The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tun1112tidarat, 2022-09-19 06:16:33

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสัตว์

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรเ์ พมิ่ เติม ภาคเรียนท่ี 4 ปีการศกึ ษา 2565

สาระ ชีววิทยา (ว33256) หนว่ ยที่ 4 การสบื พันธแุ์ ละการเจรญิ เติบโตของสตั ว์

เรือ่ ง การสืบพันธข์ุ องสตั ว์ ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

เวลา 1 ชวั่ โมง ผูส้ อน นางสาวธิดารัตน์ โพนกลาง

1. ผลการเรียนรู้

1. สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่างการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศและการสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศใน
สัตว์

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายและเปรยี บเทียบการสืบพนั ธุ์แบบไมอ่ าศยั เพศและแบบอาศัยเพศของสตั ว์ (K)
2. จาแนกและยกตวั อย่างสัตว์ทมี่ กี ารสบื พันธแุ์ บบไมอ่ าศยั เพศและแบบอาศัยเพศ (K)
3. สืบค้นข้อมูลและนาเสนอเกย่ี วกับการสบื พนั ธุ์ของสตั วม์ กี ระดูกสนั หลงั (P)
4. สนใจใฝร่ ใู้ นการศกึ ษาและมงุ่ มน่ั ในการทางาน (A)

3. สาระการเรียนรู้

- การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของสัตว์เป็นการสืบพันธ์ุที่ไม่มีการรวมของเซลล์สืบพันธุ์ เช่น การแตกหน่อ
และการงอกใหม่
- การสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศของสัตว์เป็นการสืบพันธุ์ที่เกิดจากการรวมนิวเคลียสของเซลล์สืบพันธุ์ซึ่งมีทั้งการ
ปฏิสนธิภายนอกและการปฏิสนธภิ ายใน สัตว์บางชนิดมี 2 เพศ ในตวั เดียวกนั แต่การผสมพันธส์ุ ่วนใหญ่จะผสมขา้ ม
ตวั

4. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

การสืบพันธ์ุของสตั ว์ แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ดังนี้
1. การสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ เป็นการสืบพันธ์ุท่ีไม่มีการรวมของเซลล์สืบพันธุ์ เช่น การงอกใหม่ การแตก

หนอ่ การหกั เป็นท่อน พารท์ ีโนเจเนซิส
2. การสบื พันธ์แุ บบอาศัยเพศ เป็นการสบื พนั ธ์ุทเี่ กดิ จากการรวมกันนิวเคลยี สของเซลล์สบื พันธุ์ แบ่งออกเปน็

การปฏิสนธิภายนอกและการปฏิสนธิภายใน ซึ่งสัตว์ส่วนใหญ่จะแยกเพศกัน แต่สัตว์บางชนิดมี 2 เพศ ใน
ตวั เดียวกัน แต่การผสมพันธ์สุ ว่ นใหญ่จะผสมข้ามตวั

5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นและคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวนิ ัย

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รยี นรู้

1) ทกั ษะการสงั เกต 3. ม่งุ มนั่ ในการทางาน

2) การลงความเหน็ จากข้อมูล

3) การตีความหมายข้อมูลและลงข้อมูล

3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

โดยใช้การสอนตามรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) (10 นาที)
การใชค้ วามร้เู ดมิ เชอื่ มโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge)
1. แจง้ ผลการเรยี นรขู้ องหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 ระบบสืบพันธุ์และการเจรญิ เตบิ โตของสตั ว์ ใหน้ ักเรียนทราบ
2. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 ระบบสบื พันธุแ์ ละการเจรญิ เตบิ โตของสัตว์
3. นักเรยี นทา Check for Understanding เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจของตนเองก่อนเรียน
4. ทบทวนความรู้ เร่ือง ธรรมชาตขิ องสิง่ มีชีวติ ซึง่ เกณฑ์ทีใ่ ช้จาแนกสง่ิ มชี วี ิต มดี งั นี้

- สิ่งมชี วี ิตมีการสืบพันธุ์
- ส่ิงมีชีวติ ตอ้ งการสารอาหารและพลังงาน
- สิ่งมีชีวิตมกี ารเจริญเตบิ โต มีอายุขัย และมขี นาดจากัด
- สง่ิ มชี วี ติ มกี ารตอบสนองตอ่ สิง่ เรา้
- สงิ่ มชี ีวิตมีการรกั ษาดุลยภาพของร่างกาย
- สง่ิ มีชวี ติ มีการปรับตัวทางวิวฒั นาการ
5. อธิบายให้นักเรียนฟังถึงเกณฑ์ท่ีใช้ในการจาแนกส่ิงมีชีวิตในข้อท่ี 1 ว่า ส่ิงมีชีวิตทุกชนิดล้วนต้องมี
การสืบพันธ์ุเพื่อเพิ่มจานวนประชากรและดารงรักษาเผ่าพันธุ์ให้คงอยู่ โดยส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิดมีรูปแบบ
การสืบพันธ์ุท่ีแตกต่างกันไป แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศและ
การสืบพนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศ
6. ถามคาถาม Big Question เพ่ือให้นักเรียนร่วมกันวิเคราะห์ว่า “เพราะเหตุใดส่ิงมีชีวิตต้องมีการสืบพันธ์ุ
และหากไมม่ จี ะสง่ ผลอยา่ งไร”
(แนวตอบ: การสืบพันธุ์เป็นกระบวนการดารงเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตไม่ให้สูญพันธุ์ หากไม่มีการสืบพันธุ์

สงิ่ มชี ีวิตทกุ ชนดิ จะสูญพนั ธ)์ุ

7. ถามคาถาม Key Question กับนักเรียนว่า “การสืบพันธุ์แบ่งเป็นกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกัน
อย่างไร”
(แนวตอบ: การสืบพนั ธุ์แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การสบื พนั ธแ์ุ บบไม่อาศยั เพศเปน็ การสืบพนั ธ์ุทไ่ี มต่ อ้ ง
อาศัยเซลล์สืบพันธ์ุ สิ่งมีชีวิตตัวใหม่ท่ีเกิดขึ้นจะมีลักษณะเหมือนตัวเดิมทุกประการ และ
การสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศเป็นการสืบพันธ์ุที่อาศัยเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้ คือ สเปิร์ม และเซลล์
สืบพันธ์เุ พศเมีย คอื เซลล์ไข่ มาปฏิสนธกิ นั (นักเรียนอาจยังไม่สามารถตอบคาถามได)้ )

ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) (30 นาท)ี
นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม จับสลากเพื่อสืบค้นข้อมูล เรื่อง การสืบพันธ์ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
ในหวั ข้อ ดังน้ี
- กลมุ่ ที่ 1 การสืบพันธข์ุ องปลา
- กลุ่มที่ 2 การสบื พันธข์ุ องสตั วส์ ะเทนิ นา้ สะเทินบก
- กลมุ่ ที่ 3 การสบื พนั ธ์ขุ องสัตวป์ กี
- กลุ่มที่ 4 การสืบพนั ธขุ์ องสัตวเ์ ลีย้ งลกู ดว้ ยนา้ นม
อธิบายลักษณะของการสืบพันธ์ุ และร่วมกันวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสียของรูปแบบการสืบพันธ์ุของสัตว์มี-
กระดูกสนั หลงั ทก่ี ลมุ่ ของนกั เรียนศึกษา จดั ทารายงานส่งครผู สู้ อน

ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (10 นาท)ี
นกั เรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการสืบพันธ์ุของสัตว์เพื่อให้ได้ข้อสรุป ดังน้ี การสืบพันธข์ุ องสัตว์แบ่ง
ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ เป็นการสืบพันธ์ุที่ไม่อาศัยเซลล์สืบพันธ์ุ สัตว์ตัวใหม่ท่ีได้จะมีลักษณะ
เหมอื นตัวแม่ทุกประการ เช่น การงอกใหม่พบในพลานาเรีย ไส้เดือนดิน และดาวทะเล การแตกหน่อ
พบในไฮดรา หนอนตัวแบน และฟองน้า การหักเป็นท่อนพบในหนอนตัวแบน สาหร่ายทะเล และ
สาหรา่ ยไฟ พาร์ทโี นเจเนซสิ พบในแมลง
- การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เป็นการสบื พันธุท์ ี่อาศยั เซลลส์ ืบพนั ธุ์เพศผู้ คือ สเปิร์ม และเซลล์สืบพันธ์ุ
เพศเมีย คือ เซลล์ไข่ มาปฏิสนธิกันเป็นไซโกต ซึ่งจะแบ่งเซลล์เพ่ิมจานวนและพัฒนาเป็นเอ็มบริโอ
และตวั เตม็ วัยต่อไป แบ่งออกเป็นการสืบพันธ์ขุ องสัตว์ทมี่ ีสองเพศในตัวเดียวกัน พบในพลานาเรียและ
ไส้เดอื นดิน และการสบื พนั ธ์ขุ องสัตวท์ ่ีมเี พศผูแ้ ละเพศเมียแยกตวั กนั เช่น ปลา แมลง

ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาท)ี
นักเรยี นเขยี นสรปุ ในรูปแบบผงั มโนทศั น์ เรอ่ื ง การสืบพนั ธุข์ องสัตว์ โดยอธบิ ายประเภทของการ

สืบพันธพ์ุ รอ้ มยกตวั อยา่ งสตั วท์ ่มี ีการสบื พนั ธป์ุ ระเภทนนั้ ๆ ลงในกระดาษ A4

ขั้นประเมิน (Evaluation)

1. ประเมินความรู้เกี่ยวกับ เรื่อง การสืบพันธ์ุของสัตว์ โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม ตรวจ

แบบทดสอบก่อนเรยี น ตรวจแบบฝกึ หดั ตรวจผังมโนทศั น์ และตรวจรายงาน

2. ประเมนิ ทักษะและกระบวนการ โดยสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ และการนาเสนอผลงาน

3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้ในการศึกษาและความมุ่งม่ันใน

การทางาน

7. การวัดและการประเมนิ ผล

รายการวดั วิธวี ดั เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน

7.1 การประเมนิ กอ่ นเรียน

- แบบทดสอบกอ่ น - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ - ประเมนิ ตาม

เรียน หนว่ ยการ ก่อนเรยี น กอ่ นเรียน สภาพจรงิ

เรยี นรู้ที่ 1

7.2 การประเมนิ ระหว่าง

การจดั กจิ กรรม

1) การสืบพันธุข์ อง - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60

สตั ว์ ผ่านเกณฑ์

- ตรวจรายงาน เรื่อง - แบบประเมนิ รายงาน - ระดับคณุ ภาพดี

การสืบพันธ์ของ ผา่ นเกณฑ์

สตั ว์มีกระดกู สนั หลัง

- ตรวจผังมโนทัศน์ เรือ่ ง - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพดี

การสบื พนั ธขุ์ องสัตว์ ผงั มโนทัศน์ ผา่ นเกณฑ์

2) การนาเสนอ - ประเมนิ การนาเสนอ - ผลงานทน่ี าเสนอ - ระดบั คณุ ภาพดี

ผลงาน ผลงาน ผา่ นเกณฑ์

3) พฤตกิ รรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพดี

การทางาน การทางานรายบคุ คล การทางานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์

รายบุคคล

4) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพดี

การทางานกลุม่ การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์

5) คุณลกั ษณะ - สังเกตความมีวินัย - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพดี

อนั พึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มัน่ คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์

ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

8.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ที่ 1 การสืบพนั ธุแ์ ละการเจรญิ เติบโตของสัตว์
2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ท่ี 1 การสบื พนั ธแุ์ ละการเจริญเตบิ โตของสัตว์
3) แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การสืบพนั ธแุ์ ละการเจริญเติบโตของสัตว์
4) PowerPoint เรื่อง การสบื พันธุ์และการเจริญเตบิ โตของสตั ว์
5) วีดิทัศน์ เร่ือง การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของสัตว์

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมดุ
3) ส่อื อิเล็กทรอนกิ ส์

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตรเ์ พมิ่ เติม ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565

สาระ ชวี วิทยา (ว33256) หนว่ ยที่ 4 การสบื พันธแุ์ ละการเจรญิ เติบโตของสตั ว์

เร่ือง การสืบพันธ์ขุ องมนษุ ย์ ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 6

เวลา 2 ชวั่ โมง ผสู้ อน นางสาวธดิ ารตั น์ โพนกลาง

1. ผลการเรยี นรู้

2. สืบค้นขอ้ มูล อธบิ ายโครงสร้างและหนา้ ท่ีของอวยั วะในระบบสบื พนั ธ์ุเพศชายและระบบสืบพันธเุ์ พศหญิง
3. อธบิ ายกระบวนการสร้างสเปิรม์ กระบวนการสรา้ งเซลล์ไข่ และการปฏสิ นธิในมนุษย์

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายโครงสร้างและหน้าทีข่ องอวยั วะสบื พนั ธใ์ุ นระบบสืบพนั ธเุ์ พศชายและระบบสบื พันธเุ์ พศหญิง (K)
2. สนใจใฝร่ ใู้ นการศึกษาและมุง่ ม่นั ในการทางาน (A)

3. สาระการเรียนรู้

- อวัยวะสืบพันธ์ุของเพศชายประกอบด้วยอัณฑะทาหน้าท่สี รา้ งสเปิรม์ และฮอร์โมนเพศชาย และมโี ครงสร้าง
อน่ื ๆ ทีท่ าหนา้ ทีล่ าเลยี งสเปริ ์ม สรา้ งน้าเลีย้ งสเปิรม์ และสารหล่อล่นื ทอ่ ปัสสาวะ
- อวัยวะสืบพันธุข์ องเพศหญิงประกอบด้วยรังไข่ ท่อนาไข่ มดลูก และช่องคลอด รังไข่ทาหน้าท่ีสร้างเซลล์ไข่
และฮอร์โมนเพศหญงิ

4. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

อวัยวะในระบบสืบพันธเุ์ พศชายประกอบด้วยอัณฑะทาหน้าที่ผลิตฮอรโ์ มนเพศชายและเซลล์
สืบพันธ์ุเพศชาย ถุงอัณฑะทาหน้าที่ห่อหุ้มอัณฑะและปรับอุณหภูมิของอัณฑะ หลอดเก็บสเปิร์มทาหน้าท่ี
เก็บสเปิรม์ ทส่ี ร้างมาจากอัณฑะจนกวา่ จะเจรญิ เต็มท่ี หลอดนาสเปริ ม์ ทาหน้าที่เปน็ ทางผ่านของสเปิร์มออกสู่
ภายนอกร่างกาย ต่อมสรางน้าเลี้ยงสเปิร์มทาหน้าที่สร้างน้าเลี้ยงสเปิร์มท่ีมีสภาพเป็นเบสอ่อนๆ
ต่อมลูกหมากทาหน้าที่สร้างสารที่มีสภาพเป็นเบสเพื่อหล่อเลี้ยงสเปิร์มและลดความเป็นกรดในช่องคลอด
ของเพศหญิง ตอมคาวเปอรทาหน้าทสี่ ร้างสารเมือกที่มีสภาพเปน็ เบสเพ่ือช่วยหล่อล่ืนและลดความเป็นกรด
ในทอ่ ปัสสาวะ และองคชาตเป็นอวัยวะสืบพันธภุ์ ายนอกรา่ งกาย

อวัยวะในระบบสบื พนั ธเุ์ พศหญงิ ประกอบดว้ ย รงั ไข่ ทาหน้าท่ผี ลติ เซลลไ์ ขแ่ ละฮอรโ์ มนเพศ
หญงิ ท่อนาไขท่ าหน้าทีเ่ ปน็ ทางผา่ นของเซลลไ์ ขท่ ่อี อกจากรงั ไขเ่ ข้าสูม่ ดลกู และเปน็ บรเิ วณท่ีสเปริ ์มปฏสิ นธิ
กบั เซลล์ไข่ มดลกู ทาหน้าท่ีเป็นทฝี่ งั ตวั ของเซลลไ์ ขท่ ี่ไดร้ บั การปฏิสนธแิ ละเปน็ ท่เี จริญเตบิ โตของทารกใน

ครรภ์ และช่องคลอดทาหน้าท่ีเปน็ ทางผา่ นของสเปิรม์ เข้าสมู่ ดลกู และเปน็ ทางออกของทารกเมอ่ื ครบกาหนด

คลอด

5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวนิ ยั

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้

1) ทกั ษะการสังเกต 3. มงุ่ มั่นในการทางาน

2) การลงความเห็นจากข้อมลู

3) การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ มูล

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

โดยใช้การสอนตามรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (5 นาท)ี
การใชค้ วามรูเ้ ดมิ เชื่อมโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge)
1. ถามคาถามทบทวนความรูเ้ ดมิ กบั นกั เรยี น ดงั นี้

- การสบื พนั ธ์ขุ องมนษุ ย์เหมือนหรอื แตกตา่ งจากการสืบพันธ์ขุ องสัตว์อย่างไร
(แนวตอบ: การสืบพันธุ์ของมนุษย์เป็นการสืบพันธ์แุ บบอาศัยเพศเหมือนของสัตวม์ ีกระดกู สนั หลงั ส่วน
ใหญ่ เพศผู้สร้างเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้ คือ สเปิร์ม เพศเมียสร้างเซลล์สืบพันธ์ุเพศเมีย คือ เซลล
ไข่ และมีการปฏิสนธภิ ายในร่างกายเพศเมยี เหมือนสัตวม์ กี ระดกู สันหลังบางชนดิ )

- เซลล์สบื พนั ธ์ุของมนษุ ยส์ รา้ งจากอวยั วะใด
(แนวตอบ : สเปิรม์ สร้างจากอณั ฑะ เซลล์ไข่สรา้ งจากรังไข่)

ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) (40 นาที)
นกั เรียนแบ่งกลุ่มออกเปน็ 4 กล่มุ เพ่อื สบื คน้ ข้อมลู เรอ่ื ง โครงสรา้ งและหนา้ ท่ขี องอวยั วะในระบบ

สืบพันธเ์ุ พศของมนษุ ย์ โดยใช้แบบจาลองโครงสร้างและหน้าท่ขี องอวยั วะในระบบสบื พนั ธเ์ุ พศชายและ
เพศหญงิ จัดทารายงานในรปู แบบการนาเสนอส่งครผู สู้ อน

ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (20 นาที)
นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะในระบบสืบพันธ์ุเพศหญิงเพ่ือให้ได้
ข้อสรุป ดงั นี้
- อวัยวะในระบบสืบพันธ์ุเพศชายประกอบด้วยอัณฑะทาหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเพศชายและเซลล์สืบพันธ์ุเพศ
ชาย ถุงอัณฑะทาหน้าที่ห่อหุ้มอัณฑะและปรับอุณหภูมิของอัณฑะ หลอดเก็บสเปิร์มทาหน้าท่ีเก็บสเปิร์มท่ี

สร้างมาจากอัณฑะจนกว่าจะเจริญเต็มท่ี หลอดนาสเปิร์มทาหน้าที่เป็นทางผ่านของสเปิร์มออกสู่ภายนอก
ร่างกาย ต่อมสรางน้าเลี้ยงสเปิร์มทาหน้าท่ีสร้างน้าเล้ียงสเปิร์มที่มีสภาพเป็นเบสอ่อนๆ ต่อมลูกหมากทา
หน้าที่สร้างสารที่มีสภาพเป็นเบสเพ่ือหลอ่ เลี้ยงสเปิร์มและลดความเป็นกรดในช่องคลอดของเพศหญิง ตอม
คาวเปอรทาหนา้ ท่ีสร้างสารเมือกท่ีมสี ภาพเป็นเบสเพ่ือช่วยหล่อล่นื และลดความเปน็ กรดในทอ่ ปัสสาวะ และ
องคชาตเป็นอวัยวะสืบพนั ธภุ์ ายนอกร่างกาย
- อวัยวะในระบบสบื พนั ธเ์ุ พศหญงิ ประกอบดว้ ยรงั ไข่ทาหนา้ ทผี่ ลิตเซลล์ไข่และฮอรโ์ มนเพศหญงิ ทอ่ นทา
หน้าท่ีเปน็ ทางผ่านของเซลล์ไข่ทอี่ อกจากรงั ไข่เขา้ สู่มดลูกและเปน็ บริเวณทีส่ เปริ ์มปฏสิ นธกิ ับ เซลล์ไข่
มดลกู ทาหนา้ ที่เปน็ ท่ฝี ังตัวของเซลล์ไขท่ ่ไี ดร้ ับการปฏสิ นธิและเปน็ ทเี่ จรญิ เตบิ โตของทารกในครรภ์ และช่อง
คลอดทาหนา้ ทเ่ี ปน็ ทางผา่ นของสเปิรม์ เข้าสมู่ ดลกู และเป็นทางออกของทารกเมอ่ื ครบกาหนดคลอด

ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (15 นาที)
นกั เรียนเขียนสรุปในรปู แบบผงั มโนทศั น์ เรอ่ื ง การสบื พนั ธข์ุ องสตั ว์ โดยอธิบายประเภทของการ

สบื พนั ธพุ์ รอ้ มยกตัวอย่างสตั วท์ ม่ี กี ารสบื พันธุ์ประเภทนน้ั ๆ ลงในกระดาษ A4

ขั้นประเมิน (Evaluation)
1. ประเมินความรู้เกี่ยวกับ เรื่อง การสืบพันธุ์ของสัตว์ โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม ตรวจ

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ตรวจแบบฝกึ หดั ตรวจผงั มโนทัศน์ และตรวจรายงาน
2. ประเมนิ ทักษะและกระบวนการ โดยสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ และการนาเสนอผลงาน
3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้ในการศึกษาและความมุ่งม่ันใน

การทางาน

7. การวัดและการประเมนิ ผล

รายการวัด วธิ วี ดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน

7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น - แบบทดสอบ - ประเมินตาม
ก่อนเรียน สภาพจริง
- แบบทดสอบก่อน - ตรวจแบบทดสอบ

เรยี น หนว่ ยการ ก่อนเรียน

เรียนรทู้ ี่ 1

7.2 การประเมินระหวา่ ง

การจัดกิจกรรม

1) การสืบพันธข์ุ อง - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60

สตั ว์ ผ่านเกณฑ์

- ตรวจรายงาน เรอื่ ง - แบบประเมินรายงาน - ระดับคุณภาพดี

การสืบพนั ธข์ อง ผา่ นเกณฑ์

รายการวดั วิธวี ดั เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน
สตั ว์มกี ระดูกสันหลงั
2) การนาเสนอ - ตรวจผงั มโนทศั น์ เร่ือง - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพดี
ผลงาน การสืบพนั ธุข์ องสัตว์
- ประเมนิ การนาเสนอ ผังมโนทศั น์ ผา่ นเกณฑ์
3) พฤติกรรม ผลงาน
การทางาน - สังเกตพฤตกิ รรม - ผลงานทน่ี าเสนอ - ระดับคณุ ภาพดี
รายบุคคล การทางานรายบุคคล
ผ่านเกณฑ์
4) พฤติกรรม
การทางานกลุม่ - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพดี

5) คุณลักษณะ การทางานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
อันพึงประสงค์
- สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพดี
การทางานกลุ่ม
การทางานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
- สังเกตความมีวินยั
ใฝ่เรยี นรู้ และมุง่ ม่นั - แบบประเมิน - ระดบั คุณภาพดี
ในการทางาน
คุณลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์

อันพงึ ประสงค์

8. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้

8.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ ที่
1 การสบื พันธ์แุ ละการเจริญเติบโตของสัตว์
2) แบบฝึกหัดรายวชิ าเพ่มิ เติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรู้ ที่
1 การสบื พันธ์แุ ละการเจรญิ เตบิ โตของสตั ว์
3) แบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 การสบื พนั ธ์แุ ละการเจรญิ เติบโตของสตั ว์
4) PowerPoint เรอ่ื ง การสบื พนั ธุแ์ ละการเจริญเติบโตของสตั ว์
5) วีดิทัศน์ เร่ือง การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของสัตว์

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมุด
3) ส่ืออิเลก็ ทรอนกิ ส์

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 2

กลุม่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์เพิม่ เติม ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565

สาระ ชวี วิทยา (ว33256) หนว่ ยท่ี 4 การสบื พันธแุ์ ละการเจรญิ เตบิ โตของสตั ว์

เรอื่ ง การสืบพันธขุ์ องมนษุ ย์ ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6

เวลา 3 ชว่ั โมง ผสู้ อน นางสาวธดิ ารัตน์ โพนกลาง

1. ผลการเรียนรู้

1. สืบคน้ ข้อมูล อธิบายโครงสรา้ งและหน้าที่ของอวยั วะในระบบสบื พันธุเ์ พศชายและระบบสบื พนั ธุ์เพศหญงิ
2. อธบิ ายกระบวนการสรา้ งสเปิร์ม กระบวนการสร้างเซลลไ์ ข่ และการปฏสิ นธใิ นมนษุ ย์

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายโครงสร้างและหนา้ ท่ีของอวยั วะสบื พันธใุ์ นระบบสืบพนั ธเ์ุ พศชายและระบบสบื พันธเุ์ พศหญิง (K)
2. สนใจใฝร่ ใู้ นการศกึ ษาและมงุ่ มั่นในการทางาน (A)

3. สาระการเรียนรู้

การสืบพันธุ์ของมนุษย์มีกระบวนการสร้างสเปิร์มจากเซลล์สเปอร์มาโทโกเนียมภายในอัณฑะ และ
กระบวนการสรา้ งเซลลไ์ ข่จาก เซลลโ์ อโอโกเนยี มภายในรังไข่

อวัยวะสืบพันธุ์ของเพศชายประกอบด้วยอัณฑะทาหน้าท่ีสร้างสเปิร์มและฮอร์โมนเพศชาย และมี
โครงสรา้ งอนื่ ๆ ท่ที าหน้าที่ลาเลยี งสเปิร์ม สรา้ งน้าเลย้ี งสเปริ ม์ และสารหลอ่ ล่ืนทอ่ ปัสสาวะ

อัณฑะประกอบด้วยหลอดสร้างสเปิร์ม ซ่ึงภายในมีเซลล์สเปอร์มาโทโกเนียมที่เป็นเซลล์ ตั้งต้นของ
กระบวนการสรา้ งสเปริ ม์

อวัยวะสืบพันธ์ุของเพศหญิงประกอบด้วยรังไข่ ท่อนาไข่ มดลูก และช่องคลอด รังไข่ทาหน้าท่ีสร้าง
เซลลไ์ ข่และฮอรโ์ มนเพศหญงิ

กระบวนการสร้างสเปิร์มเริ่มต้นจากสเปอร์- มาโทโกเนียมแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสได้สเปอร์-มาโทโก
เนยี มจานวนมาก ซ่ึงตอ่ มาบางเซลล์พัฒนาเป็นสเปอร์มาโทไซต์ระยะแรก โดย สเปอรม์ าโทไซต์ระยะแรกจะ
แบ่งเซลล์แบบ ไมโอซิส I ได้สเปอร์มาโทไซต์ระยะท่ีสองซึ่งจะแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส II ได้สเปอร์มาทิด
ตามลาดบั จากน้ันพัฒนาเปน็ สเปริ ์ม

กระบวนการสร้างเซลล์ไข่เริ่มจากโอโอโกเนียมแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสได้โอโอโกเนียมซึ่งจะพัฒนาเป็น
โอโอไซต์ระยะแรก แล้วแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส I ได้โอโอไซต์ระยะท่ีสองซงึ่ จะเกดิ การตกไขต่ ่อไป เมื่อได้รับ
การกระตุ้นจากสเปริ ม์ โอโอไซต์ระยะท่ีสองจะแบ่งแบบไมโอซิส II แล้วพัฒนาเป็นเซลลไ์ ข่

การปฏิสนธิเกิดขึน้ ภายในทอ่ นาไขไ่ ดไ้ ซโกตซึ่งจะเจรญิ เป็นเอม็ บรโิ อและไปฝงั ตัวที่ผนังมดลูกจนกระทั่ง
ครบกาหนดคลอด

4. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

มนุษย์มกี ารสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศและมีการปฏิสนธิภายในร่างกาย เพศผู้สรา้ งเซลล์สืบพันธุ์
เพศผู้ เรยี กว่า สเปริ ์ม เพศเมียสร้างเซลล์สบื พันธุ์เพศเมีย เรียกวา่ เซลลไข เม่ือสเปิร์มเข้าผสมกับเซลล์ไขใ่ น
ร่างกายเพศเมียจะเกิดการปฏิสนธิได้เป็นไซโกต ซึ่งจะแบ่งเซลล์เพ่ิมจานวนและพัฒนาเป็นเอ็มบริโอ และ
เจริญเตบิ โตเป็นทารก เดก็ และผูใ้ หญ่ตอ่ ไป

กระบวนการสร้างสเปริ ์มเกดิ ภายในผนังของหลอดสร้างสเปิร์มทีอ่ ยู่ในอัณฑะ เริม่ จากสเปอร์-
มาโทโกเนียมแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสได้สเปอร์มาโทโกเนียมจานวนมาก บางเซลล์พัฒนาเป็นสเปอร์ -
มาโทไซต์ระยะแรก (2n) และแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส I ได้สเปอร์มาโทไซต์ระยะท่ีสอง 2 เซลล์ (n) และแบ่ง
เซลล์แบบไมโอซิส II ไดส้ เปอรม์ าทิด 4 เซลล์ (n) และเปล่ยี นแปลงรูปร่างและพัฒนาเป็นสปอร์มาโทซัวหรือ
สเปิร์ม

กระบวนการสร้างเซลล์ไข่เกิดภายในรังไข่ เร่ิมจากโอโอโกเนียม (n) ที่อยู่ในรังไข่ต้ังแต่เป็น
ทารกในครรภ์ แบ่งเซลล์แบบไมโทซิสได้เซลล์ใหม่จานวนมาก เซลล์ส่วนหนึ่งพัฒนาเป็นโอโอไซต์ระยะแรก
(2n) ท่ีถูกล้อมรอบด้วยฟอลลิเคิล เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ุ แต่ละรอบเดือนโอโอไซต์ระยะแรกบางเซลล์ถูก
กระตุ้นให้แบ่งเซลล์ไมโอซิส I ได้เป็นโอโอไซต์ระยะที่สอง 1 เซลล์ (n) และโพลาร์บอดี 1 เซลล์ (n) จากนั้น
โอโอไซตร์ ะยะท่สี องถูกกระตุน้ ให้ตกเข้าสทู่ ่อนาไข่ และฟอลลเิ คลิ จะเจรญิ เป็นคอรป์ ัสลเู ทียม
การปฏิสนธิและการตั้งครรภ์ เมื่อสเปิร์มเข้าสู่ช่องคลอดของเพศหญิงในช่วงเวลาที่มีการตกไข่เคล่ือนท่ีไป
ปฏสิ นธกิ ับเซลลไ์ ข่บรเิ วณท่อนาไข่ นิวเคลียสของสเปิรม์ จะรวมกบั นวิ เคลียสของเซลล์ไขเ่ กิดเปน็ ไซโกต และ
แบ่งเซลลเ์ พิม่ จานวนและพัฒนาเปน็ เอ็มบรโิ อเขา้ ไปฝังตวั ทีผ่ นงั มดลูก

5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี นและคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวนิ ยั

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทักษะการสงั เกต 3. ม่งุ ม่นั ในการทางาน

2) การลงความเหน็ จากข้อมลู

3) การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ มลู

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

โดยใช้การสอนตามรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es
ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (10 นาท)ี
การใชค้ วามรู้เดมิ เชอ่ื มโยงความรใู้ หม่ (Prior Knowledge)
1. ทบทวนความรู้ เรื่อง การสืบพันธุ์ของมนุษย์ ท่ีนักเรียนได้ศึกษามาในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นว่า “การ

สืบพันธ์ุของมนุษย์เป็นการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ โดยเพศผู้สร้างเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้จากอัณฑะ เรียกว่า
สเปิร์ม ส่วนเพศเมียสร้างเซลล์สืบพันธ์ุเพศเมียจากรังไข่ เรียกว่า เซลลไข เมื่อสเปิร์มเข้าผสมกับเซลล์ไข่
ภายในรา่ งกายเพศเมียจะเกดิ การปฏสิ นธิได้เป็นไซโกต ซ่ึงจะแบง่ เซลลเ์ พิ่มจานวนและพฒั นาเป็นเอ็มบรโิ อ
และเจริญเติบโตเปน็ ทารก เดก็ และผู้ใหญ่ตอ่ ไป”
2. ถามคาถามทบทวนความรเู้ ดิมกบั นักเรียน ดังน้ี
- การสืบพนั ธข์ุ องมนษุ ย์เหมือนหรอื แตกต่างจากการสืบพันธข์ุ องสัตวอ์ ย่างไร

(แนวตอบ: การสืบพันธ์ุของมนุษย์เป็นการสืบพันธุแ์ บบอาศัยเพศเหมือนของสตั ว์มีกระดูกสนั หลงั ส่วน
ใหญ่ เพศผู้สร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ คือ สเปิร์ม เพศเมียสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย คือ เซลล
ไข่ และมีการปฏิสนธิภายในรา่ งกายเพศเมยี เหมือนสตั ว์มีกระดูกสนั หลังบางชนดิ )

- เซลล์สืบพันธ์ุของมนุษยส์ ร้างจากอวยั วะใด
(แนวตอบ : สเปิรม์ สร้างจากอัณฑะ เซลล์ไข่สรา้ งจากรงั ไข่)

ข้นั สารวจและคน้ หา (Exploration) (110 นาที)
1. นักเรียนแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 5 กลุ่ม โดยนักเรียนแต่ละกล่มุ แบ่งหน้าท่ีกันไปศึกษาหัวขอ้ ในฐาน

ตา่ ง ๆ ดังนี้
- ฐานที่ 1 กระบวนการสร้างสเปริ ม์
- ฐานที่ 2 กระบวนการสร้างเซลล์ไข่
- ฐานที่ 3 การปฏิสนธิและการต้งั ครรภ์

โดยใช้แบบจาลองโครงสร้างและหน้าท่ีของอวัยวะในระบบสืบพันธ์ุเพศชายและเพศหญิง และใช้วีดิทัศน์
แสดงกระบวนการสร้างสเปริ ม์ กระบวนการสร้างเซลล์ไข่ การปฏสิ นธิและการตง้ั ครรภ์ ตวั อย่างวีดิทัศน์ เช่น

- https://www.youtube.com/watch?v=-XQcnO4iX_U
- https://www.youtube.com/watch?v=m12xsf5g3Bo2
- https://www.youtube.com/watch?v=RFDatCchpus
- https://www.youtube.com/watch?v=63hFfJOJg9w
- https://www.youtube.com/watch?v=VmlcRqdDqH4
- https://www.youtube.com/watch?v=DGyRD9HnXVs

2. นักเรียนแต่ละคนท่ีถูกแบ่งหน้าท่ีไปศึกษาในฐานต่าง ๆ กลับมารวมกลุ่มของตนเอง แล้วร่วมกันอธิบาย
และวเิ คราะหข์ ้อมูลทไี่ ดไ้ ปศกึ ษาในฐานต่าง ๆ

3. นกั เรยี นทาใบงานที่ 1.1 เรอ่ื ง การสรา้ งสเปิร์มและเซลลไ์ ข่
4. นักเรียนแต่ละกลมุ่ จบั สลากเลือกหัวขอ้ ทศ่ี กึ ษาเก่ยี วกบั การสืบพนั ธข์ุ องมนษุ ย์ ดังนี้

- หมายเลข 1 กระบวนการสรา้ งสเปริ ์ม
- หมายเลข 2 กระบวนการสรา้ งเซลล์ไข่
- หมายเลข 3 การปฏิสนธแิ ละการต้งั ครรภ์
นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันเขยี นแผนภาพจากหวั ขอ้ ทจ่ี ับสลากได้ แล้วส่งตวั แทนกลมุ่ นาเสนอหน้าชน้ั เรียน
โดยระหว่างท่นี ักเรยี นนาเสนอใหน้ ักเรยี นในชั้นเรียนร่วมกนั เสนอแนะ และครูคอยเพิ่มเตมิ ประเด็นทข่ี าด
หายไป

ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (40 นาที)
1. ครูใช้คาถามเพ่ือสรุปเก่ียวกับกระบวนการสร้างสเปิร์มการสร้างเซลล์ไข่การปฏิสนธิและการตั้งครรภ์
เพอ่ื ให้ได้ขอ้ สรุป ดังน้ี
- น้าอสจุ มิ ีองค์ประกอบใดบ้าง
(แนวตอบ: สเปิรม์ และของเหลวทีส่ ร้างจากต่อมน้าเลยี้ งสเปิร์ม ต่อมลูกหมาก และตอ่ มคาวเปอร์)
- จานวนโครโมโซมท่ีพบในสเปอร์มาโทไซต์ระยะแรกและสเปอร์มาโทไซต์ระยะที่สองมีจานวนเท่ากัน
หรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ: แตกต่างกัน ในสเปอร์มาโทไซต์ระยะแรกมีโครโมโซมเป็น 2n ส่วนสเปอร์มาโทไซต์ระยะที่
สองเกดิ จากการแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส จงึ มีโครโมโซมป็น n )
- หากมสี เปอร์มาโทไซต์ระยะแรก 250 เซลล์ จะสรา้ งสเปิร์มได้ทงั้ หมดกเ่ี ซลล์
(แนวตอบ: 1,000 เซลล์)
- ในกรณีทต่ี อ่ มคาวเปอรท์ างานผดิ ปกติจะสง่ ผลต่อสเปริ ม์ อยา่ งไร
(แนวตอบ: สเปิรม์ เคลอื่ นท่ีช้าลง เนอ่ื งจากขาดสารหล่อล่นื ที่สร้างจากต่อมคาวเปอร์)
- ลกั ษณะรปู รา่ งของสเปริ ์มมีความเหมาะสมตอ่ การทาหน้าทอ่ี ยา่ งไร
(แนวตอบ: สเปิร์มมีรูปร่างแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหัวมีลักษณะกลมรีช่วยลดแรงเสียดทานขณะ
เคล่ือนที่ มีนิวเคลียสและถุงอะโครโซมซง่ึ ภายในมเี อนไซม์ส้าหรบั ย่อยเยื่อห้มุ เซลลไ์ ข่ สว่ น
ล้าตัวมีไมโทคอนเดรียท้าหน้าที่เป็นแหล่งสร้างพลังงานส้าหรับใช้เคลื่อนที่ และส่วนหาง
เปน็ แฟลเจลลมั ชว่ ยในการเคลอื่ นท่ขี องสเปิรม์ )
- ในแต่ละรอบเดือน โอโอไซต์ทีพ่ บในรังไข่ของเพศหญงิ มกี ารเปลี่ยนแปลงอยา่ งไร
(แนวตอบ: ในรังไข่ของเพศหญิงจะประกอบด้วยโอโอไซต์ระยะแรกจ้านวนมาก เม่ือถูกกระตุ้นด้วย
FSH โอโอไซต์ระยะแรกบางเซลล์จะแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส I ได้โอโอไซต์ระยะที่สอง 1
เซลล์ และโพลาร์บอดี 1 เซลล์ โอโอไซต์ระยะท่ีสองจะแบง่ เซลล์แบบไมโอซสิ II ได้ โอ

โอทิด 1 เซลล์ และโพลารบ์ อดี 1 เซลล์ โอโอทิดจะพฒั นาเปน็ โอวมั และตกเขา้ สู่ ทอ่ นา้
ไขเ่ พอื่ ไปปฏิสนธกิ บั สเปิร์มที่ผนังมดลกู )
- หากเพศหญงิ มโี อโอไซตร์ ะยะแรก 100,00 เซลล์ จะสรา้ งเซลลไ์ ขไ่ ดท้ ั้งหมดก่เี ซลล์
(แนวตอบ: 100,000 เซลล์)
- เพราะเหตุใด เซลล์ไขท่ ีพ่ บในเพศหญิงในชว่ งวยั เจริญพนั ธ์จุ ึงมจี านวนนอ้ ยกวา่ โอโอไซต์ระยะแรก
(แนวตอบ: โดยปกติเพศหญิงจะเริ่มสร้างเซลล์ไข่ต้ังแต่อายุ 12-50 ปี ซ่ึงจะสร้างเซลล์ไข่ได้เดือนละ
1 เซลล์ ดังน้ันจึงสร้างเซลล์ไข่ได้ประมาณ 450 เซลล์ ซึ่งโอโอไซต์ระยะแรกท่ีเหลือจะเริ่ม
ฝอ่ ตง้ั แตเ่ ริม่ กระบวนการสร้างเซลลไ์ ข่ ทา้ ให้ไมส่ ามารถแบง่ เซลล์เปน็ เซลลไ์ ข่ไดท้ ้งั หมด)
- ลักษณะและกระบวนการสร้างเซลล์ไข่และสเปริ ์มแตกต่างกนั อย่างไร
(แนวตอบ: เซลล์ไข่มีรูปร่างกลม มีขนาดใหญ่เพราะมีไซโทพลาซึมมากกว่าสเปิร์ม ซ่ึงเซลล์ไข่จะถูก
สร้างครั้งละ 1 เซลล์ แต่สเปิร์มมีรูปร่างแบ่งเป็นส่วนหัว ส่วนล้าตัว และส่วนหาง มีขนาด
เลก็ กว่าเซลลไ์ ข่ เพราะสลดั ไซโทพลาซมึ บางส่วนเพอ่ื ลดขนาดของเซลล์ ซ่ึงสามารถสร้างได้
ครัง้ ละ 300-500 ลา้ นเซลล์)
- เพราะเหตใุ ด สเปิรม์ จึงมีโอกาสเขา้ ปฏสิ นธกิ บั เซลล์ไขไ่ ดเ้ พียง 1 เซลล์เทา่ นั้น
(แนวตอบ: เม่ือสเปิร์มเคล่ือนที่ไปถึงเซลล์ไข่จะปล่อยเอนไซม์จากถุงอะโครโซมออกมาย่อยสลายสาร
หุ้มเซลล์ไข่ แล้วจึงเคล่ือนท่ีตอ่ ไปถึงเย่อื หุ้มเซลล์ไข่ ซงึ่ มี 2 ช้ัน ได้แก่ เยื่อวิเทลลีนและ เย่ือ
หุม้ เซลล์ หลังจากนั้นสเปิรม์ จะกระตุ้นเซลล์ไข่ให้ปล่อยสารออกมาแทรกระหวา่ ง เย่ือหุ้ม
2 ช้ันน้ี ท้าให้เยอ่ื วเิ ทลลนี แยกออกจากเยอ่ื หุ้มเซลล์เกิดเปน็ เยอ่ื หุ้มหลงั การปฏิสนธิ และผิว
ของเซลลไ์ ขจ่ ะหนาข้ึนเพอ่ื ปอ้ งกันไม่ใหส้ เปริ ์มเซลล์อนื่ เข้าผสมกับเซลล์ไข่)
2. นักเรยี นและครรู ่วมกันสรปุ เกี่ยวกับการสบื พันธุ์ของมนุษย์เพอื่ ใหไ้ ดข้ ้อสรปุ ดังนี้
- ระบบสืบพันธุ์เพศชาย ประกอบด้วยอัณฑะทาหน้าท่ีผลิตฮอร์โมนเพศชายและเซลล์
สืบพันธ์ุเพศชาย ถุงหุ้มอัณฑะทาหน้าท่ีห่อหุ้มอัณฑะและปรับอุณหภูมิของอัณฑะ หลอดเก็บสเปิร์ม
ทาหน้าที่เก็บสเปิร์มท่ีสร้างมาจากอัณฑะจนกว่าสเปิร์มจะเจริญเต็มท่ี หลอดนาสเปิร์มทาหน้าที่เป็น
ทางผ่านของสเปิรม์ ออกส่ภู ายนอกร่างกาย ตอ่ มสรางน้าเลี้ยงสเปิรม์ ทาหน้าทีส่ รา้ งน้าเล้ยี งสเปิรม์ ท่ีมี
สภาพเป็นเบสอ่อน ๆ ตอ่ มลูกหมากทาหน้าที่สรา้ งสารที่มีสภาพเป็นเบสเพ่ือหล่อเลี้ยงสเปิร์มและลด
ความเป็นกรดในช่องคลอดของเพศหญิง ตอมคาวเปอรทาหน้าท่สี รา้ งสารเมือกทม่ี ีสภาพเป็นเบสเพ่ือ
ช่วยหล่อลื่นและลดความเป็นกรดในท่อปัสสาวะ และองคชาตเป็นอวัยวะสืบพันธ์ุภายนอกร่างกาย
โดยกระบวนการสร้างสเปิร์มเกิดภายในผนังของหลอดสร้างสเปิร์มที่อยู่ในอัณฑะ เร่ิมจากสเปอร์มา
โท-โกเนียมแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสได้สเปอร์มาโทโกเนียมจานวนมาก บางเซลล์พัฒนาเป็นสเปอร์-
มาโทไซต์ระยะแรก (2n) และแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส I ได้สเปอร์มาโทไซต์ระยะที่สอง 2 เซลล์ (n)
และแบ่งเซลล์แบบไมโอซิส II ได้สเปอร์มาทิด 4 เซลล์ (n) และเปลี่ยนแปลงรูปร่างและพัฒนาเป็น
สปอร์มาโทซัวหรือสเปิร์ม

- ระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ประกอบด้วยรังไข่ทาหน้าที่ผลิตเซลล์ไข่และฮอร์โมนเพศหญิง ท่อนาไข่ทา
หน้าทเี่ ปน็ ทางผ่านของเซลลไ์ ข่ที่ออกจากรังไข่เข้าสู่มดลูกและเป็นบริเวณท่ีสเปิร์มปฏิสนธิกับเซลลไ์ ข่
มดลูกทาหน้าท่ีเป็นท่ีฝังตัวของเซลล์ไข่ท่ีได้รับการปฏิสนธิและเป็นท่ีเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
และช่องคลอดทาหน้าที่เป็นทางผ่านของอสุจิเข้าสู่มดลูกและเป็นทางออกของทารกเมื่อครบกาหนด
คลอด กระบวนการสร้างเซลล์ไข่เกิดภายในรังไข่ เริ่มจากโอโอโกเนียม (n) ท่ีอยู่ในรังไข่ต้ังแต่เป็น
ทารกในครรภ์ แบ่งเซลล์แบบไมโทซิสได้เซลล์ใหม่จานวนมาก เซลล์ส่วนหนึ่งพัฒนาเป็นโอโอไซต์
ระยะแรก (2n) ท่ีถูกล้อมรอบด้วยฟอลลิเคิล เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธ์ุ แต่ละรอบเดือนโอโอไซต์
ระยะแรกบางเซลล์ถกู กระตนุ้ ให้แบง่ เซลลไ์ มโอซิส I ได้เป็นโอโอไซตร์ ะยะท่สี อง 1 เซลล์ (n) และ โพ
ลาร์บอดี 1 เซลล์ (n) จากน้ันโอโอไซต์ระยะที่สองถูกกระตุ้นให้ตกเข้าสู่ท่อนาไข่ และฟอลลิเคิลจะ
เจรญิ เป็นคอร์ปสั ลูเทยี ม

- การปฏิสนธิและการต้ังครรภ์ เมื่อสเปิร์มเข้าสู่ช่องคลอดของเพศหญิงในช่วงเวลาที่มีการตกไข่
เคล่ือนที่ไปปฏิสนธิกับเซลล์ไข่บริเวณท่อนาไข่ นิวเคลียสของสเปิร์มจะรวมกับนิวเคลียสของเซลล์ไข่
เกดิ เป็นไซโกต แบ่งเซลล์เพิม่ จานวนและพัฒนาเป็นเอม็ บรโิ อเขา้ ไปฝงั ตวั ที่ผนงั มดลกู

ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาท)ี
นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน สืบค้นข้อมูล เรอ่ื ง ภาวะการมีบตุ รยากทเี่ กดิ จากความผดิ ปกติ

ของระบบสบื พนั ธุ์ และวธิ ีการแกป้ ัญหาภาวะการมีบุตรยาก โดยจัดทาเป็นรปู เลม่ รายงาน และนกั เรยี นแตล่ ะ
กล่มุ เลือกวธิ ีการแก้ปัญหาภาวะการมีบตุ รยาก กล่มุ ละ 1 วิธี มาจดั ทาปา้ ยนเิ ทศเพอ่ื นาเสนอหน้าช้ันเรยี น

ข้ันประเมนิ (Evaluation)
1. ประเมินความรู้เก่ียวกับ เรื่อง การสืบพันธุ์ของมนุษย์ โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม ตรวจ

แบบทดสอบกอ่ นเรียน ตรวจแบบฝกึ หดั ตรวจผงั มโนทัศน์ และตรวจรายงาน
2. ประเมินทกั ษะและกระบวนการ โดยสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ และการนาเสนอผลงาน
3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้ในการศึกษาและความมุ่งม่ันใน

การทางาน

7. การวดั และการประเมนิ ผล

รายการวัด วธิ วี ัด เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน

7.1 การประเมินกอ่ นเรียน - แบบทดสอบ - ประเมนิ ตาม
ก่อนเรียน สภาพจริง
- แบบทดสอบก่อน - ตรวจแบบทดสอบ

เรยี น หน่วยการ ก่อนเรียน

เรียนรู้ที่ 1

7.2 การประเมนิ ระหวา่ ง

การจัดกจิ กรรม

1) การสืบพนั ธ์ขุ อง - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝึกหดั - ร้อยละ 60

สัตว์ ผา่ นเกณฑ์

- ตรวจรายงาน เร่อื ง - แบบประเมนิ รายงาน - ระดบั คุณภาพดี

การสบื พันธ์ของ ผ่านเกณฑ์

สตั ว์มีกระดูกสนั หลงั

- ตรวจผังมโนทัศน์ เรอ่ื ง - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพดี

การสืบพันธขุ์ องสัตว์ ผังมโนทศั น์ ผ่านเกณฑ์

2) การนาเสนอ - ประเมินการนาเสนอ - ผลงานทีน่ าเสนอ - ระดบั คุณภาพดี

ผลงาน ผลงาน ผ่านเกณฑ์

3) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพดี

การทางาน การทางานรายบคุ คล การทางานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์

รายบุคคล

4) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพดี

การทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม การทางานกลุม่ ผา่ นเกณฑ์

5) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมีวนิ ัย - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพดี

อนั พึงประสงค์ ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ ม่นั คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์

ในการทางาน อันพงึ ประสงค์

8. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ท่ี 1 การสืบพันธ์ุและการเจริญเตบิ โตของสตั ว์

2) แบบฝกึ หัดรายวิชาเพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชวี วิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้ ที่
1 การสบื พนั ธุแ์ ละการเจริญเตบิ โตของสัตว์

3) ใบงานที่ 1.1 เรือ่ ง การสรา้ งสเปิรม์ และเซลล์ไข่
4) PowerPoint เร่ือง การสบื พันธุแ์ ละการเจรญิ เตบิ โตของสตั ว์
5) QR Code เรือ่ ง กระบวนการสร้างสเปริ ม์ สเปริ ์ม มดลกู และรงั ไข่ และการตั้งครรภ์
6) แบบจาลองโครงสร้างของอวัยวะในระบบสบื พนั ธเุ์ พศชายและเพศหญิง
7) วดี ทิ ัศน์ เรอื่ ง กระบวนการสร้างสเปิร์ม กระบวนการสรา้ งเซลล์ไข่ และการปฏสนธิ
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมุด
3) สือ่ อิเลก็ ทรอนิกส์

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์เพ่มิ เติม ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565

สาระ ชีววทิ ยา (ว33256) หนว่ ยท่ี 4 การสบื พันธแ์ุ ละการเจรญิ เตบิ โตของสัตว์

เร่ือง การเจรญิ เติบโตของสตั ว์ ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6

เวลา 2 ชว่ั โมง ผสู้ อน นางสาวธิดารตั น์ โพนกลาง

1. ผลการเรยี นรู้

1. อธิบายการเจรญิ เตบิ โตระยะเอม็ บริโอและระยะหลงั เอ็มบริโอของกบ ไก่ และมนษุ ย์

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธบิ ายการเปลย่ี นแปลงของเอ็มบริโอในระยะต่าง ๆ (K)
2. ปฏบิ ัติงานตามหนา้ ทท่ี ไี่ ด้รบั มอบหมายได้ครบถ้วน (P)
3. สนใจใฝร่ ู้ในการศกึ ษาและมุ่งมน่ั ในการทางาน (A)

3. สาระการเรียนรู้

การเจรญิ เติบโตของสัตว์ เชน่ กบ ไก่ และ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม จะเริ่มต้นด้วยการแบง่ เซลล์ของ
ไซโกต การเกิดเนื้อเยื่อเอ็มบริโอ 3 ช้ัน คือ เอ็กโทเดิร์ม เมโซเดิร์ม และเอนโดเดิร์ม การเกดิ อวัยวะ โดยมีการ
เพ่ิมจานวน ขยายขนาด และการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเซลล์เพ่ือทาหน้าท่ีเฉพาะอย่าง ซ่ึงพัฒนาการของ
อวัยวะตา่ งๆ จะทาให้มีการเกิดรปู รา่ งทแ่ี น่นอนในสัตวแ์ ตล่ ะชนดิ

การเจรญิ เติบโตของมนษุ ยจ์ ะมีขนั้ ตอนคลา้ ยกบั การเจรญิ เติบโตของสตั วเ์ ลีย้ งลกู ดว้ ยนา้ นมอื่น ๆ โดย
เอ็มบรโิ อจะฝังตวั ท่ผี นงั มดลกู และ มีการแลกเปลยี่ นสารระหวา่ งแมก่ บั ลกู ผา่ นทางรก

4. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด

เมื่อสเปิร์มปฏิสนธิกับเซลล์ไข่จะได้ไซโกตซ่ึงจะแบ่งเซลล์เพ่ิมจานวนและพัฒนาเป็นเอ็มบริโอ
ประกอบด้วย 4 ระยะ ได้แก่ ควีเวจเป็นระยะที่ไซโกตแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสจนได้เอ็มบริโอที่ประกอบด้วยกลุ่ม
เซลล์จานวนมาก บลาสทูเลชันเป็นระยะท่ีเซลล์จัดเรียงตัวใหม่โดยแยกจากกันไปเรียงตัวบริเวณผิวรอบนอก
แกสทรูเลชันเป็นระยะท่ีเซลล์เคล่ือนท่ีและจัดเรียงตัวเป็นเน้ือเยื่อชั้น 3 ช้ัน และออร์แกโนเจเนซิสเป็นระยะที่
เน้ือเยื่อทัง้ 3 ช้ันพัฒนาเปน็ อวยั วะต่าง ๆ

- การเจริญเติบโตของกบ หลังการปฏิสนธิ ไซโกตจะแบ่งเซลล์เพิ่มจานวนกลายเป็นมอรูลา ในระยะ
บลาสทูเลชัน เซลล์ด้านในเคลื่อนที่แยกจากกันทาให้เกิดช่องว่าง (ค่อนไปทางด้ายบน) ในระยะ
แกสทูเลชันเซลล์ที่อยู่ด้านบนแบ่งตัวเร็วกว่าด้านล่างจึงเคลื่อนท่ีลงมาคลุมและดันเซลล์ด้านล่างไป
ขา้ งใน และเกิดเน้ือเย่อื 3 ช้นั เมื่อตวั ออ่ นฟกั เปน็ ตัวจะเกดิ การเปลี่ยนแปลงแบบเมทามอรโ์ ฟซสิ

- การเจริญเติบโตของไก่ มีการเจริญคล้ายกบ แต่เอ็มบริโอของไก่ถูกห่อหุ้มด้วยถุงน้าคร่าช่วยป้องกัน
การกระทบกระเทือน และถุงคอเรียนช่วยแลกเปล่ียนแก๊ส และยังสร้างถุงแอลแลนทอยส์เพื่อช่วย
แลกเปลี่ยนแก๊สและเก็บของเสีย เมอ่ื ตัวออ่ นฟกั เป็นตัวไมม่ กี ารเปลีย่ นแปลงแบบเมทามอรโ์ ฟซิส

- การเจริญเติบโตของมนุษย์ หลังการปฏิสนธิท่ีท่อนาไข่ ไซโกตจะแบ่งเซลล์เพิ่มจานวนและพัฒนา
เป็นเอ็มบริโอ เมื่อเข้าสู่วันท่ี 7 เอ็มบริโอระยะบลาสทูลาจะฝังตัวท่ีผนังมดลูก เมื่ออายุ 2 สัปดาห์
เอ็มบริโอเข้าสู่ระยะแกสทรูลา เกิดเน้ือเยื่อ 3 ชั้น เม่ืออายุ 3 สัปดาห์ เอ็มบริโอปรากฏร่องรอยของ
อวยั วะ เมอื่ อายุ 8 สปั ดาห์ เอ็มบรโิ อมอี วยั วะเจริญครบ ซง่ึ เป็นระยะสิน้ สุดของเอม็ บรโิ อและหลังจาก
ระยะนี้ เรียกว่า ฟีตัส เม่ืออายุ 3 เดือน สามารถแยกเพศของฟีตัสได้ เห็นนิ้วมือน้ิวเท้าชัดเจน เม่ือ
อายุ 6 เดือน ฟีตัสมีผิวหนงั เหยี่ วยน่ และบางใส ศรี ษะโต มีขนค้ิว ขนตา สามารถลืมตาและหลับตาได้
ในช่วง 3 เดือน สุดทา้ ยก่อนคลอด ฟีตสั มีขนาดโตข้ึนมากและระบบประสาทเจริญมาก และเม่ืออายุ
9 เดือน ฟตี ัสคลอดออกมาเปน็ ทารก

5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวินยั

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทักษะการสงั เกต 3. มุ่งม่นั ในการทางาน

2) การลงความเห็นจากข้อมลู

3) การตีความหมายขอ้ มูลและลงขอ้ มลู

3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ

6. กิจกรรมการเรยี นรู้ ∆ ไซโกต

โดยใชก้ ารสอนตามรปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es
ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement) (10 นาที)
การใช้ความรู้เดมิ เชือ่ มโยงความรใู้ หม่ (Prior Knowledge)
1. นาเข้าสู่บทเรียนโดยนาภาพไซโกตและสัตว์ตัวเต็ม

วัยมาให้นักเรียนศึกษา ให้นักเรียนร่วมกัน
อภิปรายถึงขนาดของไซโกตทเ่ี ปน็ เซลล์เรม่ิ ต้นของ
สตั ว์ท่ีเกิดจากการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศกบั ขนาด
ของสัตว์ที่เจริญเป็นตัวเต็มวัยท่ี โดยใช้คาถาม
ดงั น้ี

- เซลล์เร่ิมต้นท่ีเจริญเป็นสัตว์คืออะไร และมี
ขนาดประมาณเทา่ ใด
(แนวตอบ: ไซโกต มีขน าดประมาณ 0.2
มลิ ลเิ มตร)

- หากเปรยี บเทยี บไซโกตกบั ร่างกายของสัตว์ตวั เตม็ วัยจะมีลักษณะแตกต่างกันอยา่ งไร
(แนวตอบ: ไซเกตเป็นเซลล์เพียงเซลล์เดียว ส่วนสัตว์ตัวเต็มวัยประกอบด้วยเซลล์จานวนมาก จึงมี
ขนาดใหญก่ วา่ ไซโกตมาก)

- นกั เรยี นคิดวา่ จากไซโกตที่พฒั นาเปน็ สัตว์ตัวเตม็ วัยมีการเปลย่ี นแปลงลักษณะใดบ้าง
(แนวตอบ: คาตอบขึ้นอยู่กบั ดุลยพนิ ิจของครผู ู้สอน เช่น นักเรียนอาจตอบว่ามกี ารเปลี่ยนแปลงขนาด
ของเซลล์ จานวนเซลล์ การเปลี่ยนแปลงลักษณะของเซลล์ไปทาหน้าท่ีเฉพาะ การพัฒนา
เปล่ยี นแปลงรปู ร่างเป็นอวยั วะ)

2. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพื่อให้เข้าใจว่า ไซโกตเป็นเซลล์เร่ิมต้นสัตว์ที่เกิดจากการสืบพันธ์ุแบบ
อาศัยเพศ ซ่ึงจะมีกระบวนการการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น การเปล่ียนแปลงขนาดของเซลล์ จานวน
เซลล์ หรือลักษณะของเซลล์ การเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดขึ้นนี้แสดงว่าสัตว์มีการเจริญเติบโต ซึ่งสามารถวัด
การเจริญเตบิ โตไดด้ ว้ ยวธิ ีต่าง ๆ เชน่ น้าหนัก ความสูง

ขนั้ สารวจและค้นหา (Exploration) (30 นาท)ี
นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่ม จับสลากเพื่อศึกษาภาพกระบวนการสาคัญต่อการเจริญเติบโตของ
สง่ิ มีชีวติ ในหัวข้อ ดังนี้
- ภาพท่ี 1 การแบง่ เซลล์
- ภาพที่ 2 การเพ่มิ ขนาดเซลล์หรอื การเติบโต
- ภาพท่ี 3 การเปลี่ยนแปลงเปน็ เซลลท์ ี่มลี กั ษณะเฉพาะ
- ภาพท่ี 4 การพฒั นาเปล่ยี นแปลงรูปรา่ งเปน็ อวัยวะ
อธบิ ายกระบวนการสาคญั ต่อการเจริญเตบิ โตของสิง่ มชี ีวติ ท่ีนกั เรยี นศกึ ษา จดั ทารายงานส่งครูผู้สอน

ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (10 นาที)
นกั เรียนและครูร่วมกันสรุปเก่ยี วกับการสืบพันธ์ุของสัตว์เพ่ือให้ได้ข้อสรุป ดังน้ี การสืบพันธุ์ของสัตว์แบ่ง
ออกเปน็ 2 ประเภท ได้แก่

1. นักเรียนศึกษาภาพกระบวนการสาคัญต่อการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต พร้อมอธิบายให้นักเรียนฟังว่า
ประกอบด้วย 4 กระบวนการสาคัญ ได้แก่
1. การแบ่งเซลล์ ในส่ิงมีชีวิติท่ีเป็นเซลล์เดียวเม่ือมีการแบ่งเซลล์เพ่ือเพิ่มจานวนเซลล์ก็จะทาให้เกิด
การสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศขึ้น ส่วนในพวกสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ เมื่อเกิดปฏิสนธิแล้ว เซลล์ที่ได้ก็

คอื ไซโกตซึง่ จะมกี ารแบ่งเซลลแ์ บบไมโทซิส เพื่อเพิม่ จานวนเซลล์ให้มากขนึ้ ผลจากการเพ่ิมจานวน
เซลล์ทาใหไ้ ดเ้ ซลล์จานวนมากขนึ้ และมขี นาดเพิม่ ขึน้
2. การเพ่ิมขนาดเซลล์หรือการเติบโต ในส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียว การเพ่ิมไซโทพลาซึมก็จัดว่าเป็นการ
เจริญเตบิ โต เมื่อเซลล์ของสิ่งมีชีวิตแบง่ เซลลใ์ นตอนแรก เซลล์ใหม่ทีไ่ ด้จะมขี นาดเลก็ กว่าเซลล์เดิม
ในเวลาตอ่ มาเซลล์ใหม่ที่ได้จะสรา้ งสารตา่ ง ๆ เพ่ิมมากขึน้ ทาให้ขนาดของเซลล์ใหม่ขยายขนาดข้ึน
ซ่ึงจัดเป็นการเจริญเติบโต ส่วนในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ ผลจากการเพิ่มจานวนเซลล์ก็คือการขยาย
ขนาดให้ใหญ่โตข้นึ ซ่งึ จดั เป็นการเจรญิ เติบโตดว้ ยเช่นเดียวกัน
3. การเปล่ียนแปลงเป็นเซลล์ที่มีลักษณะเฉพาะ ส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียวก็มีการเปล่ียนแปลงของเซลล์
เพ่ือไปทาหน้าที่ต่าง ๆ เหมือนกัน เช่น มีการสร้างเซลล์ท่ีทนทานต่อสภาพแวดล้อมท่ีไม่เหมาะสม
ได้ดี เช่น การสร้างเอนโดสปอร์ของแบคทีเรีย หรือการสร้างเฮเทอโรซีสต์ในพวกสาหร่ายสีเขียว
แกมน้าเงิน ซ่ึงมีผนังหนาและสามารถจับแก๊สไนโตรเจนในอากาศเปลี่ยนเป็นสารประกอบ
ไนโตรเจนที่มีประโยชน์ต่อเซลล์ของสาหร่ายได้ ส่วนในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ เซลล์ใหม่ท่ีได้จะ
เปลี่ยนแปลงไปทาหนา้ ที่ต่าง ๆ เช่น เซลล์กล้ามเน้ือทาหน้าที่ในการเคลอ่ื นทหี่ รอื เคล่อื นไหว เซลล์
เม็ดเลือดแดงทาหน้าท่ีลาเลียงแก๊สออกซิเจน เซลล์ประสาททาหน้าท่ีในการนากระแสประสาท
เกี่ยวกบั ความรูส้ กึ และคาสัง่ ตา่ งๆ เพ่อื ใหส้ ิง่ มีชีวิตนั้นๆ ดารงชีวติ อยู่ในสภาพแวดลอ้ มต่าง ๆ กนั ได้
4. การพัฒนาเปลี่ยนแปลงรูปรา่ งเปน็ อวัยวะ เปน็ ผลจากการเพ่ิมจานวนเซลล์ การเจริญเติบโต การ
เปลี่ยนแปลงของเซลล์เพื่อไปทาหน้าที่ต่าง ๆ กระบวนการเหล่าน้ีจะเกิดข้ึนในระยะเอ็มบริโออยู่
ตลอดเวลา มีการสร้างอวัยวะต่าง ๆ ข้ึน อัตราเร็วของการสร้างในแต่ละบริเวณบนร่างกายจะไม่
เท่ากัน ทาให้เกิดรูปร่างของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดข้ึนโดยท่ีส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิดจะมีแบบแผนและ
ลกั ษณะต่าง ๆ เป็นแบบทเี่ ฉพาะตัวและไม่เหมือนกับส่ิงมีชีวิตชนิดอ่ืน ๆ ลกั ษณะต่าง ๆ เหล่านี้จะ
เป็นลกั ษณะทางพันธกุ รรม ซง่ึ ถูกควบคมุ โดยยนี บนโครโมโซมของส่ิงมชี วี ติ ชนดิ นัน้ ๆ

ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (10 นาท)ี
อธิบายใหน้ กั เรียนฟงั ว่า การเจรญิ เติบโตของสัตวส์ ามารถวดั ได้จากน้าหนกั หรอื มวลของรา่ งกาย

ความสูง ปริมาตร และจานวนเซลล์ที่เพ่ิมขึน้ ซ่งึ การวดั แตล่ ะวธิ ีจะเหมาะสมและข้อจากดั ทีแ่ ตกต่างกนั เชน่
- การชง่ั นา้ หนัก เปน็ วธิ ีทีส่ ะดวกท่ีสุด เน่อื งจากน้าหนกั ท่ีเพมิ่ ขนึ้ เกิดจากเซลล์มีจานวนเพมิ่ ข้นึ หรือ

สร้างและสะสมสารต่าง ๆ มากข้นึ แต่บางคร้งั น้าหนกั ท่ีเพมิ่ ขึน้ อาจไม่สมั พนั ธก์ ับ การเจริญเติบโต
ของร่างกาย เพราะสัตวบ์ างชนิดอาจมีนา้ หนักเปลี่ยนแปลงเพยี งเล็กนอ้ ย แตม่ ีการเปล่ียนแปลงรปู ร่างหรือมี
อวยั วะตา่ ง ๆ เพิ่มข้นึ

- การวัดความสงู หรอื ความยาวของลาตวั เป็นวธิ ที ี่สะดวกทสี่ ดุ เนือ่ งจากสัตว์ที่มคี วามสูงหรอื ความ
ยาวเพม่ิ ขน้ึ แสดงวา่ สตั ว์มกี ารเจรญิ เตบิ โต แต่สัตว์บางชนิดอาจมคี วามสงู จากัดแต่ยังมี การเจรญิ เตบิ โตอยู่

ขน้ั ประเมนิ (Evaluation)

1. ประเมินความรู้เก่ียวกับ เรื่อง การเจริญเติบโตของสัตว์ โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม ตรวจ

แบบทดสอบกอ่ นเรียน ตรวจแบบฝึกหดั ตรวจผงั มโนทศั น์ และตรวจรายงาน

2. ประเมินทักษะและกระบวนการ โดยสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ และการนาเสนอผลงาน

3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้ในการศึกษาและความมุ่งม่ันใน

การทางาน

7. การวัดและการประเมนิ ผล

รายการวดั วิธวี ัด เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารประเมิน

7.1 การประเมินระหวา่ ง

การจดั กจิ กรรม

1) การเจรญิ เตบิ โต - ตรวจใบงานที่ 1.2 - ใบงานที่ 1.2 - ร้อยละ 60

ของสตั ว์ ผา่ นเกณฑ์

- ตรวจ Topic Questions - Topic Questions - รอ้ ยละ 60

ผ่านเกณฑ์

- ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60

ผ่านเกณฑ์

- ตรวจแผนผัง เรอ่ื ง - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพดี

การเปลี่ยนแปลงใน แผนผัง ผ่านเกณฑ์

ระยะเอ็มบรโิ อของสัตว์

- ตรวจผังมโนทศั น์ เร่อื ง - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพดี

การเจรญิ เตบิ โตของสัตว์ ผงั มโนทัศน์ ผ่านเกณฑ์

2) การนาเสนอ - ประเมินการนาเสนอ - ผลงานทน่ี าเสนอ - ระดบั คณุ ภาพดี

ผลงาน ผลงาน ผ่านเกณฑ์

3) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพดี

การทางาน การทางานรายบคุ คล การทางานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์

รายบุคคล

4) พฤตกิ รรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพดี

การทางานกลุ่ม การทางานกลมุ่ การทางานกลมุ่ ผ่านเกณฑ์

5) คุณลักษณะ - สงั เกตความมีวินัย - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพดี

อันพึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มน่ั คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์

ในการทางาน อันพงึ ประสงค์

8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้

8.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ท่ี 1 การสบื พันธุ์และการเจรญิ เติบโตของสัตว์
2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ที่ 1 การสบื พันธุแ์ ละการเจริญเติบโตของสตั ว์
3) แบบทดสอบหลังเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การสบื พันธ์ุและการเจริญเติบโตของสตั ว์
4) ใบงานที่ 1.2 เรือ่ ง การเปลยี่ นแปลงในระยะเอม็ บริโอของสตั ว์

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมดุ
3) สือ่ อิเลก็ ทรอนกิ ส์

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 5

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรเ์ พิ่มเตมิ ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565

สาระ ชวี วทิ ยา (ว33256) หนว่ ยที่ 4 การสืบพนั ธแุ์ ละการเจรญิ เตบิ โตของสัตว์

เรื่อง การเจรญิ เติบโตของสตั ว์ ระดับชั้น มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6

เวลา 2 ชวั่ โมง ผ้สู อน นางสาวธิดารตั น์ โพนกลาง

1. ผลการเรยี นรู้

1. อธิบายการเจริญเตบิ โตระยะเอ็มบริโอและระยะหลงั เอ็มบรโิ อของกบ ไก่ และมนุษย์

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธบิ ายและเปรยี บเทยี บการเจรญิ เตบิ โตในระยะเอม็ บรโิ อของกบ ไก่ และมนุษย์ (K)
2. ปฏบิ ตั ิงานตามหนา้ ท่ีท่ไี ดร้ บั มอบหมายไดค้ รบถว้ น (P)
3. สนใจใฝร่ ใู้ นการศึกษาและมุ่งมั่นในการทางาน (A)

3. สาระการเรียนรู้

การเจริญเติบโตของสตั ว์ เชน่ กบ ไก่ และ สัตว์เล้ียงลูกดว้ ยน้านม จะเร่ิมต้นด้วยการแบ่งเซลล์ของ
ไซโกต การเกิดเน้ือเยื่อเอ็มบริโอ 3 ชั้น คือ เอ็กโทเดิร์ม เมโซเดิร์ม และเอนโดเดิร์ม การเกิดอวัยวะ โดยมีการ
เพิ่มจานวน ขยายขนาด และการเปล่ียนแปลงรูปร่างของเซลล์เพ่ือทาหน้าท่ีเฉพาะอย่าง ซึ่งพัฒนาการของ
อวัยวะตา่ งๆ จะทาให้มกี ารเกดิ รูปรา่ งทีแ่ นน่ อนในสัตว์แต่ละชนดิ

การเจริญเติบโตของมนษุ ยจ์ ะมีขนั้ ตอนคลา้ ยกบั การเจรญิ เติบโตของสตั วเ์ ลีย้ งลกู ดว้ ยนา้ นมอ่ืน ๆ โดย
เอ็มบรโิ อจะฝังตวั ที่ผนงั มดลกู และ มีการแลกเปลย่ี นสารระหวา่ งแมก่ บั ลกู ผา่ นทางรก

4. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

เม่ือสเปิร์มปฏิสนธิกับเซลล์ไข่จะได้ไซโกตซ่ึงจะแบ่งเซลล์เพิ่มจานวนและพัฒนาเป็นเอ็มบริโอ
ประกอบด้วย 4 ระยะ ได้แก่ ควีเวจเป็นระยะที่ไซโกตแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสจนได้เอ็มบริโอที่ประกอบด้วยกลุ่ม
เซลล์จานวนมาก บลาสทูเลชันเป็นระยะท่ีเซลล์จัดเรียงตัวใหม่โดยแยกจากกันไปเรียงตัวบริเวณผิวรอบนอก
แกสทรูเลชันเป็นระยะท่ีเซลล์เคล่ือนที่และจัดเรียงตัวเป็นเน้ือเยื่อช้ัน 3 ชั้น และออร์แกโนเจเนซิสเป็นระยะท่ี
เน้ือเยอ่ื ท้งั 3 ชน้ั พัฒนาเป็นอวัยวะตา่ ง ๆ

- การเจริญเติบโตของกบ หลังการปฏิสนธิ ไซโกตจะแบ่งเซลล์เพ่ิมจานวนกลายเป็นมอรูลา ในระยะ
บลาสทูเลชัน เซลล์ด้านในเคลื่อนที่แยกจากกันทาให้เกิดช่องว่าง (ค่อนไปทางด้ายบน) ในระยะ
แกสทูเลชันเซลล์ท่ีอยู่ด้านบนแบ่งตัวเร็วกว่าด้านล่างจึงเคลื่อนที่ลงมาคลุมและดันเซลล์ด้านล่างไป
ข้างใน และเกิดเน้ือเยอื่ 3 ช้นั เมือ่ ตัวออ่ นฟกั เปน็ ตัวจะเกดิ การเปลี่ยนแปลงแบบเมทามอร์โฟซสิ

- การเจริญเติบโตของไก่ มีการเจริญคล้ายกบ แต่เอ็มบริโอของไก่ถูกห่อหุ้มด้วยถุงน้าคร่าช่วยป้องกัน
การกระทบกระเทือน และถุงคอเรียนช่วยแลกเปลี่ยนแก๊ส และยังสร้างถุงแอลแลนทอยส์เพ่ือช่วย
แลกเปลี่ยนแกส๊ และเกบ็ ของเสีย เมือ่ ตวั อ่อนฟักเป็นตัวไมม่ ีการเปล่ยี นแปลงแบบเมทามอร์โฟซิส

5. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี นและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี ินัย

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทกั ษะการสังเกต 3. ม่งุ มั่นในการทางาน

2) การลงความเห็นจากขอ้ มูล

3) การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ มลู

3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

โดยใช้การสอนตามรปู แบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5Es

ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (5 นาท)ี

การใชค้ วามรู้เดมิ เช่อื มโยงความร้ใู หม่ (Prior Knowledge)

1. ครูนากราฟการเจริญเติบโตของสัตว์โดยพิจารณา

จ า ก ค ว า ม ย า ว ข อ ง ล า ตั ว ม า ให้ นั ก เ รี ย น ศึ ก ษ า

เพ่ือให้นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายถึงการเจริญเติบโต

ของสตั ว์ โดยใช้คาถาม ดังนี้

- ลาตัวของสัตว์ชนิดน้ีจะยาวเต็มที่เม่ือมีอายุ ∆ กราฟการเจริญเติบโตของสัตว์โดยพิจารณา
ประมาณก่ีวนั จากความยาวของลาตัว
(แนวตอบ: ประมาณ 25 วัน)

- ช่วงวนั ท่เี ท่าใดท่ีสัตว์ชนิดน้ีมีการเพิม่ ความยาวของลาตัวมากที่สดุ เพราะเหตุใด

(แนวตอบ: ช่วงวนั ที่ 10-15 เนื่องจากกราฟมคี วามชันมากทสี่ ดุ )

- หลังจากวันที่ 25 สตั วช์ นดิ นจี้ ะมคี วามยาวเพ่มิ ขึ้นหรอื ไม่ อย่างไร

(แนวตอบ: มีความยาวของลาตัวคงที่ ซ่ึงสัตว์อาจจะไม่มีการเพิ่มความยาวของลาตัว แต่อาจมีการ

ซ่อมแซมสว่ นทส่ี ึกหรอของรา่ งกาย)

- หากตอ้ งทาการวัดการเจริญเตบิ โตของสัตว์ชนดิ นี้ นักเรยี นจะเลอื กใช้การวดั ด้วยวธิ ใี ด เพราะเหตใุ ด

(แนวตอบ: คาตอบข้ึนอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เช่น การวัดมวลของร่างกาย เน่ืองจากมวลที่
เพิม่ ข้ึนเกดิ จากเซลล์มีจานวนเพ่มิ ข้ึนหรอื เซลล์สร้างและสะสมสารตา่ ง ๆ มากข้นึ ซ่ึงแสดง
ว่าสัตวม์ ีการเจรญิ เตบิ โต)

ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) (60 นาที)
1. นกั เรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น 4 กลมุ่ เพื่อศึกษากราฟการเจริญเตบิ โตของสัตวโ์ ดยพิจารณาจากความยาว
ของลาตัวพรอ้ มอธบิ ายลกั ษณะการเปลย่ี นแปลงของกราฟในระยะตา่ ง ๆ ซ่ึงแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดงั น้ี
1. ระยะเร่ิมต้น (lag phase) เป็นระยะท่ีสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นเร่ิมการเติบโต การเติบโตในระยะแรกจะ
เปน็ อย่างชา้ ๆ เส้นโค้งการเตบิ โตจงึ มีความชันน้อย
2. ระยะเติบโตอย่างรวดเร็ว (log phase) เป็นระยะที่ต่อจากระยะแรกโดยที่ส่ิงมีชีวิตชนิดนั้นจะมี
การเพ่ิมจานวนเซลล์ มีการสร้างสารต่าง ๆ สะสมในเซลล์มากข้ึนทาให้น้าหนักความสูงหรือว่า
จานวนเซลล์เพิม่ ขน้ึ อยา่ งรวดเร็ว ส่วนโคง้ การเติบโตจงึ ชนั มากกว่าระยะอื่น ๆ
3. ระยะคงท่ี (stationary phase) เป็นระยะท่ีมีการเจริญเติบโตส้ินสุดแล้ว ทาให้น้าหนัก ความสูง
หรอื ขนาดของสงิ่ มชี ีวติ นน้ั ไม่เพม่ิ ขึน้ และคอ่ นข้างจะคงทอ่ี ยอู่ ยา่ งน้นั ตลอดไป
4. ระยะสิ้นสุด (dead phase) เม่ือสิ่งมีชีวิตเติบโตถึงท่ีสุดแล้วและถ้าปล่อยเวลาต่อไปอีกก็จะถึง
ระยะเวลาทร่ี ว่ งโรยเส่อื มโทรมในที่สุดก็จะตายไป ซึง่ กค็ ือระยะสิ้นสดุ น่ันเอง
2. นาแบบจาลองแสดงการพัฒนาของไซโกตเป็นเอ็มบริโอมาประกอบการสอน ให้นักเรียนศึกษาจาก
แบบจาลองและหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า
20-21 แล้วนักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า ไซโกตจะแบ่งเซลล์และพัฒนาเป็ น
เอม็ บริโอ ซ่ึงประกอบดว้ ย 4 ขน้ั ตอน ได้แก่
1. คลีเวจ (cleavage) ไซโกตแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสได้เอ็มบริโอท่ีมีจานวนเซลล์เพิ่มข้ึน แต่ขนาด
เล็กลง จนประกอบด้วยกลุ่มเซลล์จานวนมากมีลักษณะคล้ายผลน้อยหน่า เรียกว่า มอรูลา
(morula) การแบ่งเซลล์ในระยะคลีเวจมี 2 แบบ ได้แก่ การแบ่งตลอดเซลล์ไซโกต เช่น ไข่ของ
เม่นทะเล ดาวทะเล สัตว์สะเทินน้า สะเทินบก และการแบ่งไม่ตลอดเซลล์ไซโกต เช่น ไข่ของ
สตั วเ์ ลือ้ ยคลานและสตั ว์ปีก
2. บลาสทูเลชัน (blastulation) เอ็มบริโอมีการจัดเรียงตัวใหม่ เซลล์เคล่ือนที่แยกจากกันไปเรียง
ตัวบริเวณผิวชั้นนอกทาให้เกิดช่องบลาสโทซีล ซ่ึงเป็นช่องกลวงตรงกลาง เซลล์ในระยะบลาส-
ทูเลชันจะมีขนาดเลก็ และมมี วลน้อยกว่าเซลลไ์ ข่ท่ีปฏิสนธใิ หม่ เนอ่ื งจากอาหารที่สะสมอยู่ภายใน
ถูกใช้ไปในกระบวนการแบง่ เซลลร์ ะยะแรก
3. แกสทรูเลชัน (gastrulation) เซลล์เคล่ือนท่ีในลักษณะต่าง ๆ เช่น การบุ่มตัว การคลุมตัว
การม้วนตัว การแยกตัว และจัดเรียงตัวเป็นเนื้อเย่ือ 3 ช้ัน ได้แก่ เอ็กโทเดิร์ม (ectoderm)
เมโซเดิร์ม (mesoderm) และเอนโดเดริ ์ม (endoderm)

4. ออร์แกโนเจเนซสิ (organogenesis) เนอ้ื เยอ่ื ทัง้ 3 ชั้นของเอม็ บรโิ อพฒั นาการเปน็ อวยั วะต่าง ๆ
ได้แก่ เอ็กโทเดิร์มเจริญเป็นระบบประสาทและระบบห่อหุ้มร่างกาย เมโซเดิร์มเจริญเป็นระบบ
ต่าง ๆ เช่น ระบบสบื พนั ธุ์ ระบบกล้ามเนื้อ ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบกระดกู และเอนโดเดิร์ม
เจริญเปน็ ระบบหายใจ ระบบย่อยอาหาร และต่อมตา่ ง ๆ ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั ระบบย่อยอาหาร

3. นกั เรยี นทาใบงานท่ี 1.2 เรอื่ ง การเปลี่ยนแปลงในระยะเอม็ บรโิ อของสตั ว์
4. ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มศกึ ษาวดิ ีทัศน์ท่คี รแู ลว้ นาเสนอหนา้ ช้นั เรียนพร้อมร่วมกันอภปิ รายภายในห้องเรียน

กลุ่มท่ี 1และ2 การเจริญเติบโตของกบ
- https://www.youtube.com/watch?v=SEejivHRIbE
- https://www.youtube.com/watch?v=fZQLhDHSa6Y

เม่ือกลุ่มนักเรียนศึกษาวีดิทัศน์หรือแบบจาลองแล้ว ให้นักเรียนศึกษาความรู้จากหนังสือเรียนรายวิชา
เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 22 แล้วนักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย
เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ไข่กบมีปริมาณไข่แดงปานกลาง รวมอยู่บริเวณด้านล่าง มีวุ้นห่อห้มุ โดยรอบ เมื่อเกิด
การปฏิสนธิไซโกตจะแบ่งเซลล์เพิ่มจานวนมากจนเป็นเอ็มบริโอในระยะมอรูลาในระยะบลาสทูเลชัน
เซลล์ด้านในเคล่ือนท่ีแยกจากกันทาให้เกิดช่องว่าง (ค่อนไปทางด้านบน) ในระยะแกสทูเลชัน เซลล์ที่อยู่
ดา้ นบนแบง่ ตัวเรว็ กว่าด้านลา่ งจึงเคล่ือนทลี่ งมาคลมุ และดันเซลล์ดา้ นลา่ งไปขา้ งใน และเกดิ เนื้อเย่ือ 3 ชัน้
จากนั้นเมือ่ ตัวออ่ นฟักเปน็ ตวั จะเกดิ การเปลีย่ นแปลงแบบเมทามอร์โฟซสิ
กลุ่มที่ 3และ4 การเจริญเติบโตของไก่มาประกอบการสอน เชน่

- https://www.youtube.com/watch?v=PedajVADLGw
- https://www.youtube.com/watch?v=5mDNWJRxg-I
- https://www.youtube.com/watch?v=vBGumRAWaa0
เมอื่ นักเรียนศกึ ษาวีดิทัศน์หรือแบบจาลองแล้ว ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาความรู้จากหนังสือเรยี นรายวชิ าเพ่ิมเติม
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 23 แล้วนกั เรยี นและครูร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้ได้
ข้อสรุปว่า ไข่ของไก่มีปริมาณไข่แดงมาก และจะมีบริเวณเล็ก ๆ ใกล้ผิวเซลล์เท่านั้นที่เป็นส่วนของ
นิวเคลียสและไซโทพลาซึม ซึ่งเป็นบริเวณท่ีเกิดการปฏิสนธิ การเจริญของไซโกตเป็นเอ็มบริโอจะมี
ลักษณะเช่นเดียวกับกบ แต่เอ็มบริโอของไก่ถูกห่อหุ้มด้วยถุง 2 ช้ัน ได้แก่ ถุงน้าคร่าช่วยป้องกันการ
กระทบกระเทือนและถงุ คอเรียนชว่ ยแลกเปลีย่ นแก๊ส และยงั มกี ารสรา้ งถุงแอลแลนทอยส์เพือ่ แลกเปล่ียน
แก๊สและเก็บของเสียสะสมไว้ในเอ็มบริโอ แต่เม่ือตัวอ่อนฟักเป็นตัวไม่มีการเปลี่ยนแปลงแบบเมทามอร์-
โฟซิส
อธบิ ายให้นกั เรียนฟงั วา่ การเจรญิ เติบโตของไซโกตเปน็ การเจริญเตบิ โตของสตั วใ์ นชว่ งแรกหลงั การปฏสิ นธิ ซ่ึง
ในสัตวแ์ ตล่ ะชนดิ จะมคี วามแตกต่างกัน เนอ่ื งจากมีลกั ษณะของไข่แดงที่เป็นอาหารสะสมของสตั วใ์ นชว่ งท่ี
มีการเจริญเติบโตของไซโกตแตกต่างกัน การแบ่งชนิดของไข่แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ แบ่งตาม
ปริมาณของไข่แดงและแบ่งตามการกระจายของไข่แดง

5. ครูนาภาพไข่ของสัตว์มายกตวั อย่างประกอบ และจาแนกประเภทของไข่ตามปริมาณของไขแ่ ดงและแบ่ง
ตามการกระจายของไข่แดง เช่น
ไข่กบ
แบ่งตามปริมาณ: มีโซเลซทิ ลั
แบง่ ตามการกระจาย: เทโลเลซทิ ัล

ไข่ไก่
แบง่ ตามปรมิ าณ: พอลิเลซทิ ลั
แบ่งตามการกระจาย: เทโลเลซทิ ลั

ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (15 นาที)
นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของสัตว์ เพ่ือให้ได้ข้อสรุปว่า เมื่อ

สเปิร์มปฏิสนธกิ ับเซลล์ไขจ่ ะได้ไซโกตซึ่งจะแบง่ เซลล์เพม่ิ จานวนและพฒั นาเปน็ เอ็มบริโอ ประกอบด้วย 4
ระยะ ได้แก่ ควีเวจเป็นระยะที่ไซโกตแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสจนได้เอ็มบริโอท่ีประกอบด้วยกลุ่มเซลล์
จานวนมาก บลาสทูเลชันเป็นระยะที่เซลล์จัดเรยี งตวั ใหม่โดยแยกจากกันไปเรยี งตัวบรเิ วณผวิ รอบนอก
แกสทรูเลชัน เป็นระยะท่ีเซลล์เคล่ือนที่แบบต่าง ๆ และจัดเรียงตัวเปน็ เนอื้ เยอ่ื ชั้น 3 ชน้ั และระยะออร์แก
โนเจเนซิสเป็นระยะท่ีเน้ือเย่ือทั้ง 3 ช้ันพัฒนาเป็นอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งสัตว์กบ ไก่ และมนุษย์จะมีการ
เจรญิ เตบิ โตในระยะเอ็มบริโอท่ีคล้ายคลึ่งกนั ดังนี้

การเจริญเติบโตของกบ หลังการปฏิสนธิ ไซโกตจะแบ่งเซลล์เพ่ิมจานวนกลายเป็นมอรูลา
ในระยะบลาสทูเลชัน เซลล์ด้านในเคล่ือนที่แยกจากกันทาให้เกิดช่องว่าง (ค่อนไปทางด้ายบน) ในระยะ

แกสทูเลชันเซลล์ที่อยู่ด้านบนแบ่งตัวเร็วกว่าด้านล่างจงึ เคลือ่ นท่ีลงมาคลุมและดันเซลล์ด้านล่างไปข้างใน
และเกิดเนอื้ เยือ่ 3 ชั้น เมื่อตัวออ่ นฟักเป็นตวั จะเกิดการเปล่ยี นแปลงแบบเมทามอรโ์ ฟซิส

การเจริญเติบโตของไก่ มีการเจริญคล้ายกบ แต่เอ็มบริโอของไก่ถูกห่อหุ้มด้วยถุงน้าคร่าช่วย
ป้องกันการกระทบกระเทือนและถุงคอเรียนช่วยแลกเปล่ียนแก๊ส และมีการสร้างถุงแอลแลนทอยส์ช่วย
แลกเปลี่ยนแกส๊ และเก็บของเสยี เมือ่ ตวั ออ่ นฟกั เปน็ ตวั ไมม่ ีการเปล่ยี นแปลงแบบเมทามอรโ์ ฟซิส

ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาท)ี
นักเรียนเขียนสรุปในรูปแบบผังมโนทัศน์ เร่ือง การเจริญเติบโตของสัตว์ โดยอธิบายถึง

ปัจจัยท่จี าเปน็ ตอ่ การเจริญเตบิ โตของกบ ไก่ และมนุษย์ ลงในกระดาษ A4

ขั้นประเมนิ (Evaluation)

1. ประเมินความรู้เกี่ยวกับ เร่ือง การเจริญเติบโตของสัตว์ โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม ตรวจ

แบบทดสอบก่อนเรยี น ตรวจแบบฝึกหดั ตรวจผงั มโนทศั น์ และตรวจรายงาน

2. ประเมินทักษะและกระบวนการ โดยสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุม่ และการนาเสนอผลงาน

3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้ในการศึกษาและความมุ่งม่ันใน

การทางาน

7. การวัดและการประเมนิ ผล

รายการวัด วธิ วี ัด เครื่องมอื เกณฑ์การประเมนิ

7.1 การประเมนิ ระหว่าง

การจัดกิจกรรม

1) การเจรญิ เตบิ โต - ตรวจใบงานที่ 1.2 - ใบงานท่ี 1.2 - ร้อยละ 60

ของสัตว์ ผ่านเกณฑ์

- ตรวจ Topic Questions - Topic Questions - รอ้ ยละ 60

ผ่านเกณฑ์

- ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60

ผา่ นเกณฑ์

- ตรวจแผนผัง เรอื่ ง - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพดี

การเปลยี่ นแปลงใน แผนผงั ผ่านเกณฑ์

ระยะเอม็ บรโิ อของสัตว์

- ตรวจผังมโนทศั น์ เร่ือง - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพดี

การเจรญิ เติบโตของสัตว์ ผังมโนทัศน์ ผ่านเกณฑ์

2) การนาเสนอ - ประเมินการนาเสนอ - ผลงานทน่ี าเสนอ - ระดบั คุณภาพดี

ผลงาน ผลงาน ผา่ นเกณฑ์

รายการวัด วิธวี ัด เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
3) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม
- แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพดี
การทางาน การทางานรายบคุ คล
รายบุคคล การทางานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
4) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤตกิ รรม
การทางานกลมุ่ การทางานกลุม่ - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพดี
5) คณุ ลกั ษณะ
อนั พึงประสงค์ - สงั เกตความมีวนิ ัย การทางานกล่มุ ผา่ นเกณฑ์
ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งมั่น
ในการทางาน - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพดี

คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์

อนั พึงประสงค์

8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการ
เรียนรู้ ที่ 1 การสืบพนั ธแุ์ ละการเจรญิ เติบโตของสตั ว์

2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ท่ี 1 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสตั ว์

3) แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 การสืบพนั ธแ์ุ ละการเจริญเติบโตของสตั ว์
4) ใบงานที่ 1.2 เร่ือง การเปล่ียนแปลงในระยะเอม็ บริโอของสตั ว์
5) PowerPoint เร่ือง การสบื พันธแ์ุ ละการเจรญิ เตบิ โตของสตั ว์
6) QR Code เรื่อง การเจรญิ เตบิ โตของสัตวป์ ีก
7) บตั รภาพไซโกต เซลลไ์ ข่ และการเจริญเติบโตของไก่ในไข่
8) แบบจาลองการเปลยี่ นแปลงในระยะเอ็มบรโิ อของสัตว์ การเจรญิ เตบิ โตของกบ ไก่ และมนษุ ย์
9) วีดทิ ศั น์ เร่ือง การเปลี่ยนแปลงในระยะเอม็ บริโอของสตั ว์ การเจรญิ เติบโตของกบ ไก่ และมนุษย์
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมดุ
3) สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 6

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์เพ่ิมเติม ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565

สาระ ชีววทิ ยา (ว33256) หนว่ ยท่ี 4 การสบื พนั ธแ์ุ ละการเจรญิ เตบิ โตของสัตว์

เร่อื ง การเจรญิ เตบิ โตของมนษุ ย์ ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6

เวลา 2 ชว่ั โมง ผูส้ อน นางสาวธิดารตั น์ โพนกลาง

1. ผลการเรียนรู้

1. อธบิ ายการเจรญิ เติบโตระยะเอ็มบริโอและระยะหลงั เอ็มบริโอของกบ ไก่ และมนษุ ย์

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธบิ ายและเปรียบเทยี บการเจริญเติบโตในระยะเอ็มบริโอมนุษย์ (K)
2. ปฏิบตั งิ านตามหน้าทีท่ ่ีไดร้ ับมอบหมายได้ครบถว้ น (P)
3. สนใจใฝร่ ้ใู นการศกึ ษาและมุ่งม่ันในการทางาน (A)

3. สาระการเรยี นรู้

การเจริญเติบโตของสตั ว์ เชน่ กบ ไก่ และ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านม จะเริม่ ต้นด้วยการแบ่งเซลลข์ อง
ไซโกต การเกิดเนื้อเย่ือเอ็มบริโอ 3 ช้ัน คือ เอ็กโทเดิร์ม เมโซเดิร์ม และเอนโดเดิร์ม การเกิดอวัยวะ โดยมีการ
เพิ่มจานวน ขยายขนาด และการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเซลล์เพื่อทาหน้าที่เฉพาะอย่าง ซ่ึงพัฒนาการของ
อวัยวะต่างๆ จะทาใหม้ ีการเกิดรปู ร่างท่ีแนน่ อนในสัตว์แตล่ ะชนิด

การเจริญเติบโตของมนุษย์จะมีข้ันตอนคล้ายกับการเจริญเติบโตของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้านมอ่ืน ๆ โดย
เอ็มบริโอจะฝังตวั ที่ผนงั มดลกู และ มีการแลกเปล่ียนสารระหวา่ งแม่กบั ลกู ผ่านทางรก

4. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด

เม่ือสเปิร์มปฏิสนธิกับเซลล์ไข่จะได้ไซโกตซ่ึงจะแบ่งเซลล์เพ่ิมจานวนและพัฒนาเป็นเอ็มบริโอ
ประกอบด้วย 4 ระยะ ได้แก่ ควีเวจเป็นระยะที่ไซโกตแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสจนได้เอ็มบริโอท่ีประกอบด้วยกลุ่ม
เซลล์จานวนมาก บลาสทูเลชันเป็นระยะท่ีเซลล์จัดเรียงตัวใหม่โดยแยกจากกันไปเรียงตัวบริเวณผิวรอบนอก
แกสทรูเลชันเป็นระยะที่เซลล์เคลื่อนท่ีและจัดเรียงตัวเป็นเน้ือเยื่อช้ัน 3 ช้ัน และออร์แกโนเจเนซิสเป็นระยะที่
เนือ้ เยือ่ ทั้ง 3 ช้นั พัฒนาเป็นอวยั วะต่าง ๆ

- การเจริญเติบโตของมนุษย์ หลังการปฏิสนธิท่ีท่อนาไข่ ไซโกตจะแบ่งเซลล์เพิ่มจานวนและพัฒนา
เป็นเอ็มบริโอ เมื่อเข้าสู่วันที่ 7 เอ็มบริโอระยะบลาสทูลาจะฝังตัวที่ผนังมดลูก เม่ืออายุ 2 สัปดาห์
เอ็มบริโอเข้าสู่ระยะแกสทรูลา เกิดเนื้อเย่ือ 3 ช้ัน เม่ืออายุ 3 สัปดาห์ เอ็มบริโอปรากฏร่องรอยของ
อวัยวะ เม่อื อายุ 8 สัปดาห์ เอ็มบริโอมอี วยั วะเจริญครบ ซ่ึงเปน็ ระยะสน้ิ สดุ ของเอ็มบรโิ อและหลงั จาก

ระยะน้ี เรียกว่า ฟีตัส เมื่ออายุ 3 เดือน สามารถแยกเพศของฟีตัสได้ เห็นนิ้วมือนิ้วเท้าชัดเจน เม่ือ
อายุ 6 เดือน ฟีตัสมผี ิวหนังเหี่ยวย่นและบางใส ศรี ษะโต มีขนค้ิว ขนตา สามารถลืมตาและหลบั ตาได้
ในช่วง 3 เดือน สุดท้ายก่อนคลอด ฟีตัสมีขนาดโตข้ึนมากและระบบประสาทเจริญมาก และเม่ืออายุ
9 เดือน ฟีตัสคลอดออกมาเปน็ ทารก

5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวนิ ยั

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทกั ษะการสังเกต 3. มงุ่ มั่นในการทางาน

2) การลงความเห็นจากข้อมูล

3) การตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อมลู

3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

6. กิจกรรมการเรียนรู้

โดยใชก้ ารสอนตามรปู แบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5Es
ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement) (5 นาท)ี
การใช้ความรเู้ ดมิ เชอ่ื มโยงความรใู้ หม่ (Prior Knowledge)
1. จากบทเรียนที่ผ่านมา ครูเร่ิมทบทวนบทเรียน โดยครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือให้เข้าใจว่า ไซโกต
เปน็ เซลล์เริ่มตน้ สตั ว์ทีเ่ กดิ จากการสบื พนั ธแุ์ บบอาศยั เพศ ซงึ่ จะมกี ระบวนการการเปล่ยี นแปลงตา่ ง ๆ เชน่ การ
เปลี่ยนแปลงขนาดของเซลล์ จานวนเซลล์ หรือลักษณะของเซลล์ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นน้ีแสดงว่าสัตว์มี
การเจรญิ เติบโต ซง่ึ สามารถวดั การเจรญิ เติบโตได้ดว้ ยวิธีตา่ ง ๆ เช่น นา้ หนัก ความสงู

ขัน้ สารวจและค้นหา (Exploration) (60 นาท)ี
1. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 4 กลุม่ เพ่อื ศึกษาการเจริญเติบโตของมนุษย์
2. ให้นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ศกึ ษาวดิ ีทศั น์ทค่ี รแู ล้วนามาพรอ้ มร่วมกันอภิปรายภายในกลุ่ม
- https://www.youtube.com/watch?v=zLUFXG4575Q
- https://www.youtube.com/watch?v=l1qvUPYDnOY
- https://www.youtube.com/watch?v=ltgLb_teYHs

เมื่อนักเรียนศึกษาวีดิทัศน์หรือแบบจาลองแล้ว ให้นักเรียนศึกษาความรู้จากหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติม
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หนา้ 24-26

3. ให้ตัวแทนกลมุ่ มาจบั ฉลากเพื่อเลอื กหัวขอ้ ในการนาเสนอหน้าชนั้ เรยี น

หมายเลข ที่ 1 หลังการปฏิสนธิ
หมายเลขท่ี 2 ฮอร์โมนเพศที่เกย่ี วข้องกบั การตัง้ ครรภ์
หมายเลขท่ี 3 การเจรญิ เตบิ โตหลงั คลอด
หมายเลขท่ี 4 ภาวะที่ส่งผลต่อการเจริญเตบิ โตของฟตี ัสในครรภ์

ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (15 นาท)ี
นกั เรียนและครูร่วมกนั สรปุ เก่ยี วกับการเจริญเติบโตของมนุษย์ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า หลงั การปฏิสนธิที่

ท่อนาไข่ ไซโกตจะแบ่งเซลล์เป็นเอ็มบริโอ จนกลายเป็นเอ็มบริโอระยะบลาสทูลาในวันที่ 7 และเคล่ือนที่
ตามท่อนาไข่ไปฝังตัวที่ผนังมดลูกชั้นเอนโดมีเทรียม ซึ่งจะมีการสร้างรกติดต่อระหว่างแม่กับทารกในครรภ์
เพื่อแลกเปล่ียนแก๊ส สารอาหาร และของเสีย และยังสร้างถุงน้าคร่าหุ้มตัวเองเพื่อป้องกันการ
กระทบกระเทอื น
- เมอ่ื อายุ 2 สัปดาห์ จะเข้าสรู่ ะยะแกสทรูลา และเกิดเน้ือเยือ่ 3 ชัน้
- เม่อื อายุ 3 สัปดาห์ จะปรากฏร่องรอยของอวัยวะ ไดแ้ ก่ หัวใจและระบบประสาท
- เมอ่ื อายุ 4 สปั ดาห์ อวยั วะตา่ ง ๆ เชน่ แขน ขา เริ่มเจรญิ
- เมื่ออายุ 8 สัปดาห์ จะมีอวัยวะเจริญครบซ่งึ เป็นระยะสน้ิ สุดของเอ็มบริโอ หลังจากระยะนี้จะเรยี กว่า

ฟีตัส
- เมื่ออายุ 3 เดือน จะสามารถแยกเพศของทารกได้ มีอวยั วะตา่ ง ๆ ครบ และเร่ิมมีการเคลอื่ นไหว
- เมอ่ื อายุ 4 เดือน อวัยวะเพศภายนอกพัฒนาข้ึน ไดแ้ ก่ ลูกอัณฑะของเพศชายและช่องคลอดของเพศ

หญงิ ขนและผมเรม่ิ งอก มชี ั้นไขมันใตผ้ วิ หนังหอ่ หุ้มรา่ งกาย ผวิ มสี ีชมพแู ละใสจนเห็นหลอดเลอื ด
- เม่ืออายุ 5 เดือน มีศีรษะค่อนข้างโต แขน ขา และคอเคลื่อนไหวได้ดี หัวใจเต้นเป็นจังหวะ อวัยวะ

ภายในมีการพัฒนาท่ีสมบูรณ์มากขึ้น ฟันน้านมของทารกเร่ิมพัฒนาขึ้นในเหงือก มีนิ้วมือและนิ้วเท้า
แยกกันอย่างชดั เจน
- เมอ่ื อายุ 6 เดือน ลาตวั ของทารกพฒั นาขน้ึ จนมีขนาดใหญก่ ว่าศีรษะ มกี ารพัฒนาของเซลลเ์ ม็ดเลือด
แดงขน้ึ มาจานวนมากและเริ่มผลติ เม็ดเลือดขาว มลี ายมอื ลายเท้าชัดมากขนึ้ ผิวหนังหนาทึบขึ้น แขน
และขามีกล้ามเนื้อท่ีสมบูรณ์มากข้ึน อวัยวะเพศพัฒนาจนสมบูรณ์ ซึ่งในเพศหญิงจะมีการสร้างรังไข่
และเพศชายจะพัฒนาลูกอัณฑะข้ึนมาจนชัดเจนและมีการสร้างฮอร์โมนเพศชาย ระบบประสาทเริ่ม
ทางานสามารถจดจาและเรียนรู้ได้บ้างแล้ว
- เมื่ออายุ 7 เดือน มีการเคล่ือนไหวในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การดูดนิ้วมือและนิ้วเท้า การลืมตา สมอง
พัฒนาข้ึนจนโตเต็มกะโหลกศีรษะและมรี อยหยกั บนสมอง
- เม่ืออายุ 8 เดือน สมองและเส้นประสาททางานได้อย่างเต็มท่ี ทารกเร่ิมกลับตัวให้อยู่ในท่าศีรษะลง
เพ่ือเตรียมพร้อมทจ่ี ะคลอด และเรม่ิ กะพริบตาถี่ขึ้น
- เมือ่ อายุ 9 เดอื น ทารกดลับหวั พรอ้ มคลอด
อธิบายเพิ่มเตมิ่ เก่ียวกับฮอรโ์ มนเพศทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการตง้ั ครรภ์ ประกอบดว้ ยฮอร์โมนหลายชนิด ดงั นี้

- อีสโทรเจน (estrogen) สร้างขึ้นจากรังไข่ ช่วยเสริมสร้างร่างกายของคุณแม่ให้เหมาะสมต่อการ
ต้งั ครรภ์และช่วยใหท้ ารกมกี ารเจรญิ เตบิ โตทสี่ มบูรณแ์ ข็งแรง

- โพรเจสเทอโรน (progesterone) สรา้ งขึ้นจากรังไข่ ช่วยกระตุ้นให้ผนังมดลูกหนาตัวขึ้นเพื่อให้เซลล์
ไขท่ ถ่ี ูกปฏิสนธิเข้าฝังตัวและเจรญิ เตบิ โตเป็นทารกได้

- ฮิวแมนคอริโอนิกโกนาโดโทรปิน (human chorionic gonadotropin) สร้างข้ึนจากรก ช่วยทาให้
คอร์ปัสลูเทียมผลิตอีสโทรเจนและโพรเจสเตอโรนต่อ และยั้งการทางานของโกนาโดโทรปินจาก
ต่อมใต้สมองส่วนหน้าไม่ให้มีการเจริญของเซลล์ไข่ในรอบต่อไป นอกจากน้ียังเป็นฮอร์โมนที่ถูก
นามาใชต้ รวจการตั้งครรภ์

- ออกซิโทซิน (oxytocin) หล่ังมาจากต่อมใต้สมองส่วนหลัง ทาหน้าท่ีกระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเน้ือ
มดลูกทาให้คลอดบุตรง่ายขึ้น และยังกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบในเต้านมทาให้หลั่งน้านม
มากขึ้น

- โพรแลกติน (prolactin) สรา้ งจากต่อมใต้สมองส่วนหน้า ทาหน้าทกี่ ระตนุ้ การเจริญของทอ่ ผลติ น้านม
กระตุน้ การสรา้ งและหลง่ั นา้ นม

อธิบายเพิ่มเติม เรื่อง การเจริญเติบโตหลังคลอด ส่วนใหญ่เป็นการเพ่ิมน้าหนักและความสูงของร่างกาย
ซึง่ อวัยวะตา่ ง ๆ จะเจรญิ เตบิ โตแตกตา่ งกัน เชน่
- เมอ่ื เปรียบเทียบความยาวของศรีษะ ลาตัว และขา พบวา่ ศีรษะมีอัตราการเพ่ิมขนาดน้อยที่สุด สว่ น

ขามอี ตั ราการเพ่ิมขนาดมากที่สดุ
- เม่ือเปรียบเทียบการเพ่ิมขนาดของสมองและศีรษะ ขนาดของร่างกาย อวัยวะสืบพันธ์ุ และเนื้อเย่ือที่

สร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว ในช่วงอายุ 0-20 ปี พบว่า เนื้อเยื่อที่สร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวมีอัตราการ
เติบโตอย่างรวดเร็ว ขนาดรา่ งกาย สมองและศีรษะมีอัตราการเจริญอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่อวัยวะ
สืบพันธุ์มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างช้า ๆ ในช่วงก่อนวัยเจริญพันธ์ุและจะมีอัตราการเติบโตอย่าง
รวดเรว็ ในวัยเจริญพนั ธ์ุ
ถามคาถามเพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี น เช่น
- เอ็มบรโื อเขา้ ฝงั ตวั ทผี่ นังมดลูกอยูใ่ นระยะใด
(แนวตอบ: ระยะบลาสทเู ลชัน)
- เอม็ บรโิ อจะเรียกว่าฟตี ัสเม่อื มีอายเุ ท่าใด
(แนวตอบ: อายุ 8 สัปดาห)์
- อตั ราการเจรญิ เติบโตของเอม็ บรโิ อกบั ฟตี ัสแตกต่างกนั หรอื ไม่ อย่างไร
(แนวตอบ: แตกต่างกนั เพราะช่วงที่เป็นเอ็มบรโิ อเปน็ การเจริญเติบโตเพ่ือสร้างอวัยวะตา่ ง ๆ แต่ช่วง

ท่เี ป็นฟีตสั เป็นการเจริญเตบิ โตเพ่ือเพมิ่ ขนาดของร่างกาย)
- ชว่ งใดท่ีมีการเจรญิ เตบิ โตนอ้ ยที่สุด เพราะเหตใุ ด

(แนวตอบ: สัปดาห์ท่ี 1-4 เพราะเปน็ ช่วงท่มี ีการเพิ่มจานวนเซลลเ์ พ่อื สรา้ งเนือ้ เยือ่ และอวยั วะ)
- อวยั วะสืบพันธุ์จะเร่มิ จะเจรญิ เมอ่ื อายุเทา่ ไร

(แนวตอบ: ตั้งแต่อายุ 12 ปี จะเจริญเข้าสู่วัยเจริญ ซ่ึงในเพศชายจะมีการสร้างสเปิร์ม และในเพศ
หญิงจะมีการเจริญของเซลลไ์ ข่)

อธบิ ายเพิม่ เตมิ เก่ยี วกบั ภาวะท่ีส่งผลตอ่ การเจรญิ เติบโตของฟตี สั ในครรภ์ เชน่
- อาหาร หญิงมีครรภค์ วรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน ซงึ่ หากขาดโปรตีนในชว่ ง

3 เดอื นสดุ ทา้ ยก่อนคลอด จะมีผลต่อการเจริญของระบบประสาท
- สารเคมีบางชนิด เช่น สารกลุ่มเทอราโทเจนที่พบในยากล่อมประสาทพวกทาลิโดไมด์มีผลต่อ

การเจริญเติบโตของเอ็มบริโอใน 2 เดือนแรก ทาให้การเจริญของแขนและขาผิดปกติ หรือสารเคมีท่ี
พบในบุหรีแ่ ละสุรามีผลต่อการเจริญเตบิ โตของเอม็ บริโอและทาให้เกดิ การแทง้ ได้
- เชื้อโรคบางชนิด เช่น เช้ือหัดเยอรมัน ทาให้การเจริญของสมอง หูส่วนใน เลนส์ตา และกล้ามเนื้อ
หวั ใจผิดปกติ เช้อื เอชไอวอี าจสง่ ผลให้ทารกพกิ ารแต่กาเนิดได้
- โรคบางชนิด หากหญิงมคี รรภ์เป็นโรคบางชนิดอาจทาใหฟ้ ีตัสเจริญเติบโตผิดปกติ เช่น โรคเบาหวาน
อาจทาให้ทารกในครรภ์ตัวโตมากกว่าปกติ มีโอกาสพิการแต่กาเนิด เส่ียงแท้ง หรือตายคลอดได้
โรคความดันโลหิตสูง อาจทาให้พัฒนาการของทารกในครรภ์เติบโตช้า โรคหัวใจอาจทาให้ทารกขาด
ออกซเิ จนและเจริญเตบิ โตชา้ ในครรภ์

ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (20 นาที)
นักเรียนเขียนสรุปในรปู แบบผังมโนทัศน์ เร่ือง เปรียบเทียบการเจริญเติบโตของสัตว์และ

มนุษย์ ลงในกระดาษ A4

ขนั้ ประเมนิ (Evaluation)
1. ประเมินความรู้เก่ียวกับ เร่ือง การเจริญเติบโตของมนุษย์ โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคาถาม ตรวจ

แบบทดสอบกอ่ นเรียน ตรวจแบบฝึกหดั ตรวจผงั มโนทศั น์ และตรวจรายงาน
2. ประเมินทกั ษะและกระบวนการ โดยสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุม่ และการนาเสนอผลงาน
3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยสังเกตพฤติกรรมความสนใจใฝ่รู้ในการศึกษาและความมุ่งม่ันใน

การทางาน

7. การวัดและการประเมนิ ผล

รายการวดั วิธวี ัด เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน

7.1 การประเมนิ ระหวา่ ง

การจัดกิจกรรม

1) การเจรญิ เติบโต - ตรวจใบงานท่ี 1.2 - ใบงานที่ 1.2 - รอ้ ยละ 60

ของมนุษย์ ผา่ นเกณฑ์

- ตรวจ Topic Questions - Topic Questions - ร้อยละ 60

ผ่านเกณฑ์

- ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60

ผ่านเกณฑ์

- ตรวจแผนผัง เร่ือง - แบบประเมิน - ระดับคณุ ภาพดี

การเปลีย่ นแปลงใน แผนผงั ผ่านเกณฑ์

ระยะเอม็ บรโิ อของสตั ว์

- ตรวจผงั มโนทัศน์ เรือ่ ง - แบบประเมนิ - ระดบั คณุ ภาพดี

การเจรญิ เติบโตของสตั ว์ ผังมโนทศั น์ ผ่านเกณฑ์

2) การนาเสนอ - ประเมนิ การนาเสนอ - ผลงานทนี่ าเสนอ - ระดบั คุณภาพดี

ผลงาน ผลงาน ผา่ นเกณฑ์

3) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพดี

การทางาน การทางานรายบุคคล การทางานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์

รายบคุ คล

4) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคุณภาพดี

การทางานกลมุ่ การทางานกล่มุ การทางานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์

5) คุณลักษณะ - สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมิน - ระดบั คณุ ภาพดี

อันพึงประสงค์ ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มนั่ คณุ ลกั ษณะ ผา่ นเกณฑ์

ในการทางาน อนั พึงประสงค์

8. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการ
เรยี นรู้ ที่ 1 การสบื พันธแ์ุ ละการเจรญิ เติบโตของสตั ว์

2) แบบฝึกหัดรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรียนรู้
ท่ี 1 การสืบพันธ์ุและการเจริญเตบิ โตของสัตว์

3) แบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโตของสตั ว์
4) ใบงานที่ 1.2 เรอ่ื ง การเปลีย่ นแปลงในระยะเอ็มบริโอของมนษุ ย์
5) PowerPoint เร่ือง การสืบพนั ธ์แุ ละการเจรญิ เติบโตของมนษุ ย์
6) แบบจาลองการเปลีย่ นแปลงในระยะเอม็ บริโอของสัตว์ การเจริญเตบิ โตของกบ ไก่ และมนุษย์
7) วดี ทิ ัศน์ เรอ่ื ง การเปลีย่ นแปลงในระยะเอ็มบรโิ อของสัตว์ การเจริญเตบิ โตของกบ ไก่ และมนุษย์
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมดุ
3) สือ่ อเิ ล็กทรอนกิ ส์


Click to View FlipBook Version