสานกนั (Coordination โดยพยาบาลจะตอ้ งแปลผลความผดิ ปกติที่เกิดข้ึนกบั ผู้รับบริการให้ถูกต้องด้วย

วตั ถปุ ระสงค์การเรียนรู้
หลังจบบทเรียนนกั ศกึ ษาสามารถ
1. อธิบายวธิ ีตรวจการตรวจการตรวจระบบประสาทโดยท่วั ไป การตรวจระดับความรู้สติ (Level of
consciousness: LOC)และการตรวจสภาวะทางจิตใจ(Mental function)
2. อธิบายวธิ ีการตรวจการทำงานของเส้นประสาทสมอง(Cranial nerve) ได้
3. อธิบายวธิ ีการตรวจการทำงานของประสาทสงั่ การ(Motor function)ได้
4. อธิบายวธิ ีการตรวจประสาทรบั ความรู้สกึ (Sensation)ได้
5. อธิบายวธิ ีการตรวจปฏิกิริยาตอบสนอง(Reflex)ได้
6. อธิบายวธิ ีการตรวจการทำงานประสานกัน(Coordination)ได้
7. อธิบายการแปลผลและความผดิ ปกติของการทำงานต่างๆในระบบประสาทได้

การตรวจรา่ งกาย
การตรวจร่างกายระบบประสาทจะตอ้ งมีการตรวจในการทำงานของระบบประสาทแตล่ ะสว่ นให้ครอบคลุม ได้แก่ การตรวจ

ระบบประสาทโดยท่ัวไป การตรวจระดบั ความรู้สติและการตรวจสภาวะทางจิตใจ(Mental function) การทำงานของเสน้ ประสาทสมอง
(Cranial nerve) การทำงานของประสาทสงั่ การ(Motor function) การตรวจประสาทรบั ความรู้สกึ (Sensation) การตรวจปฏิกิริยา
ตอบสนอง(Reflex) และการตรวจการทำงานประสานกัน(Coordination) จากเทคนิคการตรวจรา่ งกายผู้ตรวจจะต้องมคี วามไวตอ่ การ
สงั เกตความผิดปกติของผู้รับบริการ

อปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ นการตรวจระบบประสาท ดังน้ี
ช่อื อปุ กรณ์

1. เข็มหมุดหรือเขม็ กลดั
2. เหรียญ หรอื กุญแจ
3. สำลี หรอื ผ้าก็อส
4. ซ่อมเสียง (Tuning fork)
5. ไมก้ ดลนิ้ (Tongue blade)
6. ไฟฉาย (Flashlight or Penlight)
7. ไมเ้ คาะเขา่ (Reflex hammer)

2

8. สิง่ ทดสอบการรับรส เช่น เกลือ น้ำตาล
9. สารทดสอบการดมกล่นิ เชน่ สบู่
11. แผ่นตรวจวัดสายตา (Snellen’s chart)

หรือ หนังสอื พิมพ์
12. เครอ่ื งมือตรวจตา (Ophthalmoscope)

การตรวจรา่ งกายระบบประสาท ประกอบด้วย

การตรวจระบบประสาทโดยทั่วไป

การตรวจระดบั ความรสู้ ต(ิ Level of consciousness: LOC)

และการตรวจสภาวะทางจติ ใจ(Mental function)

การประเมิน วิธีการ ผลการตรวจ

ประเมินทวั่ ไป ผู้ตรวจสงั เกตสีหนา้ ทา่ ทาง การแต่งกาย การตอบคำถาม ภาวะปกติ : ผู้รบั บริการถามตอบรู้เรื่อง สีหนา้

สภาพทางกาย ท่าทางปกติไม่มที ่าทางสีหนา้ กังวล

และ ภาวะผิดปกติ ; ผู้รบั บริการถามตอบไม่ตรง

พฤตกิ รรม คำถามพดู ไม่รู้เรือ่ ง สีหนา้ กงั วล หรือมีท่าทาง

อารมณ์ หวาดระแวง

ความสามารถในการสื่อสาร (Communication) ภาวะปกติ : ผู้รับบริการมีลกั ษณะท่าทางการ

จากการสงั เกตการ ลกั ษณะทา่ ทางน้ำเสียงการพูด การตอบคำถาม พูดจงั หวะนำ้ เสียงปกติ

เป็นการประเมินการทำงานของสมองสว่ นควบคมุ การพูด ไดแ้ ก่ ภาวะผิดปกติพดู ไมช่ ัดแต่ถกู หลกั ไวยากรณ์

1. Broca motor speech area เปน็ สมองสว่ นที่ควบคมุ การพดู (Dysarthria) ; อาจพบเสียงออู้ ้ีจากลำคอ พดู

(Expression หรือ motor speech area) ตำแหน่ง inferior frontal เสียงแหบ เสยี งข้ึนจมกู

gyrus ภาวะผิดปกติพูดผิดหลักภาษา(Aphasia or

2. Wernicke’s area เป็นสมองสว่ นที่ควบคุมความเข้าใจภาษา dysphasia) ; ผู้รบั บริการพูดตะกุกตะกกั ตอบ

(Sensory speech area) ตำแหนง่ superior temporal gyrus คำถามง่ายๆผิดหลกั ตอบช่อื สง่ิ ของ(Naming)

โดยใหผ้ ู้รับบริการอา่ นภาษาไทยง่ายๆส้ันๆ ผู้ตรวจใชค้ ำถามง่ายๆ ทีถ่ ามไม่ได้

สังเกตลักษณะท่าทางการพดู ของผู้รับบริการ โดยแบ่งการตรวจหา พดู ซ้ำ(Repetition)ผู้ตรวจไม่ได้ อาจพบความ

ความผิดปกติต่างๆดงั นี้ ผิดปกติในสว่ นสมองควบคุมการพดู .

- Motor speech ให้ทดสอบโดยการนำสิง่ ของที่ใชใ้ นชีวิตประจำวนั Broca motor speech area และ/หรือ

(Naming) ของตา่ งๆ ใหผ้ ู้รบั บริการตอบวา่ คืออะไร Wernicke’s area และ/หรือ Motor cortex

, ถามตอบดคู วามคล่องแคลว่ ในการพดู (Fluency) พดู ซ้ำ

(Repetition)ผู้ตรวจ เชน่ ดอกไม้ แม่น้ำ รถไฟแลว้ ใหผ้ ู้รบั บริการพูด

ตาม

- Sensory speech ให้ทดสอบความเข้าใจ เชน่ ปลาอยู่บนท้องฟา้ ใช่

หรือไม่

- Repetition speech ให้ผู้ป่วยพดู ตาม ด้วยประโยคทีม่ ีความยาว

พอสมควร เช่น ใครใคร่ขายไกไ่ ข่ เปน็ ต้น

3

ภาพอา้ งองิ Ancillary resource center ค้นจาก ภาวะปกติ : ผู้รบั บริการมีการเดินท่าทางปกติ
https://oup-arc.com/access/content/sensation-and-perception-5e-student- ไมม่ เี ซการวางเท้าและความถใี่ นการเดิน
resources/sensation-and-perception-5e-essay-11-1 สม่ำเสมอ
ภาวะผิดปกติ ; มอี าการเดินเซ เดินตัวแข็งมอื
การเคลือ่ นไหว ใหผ้ ู้รบั บริการเดินหรือหมุนตัวเนน้ สังเกตลกั ษณะ แขนไม่ขยบั หรือแกวง่ หมุนตวั ลำบาก มเี ท้าตก
ทา่ ทางการทรงตัวและการเดิน(Gait and balance test) ในการ การเดินก้าวสั้นๆและซอยถี่(Scooping gait)
ประเมินผู้สูงอายุใช้การประเมิน The Timed up and go test(TUGT) อาจพบในผู้ป่วยโรคพาร์กนิ สนั
ชว่ ยในการประเมินโดย ให้ผสู้ งู อายุลุกจากเกา้ อโี้ ดยไมใ่ ชม้ อื ชว่ ย
ระยะ 3 เมตรและเดินกลบั ตัวมาน่งั เก้าอ้ีเชน่ เดิม โดยผู้ตรวจสงั เกต
ทา่ ทางลกั ษณะการเดิน การแกว่งแขน

การประเมิน ความรู้สกึ ตวั เปน็ การทำงานของการทำงานของภาวะตืน่ ตัว ระดบั การรู้สติ(LOC)ทั้งหมด 7 ระดบั ได้แก่
ระดับการรู้ (Arousal หรือ Alertness) และภาวะตระหนักร(ู้ Awareness) 1. Full consciousness สามารถ
สต/ิ รู้สกึ ตวั ภาวะต่นื ตวั (Arousal หรือ Alertness) ประเมินโดยสิ่งเร้าจากเสียง
(Level of เรียกชอ่ื ปลุกต่นื ลมื ตา หากจำเป็นให้ใช้สง่ิ เร้าโดยการกระตุ้นใหเ้ จ็บ ตอบสนองได้อยา่ งถกู ต้องรวดเร็ว
consciousness (วธิ ีการตามตารางการประเมิน GCS ด้วยการกระตนุ้ ให้เจ็บ) 2. Confusion ภาวะสับสนไม่รู้
: LOC) ภาวะตระหนกั ร(ู้ Awareness) ประเมินโดยจากการถามความรู้สกึ
และการรับรู้วนั เวลา สถานที่ วนั เวลาสถานที่ ไม่คอ่ ยทำตามคำสง่ั
3. Lethargy ภาวะงว่ งซึม

4

การประเมิน ผู้ตรวจประเมินจากการตอบคำถาม การเคลือ่ นไหวและการแสดง แตย่ ังรับรู้วันเวลา สถานที่ พดู ช้ากระบวนการ
สตปิ ัญญา ทา่ ทาง คิดช้า แต่ยงั ตอบสนองต่อความเจบ็ ปวด
(Cognitive เคร่อื งมือที่นิยมใช้ในการตรวจประเมินระดบั การรู้สติ ได้แก่
ability) Glasgow coma scale โดยการกระตุ้นจากภายนอก(Arousal 4. Obtundation ภาวะทผี่ ู้ปว่ ยมี
stimulation) จากการตอบสนองดังน้ี อาการซึมอยา่ งมาก แต่สามารถต่นื ดว้ ยเสียง
การลมื ตา(Eye movement) ,การออกเสียง(Best Verbal command), และตอบสนองต่อความเจบ็ ปวด
การเคลื่อนไหว(Motor response)
5. Stupor เป็นภาวะท่ผี ู้ปว่ ย
แบ่งการประเมินเป็น การประเมินความจำ ความสนใจ การตดั สนิ ใจ นอนนิ่งเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย ไมต่ อบสนองต่อ
เครอ่ื งมือที่นิยมใช้ คือ Mini-mental state examination:MMSE ซึง่ การกระตุ้น อาจส่งเสียงไม่เปน็ คำพูดหรือลมื ตา
ประกอบด้วย การประเมินการรับรู้วนั เวลา สถานที่(Orientation) เม่อื กระตุ้น
การบันทึกความจำ(Registration )การตง้ั ใจและคำนวณ(Attention
and Calculation) การรำลึก การเรียกช่อื (Naming) การพูดซ้ำ 6. Semi-coma เปน็ ภาวะท่ี
(Repetition) การทำตามคำสงั่ การเขียน ผู้ป่วยนอนนิ่งบนเตยี ง ไม่เคลื่อนไหว เม่อื กระตุ้น
ด้วยความเจ็บปวดผู้ปว่ ยจะชกั แขนหนีแบบมี
จดุ หมาย ยังมี Brain stem reflexes

7. Coma เป็นภาวะท่ผี ู้ป่วยไม่
ตน่ื เม่อื ถูกกระตนุ้ ดว้ ยความเจบ็ ปวด ตอบสนอง
โดยการเคลือ่ นไหวไมม่ จี ุดหมาย มี
Decortication หรือ Decerebration อาจพบBrain
stem reflexes หรือไมก่ ็ได้
การแปลผลจากการใชแ้ บบประเมิน Glasgow
coma scale
คะแนนเต็ม 15 คะแนน โดย ใหค้ ะแนน
การลมื ตา(Eye movement) จะมคี ะแนนตั้งแต่
1-4 ,การออกเสียง(Best Verbal command)จะมี
คะแนนตั้งแต่ 1-5 แต่หากผู้ป่วยมที อ่ ชว่ ยหายใจ
จะเขียนเป็น VT,การเคลือ่ นไหว(Motor
response) 1-6 โดยการแปลผลมักจะรายงาน
เป็นคะแนนแต่ละส่วนเน่อื งจากเป็นการประเมิน
ความผิดประกอบแตล่ ะส่วนได้ เชน่ E4V5M6
ซึ่งการแปลผลรวมอาจจะไมส่ อ่ื และมีหลาย
ตำราท่แี ปลผลในการตดิ ตามระดบั ความรนุ แรง
แตกต่างกนั ไปตามพ้ืนทีโ่ ดยในทนี่ ้ีจะแปล
โดยทั่วไป 15 = Awake , >3-7=Coma,
<=3= Deep coma
ภาวะปกติ: ผู้รับบริการจะสามารถตอบคำถาม
ได้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ รวดเร็ว
ภาวะผิดปกติ: ผู้รบั บริการจะใชเ้ วลาในการคดิ
ตอบคำถามหรือความคิด

5

วิธีการประเมิน Glasgow coma scale ด้วยการกระต้นุ ใหเ้ จบ็

Supar orbital pressure กดลงไปที่เหนอื Orbital Sternal rub กดลงไปทีก่ ลางอกส่วน sternum

Trapezius squeeze บิดที่กลา้ มเน้อื Trapezius Nail bed pressure กดลงทโี่ ค่นเล็บ

ภาพอา้ งองิ จากอา้ งองิ Ancillary resource center
ค้นจาก https://oup-arc.com/access/content/sensation-and-perception-5e-student-resources/sensation-and-perception-5e-essay-11-1

การทำงานของเส้นประสา

อา้ งอิงภาพจาก https://www.thoug

เส้นประสาทสมองจะมีอย่ทู ั้งหมด 12 คซู่ ึ่งจะควบคมุ การทำงานในแตล่ ะส่วนตา่ งกันออกไป

ชนิดประสาท อปุ กรณ์ทใี่ ช้ วิธีการตรวจ
สมอง
1.สารทดสอบ 1. ให้ผู้รับบริการหลับตา
คทู่ ่ี 1 Cranial การดมกลน่ิ ทีม่ ี อดุ จมูกข้างทีย่ งั ไมต่ รวจ
nerve I Olfactory กลิ่นออ่ น เช่น
nerve สบู่ แอมโมเนยี 2. นำสารทดลองกลิ่นให้ดม
การได้กลิน่ 3. สอบถามการได้กลิ่น

6

าทสมอง(Cranial nerve)

ghtco.com/cranial-nerves-function-373179 ผลตรวจ
การตรวจสรุปมดี งั น้ี ปกติ ผิดปกติ
ผู้รับบริการได้กล่นิ ไม่สามารถได้กลน่
ภาพประกอบ และบอกว่ากลิน่ ข้างใดข้างหน่งึ
อะไร โดยอาจพบความ

ผิดปกติสว่ น
Frontal lobe

ชนิดประสาท อปุ กรณ์ทใี่ ช้ วิธีการตรวจ
สมอง
1.แผน่ ตรวจวัด 1. ตรวจวัดสายตา Visual acuity
คู่ท่ี 2 Cranial สายตา ใชแ้ ผ่น Snellen’s chart เพ่อื ดู
nerve II Optic (Snellen’s chart) ความสามารถการมองเห็น หรือให้
nerve หรือ ผู้รับบริการอา่ นหนังสือในระยะ
การมองเหน็ หนงั สือพมิ พ์ 14 น้วิ สอบถามความชดั เจน
2.
Ophthalmoscope

2. ตรวจลานสายตา Visual field ให้
ผู้รับบริการจอ้ งทีจ่ มกู ของผู้ตรวจไม่ให้
เคลือ่ นไหวลกู ตาห่างกันประมาณ 3 ฟุต
(Confrontation test)ผู้รบั บริการปิดตาข้าง
ที่ยงั ไม่ได้ตรวจ แล้วผู้ตรวจค่อยๆกระดิก
น้วิ เคลื่อนมอื เข้ามาทางด้านขา้ งของลาน
สายตา โดยให้ผู้รับบริการบอกทันทีเมอ่ื
เหน็ มือผู้ตรวจเคลือ่ นเข้ามา

ภาพประกอบ 7

ผลตรวจ
ปกติ ผิดปกติ
การมองเห็นปกติ ถ้าอ่านไมอ่ อกให้
อ่านตัวอักษรได้ ใชp้ inholeหากยัง

อา่ นไม่ออกอาจ
เกิดความผิดปกติ
หรือตาบอดได้

ผู้รับบริการกบั ผู้รับบริการจะไม่
ผู้ตรวจจะเห็นมือ สามารถมองเห็น
พร้อมๆกนั โดยมมุ มุมปกติได้ อาจมี
ปกติดา้ น ปัญหาความ
Temporal เท่ากบั ผิดปกติดา้ นการ
90 0 มองเหน็
ด้าน Upward
เทา่ กับ 50 O
และด้าน
Downward เทา่ กบั
70O

ชนิดประสาท อปุ กรณท์ ใี่ ช้ วิธีการตรวจ
สมอง

3. ตรวจจอตา(Funduscopic
examination) ตรวจโดยใช้
Ophthalmoscope ใชน้ ้ิวทาบกบั แป้น
เครอ่ื งมือบริเวณที่ปรับความคมชดั จับ
เครอ่ื งมือห่างจากผู้รับบริการประมาณ
10 น้วิ เย้ืองไปด้านขา้ งประมาณ 15 องศา
ผู้ตรวจมองผา่ นรูสงั เกตแสงสสี ม้ (Red
reflex)

คู่ท่ี 3,4,6 1.ไฟฉาย จะตรวจพร้อมกนั โดยการสงั เกต
Cranial nerve III (Flashlight or ปฏกิ ิริยาต่อแสง
Oculomotor nerve Penlight)
, 2. 1. ส่องโดยตรง(Direct
CN IV Trochlear Ophthalmoscope light reflex) ส่องไฟฉายจากหางตาไปหวั
nerve, 3. ปากกา(ถ้าม)ี ตาและดกู ารหดตัวของรมู ่านตา
CN VI Abducens
nerve 2. ส่องโดยอ้อม
การกลอกตา การ (Consensual light reflex) ใชม้ อื กั้น
หดตวั ของมา่ นตา ระหวา่ งตาทง้ั สองข้างเชน่ หากสอ่ งไป
ด้านขวากใ็ หส้ งั เกตการหดตัวของรูม่าน
ตาซ้ายวา่ เท่ากันหรือไม่

8

ภาพประกอบ ผลตรวจ
ปกติ ผิดปกติ
จะเห็นขอบDisc ชัด จะเหน็ ขอบdisc

ไมช่ ดั จะแสดงถึง
การบวมของข้ัว
ประสาท
(Papilledema)อาจ
พบในผู้ป่วยทีม่ ี
ภาวะความดนั ใน
กะโหลกศรี ษะสงู

มรี มู ่านตาหดตัว รูม่านตาหดตวั
ปฏกิ ิริยากับแสง ปฏกิ ิริยากบั แสง
และลูกตาเลือ่ นเข้า ชา้ หรอื ขนาดไม่
หาวัตถเุ มอ่ื เคลื่อน เท่ากันทงั้ สองข้าง
เข้ามาใกล้ และลูกตาไมเ่ ล่อื น
กลอกตาไปมาได้ เข้าหาวัตถเุ มอ่ื
อยา่ งสม่ำเสมอ เคลื่อนเข้ามาใกล้
ปกติ กลอกตาไปมา
ไม่ได้อยา่ ง
สม่ำเสมออาจเหน็
ภาพซ้อน โดยจะ
พบปัญหาความ
ผิดปกติของ
เส้นประสาท
สมอง

ชนิดประสาท อปุ กรณท์ ใี่ ช้ วิธีการตรวจ
สมอง

3. การทดสอบ Eye
Accommodation โดยผู้ตรวจใชน้ ้วิ หรือ
ปากกา หา่ งจากตาของผู้รับบริการ
ประมาณ 2 ฟุต แล้วคอ่ ยๆเล่อื นน้ิวหรือ
วัตถุเข้ามาใกล้ระหวา่ งตา 2 ข้าง

4. การทดสอบการ
กลอกตา(Eye movement) โดยการตรวจ
6 cardinal fields of gaze ของตาให้
เคลื่อนไป 6 ทิศทางโดยใชป้ ลายนวิ้ มอื
หรือปลายปากกา

ภาพประกอบ 9

ผลตรวจ
ปกติ ผิดปกติ

ชนิดประสาท อุปกรณ์ทใี่ ช้ วิธีการตรวจ

สมอง Sensation : ตรวจโดยให้ผู้รับบริการรับ
ตาใชส้ ำลีหรือเข็มกลัดเขี่ยเบาๆบริเวณ
คู่ท่ี 5 Cranial 1. สำลี หรือ หนา้ ผาก แก้มและคางของใบหนา้ ทง้ั สอง
ข้างเปรียบเทียบกัน
nerve V เขม็ กลดั

Trigeminal nerve

ควบคมุ การทำงาน

กล้ามเน้ือ/

รบั ความรู้สกึ จาก

หนา้ และศีรษะ

Motor: ใหผ้ ู้รับบริการกดั ฟันหรือเคีย้ ว
เอ้ืองคลำดกู ล้ามเน้อื ทีข่ มบั และแก้มทั้ง
สองข้าง

10

ภาพประกอบ ผลตรวจ

ปกติ ผิดปกติ

สามารถบอก ไมส่ ามารถบอก

ตำแหน่งหรือรับรู้ การรบั รู้สัมผสั ได้

การสัมผสั ได้ อาจเกดิ จาก

สามารถเกร็งต้าน หลอดเลอื ด

แรงบริเวณ Internal Carotid

กล้ามเน้อื เคีย้ ว artery โป่งพอง’

อาหารได้ หรือมเี น้ืองอกกด

ก้านสมอง

กล้ามเน้ือเคีย้ ว

อาหารมอี อ่ นแรง

อาจพบคางเบียว

ไปด้านใดด้านหน่งึ

ชนิดประสาท อุปกรณ์ทใี่ ช้ วิธีการตรวจ
สมอง
1. สารทดลอง ให้ผู้รับบริการยกั คิ้ว หลบั ตาปี๋ ยงิ ฟัน ทำ
คู่ท่ี 7 Cranial การรบั รส ปากจู๋และเป่าแก้ม พร้อมดคู วามเท่ากนั
nerve VII Facial ทั้งสองซีก
nerve ทำหน้าที่ ตรวจการรับรสจากการสอบถามรส
แสดงสหี นา้ รบั รส หวาน เค็ม

ภาพประกอบ 11

ผลตรวจ
ปกติ ผิดปกติ
หนา้ ได้สมมาตร อาจมีหนงั ตาตก
สามรถปฏิบัตไิ ด้ หรือใบหนา้ ข้างใด
โดยไมม่ ดี ้านใด ข้างหน่งึ ออ่ นแรง
ด้านหน่งึ ออ่ นแรง ซึง่ พบเป็น Bell’s

palsy

ชนิดประสาท อุปกรณ์ทใี่ ช้ วิธีการตรวจ
สมอง
1. ซอ่ มเสียง การตรวจ Function ของ Cochlea nerve
ค่ทู ่ี 8 Cranial (Tuning fork) โดย Whispering test ให้กระซิบโดยพูดไม่
nerve VII Acoustic เปิดปากหน้าหูของผู้รบั บริการ ปิดหขู ้างที่
nerve การได้ยนิ ยงั ไมต่ รวจไว้ หรอื ใชน้ าฬกิ าทีม่ เี สียง

การตรวจ Air และ Bone conduction
Rinne’s test เคาะซอ่ มเสียงแลว้ แตะท่ี
mastoid process จนผู้รับบริการรู้สกึ ไมไ่ ด้
ยนิ เสียงให้ย้ายมาวางทห่ี นา้ หู
Weber’s test เคาะซอ่ มเสียงแลว้ นำ
ปลายมาวางกลางศรี ษะ

12

ภาพประกอบ ผลตรวจ
Rinne’s test
ปกติ ผิดปกติ

ไมไ่ ด้ยนิ เสียง

สามารถได้ยนิ เสียง ไม่ได้ยนิ เสียง

รู้สกึ ถึงการ สั่นสะเทือนหรือ

สั่นสะเทือนเท่ากนั ได้ยินไมเ่ ท่ากนั ทง้ั

ทั้งสองข้าง สองข้าง อาจเกิด

ความบกพร่อง

การนำเสียง

(conduction

hearing loss)

Weber’s test

ชนิดประสาท อุปกรณท์ ใี่ ช้ วิธีการตรวจ

สมอง Cranial nerve IX, การรับรส
สิ่งทดสอบการรับรส เชน่ เกลือ น้ำตาล .
คู่ท่ี 9,10,12 1.สงิ่ ทดสอบ ให้ผู้รบั บริการรับตาแลว้ สอบถามการรบั
รส
Cranial nerve IX การรบั รส เชน่ Cranial nerve X ให้ผู้รับบริการร้อง อา
ใชไ้ ฟฉายส่องดดู า้ นใน แลว้ สงั เกตดูการ
Glossopharyngeal เกลือ น้ำตาล ยกของเพดาน ลนิ้ ไก่ และตรวจ Gag
reflex โดยไมก้ ดลิน้ (Tongue blade)
ทำหน้าที่เกีย่ วกับ 2. ไมก้ ดลนิ้ Cranial nerve XII ให้ผู้รบั บริการแลบลนิ้
ออกมาเตม็ ที่ทางตรง เฉียงไปด้านซ้าย
ลมิ้ รส การกลืน (Tongue blade) ด้านขวาและห่อล้นิ แลว้ สงั เกตวา่ มีเฉไป
ด้านใดหรือไม่
การรบั รสโคน่ ล้ิน 3. ไฟฉาย

Cranial nerve X (Flashlight or

vagus nerve ทำ Penlight)

หนา้ ท่คี วบคุมการ

ทำงานของล้นิ ไก่

เพดานปาก หลอด

คอ กล่องเสียง

การหล่งั น้ำลาย

Cranial nerve XII

Hypoglossal nerve

ควบคมุ กล้ามเน้ือ

ลนิ้ ท้ังหมด

ภาพประกอบ 13

ผลตรวจ
ปกติ ผิดปกติ
แนวลนิ้ ไกจ่ ะตรง พบอาการออ่ น
และเกิดการขย้อน แรงของเพดาน
แสดงว่ามี gag ออ่ น ลิน้ ไก่ เกิด
reflex ภาวะกลืนลำบาก

สำลักน้ำและ
อาหาร

ชนิดประสาท อุปกรณ์ทใี่ ช้ วิธีการตรวจ
สมอง ทดสอบกำลังของกล้ามเน้ือ
Sternocleidomastoid โดยใหผ้ ู้รบั บริการ
คทู่ ่ี 11 Cranial หันหน้าตา้ นแรงกบั ผู้ตรวจ
nerve XI
Accessory nerve ทดสอบกำลงั ของกล้ามเน้อื Trapezius
ควบคุมกล้ามเน้อื โดยใหผ้ ู้รบั บริการยกไหล่ตา้ นแรงกับ
Sternocleidomasto ผู้ตรวจ
id และส่วนบนของ
กล้ามเน้อื
Trapezius

14

ภาพประกอบ ผลตรวจ

ปกติ ผิดปกติ

สามารถตา้ นแรง ตอ้ งแนใ่ จวา่ ไม่มี

ผู้ตรวจได้ ประวตั บิ าดเจ็บที่

กล้ามเน้อื ถ้าไม่มี

หากไมส่ ามารถ

ตานแรงได้ แสดง

ว่า CN XI ได้รบั

บาดเจ็บ

15

การตรวจการทำงานของประสาทสงั่ การ(Motor function)

เปน็ การตรวจทป่ี ระกอบด้วยขนาดของกล้ามเน้ือ(Muscle size) ความตงึ ตวั ของกล้ามเน้อื (Muscle tone) และกำลังกล้ามเน้ือ(Muscle
power) และการเคลื่อนไหวเฉพาะ

1. ความอ่อนแรงของแขน
วธิ ีตรวจ ให้ผู้รบั บริการยืนหลบั ตาและเหยยี ดแขนท้ังสองข้างใหต้ งึ หงายฝา่ มือขึน้ ค้างไว้ 20-30 วนิ าที ผู้ตรวจส่ังเกตการ
เคลือ่ นไหวของแขน
ผลปกติ จะคงทา่ นไี้ ด้ครบเวลา
ผลผิดปกติ แขนขา้ งใดข้างหน่งึ หรือท้ังสองข้างตกลงหรือหมนุ กลบั ในทา่ ควำ่ มือซึ่งอาจเกิดจากการมกี ล้ามเน้อื อ่อนแรง หรอื
อาจพบอาการสน่ั ผิดปกติ

2. ตรวจ Hand grip
วธิ ีตรวจ ตรวจไขว้นวิ้ นางทับน้วิ ช้แี ล้วให้ผู้รับบริการบีบน้วิ มอื ผู้ตรวจให้แน่นสังเกตการออ่ นแรง
ผลปกติ บีบน้ิวผู้ตรวจกำลงั แรงทั้งสองข้าง
ผลผิดปกติ บีบน้วิ ผู้ตรวจแล้วพบวา่ อ่อนแรงข้างใดข้างหนง่ึ หรือท้ังสองข้าง

16

3. การยนื ลืมตาแลว้ หลับตา(Romberg test)
วธิ ีตรวจ ให้ผู้รบั บริการยนื เท้าชิดลมื ตาหลงั จากน้ันให้หลบั ตา
ผลปกติ ยนื ได้มั่นคงหรืออาจเซเล็กน้อย
ผลผิดปกติ ยนื เซทง้ั ตอนลมื ตาและหลบั ตา

4. การเดนิ ตอ่ เทา้ (Tandem walking test)
วธิ ีตรวจ ให้ผู้รับบริการเดินตอ่ เท้าเป็นเส้นตรง
ผลปกติ ผู้รบั บริการเดินได้ไม่เซหรือเซเลก็ นอ้ ย
ผลผิดปกติ ผู้รบั บริการมีอาการเดินเซและไม่เปน็ เส้นตรง

17

5. การตรวจกำลังกลา้ มเนือ้ แขนขา(Muscle strength)
วธิ ีตรวจ ให้ผู้รบั บริการยกขาหรอื แขนให้ผู้ตรวจสงั เกตวางยกไดถ้ ึงระดับใด หลงั จากนั้นผู้ตรวจใชก้ ำลงั กดใหผ้ ู้รับบริการต้าน
แรงผู้ตรวจ โดยแบง่ กำลงั ของกล้ามเน้อื (ผ่องพรรณ อรณุ แสง,2559) ดงั น้ี
Grade V = สามารถตา้ นแรงผู้ตรวจได้เตม็ ที่ หรือปกติ
Grade IV = เคลือ่ นไหวได้ ตา้ นแรงโนม้ ถว่ งได้ ตา้ นแรงผู้ตรวจได้บ้างหรือไม่เตม็ ที่
Grade III = เคลือ่ นไหวในแนวราบได้ ต้านแรงโนม้ ถ่วงได้ แตต่ า้ นแรงผู้ตรวจไมไ่ ด้
Grade II = เคลื่อนไหวในแนวราบได้ แตต่ า้ นแรงโนม้ ถว่ งไมไ่ ด้
Grade I = มกี ารหดตวั ของกล้ามเน้อื ได้เล็กน้อย พอเห็นได้ หรือกระดกิ ได้
Grade 0 = ไม่มกี ารหดตัวของกล้ามเน้ือ หรอื เคลื่อนไหวไมไ่ ด้เลย
ผลปกติ สามารถตา้ นแรงผู้ตรวจได้เตม็ ที่ หรือปกติ
ผลผิดปกติ อาจมอี ่อนแรงของกล้ามเน้ือหรือเคลือ่ นไหวไมไ่ ด้

18

การตรวจประสาทรับความรสู้ ึก(Sensation)

Dermatome ภาพอา้ งองิ จาก https://quizlet.com/264864993/spinal-dermatomes-diagram/

19

1. การตรวจการรบั ความรสู้ ึกสว่ น Superficial sensation
1.1. การตรวจการรับความรสู้ ึกสมั ผสั (Touch sensation)
อปุ กรณ์ ก้อนสำลี
วธิ ีตรวจ ให้ผู้รับบริการหลบั ตา ผู้ตรวจใชก้ ้อนสำลีแตะเบาๆบริเวณผิวหนงั ส่วนต่างๆ เชน่ แขนขา ใหผ้ ู้รับบริการบอก

วา่ รู้สกึ หรอื ไมแ่ ตะสว่ นใด
ผลปกติ ผู้รับบริการสามารถบอกตำแหน่งไดถ้ กู ต้อง
ผลผิดปกติ ไม่สามารถรับสมั ผสั ได้ การรับรู้ลดลง หรอื มีชา

1.2. การตรวจการรับความรสู้ ึกเจบ็ ปวด(Pain sensation)
อปุ กรณ์ เข็มฉีดยา หรือเข็มกลดั ซ่อนปลาย
วธิ ีตรวจ ผู้ตรวจใช้เข็มกลดั ซ่อนปลายส่มุ ทิม่ ลงไปเบาๆตามผิวหนังแล้วให้ผู้รบั บริการบอกตำแหนง่ และความรู้สกึ ท่ี
รับรู้ เช่น ทู่ หรือแหลม
ผลปกติ สามารถบอกตำแหนง่ และความรสู้ ึกที่รับได้อย่างถกู ตอ้ ง
ผลผิดปกติ ไม่สามารถบอกการรับความรู้สกึ ได้

20

2. การตรวจการรับความรสู้ ึกสว่ น Deep (Proprioceptive) sensation
2.1. การตรวจการรู้ตำแหน่ง(Position sensation)
วธิ ีตรวจ .ให้ผู้รับบริการหลับตา ผู้ตรวจจับบริเวณขอ้ เชน่ ข้อนิว้ มอื น้ิวเท้า จบั บริเวณโคนแลว้ ยกขึ้นลงสอบถาม
ผู้รบั บริการว่าตำแหนง่ ข้นึ หรือลง
ผลปกติ ผู้รับบริการบอกตำแหนง่ ได้ถกู ต้อง
ผลผิดปกติ ผู้รับบริการไม่สามารถบอกตำแหนง่ ได้ถกู ต้อง

3. การตรวจการรับความรสู้ ึกสว่ น Combined (Cortical) sensation
3.1. การตรวจ Stereognosis
เปน็ การตรวจหาความผิดปกติสว่ น cortical sensation เป็นการตรวจความสามารถในการแยกแยะความแตกต่างของ
ขนาดรูปร่างวัตถุ
อปุ กรณ์ วตั ถทุ ี่ผู้รบั บริการคนุ้ เคย ได้แก่ กุญแจ เหรียญ
วธิ ีตรวจ ให้ผู้รับบริการหลับตาแลว้ นำวตั ถุท่คี ุ้นเคยใสใ่ นมอื ใหก้ ำแล้วตอบวา่ คืออะไร
ผลปกติ สามารถตอบได้
ผลผิดปกติ ไม่สามารถบอกได้เลยวา่ เปน็ วัตถุชนิดใด

21

ความผดิ ปกติเกย่ี วกับการรบั ความรสู้ ึกที่ตรวจพบในตำแหน่งต่างๆ

อา้ งองิ ภาพจาก https://www.grepmed.com/images/3568/brownsequard-patterns-loss-diagnosis-bilaterality-neurology-sensory

การตรวจปฏิกริ ิยาตอบสนอง(Reflex)
Reflex คือ การปฏกิ ิริยาท่โี ตต้ อบตอ่ การกระตุ้นกระแสประสาทความรู้สกึ ซึ่งอาการโตต้ อบน้ีอาจเปน็ การเคลื่อนไหวหรือขบั
ออกแต่สมองไมต่ อ้ งมีสว่ นรบั รู้ในความรู้สกึ น้ัน(เพ็ญจนั ทร์ สุวรรณแสงโมไนยพงศ์,2550)

การแปลผล

แบง่ ระดบั ความไวในการตอบสนองดงั น้ี

4+ ไวมากมีกระตกุ ซ้ำ Hyperreflexia

3+ ไว

2+ ปกติ

1+ นอ้ ยกวา่ ปกติ Hyporeflexia
0 ไมม่ รี ีเฟลก็ ซ์เลย

22

Deep tendon Reflexes (Muscle stretch reflexes)
หลักการตรวจจะตอ้ งจัดท่าใหผ้ รู้ ับบริการรู้สกึ ผ่อนคลาย กล้าเน้อื ไม่เกร็ง ถ้าผู้ป่วยเกรง็ ให้เบนความสนใจ ผู้ตรวจจับไม้เคาะ

เข่าในลักษณะแกว่ง โดยใชเ้ ฉพาะข้อมอื
1. The Biceps Reflexes :C5-6
ให้ผู้รบั บริการวางแขนพาดบนแขนผู้ตรวจ ผู้ตรวจวางนวิ้ หัวแมม่ อื ไว้บน Biceps tendon กดปลายน้วิ เลก็ น้อย แลว้ เคาะบน

หวั แมม่ ือ โดยสงั เกตการงอเข้าของขอ้ ศอก(Flexion) และการหดตัวของกล้ามเน้อื biceps brachei

2. The Triceps Reflexes :C6-7
ให้ผู้รับบริการงอขอ้ ศอกไปทางลำตัว ผู้ตรวจจับมอื ผู้รบั บริการไว้แล้วเคาะบน Triceps tendon เหนอื ขอ้ ศอกประมาณ 2 นิ้ว

โดยตรง สังเกตการเหยยี ดออกของขอ้ ศอก(Extension) และการหดตัวของกล้ามเน้ือ Triceps

3. The Knee reflex:L2-4
ให้ผู้รบั บริการน่งั ห้อยขาตามสบาย เคาะลงบนเอ็นข้อเข่า ใต้กระดกู สะบา้ (Patellar tendon) สงั เกตการหดตวั ของกล้ามเน้ือ
Quadriceps และขาทอ่ นลา่ งเหยยี ด(Extension)

23

Superficial Reflexes
1. The Plantar refiex : L5 และ S1-2
ให้ผู้รับบริการนอนหงายไม่เกรง็ เท้า ผู้ตรวจใชป้ ลายกญุ แจหรอื ปลายดา้ มไมเ้ คาะเข่า ขีดลากจากด้านนอกของฝา่ เท้าเข้ามาจาก
ส้นเท้าถึงปลายเท้า ไลจ่ ากน้วิ กอ้ ยจนถึงหวั แม่เท้า สงั เกตการเคลื่อนทีข่ องน้ิวเท้า

การตรวจการทำงานประสานกนั (Coordination)
เปน็ การตรวจหนา้ ทก่ี ารทำงานประสานกนั ของระบบประสาทและกล้ามเน้อื
1. Finger nose to finger
วธิ ีตรวจ ให้ผู้รบั บริการเผชญิ หนา้ กบั ผู้ตรวจ ห่างจากปลายจมกู ประมาณ 18 น้วิ หรือเกือบสดุ แขน โดยใหผ้ ู้รบั บริการแตะจมกู
แลว้ มาแตะทนี่ ้วิ ของผู้ตรวจ โดยผู้ตรวจจะเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ
ผลปกติ ผู้รับบริการสามารถปฏิบัตไิ ด้ทุกตำแหน่ง
ผลผิดปกติ ผู้รับบริการไม่สามารถปฏบิ ัตไิ ด้ อาจพบมอี าการส่นั หรือปฏบิ ัตชิ า้

24

2. Heel to knee test
วธิ ีตรวจ .ให้ผู้รับบริการนอนหงาย ยกขาข้างหน่งึ สูง แล้วใชส้ ้นเท้าแตะลงบนเขา่ และลากไปตามหน้าแขง็ สงั เกตความแมน่ ยำใน

การลากส้นเท้า
ผลปกติ สามารถลากได้เปน็ ปกติและแมน่ ยำ
ผลผิดปกติ ไมส่ ามารถลากส้นเท้าไปตามหน้าแขง็ ไดอยา่ งแมน่ ยำ

สรุปการตรวจรา่ งก
1. การตรวจประสา

CN I การได้
กลิ่น

CN II การ CN III,IV,VI
มองเห็น

CN V

VA,VF ,จอตา ปฏิกิริยารูม่าน pain sensation กล้าเนอื้ ใบหน้า
ตา การกลอก ศีรษะ
ตา 6 ทิศทาง

25

กายระบบประสาท
าทสมอง (Cranial nerve)

CN VII CN VIII การได้ CN IX,X,XII CN XII ควบคมุ
ยิน การรบั รส ,gag กล้ามเนือ้ SCM
กล้ามเนื้อ และ trapezius
ใบหน้า reflex

Whisper Rinne Weber

ประเมินความอ่อนแรง

Posture แขน Handgrip

26

2. การตรวจระบบประสาท
สั่งการ

(Motor Function)

ประเมินการเคลื่อนไหว ประเมินกาลังกล้ามเนือ้
(Muscle power )

การตรวจtandem walking การตรวจ Romberg test
โดยเดินต่อเท้า(Heel to toe โดยยืนหลับตาเท้าชิด

walk)เป็นเส้นตรง

3. การตรวจระ
ความ

(Sensory

Superficial sensation

Touch sensation Pain Sensation

27

ะบบประสาทรับ
มรสู้ ึก
y Function)

Deep sensation/propioceptive

Positon sensation Stereognosis

4. การตรวจปฎกิ ิรยิ าตอบสนอง
(Reflexes)

Superficial Reflex

Plantar Reflex Biceps Reflex
(Babinski respone reflex)

28

Deep Reflexes

Triceps Reflex Knee Reflex

5. การประส
(Coordin

แขน

Finger nose to finger

29

สานสมั พันธ์
nation)

ขา

Heel to shin

30

การบันทึกการตรวจรา่ งกายระบบประสาท

31

32


Click to View FlipBook Version