The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

จริยธรรม และ กฎหมายคอมพิวเตอร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Fern Saranpron, 2023-09-16 08:02:01

จริยธรรม และ กฎหมายคอมพิวเตอร์

จริยธรรม และ กฎหมายคอมพิวเตอร์

จริริริย ริริริ ธรรมและกฎหมาย คอมพิพิพิ พิ ว พิ ว พิ วเตอร์ร์ร์ ร์ร์ร์ จัดทำ โดย นางสาว ศรัณย์พร เชียงนา ปวช.2 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ เสนอ คุณครู ภัททิรา ชานันท์โท วิท วิ ยาลัยการอาชีพบ้าตาก


คำ นำ จริยธรรมในอาชีพคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2562 สัญญาอิเล็กทรอนิกส์ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 กฎหมายลิขสิทธิ์ กฎหมายสิทธิบัตร หนังสืออิเล็กทรอนิกส์E-Book เรื่อง จริยธรรมและกฏหมาย คอมพิวเตอร์ เล่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาจริยธรรมและกฏหมาย คอมพิวเตอร์ เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มี 8 หน่วย ประกอบด้วย 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัย ณ ที่นี้ด้วย ผู้จัดทำ นางสาวศรัณย์พร เชียงนา


สารบัญ ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ งานอาชีพคอมพิวเตอร์ จริยธรรมในอาชีพคอมพิวเตอร์ ที่มาของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำ ความ ผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ความหมายที่ควรทราบ กรรการท้าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ที่มาพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ความหมายที่ควรทราบ การคุ้มครองข้อมุลส่วนบุคคล การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล การใช้หรือการเปิดเผยข้อมุลส่วนบุคคล คำ นำ สารบััญ หน่วยที่ 1 จริยธรรมในอาชีพคอมพิวเตอร์ หน่วยที่ 2 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำ ความผิด เกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 หน่วยที่ 3 พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ก ข 6 7 8 9 13 14 15 16 17 19 20 21 22 23 24


สารบัญ สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การลงโทษ ความสำ คํญของพระราชบัญญติว่าด้วยธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2562 การทำ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ลายมื่ออิเล็กทรอยิกส์ ธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ บทกำ หนดโทษ การเกิดสัญญาตามกฎหมายไทย ความรู้เกี่ยวกับสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ ข้อสังเกตเกี่ยวกับการแสดงเจตนาทางออนไลน์ การระงับข้อพิพาทกรณีสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ คณะกรรมการดำ เนินการ การรักษาความมั่นคงไซเบอร์ การกำ หนดโทษ หน่วยที่ 4 พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2562 หน่วยที่ 5สัญญาอิเล็กทรอนิกส์ หน่วยที่ 6 พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562 25 26 27 28 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 41 42 45


สารบัญ ความสำ คัญของกฎหมายลิขสิทธิ์ งานลิขสิทธิ์ งานที่ไม่มีลิขสิทธิ์ การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ อายุของการคุ้มครองลิขสิทธิ์ ความรู้เกี่ยวกับสิทธิ์ สิทธฺิบัตรกรประดิษฐ์ สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ อนุสิทธิบัตร บทกำ หนดโทษ หน่วยที่ 7 กฎหมายลิขสิทธิ์ หน่วยที่ 8 กฎหมายสิทธิบัตร 46 47 47 48 49 50 51 52 53 54 55 56


หน่ว น่ ยที่ 1 จริยริธรรมในอาชีพ ชี คอมพิวพิเตอร์ ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ งานอาชีพคอมพิวเตอร์ จริย ริ ธรรมในอาชีพคอมพิวเตอร์ สาระสำ คัญ คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในชีวิต วิประจำ วัน วั ของมนุษย์ ส่ง ผลให้มนุษย์ทำ งานได้อย่างสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มากขึ้น โดยสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับลักษณะ ของงาน สาระการเรีย รี นรู้ 1. 2. 3.


คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป คอมพิวเตอร์มือถือ แท็บเล็ตพีซี งานธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน ห้างสรรพสินค้า งานวิทยาศาสตร์ การแพทย์และสาธารณสุข งานด้านการศึกษา งานราชการ งานคมนาคมและการสื่อสาร .งานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ประเภทของคอมพิวเตอร์ 1. 2. 3. 4. ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ 1. 2. 3. 4. 5. 6. ความรู้รู้รู้ รู้รู้รู้ รู้ เ รู้ เ รู้ เกี่กี่กี่ กี่ ย กี่ ย กี่ ยวกักักั กั บ กั บ กั บคอมพิพิพิ พิ ว พิ ว พิ วเตอร์ร์ร์ ร์ร์ร์ ความหมายของคอมพิวเตอร์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องคำ นวณ อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำ งานภายใต้ชุดคำ สั่ง เมื่ออุปกรณ์ทำ งานตามชุดคำ สั่ง คอมพิวเตอร์ก็สามารถทำ งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งใช้คอมพิวเตอร์ สำ หรับการทำ งานตามที่ผู้ใช้ต้องการ หรือใช้คอมพิวเตอร์แก้ปัญหาเรื่อง ต่าง ๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อนได้ด้วยการประมวลผลอย่างรวดเร็ว


ความจำ ความเร็ว การปฏิบัติงานอัติโนมัติ ความถูกต้องแม่นยำ และเชื่อถือได้ บันทึกข้อมูลได้รวดเร็ว เก็บข้อมูลได้จำ นวนมากไว้ในฐานข้อมูล ทำ การคำ นวณ แยกประเภท จัดกลุ่ม รายงานลักษณะต่างๆได้โดย ใช้ระบบประมวลผลข้อมูล ส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว จัดทำ เอกสารได้อย่างรวดเร็ว ใช้ในด้านการศึกษาและวจัยงานด้านธุรกิจ การเงิน การธนาคาร งานบัญชี งานสำ นักงาน การจองที่พัก ตั๋วเครื่องบิน ควบคุมระบบอัตโนมัติ ใช้ในงานวิเคราะห์ต่างๆ งานจำ ลองรูปแบบ ใช้ร่วมกับเทคโนโลยี คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ คุณสมบัติเด่นของคอมพิวเตอร์ทั้ง 4 ประการคอมพิวเตอร์ถูก นำ มาใช้งานตามความสามารถดังนั้ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10.


งานบริการสารสนเทศเป็นงานบริการทางด้านข้อมูลและข้อเท็จจริง ด้านต่างๆ เป็นกระบวนการในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความรู้ ข่าวสารในทางการศึกษาอาชีพ สังคม ตลอดจนความรู้ด้านอื่น ๆ ที่ จะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ การวางแผนในการดำ เนินธุรกิจ ศึกษาแนวโน้มของธุรกิจ งานบริการด้านฮาร์ดแวร์ เป็นงานบริการที่เกี่ยวข้องกับระบบ ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ได้แก่ธุรกิจการค้าด้านวัสดุ-อุปกรณ์และระบบ เครื่องคอมพิวเตอร์,การประกอบคอมพิวเตอร์ การติดตั้งระบบเครือ ข่ายคอมพิวเตอร์,งานซ่อมบำ รุงรักษาคอมพิวเตอร์ เป็นต้น งานบริการด้านซอฟต์แวร์ เป็นงานบริการทางด้านซอฟต์แวร์ต่าง ๆ งานบริการเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์หรือ พิเพิล แวร์ เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรที่ทำ งานด้านคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ ระดับผู้บริหาร นักออกแบบและวิเคราะห์ระบบ ไปจนถึงผู้ใช้งาน คอมพิวเตอร์ เป็นงานที่ให้ความรู้และพัฒนาบุคลากร งานอาชีพคอมพิวเตอร์ 1. 2. 3. 4.


ทำ ประโยชน์ให้สังคมและความผาสุกของมนุษย์ ไม่ทำ อันตรายแก่ผู้อื่น ซื่อสัตย์และวางใจได้ ยุติธรรมและเป็นการกระทำ ที่ไม่เเบ่งแยกกีดกัน ให้เกียรติสิทธิ์ในทรัพย์สิน ให้เกิยรติแก่ทรัพย์สินทางปัญญา เคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น ให้เกียรติในการรักษาความลับ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. จริยธรรมในอาชีพคอมพิวเตอร์ จริยธรรม หมายถึงความประพฤติหรือพฤติกรรมที่ควรปฎิบัติ ปัจจุบันคอมพิวเตอร์มาใช้แพร่หลาย ทั้งด้านการทำ งานและด้านการ บันเทิง มีหลายคนใช้คอมพิวเตอร์ในทางเสื่อมเสีย กฎข้อบังคับทางศีลธรรม ความรับผิดชอบในวิชาชีพ มุ่งมั่นเพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพ ได้มาและรักษาไว้ซึ่งความเชี่ยวชาญแห่งวิชาชีพ เคารพกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กฎหหมายท้องถิ่น กฎหมายแห่งรัฐ และกฎหมายระหว่างประเทศ ยอมรับและให้มีการสอบทานทางวิชาชีพ ให้ความเห็นประเมินระบบคอมพิวเตอร์ ผลกระทบที่เกิดขึ้นอยา่ง ครบถ้วนรวมถึงวิเคราะห์ความเสี่ยงที่เป็นไปได้ด้วย 1. 2. 3. 4. 5.


6.รักษาสัญญา ข้อตกลงและรับผิดชอบสิ่งที่ได้รับมอบหมาย 7.ปรับปรุงความเข้าใจของสาธารณชนต่อคอมพิวเตอร์และผลสืบเนื่อง 8.เข้าถึงทรัพยากรคอมพิวเตอร์และสื่อสารเฉพาะตามอำ นาจที่ได้รับ มอบหมายเท่านั้น ไม่ใช้ในการเสนอขายสินค้า หรือการโฆษณา มีสติในการกล่าวถึงเรื่องราวและทราบอยู่เสมอว่าเมลกำ ลังกล่าว ถึงเรื่องใด หลีกเลี่ยงการโต้แย้งคิดก่อนเขียน และไม่ใช้อารมณ์ในการสื่อสาร ไม่ส่งข่าวสารที่เป็นการกล่าวร้าย หลอกลวง หยาบคาย ไม่ส่งต่อจดหมายลูกโซ่ หรือเมลขยะ ระมัดระวังในการใช้คำ เช่น คำ เสียดสีคำ หยาบคายเป็นต้น ก่อนส่งเมลควรตรวจทานรายละเอียดตัวสะกดตัวการันต์เสียก่อน ตรวจรายชื่อผู้รับก่อนส่ง จริยธรรมในการใช้ E-mailและ Webboard มีดังนี้ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำ ร้ายผู้อื่น ไม่รบกวนงานคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ไม่แอบดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่น ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการลักขโมย ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเป็นพยานเท็จ บัญญติ10 ประการของผู้ใช้คอมผิวเตอร์ 1. 2. 3. 4. 5.


6.ไม่ใช้หรือทำ สำ เนาซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้ซื้อ 7.ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ใช่อำ นาจหน้าที่ ของตน 8.ไม่ละเมิดสิทธิทางปัญญา 9.คำ นึงถึงผลต่อเนื่องทางสังคมของโปรแกรมที่เขียน 10.ใช้คอมพิวเตอร์อย่างผู้มีจรรยาบรรณวิชาชีพของสมาคมเครื่องจักรกล คอมพิวเตอร์


หน่ว น่ ยที่ 2 พระราชบัญ บั ญติว่า ว่ ด้ว ด้ ย การกระทำ ความผิดผิเกี่ยวกับ คอมพิวพิเตอร์ (ฉบับ บั ที่ 2) พ.ศ.2560 ที่มาของพระราชบัญญัติว่าว่ด้วยการกระทำ ความผิดเกี่ยว กับ คอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 ความหมายที่ควรทราบ กรรการท้าความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ สระสำ คัญ การนำ คอมพิวเตอร์มาใช้ในชีวิต วิประจำ วัน วั ทั้งด้านการทำ งาน การประกอบอาชีพและเพื่อความบันเทิงจะศักดิ์อยู่ภายใต้ กฎหมายเพื่อเป็นการรักษาไหล่ของตนและเพื่อเป็นการไม่ละเมิด สิทธิของผู้อื่น ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำ เป็นต้องศึกษา รายละเอียด ของกฎหมายที่ใช้บังคับ สำ หรับเป็นแนวทางและปฏิบัติตน อย่างถูกต้อง สาระการเรีย รี นรู้ 1. 2. 3. 4.


ตั้งแต่ พ.ศ. 2550 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนการเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เป็นต้นมา ได้มีการ ประกาศใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550และประชาชนก็ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวเรื่อยมา จนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลง กรณ์ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมจากพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความ ผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เพื่อให้สามารถบังคับใช้ได้ตรงและครอบคลุม ถึง การใช้คอมพิวเตอร์ที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ประกาศเป็น พระราชบัญญัติว่าด้วย การกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 โดยให้ประกาศ ณ วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560 ที่มาของพระราชบัญญัติว่าด้วย การกระทําความผิด เกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560


ระบบคอมพิวเตอร์ หมายถึงอุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่ เชื่อมการทำ งานเข้าด้วยกัน มีการกําหนดคำ สั่ง ชุดคำ สั่งและอื่น ๆ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หมายถึง ข้อมูลข้อความ คำ สั่ง ชุดคำ สั่ง หรือสิ่งอื่น ใดที่อยู่ในระบบ คอมพิวเตอร์ ที่ระบบคอมพิวเตอร์สามารถประมวลผล ได้ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร ของระบบคอมพิวเตอร์ ที่แสดงถึงแหล่งกำ เนิด ผู้ให้บริการ มีดังนี้ ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ตหรือทางอื่น เพื่อให้ผู้ เข้ามาใช้บริการสามารถ ติดต่อถึงกันโดยผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น พนักงานเจ้าหน้าที่ หมายถึง ผู้ที่รัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ตามพ ระราชบัญญัติ รัฐมนตรี หมายถึง รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ 1. 2. 3. 4. 5. 6. ความหมายคำ ศัพท์ที่ควรทราบ


การกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 1. การฝากร้านใน Facebook IG ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท 2.ส่ง SMS มาโฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ต้องมีทางเลือกให้ผู้รับสามารถ ปฏิเสธข้อมูลนั้นได้ไม่เช่นนั้นถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท 3.ส่งe-Mail ขายของ ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท 4. กดLikeได้ไม่ผิด พ.ร.บ.ยกเว้นการกดLikeเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน เสี่ยงเข้า ข่ายความผิดมาตรา 112 หรือมีความผิดร่วม 5. กดShare ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลที่ Share นั้นมีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.โดยเฉพาะที่กระทบต่อบุคคลที่ 3 6. พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเราแต่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าของ คอมพิวเตอร์กระทำ เองสามารถแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ หากแจ้งแล้ว ลบข้อมูลออกเจ้าของก็จะไม่มีความผิดตามกฎหมายเช่น ความเห็นในเว็บไซต์ ต่างๆ รวมไปถึง Facebook ที่ให้แสดงความคิดเห็น หากพบว่าการแสดงความเห็น ผิดกฎหมายเมื่อแจ้งไปที่หน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อลบได้ทันที เจ้าของระบบ เว็บไซต์จะไม่มีความผิด 7.ฉะนั้น Admin ที่เปิดให้มีการแสดงความเห็น เมื่อพบข้อความที่ผิด พ.ร.บ. เมื่อ ลบออกจากพื้นที่ที่ตนดูแลจะถือเป็นผู้พ้นผิดแต่หากไม่ยอมลบออก จะมีโทษจำ คุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ


8. การPostสิ่งลามกอนาจาร ที่ทำ ให้เกิดการเผยแพร่สู่ประชาชนได้จำ คุกไม่ เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท 9. การPost เกี่ยวกับเด็ก เยาวชน ต้องปิดบังใบหน้ายกเว้นเมื่อเป็นการเชิดชู ชื่นชมอย่างให้เกียรติ 10. การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตต้องไม่ทำ ให้เกิดความเสื่อมเสียเชื่อเสียง หรือ ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ญาติสามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย มีโทษจำ คุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท 11. การPostด่าว่าผู้อื่น มีกฎหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีข้อมูลจริง หรือถูกตัดต่อ ผู้ ถูกกล่าวหา เอาผิดผู้ Post ได้โทษจำ คุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท 12. ไม่ทำ การละเมิดลิขสิทธิ์ผู้ใดไม่ว่าข้อความ เพลง รูปภาพ หรือวิดีโอ 13.ส่งรูปภาพแชร์ของผู้อื่น เช่น สวัสดีอวยพร ไม่ผิด ถ้าไม่เอาภาพไปใช้ในเชิง พาณิชย์ หารายได้


1. มีหนังสือแจ้งผู้กระทำ ความผิดมาชี้แจง พร้อมกับข้อมูล หรือหลักฐานที่สามารถ เข้าใจได้ 2. เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่าน ระบบ คอมพิวเตอร์ หรือจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง 3.สั่งให้ผู้ให้บริการข้อมูลส่งมอบข้อมูลของผู้กระทำ ความผิด(ที่ผู้ให้บริการเก็บไว้) ให้แก่เจ้าหน้าที่ 4. กรณีที่ระบบข้อมูลยังไม่ได้อยู่ในความครอบครองของเจ้าหน้าที่ ให้ทำ สำ เนา ข้อมูลไว้ 5.สั่งให้ผู้ที่ครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์อุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล คอมพิวเตอร์ส่งมอบข้อมูล หรืออุปกรณ์นั้นแก่เจ้าหน้าที่ 6.ตรวจสอบระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ ใช้เก็บข้อมูลเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำ ความผิด 7. ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องถอดรหัสลับ ให้ ความร่วมมือกับ เจ้าหน้าที่ ถอดรหัสลับเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลได้ 8.ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าที่จำ เป็น เพื่อประโยชน์ในการทราบราย ละเอียดของการกระทำ ความผิด การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่


หน่ว น่ ยที่ 3 พระราชบัญ บั ญัติ ญั ติคุ้ม คุ้ ครอง ข้อ ข้ มูลส่ว ส่ นบุคคล พ.ศ.2562 ที่มาของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ความหมายที่ควรทราบ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล การใช้หรือ รื เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การลงโทษ สาระสำ คัญ ข้อมูลส่วนบุคคล เป็นข้มูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ การเก็บรวม รวมข้อมูลส่วนบุคคล จะต้องได้รับความยินยอม เจ้าของข้อมูลเสียง โดยจะต้องแจ้งอย่างชัดเจนว่าว่จะนำ ข้อมูลนั้นไปใช้ในการใด ดังนั้น การที่จะเผยแพร่ข้อมูลนั้นแก่บุคคลอื่น จะต้องได้รับความยินยอม จากเจ้าของข้อมูล สาระการเรีย รี นรู้ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7.


พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562ลงประกาศใน ราชกิจจานุ เบกษาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 ซึ่งหมวด1คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและ หมวด4สา นักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงบทเฉพาะกาล ที่ บัญญัติเกี่ยวกับการจัดให้มี คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและสา นักงาน คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในวาระแรกเริ่ม มีผลใช้ บังคับตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2562 เพื่อให้มีระยะเวลา การเตรียมความ พร้อมในด้านการคุ้มครองข้อมูลของประเทศในภาพรวม โดยที่บทบัญญัติในหมวดอื่นจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 ที่มาของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562


ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำ ให้สามารถระบุตัวตน บุคคลนั้นได้ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอานาจหน้าที่ ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดาเนินการ เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคาสั่งหรือใน นามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล บุคคล หมายถึงบุคคลธรรมดา คณะกรรมการ หมายถึงคณะกรมคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พนักงานเจ้าหน้าที่ หมายถึง ผู้ที่รัฐมนตรีแต่งตั้งให้ตามพระราชบัญญัตินี้ สำ นักงาน หมายถึงสำ นักงานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รัฐมนตรี หมายถึง รัฐมนตรีผู้รักษาตามพระราชบัญญัตินี้ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. ความหมายที่ควรทราบ


การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องมีการดำ เนินการดังนี้ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ความยินยอม ต้องแจ้งวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล Consentต้องแยกออกจากส่วนอื่นชัดเจน มีแบบหรือข้อความที่อ่านแล้วเข้าใจได้โดยง่ายและต้องไม่เป็นการหลอกลวง เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได ในการขอความยินยอมต้องคำ นึงอย่างถึงที่สุดในความเป็นอิสระของเจ้าของ ข้อมูลส่วนบุคคลในการให้ความยินยอม ต้องไม่มีเงื่อนไขในการให้ความยินยอมเพื่อเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำ เป็นหรือเกี่ยวข้องสำ หรับการเข้าทำ สัญญาซึ่งรวมถึง การให้บริการนั้น ๆ ข้อมูลส่วนบุคคลคือข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งท าให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ เช่น ชื่อ-สกุล ที่อยู่เลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ email หลักการการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล 1. 2. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล


การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลต้องขอความยินยอมก่อนหรือขณะดำ เนิน การ การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลต้องแจ้งรายละเอียดให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทราบ ดังนี้ วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม แจ้งให้ทราบกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องให้ข้อมูลเพื่อปฏิบัติตาม กฎหมายหรือสัญญารวมทั้งแจ้งถึงผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ ข้อมูลส่วนบุคคล ระยะเวลาในการเก็บรวบรวม บุคคลหรือหน่วยงานซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจจะถูกเปิดเผย ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสถานที่ติดต่อและวิธีการติดต่อ สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล 1. 2.


การใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเว้นแต่เป็นข้อมูลส่วน บุคคลที่เก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม ต้องไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจาก วัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้กับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล จำ เป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา กระทำ ตามสัญญาระหว่างผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลหรือ นิติบุคคลอื่น ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลหรือบุคคลอื่น จำ เป็นเพื่อการดำ เนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ 1. 2. 3. 4. 5. 6.


สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิได้รับแจ้งรายละเอียดในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล (Right to beinformed) สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล(Rightof access) สิทธิขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคล(Right todataportability) สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right toobject) สิทธิขอให้ลบหรือทำ ลาย หรือทำ ให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถ ระบุตัวบุคคลได้(Right toerasure/right tobeforgotten) สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล(Right torestrictprocessing) สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล(Right torectification) สิทธิในการร้องเรียนกรณีที่ผู้ควบคุมหรือผู้ประมวลผลไม่ปฎิบัติ ตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.


การลงโทษ ความรับผิดทางแพ่ง ผู้กระทำ ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคล ไม่ว่าการดำ เนินการนั้นจะเกิดจากการกระทำ โดยจงใจหรือประมาท เลินเล่อหรือไม่ก็ตาม ศาลมีอำ นาจสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมได้สองเท่าของค่าสินไหม ทดแทนที่แท้จริง 1. กำ หนดบทลงโทษทางอาญาไว้สำ หรับความผิดร้ายแรง เช่น การใช้หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนโดยมิชอบล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น แล้วนำ ไปเปิดเผยแก่ผู้อื่นโดยมิชอบ ระวางโทษสูงสุดจำ คุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาทหรือทั้งจำ ทั้ง ปรับ ในกรณีที่ผู้กระทำ ความผิดเป็นนิติบุคคล กรรมการหรือผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่ง รับผิดชอบในการดำ เนินงานของนิติบุคคลนั้นอาจต้องร่วมรับผิดในความผิด อาญาที่เกิดขึ้น กำ หนดโทษปรับทางปกครองสำ หรับการกระทำ ความผิดที่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำ หนด โทษปรับทางปกครองสูงสุด5,000,000 บาท 2.โทษอาญา 3.โทษทางปกครอง


ความสำ คํญของพระราชบัญญติว่าว่ด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2562 การทำ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ลายมื่ออิเล็กทรอยิกส์ ธุรกิจบริก ริ ารเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ บทกำ หนดโทษ สาระสำ คัญ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำ ให้มนุษย์ได้รับความสะดวกทั้งด้านเวลา และสถานที่สำ หรับการทำ ธุรกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการทำ ธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ และเพื่อให้การทำ ธุรกรรมทางอิเล้กทรอนิกส์ได้รับการ ส่งเสริม ริ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของบุคคลทั่วไป สาระการเรีย รี นรู็ 1. 2. 3. 4. 5. หน่ว น่ ยที่ 4 พระราชบัญ บั ญัติ ญั ติว่า ว่ ด้ว ด้ ย ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกนิส์ พ.ศ.2562


ความสำ คํญของพระราชบัญญติว่าด้วยธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2562 พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551 มีการ แก้ไขเพิ่มเติมการทำ ธุรกรรม ดังนี้ กรณีที่กฎหมายกำ หนดให้ต้องมีการปิดอากรแสตมป์หากได้มีการ ชำ ระเงินแทนหรือการดำ เนินอื่นได้ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ความเชื่อถือได้บุคคลที่ลงลายมือชื่อในธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หากนำ สิ่งสื่อพิมพ์ของข้อมูลอิเล็กทรนิกส์มาเพื่อใช้ในการอ้างอิง สิ่ง พิมพ์นั้นมีความครบถ้วน สามารถใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นพยาน หรือหลักฐานในกระบวน สืบเนื่องจากความเจริญก้าวหน้าส่งผลให้วิถีการดำ เนินชีวิตของประชาชน เปลี่ยนแปลง ไปด้วย การเป็นหนึ่งที่มีการพัฒนา ปรับเปลี่ยน เพื่อให้มี ความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพการทำ ธุรกรรมที่เคยปฏิบัติมา พัฒนา เป็นการทำ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หลังจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางก็เล็กทรอนิ กส์ พ.ศ. 2544 ปีการ เปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีหลายประการ ต้องมี การแก้ไขเพิ่มเติมความในพระราชบัญญัติเพื่อให้ สอดคล้องกับโลกปัจจุบัน มากขึ้น ดังนี้ 1. การพิจารณาตามกฎหมายได้


2.พระราชบัญญัติสำ นักงานพัมนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2562 “สำ นักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์” เพื่อทำ หน้าที่ส่งเสริม และสนับสนุนการพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศเพื่อขับเคลื่อนนโยบายและแผนของรัฐด้าน ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้สอดคล้องกับ นโยบายและแผนระดับชาติ 3.พระราชบัญญัติธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2562 การยื่นเอกสารแสดงกับราชการหากเอกสารนั้นเป็น อิเล็กทรอนิกส์ที่เข้าถึงได้และไม่มีความเปลี่ยนแปลงให้ถือว่าข้อความนั้น เป็นหนังสือที่สามารถใช้งานได้ การประกอบธุรกิจบริการด้านธุรกรรมออนไลน์ที่มีผลกระทบต่อ ความมั่นคงทางการเงินและพาณิชย์จะต้องแจ้งให้ทราบขึ้ทะเบียน หรือได้รับอนุญาตก่อน หากธุรกิจใดที่อยู่ภายใต้ข้อกำ หนดของกฎหมายนี้ ไม่มีการกำ หนด ให้หน่วยงานของรัฐได เป็นผู้รับผิดชอบดูแล ให้มอบอำ นาจแก่ สำ นักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นผู้รับผิดชอบ ใน การควบคุมดูแล 4) ผู้ประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ โดยไม่ขึ้นทะเบียน มีโทษจำ คุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ


ผู้ประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาต มี โทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ หากธุรกิจที่ต้องขึ้นทะเบียนนั้นไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำ หนด สามารถถูกสำ นักงาน พัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ปรับได้สูงสุด ถึง 1,000,000 บาท หากธุรกิจใดต้องขอรับใบอนุญาตนั้น ไม่ปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์ที่กำ หนดสามารถถูกสั่งปรับได้ถึง 2,000,000 บาท 4.พระราชบัญญติธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ.2562 ที่ผ่านมาผู้ ประสงค์จะขอรับบริการจากผู้ประกอบการ หรือหน่วยงานใดๆ จะต้องทำ การ พิสูจน์และยืนยันตนโดยการแสดงตนต่อผู้ให้บริการ


การทำ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หากกฎหมายกำ หนดให้ธุรกรรมที่ทำ ต้องทำ เป็นหนังสือหรือต้องมี การแสดงเอกสารก็ต้องตามนั้น โดยทำ เป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ สามารถเข้าถึงได้และนำ กลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่ เปลี่ยนแปลง หากกฎหมายกำ หนดให้มีการเก็บข้อมูล ก็จะต้องเก็บข้อมูลนั้นโดย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ยกเว้นกรณีที่ต้องมีการรับรองการบันทึก เพิ่มเติม ในกระบวนการพิจารณาตามกฎหมายอนุญาตให้ใช้ข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ได้ซึ่งจะต้องมีการวิเคราะห์ถึงความน่าเชื่อถือในการ รักษาข้อมูลที่จะต้องมีวิธีการเก็บรักษาอย่างครบถ้วน คำ เสนอและคำ สนองในการทำ สัญญาอาจทำ เป็นข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ได้โดยต้องได้รับการยินยอมของทั้งสองฝ่ายและได้มี การปฎิบัติตามที่กฎหมายกำ หนด 1. 2. 3. 4.


ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ เชื่อมโยงกับเจ้าของลายมือ ขณะสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ข้อมูลสำ หรับการสร้างลายมือชื่อ อยู่ภาายใต้การควบคุมของเจ้าของลายมือชื่อ หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะต้องมีหลักฐานการเปลี่ยนแปลง กรณีที่กฎหมายกำ หนดให้มีการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อ รับรองความครบถ้วนและไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อความ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง อักษร อักขระ ตัวเลข เสียงหรือ สัญลักษณ์อื่นใดที่สร้างขึ้นให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ นำ มาใช้ประกอบ กับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่งบุคคลกับข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ มีลักษณะดังนี้ 1. 2. 3. 4.


ธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นการทำ ธุรกรรมผ่านสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ทุกช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ การสมัครสมาชิกผ่านระบบออนไลน์ หน่วยงานทั้งของภาครัฐ หรือเอกชน ที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์หรือให้บุคคล การโอนเงินด้วยระบบอัตโนมัติผ่านระบบเครือข่ายเพื่ออำ นวย ความสะดวกในการโอนเงินจ่ายเงินของลูกค้าธนาคารสามารถ ทำ ธุรกรรม โดยผ่านแอปผลิเคชันทางสมาร์ตโฟน การตกลงทำ สัญญาซื้อขายบนเครือข่ายในการซื้อขายออนไลน์ หลังจากที่ลูกค้าได้เลือกสินค้าที่ต้องการลงตะกร้าครบจำ นวน ตามที่ต้องการแล้วผู้ขายจะต้องกำ หนดให้ลูกค้ากระทำ การขั้น ตอต่อไปตามเงื่อนไขที่ร้านค้าต้องการ 1. 2. 3. 4.


บทกำ หนดโทษ ผู้ใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ แจ้งหรือขึ้นทะเบียนต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ตามที่กำ หนดในพระราช กฤษฎีกา หรือฝ่าฝืนคำ สั่งห้ามการประกอบธุรกิจของคณะกรรมการหรือ ประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับใบ อนุญาตต้องได้รับโทษตามที่กฎหมาย กำ หนดโดยความผิดดังกล่าวนี้ รวมถึงการกระทำ โดยนิติบุคคล ผู้จัดการหรือผู้แทนนิติบุคคล หรือผู้ซึ่งมี ส่วนร่วม ในการดำ เนินงานของนิติบุคคลด้วยเว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตน มิได้รู้เห็นหรือมีส่วนร่วมในการกระทำ ความผิดนั้น


หน่ว น่ ยที่ 5 สัญ สั ญาอิเล็กทรอนิกนิส์ การเกิดสัญญาตามกฎหมายไทย ความรู้เกี่ยวกับสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ ข้อสังเกตเกี่ยวกับการแสดงเจตนาทางออนไลน์ การระงับข้อพิพาทกรณีสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ สาระสำ คัญ บุคคลที่อยู่ทางที่ ตรงเวลาสามารถทำ สัญญาต่อกันได้ เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิต วิประจำ มาก ขึ้น สัญญาณเด็กทรอนิกส์ทำ ให้การสื่อสาร การทำ ธุรกรรมมี ความสะดวก และรวดเร็วขึ้น รวมถึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ใน การเดินทางด้วย สาระการเรีย รี นรู้ 1. 2. 3. 4.


การเกิดสัญญาตามกฎหมายไทย เป็นการกระทำ ของบุคคลโดยการแสดงเจตนา เป็นการแสดงเจตนาโดย ชัดแจ้งทั้งด้วยวาจาลายลักษณ์อักษร หรือการแสดงอื่นใดที่อนุมานได้ว่า เป็นการแสดงเจตนาในการกระทำ ตามคำ เสนอหรือศาสนองนั้น เป็นการกระทำ โดยชอบด้วยกฎหมาย หมายถึง เป็นการกระทำ ที่ไม่ขัด ต่อกฎหมายศีลธรรมอันดีและความสงบเรียบร้อยของประชาชน มุ่งประสงค์ให้เกิดผลทางกฎหมาย หมายถึง มีความมุ่งหมายที่จะผูกนิติ สัมพันธ์ที่จะสามารถ บังคับกันได้ตามกฎหมาย กระทำ โดยสมัครใจ เป็นการสมัครใจของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายไม่เกิดจาก การบังคับ 1. 2. 3. 4.


ความรู้เกี่ยวกับสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ แบบ RealTimeเช่น Skype, FaceTime,ChatRoom มีจุดเด่นคือคู่ สนทนาพูดคุยโต้ตอบกันได้ทันที สามารถเห็นหน้าคู่สนทนาได้ หรือใน กรณีของChatRoom ก็สามารถส่งข้อความกัน ระหว่างบุคคลที่อยู่ใน กลุ่ม แบบ Non-RealTime ผู้รับคำ เสนอจะไม่ได้รับคำ สเสนอในทันที สถานที่ส่งและรับข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์คือให้ถือเอาสถานที่ทำ งาน ของผู้รับส่งหากที่ทำ งานมีหลายแห่ง ให้เอาสถานที่ที่เกี่ยวข้องมากที่สุด สถานที่ในการส่งและรับการแสดงเจตนาออนไลน์ตามอนุสัญญา สหประชาชาติว่าด้วยการใช้การสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ในสัญญา ระหว่างประเทศ การเกิดสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์คำ เสนอและคำ สนองจะต้องตรงกัน ในสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ก็เช่นกัน ที่จะต้องมีคำ เสนอและ คำ สนองที่ตรงกันจึงจะเกิดเป็นสัญญาซื้อขายได้แต่ในปัจจุบัน การทำ ธุรกรรม ต่าง ๆ มีการนำ เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ การแสดงเจตนาทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือการแสดงเจตนาทางออนไลน์ ส่วน มากอยู่ในรูปแบบของ การติดต่อกันผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบ่งออกได้ดังนี้ 1. 2. สถานที่การแสดงเจนาทางอิเล็กทรอนิกส์ 1. 2.


ข้อสังเกตเกี่ยวกับการแสดงเจตนาทางออนไลน์ การแสดงเจตนาทางออนไลน์ มีข้อสังเกตดังนี้ 1.การเชิญให้ทำ คำ เสนอ ทางออนไลน์ 2.การใช้ระบบอัตโนมัติใน การทำ สัญญา 3.การแก้ไขข้อผิดพลาด ในการแสดงเจตนาทาง ออนไลน์


ความสำ คัญของการระงับข้อพิพาททางออนไลน์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์(e-commerce) มีบทบาทสำ คัญต่อการขับ เคลื่อนเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน ด้วยวิวัฒนาการของเทคโนโลยีก่อให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงในวิธีการดำ เนินการค้าขายระหว่างผู้ประกอบการและผู้ บริโภค การซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านทางช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ทำ ได้ สะดวก และรวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทยเติบโตขึ้น อย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่ารวม 768,014ล้านบาทในปี พ.ศ. 2556อย่างไร ก็ตาม ธุรกรรมทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจาก ธุรกรรมทั่วไป คือ ผู้ซื้อและผู้ขายไม่รู้จักตัวตนและที่อยู่ที่แท้จริงของแต่ละ ฝ่าย ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อสินค้า โดยอาศัยข้อมูลที่นำ เสนอผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เท่านั้น และบางครั้งผู้ซื้อและผู้ขายอยู่ในเขตอำ นาจศาลที่แตกต่างกัน แต่ สิทธิและหน้าที่ของผู้ซื้อและผู้ขายยังคงเดิมเหมือนกับการทำ ธุรกรรมตาม ปกติเมื่อเกิดปัญหาผู้ซื้อไม่ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพหรือคุณสมบัติตามที่ ตกลง ภายในเวลาที่กำ หนด ก็จะเกิดการโต้แย้งสิทธิหรือเกิดข้อพิพาทขึ้นได้ ประเด็นที่นำ เสนอ กระบวนการระงับข้อพิพาทที่เกิดจากธุรกรรมทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ของไทยในปัจจุบัน เป็นการดำ เนินการแบบเฉพาะหน้าและตัวต่อตัว (face toface) โดยผู้ร้องเรียนต้องติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง การระงับข้อพิพาทกรณีสัญญาอิเล็กทรอนิกส์


หน่ว น่ ยที่ 6 พระราชบัญ บั ญัติ ญั ติการ รัก รั ษาความมั่น มั่ คงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562 คณะกรรมการดำ เนินการ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การกำ หนดโทษ สาระสำ คัญ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562 ได้รับการบัญญัติเพื่อให้การรักษาความมั่นคง ปลอดภัยทางไซเบอร์มีประสิทธิภาพ และมีมาตรการป้องกันใน การรับมือ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาระการเรีย รี นรู้ 1. 2. 3.


คณะกรรมการดำ เนินการ เสนอความเห็นชอบต่อรัฐมนตรี เกี่ยวกับเรื่องนโยบายส่งเสริม สนับสนุน และวางแผนนโยบายการดำ เนินการรักษาความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ กำ หนดนโยบายให้หน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐาน สำ คัญทางสารสนเทศ กำ กับดูแลการจัดทำ แผนปฏิบัติการเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัย ไซเบอร์ของคณะกรรมการและสำ นักงานเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี แต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ มอบหมายการควบคุมและกำ กับดูแลออกข้อกำ หนดวัตถุประสงค์ อำ นาจหน้าที่ และกรอบการดำ เนินการด้านความมั่นคงปลอดภัย ไซเบอร์ ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบายและแผนการดำ เนิน การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เสนอแนะให้ความเห็นต่อคณะกรรมดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติหรือคณะกรรมการ คณะกรรมการดำ เนินการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ มีอำ นาจหน้าที่ ดังนี้ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7.


8.เสนอแนะด้านการจัดให้มีหรือปรับปรุง ประมวลแนวทางปฏิบัติและ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 9.จัดทำ รายงาน สรุปผลการดำ เนินงานของการรักษาความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำ คัญหรือแนวทาง การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ส่วนที่ 1 นโยบายและแผน กําหนดให้การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ต้องคำ นึงถึงความเป็น เอกภาพและการบูรณาการ ในการ าเนินงานของหน่วยงานของรัฐและ หน่วยงานเอกชน และต้องสอดคล้องกับนโยบายและแผน ระดับชาติว่า ด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมตามกฎหมาย ส่วนที่ 2 การบริหารจัดการ กําหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำ หน้าที่ป้องกัน รับมือและลดความ เสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์แนวปฏิบัติด้านการรักษาความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ของแต่ละหน่วยงาน ส่วนที่ 3 โครงสร้างพื้นฐานสำ คัญทางสารสนเทศ โครงสร้างพื้นฐานสำ คัญทางสารสนเทศ มีความสำ คัญต่อความมั่นคง ของรัฐความมั่นคงทางทหาร เศรษฐกิจและความสงบเรียบร้อยภายใน ประเทศ


ด้านความมั่นคงของรัฐ ด้านบริการภาครัฐที่สำ คัญ ด้านการเงินการธนาคาร ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการคมนาคม ด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ด้านพลังงานและสาธารณูปโภค ด้าสาธารณสุข ด้านอื่นตามที่คณะกรรมการประกาศกำ หนดเพิ่มเติม คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (คมช.) มีอำ นาจประกาศกำ หนดให้ รายงานที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็น หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำ คัญทางสารสนเทศ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. ส่วนที่ 4 การรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ หากเกิดหรือคาดว่าจะเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่อระบบ สารสนเทศซึ่งอยู่ในความควบคุม รับผิดชอบของหน่วยงานของรัฐ หรือ หน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสําคัญทางสารสนเทศใดให้หน่วยงาน ดำ เนินการตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลคอมพิวเตอร์และระบบ คอมพิวเตอร์ของหน่วยงานนั้น


ระดับเฝ้าระวัง เป็นภัยที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแต่ยังไม่เกิด ผลกระทบต่อบุคคลทรัพย์สิน หรือข้อมูลสําคัญในระดับที่ร้ายแรง ระดับร้ายแรง ได้แก่ ภัยคุกคามที่เสี่ยงต่อความเสียหายต่อข้อมูลระบบข้อมูล หรือข้อมูล อื่นที่เกี่ยวข้องกับระบบ คอมพิวเตอร์หรือการให้บริการของโครงสร้าง พื้นฐานสำ คัญทางสารสนเทศ ภัยคุกคามที่ส่งผลต่อความมั่นคงของรัฐ การป้องกันประเทศความ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ ภัยคุกคามทีมีความรุนแรงที่ก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสี่ยงภัย หรือ ความเสียหายต่อบุคคล ภัยคุกคามทางไซเบอร์หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ที่ฉุกเฉิน ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ฉุกเฉิน เร่งด่วน ที่ใกล้จะเกิดอันอาจเป็นผล ให้บุคคลจำ นวนมาก ชีวิต หรือระบบคอมพิวเตอร์จำ นวนมากถูก ทำ ลายในวงกว้างในระดับประเทศ ภัยคุกคามทางไซเบอร์อันที่ก่อให้เกิดกระทบต่อความสงบ เรียบร้อย ของประชาชน ภัยคุกคามทางไซเบอร์แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1. 2. 3. ระดับวิกฤติได้แก่


การกำ หนดโทษ พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผย หรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ จราจร คอมพิวเตอร์ ข้อมูลอื่ ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ของผู้มาใช้ บริการที่ได้มาตาพระราชบัญญัตินี้แก่บุคคลอื่น มีโทษจำ คุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ พนักงานเจ้าหน้าที่ทำ งานโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูล คอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจร ทางคอมพิวเตอร์ ข้อมูลของผู้ใช้บริการ หรือข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ ที่ได้มาตาม พระ ราชบัญญัตินี้ มีโทษจำ คุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ข้อมูล ของผู้ใช้บริการ หรือข้อมูลอื่น ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ ที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ และเปิดเผยข้อมูล นั้น แก่ผู้อื่นโดยมิชอบ มีโทษจำ คุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ 1. 2. 3.


หน่ว น่ ยที่ 7 กฎหมายลิขสิทสิธิ์ ความสำ คัญของกฏหมายลิขสิทธิ์ งานลิขสิทธิ์ งานที่ไม่มีลิขสิทธิ์ การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ อายุของการคุ้มครองลิขสิทธิ์ สาระสำ คัญ เมื่อมีบุคคลสร้างสรรค์งานขึ้นมาด้วยความสามารถของตนเองเป็น ครั้งแรก งานนั้นควรได้รับการคุ้มครอง เป็นสิทธิของผู้สร้างสรรค์ที่ จะนำ ไปทำ ซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ ไม่ควรให้ผู้อื่นนำ ไปแสวงหาผล ประโยชน์ สาระการเรีย รี นรู้ 1. 2. 3. 4. 5.


ความสำ คัญของกฎหมายลิขสิทธิ์ ให้ความคุ้มครองป้องกันผลประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจและทางศีลธรรม ซึ่ง บุคคลพึงได้รับจากผลงานสร้างสรรค์อันเกิดจากความนึกคิดและสติปัญญาของตน นอกจากนี้ยังมุ่งที่จะสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงาน กล่าวคือเมื่อผู้ สร้างสรรค์ได้รับผลตอบแทนจากหยาดเหงื่อแรงกายและสติปัญญาของตน งานลิขสิทธิ์ วรรณกรรม ได้แก่ งานนิพนธ์ที่ทำ ขึ้นทุกชนิดเช่น หนังสือจุลสารสิงเขียน สิ่งพิมพ์ คำ ปราศรัยสุนทรพจน์ ปากกา เทศนา นาฏกรรม ศิลปกรรม ได้แก่ งานจิตรกรรม งานประติมากรรม งานภาพพิมพ์ งาน สถาปัตยกรรม งานถ่ายภาพ งานภาพประกอบ งานศิละประยุกต์ ดนตรีกรรม งานโสดทัศนวัสดุ งานภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ งานอื่นใด งานลิขสิทธิ์ที่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติ มีดังนี้ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9.


งานที่ไม่มีลิขสิทธิ์ ข่าวประจำ วัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ รัฐธรรมนูญ และกฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำ พิพากษาคำ สั่งคำ วินิจฉัยและรายงานของทางราชการ งานที่ไม่ถือว่าเป็นงานที่มีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ ได้แก่ 1. 2. 3. การละเมิดลิขสิทธิ์แบ่งออกได้เป็น 2 ทาง ได้แก่ -โดยตรงคือ การทำ ซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่โปรแกรมคอมพิวเตอร์แก่สาธารณชน เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต


สิทธิในลิขสิทธิ์จะเกิดขึ้นโดยทันทีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ ผลงานโดยไม่ต้องจดทะเบียน ดังนั้น เจ้าของลิขสิทธิ์จึงควรที่จะ ปกป้องคุ้มครองสิทธิของตนโดยการเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ ที่ แสดงว่าได้ท าการสร้างสรรค์ผลงานนั้นขึ้น เพื่อประโยชน์ในการ พิสูจน์สิทธิหรือความเป็นเจ้าของในโอกาสต่อไป อย่างไรก็ดีการแจ้ง ข้อมูลลิขสิทธิ์ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา มิใช่เป็นการรับรองสิทธิ ของเจ้าของลิขสิทธิ์แต่อย่างใดแต่เป็นเพียงการแจ้งต่อหน่วยงาน ราชการว่าตนเองเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานที่แจ้งไว้เท่านั้น โดยผู้ แจ้งต้องรับรองตนเองว่าเป็นเจ้าของผลงานที่น ามาแจ้งข้อมูล ลิขสิทธิ์และหนังสือรับรองที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาออกให้ก็มิได้ รับรองว่าผู้แจ้งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แต่อย่างใด หากมีข้อโต้แย้งหรือมี ข้อพิพาทเกี่ยวกับเจ้าของลิขสิทธิ์ จ าเป็นต้องอาศัยการวินิจฉัย ชี้ขาดของศาลซึ่งต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นรายกรณีไป การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์


อายุของการคุ้มครองลิขสิทธิ์ กรณีสร้างสรรค์คนเดียวลิขสิทธิ์จะมีอยู่ตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์และมี อยู่ต่อไปอีกเป็น เวลา50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย กรณีสร้างสรรค์ร่วมกันหลายคน ลิขสิทธิ์จะมีอยู่ตลอดอายุของผู้ สร้างสรรค์และมีอยู่ต่อไปอีก เป็นเวลา50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ร่วมคน สุดท้ายถึงแก่ความตาย กรณีที่ผู้สร้างสรรค์เป็นนิติบุคคลลิขสิทธิ์จะมีอายุ50 ปีนับแต่ผู้สร้างสรรค์ ได้สร้างสรรค์ขึ้น หรือ50 ปี นับแต่ได้มีการโฆษณาเป็นครั้งแรก กรณีที่ผู้สร้างสรรค์ใช้นามแฝงหรือไม่ปรากฏชื่อผู้สร้างสรรค์ให้ลิขสิทธิ์ มีอายุ50 ปีนับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น งานภาพถ่ายโสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์สิ่งบันทึกเสียง หรืองานแพร่เสียง แพร่ภาพ ลิขสิทธิ์มี อายุ50 ปี นับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น หรือ50 ปี นับแต่ได้มีการโฆษณาเป็นครั้งแรก งานที่สร้างสรรค์โดยการจ้างหรือตามคาสั่งของกระทรวง ทบวง กรม หรือ หน่วยงานอื่นใดของรัฐให้มีอายุ50 ปี นับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น หรือ 50 ปีนับแต่ได้มีการโฆษณาเป็นครั้งแรก งานศิลปะประยุกต์ลิขสิทธิ์มีอายุ25 ปี นับแต่ได้สร้างสรรค์งานนั้นขึ้น หรือ25 ปีนับแต่ได้มี การโฆษณาเป็นครั้งแรก การคุ้มครองลิขสิทธิ์จะมีผลเกิดขึ้นโดยทันทีที่มีการสร้างสรรค์ผลงาน โดย ทั่วไปความคุ้มครองจะ มีอยู่ตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์และจะคุ้มครองต่อไปอีก 50 ปี นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตายแต่มีงานบาง ประเภทที่จะมีอายุการ คุ้มครองแตกต่างกัน โดยสามารถแยกสรุป ดังนี้ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7.


Click to View FlipBook Version