โครงงาน
เรื่อง สบ่สู มุนไพร
จัดทำโดย
นางสาว พุทธพร ลายเมฆ เลขที่ 1
นางสาว มณมี ณฑ์ ผิวดำ เลขที่ 2
นางสาว วรรณภคั โพธภ์ิ กั ดิ์ เลขท่ี 3
นางสาว ปริณดา อศั จรรย์ เลขที่ 6
ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 6/10
ครูทป่ี รกึ ษา
คณุ ครวู นดิ า บุญพเิ ชฐวงศ์
ตำแหนง่ ครู กลมุ่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชีพ
โรงเรยี นสตรีราชนิ ทู ิศ
อำเภอเมืองอุดรธานี จงั หวดั อุดรธานี
สำนักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 20
บทที่ 1
บทนำ
ท่มี าและความสำคญั
คนเราทกุ คนเกดิ มาสภาพผวิ ทีแ่ ตกตา่ งกันและมปี ญั หาผวิ ทแ่ี ตกต่างกนั บางคนมปี ญั หาผิว บอบบางแพ้งา่ ย
บางคนมีปญั หาผวิ หมองคล้ำ ท้งั ปัจจบุ ันต้องเจอกบั ฝุ่นและมลภาวะต่างๆ ประกอบกับการใช้สบู่ทผ่ี สมสารเคมี
อาจทาใหผ้ ิเกดิ อาการละคายเคืองหรือแพ้ได้ บางคนมีอาการคัน ตามตวั เปน็ ดวงแดงๆและทาให้เกดิ รอยแผล
ตามมา ซ่ึงแผลที่กลา่ วมานี้อาจเกิดอาการแทรกซ้อนได้ถา้ เกาจนมอี าการตดิ เชื้อแบคทีเรีย ฉะน้ันการทเี่ ราจะ
ช่วยลดแบคทเี รยี ได้นั้น ควรท่ีจะใช้ส บู่สมนุ ไพร ซึ่งจะช่วยลดอาการละคายเคืองและชว่ ยขจัดสิง่ สกปรกได้อกี
ด้วย สบูเ่ ปน็ เครื่องสำอางชนิดหน่ึงท่ใี ช้ในการทำความสะอาดรา่ งกาย เดมิ ใช้เพ่ือทำความสะอาดรา่ งกาย
เทา่ นั้น ปัจจบุ ันกระบวนการผลิตสบู่มีการเพิ่ม สว่ นผสมอ่ืนๆ เพอ่ื ให้สบู่มสี รรพคุณตรงตามความต้องการของ
ผู้บรโิ ภคมากข้ึน เชน่ มสี ีสันท่ีสวยงามน่าใช้ มีกล่ินหอม และมสี รรพคณุ ทางยาในทางการค้ามกี ารใชส้ าร
สงั เคราะหเ์ พิ่ม ขนึ้ ทำให้ผลิตภัณฑน์ ่าใช้แต่แฝงไปด้วยสารเคมที ี่เป็นอันตราย ปัจจุบันนยิ มใช้พืชสมุนไพรทมี่ ีอยู่
ในธรรมชาตมิ าเป็นส่วนผสมเพิ่มเตมิ ในสบู่ หาง่ายราคาถูก ประหยัดปลอดภัยไร้สารสังเคราะห์ และไม่มีพษิ
ตกค้างทำให้สบู่สมนุ ไพรทผ่ี ลิตข้ึนจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมีคุณลักษณะเฉพาะที่หลากหลาย จึงเปน็ บทพิสูจน์
ให้เห็นถงึ ความมหัศจรรย์ของสบู่สมุนไพรที่มคี ุณค่าของภมิปัญญาไทย ดังนั้นผู้ศึกษาจงึ มุ่งศกึ ษาเกย่ี วกับสบู่
สมุนไพรจากมะขาม จงึ ได้ศึกษาค้นคว้าการทำสบ่สู มุนไพร และได้จดั ทำโครงงานน้ีขนึ้ มาเพ่ือเผยแพร่ความรู้
เกยี่ วกบั การทำสบู่เพื่อทจ่ี ะชว่ ยแก้ปญั หาและผลิตสบู่สมุนไพรมาใช้เอง เปน็ หนทางหารายได้และนำไป
ประกอบธรุ กจิ ในขั้นต่อไป
สมมติฐานของการศกึ ษา
สามารถใช้ทำความสะอาดผิวกายได้และนำไปตอ่ ยอดในการสร้างรายไดไ้ ด้
วตั ถุประสงค์
1. เพอื่ ศึกษาวิธีการทำสบู่สมุนไพร
2. เพือ่ ให้นำไปประกอบธุรกจิ ในข้ันต่อไปได้
3. เพือ่ เปน็ หนทางหารายได้
ขอบเขตของการทำโครงงาน
สมนุ ไพรท่เี ลือกใชใ้ นการทำสบู่ คอื ทานาคา ขมนิ้ และน้ำผ้ึง
ผลคาดวา่ จะไดร้ บั
1. สามารถทำสบู่สมนุ ไพรได้
2. นำไปประกอบธรุ กิจในขัน้ ต่อไปได้
3. นำไปเป็นหนทางหารายได้ได้
งบประมาณ
ค่าอปุ กรณ์ท้ังหมด 240 บาท (ตกก้อนละ 12 บาท)
บทท่ี 2
เอกสารท่เี ก่ียวข้อง
กลีเซอรนี
กลเี ซอรีนคอื ของเหลวทไ่ี ม่มสี ี ไมม่ ีกลิ่น มีความหนดื และมรี สหวาน โดยปกตมิ าจากน้ำมันของพชื ซง่ึ
โดยทว่ั ไปคอื นำ้ มันมะพร้าว และน้ำมันปาล์ม
ประโยชน์ของกลีเซอรนี บรสิ ุทธ์ิ สามารถนำไปประยุกตเ์ ปน็ ส่วนชว่ ยหลอ่ ลน่ื เหมือนมอยซเ์ จอรไ์ รเซอร์
เพื่อปกปอ้ งผิวไม่ให้แห้งและดูดซบั ความชื้นเม่ือสัมผสั กับอากาศ ซงึ่ จะทำให้รูส้ ึกว่า ผวิ มคี วามช่มุ ชื้น ออ่ นโยน
ตอ่ ผิว ขจัดความสกปรกที่ฝงั แนน่ ไมท่ ำให้อุดตนั รูขุมขน รวมท้งั ปลอดภยั ต่อผิวหนัง และเนอื้ ผ้าทุกชนดิ
การที่กลีเซอรีนเป็นสารทีไ่ มม่ ีพิษในทุกๆ รูปแบบของการประยุกตใ์ ช้ ไมว่ า่ จะใช้เปน็ สารตงั้ ต้นหรือ
สารเตมิ แต่ง ทำให้กลีเซอรีนได้รบั ความสนใจและนำไปใชป้ ระโยชนท์ างการแพทยด์ ว้ ยการทำยาเหนบ็ ทวาร
ใช้เป็นยาระบาย และยังสามารถใช้เปน็ ยาเฉพาะที่สำหรับปัญหาทางผิวหนังหลายชนิด รวมถึง โรงผวิ หนัง ผ่นื
แผลไฟลวก แผลกดทบั และบาดแผลจากของมีคม กลีเซอรนี ถกู ใชเ้ พ่ือรกั ษาโรคเหงือกไดด้ ้วย เนอื่ งจากกลเี ซอ
รีนสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรยี ที่เกี่ยวขอ้ งได้
ทานาคา
ทานาคาเป็นพืชที่มีถนิ่ กำเนิดในเขตรอ้ นช้นื ของทวีปเอเชยี เช่นใน ประเทศพม่าและไทย แล้วต่อมา
จึงกระจายพันธ์ุไปยงั บริเวณใกล้เคยี ง ได้แก่ อนิ เดยี บังคลาเทศ ปากสี ถาน ศรีลงั กา ลาว และในมณฑลยูน
นานของจีนเปน็ ตน้
สำหรับในประเทศไทยพบมากทางภาคเหนือรวมถงึ ภาคตะวนั ตกที่มีชายแดนติดกับประเทศพมา่
โดยจะพบมากตามปา่ เบญจพรรณ ปา่ ดบิ แล้ง ป่าเต็งรัง ท่ีมี ความสูงจากระดับน้ำทะเล100 - 400 ม.
ประโยชน์และสรรพคุณทานาคา
ชาวพม่านิยมนำเน้ือไม้รวมถงึ เปลอื กของทานาคามาบดหรือฝนกบั หนิ ให้เป็นผงแลว้ นำมาเป็นเคร่ือง
ประทนิ ผวิ หนา้ มากกวา่ 100 ปมี าแลว้ โดยเชอื่ วา่ จะทำใหผ้ ิวนา้ ขาวขนึ้ ลดฝ้า กระ จดุ ดา่ งดำ รักษารอย
แผลเป็นต่างๆ รักษาผดผนื่ คัน ผิวอักเสบ แดงอาการแพต้ า่ งๆ ควบคุมความมนั ทำให้สวิ อกั เสบ แหง้ เร็ว
ตอ่ ตา้ นร้วิ รอยได้ ป้องกนั แสงแดดให้กบั ผวิ
นอกจากนเ้ี นื้อไม้ของต้นทานาคาจะมีลักษณะเนื้อหยาบเป็นมันเลื่อมมสี นี ้ำตาลปนเหลอื ง มีความ
แขง็ แรงและเหนยี วมนี ้ำหนักปานกลาง สามารถนำมาใช้ในงานแกะสลัก หรอื จะใชท้ ำตู้ ทำหบี ใส่ของเพ่ือ
ปอ้ งกันตวั แมลงต่างๆได้
สว่ นสรรพคุณทางยาทานาคานั้นตามตำรายาไทยระบุถงึ สรรพคณุ ไวว้ ่า ใบ รสขมเฝ่อื น ใช้ผสมกบั สมนุ ไพรอ่นื
ตม้ กนิ แก้ลมบา้ หมู ราก รสขมเย็น แก้โรคลำไส้ แกป้ วดท้องบริเวณลำไส้ใหญ่ และบริเวณลนิ้ ปี่ ใชเ้ ปน็ ยาถา่ ย
ขับเหง่อื ฝนกับน้ำสะอาดใช้ทาหน้าแทนแป้งทำใหผ้ วิ สเี หลอื ง แกส้ วิ ฝา้ ผล มรี สขมเฝื่อน เปน็ ยาบำรุงกำลงั ยา
บำรงุ ร่างกาย แก้ไข้ แก้พษิ แกอ้ าหารไมย่ ่อย แกท้ ้องอดื เฟอ้ เป็นยาสมานแผล ยาบำรุง ชว่ ยเจริญอาหาร ดบั
พษิ ร้อน แก้ไข้ แก่น รสจดื เยน็ ดองเหล้ากินแก้กษยั บำรุงเลือด แก้กระษัย แก้โลหติ พิการ แก้ผอมแห้ง
เปลือกต้น มีรสขม บำรุงดวงจิตใหแ้ ช่มชนื่ ขบั ผายลม ใช้แกไ้ ข้ ส่วนตำรายาพน้ื บ้านระบุสรรพคณุ วา่ ใช้แก้ปวด
ตามข้อ ปวดเมอ่ื ย เสน้ ตงึ แก้รอ้ นใน แกโ้ รคประดงเชน่ กับสมนุ ไพรตวั อ่ืนๆเชน่ เถาวัลยเ์ ปรียง เถาเอ็นออ่ น
ขม้ิน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ขมนิ้ เปน็ ไมล้ ้มลุก อายุหลายปี สูง 30-95 ซม. เหง้าใต้ดินรปู ไข่ อ้วนส้ัน มีแขนงรูปทรงกระบอกแตก
ออกดา้ นขา้ ง 2 ดา้ น ตรงกนั ข้าม เนื้อในเหง้าสเี หลืองสม้ หรือสเี หลืองจำปาปนสแี สด มีกลิ่นฉุน ใบเด่ียว กลาง
ใบสีแดงคลำ้ แทงออกมาเหงา้ เรยี งเป็นวงซ้อนทับกันรูปใบหอก กวา้ ง 12-15 ซม. ยาว 30-40 ซม. ดอกช่อแทง
ออกจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างกา้ นใบ รูปทรงกระบอก กลีบดอกสีเหลอื งอ่อน ใบประดับสีเขยี วออ่ นหรือสี
นวล บานครงั้ ละ 3-4 ดอก ผล รูปกลมมี 3 พู
รสและสรรพคุณยา
เหง้าของขมิน้ มรี สฝาด กลิน่ หอม สามารถเกบ็ มาใช้เมื่อมีช่วงอายุ 9-10 เดือน มีฤทธใ์ิ นการฆ่าเชื้อ
แบคทเี รยี เชื้อรา ลดการอักเสบ และ มฤี ทธิ์ในการขับนำ้ ดี นำ้ มนั หอมระเหย ในขม้ินชนั มีสรรพคณุ บรรเทา
อาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจดุ เสยี ด แกโ้ รคผวิ หนงั ขับลม แก้ผน่ื คนั แก้ท้องรว่ ง อาจช่วยรักษาโรค รมู า
ตอยดไ์ ด้ ยังไมย่ ืนยนั แน่ชดั ในตำรายาจีนเรียกเจียวหวง (ภาษาจีนกลาง) หรือ เกยี อึ้ง (ภาษาจีนแต้จว๋ิ ) ใชเ้ ป็น
ยา แก้ปวดเม่ือย แกป้ วดประจำเดอื น
เหง้าขมน้ิ ชนั มีสารประกอบที่สำคญั เป็นนำ้ มนั หอมระเหย และในเหงา้ ยังมสี ารสีเหลืองส้มทเ่ี รียกว่า
เคอรค์ ูมนิ สารสกัดด้วยเอทานอลจากเหงา้ สดมีฤทธ์ยิ บั ย้ังเอนไซม์ไทโรซเิ นสและต้านอนุมลู อิสระ ขมิ้นชัน
สามารถฆา่ เช้ือแบคทเี รยี เชือ้ รา ลดอาการอักเสบ มีฤทธิ์ในการขับน้ำไดด้ ี น้ำมันหอมระเหยในขมิน้ ชนั มี
สรรพคณุ รักษาปวดท้องเสยี ด ทอ้ งอืด แนน่ จุกเสียด ขม้ินชันไม่มีพิษเฉียบพลนั มีความปลอดภยั สงู
อาหารทใ่ี ชข้ มนิ้ ชนั เป็นสว่ นประกอบได้แก่แกงเหลือง แกงไตปลา แกงกอและ แกงฮงั เล ขา้ วแขก ข้าว
หมกไก่ ขนมเบ้ืองญวน และเปน็ สว่ นประกอบสำคญั ของผงกะหรี่ ขมิ้นชนั ใช้ย้อมผา้ ให้ได้สเี หลือง ถ้าใสใ่ บหรือ
ผลมะขามป้อมลงไปดว้ ยจะได้สเี ขยี ว นอกจากน้ัน ในการทำปนู แดง จะนำปนู ขาวมาผสมกับขม้นิ ชัน ใน
สมยั ก่อนนยิ มเอาผงขม้นิ ชันทาตัวให้ผวิ เหลอื ง รกั ษาโรคผิวหนัง ผน่ื คนั ใช้ทาศรี ษะหลังโกนผม เพ่ือรักษา
บาดแผลทเ่ี กิดจากการใชม้ ดี โกนโกนผม[5]
ขมนิ้ ชนั เพิ่มภูมิค้มุ กันอมิ มโู นโกลบูลิน ชนดิ จี (IgG) และลดความไวต่อตวั กระตุ้น ช่วยขยายหลอดลม
ฤทธติ์ ้านการอักเสบ และเป็นสมนุ ไพรรักษาโรคภูมแิ พ้
วิธีใชป้ ระโยชน์
แก้อาการท้องอดื ท้องเฟอ้ แน่น จกุ เสียด อาหารไมย่ ่อย อาการแสบคัน แก้หิว และแกก้ ระหาย ทำ
โดยล้างขม้นิ ชันใหส้ ะอาด ไม่ตอ้ งปอกเปลือกออก หัน่ เปน็ ช้ินบาง ๆ ตากแดดจดั สัก 1-2 วนั บดให้ละเอียด
ผสมกับนำ้ ผง้ึ ปั้นเปน็ เม็ดขนาดปลายน้ิวก้อย กนิ คร้งั ละ 2-3 เมด็ วนั ละ 3 -4 ครงั้ หลงั อาหารและก่อนนอน
แต่บางคนเม่ือกนิ ยานีแ้ ลว้ แน่นจกุ เสยี ดให้หยุดกนิ ยาน้ี
นำ้ ผง้ึ
นำ้ ผงึ้ เป็นผลติ ผลของนำ้ หวานจากดอกไม้และแหล่งนำ้ หวานอื่นๆ จากธรรมชาติทผ่ี งึ้ งานนำมาเก็บ
สะสมไว้ในรงั ผึ้ง จากน้นั เหล่าผ้ึงจะกินนำ้ หวานท่ีได้มาเขา้ ไป และน้ำหวานท่ผี า่ นการย่อยและผา่ นเอนไซม์ใน
ท้องผึง้ ก็จะกลายมาเปน็ น้ำผ้ึงอยู่ในรงั ผ้ึงอย่างทเี่ รารับประทานกนั ในท่สี ดุ
น้ำผึ้งที่ไดม้ าจากแตล่ ะแห่งนั้นจะมีรสชาติ ความหอมหวาน และสที ี่แตกต่างกนั ไป ข้นึ อยูก่ บั วตั ถดุ บิ
หรอื ชนดิ ของเกสรดอกไมท้ ่ผี ง้ึ ไดไ้ ป รวมถึงแหล่งของพืชและพ้นื ดินในบรเิ วณที่ผึ้งอาศัยอยู่ เพราะฉะนั้นน้ำผึง้ ท่ี
ได้จากรังผ้งึ ในป่าใหญ่ก็จะประกอบไปดว้ ยนำ้ หวานจากดอกไมน้ านาพันธ์ุ สว่ นนำ้ ผงึ้ จากผงึ้ เลีย้ งอาจมนี ำ้ หวาน
จากดอกไมช้ นดิ เดยี วหรอื เพยี งไม่กพี่ ันธุ์เทา่ นน้ั
ประโยชนต์ ่อการบำรุงผวิ พรรณ
ประโยชนข์ องน้ำผง้ึ ในการบำรงุ ผวิ พรรณหรือผสมในเคร่ืองสำอางชนิดตา่ งๆ ไมใ่ ช่เร่ืองใหมอ่ ะไร
เพราะผู้หญิงท่ีสวยทส่ี ุดในประวัตศิ าสตร์อย่างพระนางคลีโอพัตรา หรืออีกหลายๆ คน ก็ใชว้ ัตถดุ ิบชนดิ นี้เป็น
เครื่องประทนิ โฉมกันมานานแลว้ คุณสมบตั ิท่ีโดดเด่นของน้ำผึ้งอยู่ที่การต่อตา้ นแบคทเี รยี เพราะมสี ารทช่ี อ่ื วา่
"ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด"์ ชว่ ยตอ่ ตา้ นแบคทีเรยี ได้อย่างดีเย่ียม และกำจัดเชอ้ื โรคได้โดยไมท่ ำลายเนื้อเย่ือ จึง
เป็นเหตุผลที่ทำใหน้ ้ำผึ้งถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการรักษาโรคผวิ หนงั รวมถึงการบำรงุ ความสวยความงามอย่าง
กวา้ งขวาง
นอกจากนี้นำ้ ผงึ้ ยังมสี ารให้ความชุม่ ชื้นท่ีจะช่วยให้ผิวพรรณอ่อนนุ่ม และดว้ ยคุณสมบัติทเ่ี ป็นสารตา้ น
อนมุ ลู อสิ ระ จงึ ช่วยปกป้องผวิ จากรังสยี ูวี และชว่ ยเสรมิ สรา้ งเซลล์ใหม่ใหแ้ กผ่ ิวหนังดว้ ย โดยวธิ ใี ช้ที่ทำได้งา่ ยๆ
และแนะนำกนั มานานรนุ่ ต่อรุ่นคือ ใช้น้ำผึง้ แท้ทาผวิ หนา้ ท้ิงไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออกดว้ ยนำ้ หรอื
อาจใช้ผา้ ขนหนูชุบนำ้ อ่นุ เชด็ ออก จะรู้สกึ ไดท้ ันทีว่าผวิ น่มุ เนียนขึน้ นอกจากนยี้ งั มีเคร่ืองสำอางมากมายทม่ี ักใช้
น้ำผงึ้ เป็นส่วนประกอบ เช่น ครมี พอกหน้า ครีมขัดหน้า สบูล่ า้ งหนา้ และเจลล้างหนา้ แต่เลอื กผลติ ภณั ฑ์ท่ี
น่าเช่ือถือและศกึ ษาข้อมลู ประกอบการตัดสินใจใช้ให้ดี
สผี สมอาหาร
สีผสมอาหาร เปน็ สีย้อม สารสีหรือสารใด ๆ ทใ่ี หส้ ีเม่ือเพิ่มในอาหารหรือเครื่องด่ืม มหี ลายรปู แบบท้ัง
ของเหลว ผง เจลและสีป้าย สีผสมอาหารใชท้ ้งั ในการผลติ อาหารเชงิ พาณิชยแ์ ละในการประกอบอาหารในบา้ น
เนือ่ งจากความปลอดภยั และหาได้ท่วั ไป สีผสมอาหารยงั ใช้ประโยชนน์ อกเหนือจากอาหารไดห้ ลายอยา่ ง
รวมถึงเครื่องสำอาง ยา โครงการงานทำมอื และอปุ กรณ์การแพทย์
การใช้ประโยชนส์ ผี สมอาหาร
1. การใช้สำหรับแตง่ อาหารทั่วไปทไ่ี ม่มีสี เพ่ือใหม้ สี เี ป็นที่ดึงดดู ใจผูบ้ ริโภค เช่น เครอ่ื งด่ืมหรอื
เครอ่ื งด่ืมผง ลูกกวาด ไอศกรีม แยม เยลล่ี เป็นต้น
2. การใช้แต่งอาหารทีม่ ีสูญเสียหรือเปล่ยี นแปลงสรี ะหวา่ งกระบวนการผลติ และการเกบ็ รกั ษา เชน่
การผสมสีผสมอาหารในเบียร์ นำ้ เช่ือม และอาหารอบ เป็นต้น
3. การใชแ้ ต่งอาหารท่มี สี ีเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล และสภาพภมู ิอากาศ เช่น การใช้แต่งสนี ้ำนมววั ท่ี
ผลิตได้ในฤดหู นาวให้มีสเี ข้มขึ้น เพราะน้ำนมววั ในฤดหู นาวจะมีสีอ่อนเนื่องจากไดร้ บั สารเบต้าแคโรทีนจาก
หญ้าในปรมิ าณน้อย ขณะทนี่ ้ำนมววั ในฤดูร้อนมกั มีสีเหลืองเขม้ เน่ืองจากได้รับบตี าแคโรทนี ในหญา้ ท่ีมี
มากกว่าหญา้ ในฤดูหนาว
บทท่3ี
วิธีการดำเนินการทำโครงงาน
1. วัสดุ
1. กลเี ซอรนี
2. สผี สมอาหาร
3. สมุนไพร
4. กลนิ่
2. เครือ่ งมือและอปุ กรณ์
1) หมอ้
2) ไม้พาย
3) มีด
4) เขยี ง
3. วธิ ีดำเนินการ
1. นำกลีเซอรีนมาหนั เป็นช้ินเล็กๆ
2.หลอมกลีเซอรีน ด้วยไฟอ่อนๆจนละลาย
3. นำสมุนไพร สี กล่ิน ใส่ลงไปในกลเี ซอรนี ทลี่ ะลายแล้ว แลว้ คนใหเ้ ขา้ กนั
4. จากนนั้ เทลงแม่พมิ พ์
5. เม่อื สบ่เู ยน็ แล้วนำมาใสบ่ รรจภุ ณั ฑ์
บทท่ี4
ผลการดำเนินงาน
1. การทดสอบสบู่
ทดสอบคุณภาพสบสู่ มนุ ไพรพบวา่ เมื่อนำสบสู่ มุนไพรมาใชท้ ำความสะอาดร่างกายแลว้ ไม่เกดิ การ
ระคายเคอื งหรือผืน่ คันแต่อย่างใด และยังทำทีให้ผวิ นุ่มชมุ่ ช่ืน ไมแ่ หง้ รา้ น สามารถดงึ สรรพคุณและ
คณุ ประโยชน์ของขมน้ิ ทานาคา และนำ้ ผ้งึ ไดอ้ ย่างชัดเจน สามารถทำสบ่สู มนุ ไพรใช้เองไดใ้ นครัวเรอื นและ
สามารถนำสมนุ ไพรในท้องถน่ิ มาใช้ประโยชนไ์ ด้
วันที่ ผลการทดสอบสบู่
1 ไม่มีอาการแพห้ รือผน่ื คนั
2 ไมม่ ีอาการแพ้หรือผนื่ คนั
3 ไม่มีอาการแพ้หรือผน่ื คัน
4 ไม่มีอาการแพห้ รือผนื่ คนั ผิวไม่แห้งกรา้ น
5 ไม่มีอาการแพห้ รือผืน่ คนั ผิวชมุ่ ชื่นข้ึน
ตารางการทดสอบสบู่
บทท่ี5
สรปุ อภิปรายผลการดำเนินการ
1. สรุปอภปิ รายผล
สบู่ทีท่ ำออกมาน้ันเมื่อนำมาทำความสะอาดร่างกายแลว้ ไม่เกดิ การระคายเคืองหรือผ่นื คนั แต่อยา่ งใด
และยา่ งท่ีให้ผิวนุ่มชุ่มชืน่ ไมแ่ ห้งร้าน สามารถดึงสรรพคณุ และคุณประโยชนข์ องขมิน้ ทานาคา และนำ้ ผ้ึงได้
อยา่ งชดั เจน
2. สรปุ ผลการจัดทำโครงงาน
จากการทดลองพบวา่ สบสู่ มุนไพร สามารถใชท้ ำความสะอาดร่างกายไดเ้ ป็นอยา่ งดไี ม่เกดิ การระคายเคือง
หรือผนื่ คันแต่อยา่ งใดและยังทำใหผ้ ิวนุ่มชมุ่ ช่นื ไมแ่ ห้งร้าน สามารถดึงสรรพคณุ และคณุ ประโยชน์ของขมิ้น ทา
นาคา และนำ้ ผ้งึ ได้อยา่ งชัดเจน จงึ สามารถทำสบู่สมุนไพรใชเ้ องไดใ้ นครวั เรือนและสามารถนำสมุนไพรใน
ท้องถน่ิ มาใช้ประโยชนไ์ ด้
ข้อเสนอแนะ
1. นำสมนุ ไพรชนิดอน่ื มาท่ีชอบมาผสมในสบู่
ประโยชน์ทไี่ ดร้ ับ
1. ไดน้ ำสมนุ ไพรมาใช้ประโยชน์
2. ได้ร้วู ธิ ีทำสบ่สู มุนไพร
3. ไดส้ บมู่ าเปน็ หนทางหารายไดต้ ่อไปได้
ภาคผนวก