แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรเ์ พ่มิ เตมิ หนว่ ยที่ 2 การเคลื่อนทีข่ องสิ่งมีชวี ติ
สาระ ชวี วทิ ยา (ว33256)
เรอ่ื ง การเคล่ือนทีข่ องสิง่ มีชวี ติ เซลล์เดียว ระดับชั้น มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6
เวลา 2 ชว่ั โมง ผู้สอน นางสาวธิดารตั น์ โพนกลาง
1. ผลการเรียนรู้
1. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าทขี่ องอวยั วะท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั การเคลื่อนทีข่ อง
แมงกะพรนุ หมึก ดาวทะเล ไส้เดอื นดิน แมลง ปลา และนก
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายการเคลื่อนที่ของสิง่ มีชีวติ เซลลเ์ ดียว (K)
2. เปรยี บเทยี บโครงสร้างที่ใชใ้ นการเคลอ่ื นทขี่ องส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว (K)
3. ใช้กล้องจุลทรรศนใ์ นการศึกษาได้อยา่ งถกู ตอ้ ง (P)
4. สนใจใฝ่ร้ใู นการศึกษาและมุ่งมน่ั ในการทางาน (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- ส่ิงมีชวี ิตเซลล์เดียวบางชนิดเคล่ือนทีโ่ ดยการไหล
ของไซโทพลาซึม บางชนิดใช้แฟลเจลลัมหรือ
ซเิ ลียในการเคลื่อนท่ี
4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเคลื่อนที่ของสงิ่ มชี วี ิตเซลล์เดยี วมลี ักษณะแตกตา่ งกนั ตามโครงสร้างของเซลล์ ดงั น้ี
1. การเคล่ือนที่โดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซึม พบในอะมีบา โดยอาศัยการแปรสภาพของ
เอ็กโทพลาซึมและเอนโดพลาซึม ซึ่งจะทางานร่วมกับการหดตัวและคลายตัวไมโครฟิลาเมนต์
(แอกทินและไมโอซิน)
2. การเคล่ือนทโี่ ดยอาศยั ซเิ ลียและแฟลเจลลมั
- แฟลเจลลัม มีลักษณะเป็นเส้นใยยาว รูปร่างคล้ายแส้ มีจานวน 1-2 เส้น แฟลเจลลัม
โบกพัดจากโคนสู่ปลายทาให้เกิดการเคลื่อนไหวแบบลูกคล่ืน พบในยูกลีนาและ
วอลวอกซ์
- ซิเลีย มีจานวนมากกว่าแฟลเจลลัม แต่ส้ันกว่า และกระจายอยู่รอบเซลล์ ซิเลียโบกพัด
ในทิศทางเดียวกันทาให้เซลล์เคลื่อนที่ไปด้านหน้าแบบไม่มีทิศทาง พบในพารามีเซียม
พลานาเรยี
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี นและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี นิ ยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้
1) ทกั ษะการสังเกต 3. มงุ่ มั่นในการทางาน
2) ทกั ษะการเปรยี บเทียบ
3) ทกั ษะการจาแนกประเภท
4) ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมลู
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
โดยใช้การสอนตามรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (15 นาท)ี
1. แจง้ ผลการเรยี นร้ขู องหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การเคลอ่ื นที่ของสิ่งมชี วี ติ ให้นกั เรียนทราบ
2. นักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 การเคลือ่ นที่ของสิ่งมีชีวิต
3. นักเรยี นทา Check for Understanding เพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองกอ่ นเรียน
4. ถามคาถาม Big Question เพ่ือให้นักเรียนได้ร่วมกันวิเคราะห์ว่า “สิ่งมีชีวิตท่ีอาศัยในสภาพแวดล้อม
แตกต่างกันมีโครงสร้างทเี่ หมาะสมในการเคลื่อนทแ่ี ตกตา่ งกนั อยา่ งไร”
(แนวตอบ: สิ่งมีชีวิตท่ีอาศัยในสภาพแวดล้อมแตกต่างกันจะมีโครงสร้างในการเคลื่อนท่ีแตกต่างกัน
เพอื่ ใหเ้ หมาะสมต่อการดารงชวี ติ ของส่ิงมชี วี ติ แตล่ ะชนดิ เช่น นกเปน็ สตั วป์ ีกซงึ่ ตอ้ งดารงชีวิต
โดยการบิน จึงจาเปน็ ต้องมีกล้ามเน้ือติดปีกทแ่ี ข็งแรง อีกท้งั ยังมีโครงสรา้ งลาตัวอื่น ๆ ทีช่ ่วย
ให้นกสามารถลอยตัวในอากาศได้ดี เช่น มีกระดูกกลวง เบา และอัดตัวแน่น จึงทาให้นกมี
รูปร่างเพรียว ปลาเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้า การว่ายน้าจึงจาเป็นต้องมีกล้ามเน้ือติดกระดูก
สันหลงั ทแี่ ข็งแรงและมีครบี ต่าง ๆ ช่วยในการทรงตัว อีกทั้งลาตัวยงั มีรูปร่างเพรยี ว มีผิวเรียบ
ล่ืน และมีเมือกเพ่ือลดแรงเสียดทานของน้าซึ่งมีค่าสูง หรือส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียวท่ีอาศัยอย่ใน
สภาพแวดล้อมท่ีเป็นน้าจะมีโครงสร้างท่ีใช้โบกพัดเพื่อให้เคล่ือนที่ได้ เช่น พารามีเซียมใช้ซิ
เลยี ยูกลีนาใช้แฟลเจลลัม (นกั เรยี นอาจยงั ไมส่ ามารถตอบคาถามได้))
5. ทบทวนความรู้ เร่ือง ไซโทสเกเลตอน ให้นักเรียนฟังว่า ไซโทสเกเลตอนเป็นเส้นใยโปรตีนที่เชื่อมโยงกัน
เป็นร่างแห ทาหน้าท่ีค้าจุนเซลล์ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นโครงกระดูกของเซลล์ โดยเป็นท่ียึดเกาะของ
ออร์แกเนลล์ให้คงอยู่ในตาแหน่งต่าง ๆ และยังทาหน้าท่ีลาเลียงออร์แกเนลล์ให้เคล่ือนท่ีในเซลล์ ไซโท-
สเกเลตอน แบง่ ได้เป็น 3 ประเภท ตามชนิดของหน่วยยอ่ ยท่ีเป็นองคป์ ระกอบ ดังนี้
1. ไมโครฟิลาเมนท์ (microfilament) ประกอบด้วยเส้นใยโปรตีนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
ประมาณ 7 นาโนเมตร เกิดจากโปรตีนแอกทิน (actin) ต่อกันเป็นสาย 2 สายพันและบิดตัว
เป็นเกลียวคล้ายสายสร้อยไข่มุก เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า แอกทินฟิลาเมนท์ (actin filament)
ทาหน้าที่เก่ียวกับ การเคลื่อนที่ของเซลล์ เช่น การเคลื่อนที่ของอะมีบา หรือเซลล์เม็ดเลือด
ขาวซ่ึงกินแบคทีเรียแบบฟาโก- ไซโทซิส และทาหน้าท่ีค้าจุนโครงสร้างของเซลล์ โดยพบได้ใน
ไมโครวิลไลท่ีเป็นส่วนหนึ่งของเซลล์เยื่อบุผิวในลาไส้เล็ก นอกจากน้ียังช่วยในการแบ่งไซ
โทพลาสซมึ ในกระบวนการแบ่งเซลล์
2. ไมโครทิวบูล (microtubule) เกิดจากโปรตีนทูบูลิน (tubulin) เรียงต่อกันเป็นสาย มีลักษณะ
เป็นแท่งกลวง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 25 นาโนเมตร เป็นส่วนประกอบของซิเลีย
แฟลกเจลลัม และยงั ทาหน้าทีล่ าเลียงออร์แกเนลล์ภายในเซลล์ด้วย
3. อินเทอร์มีเดียทฟิลาเมนท์ (intermediate filaments) เป็นเส้นใยท่ีประกอบด้วยหน่วยย่อย
หลายหน่วย ซ่ึงเรียงตัวเป็นสายยาว 8 ชุด ชุดละ 4 สาย พันบิดกนั เป็นเกลียว มีขนาดเส้นผ่าน
ศนู ย์กลางประมาณ 8-10 นาโนเมตร จัดเรียงตวั เป็นร่างแหตามลกั ษณะรูปร่างของเซลล์ พบได้
ทโ่ี ปรตนี เคอราทนิ ในผิวหนงั ขน และเลบ็ ของสัตวเ์ ลย้ี งลูกดว้ ยน้านม
6. ถามคาถาม Key Question กบั นักเรียนว่า สงิ่ มชี ีวติ เซลล์เดียวแตล่ ะชนิดเคลอ่ื นที่แตกตา่ งกันอย่างไร
(แนวตอบ: อะมีบาเคลื่อนที่โดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซึมร่วมกับการหดตัวของไมโครฟิลาเมนท์
ส่วนพารามีเซียม ยูกลีนา วอลวอกซ์ เคล่ือนที่โดยอาศัยซิเลียหรือแฟลเจลลัมซ่ึงจะโบกพัด
แล้วทาใหเ้ กิดการเคล่ือนท่ี (นกั เรียนอาจยงั ไม่สามารถตอบคาถามได้))
ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration) (50 นาที)
1. จัดกิจกรรมกลุ่ม เร่ือง การเคล่ือนท่ีของส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว โดยให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 6 กลุ่ม ศึกษาการ
เคล่อื นทีข่ องสิ่งมชี วี ิตเซลลเ์ ดยี วภายใตก้ ล้องจุลทรรศน์ ตามฐานตา่ ง ๆ ดังน้ี
- ฐานที่ 1 การเคลอ่ื นที่ของอะมบี า
- ฐานที่ 2 การเคลอ่ื นท่ขี องยกู ลีนา
- ฐานที่ 3 การเคล่ือนที่ของพารามเี ซียม
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์รูปแบบการเคลื่อนท่ีและโครงสร้างท่ีใช้ในการเคล่ือนท่ีของสิ่งมีชีวิต
เซลลเ์ ดียว ทีส่ ังเกตภายใตก้ ลอ้ งจุลทรรศน์
3. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ออกมาอธบิ ายการเคลอื่ นท่ขี องส่ิงมีชีวิตเซลลเ์ ดียว ดงั น้ี
- กลุ่มท่ี 1-2 การเคลอื่ นทขี่ องอะมบี า
- กลมุ่ ที่ 3-4 การเคลือ่ นทข่ี องยกู ลนี า
- กลุ่มที่ 5-6 การเคลอื่ นทขี่ องพารามีเซยี ม
โดยระหว่างท่ีนกั เรยี นนาเสนอให้นักเรียนในชั้นเรียนร่วมกันเสนอแนะ และครูคอยเพิ่มเติมประเด็นที่ขาด
หายไป
4. นาวีดิทัศน์แสดงการเคล่อื นทขี่ องอะมบี ามาประกอบการอธบิ าย เชน่
- https://www.youtube.com/watch?v=7pR7TNzJ_pA
- https://www.youtube.com/watch?v=QTIYOC-vwl8
- https://www.youtube.com/watch?v=PsYpngBG394
พรอ้ มอธบิ ายประกอบว่า อะมบี าเคลอื่ นที่โดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซึม เรยี กการเคลื่อนที่รูปแบบนี้
วา่ การเคล่ือนท่ีแบบอะมีบา (amoeboid movement) โดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซึมที่มีการแปร
สภาพกลับไปกลับมา ได้แก่ เอ็กโทพลาซึมเป็นไซโทพลาซึมช้ันนอกท่ีมีลักษณะข้นหนืด ก่ึงแข็งกึ่งเหลว
และเอนโดพลาซึม เป็นไซโทพลาซมึ ช้นั ในที่มีลักษณะคอ่ นขา้ งเหลว ซ่ึงทางานรว่ มกับการหดตัวและคลาย
ตัวของไมโครฟิลาเมนท์ 2 ชนิด ได้แก่ แอกทินและไมโอซิน ทาให้เกิดการไหลของไซโทพลาซึมไปใน
ทิศทางที่เซลลเ์ คล่ือนทแ่ี ละดันเย่ือหุ้มเซลล์ ส่วนนน้ั ให้โป่งออกเปน็ เท้าเทยี ม จากนน้ั ไซโทพลาซึมทั้งเซลล์
จะเคล่ือนท่ไี ปตามเท้าเทยี ม
5. นาวดี ิทัศนแ์ สดงการเคล่อื นที่ของยูกลนี ามาประกอบการอธบิ าย เช่น
- https://www.youtube.com/watch?v=fI7nEWUjk3A
- https://www.youtube.com/watch?v=9nxoSRasq2Q
พร้อมอธิบายประกอบวา่ ยูกลีนาเคลื่อนทโี่ ดยใช้แฟลเจลลัม ซ่งึ มีลักษณะเป็นเสน้ ใยยาว รูปรา่ งคล้ายแส้
มีจานวน 1-2 เส้น แฟลเจลลัมจะโบกพัดจากโคนสู่ปลายทาให้เกิดการเคล่ือนไหวเป็นแบบลูกคลื่นและ
เกิดแรงผลักใหส้ ่งิ มชี วี ติ เคล่ือนที่ได้
6. นาวีดิทศั นแ์ สดงการเคลื่อนทขี่ องพารามีเซยี มมาประกอบการอธบิ าย เชน่
- https://www.youtube.com/watch?v=RyQfvxH425Q
- https://www.youtube.com/watch?v=vo_AQVrjS04
พร้อมอธิบายประกอบว่า พารามีเซียมเคล่ือนท่ีโดยใช้ซิเลีย ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นใยส้ัน ๆ แต่กระจายอยู่
รอบเซลล์ และมจี านวนมากกว่าแฟลเจลลัม ซเิ ลียจะโบกพัดในทศิ ทางเดียวกันคล้ายกรรเชียงเรือ แตไ่ ม่มี
การควบคุมทศิ ทางท่ีแน่นอนทาให้เซลลหฺ มุนไปในทกุ ทิศทาง
7. นักเรียนศึกษาโครงสร้างของซิเลียและแฟลเลลัม ซึ่งประกอบด้วยไมโครทิวบูล 9 กลุ่ม กลุ่มละ 2 หลอด
ทีเ่ รยี งกันเป็นวง และบรเิ วณแกนกลางมีไมโครทวิ บลู 2 หลอด โดยไมโครทวิ บลู ทเ่ี รยี งอยูเ่ ปน็ วงจะมไี ดนีน
อาร์มเชอื่ มกบั ไมโครทิวบูลท่อี ยู่แกนกลาง เกิดเป็นโครงสร้างทีเรียกวา่ 9+2
8. ถามคาถามเพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี น เช่น
- อะมบี า พารามเี ซยี ม และยกู ลีนามีโครงสรา้ งทใี่ ช้เคล่ือนทแ่ี ตกต่างกนั อย่างไร
(แนวตอบ: อะมบี าเคลื่อนท่ีโดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซมึ รว่ มกับการหดตัวของไมโครฟิลาเมนท์
พารามีเซียมคลือ่ นทโี่ ดยใชซ้ ิเลยี และยกู ลนี าเคล่ือนท่ีโดยใช้แฟลเจลลัม)
- ซเิ ลียและแฟลเจลัมแตกตา่ งกนั อย่างไร
(แนวตอบ: ซิเลยี มีลกั ษณะเป็นเสน้ ใยส้ัน และมีจานวนมาก ส่วนแฟลเจลลมั มีลักษณะเป็นเส้นใยยาว
และมีจานวนเพียง 1-2 เส้น)
- เทา้ เทยี มของอะมบี า นอกจากใข้เคล่อื นท่ีแลว้ ยงั ใชป้ ระโยชนด์ า้ นใดได้อกี บา้ ง
(แนวตอบ: ใช้กินอาหาร โดยย่ืนเท้าเทียมออกไปโอบล้อมอาหารและนาเข้าสู่เซลล์โดยบรรจุไว้ในรูป
ฟูดแวคิวโอล แล้วใช้เอนไซม์จากไลโซไซม์ย่อยอาหารให้มีขนาดเล้กลงและลาเลียงไปทั่ว
เซลล์)
- โครงสร้าง 9+2 ของซิเลียหมายความว่าอยา่ งไร
(แนวตอบ: ซิเลียประกอบดว้ ยไมโครทิวบลู 9 กลุ่ม กลุ่มละ 2 หลอด เรียงกันเป็นวง และแกนกลางมี
ไมโครทวิ บลู 2 หลอด)
9. นกั เรียนทา Topic Questions ท้ายหัวข้อ การเคลื่อนทขี่ องสงิ่ มีชวี ิตเซลลเ์ ดยี ว จากหนงั สอื เรียนรายวชิ า
เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 135 โดยบันทึกลงในสมุดบันทึกของ
นักเรียน
10. นักเรียนทาแบบฝึกหัด เร่ือง การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ในแบบฝึกหัดรายวิชาเพ่ิมเติม
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 (อาจสง่ั ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น)
ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (30 นาท)ี
1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการเคล่ือนท่ีของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า สิ่งมีชีวิตเซลล์
เดียวใช้ไซโทสเกเลตอนในการเคล่ือนท่ี ซ่ึงการเคล่ือนท่ีจะแตกตา่ งกันตามโครงสร้างของเซลล์ ไดแ้ ก่
- การเคลื่อนท่ีโดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซึม พบในอะมีบา โดยอาศัยการแปรสภาพของ
เอ็กโทพลาซึมและเอนโดพลาซึม ซ่ึงจะทางานร่วมกับการหดตัวและคลายตัวไมโครฟิลาเมนต์
(แอกทินและไมโอซนิ )
- การเคล่ือนท่ีโดยอาศยั แฟลเจลลัมและซิเลีย โดยแฟลเจลลมั มีลักษณะเปน็ เส้นใยยาว รูปร่าง
คล้ายแส้ มีจานวน 1-2 เส้น แฟลเจลลัมจะโบกพัดจากโคนสู่ปลายทาให้เกิดการเคล่ือนไหว
แบบลูกคล่ืน พบในยูกลีนาและวอลวอกซ์ ส่วนซิเลียมีจานวนมากกว่าแฟลเจลลัม แต่ส้ันกว่า
และกระจายอยู่รอบเซลล์ ซิเลียโบกพัดในทิศทางเดียวกันทาให้เซลล์เคล่ือนท่ีไปด้านหน้าแบบ
ไมม่ ีทิศทาง พบในพารามีเซียม พลานาเรยี
2. นักเรยี นเขียนสรุปในรปู แบบผังมโนทศั น์ เรื่อง การคล่ือนท่ขี องสง่ิ มชี ีวิตเซลลเ์ ดียว โดยอธบิ ายโครงสร้างท่ี
ใชใ้ นการเคล่ือนท่ี และยกตวั อยา่ งสิง่ มีชีวิตเซลลเ์ ดยี วที่ใชโ้ ครงสรา้ งดงั กล่าวเคลอ่ื นที่
ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาท)ี
1. นกั เรียนเขยี นสรุปในรปู แบบผงั มโนทศั น์ เรื่อง การคลื่อนท่ขี องส่งิ มชี วี ิตเซลล์เดยี ว โดยอธิบายโครงสรา้ งท่ี
ใชใ้ นการเคล่ือนที่ และยกตวั อย่างสง่ิ มีชีวิตเซลล์เดยี วท่ใี ช้โครงสรา้ งดังกลา่ วเคล่ือนท่ี
ขน้ั ประเมิน (Evaluation)
1. ประเมินความรู้เก่ียวกบั เร่อื ง การเคลื่อนท่ีของส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม
ตรวจแบบฝึกหัด ตรวจใบงาน และตรวจผังมโนทศั น์
2. ประเมินทกั ษะและกระบวนการ โดยสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่มและใช้กล้องจุลทรรศน์ในการศกึ ษา
3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้ในการศึกษาและความมุ่งมั่นใน
การทางาน
7. การวดั และการประเมนิ ผล
รายการวดั วิธวี ดั เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมิน
7.1 การประเมนิ กอ่ นเรยี น - ประเมนิ ตาม
สภาพจรงิ
- แบบทดสอบกอ่ น - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ
- ร้อยละ 60
เรยี น หน่วยการ กอ่ นเรยี น ก่อนเรียน ผ่านเกณฑ์
เรียนรูท้ ี่ 4 - รอ้ ยละ 60
ผ่านเกณฑ์
7.2 การประเมินระหว่าง
- รอ้ ยละ 60
การจัดกิจกรรม ผา่ นเกณฑ์
1) การเคลอื่ นท่ี - ตรวจใบงานท่ี 4.1 - ใบงาน 4.1 - ระดบั คณุ ภาพดี
ผา่ นเกณฑ์
ของส่ิงมีชวี ิต
เซลลเ์ ดยี ว - ตรวจ Topic Questions - Topic Questions
- ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด
- ตรวจผงั มโนทศั น์ เรื่อง - แบบประเมนิ
การคล่อื นทีข่ องสง่ิ มีชีวติ ผงั มโนทศั น์
เซลลเ์ ดียว
2) การนาเสนอ - ประเมินการนาเสนอ - ผลงานทนี่ าเสนอ - ระดบั คณุ ภาพดี
ผลงาน ผลงาน ผ่านเกณฑ์
3) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพดี
รายการวัด วิธวี ัด เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
การทางาน การทางานรายบุคคล
รายบคุ คล การทางานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
4) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม
การทางานกล่มุ การทางานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพดี
5) คณุ ลักษณะ - สังเกตความมวี ินยั การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มนั่
ในการทางาน - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพดี
คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
อนั พึงประสงค์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ท่ี 4 การเคลอ่ื นที่ของส่งิ มชี วี ติ
2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี
4 การเคลื่อนท่ขี องส่ิงมีชวี ิต
3) แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 การเคลอื่ นท่ีของส่งิ มีชีวติ
4) ใบงานท่ี 4.1 เรือ่ ง การเคลอ่ื นทข่ี องสิง่ มชี วี ิตเซลลเ์ ดยี ว
5) PowerPoint เร่ือง การเคลอื่ นที่ของสิง่ มีชวี ติ
6) วดี ิทศั น์ เร่อื ง การเคล่ือนทข่ี องอะมีบา ยกู ลีนา และพารามเี ซยี ม
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมดุ
3) หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร
4) สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์
ใบงานที่ 4.1
เรอ่ื ง การเคลือ่ นท่ขี องสงิ่ มีชีวิตเซลลเ์ ดียว
คาช้แี จง : หาภาพส่งิ มชี วี ิตเซลล์เดียวทก่ี าหนดให้ พร้อมระบโุ ครงสรา้ งทใ่ี ช้ในการเคลอื่ นทใ่ี ห้ถกู ตอ้ ง
1. Trypanosoma sp. 2. Trichonympha sp.
โครงสรา้ งท่ใี ช้เคลอ่ื นท่ี โครงสร้างทใ่ี ช้เคลอ่ื นที่
.................................................................. ..................................................................
3. Entamoeba histolytica 4. Colpidium colpoda
โครงสรา้ งที่ใชเ้ คลอ่ื นท่ี โครงสรา้ งที่ใชเ้ คลอื่ นท่ี
.................................................................. ..................................................................
5. Colpoda cucullus 6. Giardia lambia
โครงสร้างท่ใี ชเ้ คลอ่ื นที่ โครงสรา้ งทีใ่ ช้เคลอ่ื นท่ี
.................................................................. ..................................................................
ใบงานท่ี 4.1 เฉลย
เรื่อง การเคลอ่ื นทข่ี องสง่ิ มีชีวติ เซลลเ์ ดยี ว
คาชแ้ี จง : หาภาพสิง่ มีชีวิตเซลลเ์ ดยี วท่ีกาหนดให้ พร้อมระบุโครงสร้างที่ใชใ้ นการเคล่อื นท่ีใหถ้ ูกต้อง
1. Trypanosoma sp. 2. Trichonympha sp
โครงสร้างท่ีใช้เคลอ่ื นท่ี โครงสร้างท่ีใชเ้ คลอ่ื นท่ี
........................แ..ฟ...ล...เ.จ..ล..ล...า.......................... ........................แ..ฟ...ล..เ.จ..ล...ล..า...........................
3. Entamoeba histolytica 4. Colpidium colpoda
โครงสรา้ งท่ีใชเ้ คลอื่ นที่ โครงสรา้ งท่ีใชเ้ คลอื่ นท่ี
............ก..า..ร..ไ..ห..ล...ข..อ...ง.ไ..ซ..โ..ท..พ...ล..า..ซ...มึ ................. ............................ซ..เิ .ล..ีย.................................
5. Colpoda cucullus 6. Giardia lamblia
โครงสรา้ งทใ่ี ช้เคลอื่ นท่ี โครงสรา้ งทใี่ ช้เคลอ่ื นที่
............................ซ..เิ.ล...ีย................................ ........................แ..ฟ...ล..เ..จ..ล..ล..า...........................
9. ความเห็นของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผ้ทู ไี่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ
ลงชื่อ .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ .......
10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ดา้ นความรู้
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ มี))
ปญั หา/อุปสรรค
แนวทางการแก้ไข
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรเ์ พ่มิ เติม หนว่ ยท่ี 2 การเคลือ่ นท่ีของส่งิ มีชวี ิต
สาระ ชวี วทิ ยา (ว33256)
เรื่อง การเคลื่อนทข่ี องสัตว์ ระดับชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
เวลา 3 ชวั่ โมง ผสู้ อน นางสาวธดิ ารัตน์ โพนกลาง
1. ผลการเรียนรู้
1. สบื คน้ ข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทยี บโครงสรา้ งและหนา้ ที่ของอวัยวะท่ีเก่ยี วข้องกับการเคลื่อนท่ขี อง
แมงกะพรุน หมึก ดาวทะเล ไส้เดือนดนิ แมลง ปลา และนก
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
1. สบื ค้นขอ้ มูล อธบิ าย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหนา้ ทีข่ องอวยั วะท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั การเคล่อื นทีข่ อง
สตั ว์ต่าง ๆ (K)
2. สงั เกตลักษณะและโครงสร้างทใ่ี ชใ้ นการเคล่อื นทีข่ องไส้เดอื นดนิ (P)
3. สนใจใฝ่รู้ในการศกึ ษาและมงุ่ มัน่ ในการทางาน (A)
3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถน่ิ
พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น แมงกะพรุน
เคล่ือนท่ีโดยอาศัยการหดตัวของเน้ือเยื่อบริเวณ
ขอบกระดง่ิ และแรงดันนา้
- หมึกเคลื่อนที่โดยอาศัยการหดตัวของกล้ามเนื้อ
บริเวณลาตัว ทาให้น้าภายในลาตัวพ่นออกมา
ทางไซฟอน ส่วนดาวทะเลใช้ระบบท่อน้าในการ
เคลอื่ นที่
- ไส้เดือนดินมีการเคล่ือนที่ โดยอาศัยการหดตัว
และคลายตัวของกล้ามเนื้อวงและกล้ามเนื้อ
ตามยาวซ่งึ ทางานในสภาวะตรงกันข้าม
- แมลงเคล่ือนท่ีโดยใช้ปีกหรือขา ซ่ึงมีกล้ามเนื้อ
ภายในเปลือกห้มุ ทางานในสภาวะตรงกนั ขา้ ม
- สัตว์มีกระดูกสันหลัง เช่น ปลา เคล่ือนที่โดย
อาศัยการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อท่ียึด
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถนิ่
พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
ติดอยู่กับกระดูกสันหลังท้ัง 2 ข้าง ทางานใน
สภาวะตรงกันข้าม และมีครีบที่อยู่ในตาแหน่ง
ต่างๆ ช่วยโบกพัดในการเคล่ือนที่ ส่วนนก
เคลื่อนท่ีโดยอาศัยการหดตัวและคลายตัวของ
กล้ามเนื้อกดปีกกับกล้ามเนื้อยกปีกซ่ึงทางานใน
สภาวะตรงกันข้าม
4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
สตั ว์แต่ละชนดิ มีโครงสร้างทใี่ ช้ในการเคลอื่ นทีแ่ ตกต่างกัน ดังน้ี
- แมงกระพรุน อาศัยการหดตัวของเนือ้ เยื่อบริเวณขอบกระดิ่งและบริเวณผนังลาตวั สลบั กัน ทาให้
เกดิ แรงดนั นา้ ผลักตัวแมงกะพรุนใหเ้ คลือ่ นทไี่ ปในทศิ ทางตรงข้ามกับน้าท่พี น่ ออกมา
- หมึก อาศัยการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณลาตัวทาให้น้าภายในลาตัวพ่นออกทางท่อไซฟอนซึ่ง
อยทู่ างสว่ นล่างของส่วนหวั ตัวของหมกึ จึงพุ่งไปในทศิ ทางตรงข้ามกบั ทศิ ทางของน้าทพ่ี ่นออกมา
- ดาวทะเล อาศัยแรงดันของระบบท่อน้า นา้ เขา้ ทางมาดรีโพไรต์ไหลไปตามทอ่ น้าวงแหวนและท่อ
น้าแนวรัศมีเข้าสู่แอมพูลลา เม่ือกล้ามเน้ือของแอมพูลลาหดตัวจะดันน้าไปตามทิวบ์ฟีททาให้ยืด
ยาวไปแตะพ้นื ใตน้ ้า การยดื และหดของทวิ บฟ์ ีททาให้ดาวทะเลเคลอื่ นท่ี
- ไส้เดือนดิน อาศัยการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเน้ือวงและกล้ามเน้ือตามยาว ซึ่งทางานใน
สภาวะตรงกันข้าม โดยเคลื่อนท่ีแบบระลอกคล่ืน อีกทั้งยังมีเดือยช่วยบังคับทิศทางในการ
เคลอื่ นท่ี
- แมลง แบง่ การเคลื่อนทอี่ อกเป็น 2 รูปแบบ ไดแ้ ก่
- การบิน เกิดจากการทางานร่วมของกล้ามเนือ้ ยดึ เปลือกหุ้มส่วนอกและกล้ามเนือ้ ตามยาว
ยดึ ปีกซึ่งทางานในสภาวะตรงกนั ข้าม เม่ือกล้ามเน้ือยดึ เปลือกหุ้มส่วนอกหดตัว กลา้ มเน้ือ
ตามยาวยึดปีกคลายตัว ปีกจะยกขึ้น แต่เม่ือกล้ามเนื้อยึดเปลือกหุ้มส่วนอก8คลายตัว
กล้ามเนอ้ื ตามยาวยดึ ปกี หดตัว ปีกจะกดขึ้น
- การกระโดด เกิดจากทางานสลับกันของกล้ามเน้ือเฟล็กเซอร์และกล้ามเนื้อเอ็กเทนเซอร์
ซึ่งทางานในสภาวะตรงกันข้าม เมื่อกล้ามเนื้อเฟล็กเซอร์หดตัว กล้ามเนื้อเอ็กเทนเซอร์
คลายตัว ขาจะงอ แต่เม่ือกล้ามเน้ือเฟล็กเซอร์คลายตัว กล้ามเนื้อเอ็กเทนเซอร์หดตัว ขา
จะเหยยี ด
- ปลา อาศยั การหดและคลายตัวแบบสลับของกล้ามเน้อื ยึดติดกระดูกที่ยดึ ติดกับกระดูกสนั หลังแต่
ละส่วนในการเคลื่อนท่ีแนวระนาบ และอาศัยการทางานของครีบต่าง ๆ ในการทรงตัวและการ
เคล่ือนท่ีในแนวดง่ิ
- นก อาศัยการทางานของกล้ามเนื้อยกปีกและกล้ามเนื้อกดปีก เมื่อกล้ามเน้ือยกปีกหดตัว
กลา้ มเนอื้ กดปกี คลายตัว ปกี จะยกขน้ึ แตเ่ มือ่ กลา้ มเนื้อยกปีกคลายตวั กล้ามเนอ้ื กดปกี หดตัว ปีก
จะจะกดลง
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มีวินยั
2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้
1) ทกั ษะการสังเกต 3. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
2) ทักษะการสารวจค้นหา
3) ทักษะการจาแนกประเภท
4) ทกั ษะการลงความเห็นจากขอ้ มลู
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
โดยใช้การสอนตามรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (20 นาที)
1. ทบทวนความรู้ เรอ่ื ง โครงร่างค้าจนุ ของร่างกาย ซึง่ แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- โครงร่างไฮโดรสแตติก (hydrostatic skeleton) เป็นโครงร่างที่มีของเหลวเป็นองค์ประกสาคัญ
เม่อื กลา้ มเน้ือหดตัวจะมีการกระจายของเหลวไปยังชอ่ งว่างของร่างกาย เกิดแรงเตง่ ตา้ นแรงหดตัว
ของกล้ามเน้ือทาให้ร่างกายเคล่ือนไหว พบในสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังท่ีร่างกายอ่อนนุ่ม เช่น
ไสเ้ ดือนดนิ ดอกไม้ทะเล ซ่งึ สัตวพ์ วกน้ีถ้ารา่ งกายขาดน้าจะเคลอ่ื นทไ่ี ม่ได้
- โครงร่างแข็งภายนอก (exoskeleton) เป็นเปลือกหรือปลอกแข็งที่ปกคลุมร่างกาย สามารถรับ
แรงทเี่ กิดจากการหดตวั ของกลา้ มเนอ้ื ท่ียึดกับเปลือกและทาให้เกิดการเคลอ่ื นที่ เช่น แมลง
- โครงร่างแขง็ ภายใน (endoskeleton) พบในสัตว์มีกระดูกสนั หลงั ประกอบด้วยกระดูกทาหน้าท่ี
รองรบั แรงตา้ นทเี่ กิดจากการหดตวั ของกลา้ มเน้อื
2. นาวีดิทัศน์แสดงการเคลื่อนท่ีของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น ไฮดรา แมงกระพรุน หมึก และการ
เคลื่อนท่ีของสัตว์มีกระดูกสันหลัง เช่น ปลา นก เสือชีตาร์ มาเปิดให้นักเรียนดู ตัวอย่างวีดิทัศน์การ
เคลอื่ นทีข่ องสตั ว์ เชน่
- https://www.youtube.com/watch?v=aFdvkopOmw0
- https://www.youtube.com/watch?v=wxlX2qxaqSQ&t=118s
- https://www.youtube.com/watch?v=0Texxu3p7I8
3. ถามคาถาม Key Question กับนักเรียนว่า “สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลงั และสตั ว์มกี ระดกู สันหลังมีโครงสร้าง
ในการเคลอื่ นที่แตกต่างกันอย่างไร”
(แนวตอบ: สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังส่วนใหญ่ใช้กล้ามเนื้อช่วยในการเคลื่อนที่ (สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังท่ี
อาศัยในน้าอาจใช้แรงดันน้าช่วยในการเคล่ือนท่ี) ส่วนสัตว์มีกระดูกสันหลังจะใช้กล้ามเน้ือ
และโครงกระดกู ชว่ ยในการเคลือ่ นท่ี)
ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration) (80 นาที)
1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 7 กลุ่ม สืบค้นข้อมูลและศึกษาโครงสร้างลาตัวที่เก่ียวข้องกับการเคลื่อนท่ีของสัตว์
ได้แก่ แมงกะพรุน หมึก ดาวทะเล ซ่ึงใช้โครงสร้างของลาตัวร่วมกับแรงดันน้าในการเคล่ือนที่ จากสื่อ
อิเล็กทรอนิกส์หรือจากหนังสือรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า
136-138
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาการเคลื่อนที่ของไส้เดือนดิน และทากิจกรรม การเคล่ือนท่ีของไส้เดือนดิน เพ่ือ
สังเกตและอธิบายลกั ษณะการเคลอ่ื นทแ่ี ละการทางานของกลา้ มเน้อื ท่ที างานร่วมกันในสภาวะตรงกนั ขา้ ม
จากหนงั สอื เรยี นรายวิชาเพมิ่ เตมิ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชวี วิทยา ม.6 เลม่ 1 หนา้ 140
3. สุ่มเลือกนักเรียนอย่างน้อย 3 กลุ่ม นาเสนอผลและอภิปรายผลกิจกรรม การเคล่ือนท่ีของไส้เดือนดิน
และถามคาถามทา้ ยกิจกรรมกับนกั เรยี น ดงั นี้
- การเคล่ือนท่ีของไส้เดือนดินอาศัยโครงสรา้ งใดบา้ ง
(แนวตอบ: อาศัยการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อวงและกล้ามเนื้อตามยาวในสภาวะตรงกัน
ข้าม และใช้เดอื ยท่ียน่ื ออกมาจากผนังล้าตวั ยดึ เกาะกบั พ้ืนดนิ )
- ลกั ณะการเคลื่อนท่ขี องไส้เดอื นดนิ เป็นอย่างไร
(แนวตอบ: ลกั ษณะคล้ายระลอกคลนื่ )
4. นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลและศึกษาการเคล่ือนที่ของแมลง แบ่งเป็นการเคลื่อนที่โดยบินและการ
กระโดด ซ่ึงการเคลื่อนที่ของท้ัง 2 ลกั ษณะ เกดิ จากการทางานของกลา้ มเนื้อ 2 ชุด ในสภาวะตรงกันข้าม
จากสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือจากหนังสือรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1
หนา้ 141
5. นักเรียนแต่ละกลุ่มสืบค้นข้อมูลและศึกษาการเคลื่อนท่ีของปลาและนก ซ่ึงเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังจึง
อาศัยการทางานร่วมกันของกระดูกและกล้ามเนอ้ื จากสอ่ื อิเล็กทรอนกิ ส์หรือจากหนังสอื รายวิชาเพิ่มเติม
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชวี วทิ ยา ม.6 เล่ม 1 หนา้ 142
6. นักเรียนแต่ละกลุ่มจับสลากเลือกสัตว์ต่าง ๆ ท่ีได้สืบค้นข้อมูลและศึกษามา แล้วร่วมกันวิเคราะห์
โครงสร้างของลาตัวท่เี กี่ยวข้องกบั การเคลือ่ นทขี่ องสตั วท์ ี่จับสลากได้ ดงั นี้
- แมงกระพรุน มีลาตัวอ่อนน่ิม มีเนื้อเยื่อ 2 ชั้น ซ่ึงมีของเหลวแทรกอยู่ระหว่างเน้ือเยื่อท้ัง 2 ช้ัน
การเคลื่อนที่อาศัยการหดตัวของเนื้อเย่ือบริเวณขอบกระดิ่งและบริเวณผนังลาตวั สลับกัน ทาให้
เกดิ แรงดันน้าผลักตวั แมงกะพรุนใหเ้ คลือ่ นทไี่ ปในทิศทางตรงข้ามกบั นา้ ที่พ่นออกมา
- หมึก มีลาตัวอ่อนน่ิม มีกล้ามเนื้อบริเวณลาตัวและท่อไซฟอนที่ด้านล่างส่วนหัวเป็นดครงสร้างท่ี
เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ โดยเมื่อกล้ามเนื้อบริเวณลาตัวหดตัวจะทาให้น้าภายในลาตัวถูกพ่น
ออกมา ซึ่งจะดันให้ลาตัวของหมึกเคลอื่ นที่ไปในทิศทางตรงขม้ กับนา้ ทพี่ ่อนออก ความเรว็ ในการ
เคลื่อนที่ของหมึกจะข้ึนอยู่กับความแรกในการบีบตัวของกล้ามเน้ือลาตัว นอกจากนี้หมึกยังมี
ครบี ทอ่ี ยดู่ ้านข้างของลาตัวชว่ ยในการทรงตัวในขณะทีม่ กี ารเคลื่อนท่ี
- ดาวทะเล มีผิวด้านนอกแข็งแต่ไม่ได้ยึดติดกับกล้ามเนื้อ เคล่ือนที่โดยใช้แรงดันน้าที่ผ่านเข้า
ระบบท่อน้า เมื่อน้าไหลเข้าสู่ระบบท่อน้าทางมาดรีโพไรต์จะผ่านท่อน้าวงแหวนเข้าสู่ท่อน้าแนว
รัศมแี ละแอมพลู ลา ตามลาดบั เม่ือกล้ามเนอ้ื บริเวณแอมพูลลาหดตวั จะดนั น้าเขา้ สู่ทวิ บฟ์ ีททาให้
ทิวบ์ฟีทยืดยาวออกไปแตะพื้นด้านล่าง ขณะเดียวกันลิ้นภายในแอมพูลลาจะปิดป้องกนั ไม่ให้น้า
ไหลกลับออกไปทางท่อดา้ นขา้ ง หลังจากนั้นกลา้ มเน้ือของทิวบฟ์ ีทจะหดตัวทาให้ทิวบ์ฟที มขี นาด
ส้ันลง จึงดันน้ากลับเข้าสู่กระเปาะแอมพูลลาอีกคร้ัง การยืดตัวและหดตัวของทิวบ์ฟีทหลาย ๆ
อัน ทาให้เกิดแรงดันจนดาวทะเลสามารถเคล่ือนท่ีได้ นอกจากน้ที ่ีปลายอกี ด้านหนง่ึ ของทิวบ์ฟีท
มลี กั ษณะคล้ายแผน่ ดดู ทาหน้าทใ่ี นการยึดเกาะกบั พื้นผวิ ขณะทมี่ ีการเคลอ่ื นที่
- ไส้เดือนดิน ใช้เดือยยึดเกาะกับพ้ืนดิน และอาศัยการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อวงและ
กล้ามเนอ้ื ตามยาว ซง่ึ เมื่อกลา้ มเนอ้ื วงบริเวณส่วนหวั คลายตวั และกล้ามเนอื้ ตามยาวหดตวั ปล้อง
จะส้ันและโป่งออก และเม่ือกล้ามเน้ือวงบริเวณส่วนหัวหดตัวและกล้ามเนื้อตามยาวคลายตัว
ปล้องจะยาวและยดื ออก ทาใหส้ ่วนหัวเคลอ่ื นที่ไปขา้ งหน้า การเคลือ่ นทีจ่ ะมีลักษณะเชน่ เดียวกัน
นใี้ นปลอ้ งตอ่ ๆ ไป ทาให้เกดิ การเค่ือนที่คลา้ ยระรอกคลื่น
- แมลง แบ่งการเคลื่อนที่ออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ การบินเกิดจากการทางานของกล้ามเน้ือยึด
เปลือกหุ้มส่วนอกและกล้ามเน้ือตามยาวยึดปีก เมื่อกล้ามเนื้อยึดเปลือกหุ้มส่วนอกหดตัว
กล้ามเนื้อยึดปีกคลายตัว ทาให้เปลือกหุ้มส่วนอกเคล่ือนลง ดันให้ปีกยกตัวสูงข้ึน และเม่ือ
กล้ามเน้ือยึดเปลือกหุ้มสว่ นอกคลายตวั กล้ามเน้อื ยึดปกี หดตวั ทาให้เปลือกหุ้มส่วนอกเคลื่อนขึ้น
กดใหป้ ีกลดตา่ ลง และการกระโดดเกิดจากการทางานของกล้ามเน้ือเฟล็กเซอรแ์ ละกล้ามเนอ้ื เอ็ก
เทนเซอร์ เมื่อกล้ามเน้ือเฟล็กเซอร์หดตัว กล้ามเน้ือเอ็กเทนเซอร์คลายตัว ทาให้ขางอเข้า และ
เมือ่ กลา้ มเนื้อเฟล็กเซอรค์ ลายตัว กล้ามเนื้อเอ็กเทนเซอรห์ ดตัว ทาให้ขาเหยียดออก
- ปลา มีกล้ามเน้อื ยึดกบั กระดูก ซงึ่ การหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อแตล่ ะสว่ นของลาตัวปลา
จะเกิดสลบั กันทาให้ปลาว่ายน้าคล้ายรปู ตัวเอส และครีบหางจะพัดโบกในทศิ ตรงข้ามกับส่วนหัว
ทาใหป้ ลาเคลื่อนท่ไี ปข้างหน้าได้ นอกจากน้ีปลายังสามารถเคลอื่ นทใ่ี นแนวดิ่งโดยการทางานของ
ครีบหลัง ครีบอก และครีบสะโพก ซึ่งช่วยทรงตัวและควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ อีกท้ังยังมี
โครงสร้างอ่ืน ๆ ช่วยในการเคลื่อนท่ี ได้แก่ มีรูปร่างเพรียว ผิวเรียบลื่น และมีเมือก ช่วยลดแรง
เสียดทานของนา้ มกี ระเพาะลมช่วยในการลอยตัวของปลาทน่ี อกเหนือจากการลอยตวั ของนา้
- นก การบินอาศัยการทางานของกล้ามเน้ือยกปีกปละกล้ามเน้ือกดปีกที่ยึดระหว่างกระดูกโคน
ปีกและกระดูกอก ซ่ึงกลา้ มเน้ือท้ัง 2 ชดุ จะทางานในสภาวะตรงกันข้าม เมื่อกล้ามเน้ือยกปีกหด
ตวั กลา้ มเน้ือกดปกี จะคลายตวั ทาให้ปีกยกขน้ึ แต่เมื่อเมือ่ กล้ามเนื้อยกปกี คลายตวั กลา้ มเนื้อกด
ปีกจะหดตวั ทาให้ปกี กดลง นอกจากนน้ี กยงั มีมโี ครงสร้างทช่ี ว่ ยในการลอยตวั ได้แก่
1) ปีกนกช่วยให้นกสามารถบินได้ เน่ืองจากโครงสร้างของปีกด้านบนมีความยาวมากกว่า
ดา้ นลา่ งเช่นเดียวกับปีกเครื่องบิน เม่ือนกลอยตัวอย่ใู นอากาศ อากาศทไี่ หลผ่านดา้ นบนของ ปีก
นกจะเคล่ือนท่ดี ้วยความเร็วสูงกว่าอากาศทไี่ หลผา่ นด้านลา่ งของปีก ทาให้ความดนั อากาศใต้ปีก
สงู กวา่ ความดนั อากาศดา้ นบน ดังนัน้ ความดันอากาศด้านลา่ งของปีกนกจึงช่วยพยุงปีกและลาตัว
ของนกใหล้ อยอยู่ในอากาศได้
2) ขนนกเป็นขนแบบก้านหรือขนแบบแผง มีลักษณะเบาบางช่วยอุ้มอากาศขณะบินได้
เป็นอย่างดี และขนนกยังป้องกันไม่ให้อากาศผ่านได้ในขณะท่ีนกหุบปีกลง ทาให้เกิดความดัน
อากาศช่วยดันตวั นกใหเ้ คล่อื นที่ไปข้างหนา้ ได้ แตเ่ มอ่ื นกยกปีกขึ้นขนนกบรเิ วณปีกเปิดออกทาให้
อากาศผา่ นไดจ้ ึงไมเ่ กิดแรงตา้ นขณะทีน่ กบิน
3) ลาตัวของนก นกมนี า้ หนักเบา เน่ืองจากโครงกระดูกมีลกั ษณะเปน็ โพรง มถี งุ ลมท่เี จริญ
ดีอยู่ติดกับปอดแทรกอยู่ในช่องว่างของลาตัวและในโพรงกระดูก รวมทั้งนกไม่มีกระเพาะ
ปัสสาวะ น้าหนักตัวจึงน้อยเม่ือเปรียบเทียบกับสัดส่วนของลาตัว ทาให้นกเคล่ือนท่ีด้วยการบิน
อยู่ในอากาศได้เป็นอย่างดี นอกจากน้ีถุงลมยังช่วยให้นกได้รับออกซิเจนเพียงพอเพราะการ
เคลื่อนท่ีด้วยการบินต้องใช้พลังงานในที่สูงมาก โดยถุงลมทาหน้าท่ีเก็บอากาศสารองไว้ ขณะ
หายใจเข้าอากาศท่ีผ่านปอดส่วนหนึ่งจะเก็บไว้ที่ถุงลม เมื่ออากาศที่ใช้แล้วออกจากปอด อากาศ
ท่ีเก็บไว้ในถุงลมจะเคลือ่ นเขา้ สู่ปอดทันทีซึ่งเป็นการชว่ ยให้ปอดทาหน้าท่ีในการแลกเปลย่ี นแก๊ส
ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
โดยระหวา่ งทน่ี กั เรยี นนาเสนอใหน้ กั เรียนในช้นั เรียนรว่ มกนั เสนอแนะ และครูคอยเพม่ิ เตมิ ประเด็นที
ขาดหายไป
7. ถามคาถามเพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียน ดงั น้ี
- การเคล่ือนทีข่ องไสเ้ ดือนดินมลี ักษณะเหมือนการเคลอื่ นที่ของอาหารในระบบย่อยอาหารอย่างไร
(แนวตอบ : การเคลื่อนที่ของไส้เดือนดินเป็นการท้างานของกล้ามเนื้อวงและกล้ามเนื้อตามยาวที่หด
ตัวและคลายตัวอย่างเป็นจังหวะเหมือนระลอกคลื่น เรียกการเคลื่อนท่ีลักษณะน้ีว่า
เพอริสตสั ซิส ซง่ึ คลา้ ยกับการเคล่ือนท่ขี องอาหารผ่านทางเดินอาหารท่มี ีการหดและคลาย
ตวั เปน็ ระลอกคลืน่ เพ่อื ช่วยลา้ เลยี งอาหาร)
- ลกั ษณะใดของแมลงชว่ ยให้แมลงเคลือ่ นทร่ี วดเรว็ เพราะเหตุใดจงึ เป็นเช่นนนั้
(แนวตอบ : แมลงเป็นสัตวท์ ีม่ ีโครงร่างแข็งภายนอกซ่ึงจะช่วยค้ายันพยุงรา่ งกายในขณะเคลอื่ นที่)
- สัตว์ไมม่ กี ระดูกสันหลังทอี่ าศยั ในน้าและบนบกมีโครงสร้างทใ่ี ช้เคล่อื นท่ีแตกตา่ งกันอย่างไร
(แนวตอบ : การเคล่ือนท่ขี องสัตวไ์ ม่มีกระดูกสันหลงั ทอี่ าศัยอยู่ในน้าจะใช้กล้ามเนื้อและแรงดันนา้ ชว่ ย
ในการเคล่ือนท่ี ส่วนสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังท่ีอาศัยอยู่บนบกจะใช้กล้ามเนื้อช่วยในการ
เคลอื่ นท่ี)
- การเคลือ่ นท่ขี องสัตวไ์ ม่มกี ระดกู สันหลังแตกตา่ งจากสัตวม์ ีกระดูกสนั หลังหรือไม่ อย่างไร
(แนวตอบ: สา้ หรับสัตว์ท่ีอาศัยอยู่ในน้า การเคลื่อนท่ีของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจะใช้กล้ามเน้ือและ
แรงดันน้าช่วยในการเคลื่อนที่ แต่ส้าหรับสัตว์มีกระดูกสันหลังจะใช้กล้ามเนื้อและโครง
กระดูกชว่ ยในการเคลอ่ื นท่ี
ส้าหรับสัตว์ที่อาศัยบนบก สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลงั ส่วนใหญ่จะมขี นาดไม่ใหญ่มากนัก เช่น
ไส้เดือนดิน จึงใชก้ ารวางตวั ไปกับผิวดนิ และใชก้ ารขยับกลา้ มเนื้อตามล้าตัวเพ่ือช่วยในการ
เคลื่อนท่ี แต่ส้าหรับสัตว์มีกระดูกสันหลังจะใช้กล้ามเน้ือและโครงกระดูกช่วยในการ
เคล่ือนท่ี )
- รปู ร่างของปลาและนกเหมาะสมกับการเคลอ่ื นทีอ่ ยา่ งไร
(แนวตอบ : ปลามีรูปร่างเพรียว มีผิวเรียบล่ืน และมีเมือก ซ่ึงลักษณะเหล่าน้ีจะช่วยลดแรงเสียดทาน
ของน้าในขณะเคลื่อนที่ ส่วนนกมกี ระดกู ที่กลวง เบา อดั ตัวแน่น ท้าให้นกมีขนาดเลก็ และ
มรี ูปร่างเพรียวจึงเคล่ือนตัวในอากาศได้ดี และมีขนปีกชว่ ยดันอากาศขณะหุบปีกลงท้าให้
นกพุ่งตัวไปข้างหน้าได้ดี)
- ลักษณะของปลาไหลมสี ่วนช่วยในการเคลอ่ื นท่ีอย่างไร
(แนวตอบ : ปลาไหลมีล้าตัวกลมยาวและมีเมือกมากช่วยลดแรงเสียดทาน ซึ่งลักษณะเหล่านี้เหมาะ
สา้ หรับการเคลือ่ นทโี่ ดยการแทรกตัวในโคลนที่มคี วามหนาแน่นมากกวา่ น้า)
- เพราะเหตใุ ดสัตว์ท่ีเคล่ือนทโ่ี ดยการบนิ จงึ ใช้แก๊สออกซิเจนสงู กวา่ สตั ว์อน่ื ๆ
(แนวตอบ : เน่ืองจากในขณะบินต้องใช้พลังงานมาก จึงจ้าเป็นต้องใช้แก๊สออกซิเจนในการหายใจสูง
กว่าสัตวอ์ ่นื ๆ)
- ลักษณะหรือโครงสรา้ งใดของนกทาให้สามารถเคล่ือนทบ่ี นอากาศได้ดี
(แนวตอบ : เน่ืองจากนกมกี ระดกู กลวง เบา และอัดตัวกันแน่นท้าให้นกมีขนาดเลก็ และมรี ูปรา่ งเพรียว
รวมท้ังปีกของนกมีขนแบบแผง ซ่ึงมีลักษณะเบาบางช่วยอุ้มอากาศขณะบิน และยังช่วย
ดันอากาศขณะหุบปกี ลงทา้ ใหน้ กพุง่ ตัวไปขา้ งหนา้ )
8. นักเรยี นทาใบงานที่ 4.2 เร่อื ง การเคล่อื นทขี่ องสัตว์ (ตอนท่ี 1)
8. นักเรียนทา Topic Questions ท้ายหัวข้อ การเคล่ือนที่ของสัตว์ จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เลม่ 1 หน้า 143 โดยบนั ทึกลงในสมดุ บนั ทึกของนกั เรยี น
9. นักเรียนทาแบบฝึกหัด เร่ือง การเคล่ือนที่ของสัตว์ ในแบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ชวี วทิ ยา ม.6 เลม่ 1 (อาจสง่ั ให้นักเรียนทาเป็นการบา้ น)
10. นักเรียนสืบค้นข้อมูล เรื่อง การเคลื่อนท่ีของสัตว์ โดยเลือกสัตว์ 5 ชนิด (นอกเหนือจากในหนังสือเรียน)
มาอธิบายโครงสรา้ งท่ใี ชใ้ นการเคล่อื นทแ่ี ละรปู แบบการเคลือ่ นทีข่ องสัตว์นั้น ๆ บรรทึกลงในใบงานที่ 4.3
เรอ่ื ง การเคลือ่ นทีข่ องสัตว์ (ตอนท่ี 2)
ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (20 นาที)
1. นกั เรียนและครูร่วมกันสรปุ เก่ยี วกับการเคล่ือนทีข่ องสัตว์เพ่อื ให้ได้ขอ้ สรปุ วา่ สัตว์ต่าง ๆ มีโครงสร้างท่ีใช้
ในการเคลอื่ นท่แี ตกตา่ งกนั ดงั นี้
- แมงกระพรุน อาศัยการหดตวั ของเนื้อเย่ือบริเวณขอบกระด่ิงและบริเวณผนังลาตัวสลบั กัน ทาให้เกิด
แรงดันน้าผลักตวั แมงกะพรุนให้เคลอื่ นทไี่ ปในทศิ ทางตรงข้ามกบั นา้ ทพี่ น่ ออกมา
- หมกึ อาศยั การหดตัวของกล้ามเนอ้ื บรเิ วณลาตวั ทาให้น้าภายในลาตัวพ่นออกทางทอ่ ไซฟอนซง่ึ อยทู่ าง
สว่ นล่างของสว่ นหัว ตวั ของหมึกจึงพุง่ ไปในทศิ ทางตรงข้ามกับทศิ ทางของน้าท่ีพน่ ออกมา
- ดาวทะเล อาศัยแรงดันของระบบท่อน้า น้าเข้าทางมาดรีโพไรต์ไหลไปตามท่อน้าวงแหวนและท่อน้า
แนวรัศมีเข้าสู่แอมพูลลา เมื่อกล้ามเนื้อของแอมพูลลาหดตัวจะดันน้าไปตามทิวบ์ฟีททาให้ยืดยาวไป
แตะพนื้ ใตน้ ้า การยดื และหดของทวิ บฟ์ ีททาให้ดาวทะเลเคลอื่ นที่
- ไส้เดือนดิน อาศัยการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเน้ือวงและกล้ามเน้ือตามยาว ซ่ึงทางานในสภาวะ
ตรงกันขา้ ม โดยเคลอ่ื นท่แี บบระลอกคลื่น อีกท้งั ยังมเี ดอื ยช่วยบงั คบั ทศิ ทางในการเคลอื่ นที่
- แมลง แบ่งการเคล่ือนที่ออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ การบินเกิดจากการทางานร่วมของกล้ามเนื้อยึด
เปลือกหุม้ ส่วนอกและกล้ามเนอื้ ตามยาวยึดปีกซ่ึงทางานในสภาวะตรงกันขา้ ม เม่อื กล้ามเน้อื ยดึ เปลอื ก
หมุ้ ส่วนอกหดตวั กลา้ มเน้อื ตามยาวยึดปกี คลายตวั ปกี จะยกขึน้ แตเ่ มื่อกลา้ มเนื้อยึดเปลือกหมุ้ สว่ นอก
คลายตัว กล้ามเนื้อตามยาวยึดปีกหดตัว ปีกจะกดขึ้น และการกระโดดเกิดจากทางานสลับกันของ
กล้ามเน้ือเฟล็กเซอร์และกล้ามเน้ือเอ็กเทนเซอร์ซึ่งทางานในสภาวะตรงกันข้าม เมื่อกล้ามเน้ือเฟล็ก
เซอร์หดตัว กล้ามเน้ือเอ็กเทนเซอร์คลายตัว ขาจะงอ แต่เม่ือกล้ามเนื้อเฟล็กเซอร์คลายตัว
กล้ามเนอ้ื เอ็กเทนเซอร์หดตัว ขาจะเหยียด
- ปลา อาศัยการหดและคลายตัวแบบสลับของกล้ามเน้ือยึดติดกระดูกที่ยึดติดกับกระดูกสันหลังแต่ละ
สว่ นในการเคลื่อนท่ีแนวระนาบ และอาศัยการทางานของครีบต่าง ๆ ในการทรงตัวและการเคลื่อนที่
ในแนวดงิ่
- นก อาศัยการทางานของกลา้ มเนอ้ื ยกปกี และกล้ามเน้อื กดปีก เม่อื กล้ามเน้อื ยกปีกหดตวั กล้ามเนื้อกด
ปีกคลายตัว ปีกจะยกขึ้น แตเ่ มือ่ กล้ามเนื้อยกปกี คลายตัว กลา้ มเนอ้ื กดปีกหดตวั ปกี จะจะกดลง
ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (30 นาที)
1. นักเรียนเขียนสรุปในรูปแบบผังมโนทัศน์ เรื่อง การเคล่ือนท่ีของสัตว์ โดยอาจแบ่งออกเป็นกลุ่มสัตว์ไม่มี
กระดกู สนั หลังและกล่มุ สัตว์มกี ระดกู สนั หลงั ลงในกระดาษ A4
ขั้นประเมนิ (Evaluation)
1. ประเมินความรู้เกี่ยวกับ เร่ือง การเคล่ือนที่ของสัตว์ โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม ตรวจ
แบบฝึกหดั ตรวจใบงาน และตรวจผังมโนทศั น์
2. ประเมินทักษะและกระบวนการ โดยสังเกตพฤติกรรมการทากิจกรรม การทางานกลุ่ม และการนาเสนอ
ผลงาน
3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้ในการศึกษาและความมุ่งม่ันใน
การทางาน
7. การวัดและการประเมินผล
รายการวัด วิธวี ดั เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
7.1 การประเมินระหว่าง
การจัดกิจกรรม
1) การเคลื่อนที่ - ตรวจใบงานที่ 4.2 - ใบงาน 4.2 - ร้อยละ 60
ของสตั ว์ ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจใบงานท่ี 4.3 - ใบงาน 4.3 - รอ้ ยละ 60
ผ่านเกณฑ์
- ตรวจ Topic Questions - Topic Questions - รอ้ ยละ 60
ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60
ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจผงั มโนทศั น์ เรื่อง - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพดี
การคลอ่ื นท่ขี องสตั ว์ ผังมโนทัศน์ ผ่านเกณฑ์
2) การปฏบิ ตั กิ าร - ประเมินการปฏิบตั ิการ - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพดี
การปฏบิ ัติการ ผ่านเกณฑ์
3) การนาเสนอ - ประเมินการนาเสนอ - ผลงานท่ีนาเสนอ - ระดบั คณุ ภาพดี
ผลงาน ผลงาน ผ่านเกณฑ์
4) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพดี
การทางาน การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
รายบุคคล
5) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพดี
การทางานกลุม่ การทางานกลุ่ม การทางานกล่มุ ผา่ นเกณฑ์
6) คุณลกั ษณะ - สังเกตความมวี นิ ัย - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพดี
อันพึงประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มั่น คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
ในการทางาน อันพึงประสงค์
8. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้
8.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ที่ 4 การเคลื่อนที่ของสิง่ มีชีวิต
2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ที่ 4 การเคลื่อนท่ีของสิง่ มชี ีวติ
3) ใบงานท่ี 4.2 เรอ่ื ง การเคลอ่ื นทีข่ องสตั ว์ (ตอนที่ 1)
4) ใบงานที่ 4.3 เรอ่ื ง การเคลือ่ นท่ีของสตั ว์ (ตอนที่ 2)
5) PowerPoint เรือ่ ง การเคลือ่ นท่ีของส่ิงมีชีวติ
6) QR Code เร่ือง การเคลื่อนท่ีของแมลง
7) วีดิทัศน์ เร่ือง การเคล่ือนทขี่ องสัตว์
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมดุ
3) หอ้ งปฏิบตั กิ าร
4) สือ่ อิเล็กทรอนิกส์
ใบงานท่ี 4.2
เรื่อง การเคลื่อนท่ขี องสตั ว์ (ตอนท่ี 1)
คาชี้แจง : ระบโุ ครงสรา้ งที่ใชใ้ นการเคลอ่ื นท่แี ละอธิบายการทางานของโครงสรา้ งทีใ่ ชใ้ นการเคลอ่ื นที่
โครงสรา้ งท่ใี ช้ ...................................................................................................
การทางานของโครงสร้าง .................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
โครงสร้างท่ใี ช้ ...................................................................................................
การทางานของโครงสร้าง .................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
โครงสรา้ งท่ีใช้ ...................................................................................................
การทางานของโครงสรา้ ง .................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
โครงสรา้ งท่ใี ช้ ...................................................................................................
การทางานของโครงสร้าง .................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
โครงสรา้ งทใี่ ช้ ..................................................................................................
การทางานของโครงสร้าง .................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
ใบงานที่ 4.2 เฉลย
เร่อื ง การเคล่อื นทีข่ องสตั ว์ (ตอนท่ี 1)
คาช้แี จง : ระบโุ ครงสร้างท่ใี ชใ้ นการเคลอ่ื นท่แี ละอธบิ ายการทางานของโครงสรา้ งที่ใชใ้ นการเคลอื่ นท่ี
โครงสร้างที่ใช้ ..ร..ะ..บ...บ...ท..่อ...น..า้................................................................................
การทางานของโครงสร้าง ..น..้า..เ..ข..้า..ท...า.ง..ม...า..ด..ร..โี..พ..ไ..ร..ต..ไ์..ห..ล...ไ.ป...ต..า..ม...ท...อ่ ..เ.ข..า้..แ...อ..ม...พ..ล...ูล..า.
..ก..ล...้า..ม..เ..น..ื้อ...แ..อ...ม..พ...ูล...ล..า..ห...ด..ต...ัว..ด..ัน...น...้า..ไ.ป...ต...า..ม..ท...ิว..บ...์ฟ...ีท..ท...า..ใ..ห..้.ท..ิว..บ...์ฟ...ีท...ย..ืด...ย..า..ว..ไ..ป...แ..ต...ะ.
..พ...้ืน...น...้ า....ก..ล...้า..ม...เ.น...้ื อ...ท..ิ.ว..ป...์ฟ...ี ท...ห...ด...ต..ัว...ท...า..ใ..ห..้.ท..ิ.ว..บ...์ ฟ...ืท...ส..ั้.น..ล...ง..แ...ล...ะ..ด..ั.น...น..้า..ก...ล...ับ...ไ.ป...ท.. ่ี
..แ..อ...ม..พ...ลู..ล...า...ก..า..ร..ย...ืด..ห...ด..ข...อ..ง..ท..ิว...บ..์ฟ...ที...ห..ล...า..ย..ค..ร..ั้ง..ต...อ่ ..เ.น...ือ่ ..ง..ก..ัน...ท...า..ใ.ห...เ้ .ก..ดิ...ก..า..ร..เ..ค..ล..่ือ...น..ท...ี่
โครงสร้างทใี่ ช้ ..ก..ล...า้ ..ม..เ.น...ื้อ..ย...ก..ป...ีก..แ..ล...ะ..ก..ล...้า..ม..เ.น...้อื..ก...ด..ป...ีก..........................................
การทางานของโครงสรา้ ง ..ก..ล...้า..ม...เ.น..้ื.อ...2....ช..ุ.ด..ท...า..ง..า..น..ใ..น...ส..ภ...า..ว..ะ..ต...ร..ง..ก..ัน...ข..้า..ม....เ..ม..ื่อ..
..ก..ล...้า..ม...เ.น...ื้อ...ย..ก...ป...ีก...ห...ด...ต..ัว....ก...ล..้า...ม..เ..น..ื้.อ..ก...ด...ป...ีก...ค..ล...า..ย...ต..ัว....ป...ีก...จ..ะ...ย..ก...ข..้ึ.น....แ...ล..ะ...เ.ม...ื่อ..
..ก..ล..้า..ม...เ.น...้อื ..ก..ด...ป...ีก..ห...ด..ต...วั ...ก..ล...้า..ม..เ.น...อ้ื..ย...ก..ป...กี ..ค...ล..า..ย..ต...ัว...ป...ีก..จ...ะ..ก..ด...ล..ง.............................
............................................................................................................................
โครงสร้างที่ใช้ ..ก..ล...า้ ..ม..เ.น...้อื..ท...่ยี..ดึ...ต..ดิ...ก..ร..ะ..ด...ูก...แ...ล..ะ..ค...ร..บี ..ต...่า..ง...ๆ...................................
การทางานของโครงสร้าง .ก..ล..า้..ม...เ.น...อื้ ..ท...ี่ย..ดึ...ต..ิด...ก..ร..ะ..ด...กู ..แ..ต...ล่ ..ะ..ส...ว่ ..น...ข..อ..ง..ล...า.ต...วั ..ห...ด..ต...ัว.
..แ..ล..ะ...ค..ล..า..ย...ต..ัว..ส...ล..ับ...ก..นั....เ.ร..ม่ิ..จ...า..ก..ด...้า.น...ห...วั ..ไ.ป...ด..า้..น...ห...า..ง.ท...า..ใ..ห..ว้..า่..ย...น..า้..เ.ป...็น...ร..ุป..ต...ัว...S....แ..ล...ะ.
..ค..ร..ีบ...ห..า..ง..จ..ะ...พ..ัด...โ.บ...ก..ใ..น..ท...ศิ ...ต..ร..ง..ข..า้ ..ม...ก..ับ...ส..่ว..น...ห..ัว...ท..า..ใ..ห..เ้..ค..ล..ื่อ...น..ท...ไ่ี ..ป..ข...้า..ง.ห...น..า้..ไ..ด..้..........
............................................................................................................................
โครงสร้างที่ใช้ ..ก..ล...า้ ..ม..เ.น...้อื..ล...า..ต..ัว..แ..ล...ะ..ท...่อ..ไ..ซ..ฟ...อ..น....................................................
การทางานของโครงสรา้ ง .ก..า...ร..ห...ด...ต..ัว...ข..อ...ง..ก...ล..้.า..ม...เ.น...ื้อ...บ...ร..ิเ.ว...ณ....ล..า...ต..ัว...ท...า..ใ..ห..้.น..้.า.
..ภ..า..ย...ใ.น...พ...่น..อ..อ...ก..ม...า..ท..า..ง..ท...อ่ ..ไ..ซ..ฟ...อ..น....ท...า..ใ.ห...้ต..วั..ห...ม...กึ ..เ.ค..ล...ื่อ..น...ท..่ีไ..ป...ย..ัง..ท...ศิ ..ต..ร..ง..ข...้า.ม...ก..ับ...น...า้ .
..ท..ี่พ...่น...อ..อ..ก..............................................................................................................
............................................................................................................................
โครงสรา้ งท่ีใช้ .ก...ล..้า..ม...เ.น..ื้อ...ว..ง...ก..ล...้า..ม..เ.น...ื้อ..ต...า..ม..ย...า..ว...แ..ล...ะ..เ.ด..อื...ย..................................
การทางานของโครงสร้าง ใ..ช..้เ..ด..ื.อ..ย...จ..ิ.ก..ด...ิน....เ..ม..่ื.อ..ก...ล..้.า..ม...เ.น...ื้อ...ว..ง..ส..่.ว..น...ห...ัว..ค...ล...า..ย..ต...ัว
.ก...ล..้า..ม...เ.น..ื้.อ..ต...า..ม..ย...า..ว..ห..ด...ต..ั.ว...ป...ล..้อ...ง..จ..ะ..ส..้ั.น....แ..ล..ะ...เ.ม..่ื.อ..ก..ล...้า..ม..เ..น..ื้อ...ว..ง..บ..ร...ิเ.ว..ณ...ก...ล..า..ง..ห...ด..ต...ัว
.ก...ล..้า..ม...เ.น...ื้อ...ต..า..ม...ย..า..ว...ค..ล...า..ย..ต...ัว....ป..ล...้อ..ง..จ...ะ..ย...า..ว..แ..ล...ะ..ย..ื.ด..อ...อ..ก....ส..่.ว..น...ห..ั.ว..จ..ึง..เ.ค...ล..่ื.อ..น...ท...ี่ไ.ป.
.ข..้า..ง..ห...น..้า...ซ...ึ่ง.ก...า..ร..ห..ด..แ...ล..ะ..ค..ล...า.ย...ต..วั..จ..ะ..ต...่อ..เ.น...อ่ื..ง..ก..ัน...เ.ป...็น..ร..ะ..ร..อ..ก...ค..ล..่ืน....ท...า..ใ.ห...เ้ .ค..ล...ือ่ ..น..ท...ี่ไ..ด..้.
ใบงานที่ 4.3
เรื่อง การเคล่อื นทขี่ องสตั ว์ (ตอนที่ 2)
คาชี้แจง : ระบุโครงสร้างท่ีใชใ้ นการเคลอ่ื นท่ีและอธิบายการทางานของโครงสรา้ งท่ีใช้ในการเคลอ่ื นที่
โครงสรา้ งท่ใี ช้ ...................................................................................................
การทางานของโครงสรา้ ง .................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
โครงสรา้ งที่ใช้ ...................................................................................................
การทางานของโครงสรา้ ง .................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
โครงสรา้ งทใ่ี ช้ ...................................................................................................
การทางานของโครงสรา้ ง .................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
โครงสร้างท่ีใช้ ...................................................................................................
การทางานของโครงสรา้ ง .................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
โครงสรา้ งทใ่ี ช้ ...................................................................................................
การทางานของโครงสร้าง .................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
ใบงานที่ 4.3 เฉลย
เรื่อง การเคล่อื นท่ขี องสตั ว์ (ตอนท่ี 2)
คาช้แี จง : ระบโุ ครงสร้างทีใ่ ชใ้ นการเคลอ่ื นที่และอธิบายการทางานของโครงสรา้ งทใ่ี ช้ในการเคลอ่ื นท่ี
โครงสร้างทีใ่ ช้ ..ก...ล..้า..ม...เ.น..อ้ื...แ..ล..ะ...ก..ร..ะ..ด...ูก.................................................................
การทางานของโครงสร้าง ..เ.ค..ล...ือ่ ..น...ท...ี่โ.ด...ย..ก..า..ร..ก...า้ ..ว..ข..า..ไ..ม..่พ...ร..้อ...ม..ก...ัน..ร..ะ..ห...ว..่า..ง..ข..า..ห...น...้า
.แ..ล..ะ...ข..า..ห...ล..ัง.....ท...า..ใ.ห...้ล..า..ต...ัว..เ.ก...ิด..ก...า..ร..ง..อ..โ..ค..้ง..ไ..ป..ม...า..ใ.น...ล..ัก...ษ...ณ...ะ..ร..ูป...ต...ัว..เ.อ..ส....ซ...ึ่ง..ก..า..ร..ง..อ..ข...า
.แ..ล..ะ...ก..า..ร..เ.ห...ย..ีย...ด..ข...า..เ.ม..่อื...ก..า้..ว..ข...า..เ.ด..ิน...เ.ก...ดิ ..ก...า..ร..ท..า..ง..า..น...ร..ว่ ..ม..ก...ัน..แ...บ..บ...ส...ภ..า..ว..ะ...ต..ร..ง..ก..นั...ข..้า..ม.
.ข..อ..ง..ก...ล..า้..ม..เ..น..้ือ...เ.ฟ...ล..็ก..เ..ซ..อ...ร..์แ..ล..ะ..ก...ล..า้..ม...เ.น..้ือ...เ.อ...ก็ ..เ.ท...น..เ..ซ..อ...ร..์ท..ีย่..ึด...ต..ดิ...ก..ับ...โ.ค...ร..ง..ก..ร..ะ..ด...ูก.......
โครงสร้างทีใ่ ช้ ..เ..ท..า้.............................................................................................
การทางานของโครงสร้าง ..ห..อ...ย..แ...ม..ล...ง..ภ..ู่เ..ป..็น...ห...อ..ย...ส..อ..ง..ฝ...า...เ.ค...ล..ื่อ...น..ท...่ีโ..ด..ย...ใ.ช..้เ..ท..้า...ซ..ึ่ง
.เ.ป...็น..ก...ล..้า..ม...เ.น...ื้อ...ห..น...า..แ...ล..ะ..แ...บ..น...อ...ย..ู่ด..้.า..น..ท...้อ...ง....อ...ีก..ท...้ัง..ย..ัง..ใ..ช..้ก..า...ร..บ..ีบ...ต...ัว..ข..อ...ง..ฝ..า..ท...้ัง..ส..อ...ง
.เ.พ...่อื ..ใ..ห..น้...้า..พ...ุ่ง.อ...อ..ก...ม..า..ท...า..ง..ท..อ่...น..้า..อ...อ..ก....ท..า..ใ..ห...เ้ .ค..ล...่ือ..น...ท..ไ่ี..ป...ไ.ด..้.....................................
............................................................................................................................
-ข้ึนอยูก่ ับผลการสบื ค้นขอ้ มลู ของ โครงสร้างทีใ่ ช้ ...................................................................................................
การทางานของโครงสร้าง .................................................................................
นักเรียน ............................................................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
ขึน้ อยกู่ บั ผลการสบื คน้ ข้อมูลของ โครงสรา้ งท่ีใช้ ...................................................................................................
นักเรยี น การทางานของโครงสรา้ ง .................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
ขึ้นอยกู่ ับผลการสบื คน้ ข้อมูลของ โครงสรา้ งทใ่ี ช้ ...................................................................................................
นกั เรียน การทางานของโครงสร้าง .................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
............................................................................................................................
9. ความเห็นของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผ้ทู ไี่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ
ลงชื่อ .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ .......
10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ดา้ นความรู้
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ มี))
ปญั หา/อุปสรรค
แนวทางการแก้ไข
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรเ์ พ่มิ เตมิ หนว่ ยที่ 2 การเคลื่อนทีข่ องสิ่งมีชวี ติ
สาระ ชวี วทิ ยา (ว33256)
เรอ่ื ง การเคล่ือนทีข่ องสิง่ มีชวี ติ เซลล์เดียว ระดับชั้น มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6
เวลา 2 ชว่ั โมง ผู้สอน นางสาวธิดารตั น์ โพนกลาง
1. ผลการเรียนรู้
1. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและหน้าทขี่ องอวยั วะท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั การเคลื่อนทีข่ อง
แมงกะพรนุ หมึก ดาวทะเล ไส้เดอื นดิน แมลง ปลา และนก
2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1. อธิบายการเคลื่อนที่ของสิง่ มีชีวติ เซลลเ์ ดียว (K)
2. เปรยี บเทยี บโครงสร้างที่ใชใ้ นการเคลอ่ื นทขี่ องส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว (K)
3. ใช้กล้องจุลทรรศนใ์ นการศึกษาได้อยา่ งถกู ตอ้ ง (P)
4. สนใจใฝ่ร้ใู นการศึกษาและมุ่งมน่ั ในการทางาน (A)
3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
- ส่ิงมีชวี ิตเซลล์เดียวบางชนิดเคล่ือนทีโ่ ดยการไหล
ของไซโทพลาซึม บางชนิดใช้แฟลเจลลัมหรือ
ซเิ ลียในการเคลื่อนท่ี
4. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด
การเคลื่อนที่ของสงิ่ มชี วี ิตเซลล์เดยี วมลี ักษณะแตกตา่ งกนั ตามโครงสร้างของเซลล์ ดงั น้ี
1. การเคล่ือนที่โดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซึม พบในอะมีบา โดยอาศัยการแปรสภาพของ
เอ็กโทพลาซึมและเอนโดพลาซึม ซึ่งจะทางานร่วมกับการหดตัวและคลายตัวไมโครฟิลาเมนต์
(แอกทินและไมโอซิน)
2. การเคล่ือนทโี่ ดยอาศยั ซเิ ลียและแฟลเจลลมั
- แฟลเจลลัม มีลักษณะเป็นเส้นใยยาว รูปร่างคล้ายแส้ มีจานวน 1-2 เส้น แฟลเจลลัม
โบกพัดจากโคนสู่ปลายทาให้เกิดการเคลื่อนไหวแบบลูกคล่ืน พบในยูกลีนาและ
วอลวอกซ์
- ซิเลีย มีจานวนมากกว่าแฟลเจลลัม แต่ส้ันกว่า และกระจายอยู่รอบเซลล์ ซิเลียโบกพัด
ในทิศทางเดียวกันทาให้เซลล์เคลื่อนที่ไปด้านหน้าแบบไม่มีทิศทาง พบในพารามีเซียม
พลานาเรยี
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี นและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี นิ ยั
2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้
1) ทกั ษะการสังเกต 3. มงุ่ มั่นในการทางาน
2) ทกั ษะการเปรยี บเทียบ
3) ทกั ษะการจาแนกประเภท
4) ทกั ษะการลงความเห็นจากข้อมลู
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
โดยใช้การสอนตามรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (15 นาท)ี
1. แจง้ ผลการเรยี นร้ขู องหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 การเคลอ่ื นที่ของสิ่งมชี วี ติ ให้นกั เรียนทราบ
2. นักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 2 การเคลือ่ นที่ของสิ่งมีชีวิต
3. นักเรยี นทา Check for Understanding เพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองกอ่ นเรียน
4. ถามคาถาม Big Question เพ่ือให้นักเรียนได้ร่วมกันวิเคราะห์ว่า “สิ่งมีชีวิตท่ีอาศัยในสภาพแวดล้อม
แตกต่างกันมีโครงสร้างทเี่ หมาะสมในการเคลื่อนทแ่ี ตกตา่ งกนั อยา่ งไร”
(แนวตอบ: สิ่งมีชีวิตท่ีอาศัยในสภาพแวดล้อมแตกต่างกันจะมีโครงสร้างในการเคลื่อนท่ีแตกต่างกัน
เพอื่ ใหเ้ หมาะสมต่อการดารงชวี ติ ของส่ิงมชี วี ติ แตล่ ะชนดิ เช่น นกเปน็ สตั วป์ ีกซงึ่ ตอ้ งดารงชีวิต
โดยการบิน จึงจาเปน็ ต้องมีกล้ามเน้ือติดปีกทแ่ี ข็งแรง อีกท้งั ยังมีโครงสรา้ งลาตัวอื่น ๆ ทีช่ ่วย
ให้นกสามารถลอยตัวในอากาศได้ดี เช่น มีกระดูกกลวง เบา และอัดตัวแน่น จึงทาให้นกมี
รูปร่างเพรียว ปลาเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้า การว่ายน้าจึงจาเป็นต้องมีกล้ามเน้ือติดกระดูก
สันหลงั ทแี่ ข็งแรงและมีครบี ต่าง ๆ ช่วยในการทรงตัว อีกทั้งลาตัวยงั มีรูปร่างเพรยี ว มีผิวเรียบ
ล่ืน และมีเมือกเพ่ือลดแรงเสียดทานของน้าซึ่งมีค่าสูง หรือส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียวท่ีอาศัยอย่ใน
สภาพแวดล้อมท่ีเป็นน้าจะมีโครงสร้างท่ีใช้โบกพัดเพื่อให้เคล่ือนที่ได้ เช่น พารามีเซียมใช้ซิ
เลยี ยูกลีนาใช้แฟลเจลลัม (นกั เรยี นอาจยงั ไมส่ ามารถตอบคาถามได้))
5. ทบทวนความรู้ เร่ือง ไซโทสเกเลตอน ให้นักเรียนฟังว่า ไซโทสเกเลตอนเป็นเส้นใยโปรตีนที่เชื่อมโยงกัน
เป็นร่างแห ทาหน้าท่ีค้าจุนเซลล์ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นโครงกระดูกของเซลล์ โดยเป็นท่ียึดเกาะของ
ออร์แกเนลล์ให้คงอยู่ในตาแหน่งต่าง ๆ และยังทาหน้าท่ีลาเลียงออร์แกเนลล์ให้เคล่ือนท่ีในเซลล์ ไซโท-
สเกเลตอน แบง่ ได้เป็น 3 ประเภท ตามชนิดของหน่วยยอ่ ยท่ีเป็นองคป์ ระกอบ ดังนี้
1. ไมโครฟิลาเมนท์ (microfilament) ประกอบด้วยเส้นใยโปรตีนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง
ประมาณ 7 นาโนเมตร เกิดจากโปรตีนแอกทิน (actin) ต่อกันเป็นสาย 2 สายพันและบิดตัว
เป็นเกลียวคล้ายสายสร้อยไข่มุก เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า แอกทินฟิลาเมนท์ (actin filament)
ทาหน้าที่เก่ียวกับ การเคลื่อนที่ของเซลล์ เช่น การเคลื่อนที่ของอะมีบา หรือเซลล์เม็ดเลือด
ขาวซ่ึงกินแบคทีเรียแบบฟาโก- ไซโทซิส และทาหน้าท่ีค้าจุนโครงสร้างของเซลล์ โดยพบได้ใน
ไมโครวิลไลท่ีเป็นส่วนหนึ่งของเซลล์เยื่อบุผิวในลาไส้เล็ก นอกจากน้ียังช่วยในการแบ่งไซ
โทพลาสซมึ ในกระบวนการแบ่งเซลล์
2. ไมโครทิวบูล (microtubule) เกิดจากโปรตีนทูบูลิน (tubulin) เรียงต่อกันเป็นสาย มีลักษณะ
เป็นแท่งกลวง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 25 นาโนเมตร เป็นส่วนประกอบของซิเลีย
แฟลกเจลลัม และยงั ทาหน้าทีล่ าเลียงออร์แกเนลล์ภายในเซลล์ด้วย
3. อินเทอร์มีเดียทฟิลาเมนท์ (intermediate filaments) เป็นเส้นใยท่ีประกอบด้วยหน่วยย่อย
หลายหน่วย ซ่ึงเรียงตัวเป็นสายยาว 8 ชุด ชุดละ 4 สาย พันบิดกนั เป็นเกลียว มีขนาดเส้นผ่าน
ศนู ย์กลางประมาณ 8-10 นาโนเมตร จัดเรียงตวั เป็นร่างแหตามลกั ษณะรูปร่างของเซลล์ พบได้
ทโ่ี ปรตนี เคอราทนิ ในผิวหนงั ขน และเลบ็ ของสัตวเ์ ลย้ี งลูกดว้ ยน้านม
6. ถามคาถาม Key Question กบั นักเรียนว่า สงิ่ มชี ีวติ เซลล์เดียวแตล่ ะชนิดเคลอ่ื นที่แตกตา่ งกันอย่างไร
(แนวตอบ: อะมีบาเคลื่อนที่โดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซึมร่วมกับการหดตัวของไมโครฟิลาเมนท์
ส่วนพารามีเซียม ยูกลีนา วอลวอกซ์ เคล่ือนที่โดยอาศัยซิเลียหรือแฟลเจลลัมซ่ึงจะโบกพัด
แล้วทาใหเ้ กิดการเคล่ือนท่ี (นกั เรียนอาจยงั ไม่สามารถตอบคาถามได้))
ข้นั สารวจและค้นหา (Exploration) (50 นาที)
1. จัดกิจกรรมกลุ่ม เร่ือง การเคล่ือนท่ีของส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว โดยให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 6 กลุ่ม ศึกษาการ
เคล่อื นทีข่ องสิ่งมชี วี ิตเซลลเ์ ดยี วภายใตก้ ล้องจุลทรรศน์ ตามฐานตา่ ง ๆ ดังน้ี
- ฐานที่ 1 การเคลอ่ื นที่ของอะมบี า
- ฐานที่ 2 การเคลอ่ื นท่ขี องยกู ลีนา
- ฐานที่ 3 การเคล่ือนที่ของพารามเี ซียม
2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์รูปแบบการเคลื่อนท่ีและโครงสร้างท่ีใช้ในการเคล่ือนท่ีของสิ่งมีชีวิต
เซลลเ์ ดียว ทีส่ ังเกตภายใตก้ ลอ้ งจุลทรรศน์
3. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ออกมาอธบิ ายการเคลอื่ นท่ขี องส่ิงมีชีวิตเซลลเ์ ดียว ดงั น้ี
- กลุ่มท่ี 1-2 การเคลอื่ นทขี่ องอะมบี า
- กลมุ่ ที่ 3-4 การเคลือ่ นทข่ี องยกู ลนี า
- กลุ่มที่ 5-6 การเคลอื่ นทขี่ องพารามีเซยี ม
โดยระหว่างท่ีนกั เรยี นนาเสนอให้นักเรียนในชั้นเรียนร่วมกันเสนอแนะ และครูคอยเพิ่มเติมประเด็นที่ขาด
หายไป
4. นาวีดิทัศน์แสดงการเคล่อื นทขี่ องอะมบี ามาประกอบการอธบิ าย เชน่
- https://www.youtube.com/watch?v=7pR7TNzJ_pA
- https://www.youtube.com/watch?v=QTIYOC-vwl8
- https://www.youtube.com/watch?v=PsYpngBG394
พรอ้ มอธบิ ายประกอบว่า อะมบี าเคลอื่ นที่โดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซึม เรยี กการเคลื่อนที่รูปแบบนี้
วา่ การเคล่ือนท่ีแบบอะมีบา (amoeboid movement) โดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซึมที่มีการแปร
สภาพกลับไปกลับมา ได้แก่ เอ็กโทพลาซึมเป็นไซโทพลาซึมช้ันนอกท่ีมีลักษณะข้นหนืด ก่ึงแข็งกึ่งเหลว
และเอนโดพลาซึม เป็นไซโทพลาซมึ ช้นั ในที่มีลักษณะคอ่ นขา้ งเหลว ซ่ึงทางานรว่ มกับการหดตัวและคลาย
ตัวของไมโครฟิลาเมนท์ 2 ชนิด ได้แก่ แอกทินและไมโอซิน ทาให้เกิดการไหลของไซโทพลาซึมไปใน
ทิศทางที่เซลลเ์ คล่ือนทแ่ี ละดันเย่ือหุ้มเซลล์ ส่วนนน้ั ให้โป่งออกเปน็ เท้าเทยี ม จากนน้ั ไซโทพลาซึมทั้งเซลล์
จะเคล่ือนท่ไี ปตามเท้าเทยี ม
5. นาวดี ิทัศนแ์ สดงการเคล่อื นที่ของยูกลนี ามาประกอบการอธบิ าย เช่น
- https://www.youtube.com/watch?v=fI7nEWUjk3A
- https://www.youtube.com/watch?v=9nxoSRasq2Q
พร้อมอธิบายประกอบวา่ ยูกลีนาเคลื่อนทโี่ ดยใช้แฟลเจลลัม ซ่งึ มีลักษณะเป็นเสน้ ใยยาว รูปรา่ งคล้ายแส้
มีจานวน 1-2 เส้น แฟลเจลลัมจะโบกพัดจากโคนสู่ปลายทาให้เกิดการเคล่ือนไหวเป็นแบบลูกคลื่นและ
เกิดแรงผลักใหส้ ่งิ มชี วี ติ เคล่ือนที่ได้
6. นาวีดิทศั นแ์ สดงการเคลื่อนทขี่ องพารามีเซยี มมาประกอบการอธบิ าย เชน่
- https://www.youtube.com/watch?v=RyQfvxH425Q
- https://www.youtube.com/watch?v=vo_AQVrjS04
พร้อมอธิบายประกอบว่า พารามีเซียมเคล่ือนท่ีโดยใช้ซิเลีย ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นใยส้ัน ๆ แต่กระจายอยู่
รอบเซลล์ และมจี านวนมากกว่าแฟลเจลลัม ซเิ ลียจะโบกพัดในทศิ ทางเดียวกันคล้ายกรรเชียงเรือ แตไ่ ม่มี
การควบคุมทศิ ทางท่ีแน่นอนทาให้เซลลหฺ มุนไปในทกุ ทิศทาง
7. นักเรียนศึกษาโครงสร้างของซิเลียและแฟลเลลัม ซึ่งประกอบด้วยไมโครทิวบูล 9 กลุ่ม กลุ่มละ 2 หลอด
ทีเ่ รยี งกันเป็นวง และบรเิ วณแกนกลางมีไมโครทวิ บลู 2 หลอด โดยไมโครทวิ บลู ทเ่ี รยี งอยูเ่ ปน็ วงจะมไี ดนีน
อาร์มเชอื่ มกบั ไมโครทิวบูลท่อี ยู่แกนกลาง เกิดเป็นโครงสร้างทีเรียกวา่ 9+2
8. ถามคาถามเพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี น เช่น
- อะมบี า พารามเี ซยี ม และยกู ลีนามีโครงสรา้ งทใี่ ช้เคล่ือนทแ่ี ตกต่างกนั อย่างไร
(แนวตอบ: อะมบี าเคลื่อนท่ีโดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซมึ รว่ มกับการหดตัวของไมโครฟิลาเมนท์
พารามีเซียมคลือ่ นทโี่ ดยใชซ้ ิเลยี และยกู ลนี าเคล่ือนท่ีโดยใช้แฟลเจลลัม)
- ซเิ ลียและแฟลเจลัมแตกตา่ งกนั อย่างไร
(แนวตอบ: ซิเลยี มีลกั ษณะเป็นเสน้ ใยส้ัน และมีจานวนมาก ส่วนแฟลเจลลมั มีลักษณะเป็นเส้นใยยาว
และมีจานวนเพียง 1-2 เส้น)
- เทา้ เทยี มของอะมบี า นอกจากใข้เคล่อื นท่ีแลว้ ยงั ใชป้ ระโยชนด์ า้ นใดได้อกี บา้ ง
(แนวตอบ: ใช้กินอาหาร โดยย่ืนเท้าเทียมออกไปโอบล้อมอาหารและนาเข้าสู่เซลล์โดยบรรจุไว้ในรูป
ฟูดแวคิวโอล แล้วใช้เอนไซม์จากไลโซไซม์ย่อยอาหารให้มีขนาดเล้กลงและลาเลียงไปทั่ว
เซลล์)
- โครงสร้าง 9+2 ของซิเลียหมายความว่าอยา่ งไร
(แนวตอบ: ซิเลียประกอบดว้ ยไมโครทิวบลู 9 กลุ่ม กลุ่มละ 2 หลอด เรียงกันเป็นวง และแกนกลางมี
ไมโครทวิ บลู 2 หลอด)
9. นกั เรียนทา Topic Questions ท้ายหัวข้อ การเคลื่อนทขี่ องสงิ่ มีชวี ิตเซลลเ์ ดยี ว จากหนงั สอื เรียนรายวชิ า
เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 135 โดยบันทึกลงในสมุดบันทึกของ
นักเรียน
10. นักเรียนทาแบบฝึกหัด เร่ือง การเคลื่อนที่ของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ในแบบฝึกหัดรายวิชาเพ่ิมเติม
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 (อาจสง่ั ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น)
ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (30 นาท)ี
1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการเคล่ือนท่ีของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า สิ่งมีชีวิตเซลล์
เดียวใช้ไซโทสเกเลตอนในการเคล่ือนท่ี ซ่ึงการเคล่ือนท่ีจะแตกตา่ งกันตามโครงสร้างของเซลล์ ไดแ้ ก่
- การเคลื่อนท่ีโดยอาศัยการไหลของไซโทพลาซึม พบในอะมีบา โดยอาศัยการแปรสภาพของ
เอ็กโทพลาซึมและเอนโดพลาซึม ซ่ึงจะทางานร่วมกับการหดตัวและคลายตัวไมโครฟิลาเมนต์
(แอกทินและไมโอซนิ )
- การเคล่ือนท่ีโดยอาศยั แฟลเจลลัมและซิเลีย โดยแฟลเจลลมั มีลักษณะเปน็ เส้นใยยาว รูปร่าง
คล้ายแส้ มีจานวน 1-2 เส้น แฟลเจลลัมจะโบกพัดจากโคนสู่ปลายทาให้เกิดการเคล่ือนไหว
แบบลูกคล่ืน พบในยูกลีนาและวอลวอกซ์ ส่วนซิเลียมีจานวนมากกว่าแฟลเจลลัม แต่ส้ันกว่า
และกระจายอยู่รอบเซลล์ ซิเลียโบกพัดในทิศทางเดียวกันทาให้เซลล์เคล่ือนท่ีไปด้านหน้าแบบ
ไมม่ ีทิศทาง พบในพารามีเซียม พลานาเรยี
2. นักเรยี นเขียนสรุปในรปู แบบผังมโนทศั น์ เรื่อง การคล่ือนท่ขี องสง่ิ มชี ีวิตเซลลเ์ ดียว โดยอธบิ ายโครงสร้างท่ี
ใชใ้ นการเคล่ือนท่ี และยกตวั อยา่ งสิง่ มีชีวิตเซลลเ์ ดยี วที่ใชโ้ ครงสรา้ งดงั กล่าวเคลอ่ื นที่
ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาท)ี
1. นกั เรียนเขยี นสรุปในรปู แบบผงั มโนทศั น์ เรื่อง การคลื่อนท่ขี องส่งิ มชี วี ิตเซลล์เดยี ว โดยอธิบายโครงสรา้ งท่ี
ใชใ้ นการเคล่ือนที่ และยกตวั อย่างสง่ิ มีชีวิตเซลล์เดยี วท่ใี ช้โครงสรา้ งดังกลา่ วเคล่ือนท่ี
ขน้ั ประเมิน (Evaluation)
1. ประเมินความรู้เก่ียวกบั เร่อื ง การเคลื่อนท่ีของส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม
ตรวจแบบฝึกหัด ตรวจใบงาน และตรวจผังมโนทศั น์
2. ประเมินทกั ษะและกระบวนการ โดยสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่มและใช้กล้องจุลทรรศน์ในการศกึ ษา
3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้ในการศึกษาและความมุ่งมั่นใน
การทางาน
7. การวดั และการประเมนิ ผล
รายการวดั วิธวี ดั เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมิน
7.1 การประเมนิ กอ่ นเรยี น - ประเมนิ ตาม
สภาพจรงิ
- แบบทดสอบกอ่ น - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ
- ร้อยละ 60
เรยี น หน่วยการ กอ่ นเรยี น ก่อนเรียน ผ่านเกณฑ์
เรียนรูท้ ี่ 4 - รอ้ ยละ 60
ผ่านเกณฑ์
7.2 การประเมินระหว่าง
- รอ้ ยละ 60
การจัดกิจกรรม ผา่ นเกณฑ์
1) การเคลอื่ นท่ี - ตรวจใบงานท่ี 4.1 - ใบงาน 4.1 - ระดบั คณุ ภาพดี
ผา่ นเกณฑ์
ของส่ิงมีชวี ิต
เซลลเ์ ดยี ว - ตรวจ Topic Questions - Topic Questions
- ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด
- ตรวจผงั มโนทศั น์ เรื่อง - แบบประเมนิ
การคล่อื นทีข่ องสง่ิ มีชีวติ ผงั มโนทศั น์
เซลลเ์ ดียว
2) การนาเสนอ - ประเมินการนาเสนอ - ผลงานทนี่ าเสนอ - ระดบั คณุ ภาพดี
ผลงาน ผลงาน ผ่านเกณฑ์
3) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพดี
รายการวัด วิธวี ัด เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
การทางาน การทางานรายบุคคล
รายบคุ คล การทางานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
4) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม
การทางานกล่มุ การทางานกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพดี
5) คณุ ลักษณะ - สังเกตความมวี ินยั การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
อนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มนั่
ในการทางาน - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพดี
คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์
อนั พึงประสงค์
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ท่ี 4 การเคลอ่ื นที่ของส่งิ มชี วี ติ
2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี
4 การเคลื่อนท่ขี องส่ิงมีชวี ิต
3) แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 4 การเคลอื่ นท่ีของส่งิ มีชีวติ
4) ใบงานท่ี 4.1 เรือ่ ง การเคลอ่ื นทข่ี องสิง่ มชี วี ิตเซลลเ์ ดยี ว
5) PowerPoint เร่ือง การเคลอื่ นที่ของสิง่ มีชวี ติ
6) วดี ิทศั น์ เร่อื ง การเคล่ือนทข่ี องอะมีบา ยกู ลีนา และพารามเี ซยี ม
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมดุ
3) หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร
4) สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์
ใบงานที่ 4.1
เรอ่ื ง การเคลือ่ นท่ขี องสงิ่ มีชีวิตเซลลเ์ ดียว
คาช้แี จง : หาภาพส่งิ มชี วี ิตเซลล์เดียวทก่ี าหนดให้ พร้อมระบโุ ครงสรา้ งทใ่ี ช้ในการเคลอื่ นทใ่ี ห้ถกู ตอ้ ง
1. Trypanosoma sp. 2. Trichonympha sp.
โครงสรา้ งท่ใี ช้เคลอ่ื นท่ี โครงสร้างทใ่ี ช้เคลอ่ื นที่
.................................................................. ..................................................................
3. Entamoeba histolytica 4. Colpidium colpoda
โครงสรา้ งที่ใชเ้ คลอ่ื นท่ี โครงสรา้ งที่ใชเ้ คลอื่ นท่ี
.................................................................. ..................................................................
5. Colpoda cucullus 6. Giardia lambia
โครงสร้างท่ใี ชเ้ คลอ่ื นที่ โครงสรา้ งทีใ่ ช้เคลอ่ื นท่ี
.................................................................. ..................................................................
ใบงานท่ี 4.1 เฉลย
เรื่อง การเคลอ่ื นทข่ี องสง่ิ มีชีวติ เซลลเ์ ดยี ว
คาชแ้ี จง : หาภาพสิง่ มีชีวิตเซลลเ์ ดยี วท่ีกาหนดให้ พร้อมระบุโครงสร้างที่ใชใ้ นการเคล่อื นท่ีใหถ้ ูกต้อง
1. Trypanosoma sp. 2. Trichonympha sp
โครงสร้างท่ีใช้เคลอ่ื นท่ี โครงสร้างท่ีใชเ้ คลอ่ื นท่ี
........................แ..ฟ...ล...เ.จ..ล..ล...า.......................... ........................แ..ฟ...ล..เ.จ..ล...ล..า...........................
3. Entamoeba histolytica 4. Colpidium colpoda
โครงสรา้ งท่ีใชเ้ คลอื่ นที่ โครงสรา้ งท่ีใชเ้ คลอื่ นท่ี
............ก..า..ร..ไ..ห..ล...ข..อ...ง.ไ..ซ..โ..ท..พ...ล..า..ซ...มึ ................. ............................ซ..เิ .ล..ีย.................................
5. Colpoda cucullus 6. Giardia lamblia
โครงสรา้ งทใ่ี ช้เคลอื่ นท่ี โครงสรา้ งทใี่ ช้เคลอ่ื นที่
............................ซ..เิ.ล...ีย................................ ........................แ..ฟ...ล..เ..จ..ล..ล..า...........................
9. ความเห็นของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาหรอื ผ้ทู ไี่ ดร้ ับมอบหมาย
ขอ้ เสนอแนะ
ลงชื่อ .................................
( ................................ )
ตาแหนง่ .......
10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน
ดา้ นความรู้
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ด้านความสามารถทางวิทยาศาสตร์
ดา้ นอ่ืน ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทีม่ ปี ญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ มี))
ปญั หา/อุปสรรค
แนวทางการแก้ไข