ส่วนประกอบของ เครื่องคอมพิวเตอร์
คำ นำ งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชวิาพิมพ์อังกฤษเบื้องต้นทำ มาเพื่อให้รู้จักส่วน ประกอบของเครื่อรื่งคอมพิวเตอร์ผู้จัดทำ หวังวัอย่างยิ่งว่าว่จะสามารสร้าง ประโยชน์แก่ผู้ที่อยากศึกษาเรื่อรื่งส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์และ เข้าใจในเรื่อรื่งนี้ จัดทำ โดย นางสาว เน แวน แผนกการบัญชี ปวช.1กลุ่ม1
สารบัญ จอภาพ (Monitor)เคส (can)พาวเวอร์ซัพพลาย (power supply)คีย์บอร์ด (keyboard)เมาส์ (Mouth)เมนบอร์ด (Main board)ซีพียู (CPU)การ์ดแสดงผล (Display Card)แรม (Ram)ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) CD-ROM / CD-RW / DVD / DVD-RWฟล็อปปี้ดิสก์ (Floppy Disk) 123456781112
1. จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์ที่แสดงผลที่มีความสำ คัญมากที่สุด เพราะจะติดต่อโดยตรงกับผู้ใช้ ชนิดของจอภาพ ที่ใช้ในเครื่อรื่งพีซีโดยทั่วไปจะแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ จอซีอาร์ที (CRT : Cathode Ray Tube) และ จอแอลซีดี (LCD : Liquid Crystal Display) ➢ จอซีอาร์ที (CRT : Cathode Ray Tube) โดยมากจะพบในคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ซึ่งลักษณะ จอภาพชนิดนี้จะคล้ายโทรทัศน์ ซึ่งจะใช้หลอดสุญญากาศ จอแบบ CRT การทำ งานของจอประเภทนี้จะทำ งานโดย อาศัยหลอดภาพ ที่สร้างภาพโดยการยิงลำ แสง อิเล็กตรอนไปยังที่ผิวหน้าจอ ที่มีสารพวกสารประกอบของฟอสฟอรัส ฉาบอยู่ที่ผิว ซึ่งจะเกิดภาพขึ้นมาเมื่อสารเหล่านี้เกิดการเรือรืงแสงขึ้นมา เมื่อมีอิเล็กตรอนมากระทบ ซึ่งในส่วนของ จอแบบ หน้ากากเงา (Shadow Mask) นั้น จะมีการนำ โลหะที่มีรูเล็กๆ มาใช้ในการกำ หนดให้แสง อิเล็กตรอนนั้นยิงมาได้ถูกต้อง และแม่นยำ ซึ่งระยะห่างระหว่าว่งรูนี้เราเรียรีกกันว่าว่ Dot Pitch ซึ่งในรูนี้จะมีสารประกอบของฟอสฟอรัสวางเรียรีงกันอยู่เป็น 3 จุด 3 มุม โดยแต่ละจุดจะเป็นสีของ แม่สีนั้นก็คือ สีแดง สีเขียว และสีน้ำ เงิน ซึ่งแต่ละจุดนี้เราเรียรีกว่าว่ Triad ในส่วนของจอแบบ Trinitron นั้นจะมีการทำ งานที่เหมือนกันแต่ต่างกันที่ ไม่ได้ใช้โลหะเป็นรูแต่จะใช้ โลหะที่เป็นเส้นเล็กๆ ขึงพาดไปตาม แนวตั้ง เพื่อที่จะให้อิเล็กตรอนนั้นตกกระทบกับผิวจอที่มีสารประกอบของฟอสฟอรัสได้ มากขึ้น สำ หรับจอ Trinitron 1
ในปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาให้มีความแบนราบมากขึ้นซึ่งจอแบบนี้จะเรียรีกกันว่าว่ FD Trinitron (Flat Display Trinitron) ซึ่งมีมากมายในปัจจุบันและจะเข้ามาแทนที่จะ แบบเดิมๆ อีกทั้งราคายังถูกลงเป็นอย่างมาก ➢ จอแอบลซีดี (LCD : Liquid Crystal Display) ซึ่งมี ลักษณะแบนราบ จะมี ขนาดเล็ก และบาง เมื่อเปรียรีบเทียบกับจอภาพแบบซีแอลที จอแบบLCD การทำ งานนั้นจะไม่เหมือนกับจอแบบ CRT แม้สักนิดเดียว ซึ่งการแสดงภาพนั้นจะ ซับซ้อนกว่าว่มาก การทำ งานนั้นอาศัยหลักของการใช้ความร้อนที่ได้จากขดลวด มาทำ การ เปลี่ยนและ บังคับให้ผลึกเหลวแสดงสีต่างๆ ออกมาตามที่ต้องการซึ่งการแสดงสีนั้นจะเป็นไป ตามที่กำ หนด ไว้ตว้ามมาตรฐานของแต่ละ บริษัริษัท จึงทำ ให้จอแบบ LCD มีขนาดที่บางกว่าว่จอ CRT อยู่มาก อีกทั้งยังกินไฟน้อยกว่าว่จึงทำ ให้ผู้ผลิตนำ ไปใช้งานกับ เครื่อรื่งคอมพิวเตอร์แบบ เคลื่อนที่โน้ตบุ๊ค และเดสโน้ต ซึ่งทำ ให้เครื่อรื่งมีขนาดที่บางและเล็กสามารถพกพาไปได้สะดวก ในส่วนของการใช้งานกับเครื่อรื่งเดสก์ท็อปทั่วไป ก็มีซึ่งจอแบบ LCD นี้จะมีราคาที่แพงกว่าว่จอ ทั่วไปอยู่ประมาณ 2 เท่าของ ราคาในปัจจุบัน 2. เคส (Case) เคส คือ โครงหรือรืกล่องสำ หรับประกอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ไว้ภว้ายใน การเรียรีกชื่อ และขนาด ของเคสจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งในปัจจุบันมีหลายแบบที่นิยมกัน แล้วแต่ผู้ซื้อจะเลือกซื้อตามความเหมาะสม ของงาน และสถานที่นั้น เคส(Case) 2
4. คีย์บอร์ด (Keyboard) เป็นอุปกรณ์ในการรับข้อมูลที่สำ คัญที่สุด มีลักษณะคล้ายแป้นพิมพ์ ของเครื่อรื่งพิมพ์ดีด มี จำ นวนแป้น 84 - 105 แป้น ขึ้นอยู่กับแป้นที่เป็น กลุ่มตัวเลข (Numeric keypad) กลุ่ม ฟังก์ชัน (Function keys) กลุ่มแป้นพิเศษ (Special-purpose keys) กลุ่มแป้นตัว อักษร (Typewriter keys) หรือรืกลุ่มแป้นควบคุมอื่น ๆ (Control keys) ซึ่งการสั่งงาน คอมพิวเตอร์และการทำ งานหลายๆ อย่างจำ เป็นต้องใช้แป้นพิมพ์เป็นหลัก 3. พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply) เป็นอุปกรณ์ที่ทำ หน้าที่ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ซึ่ง ถ้าคอมพิวเตอร์มีอุปกรณ์ต่อพวงเยอะๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอมไดรฟ์ ดีวีดีวีดีไดรฟ์ก็ควร เลือกพาวเวอร์ซัพพลายที่มีจำ นวนวัตวัต์สูง เพื่อให้สามารถ จ่ายกระแสไฟได้เพียงพอ Power Supply Keyboard 3
5. เมาส์ (Mouse) อุปกรณ์รับข้อมูลที่นิยมรองจากคีย์บอร์ด เมาส์จะช่วยในการบ่งชี้ตำ แหน่งว่าว่ขณะนี้ กำ ลังอยู่ ณ จุดใดบนจอภาพ เรียรีกว่าว่ "ตัวชี้ตำ แหน่ง (Pointer)" ซึ่งอาศัยการเลื่อนเมาส์ แทนการกดปุ่มปุ่บังคับทิศทางบนคีย์บอร์ด Mouse 6. เมนบอร์ด (Main board) แผ่นวงจรไฟฟ้าแผ่นใหญ่ที่รวมเอาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำ คัญๆมาไว้ด้ว้ ด้วยกัน ซึ่งเป็น ส่วนที่ควบคุม การทำ งานของ อุปกรณ์ต่างๆ ภายในพีชีทั้งหมด มีลักษณะเป็นแผ่น รูปร่างสี่เหลี่ยมแผ่นที่ใหญ่ที่สุดในพีชี ที่จะรวบรวมเอาชิปและไอชี (IC = Integrated Circuit) รวมทั้ง การ์ดต่อพ่วงอื่นๆ เอาไว้ด้ว้ ด้วยกันบนบอร์ดเพียงอัน เดียวเครื่อรื่งพีชีทุกเครื่อรื่งไม่สามารถทำ งาน ได้ถ้าขาดเมนบอร์ด Main board 4
7. ซีพียู (CPU) ซีพียูหรือรืหน่วยประมวลผลกลาง เรียรีกอีกชื่อหนึ่งว่าว่ โปรเซสเซอร์ (Processor) หรือรืชิป (chip)นับเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำ คัญมากที่สุดของฮาร์ดแวร์ เพราะมีหน้าที่ในการประมวล ผลจากข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อน เข้ามาทางอุปกรณ์นำ เข้าข้อมูลตามชุดคำ สั่งหรือรืโปรแกรมที่ผู้ใช้ ต้องการใช้งาน หน่วยประมวลผลกลาง ประกอบด้วยส่วนสำ คัญ 3 ส่วน คือ 1) หน่วยคำ นวณและตรรกะ (Arithmetic & Logical Unit: ALU) หน่วยคำ นวณ ตรรกะ ทำ หน้าที่เหมือนกับเครื่อรื่งคำ นวณอยู่ในเครื่อรื่งคอมพิวเตอร์ โดยทำ งานเกี่ยวกับการ คำ นวณทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร อีกทั้งยังมีความสามารถอีกอย่างหนึ่งที่ เครื่อรื่งคำ นวณธรรมดาไม่มี คือ ความสามารถในเชิงตรรกะศาสตร์ หมายถึง ความสามารถ ในการเปรียรีบเทียบตามเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์ เพื่อให้ได้คำ ตอบออกมาว่าว่ เงื่อนไข นั้นเป็น จริงริหรือรืเท็จ ได้ 2) หน่วยควบคุม (Control Unit) หน่วยควบคุม ทำ หน้าที่ควบคุมลำ ดับขั้นตอนการ ประมวลผล รวมไปถึงการประสานงานกับอุปกรณ์นำ เข้าข้อมูล อุปกรณ์แสดงผล และหน่วยความจำ สำ รองด้วย ซีพียูที่มีจำ หน่ายในท้องตลาด ได้แก่ Pentium III , Pentium 4 , Pentium M (Centrino) , Celeron , Dulon , Athlon CPU 5
8. การ์ดแสดงผล (Display Card) การ์ดแสดงผลใช้สำ หรับเก็บข้อมูลที่ได้รับมาจากซีพียู โดยที่การ์ดบางรุ่นสามารถประมวลผลได้ในตัว การ์ด ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระการประมวลผลให้ซีพียู จึงทำ ให้การทำ งานของคอมพิวเตอร์นั้นเร็วขึ้นด้วย ซึ่งตัวการ์ดแสดงผลนั้นจะมีหน่วยความจำ ในตัวของมันเอง ถ้าตัวการ์ดมีหน่วยความจำ มาก ก็จะรับข้อมูล จากซีพียูได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การแสดงผลบนจอภาพมีความเร็วสูงขึ้นด้วย Display Card หลักกันทำ งานพื้นฐานของการ์ดแสดงผลจะเริ่มริ่ต้นขึ้น เมื่อโปรแกรมต่างๆ ส่งข้อมูลมา ประมวลผลที่ ซีพียูเมื่อซีพียูประมวลผล เสร็จแล้ว ก็จะส่งข้อมูลที่จะนำ มาแสดงผลบนจอภาพ มาที่การ์ดแสดงผล จากนั้น การ์ดแสดงผล ก็จะส่งข้อมูลนี้มาที่จอภาพ ตามข้อมูลที่ได้รับมา การ์ดแสดงผลรุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาส่วนใหญ่ ก็จะมีวงจร ในการเร่งความเร็วการแสดงผลภาพ สามมิติ และมีหน่วยความจำ มาให้มากพอสมควร 6
9. แรม (RAM) RAM ย่อมาจากคำ ว่าว่ Random-Access Memory เป็นหน่วยความจำ หลักแต่ไม่ ถาวร ซึ่งจะต้องมีไฟมาหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ตลอดในการทำ งาน โดยถ้าเกิดไฟฟ้ากระพริบริหรือรื ดับ ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ใว้นหน่วยความจำ จะหายไปทันที โดยหลักการทำ งานคร่าวๆ ของแรมนั้นเริ่มริ่ต้นที่รับข้อมูลจากผู้ใช้ผ่านอุปกรณ์ Input จากนั้นก็จะส่งข้อมูลไปยัง CPU ในการประมวลผล เมื่อ CPU ประมวลผล เสร็จแล้ว แรมจะรับข้อมูลที่ได้รับการประมวลผลแล้ว ออกไปยังอุปกรณ์ Output ต่อไป โดยหน่วยความจำ แรมที่ใช้ในปัจจุบันมีหลายชนิด เช่น SDRAM, DDR-RAM, RDRAM SDRAM DDR-RAM RDRAM 7
10. ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลหรือรืโปรแกรมต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ โดยฮาร์ดดิสค์จะ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่มีเปลือกนอก เป็นโลหะแข็ง และมีแผงวงจรสำ หรับการควบคุม การทำ งานประกบอยู่ที่ด้านล่าง พร้อมกับช่องเสียบสายสัญญาณและสายไฟเลี้ยง ส่วน ประกอบภายในจะถูกปิดผนึกไว้อย่างมิดชิด โดยฮาร์ดดิสค์ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยแผ่นจาน แม่เหล็ก(platters) สองแผ่นหรือรืมากกว่ามาจัด เรียรีงอยู่บนแกนเดียวกันเรียรีก Spindle ทำ ให้แผ่นแม่เหล็กหมุนไปพร้อม ๆ กัน จากการขับเคลื่อนของมอเตอร์ แต่ละหน้าของแผ่น จานจะมีหัวอ่านเขียนประจำ เฉพาะ โดยหัวอ่านเขียนทุกหัวจะเชื่อมติดกันคล้ายหวี สามารถ เคลื่อนเข้าออกระหว่างแทร็กต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งอินเตอร์เฟสของฮาร์ดดิสก์ที่ใช้ใน ปัจจุบัน มีอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน - IDE (Integrated Drive Electronics) เป็นระบบของ ฮาร์ดดิสก์อินเตอร์เฟสที่ใช้กันมากในปัจจุบันนี้ การต่อไดร์ฟฮาร์ดดิสก์ แบบ IDE จะต่อผ่านสายแพรและคอนเน็คเตอร์จำ นวน 40 ขาที่มีอยู่บนเมนบอร์ด ส่วนใหญ่ แล้วใน 1 คอนเน็คเตอร์ จะสามารถต่อฮาร์ดดิสก์ได้ 2 ตัวและบนเมนบอร์ด HARDDIS แบบ IDE IDE CABLE 8
- SCSI (Small Computer System Interface) เป็นอินเตอร์เฟสที่แตกต่างจากอินเตอร์เฟสแบบอื่น ๆ มาก โดยจะอาศัย Controller Card ที่มี Processor อยู่ในตัวเองทำ ให้เป็นส่วนเพิ่มขยายกับแผงวงจรใหม่โดยจะสนับสนุน การต่ออุปกรณ์ได้ถึง 8 ตัว แต่การ์ดบางรุ่นอาจจะได้ถึง 14 ตัวทีเดียว โดยส่วนใหญ่แล้วจะ ใช้งานในรูปแบบ Server เพราะมีราคาแพงแต่มีความเร็วในการส่งข้อมูลสูง HARDDISK แบบ SCSI SCSI CONTRILLER 9
- Serial ATA (Advanced Technology Attachment) เป็นอินเตอร์เฟสแบบใหม่ เปิดตัวครั้งแรกในวันวัที่ 26 มิถุนายน 2545 งาน PC Expo ใน New York มีความเร็วในเข้าถึงข้อมูลถึง 150 Mbytes ต่อ วินวิาที และให้ผลตอบสนอง ในการทำ งานได้เร็วมากในส่วนของ extreme application เช่น Game Home Video และ Home Network Hub โดยเป็นอินเตอร์เฟสที่จะมาแทนที่ของ IDE ในปัจจุบัน HAEDDISK แบบ SERIAL ATA SERIA ATA CABLE 10
11. CD-ROM / CD-RW / DVD / DVD-RW เป็นไดรฟ์สำ หรับอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีรอม หรือรืดีวีดีวีดีรอม ซึ่งถ้าหากต้องการบันทึก ข้อมูลลงบนแผ่นจะต้องใช้ไดรฟ์ที่สามารถเขียนแผ่นได้คือ CD-RW หรือรื DVD-RW โดย ความเร็วของ ซีดีรอมจะเรียรีกเป็น X เช่น 16X , 32X หรือรื 52X โดยจะมี Interface เดียว กับ Harddisk CD-ROM การทำ งานของ CD-ROM ภายในซีดีรอมจะแบ่งเป็นแทร็กและเซ็กเตอร์เหมือนกับแผ่น ดิสก์ แต่เซ็กเตอร์ในซีดีรอมจะมีขนาดเท่ากัน ทุกเซ็กเตอร์ ทำ ให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้น เมื่อไดรฟ์ซีดีรอมเริ่มริ่ทำ งานมอเตอร์จะเริ่มริ่หมุนด้วยความเร็ว หลายค่า ทั้งนี้เพื่อให้อัตราเร็ว ในการอ่านข้อมูลจากซีดีรอมคงที่สม่ำ เสมอทุกเซ็กเตอร์ ไม่ว่าว่จะเป็นเซ็กเตอร์ ที่อยู่รอบนอ กกรือรืวงในก็ตาม จากนั้นแสงเลเซอร์จะฉายลงซีดีรอม โดยลำ แสงจะถูกโฟกัสด้วยเลนส์ที่ เคลื่อนตำ แหน่งได้ โดยการทำ งานของขดลวด ลำ แสงเลเซอร์จะทะลุผ่านไปที่ซีดีรอมแล้วถูก สะท้อนกลับ ที่ผิวหน้าของซีดีรอมจะเป็น หลุมเป็นบ่อ ส่วนที่เป็นหลุมลงไปเรียรีก "แลนด์" สำ หรับบริเริวณที่ไม่มีการเจาะลึกลงไปเรียรีก "พิต" ผิวสองรูปแบบนี้เราใช้แทนการเก็บข้อมูล ในรูปแบบของ 1 และ 0 แสงเมื่อถูกพิตจะกระจายไปไม่สะท้อนกลับ แต่เมื่อแสงถูกเลนส์จะ สะท้อนกลับผ่านแท่งปริซึริซึม จากนั้นหักเหผ่านแท่งปริซึริซึมไปยังตัวตรวจจับแสงอีกที ทุกๆช่วง ของลำ แสงที่กระทบตัวตรวจจับแสงจะกำ เนิดแรงดันไฟฟ้า หรือรืเกิด 1 และ 0 ที่ทำ ให้ คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ ส่วนการบันทึกข้อมูลลงแผ่นซีดีรอมนั้นต้องใช้แสงเลเซอร์เช่น กัน โดยมีลำ แสงเลเซอร์จากหัวบันทึกของเครื่อรื่ง บันทึกข้อมูลส่องไปกระทบพื้นผิวหน้าของ แผ่น ถ้าส่องไปกระทบบริเริวณใดจะทำ ให้บริเริวณนั้นเป็นหลุมขนาดเล็ก บริเริวณทีไม่ถูกบันทึก จะมีลักษณะเป็นพื้นเรียรีบสลับกันไปเรื่อรื่ยๆตลอดทั้งแผ่น 11
12. ฟล็อปปี้ดิสก์ (Floppy Disk) เป็นอุปกรณ์ที่กำ เนิดมาก่อนยุคของพีซีเสียอีก โดยเริ่มริ่จากที่มีขนาด 8 นิ้ว กลายมาเป็น 5.25 นิ้ว จนมาถึงปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 3.5 นิ้ว ในส่วนของความจุเริ่มริ่ต้นตั้งแต่ไม่กี่ร้อยกิโลไบต์มา เป็น 1.44 เมกะไบต์ และ 2.88 เมกะไบต์ ตามลำ ดับ FLOPPY DISK DRIVE ในปัจจุบันการใช้งานฟล็อปปี้ดิสก์นั้นน้อยลงไปมากเพราะ เนื่องจากจุข้อมูลได้น้อยซึ่งไม่ เพียงพอกับความต้องการ แต่ฟล็อปปี้ดิสก์ก็ยังคงเป็นมาตรฐานหนึ่งที่เครื่อรื่งคอมพิวเตอร์ทุก เครื่อรื่งต้องมี การพัฒนาฟล็อปปี้ดิสก์ก็ไม่ได้หยุดยั้งไปเสียทีเดียว ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยี ใหม่ที่ใช้ระบบ Optical ทำ ให้สามารถขยายความจุไปได้ถึง 120 เมกะไบต์ต่อแผ่น 12