บทวเิ คราะห์ บทละคร เร่ืองเหน็ แก่ลกู
๑. คุณคา่ ด้านเนอ้ื หา
บทละคร เรอ่ื งเห็นแกล่ กู ท่ีมีตัวละคร ดังนี้ คอื พระยาภกั ดนี ฤนาถ นายลา้ แม่ลออและอา้ ยคา แม้ตวั
ละครในเร่อื งจะนอ้ ยแต่ลักษณะของโครงเร่ืองมคี วามโดดเดน่ การผกู เร่อื งมคี วามต่อเนอ่ื งราบรืน่
ผู้ประพันธม์ คี วามประณีตในการดาเนนิ เรอ่ื ง ลักษณะเด่นของเนื้อหาแสดงใหเ้ หน็ ถึงความเสยี สละและ
ความรกั ของผู้เป็ นพอ่ ทง้ั สอง คอื นายลา้ พอ่ ผใู้ หก้ าเนิดและพระยาภักดีนฤนาถผซู้ ึ่งเป็ นพ่อบุญธรรม
ด้วยความเห็นแก่ลกู ของนายลา้ จงึ ไม่เปิ ดเผยตน และพระยาภักดนี ฤนาถยอมสละเงนิ ทองเป็ นจานวน
มากเพื่อความสขุ ของแม่ลออ
จากเนอื้ หาตอนน้ีเป็ นจุดคลี่คลายของเร่อื ง ปมปัญหาและความขดั แยง้ ระหว่างพระยา
ภกั ดนี ฤนาถและนายลา้ เข้มข้นขนึ้ เรอ่ื ย ๆ และคลคี่ ลายลงเมอื่ นายลา้ ไดร้ ับรู้ว่าตลอดเวลาทผ่ี า่ นมาพ่อ
ท่แี ทจ้ ริงในความทรงจาของแมล่ ออนน้ั เป็ นคนดี นา่ เคารพนับถือ โดยเธอเชือ่ จากการฟังคาบอกเล่า
ของพระยาภกั ดนี ฤนาถและจินตนาการจากรูปถา่ ยท่ีอยู่ภายในหอ้ งของแม่ที่เสยี ชีวติ ไปแล้ว ความเห็น
แก่ตนเองของนายลา้ จึงไดแ้ ปรเปลี่ยนเป็ นความเหน็ แก่ลูก
การดาเนนิ เรอื่ ง เรม่ิ ต้นด้วยปมปัญหาของนายลา้ เมอื่ นายลา้ ออกจากคุก ไดไ้ ปประกอบ
อาชพี ตา่ ง ๆ ท่ไี ม่สจุ รติ และไมป่ ระสบความสาเร็จ จึงคิดมาพ่งึ พาลกู สาวทีก่ าลังแต่งงานกบั ชายผมู้ ี
ฐานะดีในขณะทพี่ ระยาภักดีนฤนาถไมต่ อ้ งการใหน้ ายลา้ พบกบั แม่ลออและแสดงตนว่าเป็ นพอ่ ท่ี
แท้จริง ดว้ ยความรักทม่ี ตี ่อลกู และเกรงว่าแมล่ ออจะอบั อายขายหนา้ ทมี่ พี ่อที่ทุจริต เป็ นคนคดโกง
เป็ นคนตดิ คุก ปมปัญหาทาให้การดาเนนิ เรอื่ งเข้มขน้ มากย่ิงขนึ้ เม่ือนายลา้ ดงึ ดนั ทีจ่ ะพบแม่ลออใหไ้ ด้
แต่ทา้ ยทส่ี ดุ แลว้ กวีก็ได้คอ่ ย ๆคายปมปัญหานน้ั ลง โดยใช้วธิ ีให้ผู้อ่านเขา้ ใจเองจากบทสนทนาของตวั
ละครและจบลงดว้ ยดโี ดยพอ่ ทแ่ี ทจ้ ริงเห็นแกล่ กู มากกว่าเหน็ แกต่ วั ซง่ึ ตามธรรมชาตขิ องมนุษยส์ ่วน
ใหญม่ ักเหน็ แก่ตวั เพราะมีสัญชาตญาณของการเอาตวั รอด แต่เม่ือได้พบกบั ความรกั อันบริสุทธิ์
ความจรงิ ใจของลกู ทาให้พ่อที่ไมเ่ คยทาดีเลยเกิดความละอายแกใ่ จ เกิดความสานึกผิดชอบช่ัวดี เขา
ไมอ่ าจลบภาพพอ่ ทแี่ สนดไี ปจากใจของลูกได้ ในทีส่ ดุ จงึ ยอมมีชีวติ ท่ลี าบากต่อไปเพราะเหน็ แกล่ กู ให้
ลูกมชี วี ติ ทสี่ ุขสบาย ไมเ่ ป็ นทีร่ งั เกียจของคนในสงั คมดีกวา่ ท่ีจะใหล้ กู รบั รู้ความจรงิ อันปวดรา้ ว
บทละครพดู เร่อื งนแ้ี สดงใหเ้ ห็นถงึ ความรักของพ่อสองรูปแบบ คือพอ่ ท่แี ทจ้ รงิ และพ่อบุญ
ธรรมแมไ้ ม่ใช่พ่อทีแ่ ทจ้ ริงหากได้เลยี้ งดูมาก็ยอ่ มรัก หวงั ดตี อ่ ลกู และทาทกุ อยา่ งเพราะเหน็ แก่ลกู
มากกวา่ เห็นแกต่ วั สาหรับพอ่ ท่แี ท้จริงแม้จะเคยทาตนไม่ดีมากอ่ น แตเ่ ม่ือพบความรกั ที่บรสิ ุทธจ์ ริงใจ
ของลูกทาใหส้ านึกและเสยี สละเพ่อื ลูก
๒. คณุ คา่ ด้านวรรณศลิ ป์
๑. การใชบ้ ทสนทนาทเ่ี หมาะสมกบั สถานภาพของตวั ละคร กวสี รา้ งบทสนทนาทเ่ี หมาะสม
กับสถานภาพของตวั ละคร สถานภาพนปี้ ระกอบดว้ ย ตาแหนง่ ทางสังคม ยศถาบรรดาศกั ด์ิ รวมไปถึง
อายขุ องตัวละคร เชน่ ฉัน แก ผม ใตเ้ ท้า หล่อน
๒. การใช้บทสนทนาท่ีสอดคลอ้ งกับลักษณะนิสยั และอารมณค์ วามรู้สึกของตัวละคร
เชน่ นายลา้ “นา้ เหลอื ง ๆ ไม่มีหรอกครบั มนั คอ่ ยชืน่ อกช่ืนใจหน่อยหนงึ่ ”
๓. การใช้ถ้อยคาท่สี อื่ ความหมายลึกซงึ้ ในบทละครนี้มกี ารใช้ถ้อยคาทส่ี นั้ กระชบั แต่กนิ ความมาก
ส่อื ความหมายลกึ ซงึ้
เชน่ พระยาภกั ดี “ (หน้าตึง. ) ออ้ !
๔. การสอ่ื ความหมายโดยนยั หมายถึงการสือ่ ความหมายออกมาโดยไมแ่ สดงออกมาตรง ๆแตส่ ื่อ
ผ่านคาพูดท่ีสือ่ เป็ นนยั ใหท้ ราบ ดงั ตัวอยา่ ง
นายลา้ . : ท่ีพษิ ณุโลกที่พอหาอะไรดื่มไดพ้ อใช้เทยี วครบั
พระยาภกั ดี : (แลดหู น้านายลา้ ) ฉนั เชอ่ื , เชอื่ ทีเดยี ว....
๕. การใช้สานวน ในบทละครเรอื่ งน้ีพบสานวนหลายสานวน ดงั ตวั อยา่ ง
มเี หย้ามีเรือน หมายถงึ แต่งงาน มคี รอบครัว
เจา้ บุญนายคุณ หมายถึง เคยทาบญุ คณุ แกเ่ ขาไว้มาก
หมาหัวเนา่ หมายถึง เป็ นคนไม่ดี ไมม่ ีใครคบคา้ สมาคมด้วย
เชน่ พระยาภักดี : ถงึ นายทองคาจะไมร่ ังเกียจ คนอืน่ ๆ กค็ งต้องรังเกยี จ, ใครเขาจะมาคบ
ค้าสมาคมได้อกี ตอ่ ไป ไปขา้ งหน้าไหนเขาก็จะพูดแลดซู บุ ซิบกนั ถ้าใครเขากเ็ ลี่ยงไดเ้ ขากค็ งเลย่ี ง
แกจะมาทาให้แมล่ ออเป็ นหมาหัวเน่าหรอื ?
๓. คณุ คา่ ด้านสังคมและสะทอ้ นวิถวี ถิ ไี ทย
บทละครพูดเรอ่ื งเห็นแกล่ กู พระราชนิพนธใ์ นรชั กาลที่ ๖ เป็ นวรรณคดีทเี่ กิดขนึ้ ในชว่ งเวลาที่
สังคมไทยรับกระแสวัฒนธรรมตะวันตกเขา้ มาปรับใช้มากขึน้ แต่อย่างไรกต็ ามบทละครพูดเร่อื งเห็น
แกล่ ูก ก็มไิ ดม้ ุ่งสอนสะทอ้ นสภาพสังคมเฉพาะด้าน แต่ไดส้ ะท้อนให้เหน็ ถึงความหลากหลายทาง
วัฒนธรรมท่ีไดม้ ีการนามาประยุกตใ์ ช้ให้เขา้ กบั ธรรมเนียมไทย
๑.ธรรมเนยี มการตอ้ นรบั แขก ทกุ คนในครอบครวั สงั คมไทยย่อมไดร้ ับการปลกู ฝังจากคนรุ่น
พ่อรุ่นแม่เสมอว่า “เป็ นธรรมเนยี มไทยแทโ้ บราณ ใครมาถงึ เรือนชานตอ้ งตอ้ นรบั ”
ตัวอย่าง
นายลา้ : แหม! วันน้ีรอ้ นจริง ทาให้ระหายนา้ พลิ กึ
พระยาภกั ดี : (เรียก) อ้ายคา ไปหาโซดามาถ้วยเถอะ
นายลา้ : โซดาหรอื เปล่าครบั ?
พระยาภกั ดี : จะเอาครมี โซดาก็ได้ หรอื นา้ แดง
จากบทสนทนาไดส้ ะทอ้ นให้เห็นธรรมเนยี มในการตอ้ นรบั แขกและยังสะทอ้ นให้เหน็ วา่
เครื่องดื่มทีใ่ ชใ้ ช้รบั รองแขกของคนไทยไดเ้ ปล่ยี นแปลงไป แต่เดมิ เคร่ืองดื่มสาหรบั รบั รองแขก
คือ นา้ ฝน น้าสะอาด แต่จากเรือ่ งไดเ้ ปล่ยี นเคร่ืองด่มื โดยใชน้ า้ ครมี โซดาคอื นา้ หวานสเี ขียวผสม
โซดา สะทอ้ นให้เหน็ การรับวฒั นธรรมการดื่มนา้ หวานซึง่ เป็ นเครื่องดม่ื จากตะวนั ตก
๒. การกาหนดคา่ และรูปแบบของเงนิ
ในเรือ่ งน้ี ได้สะท้อนระบบเศรษฐกิจท่ีมีการกาหนดคา่ ของเงนิ โดยมีมาตรการแลกเปล่ียนว่า
๑๐๐ สตางคม์ คี า่ เท่ากับ ๑ บาท ๔ บาทเป็ นหนงึ่ ตาลงึ ๒๐ ตาลงึ เป็ นหน่งึ ช่งั
ตวั อยา่ ง
พระยาภักดี : ก็จะพูดกันเสียตรง ๆ เท่าน้ันก็จะแล้วกนั เอาเถอะฉันให้แกเดีย๋ วนีก้ ็ได้ เทา่ ไหร่ถงึ
จะพอ เอาไปสิบช่งั กอ่ นพอไหม?
นายลา้ : ไมร่ ับประทาน
พระยาภักดี :ยสี่ บิ ช่งั !
นายลา้ : ไม่รับประทาน
จากตัวอยา่ งแสดงให้เห็นว่าสะท้อนเหน็ การกาหนดคา่ เงนิ ในสมัย ร.๖
พระยาภักดี : เอาเงนิ ไปใช้ม่งั ซ.ิ ( ไปไขกุญแจ เปิ ดลิน้ ชกั โตะ๊ หยบิ ธนบตั รออกมาปั้นหน่งึ .)
จากตัวอยา่ งแสดงเหน็ ว่า ในสมัย ร.๖ มกี ารใช้เงินตราในรูปแบบธนบัตรแล้วและสะท้อนให้
เห็นการรบั เอาวทิ ยาการจากต่างประเทศเข้ามา
มาตราเงินไทยโบราณเป็ นดังนี้
๒ เฟื้ อง = ๑ สลงึ ช่ัง
๔ สลงึ = ๑ บาท ตาลงึ บาท
๔ บาท = ๑ ตาลงึ เฟื้ อง สลึง
๒๐ ตาลึง = ๑ ช่ัง ไพ
๓.ค่านิยมการนบั ถอื บุคคลทเี่ พยี บพร้อมทงั้ รูปสมบัตแิ ละทรัพยส์ มบัติ ได้สะท้อนใหเ้ หน็ ค่านิยม
ของคนไทยทนี่ บั ถอื บุคคลจากรูปลกั ษณภ์ ายนอกโดยมิได้มองถึงคุณธรรมความดีของบุคคลผูน้ นั้
บุคคลใดมคี วามประพฤตดิ ่างพรอ้ ย ทาให้เสียชือ่ เสยี งเกียรติ ไมว่ า่ จะเคยเป็ นคนดหี รือคนเลวมา
กอ่ นกต็ าม เม่ือชีวติ มมี ลทินกท็ าให้เป็ นท่ีรงั เกยี รตขิ องสงั คม
๔. แสดงใหเ้ ห็นถงึ สจั ธรรมของมนุษย์ มนุษยท์ กุ คนย่อมเห็นแกต่ ัวเป็ นธรรมดาแตพ่ อ่ แม่ยอ่ มเหน็
แกล่ กู มากกว่าตนเอง ตอ้ งเสียสละทกุ อยา่ งเพอ่ื ลูก อยา่ งเช่นนายลา้
๕. ขอ้ คิดที่สามารถนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั
๕.๑ เมตตาธรรมเป็ นเครือ่ งคา้ จุนโลก
๕.๒ ยาเสพตดิ เป็ นบอ่ เกดิ ของความหายนะ
๕.๓ ความกตัญญูเป็ นเคร่ืองหมายของคนดี
๕.๔ความรกั อนื่ ใดไม่เทา่ ความรักของพ่อแม่ที่มีตอ่ ลูก หรอื แม้แตพ่ อ่ แมบ่ ุญธรรมก็ตาม
๕.๕ ความดี ความช่ัวทีบ่ ุคคลไดก้ ระทาไป อาจส่งผลช้าหรอื เร็ว ขึน้ อยู่กับปัจจัยอนื่ ๆหลาย
ประการ
๕.๖ ผูท้ ่ีกระทาความผิดแลว้ สามารถรูศ้ กึ สานกึ ตนได้ยอ่ มได้รบั การสรรเสริญ
๕.๗ เหตกุ ารณท์ กี่ ระทบจติ ใจมนุษยแ์ ละมผี ลให้มนุษยเ์ ปลยี่ นความตงั้ ใจไปไดอ้ ย่างตรงกนั ขา้ ม
นั้น อาจเกิดขนึ้ โดยไม่คาดฝัน และโดยมไิ ดเ้ จตนาของใครท้ังสนิ้
๕.๘ คนเราควรรบั ผดิ ชอบในครอบครัวของตนเพื่อไม่ใหเ้ กิดผลกระทบต่อสังคม
๕.๙ คนเราควรพง่ึ พาอาศัยตนเองกอ่ น กอ่ นทจ่ี ะพงึ่ พาผอู้ น่ื
๕.๑๐ สถาบนั ครอบครัวมคี วามสาคญั ตอ่ โครงสรา้ งสงั คมไทย
๕.๑๑ อยา่ ทาตนเองใหต้ กต่าเพราะการกระทาของตนเอง
๕.๑๒ คนดียอ่ มมีผนู้ บั ถอื
***********************************************************************