The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัยธูปฤาษี ศศิธร ชูแก้ว 063. (ศิลปนิพนธ์)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทาม' ธนวิชญ์, 2024-02-25 09:51:20

วิจัยธูปฤาษี ศศิธร ชูแก้ว 063. (ศิลปนิพนธ์)

วิจัยธูปฤาษี ศศิธร ชูแก้ว 063. (ศิลปนิพนธ์)

การออกแบบเครื่องแตง่กายสตรีประเภทครีเอทฟีแวร์(Creative Wear) โดยได้รับแรง บันดาลใจจากต้นธูปฤาษี(Cattail) นางสาวศศธิร ชูแก้ว รหัสนักศึกษา 63126607063 ศิลปนิพนธน์ ีเ้ป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศลิปกรรมศาสตรบัณฑติ สาขาวชิาการออกแบบเครื่องแตง่กาย คณะศลิปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปี การศึกษา 2566


การออกแบบเครื่องแตง่กายสตรีประเภทครีเอทฟีแวร์(Creative Wear) โดยได้รับแรง บันดาลใจจากธูปฤาษี(Cattail) นางสาวศศธิร ชูแก้ว รหัสนักศึกษา 63126607063 ศิลปนิพนธน์ ีเ้ป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศลิปกรรมศาสตรบัณฑติ สาขาวชิาการออกแบบเครื่องแตง่กาย คณะศลิปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปี การศึกษา 2566


หัวข้อวิจัย การออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์ (Creative Wear) โดยได้รับ แรงบันดาลใจจากธูปฤาษี (Cattail) โดย นางสาวศศิธร ชูแก้ว สาขาวิชา การออกแบบเครื่องแต่งกาย อาจารยท์ ปี่รึกษา ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุวิธธ์ สาดสังข์ หลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการออกแบบเครื่องแต่งกาย คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาอนุมัติให้ศิลปะนิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตร ...............................................ประธานกรรมการสอบ ( ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ชนกนาถ มะยูโซ๊ะ ) คณะกรรมการสอบ ...............................................กรรมการ ...............................................กรรมการ ( ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.เตชิต เฉยพ่วง ) ( ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุวิธธ์สาดสังข์) ...............................................กรรมการ ...............................................กรรมการ (ดร.เตือนตา พรมุตตาวรงค์) ( ผู้ช่วยศาสตราจารย์สิรัชชา ส าลีทอง ) ...............................................กรรมการ ( ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภาวดี จุ้ยศุขะ )


ข กิตติกรรมประกาศ ข้าพเจ้า นางสาวศศิธร ชูแก้ว (แอ๋ม)ขอขอบคุณบุคคลทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาการท าวิจัย ทั้งที่คอยให้การสนับสนุน ให้ค าปรึกษา และยังคอยให้ค าชี้แนะในการท าวิจัยครั้งนี้จนผ่านส าเร็จไปได้ ด้วยดี ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์สุวิธธ์ สาดสังข์ (อาจารย์บอย) อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ อาจารย์ที่ เอาใจใส่ชี้แนะ แนะน าตั้งแต่เริ่มโครงการ ตลอดจนโครงการส าเร็จสมบูรณ์ ชี้แนะในรายละเอียดการ ออกแบบ การเลือกชิ้นงาน การศึกษาและแนวทางการสร้างสรรค์ชิ้นงาน ท าให้แอ๋มได้รับความรู้และ ประสบการณ์ในการสร้างผลงานออกมาส าเร็จลุล่วงได้ดีขอขอบคุณอาจารย์สุวิธธ์ สาดสังข์ (อาจารย์บอย) มากค่ะ ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ชนกนาถ มะยูโซ๊ะ (อาจารย์ปุ๊ ก)อาจารย์เตชิต เฉยพ่วง (อาจารย์เอ) อาจารย์เตือนตา พรมุตตาวรงค์(อาจารย์เตย) อาจารย์สิรัชชา ส าลีทอง (อาจารย์มายด์) และอาจารย์สุภา วดี จุ้ยศุขะ (อาจารย์อีส)ขอขอบพระคุณอาจารย์ทุกๆท่านในสาขาวิชาการออกแบบเครื่องแต่งกายที่ท าให้ โครงการวิจัยครั้งนี้ผ่านและส าเร็จไปได้ด้วยดี สุดท้ายนี้แอ๋มต้องขอขอบคุณครอบครัวที่คอยอยู่เคียงข้างและสนับสนุนให้ความช่วยเหลือในทุกๆ ด้าน ขอบคุณทุกก าลังใจจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่คอยให้ก าลังใจและคอยช่วยเหลือ ขอบคุณทุกฝ่ายที่มี ส่วนท าให้โครงงานนี้ส าเร็จสมบูรณ์ ขอบคุณทุกท่านที่ชื่นชอบผลงานของแอ๋ม ถ้าไม่มีทุกท่าน แอ๋มคงผ่าน การวิจัยครั้งนี้ไปไม่ได้ ขอขอบพระคุณทุกท่านมากๆอีกครั้งค่ะ ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูง นางสาวศศิธร ชูแก้ว


ค บทคัดย่อ หัวข้อวิจัย การออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์ (Creative Wear) โดยได้รับ แรงบันดาลใจจากธูปฤาษี (Cattail) ชื่อผู้วิจัย นางสาวศศิธร ชูแก้ว คณะ ศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปีทที่า การวจิยั 2566 การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษารูปแบบเครื่องแต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์ (Creative Wear) โดยได้รับแรงบันดาลใจจากธูปฤาษีน ามาวิเคราะห์และประมวลองค์ความรู้สร้างสรรค์งานออกแบบ เสื้อผ้าจากวัชพืชที่ชื่อว่าธูปฤาษี(Cattail) ออกแบบเครื่องแต่งกายครีเอทีฟแวร์ (Creative Wear) จ านวน... ชุด โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ แหล่งข้อมูลจากการศึกษา ภาคเอกสาร หนังสือ เว็บไซต์ต่างๆ พบว่า ธูปฤาษีมีประโยชน์ด้านเส้นใย เส้นใยมีสีขาวหรือน ้าตาลอ่อน ซึ่งน ามาทอเป็นผ้าได้สามารถใช้แทนฝ้าย ในธูปฤาษีมีเส้นใย (fibre) ถึงร้อยละ 40 เส้นใยนี้มีความชื้นร้อยละ 8.9 เซลลูโลส (cellulose) ร้อยละ63 เฮมิเซลลูโลส (hemicellulose) ร้อยละ 8.7 ลิกนิน (lignin) ร้อยละ 9.6 ไข (wax) ร้อยละ1.4 และเถ้า (ash) ร้อยละ 2 ส่วนธูปฤาษีจะมีใบที่ยาวและเหนี่ยว ซึ่งสามารถน ามาใช้ในงานจักรสานได้อีกด้วย โดยจะ ออกแบบมาในรูปแบบงานประเภทครีเอทีฟ โดยผู้วิจัยอยากให้เครื่องแต่งกายมีความแปลกใหม่และเพิ่ม เทคนิคต่างๆในตัวชุดให้มีความหลากหลายละน่าสนใจที่มีความแตกต่างจากเครื่องแต่งกายประเภทครีเอที ฟแวร์ (Creative Wear)ทั่วไป


ง Abstract Title Creative Wear design for women's clothing. Inspired by Cattail (Cattail) Researcher Ms. Sasithorn Chookaew Faculty Faculty of Fine and Applied Arts University Suan Sunandha Rajabhat University Year 2023 The purpose of this research is to study the styles of women's creative wear clothing inspired by cattails. Used to analyze and process knowledge to create clothing designs from a weed called Cattail. Design a number of Creative Wear outfits using qualitative research methods. Sources of information from studies, documents, books, various websites found that Cattails have fiber benefits. The fibers are white or light brown. which can be woven into cloth and can be used in place of cotton Cattails contain 40 percent fiber. This fiber contains 8.9 percent moisture and 63 percent cellulose. Hemicellulose (hemicellulose) 8.7 percent, lignin (lignin) 9.6 percent, wax (wax) 1.4 percent and ash (ash) 2 percent. Cattails have long and cohesive leaves. Which can be used in weaving as well. It will be designed in the form of creative work. The researcher wants the costumes to be novel and add various techniques to the costumes to make them diverse and interesting that are different from general Creative Wear costumes.


จ สารบัญ เนือ้หา หน้า อนุมัติ - กิตติกรรมประกาศ - บทคัดย่อ - Abstract - สารบัญ ก-ข สารบัญภาพ ค-ง-จ สารบัญตาราง ฉ บทที่1 บทน า 1 1.1 ความส าคัญและความเป็นมาของปัญหา 1-3 1.2 ปัญหาของงานวิจัย 3 1.3วัตถุประสงค์ของงานวิจัย 3 1.4ขอบเขตของงานวิจัย 3 1.5วิธีการด าเนินงาน 3-4 1.6 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 4 1.7 นิยามค าศัพท์ 4 บทที่2 ข้อมูลและเอกสารทเี่กยี่วข้อง 5 2.1ข้อมูลต้นธูปฤาษี 5 2.1.1องค์ประกอบของธูปฤาษี 6 2.1.2 ลักษณะทั่วไปของธูปฤาษี 6 2.1.3 การแพร่กระจายของต้นธูปฤาษี 6 2.1.3.1 ลม 6 2.1.3.2 น ้า 6 2.1.3.3 สัตว์ 6 2.1.3.4 มนุษย์ 6 2.1.4 ประโยชน์จากธูปฤาษี 7 2.1.4.1 ประโยชน์จากธูปฤาษีด้านเส้นใย 7 2.1.4.2 ประโยชน์จากธูปฤาษีด้านงานหัตถกรรม 7 2.1.5 ผลกระทบจากธูปฤาษี 7 2.1.5.1 ด้านนิเวศวิทยา 7 2.1.5.2 ด้านเศรษฐกิจ 7


ฉ สารบัญ(ต่อ) เนือ้หา หน้า 2.1.5.3 ด้านสภาพแวดล้อม 7 2.2 กรรมวิธีการผลิตเส้นใยจากต้นธูปฤาษี 8 2.2.1 กระบวนการผลิตเส้นใยธูปฤาษี 8 2.2.1.1 กรรมวิธีการรีดเส้นใยธูปฤาษีโดยใช้เครื่องรีดยางพารา 8-14 2.2.1.2 กรรมวิธีการสางเส้นใยธูปฤาษีด้วยตะปู 14-17 2.2.1.3 กรรมวิธีการน าชิ้นเนื้อภายในของธูปฤาษีปอกเปลือกออกด้วยมีด 18-21 2.3 กรรมวิธีการย้อมสี 22 2.3.1 วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการย้อมสี 22 2.3.2 ขั้นตอนการสกัดสีจากดอกธูปฤาษี 22-26 2.3.3 ขั้นตอนการย้อมสีจากดอกธูปฤาษี 26 2.3.3.1ขั้นตอนการย้อมเส้นใยจากดอกธูปฤาษี 26 2.3.3.2ขั้นตอนการย้อมผ้าจากดอกธูปฤาษี 28-32 2.3.3.3ขั้นตอนการย้อมเส้นใยธูปฤาษี เส้นใยฝ้าย และผ้าฝ้ายแท้จากโคลนที่ธูปฤาษีขึ้น 32-36 2.4 กรรมวิธีการผลิตใยธรรมชาติจากดอกธูปฤาษี 37-39 2.5ข้อมูลเกี่ยวกับผ้า 39-41 2.6 เทคนิคที่ใช้ในการออกเเบบ 42-45 2.7วัสดุที่ใช้ในงานออกแบบ 46 บทที่3 การเก็บรวบรวมเเละการวเิคราะหข์ ้อมูล 47 3.1 การวิเคราะห์ข้อมูล 47 3.1.1 การวิเคราะห์องค์ประกอบของธูปฤาษี (Cattail) 47-48 3.2 การวิเคราะห์โครงร่างเงา (Silhouette) ของเครื่องแต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์ (Creative Wear) 48-49 3.3 กระบวนการสร้างสรรค์การออกเเบบเเละการทดลอง 50 3.3.1 การวิเคราะห์ข้อมูลผ้า 50 3.3.2 การวิเคราะห์ข้อมูลเทคนิค 50 3.3.3 การวิเคราะห์ข้อมูลวัสดุ 55 3.3.4 การวิเคราะห์ข้อมูลเทคนิค 56 บทที่4 การวเิคราะหข์ ้อมูลผู้บริโภคและข้อมูลทางการตลาด 57 4.1 ส่วนที่1 การวิเคราะห์ข้อมูลของผู้บริโภค 57-58


ช 4.2 ส่วนที่2 การวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด 58-64 4.3 ส่วนที่ 3 การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างและการวิเคราะห์ตัวอย่างสินค้า 65-67 บทที่5 น าเสนอผลงานการออกเเบบ 68 5.1เเรงบันดาจใจจากธูปฤาษี 68 5.2โครงสร้างรูปเเบบของเครื่องเเต่งกาย (Silhouette) 69 5.3โทนสี (Mood&Tone) 70 5.4 Pantone Color 70 5.5 เทคนิค (technique) 71 5.6 กลุ่มเป้าหมายเเละไลฟ์ สไตล์ (Target Group) 72 5.7วิเคราะห์ Persona 73 5.8 รูปแบบของแบรนด์ (Brand Marketing) 78 5.9 ผลงานวิจัย 79 ภาคผนวก 93 บรรณานุกรม 94


ซ สารบัญภาพ เนื อ้ หา หน้า ภาพที่ 1 : ต้นธูปฤาษี 5 ภาพที่ 2 : ต้นธูปฤาษี 8 ภาพที่ 3 : การตัดต้นธูปฤาษี 9 ภาพที่ 4: การคัดธูปฤาษีและตากแดด 9-10 ภาพที่ 5 : ลักษณะเส้นใยธูปฤาษีที่อยู่ด้านใน 10 ภาพที่ 6 : เครื่องจักรรีดยางพาราแบบลื่น 11 ภาพที่ 7 : เครื่องจักรรีดยางพาราแบบดอก 11 ภาพที่ 8 : รีดเส้นใยธูปฤาษีด้วยเครื่องจักรรีดยางพาราแบบลื่น 12 ภาพที่ 9: เส้นใยธูปฤาษีที่รีดแล้ว 12 ภาพที่ 10: ต้มเส้นใยธูปฤาษี3 ชั่วโมง 13 ภาพที่ 11 : ใส่มะละกอต้มรวมกับเส้นใยธูปฤาษี 13 ภาพที่ 12 : ใส่มะละกอต้มรวมกับเส้นใยธูปฤาษี 13 ภาพที่ 13 : เส้นใยที่ตีเกลียวเสร็จแล้ว 14 ภาพที่ 14 : ตะปูตอกไม้ขนาด 11/2 * 14 14 ภาพที่ 15 : ตอกตะปูเรียงตามแนวยาว 2แถว 15 ภาพที่ 16 : สางเส้นใยธูปฤาษี 15 ภาพที่ 17 : แช่เส้นใยธูปฤาษีด้วยน ้าเกลือ 16 ภาพที่ 18 : ต้มเส้นใยธูปฤาษี 16 ภาพที่ 19: เส้นใยธูปฤาษีหลังจากต้มเสร็จ 17 ภาพที่ 20: ทดลองสานเส้นใยธูปฤาษีดูผิวสัมผัส 17 ภาพที่ 21 : ขั้นตอนการน าชิ้นเนื้อภายในของธูปฤาษีปอกเปลือกออกด้วยมีด 18 ภาพที่ 22 : เส้นใยที่ได้จากการปอกเปลือกข้างนอกออกด้วยมีด 18 ภาพที่ 23 : ต้มเส้นใยธูปฤาษีกับก้านมะละกอ 19 ภาพที่ 24 : มะละกอและสับปะรดเพื่อจะน าไปต้มรวมกับเส้นใยธูปฤาษี 19 ภาพที่ 25 : หลังจากต้มเส้นใยเสร็จแล้ว 20 ภาพที่ 26 : หลังจากต้มเส้นใยเสร็จแล้ว 20 ภาพที่ 27 : หลังจากต้มเส้นใยเสร็จแล้ว 21


ฌ สารบัญภาพ(ต่อ) เนื อ้ หา หน้า ภาพที่ 28 : เส้นใยที่ตีเกลียวเสร็จแล้ว 21 ภาพที่29 : ตัดดอกธูปฤาษี 22 ภาพที่30 : ตัดดอกธูปฤาษี 23 ภาพที่31 : ดอกธูปฤาษี 23 ภาพที่ 32 : ลอกดอกธูปฤาษี 24 ภาพที่ 33 :จุดเตาถ่าน 24 ภาพที่ 34 : ต้มดอกธูปฤาษี 25 ภาพที่ 35 : การบีบน ้าดอกธูปฤาษี 26 ภาพที่ 36 : สีที่ได้จากการสกัดของดอกธูปฤาษี 26 ภาพที่ 37 : น ้าสีที่ได้จากการสกัดของดอกธูปฤาษี 27 ภาพที่ 38 : ต้มน ้าสีที่ได้จากการสกัดของดอกธูปฤาษี 27 ภาพที่ 39 :แช่เย็นเส้นใยธูปฤาษี 27 ภาพที่40 : เส้นใยสีที่ได้จากการย้อมสีจากดอกธูปฤาษี 28 ภาพที่ 41 : ต้มผ้าลอกแป้งลอกกาวออก 28 ภาพที่ 42 : ต้มผ้าลอกแป้งลอกกาวออก 29 ภาพที่ 43 : ต้มผ้าลอกแป้งลอกกาวออก 29 ภาพที่ 44 : พักผ้าไว้ในน ้าอุณหภูมิห้อง 29 ภาพที่ 45 : ต้มน ้าดอกธูปฤาษี 30 ภาพที่ 46 : ย้อมผ้ากับน ้าที่สกัดจากดอกธูปฤาษี 30 ภาพที่ 47 : ผ้าที่ย้อมแล้วใส่ถุงพลาสติก น าไปแช่เย็น 31 ภาพที่ 48 : ล้างผ้าที่ย้อมเสร็จแล้ว 31 ภาพที่ 49 : ผ้าย้อมสีจากดอกธูปฤาษี 32 ภาพที่ 50 : โคลนที่ธูปฤาษีขึ้น 32 ภาพที่ 51 : โคลนที่ธูปฤาษีขึ้น 32 ภาพที่ 52 : โคลนที่ธูปฤาษีขึ้น 33 ภาพที่ 53 : เส้นใยธูปฤาษีและเส้นใยฝ้ายย้อมโคลน 33 ภาพที่ 54 : ผ้าฝ้ายแท้ย้อมโคลน 34


ญ สารบัญภาพ(ต่อ) เนือ้หา หน้า ภาพที่ 55 :แช่เย็นเส้นใยธูปฤาษีเส้นใยฝ้าย และผ้าฝ้ายแท้ 34 ภาพที่ 56 : น าเส้นใยธูปฤาษีเส้นใยฝ้าย และผ้าฝ้ายแท้ล้างน ้าสะอาด 35 ภาพที่ 57 : เส้นใยฝ้ายที่ย้อมโคลนแล้ว 35 ภาพที่ 58 : เส้นใยธูปฤาษีที่ย้อมโคลนแล้ว 36 ภาพที่ 59 : ผ้าฝ้ายแท้ที่ย้อมโคลนแล้ว 36 ภาพที่ 60 : ดอกธูปฤาษีที่ฟุ้งกระจาย 37 ภาพที่ 61 : ต้มดอกธูปฤาษี 37 ภาพที่ 62 : กากใยของดอกธูปฤาษี 38 ภาพที่ 63 : ตากกากใยของดอกธูปฤาษี 38 ภาพที่ 64 : ใยของดอกธูปฤาษี 39 ภาพที่ 65 : ผ้าฝ้าย 39 ภาพที่ 66 : ผ้าฝ้าย 40 ภาพที่ 67 : องค์ประกอบของธูปฤาษี(Cattail) 48 ภาพที่ 68 : Fashion runway support 49 ภาพที่ 69 : ภาพแรงบันดาลใจจาก ธูปฤาษี (Cattail) 57 ภาพที่ 70: ภาพโครงสร้างรูปแบบของเครื่องแต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์(Creative Wear) และโครงร่างเงารูปแบบชุด (Silhouette) 58 ภาพที่ 71 : รูปแบบ (Mood & Tone) แรงบันดาลใจจากธูปฤาษี 59 ภาพที่ 72 : Pantone Color 60 ภาพที่ 73 : กลุ่มเป้าหมายและไลฟ์ สไตล์ 61 ภาพที่ 74 : บอร์ด Persona 62


ฎ สารบัญตาราง เนือ้หา หน้า ตารางที่ 1วิเคราะห์ผ้า 41 ตารางที่ 2วิเคราะห์เทคนิค 42-45 ตารางที่ 3 การวิเคราะห์วัสดุ 46 ตารางที่ 4 วิเคราะห์รูปแบบชุด 49-50 ตารางที่ 5 การวิเคราะห์ผ้า 50 ตารางที่ 6 การวิเคราะห์เทคนิค 51-54 ตารางที่ 7 การวิเคราะห์วัสดุ 55 ตารางที่ 8 วิเคราะห์คุณสมบัติ 56 ตารางที่9 การวิเคราะห์ข้อมูลของผู้บริโภค 58 ตารางที่10 การวิเคราะห์แผนการตลาด 4P 59 ตารางที่11 ตารางวิเคราะห์การตลาดแบรนด์ส่วนของผลิตภัณฑ์ 61 ตารางที่12 ตารางวิเคราะห์การตลาดแบรนด์ส่วนของราคา 62 ตารางที่ 13 ตารางวิเคราะห์การตลาดแบรนด์ส่วนของช่องทางจัดจ าหน่าย 63 ตารางที่14 ตารางวิเคราะห์การตลาดแบรนด์ส่วนของการส่งเสริมการขาย 64 ตารางที่15วิเคราะห์รูปแบบชุด 66


1 บทที่1 บทน า 1.1 ความส าคัญและความเป็ นมาของปัญหา ธูปฤาษี(Cattail) เป็นวัชพืชสกุลหนึ่งทางธรรมชาติที่ชอบขึ้นในพื้นที่ชุ่มน ้า ตามหนองน ้า ห้วย บึง มักจะโดดเด่นท่ามกลางพืชพรรณในพื้นที่เปียกชื้น เป็นวัชพืชชอบที่โล่งแจ้ง มีแดดจัด สามารถเจริญเติบโต ได้อย่างรวดเร็ว พบได้ทั้งเขตร้อนและเขตอบอุ่น ธูปฤๅษี ชื่อวิทยาศาสตร์:TyphaangustifoliaL. หรือกกช้าง ชื่ออื่น ๆ คือ กกธูป หญ้าสลาบหลวง เฟื้อ ปรือ เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่เป็นไม้ล้มลุก มีอายุประมาณ 2-3 ปี มี อยู่ 3 ชนิด คือ T. latifolia (ธูปฤๅษีใบกว้าง), T. angustifolia (ธูปฤๅษีใบแคบ) และธูปฤๅษีใต้ (T. dominensis) ซึ่งถิ่นก าเนิดเดิมจะอยู่ที่อเมริกาและยุโรป ปัจจุบันมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทั่ว ทุกภาค เมื่อต้นธูปฤาษีออกดอกเป็นแท่งกลมรูปทรงกระบอกคล้ายธูปขนาดใหญ่สีน ้าตาลเข้ม ดอกแก่จะ แตกเห็นเป็นขนขาวฟู มีเมล็ดแพร่หลายไปตามลม อากาศ ด้วยความสามารถในการรุกรานพื้นที่ชุ่มน ้าได้ก่อ ตัวเป็นวัชพืชหนาแน่นจนก่อให้เกิดผลเสียด้านต่างๆ เช่น ด้านนิเวศวิทยา ด้านเศรษฐกิจ และด้าน สภาพแวดล้อม เมื่อต้นธูปฤาษีเจริญขึ้นในแหล่งน ้าตื้นอย่างมากมาย เป็นส่วนท าให้ผลผลิตและคุณภาพ ผลผลิตทางเศรษฐกิจลดลง ส่วนของการไหลของน ้าในแม่น ้าลดลง สาเหตุนี้เกิดจากการอุดตันของธูปฤๅษี และตะกอนต่างๆ ที่ทับถมอยู่ภายในร่องน ้า ส่งกลิ่นเหม็นไปรอบๆ สร้างความร าคาญแก่ผู้สัญจร และผู้อยู่ อาศัยบริเวณนั้น และยังเกิดปัญหาการใช้สอยที่ดินท ากิน เนื่องจากธูปฤาษีสามารถเจริญเติบโตและแพร่ พันธุ์ได้รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ กินพื้นที่ได้กว้างในเวลาเพียงไม่กี่เดือน และแย่งธาตุอาหารที่จ าเป็นในดิน ไปท าให้ไม่สามารถเพาะปลูกได้ดีเท่าที่ควร ผลผลิตในการปลูกพืชบางชนิดลดลง เช่น ข้าวฟ่ าง ข้าวโพด ข้าว ข้าวสาลี และเป็นที่อยู่ของสัตว์มีพิษ เนื่องจากมีลักษณะล าต้นสูงเรียวยาว และมักขึ้นอย่างหนาแน่น ปกคลุมเนื้อที่ได้หลายๆ ไร่ ท าให้มีลักษณะเป็นที่ที่รกรุงรัง และสกปรกท าให้สัตว์มีพิษเข้าไปอาศัยอยู่ได้ จากปัญหาดังกล่าวที่กล่าวข้างต้น ก่อให้เกิดแนวคิดในการพัฒนาทรัพยากรวัชพืชที่มีอยู่มาใช้ให้เกิด ประโยชน์ เพื่อเปลี่ยนวัชพืชมาเป็นผลผลิตในการเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุที่ไม่มีใครเห็นประโยชน์ ผู้วิจัยได้มี ความคิดสร้างสรรค์ โดยการน าธูปฤาษีมาต่อยอดด้วยการผลิตเป็นเส้นใยผ้า มาใช้ในงานอุตสาหกรรมสิ่ง ทอ วิศวกรรม และเครื่องนุ่งห่ม ท าให้เกิดการผลิตเพิ่มมากขึ้นในระดับภูมิภาค และนอกจากจะช่วยลดการ น าเข้าแล้ว ยังสร้างความยั่งยืนในด้านวัสดุเส้นใยธรรมชาติได้อีกทางหนึ่งด้วย ปัจจุบันอะไรก็ตามที่เกาะเกี่ยวกับกระแสรักษ์โลกจะมาแรง กระทั่งมีการนิยามการสร้างสรรค์ เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่เน้นไปสู่การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน ซึ่งธูปฤๅษีจะมีเส้นใย ประมาณ 56 เส้นใยกลุ่มธูปฤๅษีมีอัตราการคืนความชื้นและอัตราส่วนมวลของตัวต้านทานของเส้นใยธูป ฤๅษีวัดได้ 7.57 % และ 1,012.5 Ω·g/cm² และส่วนประกอบของเส้นใยธูปฤๅษีจะมีลักษณะคล้ายกับใย นุ่น นอกจากนี้ยังตรวจพบว่าค่า pH อยู่ที่ 6.7 ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ และพบว่า ปริมาณเพ คตินในเส้นใยธูปฤๅษีอยู่ที่ 1.013 % ซึ่งมีความใกล้เคียงกับเส้นใยฝ้าย และนอกจากนี้ ความต้านทานต่อ


2 กรดของเส้นใยธูปฤๅษียังดีกว่าความต้านทานต่อด่างอีกด้วย “ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดโลกมีความ ต้องการสินค้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ ลดการใช้สารเคมีและสิ่งปรุงแต่งต่างๆ โดยเฉพาะในตลาดยุโรป และญี่ปุ่ น ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจในรายละเอียดของเส้นใยที่น ามาท าเครื่องนุ่งห่มว่าควรมาจากธรรมชาติ และไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อโลกในอนาคต ท าให้ธุรกิจสิ่งทอที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติเติบโตอย่างต่อเนื่อง (ปริยากร ธรรมพุทธสิริ,2560:27) และผู้วิจัยจึงยกเอาการพัฒนาเส้นใยจากธูปฤาษีมาเป็นแรงบันดาลใจ ในการออกแบบชุดด้วยแนวความคิดที่นักออกแบบพยายามสร้างสรรค์ให้เห็นถึงเทคนิคใหม่ๆ แนวคิดและ โครงสร้างใหม่ๆให้ออกมาในรูปแบบเครื่องแต่งกายประเภทครีเอทีฟแวร์(Creative Wear)ซึ่งชุดประเภทค รีเอทีฟแวร์(Creative Wear) เป็นชุดที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ของผู้ออกแบบผ่านรูปแบบชุดให้มี ความแปลกใหม่ ทันสมัย สวยไม่เหมือนใคร และมีความร่วมสมัย ปัจจุบันชุดครีเอทีฟแวร์(Creative Wear) เป็นที่นิยมในวงการแฟชั่น เนื่องจากเป็นชุดที่สามารถเล่าเรื่องราวหรือแรงบันดาลใจลงบนชุดได้อย่าง ชัดเจน เช่น การใช้เทคนิคที่แปลกใหม่ การใช้ลวดลายที่แสดงถึงเรื่องราวความเป็นมา โลกของเราทุกวันนี้ หมุนเร็วมาก เครื่องเเต่งกายเป็นเครื่องนุ่งห่มที่ส าคัญ ปัจจุบันกระแสแฟชั่นมีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของ มนุษย์ จึงจ าเป็นที่จะต้องมีการพัฒนารูปแบบชุดอยู่เสมอ เสื้อผ้าเครื่องเเต่งกายมีความเปลี่ยนเเปลงไป ตลอดเวลาตามสภาพของสังคม ซึ่งมีบทบาทมากไปกว่าการสวมใส่เพื่อให้ความอบอุ่น เมื่อใส่เเล้วจะต้องมี ความสวยงาม โดดเด่น เเละยังสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกภาพความเป็นอยู่ ซึ่งโดยเฉพาะกลุ่มอาชีพ ดารา นักเเสดง ศิลปิน Fashionista นางแบบ เเละออเเกไนซ์ บุคคลกลุ่มนี้ให้ความส าคัญต่อการเเต่งตัวเป็นอย่าง มาก เเละมีตัวเลือกที่หลากหลาย ซึ่งเหนือความคาดเดาที่มีความกล้าเเตกต่างสู่หนทางความครีเอทนอก กรอบ เพื่อสร้างความไม่เหมือนใคร ผู้วิจัยจึงเล็งเห็น การเพิ่มดีเทล เเละการสวมใส่เสื้อผ้าทับซ้อนกัน เป็น การสร้างเสน่ห์ เพื่อบ่งบอกความโดดเด่น เเละสถาพทางสังคมของกลุ่มเป้าหมาย ธูปฤาษีมีใบยาวและเหนียวนิยมใช้ท าเครื่องจักสาน เช่น เสื่อ ตะกร้า ใช้มุงหลังคา และท าเชือก ยอดอ่อนกินได้ทั้งสดและท าให้สุก ช่อดอกปิ้งกินได้ แป้งที่ได้จากล าต้นใต้ดินและรากใช้บริโภคได้เช่นกัน ใน อินเดียเคยใช้ก้านช่อดอกท าปากกา และเชื่อว่าล าต้นใต้ดินและรากใช้เป็นยาบ าบัดโรคบางชนิด ในธูปฤาษี มีเส้นใย (fibre) ถึงร้อยละ 40 เส้นใยนี้มีความชื้นร้อยละ 8.9 เซลลูโลส (cellulose) ร้อยละ 63 เฮมิเซลลูโลส (hemicellulose) ร้อยละ 8.7 ลิกนิน (lignin) ร้อยละ 9.6 ไข(wax) ร้อยละ 1.4 และเถ้า (ash) ร้อยละ 2 เส้น ใยมีสีขาวหรือน ้าตาลอ่อน น ามาทอเป็นผ้าใช้แทนฝ้ายหรือขนสัตว์ สามารถน ามาใช้เป็นพืชคลุมดิน เพื่อลด การพังทลายของหน้าดิน เนื่องจากมีระบบรากที่ดีดอกเพศเมียมีสีน ้าตาลเข้ม สามารถน ามาย้อมสีผ้าได้ ซึ่ง แนวความคิดนี้ยังไม่มีใครได้ริเริ่มจึงเป็นผลดีที่ผู้วิจัยได้น ามาศึกษาและต่อยอดให้เกิดเป็นแนวคิดใหม่ใน การสร้างสรรค์เสื้อจากวัสดุทางธรรมชาติที่ได้จากธูปฤาษีเพื่อประโยชน์กับตัวเรา ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้ผู้ศึกษามีแนวคิดที่จะออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์(Creative Wear) โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากธูปฤาษี มาใช้ในการออกแบบเสื้อผ้าเพื่อพัฒนารูปแบบเสื้อผ้าประเภทครีเอ ทีฟแวร์(Creative Wear) ให้มีความสวยงาม รูปแบบใหม่ๆโดดเด่น และมีความร่วมสมัยโดยการน าเทคนิค


3 อื่นๆ เข้ามาใส่และผสมผสานในชุด เพื่อท าให้เกิดภาพลักษณ์ใหม่ โครงสร้างใหม่ เพื่อให้ทุกคนหันมาเห็น ประโยชน์ของวัชพืชที่มีชื่อว่าธูปฤาษี 1.2 ปัญหาของการวิจัย 1. ท าอย่างไรถึงจะน าธูปฤาษีมาพัฒนาให้เป็นเส้นใยผ้า เพื่อมาทอผสมผสานเข้ากับเทคนิคใหม่ๆ ให้ออกมาในรูปแบบเครื่องแต่งกายสุภาพสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์(Creative Wear) 2. ท าอย่างไรถึงจะน าผ้าทอมาออกแบบในรูปแบบทันสมัย และมีความร่วมสมัย ลงบนชุดให้มี ความเหมาะสมกับเครื่องแต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์ (Creative Wear) 3. ท าอย่างไรจึงจะสามารถน าวัสดุ (materials) มาตกแต่งให้เกิดลวดลายและเป็นเอกลักษณ์ ที่บ่ง บอกถึงเรื่องราวความเป็นมาของต้นธูปฤาษี 1.3 วัตถุประสงค์ของงานวิจัย 1.เพื่อเป็นการช่วยส่งเสริมให้เห็นแนวทางการน าวัชพืชต้นธูปฤาษีมาพัฒนาในการสร้างสรรค์สิ่งทอ 2.เพื่อเป็นแนวทางการส่งเสริมและการพัฒนาต่อยอดในรูปแบบผลงานการออกแบบเครื่องแต่ง กายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์(Creative Wear) 3. เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์(Creative Wear) ให้มี ความสวยงาม โดดเด่น และแปลกใหม่ โดยได้แรงบันดาลใจจากธูปฤาษีด้วยการพัฒนาเป็นรูปแบบเครื่อง แต่งกายที่มีเอกลักษณ์ 4. เพื่อศึกษาเทคนิค วัสดุ ใช้แนวคิดในการสร้างสรรค์เทคนิคจากส่วนประกอบของธูปฤาษีมาเป็น เทคนิคในเครื่องแต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์(Creative Wear) 1.4 ขอบเขตของงานวิจัย 1.ศึกษาและรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับธูปฤาษีทั้งหมด 2.ศึกษาวัสดุ ผ้า และวิธีการท าเทคนิค ที่เหมาะสมกับเครื่องแต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์ (Creative Wear) 3.ศึกษาโครงสร้างและโครงร่างเงาของชุด เพื่อน ามาปรับใช้ในการออกแบบชุดเครื่องแต่งกายสตรี ประเภทครีเอทีฟแวร์(Creative Wear) ให้มีความทันสมัยและร่วมสมัย ให้มีเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่มี อายุ 25-35 ปี 1.5 วิธีการด าเนินงานวิจัย 1.ศึกษารวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับธูปฤาษีเพื่อประยุกต์ใช้ในการออกแบบเครื่อง แต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์(Creative Wear) 2.ค้นคว้าทดลองและประเมินผลเส้นใยธูปฤาษีเพื่อต่อยอดประยุกต์ใช้ในการออกแบบ 3.ศึกษาโครงร่างเงาของชุดเพื่อใช้ในการออกแบบชุดเครื่องแต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์ (Creative Wear)


4 4. ศึกษาทดลองวัสดุและเทคนิคที่จะน ามาใช้ และรวมไปถึงผ้าที่น ามาใช้ในการออกแบบ 5. น าเสนอผลงานการออกแบบ 6. สรุปผลวิจัย 1.6 ประโยชนทท์คี่าดว่าจะไดร้ับ 1. สามารถเข้าใจวิธีการผลิตเส้นใยจากธูปฤาษีและน าไปใช้ต่อยอดในอนาคตได้ 2. สามารถท าให้เห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับจากวัชพืชที่ชื่อว่าธูปฤาษี มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ 3. สามารถท าให้แนวทางในการออกแบบเครื่องแต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์(Creative Wear) ที่มีความแปลกใหม่และมีเอกลักษณ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนได้ 4. สามารถได้รับความรู้เกี่ยวกับวิธีและกระบวนการท าเทคนิคต่าง ที่ใช้ในการออกแบบผลงาน 5. สามารถเพิ่มแนวทางใหม่ในด้านการน าวัสดุและเทคนิคมาใช้ในการออกแบบชุด เพื่อเพิ่มความ น่าสนใจ โดดเด่น และมีความร่วมสมัย 1.7 นิยามค าศัพท์ ครีเอทีฟแวร์หมายถึง เป็นชุดที่มีการออกแบบให้มีความ แปลกใหม่ ดูทันสมัยผสมผสาน ความคิดสร้างสรรค์ลงบนรูปแบบ เครื่องแต่งกายตามแรงบันดาลใจที่เราได้เลือกไว้ เส้นใย หมายถึง วัสดุหรือสารใด ๆ ทั้งที่เกิดจากธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้น มีอัตราส่วนระหว่าง ความยาวต่อเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับหรือมากกว่า 100 เท่า สามารถขึ้นรูปเป็นผ้าได้ และต้องเป็น องค์ประกอบที่เล็กที่สุดของผ้า ไม่สามารถแยกย่อยในเชิงกลได้อีก เซลลูโลส (C6H10O5) n เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่เกิดจากกลูโคสประมาณ 50,000 โมเลกุลมา เชื่อมต่อกันเป็นสายยาว แต่ละสายของสายของเซลลูโลสเรียงขนานกันไป มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างสาย ท า ให้มีลักษณะเป็นเส้นใย สะสมไว้ในพืช ไม่พบในเซลล์สัตว์ .


5 บทที่2 ข้อมูลและเอกสารทเี่กยี่วข้อง ในบทนี้กล่าวถึงหลักการและข้อมูลต่างๆ เพื่อที่จะน ามาวิเคราะห์และประยุกต์ใช้ เพื่อพิจารณาเป็น แนวทางในการออกแบบให้เหมาะสมกับเครื่องแต่งกายสตรีประเภทครีเอทีฟแวร์(Creative Wear) โดย การน าเอาธูปฤาษีซึ่งเป็นวัชพืชทางธรรมชาติมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ และเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุหลัก ซึ่ง ธูปฤาษีเป็นแรงบันดาลใจหลักในการผลิตเส้นใยผ้าเพื่อใช้ในการออกแบบ น ามาดัดแปลง ปรับเปลี่ยน และ ตกแต่งลายละเอียด (Detail) ด้วยเทคนิคต่างๆ ให้เกิดเป็นรูปแบบใหม่ ทันสมัย มีเอกลักษณ์ในตัว เล่าถึง เรื่องราวของความเป็นมาได้ดี สามารถแบ่งหัวข้อต่างๆ ได้ คือ 2.1 ข้อมูลตน้ธูปฤาษี ภาพที่1: ต้นธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 1 มีนาคม พ.ศ.2566) ธูปฤาษี (Cattail) เป็นวัชพืชสกุลหนึ่งทางธรรมชาติซึ่งมีลักษณะคล้ายต้นกก เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ที่เป็นไม้ล้มลุก มีอายุประมาณ 2-3 ปี เจริญเติบโตได้ดีและรวดเร็วในพื้นที่ชุ่มน ้า ตามหนองน ้า ห้วย บึง เป็นวัชพืชชอบที่โล่งแจ้ง มีแดดจัด ขึ้นหนาแน่นปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่การเกษตร พบได้ทั้งในเขตร้อน และ เขตอบอุ่น สามารถทนความเป็นกรดเป็นด่างและความเค็มได้ซึ่งถิ่นก าเนิดเดิมจะอยู่ที่อเมริกาและยุโรป ปัจจุบันมีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทั่วทุกภาค ชื่อวิทยาศาสตร์:Typha angustifolia L. ชื่อวงศ์ : TYPHACEAE ชื่อภาษาอังกฤษ : Cat-tail, Elephant grass, Lesser reedmace, Narrow-leaved Cat-tail ชื่อสามัญ : กกช้าง กกธูป ธูปฤาษี เฟื้อเฟื้อง ปรือ หญ้ากกช้าง หญ้าสลาบหลวง


6 2.1.1 องคป์ระกอบของธูปฤาษี - หน่อ - ราก - โคนใบ - ก้านดอก - ใบ - ดอกเพศผัว - ดอกเพศเมีย - เมล็ด 2.1.2 ลักษณะท่วัไปของธูปฤาษี ธูปฤาษี (Cattail) ลักษณะล าต้นยาว คล้ายทางมะพร้าวมีเหง้าใต้ดิน แทงไหลแตกหน่อขึ้นเป็นหมู่ ใหญ่มีใบเดี่ยว ออกสลับซ้อนชิดกัน แผ่นใบยาวเรียวแคบ ตรงสูง ยาวประมาณ 200-400เซนติเมตร กว้าง ประมาณ 1-2เซนติเมตร ผิวใบเกลี้ยง ปลายใบแหลม ไม่มีก้านใบ โคนใบแผ่กว้างเป็นกาบหุ้มล าต้น คล้าย พัดคลี่ ยาวประมาณ 2 เมตร ช่อดอกออกที่ปลายล ายาวประมาณ 200-350เซนติเมตร ช่อผลมีขนสีขาว เป็นปุย ดอกมีจ านวนมากใช้ในการสืบพันธุ์ กลุ่มดอกเพศผู้และกลุ่มดอกเพศเมียจะอยู่บนช่อเดียวกัน ดอก เพศผู้อยู่ปลายก้าน มีสีน ้าตาลแกมเหลือง ดอกเพศเมีย มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกคล้ายธูปขนาดใหญ่ มีสีน ้าตาลเข้ม อยู่โคนช่อดอก ดอกเพศผู้ จะหลุดร่วงไปก่อนดอกเพศเมีย ก้านดอกมีลักษณะกลมตัน แข็งแรงอยู่ตรงกลางระหว่างใบ โดยใบจะห่อหุ้มก้านดอก มีความยาวก้านดอกประมาณ 180-200 เซนติเมตร 2.1.3 การแพร่กระจายของตน้ธูปฤาษี ต้นธูปฤาษีเป็นวัชพืชที่มีการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเจริญเติบโตได้เร็วจนน่า เหลือเชื่อ ซึ่งปัจจัยที่มีผลท าให้เกิดการแพร่กระจายของธูปฤาษี มีอยู่ 4อย่าง คือ 2.1.3.1 ลม เป็นตัวพาเมล็ดของธูปฤาษีลอยไปตามอากาศ ซึ่งเมล็ดของธูปฤาษีนั้นมีน ้าหนัก เบา ท าให้สามารถลอยไปตามลมได้ จึงเป็นสาเหตุท าให้เกิดการแพร่กระจายของต้นธูปฤาษีจ านวนมาก 2.1.3.2 นา ้ เป็นปัจจัยส าคัญต่อการงอกของเมล็ดธูปฤาษี ที่พัดพาเมล็ดไปตามกระแสน ้า ท า ให้ธูปฤาษีงอกไปทั่วทุกที่ 2.1.3.3 สัตว์เป็นพาหะที่น าเมล็ดธูปฤาษีไปตามที่ต่างๆ อาจติดไปกับร่างกายของสัตว์ เวลา สัตว์วิ่งเล่นหรือเข้าไปถ่ายของเหลวตามที่ที่มีต้นธูปฤาษีขึ้น 2.1.3.4 มนุษย์สามารถน าพาธูปฤาษีไปได้ระยะไกล อาจด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้ง ธูปฤาษี อาจติดไปกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ หรืออีกอย่างหนึ่งคือมนุษย์อยากที่จะจับหรืออยากที่จะถ่ายภาพสวยๆ ด้วย


7 การเล่นดอกของธูปฤาษี ที่มีความฟุ้งกระจาย อาจไม่ได้ค านึงถึงผลที่จะตามมา จนท าให้เกิดการ แพร่กระจายของธูปฤาษีจ านวนมาก 2.1.4 ประโยชนจ์ากธูปฤาษี ธูปฤาษีเป็นวัชพืชทางน ้าที่ส่งผลกระทบอย่างมากทางการเกษตร แต่ธูปฤาษีก็ยังมีประโยชน์ในเรื่องของการ บ าบัดน ้าเสีย ช่วยป้องกันการพังทลายของดิน ช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุแก่ดิน เมื่อต้นตายลง แร่ธาตุ และ อาหาร ก็กลับคือลงสู่ดิน และธูปฤาษียังสามารถน าไปประกอบอาหารได้ ซึ่งส่วนที่น าไปท าอาหารจะเป็น ส่วนของยอด ยอดอ่อนกินได้ทั้งสดและท าให้สุก 2.1.4.1 ประโยชนจ์ากธูปฤาษีดา้นเส้นใย เส้นใยมีสีขาวหรือน ้าตาลอ่อน ซึ่งน ามาทอเป็นผ้าได้สามารถใช้แทนฝ้าย - ในธูปฤาษีมีเส้นใย (fibre) ถึงร้อยละ 40 - เส้นใยนี้มีความชื้นร้อยละ 8.9 - เซลลูโลส (cellulose) ร้อยละ63 - เฮมิเซลลูโลส (hemicellulose) ร้อยละ 8.7 - ลิกนิน (lignin) ร้อยละ 9.6 - ไข (wax) ร้อยละ1.4 - เถ้า (ash) ร้อยละ 2 2.1.4.2 ประโยชนจ์ากธูปฤาษีด้านงานหัตถกรรม ธูปฤาษีจะมีใบที่ยาวและเหนี่ยว ซึ่งสามารถน ามาใช้ในงานจักรสานได้ เช่น ท าสาด เสื่อกระเป๋ า และเชือก 2.1.5 ผลกระทบจากธูปฤาษี ด้วยความสามารถในการรุกรานพื้นที่ชุ่มน ้าได้ก่อตัวเป็นวัชพืชหนาแน่นจนก่อให้เกิดผลเสียด้าน ต่างๆ เช่น ด้านนิเวศวิทยา ด้านเศรษฐกิจ และด้านสภาพแวดล้อม 2.1.5.1 ด้านนิเวศวิทยา - ท าให้เกิดน ้าเน่าเสีย - มีการแย่งแร่ธาตุในดิน - ดินเกิดการเสื่อมสภาพ - เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษ 2.1.5.2 ด้านเศรษฐกิจ -แย่งน ้าและอาหารจากพืชปลูกผลผลิตลดลง - กินพื้นที่ทางการเกษตร 2.1.5.3 ด้านสภาพแวดล้อม - ส่งกลิ่นเหม็นสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อาศัยบริเวณนั้น - ดอกปลิวฟุ้งตามอากาศสร้างความร าคาญแก่ผู้สัญจร


8 2.2 กรรมวิธีการผลิตเส้นใยจากตน้ธูปฤาษี 2.2.1 กระบวนการผลิตเส้นใยธูปฤาษี ธูปฤาษีเป็นวัชพืชที่มีเส้นใยที่หยาบ และมีใบที่หนา จึงต้องใช้กรรมวิธีในการผลิตเส้นใยออกมา ซึ่งจะใช้การผลิตเส้นใย 3 วิธี 2.2.1.1 กรรมวิธีการรีดเส้นใยธูปฤาษีโดยใช้เครื่องรีดยางพารา หาแหล่งต้นธูปฤาษีที่มีจ านวนมาก และมีล าต้นที่ใหญ่สมบูรณ์พอที่จะน ามาผลิตเส้นใย ภาพที่2: ต้นธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 1 มีนาคม พ.ศ.2566) ในการตัดธูปฤาษี จะตัดให้ต ่าที่สุดจนสุดโคนต้น เพราะตรงส่วนของโคนต้นธูปฤาษีนั้นมีเส้นใย มากและสมบูรณ์ เหมาะที่จะน ามาผลิตเป็นเส้นใย


9 ภาพที่3: การตัดต้นธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 1 มีนาคม พ.ศ.2566) น าธูปฤาษีมาคัดเปลือกออกจากกัน เพื่อที่จะเลือกใบที่ไม่สมบูรณ์หรือมีต าหนิออก แล้วน าไปตาก แดดประมาณ 5-6 ชั่วโมงซึ่งจะตากแดดไม่จัดมาก ถ้าแดดจัดเกินไปอาจท าให้ธูปฤาษีเหี่ยวหดได้


10 ภาพที่4 : การคัดธูปฤาษีและตากแดด ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 1 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่5: ลักษณะเส้นใยธูปฤาษีที่อยู่ด้านใน ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 1 มีนาคม พ.ศ.2566) ลักษณะของเส้นใยธูปฤาษีที่อยู่ด้านใน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเส้นใยกล้วย ผู้วิจัยจึงใช้จักรเครื่อง รีดยางพารา หรือ จักรรีดยาง อุปกรณ์ส าหรับผลิตยางแผ่น มาใช้ในการผลิตเส้นใย เครื่องรีดยางพารา หรือ จักรรีดยาง เป็นอุปกรณ์ที่เกษตรกรใช้ในการผลิตยางแผ่นให้มีลักษณะเป็น สี่เหลี่ยมผืนผ้าและมีความหนาบางตามเกณฑ์มาตรฐาน จักรรีดยางมี 2 ชุดคือ ชุดจักรลื่นและชุดจักรดอก ซึ่งในการผลิตเส้นใยธูปฤาษีนี้จะใช้เครื่องจักรรีดยางพาราแบบลื่น


11 ภาพที่6: เครื่องจักรรีดยางพาราแบบลื่น ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 2 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่7: เครื่องจักรรีดยางพาราแบบดอก ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 2 มีนาคม พ.ศ.2566) เริ่มต้นด้วยการน าธูปฤาษีที่ตากเสร็จเรียบร้อยแล้ว มารีดด้วยเครื่องรีดยาง ซึ่งจะหมุนปรับให้เครื่อง รีดแคบที่สุด เพื่อต้องการให้เส้นใยถูกรีดได้มากที่สุด และรีดประมาณ 2-3 รอบ เพื่อให้เส้นใยแบน และมี ความละเอียด


12 ภาพที่8: รีดเส้นใยธูปฤาษีด้วยเครื่องจักรรีดยางพาราแบบลื่น ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 2 มีนาคม พ.ศ.2566) ลักษณะเส้นใยหลังจากรีดด้วยเครื่องรีดยางแล้ว 2-3 รอบ จะได้เส้นใยที่มีลักษณะแบน ภาพที่9: เส้นใยธูปฤาษีที่รีดแล้ว ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 2 มีนาคม พ.ศ.2566) เมื่อได้เส้นใยที่ผ่านการรีดแล้ว น าเส้นใยธูปฤาษี ไปต้มในน ้า ประมาณ 3 ชั่วโมง และหลังจากนั้น หั่นมะละกอดิบใส่ลงไป ใส่ไปทั้งเปลือกเขียวๆ หั่นประมานหั่นฟักใส่ในแกงจืดหรือต้มกระดูกหมูแล้วต้มทิ้ง ไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง เพื่อช่วยให้เส้นใยมีลักษณะที่นุ่มขึ้น


13 ภาพที่10: ต้มเส้นใยธูปฤาษี3 ชั่วโมง ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 2 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่11: ใส่มะละกอต้มรวมกับเส้นใยธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 2 มีนาคม พ.ศ.2566)


14 ภาพที่12: ใส่มะละกอต้มรวมกับเส้นใยธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 2 มีนาคม พ.ศ.2566) เส้นใยธูปฤาษีที่ได้จากการน าไปต้มรวมกับมะละกอดิบประมาณ 9 ชั่วโมง เส้นใยที่ได้มีลักษณะ นุ่มขึ้น หยาบน้อยลง ภาพที่13: เส้นใยที่ตีเกลียวเสร็จแล้ว ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 2 มีนาคม พ.ศ.2566) 2.2.1.2 กรรมวิธีการสางเส้นใยธูปฤาษีดว้ยตะปู ใช้ตะปูส าหรับตอกไม้ขนาด 1 1/2 * 14 ตอกเรียงตามแนวยาว 2แถว ภาพที่14: ตะปูตอกไม้ขนาด 1 1/2 * 14 ที่มา : https://www.cementhaihomemart.com/hardware/nail-1-1-5-14.html


15 (วันที่สืบค้น : 4 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่15: ตอกตะปูเรียงตามแนวยาว 2แถว ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 4 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่16: สางเส้นใยธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 4 มีนาคม พ.ศ.2566) ได้เส้นใยธูปฤาษีหลังจากสางเสร็จแล้ว น าไปแช่ในน ้าเกลือทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง เกลือที่ใช้จะใช้เป็นเกลือ แกง 3 ช้อนโต๊ะ เพื่อขจัดความชื้น หลังจากนั้นน าไปต้มอีก 6 ชั่วโชง และหลังจากนั้นน าไปผึ่งลมให้แห้ง


16 ภาพที่17: แช่เส้นใยธูปฤาษีด้วยน ้าเกลือ ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 4 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่18: ต้มเส้นใยธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 4 มีนาคม พ.ศ.2566) เส้นใยธูปฤาษีที่ได้จากการสางด้วยตะปูแช่น ้าเกลือ และน าไปต้ม เส้นใยที่ได้จะมีลักษณะ หยาบ ไม่นุ่ม


17 ภาพที่19: เส้นใยธูปฤาษีหลังจากต้มเสร็จ ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 4 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่20: ทดลองสานเส้นใยธูปฤาษีดูผิวสัมผัส ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 4 มีนาคม พ.ศ.2566)


18 2.2.1.2 กรรมวิธีการนา ชนิ้เนือ้ภายในของธูปฤาษีปอกเปลือกออกดว้ยมีด น าธูปฤาษีมาปอกเพื่อเอาเส้นใยเอา ซึ่งจะใช้มีดผ่าครึ่งแยกเป็น 2แผ่น แล้วใช้มีด ปอกและขูดเส้นใยออกมาจากเปลือกด้านนอก ภาพที่21: ขั้นตอนการน าชิ้นเนื้อภายในของธูปฤาษีปอกเปลือกออกด้วยมีด ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 5 มีนาคม พ.ศ.2566) เส้นใยที่ได้จากการปอกเปลือกข้างนอกออกด้วยมีด


19 ภาพที่22: เส้นใยที่ได้จากการปอกเปลือกข้างนอกออกด้วยมีด ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 5 มีนาคม พ.ศ.2566) เมื่อได้เส้นใยที่ได้จากการปอกเปลือกข้างนอกออกด้วยมีดแล้ว น าเส้นใยธูปฤาษี ไปต้มในน ้า สับปะรดและมะละกอประมาณ 9ชั่วโมง ซึ่งสับปะรดจะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปด้วย ภาพที่23: ต้มเส้นใยธูปฤาษีกับก้านมะละกอ ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 7 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่24: มะละกอและสับปะรดเพื่อจะน าไปต้มรวมกับเส้นใยธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 7 มีนาคม พ.ศ.2566)


20 ภาพที่25: หลังจากต้มเส้นใยเสร็จแล้ว ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 7 มีนาคม พ.ศ.2566) หลังจากต้มเส้นใยธูปฤาษีเสร็จแล้วน าเส้นใยไปล้างน ้าให้สะอาด แล้วท าไปต้มต่ออีก 2 ชั่วโมง ใส่ไฮเตอร์น ้ายาซักผ้าขาวสีชมพูลงไป และ สุดท้ายตามด้วยน ้ายาปรับผ้านุ่ม ภาพที่26: หลังจากต้มเส้นใยเสร็จแล้ว ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 7 มีนาคม พ.ศ.2566)


21 ภาพที่27: หลังจากต้มเส้นใยเสร็จแล้ว ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 7 มีนาคม พ.ศ.2566) น าเส้นใยไปตีเกลียว เส้นใยที่ได้มีลักษณะที่นุ่มขึ้นมาก ไม่หยาบ เหมาะส าหรับท าไปผลิตเป็นเส้น ใยเป็นอย่างมาก และยังได้ความหอมจากน ้ายาปรับผ้านุ่มอีกด้วย ภาพที่28: เส้นใยที่ตีเกลียวเสร็จแล้ว ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 7 มีนาคม พ.ศ.2566)


22 2.3 กรรมวิธีการย้อมสี 2.3.1 วัสดุและอุปกรณท์ ใี่ช้ในการย้อมสี วัสดุได้แก่ 1. ธูปฤาษี 2. น ้า 3. เกลือแกง 4. ผ้าขาวบาง 5. ถุงพลาสติก 6. ผ้าฝ้ายแท้100% 7. เส้นใยด้ายแท้ 100% อุปกรณ์ 1.ชาม 2.เตาอั้งโล่ 3.เตาแก๊ส 4.ถ่าน 5.กากมะพร้าว 6.ไฟแช็ก 7.ถังปี๊บ 8.ไม้(เอาไว้กวนผ้า) 9.ตะแกรง 2.3.2 ขั้นตอนการสกัดสีจากดอกธูปฤาษี ดอกของธูปฤาษีเป็นตัวหลักๆ ที่ท าให้เกิดการแพร่กระจายของต้นธูปฤาษีจ านวนมาก ซึ่งยังไม่เคย มีใครน าดอกธูปฤาษีมาใช้ในการย้อมสี จึงน าดอกธูปฤาษีมาลองสกัดสี - ตัดเฉพาะดอกธูปฤาษีหรือที่เรียกกันว่าดอกเพศเมีย ซึ่งมีสีน ้าตาลเข้ม


23 ภาพที่29: ตัดดอกธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 11 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่30: ตัดดอกธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 11 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่31: ดอกธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 11 มีนาคม พ.ศ.2566) - น ามาลอกแกะเอาก้านด้านในสีเขียวออก


24 ภาพที่32: ลอกดอกธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 11 มีนาคม พ.ศ.2566) - เริ่มต้นด้วยการใช้ไฟถ่าน ซึ่งไฟจะต้องไม่เเรงจนเกินไป ภาพที่33: จุดเตาถ่าน ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 13 มีนาคม พ.ศ.2566)


25 - น าธูปฤาษีลงไปต้มผสมน ้าสกัดสีโดยการใส่น ้าพอเหมาะพอดีกับวัสดุที่ใช้คนหลายๆ รอบเพื่อให้สีออกได้มากที่สุด ภาพที่34: ต้มดอกธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 13 มีนาคม พ.ศ.2566)


26 - หลังจากต้มเสร็จ น ามาเทใส่ผ้าขาวบาง 2 ชั้น พักให้เย็น เมื่อเย็นแล้ว ท าการบีบน ้าให้ได้ น ้าออกมาได้มากที่สุด ภาพที่35: การบีบน ้าดอกธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 13 มีนาคม พ.ศ.2566) สีที่ได้จากการสกัดของดอกธูปฤาษีซึ่งสีที่ได้ลักษณะคล้ายสีของน ้าชา ภาพที่36: สีที่ได้จากการสกัดของดอกธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 13 มีนาคม พ.ศ.2566) 2.3.3 ขั้นตอนการย้อมสีจากดอกธูปฤาษี 2.3.3.1 ขั้นตอนการย้อมเส้นใยจากดอกธูปฤาษี น าสีที่สกัดได้ไปต้ม น าเส้นใยใส่ลงไปแล้วคนไว้ตลอดเวลาเพื่อให้สีกระจายติดเส้นใยได้ดี และใส่ เกลือปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ทุก 15 นาทีย้อมทิ้งไว้ประมาน 4 ชั่วโมง


27 ภาพที่37: น ้าสีที่ได้จากการสกัดของดอกธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 13 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่38: ต้มน ้าสีที่ได้จากการสกัดของดอกธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 13 มีนาคม พ.ศ.2566) ย้อมธูปฤาษีเสร็จแล้ว น าไปพักให้หายร้อนประมาน 1 ชั่วโมง แล้วจากนั้นน ามาใส่ถุงพลาสติกแล้ว น าไปแช่เย็นประมาณ 1 วัน น ามาล้างน ้าสะอาดจนน ้าใส จากนั้นน าไปผึ่งลมให้แห้ง ภาพที่39: แช่เย็นเส้นใยธูปฤาษี


28 ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 13 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่40: เส้นใยสีที่ได้จากการย้อมสีจากดอกธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 13 มีนาคม พ.ศ.2566) 2.3.3.2 ขั้นตอนการย้อมผ้าจากดอกธูปฤาษี ผ้าที่จะใช้ต้องเป็นผ้าที่ท าจากใยธรรมชาติ จึงเลือกผ้าฝ้ายแท้มาใช้ในการย้อมสี น าผ้าฝ้ายที่เตรียมไว้ไปต้มลอกเเป้งลอกกาวออก 5-10 นาทีจากนั้นน าผ้าไปพักไว้ในน ้า อุณหภูมิห้อง เพื่อเตรียมย้อม ภาพที่41: ต้มผ้าลอกแป้งลอกกาวออก ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 15 มีนาคม พ.ศ.2566)


29 ภาพที่42: ต้มผ้าลอกแป้งลอกกาวออก ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 15 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่43: ต้มผ้าลอกแป้งลอกกาวออก ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 15 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่44: พักผ้าไว้ในน ้าอุณหภูมิห้อง


30 ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 15 มีนาคม พ.ศ.2566) น าน ้าที่สกัดจากดอกธูปฤาษีไปต้ม ใส่ผ้าฝ้ายลงไป คนผ้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สีกระจายตัวและ ใส่เกลือปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ทุกๆ15 นาทีใช้เวลาต้มทั้งหมด 45 นาที ภาพที่45: ต้มน ้าดอกธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 15 มีนาคม พ.ศ.2566) ภาพที่46: ย้อมผ้ากับน ้าที่สกัดจากดอกธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 15 มีนาคม พ.ศ.2566)


31 จากนั้นน ามาพักให้เย็นแล้วใส่ถุงพลาสติกแล้วน าไปแช่เย็นประมาณ 1วัน ภาพที่47: ผ้าที่ย้อมแล้วใส่ถุงพลาสติก น าไปแช่เย็น ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 15 มีนาคม พ.ศ.2566) และน ามาล้างน ้าสะอาดจนน ้าใส จากนั้นน าไปผึ่งลมให้แห้ง ภาพที่48: ล้างผ้าที่ย้อมเสร็จแล้ว ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 15 มีนาคม พ.ศ.2566)


32 ภาพที่49: ผ้าย้อมสีจากดอกธูปฤาษี ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 15 มีนาคม พ.ศ.2566) 2.3.3.3 ขั้นตอนการย้อมเส้นใยธูปฤาษีเส้นใยฝ้าย และผ้าฝ้ายแท้จากโคลนที่ ธูปฤาษีขึน้ ธูปฤาษีเป็นวัชพืชที่ท าให้ดินเกิดการเสื่อมสภาพ และมีการแย่งแร่ธาตุในดิน จึงน ามาทดลอง ใช้ในการย้อมสี ภาพที่50: โคลนที่ธูปฤาษีขึ้น ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 16 มีนาคม พ.ศ.2566)


33 ภาพที่51: โคลนที่ธูปฤาษีขึ้น ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 16 มีนาคม พ.ศ.2566) น าโคลนมาต้มละลายให้เป็นน ้าเดียวกัน ประมาน 30 นาที ภาพที่52: โคลนที่ธูปฤาษีขึ้น ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 16 มีนาคม พ.ศ.2566) จากนั้นน าเส้นใยธูปฤาษี เส้นใยฝ้าย และผ้าฝ้ายแท้ลงมาย้อมสี คนตลอดเวลาให้สีติดทั่วทุกที่ ย้อมไว้ 3 ชั่วโมง ภาพที่53 : เส้นใยธูปฤาษีและเส้นใยฝ้ายย้อมโคลน ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 16 มีนาคม พ.ศ.2566)


34 ภาพที่54: ผ้าฝ้ายแท้ย้อมโคลน ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 16 มีนาคม พ.ศ.2566) จากนั้นน ามาพักให้หายร้อน แล้วน าใส่ถุงพลาสติก น าเข้าแช่เย็น ทิ้งไว้ 1 วัน ภาพที่55: แช่เย็นเส้นใยธูปฤาษี เส้นใยฝ้าย และผ้าฝ้ายแท้ ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 16 มีนาคม พ.ศ.2566)


35 น าเส้นใยฝ้าย เส้นใยธูปฤาษี และผ้าฝ้ายแท้มาล้างน ้าสะอาดจนน ้าใส จนสิ่งสกปรกหลุดออกหมด จากนั้นน าไปผึ่งลมให้แห้ง ภาพที่56: น าเส้นใยธูปฤาษี เส้นใยฝ้าย และผ้าฝ้ายแท้ล้างน าสะอาด ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 16 มีนาคม พ.ศ.2566) เส้นใยฝ้ายที่ย้อมสีจากโคลนเรียบร้อยแล้ว ภาพที57: เส้นใยฝ้ายที่ย้อมโคลนแล้ว ที่มา : ศศิธร ชูแก้ว (วันที่สืบค้น : 16 มีนาคม พ.ศ.2566)


Click to View FlipBook Version