The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บันทึกรักการอ่าน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

บันทึกรักการอ่าน

บันทึกรักการอ่าน

บันทึกรักการอ่าน บันทึก


ชื่อเรื่อง เด็กชายที่ยังเลวไม่พอ ชื่อผู้แต่ง เอลีน โคลเวน สำ นักพิมพ์ เรจีนา ปีที่พิมพ์ 2544 มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อคลาวด์ เขาเป็นเด็กซึ่งเลวมากจนผู้คนที่อยู่ไกลและใกล้ได้ยินถึง ความซนของเขา ครั้งหนึ่งเมื่อมีคุณย่ามาอยู่กับเขาด้วยคลาวด์จับกบอ้วนมาไว้บนเตียงของท่าน และอีกครั้ง หนึ่งเมื่อคุณครูไม่ทันได้มองเขาก็เลื่อนเข็มนาฬิกาของโรงเรียนทำ ให้เด็กๆได้กลับบ้านก่อนเวลา ถึง2ชั่วโมง และมีอีกที่เขาเลวมากคือเขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่สูงที่สุดในสวนแล้วผูกเสื้อเชิ้ตตัวที่ดีที่สุดของ คุณพ่อไว้บนกิ่งไม้ที่สูงที่สุดมันจึงโบกตามลมราวกับธง คุณพ่อคุณแม่และพี่น้องของเขาได้ใช้ทุกวิธีทางที่ จะหยุดความซุกซนของคลาวด์ และทำ ให้เขาเป็นเด็กดีขึ้นพวกเขาให้เขาอดอาหารและไม่ให้ไปดูละครสัตว์ แต่มันก็ไม่เป็นผลและวันหนึ่งทุกคนในเมืองต่างได้ยินถึงความซนของคลาวด์และไม่นาน ข่าวก็แพร่ กระจายไปถึงหูแม่มดซึ่งแก่ที่สุดน่าเกลียดที่สุดและชั่วร้ายที่สุดในอณาจักรก็ทราบข่าว จึงมาหาเด็กชายคลา วด์ที่บ้านและก็จะมาพาตัวเด็กชายคลาวด์ไปที่โรงเรียนพ่อมดที่มีแต่เด็กเลว ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน 1. รู้จักทำ ตัวมีระเบียบเพื่อที่จะได้อยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคม 2. รู้จักการแบ่งปั่นและช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อน 3. เชื่อฟังคำ สั่งสอนของบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่


เรื่องที่ 2 ชื่อหนังสือ สายลมแห่งการให้อภัยและก้อนหินแห่งความทรงจำ ผู้แต่ง happy day ที่มา http://www.kwamru.com/276 มีคน 2 คนเป็นเพื่อนรักกันมาก ร่วมเดินทางไปในทะเลทราย… ระหว่างทาง เกิดมีปากเสียงกัน รุนแรงทะเลาะกัน เพื่อนคนหนึ่งระงับอารมณ์ไม่อยู่…ยู่ ตบหน้าอีกฝ่าย เพื่อนที่ถูกทำ ร้าย….เจ็บปวด… แต่ไม่เอ่ยวาจา… กลับเขียนข้อความลงบนผืนทรายว่า “ วันนี้…นี้ ฉันถูกเพื่อนรักตบหน้า ” พวกเขายังคงเดินทางต่อไป…จนกระทั่งถึงแหล่งน้ำ พวกเขาก็อาบน้ำ ….เพื่อนคนที่เคยถูกตบหน้า ได้ พลัดตกแหล่งน้ำ จมน้ำ เพื่อนอีกคนไม่รอช้า รีบลงไปช่วยทันที คนรอดตาย…ยังคงไม่เอ่ยวาจา… กลับสลักข้อความลงไปบนก้อนหินใหญ่…“ วันนี้…เพื่อนรักช่วยชีวิตฉันไว้ ” อีกคนไม่เข้าใจ…เลยถามว่า “ เมื่อเธอถูกฉันตบหน้า เธอเขียนเรื่องราวลงพื้นทราย แล้วเรื่องที่ฉันได้ ช่วยเธอจากการจมน้ำ ทำ ไมจึงต้องสลักบนก้อนหิน ” อีกคนยิ้มพราย…กล่าวตอบ เมื่อถูกคนที่รักทำ ร้าย…เราควรเขียนมันไว้บนพื้นทราย ซึ่ง “ สายลมแห่งการให้อภัย ” จะทำ หน้าที่พัด ผ่าน ลบล้างไม่เหลือ ” แต่เมื่อมีสิ่งที่ดีมากมายเกิดขึ้น เราควรสลักไว้บน “ ก้อนหินแห่งความทรงจำ ในหัวใจ ” ซึ่งต่อให้มี สายลมพัดแรงเพียงใด ก็ไม่อาจ ลบล้าง ทำ ลาย ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน บางทีที่เราทะเลาะกันทำ ให้มองข้ามเรื่องดีๆที่เคยทำ ให้กันและกันไป เรื่องร้ายไม่อาจสำ คัญและมี อิทธิพลได้หากเราจดจำ และให้ความสำ คัญแก่เรื่องดีๆ


เรื่องที่ 3 ชื่อเรื่อง ยกตัวเองขึ้นโดยไม่ยกคนอื่นลง ผู้แต่ง happy day ที่มา www.kwamru.com/242 อาจารย์คนหนึ่งชวนลูกศิษย์ไปเดินเล่นที่ชายหาด อาจารย์ได้เริ่มสอนลูกศิษย์ ด้วยการใช้ไม้ขีดเส้นสองเส้นลงไปบนผืนทราย เป็นเส้นคู่ขนาน ยาว 4 ฟุต และ 2 ฟุต ตามลำ ดับ อาจารย์กล่าวว่า “ เธอสามารถทำ ให้เส้น 2 ฟุต ยาวกว่าเส้น 4 ฟุต ได้หรือเปล่า ไหนลองทำ ให้อาจารย์ดู ซิ” ลูกศิษย์ได้คิดหาทางซักพักหนึ่ง แล้วก็เอามือลบรอยเส้นที่ยาว 4 ฟุต ให้สั้นลงเหลือเพียง 1 ฟุต ทำ ให้เส้น 2 ฟุต นั้นดูยาวกว่าทันที แล้วศิษย์ก็ถามอาจารย์ว่า “ ทำ แบบนี้ใช้ได้ไหมครับ ” “ เหยียบหัวคนอื่น เพื่อให้ตัวเองอยู่สูงขึ้น ” อาจารย์เขกกบาลลูกศิษย์เบาๆ แล้วกล่าวว่า ” คนที่จะยกตนเองให้สูงขึ้น โดยการทำ ร้ายคู่คนอื่นนั้น ไม่ใช่วิธีที่ เหมาะสม ถ้าเลือกใช้วิธีนี้ ชีวิตเธอก็มีแต่คนสาปแช่ง และในระยะยาวชีวิตมักจะล้มเหลว ทางที่ดีควรเลือกวิธีที่จะยก ตัวเองขึ้น โดยไม่ไปลดคนอื่นลง ” แล้วอาจารย์ก็ขีดเส้นสองเส้นให้ยาวเช่นเดิม คือ 2 ฟุต และ 4 ฟุต จากนั้น อาจารย์ก็ทำ ให้ดูด้วยการขีดเส้น 2 ฟุตให้ยาวขึ้นเป็น 5 ฟุต แล้วพูดว่า “ จงอย่าคิดว่าคู่แข่งของเจ้าคือศัตรู แต่ให้คิด ว่าเป็นครูของเจ้า ” ที่เธอจะต้องพัฒนาตัวเองให้เทียบเท่าหรือดีกว่า มันจะทำ ให้เธอได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม และยั่งยืน ผู้ที่เลื่อนตัวเองขึ้น โดยการฆ่าน้อง ฟ้องนาย และขายเพื่อน ถึงแม้จะทำ ให้ตนเองประสบความสำ เร็จ แต่นั่นก็เป็น ความสำ เร็จที่ปราศจากเกียรติคุณ ไม่อาจพูดได้อย่างเต็มภาคภูมิ การเลื่อนตัวเองขึ้นโดยวิธีที่ไม่ชอบธรรม กับการ เลื่อนตัวเองขึ้นไป โดยปล่อยให้ผู้อื่นได้ก้าวไปทางของเขาอย่างเสรีนั้น ย่อมส่งผลลัพธ์ที่ต่างกัน หากไร้คู่แข่งแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเองมีศักยภาพในการทำ งานแค่ไหน ไม่มีอัปลักษณ์ก็ไม่รู้จักสวยงาม นักสู้ที่ดีมักชื่นชมคู่ต่อสู้ที่เก่ง เพราะคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอ จะทำ ให้ชัยชนะของเขาไม่ยั่งยืนและไม่ภาคภูมิใจ ดังนั้น…เมื่อ ได้พบกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งและฉลาดล้ำ ก็ยิ่งกระตุ้นให้เรารู้จักพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น การเลื่อนตัวเองขึ้นพร้อมกับ ลดคนอื่นลง เจ้าอาจจะชนะ แต่ก็มีศัตรูตามมาด้วย แต่การเลื่อนตัวเองขึ้นโดยไม่ลดคนอื่นลง เธอจะเป็นผู้ชนะ พร้อมกับยังมีเพื่อนเพิ่มขึ้น และหนึ่งในนั้นอาจเคยเป็นคู่แข่งของเธอเองด้วย ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน การอยากทำ ให้ตัวเองดีขึ้นแต่ต้องไปเหยียบหัวคนอื่นหรือว่าร้ายคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เราเองอาจจะรู้สึก สบายใจชั่วครา แต่คนอื่นอาจจะทรมาณเพราะเราไปอีกนานซ้ำ ยังเกลียดเราอีกด้วย


เรื่องที่ 4 ชื่อหนังสือ นก วัว และแมว ชื่อผู้แต่ง happy day ที่มา www.kwamru.com เช้าวันนั้นอากาศหนาวเย็นจัด เสียงลมพัดแรงข้ามท้องทุ่งโล่งกว้าง พัดเอาเปลือกและใบข้าวโพด หมุนเคว้งคว้างไปมา ในขณะที่ลมพัดแรง กระแทกประตูโรงนาดัง..กึงกัง..กึงกัง..นกน้อยตัวหนึ่ง กำ ลังต่อสู้อย่างสิ้นหวัง ที่จะบินข้ามทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ และหมดแรงตกลงใกล้ๆโรงนา นั้น ตัวนกน้อย..ตัวเปียกปอนสกปรก แต่จุดมุ่งหมายสำ คัญ มันจะต้องข้ามทุ่งหญ้าไปยังรังของมันให้ได้ จึงพยายามบินขึ้นและตกลงมาแล้วหลาย ครา นกน้อยเหน็บหนาวและหมดแรง…รู้สึกเหมือนกำ ลังจะขาดใจตาย แม่วัวตัวหนึ่งอยู่ใกล้ๆ จ้องมองที่นกน้อยและเคลื่อนตัว หันก้นของมันมาทางนก ในขณะที่ปากเคี้ยวเอื้องอยู่ ในขณะที่นกกำ ลังหวาดกลัว อย่างมาก กลัวว่าจะถูกวัวเหยียบ แม่วัวก็ถ่ายมูลกองใหญ่ลงบนตัวนก ในตอนแรก นกน้อยสุดจะ“เซ็ง”หดหู่และสิ้นหวัง มันโกรธแม่วัวอย่างมาก ที่เหมือนซ้ำ เติมให้ยิ่งทุกข์ยาก มันพยายามดิ้นรนที่จะให้หลุด ออกมาจากกองขี้วัว แต่สักครู่เดียวมันก็เริ่มรู้สึกว่าไม่หนาวอีกต่อไปแล้ว ขี้ที่เพิ่งออกจากตัวแม่วัว มีความร้อนพอจะทำ ให้ร่างกายของเจ้านกน้อยอบอุ่นขึ้น นกน้อยที่คิดว่าตัวเองกำ ลังจะตายไปแล้วด้วยสภาพอากาศอัน ย่ำ แย่ กำ ลังจะรอดชีวิต…ด้วยขี้วัวโสโครก ที่ยังไม่อาจทราบเลยว่าตกลงบนตัวของมันด้วยความตั้งใจของวัวหรือไม่? เจ้านกน้อยรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เมื่อกระแสลมสงบลง มันจึงโผล่หัวออกมาจากกองขี้วัว และร้องเพลงด้วยความลิงโลดใจ แต่…โชค ร้ายที่แมวซ่าในโรงนานั้นได้ยินเสียงเพลง จึงคาบเอานกจากกองขี้วัวและกินเสีย ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ผู้ที่นำ ความยากลำ บากมาให้ อาจไม่ใช่เพื่อทำ ร้ายเรา ส่วนผู้ที่นำ เราออกจากความยากลำ บากก็อาจไม่ใช่ เพื่อที่จะช่วยเรา และเมื่อได้ลิ้มรสความสุขสมหวัง ก็อย่าด่วนดีใจจนเกินไป


เรื่องที่ 5 ชื่อหนังสือ คิดแบบผึ้งหรือแมลงวัน ชื่อผู้แต่ง happy day สมมุติว่าเราจับผึ้งจำ นวน 6 ตัว ใส่ในขวด และจับแมลงวัน 6 ตัว ใส่ในอีกขวด จากนั้นวางขวดนอนลง โดยหันก้นขวดไปยังหน้าต่างที่มีแสงสว่างกว่า เราจะพบว่า…กลุ่มผึ้งจะพยายามบินออกทางก้นขวด จน กระทั่งมันตายจากการขาดอาหารหรือว่าหมดแรง ในขณะที่แมลงวัน จะบินวนอยู่ในขวดชนไปชนมา แต่ก็จะค่อยๆทยอยบินหาทางออกมาจากขวดได้ จากฝั่งคอขวด ที่อยู่ตรงกันข้ามกับก้นขวดซึ่งหันไปทาง หน้าต่าง ทำ ไมผลการทดลองจึงออกมาแบบนี้…. นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ผึ้งเป็นสัตว์ที่ฉลาด มีองค์ความรู้ พวกมันรู้ว่าหากบินไปในทิศทางที่มีแสงสว่าง จะเป็นทางออกจากรัง แต่เมื่อมันต้องมาอยู่ในขวด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผึ้งไม่เคยประสบมาก่อน มันก็ ยังคงเชื่อในความคิดแบบเดิมๆไม่เปลี่ยนแปลง คือ ต้องบินออกทางแสงสว่างเท่านั้น แต่สำ หรับ แมลงวัน เป็นสัตว์ที่ไม่มีความคิดเป็นตรรกะอะไร ดังนั้นเมื่อมันถูกจับไว้ในขวด มันจึงบินชนผนังขวด แกะทางไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็พบกับทางออก ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน คนฉลาดก็สามารถที่จะพลาดพลั้งล้มเหลวได้ หากมีความรู้แต่ยึดติดกรอบเดิมๆ ในขณะที่ผู้ไม่รู้ หากทำ ในสิ่งที่แตกต่าง ก็อาจประสบความสำ เร็จได้เช่นกัน


เรื่องที่ 6 ชื่อหนังสือ กาน้ำ ชาสอนใจ (เรื่องสั้น) ชื่อผู้แต่ง - ที่มา http://winne.ws/n6859 มีบ้านหลังหนึ่งที่บ้านมีกาน้ำ ชาสูงค่า เพราะเป็นกาที่ปั้นมาจากดินชนิดพิเศษสุดของประเทศจีน เลย วางไว้หัวเตียงอย่างทะนุถนอม มีอยู่คืนหนึ่ง ด้วยความไม่ระวัง มือไปปัดโดนฝากาน้ำ ชากระเด็นตกสู่ พื้น ทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ เมื่อคิดว่าทำ ฝาแตกแล้ว จะเก็บกาไว้ให้ดูเจ็บใจเล่นทำ ไม คิดได้ดังนั้นเลยหยิบ กาน้ำ ชาขว้างออกไปนอกหน้าต่าง รุ่งเช้าตื่นมาลุกลงจากเตียง เห็นฝากาน้ำ ชาหล่นอยู่บนรองเท้านุ่นที่ ข้างเตียง ไม่มีอะไรแตกเสียหาย กาน้ำ ชาก็ขว้างทิ้งไปแล้ว ยิ่งเจ็บใจ เลยกระทืบฝาจนแตกละเอียด พอ ตอนสายเดินออกไปนอกบ้าน ปรากฏว่ากาน้ำ ชาที่ขว้างออกไปเมื่อคืนนั้น ยังคาอยู่บนต้นไม้ไม่มีอะไร บุบสลาย ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน บางเรื่องบางเรื่องรอสักนิด ดูสักหน่อย ตรองสักพัก เพราะเรื่องบางเรื่องอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็น เราเข้าใจ ความวู่วามเปรียบเหมือนปีศาจร้าย ฝึกให้ใจเย็นไว้หน่อย นั่นคือวิถีของคนฉลาด


เรื่องที่ 7 ชื่อหนังสือ อยากให้บ้านนี้มีแต่รัก (เรื่องสั้น) ชื่อผู้แต่ง ประภาศรี เทียนประเสริฐ ที่มา แหล่งรวมเรื่องสั้น อรวีเป็นสาวน้อยร่างโปร่งผิวขาวและเป็นลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจชื่อดังเธอ เกิดในครอบครัวที่มี ฐานะความเป็นอยู่ดีแต่เธอไม่มีความสุขสบายดังฐานะของเธอ เลย ชีวิตของอรวีจึงเป็นชีวิตแบบหนึ่งใ สังคมปัจจุบัน ตอนนี้อรวีเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เขาน้อยอกน้อยใจตลอดเวลาถ้าคิดถึงเรื่อง ภายในครอบครัวของเขาเพราะพ่อแม่ ของอรวีไม่เคยมีเวลาให้เขาเลยแม้แต่วันหยุดเรียนก็ยังต้องออก ไปพบปะสังคมภาย นอกปล่อยให้เธออยู่บ้านตามลำ พังคนเดียวไม่มีคนที่จะปรึกษาไม่มีคนคอยถามข่า การเรียนของเขาเลย อรวีตื่นแต่เช้าออกจากบ้านเพื่อจะไปเรียนหนังสือดดยที่แม่กับพ่อของเขายัง ไม่ ตื่นนอนเลยพอกลับมาถึงบ้านก็ไม่มีใครอยู่มีแต่คนใช้เพราะพ่อกับแม่ไปทำ งานกว่าจะกลับอรวีก็เขา นอนแล้วชีวิตของอรวีเป็นอย่างนี้ทุกวันจนบางครั้งทำ ให้อรวีไม่อยากกลับบ้านเลยเขาไม่เคยมีความสุข เขาอยากมีชีวิตเหมือนคนปกติถึง แม้จะมีฐานะไม่ร่ำ รวยแต่เขาขอแค่พ่อแม่ลูกอยู่พร้อมหน้ากินข้าวด้ว กันแค่ นี้ก็พอใจแล้ววันหนึ่งเขาไปเรียนตามปกติก็มีเพื่อนของเขาคนหนึ่งมาคุยกับอร วีบอกว่าเขาเสีย ตัวให้กับผู้ชายที่พึ่งรู้จักจากการไปเที่ยวพับกลางคืนอรวี ตกใจมากจากเรี่องที่ได้ฟังทำ ให้อรวีคิดได้ว่า ไม่มีที่ไหนจะปลอดภัยและอบอุ่น เท่าบ้านของเขาเองไม่มีใครที่จะให้ความรักกับเราเท่าพ่อกับแม่ ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ครอบครัวจะเป็นสุขได้ถ้าทุกคนรู้จักหน้าที่ยอมรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกันรู้จักให้อภัยกัน และ เป็นกระจกเงาให้กันและกันภายในบ้านก็จะอบอุ่นด้วยไอรัก


เรื่องที่ 8 ชื่อเรื่อง ครอบครัวอบอุ่น ชื่อผู้แต่ง ทองดี สุรเตโช สำ นักพิมพ์ สำ นักงานกิจกรรมสตรีและสถานบันครอบครัว ปีที่พิมพ์2552 คำ ว่า ครอบครัว เป็น คำ ที่มีความหมายมาก คือ หมายถึงความรักความอบอุ่น ความเป็นอันเดียวกัน สมัยลูกเป็นเด็กๆ เราอยู่รวมกันเป็นครอบครัว มีเสียงหัวเราะสนุกสนาน มี เสียงวิ่งเล่นวิ่งไล่กัน ได้ ทานอาหารรวมกัน ได้อะไรด้วยกัน ดูมันมีชีวิตชีวา แม้พ่อแม่จะทำ งานเหน็ดเหนื่อยกันมา พอเห็นหน้า ลูกๆ มาคอยต้อนรับหน้าประตู ถามว่าเหนื่อยไหมแล้วช่วยถือกระเป๋าถือของให้ เท่านี้ก็หายเหนื่อยแล้ว เห็นลูกกินได้นอนหลับ พ่อกับแม่ก็สบายใจนี่แหละลูกเอ่ยที่เขาว่าครอบครัวที่อบอุ่น ตอนนี้ลูกก็โตกัน แล้ว หากสามารถเสบเป่าได้ พ่อกับแม่ก็อยากจะเสบเป่าให้ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น พร้อม หน้าพร้อมตากัน เหมือนตอนเป็นเด็กทานข้าวด้วยกัน ถามไถ่สุขของกันและกัน ได้อุ่มหลานตัวน้อยๆ เท่านี้ก็ยืนอายุให้พ่อกับแม่ได้อีกหลายปีแล้วลูกเอ่ย ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน 1 รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 2 รู้จักความเป็นอยู่ของครอบครัวว่าเวลาพ่อแม่ทำ งานหาเงินมาซื้อกับข้าว พ่อกับแม่ต้องทนเหน็ดเหนื่อย มากขนาดไหน เพื่อจะให้ลูกๆอยู่กิ.นมีความสุข


เรื่องที่ 9 ชื่อเรื่อง ศิษย์ที่ครูไม่ต้องการ ชื่อผู้แต่ง พินิตย์ พันธประวัติ สำ นักพิมพ์ โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว ปีที่พิมพ์ 2525 เด็กชายเดช เดชากุล เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นลูกคนเดียวของผู้มีอันจะกินคนหนึ่งถูก พ่อแม่ตามใจมากเกินไป เดชเป็นเด็กฉลาดแต่เขาไม่สนใจต่อการเรียนขาดเรียนบ่อย เอาแต่ใจตนเอง วันหนึ่งเดชมาเรียนตามปกติครูพรทิพย์จึงเรียกเดชมาพบที่โต๊ะหน้าห้องแต่เดช ไม่ยอมออกมาทำ เป็น ไม่สนใจต่อคำ พูดของคุณครูและมีการโต้ตอบทำ ให้ครูไม่สามารถ ข่มใจได้อีกจึงพูดสั่งสอนเดชอย่าง โมโห วันรุ่งขึ้นเดชมาเรียนเพียงครึ่งวันแล้วก็หิ้วกระเป๋าเดินคอตกกลับบ้าน ครูพรทิพย์สังเกตุว่าช่วงนี้ เดชมาเรียนทุกวันแต่งกายเรียบร้อยแต่ซึมเศร้า ครูพรทิพย์ทำ เป็นไม่สนใจเดชไม่ใยดีจนกระทั่งถึงวัน สอบอ่านวิชาภาษาไทยเดชก็ เข้ามาจะสอบแต่ครูไม่สนใจไม่พูดด้วยเขาก็เดินออกไปแล้วเดินกลับบ้าน น้ำ ตาซึม วันรุ่งขึ้นเดชไม่มาเรียนหลายวันและครูได้ข่าวว่าเดชไม่สบายครูจึงไปเยี่ยม ที่บ้านเดชขอโทษ คุณครู คุณครูพรทิพย์ให้อภัยเดชทุกอย่างเพราะเดชได้ปรับปรุงตัวเองจนกลายเป็นคนละคน คุณครูพร ทิพย์มีความสุขสุดที่จะกล่าว ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ได้รู้ถึงความรักที่ครูมีต่อลูกศิษย์ความอดทนเพื่อให้ลูกศิษย์เป็นคนดี คุณครูต้องการลูกศิษย์ทุกคนขึ้น อยู่ที่ตัวเราว่าจะทำ ตัวให้ครูต้องการหรือ ไม่ต้องการ


เรื่องที่ 10 ชื่อเรื่่อง เกือบสายไปแล้ว ชื่อผู้แต่ง ถวัลย์ มาสจรัส สำ นักพิมพ์ คุรุสภาลาดพร้าว ปีทีพิมพ์ 2539 ช่วงวัยของชีวิตไม่มีใครปฏิเสธิได้เลยว่าวัยรุ่นวัยเรียนนั้นน่าสนุกที่สุด เพราะเมื่อเราจากไกลบ้านแล้ว นั้นเท่ากับว่าไม่มีผู้ใหญ่คอยขีดขวางอีกแล้ว กับการมีชีวิตตามลำ พังมีบททดสอบมากมายให้ลองผิดลอง ถูกทุกอย่างขึ้นอยู่กับ เราตัดสินเลือกหนทางเดินเองทั้งสิ้นดั้งนั้นคนคนหน่งที่เรารู้จักโดยบังเอิญ ชีวิต วัยเด็กเขาเป็นเด็กดีมากถูกเลี้ยงมาอย่างดีเขาเป็นลูกคนเดียวจึงุถูก ตามใจในทุกๆเรื่องหลังจบชั้น ประถมก็ต่อชั้นมัธยมเมื่อออกสู่โลกภายนอกทำ ให้ เขาหลงระเริงกับสภาพบรรยากาศใหม่ๆเรียนได้ไม่กี ปีชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป ทุกอย่างทางที่ไม่ดีไม่ใส่ใจการเรียนติดยานานวันก็ยิ่งหนักขึ้นเป็นตัวปัญหา ที่ว่า สังคมไม่ต้องการทางบ้านจึงได้ส่งตัวไปเมืองนอกเผื่อส่าจะดีขึ้นแต่ กลับรุนแรงเข้าไปอีกเมื่อทางบ้าน ทราบข่าวสิ่งที่หวังจึงหมดหนทางสุดท้ายเขา ถูกส่งตัวกลับบ้านหลังจากนั้นเขาทำ อะไรก็ไม่มีใครสนใจ จนเขาเองก็รู้สึกกเเ ปลกใจวันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อุบัติเหตุครั้งนั้นทำ ให้เขาเกือบ ตาย ในขณะที่เขาอาการโคม่าเขาได้สำ นึกถึงการกระทำ อันเลวร้ายที่ผ่านมาเขาได้ สัญญากับตัวเองว่าหาก เขาหายจากอาการแล้วคนแรกที่จะขอโทษคือพ่อแม่และจะเป็น คนดีตลอดชีวิตถ้ามีชีวิตกลับมาเป็นปกติ อีกครั้ง ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน ชีวิตของเรามีค่ามหาศาล ก่อนที่เราจะทำ สิ่งไม่ดีให้นึกถึงพ่อแม่เสียก่อน ในยามที่เราไม่สบายและ ท้อแท้คนที่อยู่เคียงค้างเราคือพ่อแม่


ปกหลัง


Click to View FlipBook Version