ระเบยี นพฤตกิ ารณ์
(ANECDOTAL RECORD)
เทคนิ คและเครอื งมือทีใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล
ํคา ํนา รายงานการศกึ ษาคน ควา เรอื่ ง “เทคนคิ และเครอื่ งมอื ทใี่ ชใ นการ
เกบ็ รวบรวมขอ มลู : ระเบยี นพฤตกิ ารณ (ANECDOTAL RECORD)”
เลม นี้ จดั ทําขน้ึ เพอื่ ประกอบการเรยี นการสอนในรายวชิ า ๑๐๕๓๓๐๖
จติ วทิ ยาการแนะแนวและการใหค าํ ปรกึ ษาสาํ หรบั ครู ภาคเรยี นที่ ๑
ปก ารศกึ ษา ๒๕๖๓ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนครศรอี ยธุ ยา มเี นอื้ หา
เกยี่ วกบั เรอ่ื งการบนั ทกึ ระเบยี นพฤตกิ ารณ การเกบ็ รวบรวมขอ มลู
เกย่ี วกบั พฤตกิ รรมของรายกรณี เพอ่ื เปน ประโยชนท างการแนะแนว
ใหค าํ ปรกึ ษา ชว ยเหลอื และแกไ ขปญ หาใหร ายกรณตี อ ไป
คณะผจู ดั ทาํ ขอขอบพระคณุ ทา นอาจารยณ ฏั ชญา ธาราวฒุ ิ
ผทู ใี่ หค วามรแู ละใหแ นวทางสําคญั มสี ว นรว มในการแนะนําการจดั ทาํ
รายงานการศกึ ษาเรอ่ื ง “เทคนคิ และเครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ นการเกบ็ รวบรวม
ขอ มลู : ระเบยี นพฤตกิ ารณ (ANECDOTAL RECORD)” ใหส าํ เรจ็ ลลุ ว ง
เปน อยา งดี คณะผจู ดั ทําตอ งขอขอบพระคณุ ไว ณ โอกาสน้ี
หวงั วา รายงานเลม นค้ี งจะเปน ประโยชนอ ยา งยง่ิ ตอ การศกึ ษา
หรอื การจดั การเรยี นรตู ามเจตนารมณข องผทู ส่ี นใจตอ ไป หากมขี อ เสนอ
แนะประการใด คณะผจู ดั ทําขอนอ มรบั ไวด ว ยความขอบพระคณุ ยง่ิ
(คณะผจู ดั ทาํ )
๑ มนี าคม ๒๕๖๔
สารบัญ ความหมาย
วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์
ลั ก ษ ณ ะ ที ดี ข อ ง ร ะ เ บี ย น พ ฤ ติ ก า ร ณ์
สิ ง ที ค ว ร แ ก่ ก า ร บั น ทึ ก ร ะ เ บี ย น พ ฤ ติ ก า ร ณ์
ลั ก ษ ณ ะ พ ฤ ติ ก ร ร ม ที ค ว ร สั ง เ ก ต เ พื อ บั น ทึ ก ล ง ใ น ร ะ เ บี ย น
พ ฤ ติ ก า ร ณ์ สิ ง ที ค ว ร แ ก่ ก า ร บั น ทึ ก ร ะ เ บี ย น พ ฤ ติ ก า ร ณ์
วิ ธี ดาํ เ นิ น ก า ร ใ น ก า ร ทํา ร ะ เ บี ย น พ ฤ ติ ก า ร ณ์
คุ ณ ค่ า แ ล ะ ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง ร ะ เ บี ย น พ ฤ ติ ก า ร ณ์
ข้ อ จาํ กั ด ใ น ก า ร ทํา ร ะ เ บี ย น พ ฤ ติ ก า ร ณ์
ตั ว อ ย่ า ง แ บ บ ร ะ เ บี ย น พ ฤ ติ ก า ร ณ์
ส รุ ป ร ะ เ บี ย น พ ฤ ติ ก า ร ณ์
บ ร ร ณ า นุ ก ร ม
ความหมาย
: ระเบียนพฤติการณ์
คือ การสังเกตและบนั ทกึ พฤตกิ รรมเฉพาะ
ตามเหตกุ ารณ์ทเี กดิ ขนึ จรงิ ของผถู้ ูกสังเกตใน
สถานการณ์หนึง ๆ อยา่ งตรงไปตรงมาตามที
ไดพ้ บเห็น และไมม่ กี ารแปลความ เพิม
ความคิดเห็น ในขณะสังเกตหรอื บนั ทกึ
พฤตกิ รรม การจดบนั ทกึ ระเบยี นพฤตกิ ารณ์
แตล่ ะครงั จงึ คลา้ ยกบั เปนการเกบ็ ภาพ
การกระทาํ ของรายกรณี ขอ้ มลู ทไี ดเ้ ปนดงั
กญุ แจไขไปส่ปู ญหาและดแู นวทางแกไ้ ข
อยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม
วตั ถุประสงค์ของการทาํ เพือค้นหาพฤตกิ รรมเฉพาะประจาํ ตวั
ระเบียนพฤตกิ ารณ์ นั กเรยี น
เห็นแนวโน้ มพฤตกิ รรมของนั กเรยี นวา่ จะ
เปนไปในแนวทางใด
สืบค้นให้ทราบถงึ สาเหตทุ ที าํ ให้เกดิ อุปสรรค
หรอื ความยงุ่ ยากทเี กดิ ขนึ กบั นั กเรยี น
ดคู วามเปลยี นแปลงอยา่ งทคี ่อยเปนค่อยไป
วตั ถุประสงค์ของการทํา
ระเบยี นพฤตกิ ารณ์
ทราบสถานการณ์บางอยา่ งทจี ะเปน
ประโยชน์ ทางการแนะแนวชว่ ยเหลอื และ
แกไ้ ขให้กบั นั กเรยี นได้
ดพู ฤตกิ รรมทผี ดิ แปลกไปจากธรรมดา หรอื
พฤตกิ รรมทนี ั กเรยี นแสดงออก ในขณะที
เกยี วขอ้ งสัมพันธก์ บั บคุ คลอนื
เพือหาแนวทางและกาํ หนดวธิ ชี ่วยเหลอื
นั กเรยี นในปญหาตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
หลกั ในการจดั ทาํ ระเบยี นพฤตกิ ารณ์
๑. แบง่ แยกการบรรยายเหตกุ ารณ์ทเี กดิ ขนึ การตคี วามหมายของเหตกุ ารณ์นั น และขอ้ เสนอแนะใน
การปฏบิ ตั ิ เพือให้การชว่ ยเหลอื แยกออกจากกนั อยา่ งชดั เจน
๒. การเขยี นระเบยี นพฤตกิ ารณ์ควรเขยี นดว้ ยถอ้ ยคํา
บรรยายสัน ๆ และกลา่ วถงึ สภาพทเี กดิ ขนึ อยา่ ง
แทจ้ รงิ เทา่ นั น
๓. ในการบรรยายเหตกุ ารณ์ควรมงุ่ ทกี ารกระทาํ ของ
นั กเรยี น และผทู้ เี กยี วขอ้ งสัมพันธก์ บั นั กเรยี นมากกวา่
สถานการณ์ทกี ารกระทาํ นั น ๆ เกดิ ขนึ
๔. หากมคี ําพดู ใดของนั กเรยี นทมี คี วามหมายสําคัญ
กค็ วรทจี ะนํ ามาบนั ทกึ อยภู่ ายในเครอื งหมายคําพดู
"..........................."
หลกั ในการจดั ทาํ ระเบยี นพฤตกิ ารณ์
๕. ภาษาทใี ชใ้ นการบนั ทกึ ควรมคี วามชดั เจน ใชถ้ อ้ ยคํางา่ ย ๆ ผอู้ นื ทมี าอา่ นสามารถเขา้ ใจได้
๖. รายละเอยี ดเกยี วกบั เรอื งของวนั เวลา สถานที
ทาํ การบนั ทกึ ควรบง่ ชใี ห้ชดั เจน เพือจะไดเ้ ปนส่วน
ประกอบในการพิจารณาลําดบั ของพฤตกิ รรมทเี กดิ ขนึ
๗. ควรบรรยายเปนรายพฤตกิ รรมแยกจากกนั ให้
เดน่ ชดั ในแตล่ ะเหตกุ ารณ์
๘. ควรแปลความหมายในเชงิ จติ วทิ ยาพัฒนาการ
และจติ วทิ ยาการศึกษาตรงไปตรงมาให้มากทสี ดุ
หลกั ในการจดั ทาํ ระเบยี นพฤตกิ ารณ์
๕. ๙. ผสู้ ังเกตตอ้ งระมดั ระวงั ความไมเ่ ปนกลาง ๑๓. ควรสังเกตและทาํ การบนั ทกึ อยา่ งสมาเสมอ และ
พิจารณาเปรยี บเทยี บพฤตกิ รรมทไี ดส้ ังเกตพบวา่ เปน
ซงึ จะเปนผลให้เขา้ ใจพฤตกิ รรมของนั กเรยี นผดิ พฤตกิ รรมทคี ่อนขา้ งถาวร จนเปนลกั ษณะบคุ ลกิ ภาพของ
พลาดได้
นั กเรยี นหรอื ไม่
๑๐. ควรเสนอในแนวทางทพี ิจารณาแลว้ เห็น ๑๔.บนั ทกึ เหตกุ ารณ์ทปี ระสบทงั ภายในและภายนอก
วา่ สามารถเปนไปได้ หากไมท่ ราบวา่ จะให้ขอ้ โรงเรยี น
เสนอแนะประการใด กไ็ มจ่ ําเปนตอ้ งให้ขอ้ ๑๕. การรายงานผลในระเบยี นพฤตกิ ารณ์ ควร
เสนอแนะใดทงั สิน ครอบคลมุ ทงั ดา้ นดแี ละไมด่ ี ตงั อยบู่ นความ
๑๑. ควรเปดโอกาสให้ผทู้ เี กยี วขอ้ งกบั นั กเรยี น ปรารถนาให้บคุ คลอนื ไดเ้ ขา้ ใจนั กเรยี น
ทกุ คนไดม้ สี ่วนรว่ มในการบนั ทกึ
๑๒. ควรบนั ทกึ พฤตกิ รรมทสี ังเกต ๑๖ . การสรุปผลจากระเบยี นพฤตกิ ารณ์
เห็นลงในระเบยี นโดยเรว็ ทสี ดุ ควรมกี ารสรุปผลอยา่ งน้ อยปละครงั
ลักษณะทีดีของระเบียนพฤติการณ์
๑. บอกวนั เดอื น ป สถานที และสถานการณ์ทเี กยี วขอ้ งกบั พฤตกิ รรมหรอื การกระทาํ
๒. บรรยายการกระทาํ และปฏกิ ริ ยิ าสนองทเี ขาแสดงตอบ (Rcaction) และบนั ทกึ ปฏกิ ริ ยิ าทบี คุ คลอนื
แสดง (Action) ตอ่ เขากอ่ นดว้ ย
๓. บนั ทกึ การพดู โตต้ อบ พรอ้ มทงั การกระทาํ ตา่ ง ๆ ๔. ต้องเขียนข้อความ คําพูด สนทนาโต้ตอบ
เทา่ ทจี ะบนั ทกึ ลงไปใด้ ให้สมบูรณ์ อธบิ ายให้เห็นลักษณะพฤติกรรม
ของรายกรณีทีถูกศึกษาในขณะนั น
๕. บันทึกลักษณะทีแสดงออกในลักษณะต่าง ๆ เชน่ แสดง
อาการฉนุ เฉียวเมือไม่พอใจ การแสดงอากัปกิริยาต่าง ๆ ทัง
หน้ าตา ท่าทาง นาเสี ยง ในการบันทึกไม่ต้องแปลความหมาย
ของความรู้สึ ก
สิ งทีควรแก่การบันทึก
ระเบียนพฤติการณ์
ควรมกี ารสังเกตพฤตกิ รรมในโอกาสตา่ ง ๆ กนั เชน่ ในขณะทาํ งาน หรอื ทาํ กจิ กรรม
ตา่ ง ๆ ในขณะทอี ยตู่ ามลําพัง ทงั พฤตกิ รรมในทที าํ งาน หรอื ทโี รงเรยี น บนรถโดยสาร
รถส่วนบคุ คล หรอื ตามถนนหนทาง มนี ั กจติ วทิ ยาเห็นวา่ ระเบยี นพฤตกิ ารณ์ควร
บรรยายเกยี วกบั รายกรณีทถี ูกศึ กษาหลาย ๆ ดา้ น / โอกาส แสดงให้เห็นวา่ เขา
ประพฤตปิ ฏบิ ตั อิ ยา่ งไรในสถานการณ์ตา่ ง ๆ เชน่ เดก็ นั กเรยี นบางคนเรยี นวชิ าหนึ ง
กบั ครูคนหนึ งจะกระทาํ ตวั อยา่ งหนึ ง แตก่ บั ครูอกี คนหนึ งแสดงตรงกนั ขา้ ม ซงึ ทาํ ให้
เห็นวา่ ไมน่ ่ าจะเปนคนคนเดยี วกนั
ลักษณะพฤติกรรมทีควรสั งเกตเพือ
บันทึกลงในระเบียนพฤติการณ์
๑ บคุ ลกิ ลกั ษณะส่วนตวั เช่น ความ ๒. อาการผดิ ปกตทิ างอารมณ์ เช่น ๓. การเข้าสมาคมกบั กลมุ่ เช่น
อาการกระตกุ กดั เลบ็ หรอื ฉนุ เฉียว ลกั ษณะการสือสารกบั ผอู้ นื ทงั ใช้
บกพรอ่ งทางรา่ งกาย ลกั ษณะเดน่ ทา่ ทางและคําพดู
ทปี รากฏ
๖. ลกั ษณะส่วนตวั
๔. นิสัยการทาํ งานหรอื การเรยี น ๕. การสือภาษา ไดแ้ ก่ การพดู
แสดงออกทางปฏกิ ริ ยิ าทอี ยใู่ นเรอื ง เขียน หรอื การใช้ทา่ ทางเพือสือ
ความสนใจ ความหมายตา่ ง ๆ เหมาะสมหรอื ไม่
วิธีดาํ เนิ นการ ๑ การเลือกนั กเรียน
ในการทาํ
ระเบียน เดก็ ทกุ คนสําคัญเทา่ กนั เเตค่ รูควรเลอื กสังเกตและบนั ทกึ ระเบยี น
พฤติการณ์ พฤตกิ ารณ์ในรายทคี ่อนข้างเปนปญหา เปนการชว่ ยเหลอื และแกไ้ ข
ปญหาหมดสินไป ซงึ จะเปนประโยชน์ ทงั ตวั นั กเรยี นและทาง
โรงเรยี นโดยส่วนรวมดว้ ย
การเลือกสถานการณ์ ในการสั งเกตนั กเรียน
๒
ครูจําเปนทจี ะตอ้ งสังเกตในสถานที / สถานการณ์ตา่ ง ๆ หลาย ๆ แห่ง
เชน่ สังเกตนั กเรยี นในขณะกําลงั เลน่ กฬี าในสนาม ในห้องสมดุ
นั กเรยี นบางคนอาจประพฤตปิ ฏบิ ตั หิ รอื มพี ฤตกิ รรมตอ่ เพือนตา่ งกนั
หรอื กบั ครูทตี า่ งบคุ คลกนั ดว้ ย ซงึ ยากทใี ครจะเขา้ ใจเขาไดว้ า่ เปน บคุ คล
คนเดยี วกนั ทไี ดแ้ สดงพฤตกิ รรมออกมาในสิงแวดลอ้ มทตี า่ งกนั
๓ จาํ นวนครังทีจะเขียนบันทึก
ควรมกี ารเขยี นระเบยี นพฤตกิ ารณ์ทกุ ครงั ทมี เี หตกุ ารณ์กดิ ขึน และ
เหตกุ ารณ์เหลา่ นั น ชว่ ยทาํ ให้ครูเกดิ ความเขา้ ใจอยา่ งชดั เจนเกยี วกบั
บคุ ลกิ ภาพโดยทวั ไปของนั กเรยี น
วิธีดาํ เนิ นการ ๔ ช่วงเวลาทีจะเขียนบันทึก
ในการทาํ
ระเบียน ครูควรเขยี นบนั ทกึ เรอื งราวโดยเรว็ ทสี ดุ ภายหลงั จากทไี ดส้ ังเกต
พฤติการณ์ เหตกุ ารณ์นั นแลว้ ทงั นี เพราะเกรงวา่ ผสู้ ังเกตอาจจะเกดิ การลมื
๕ การเก็บระเบียนพฤติการณ์
ควรจะเกบ็ รวบรวมไวท้ คี รูประจาํ ชัน เพราะใกลช้ ดิ กบั นั กเรยี นมาก
ทสี ดุ เพือจะไดน้ ํ าขอ้ มลู ไปสรุปรวบรวมไวใ้ นระเบยี นสะสม และครู
ประจําชนั กบั ครูแนะแนว ควรจะไดม้ กี ารหารอื กนั ทาํ ความเขา้ ใจตวั
นั กเรยี นและหาทางแนะแนวชว่ ยเหลอื ตอ่ ไป
๖ การจัดการภายหลังบันทึกแล้ว
ศึกษากบั ผทู้ มี คี วามชาํ นาญเกยี วกบั พฤตกิ รรมของบคุ คลตา่ ง ๆ โดย
เฉพาะ เชน่ นั กจติ วทิ ยา
พดู คุยกบั บคุ คลอนื ๆ ทเี กยี วขอ้ งกบั รายกรณีทถี กู ศึกษา
คุณคาและประโยชนของ
ระเบียนพฤติการณ
๑. ชว่ ยให้มองเห็นและเข้าใจในพฤติกรรมและ
บุคลิกภาพของนั กเรียนอย่างชดั เจน
๒. ระเบียนพฤติการณ์ เปนการบรรยายเหตุการณ์ ทีเกิด
ขึนอย่างตรงไปตรงมา ชว่ ยให้ผู้สั งเกตบุคคลอืนก็
สามารถเข้าใจได้
๓. ชว่ ยให้เข้าใจเค้าเงือนความผิดปกติในด้านต่าง ๆ
เชน่ ความสามารถทางสมอง พัฒนาการทางอารมณ์
การปรับตัวทางสั งคม
๔. การแยกส่ วนทีเปนพฤติกรรม การแปลความหมาย
และข้อเสนอแนะให้เด่นชดั ทําให้สามารถย้อนกลับมา
ศึ กษาในภายหลังได้สะดวก
คุณคาและประโยชนของ
ระเบียนพฤติการณ
๕.เปนประโยชน์ ต่อการวางแนวทางดําเนิ นการในขัน
ต่อไป
๖. ชว่ ยให้ครูทราบได้ว่า ข้อมูลเกียวกับตัวนั กเรียนทีได้
รวบรวมไว้แล้วโดยใชเ้ ครืองมืออืน ๆ ถูกต้องหรือไม่
จากการนํ ามาเปรียบเทียบกับข้อมูลรายละเอียดทีใด้
บันทึกไว้ในระเบียนพฤติการณ์
๗. ชว่ ยให้ครูได้ร่วมกันศึ กษา และให้ความสนใจ
นั กเรียนเปนรายบุคคลมากขึน การเพิมทักษะการ
สั งเกต การจดบันทึก ปราศจากอคติ และมีความหมาย
อย่างสมบูรณ์
ขอจํากดั ในการทาํ ระเบียนพฤติการณ
๑. ใชเ้ วลาค่อนข้างมาก
๒. สื บเนื องจากข้อทีหนึ ง อาจทาํ ให้ได้ระเบียนพฤติการณ์ ทีมี
จํานวนน้ อยไม่กว้างขวาง
๓. การบันทึกปราศจากอคติเเละตรงไปตรงมาเปนสิ งทีทาํ ได้
ค่อนข้างลําบาก
๔. การขาดความรู้และประสบการณ์ เรืองจิตวิทยา อาจมองข้าม
นั กเรียนบางประเภท เชน่ นั กเรียนทีเชอื ฟงว่านอนสอนง่าย
๕.บันทึกพฤติกรรมทีไม่ค่อยเหมาะสมหรือพฤติกรรมทีผิดปกติ
เมือนํ ามาศึกษาจึงกลายเปนรายงานความบกพร่องของ
นั กเรียนไป แทนทีจะเปนการรวบรวมความก้าวหน้ าหรือ
พัฒนาการของนั กเรียน
๖. การบันทึกเรืองทีเกิดขึนเพียงครังเดียวหรือสองครัง ซึงอาจ
จะไม่ใชพ่ ฤติกรรมทีแท้จริงของนั กเรียน ผู้อืนทีได้มาอ่านหรือ
ศึกษก็อาจจะเกิดความรู้สึ กทีไม่ดีต่อนั กเรียนผู้นั นได้ กลาย
เปนความอคติทีมีต่อนั กเรียนได้
ตวั อยา่ งแบบระเบยี นพฤตกิ ารณ์
Ø แบบที ๑ แบบไมแ่ ปลความหมายของพฤตกิ รรม
ตวั อยา่ งแบบระเบยี นพฤตกิ ารณ์
Ø แบบที ๒ แบบแปลความหมายของพฤตกิ รรม
ตวั อยา่ งแบบระเบยี นพฤตกิ ารณ์
Ø แบบที ๓ แบบทคี รูหลายคนสามารถบนั ทกึ รว่ มกนั ได้
ตวั อยา่ งแบบระเบยี นพฤตกิ ารณ์
เเบบไหนเอย่
To the Future สรุป ระเบยี นพฤตกิ ารณ์ คือ เครอื งมอื ชนิ ดหนึ งทใี ชก้ ลวธิ ใี นการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
เกยี วกบั พฤตกิ รรมเฉพาะตามเหตกุ ารณ์ทเี กดิ ขนึ จรงิ ของผถู้ กู สังเกตในสถานการณ์
หนึ ง ๆ อยา่ งตรงไปตรงมาตามทไี ดพ้ บเห็น และไมม่ กี ารแปลความในขณะสังเกต
หรอื บนั ทกึ พฤตกิ รรม การจดบนั ทกึ ระเบยี นพฤตกิ ารณ์แตล่ ะครงั จงึ คลา้ ยกบั
เปนการเกบ็ ภาพการกระทาํ ของนั กเรยี นในครงั หนึ งไวใ้ นสถานการณ์ชว่ งหนึ ง แต่
เปนการเกบ็ ภาพทบี รรยายพฤตกิ รรมออกมาเปนภาษาถอ้ ยคํา และในการทาํ ระเบยี น
พฤตกิ ารณ์ ผบู้ นั ทกึ หรอื ผสู้ ังเกตอาจจะมกี ารแสดงความคิดเห็นเพิมเตมิ เกยี วกบั
พฤตกิ รรมทจี ดบนั ทกึ ไวก้ ไ็ ด้ แตถ่ า้ จะแสดงความคิดเห็นลงไป กค็ วรทจี ะบนั ทกึ แยก
ตา่ งหาก ไมค่ วรเขยี นปะปนกบั รายละเอยี ดเกยี วกบั พฤตกิ รรมของนั กเรยี นเพราะจะ
ทาํ ให้เกดิ ความเขา้ ใจคลาดเคลอื นระหวา่ งความคิดเห็นของผบู้ นั ทกึ กบั พฤตกิ รรม
ทแี ทจ้ รงิ ของนั กเรยี น การบนั ทกึ มไิ ดม้ กี ารกําหนดระยะเวลาทแี น่ นอนขนึ อยกู่ บั วา่
พฤตกิ รรมทนี ั กเรยี นแสดงออกมาน่ าสนใจหรอื น่ าจะเปนพฤตกิ รรมทจี ะทาํ ให้รูจ้ กั
และเขา้ ใจนั กเรยี นทถี กู สังเกตดยี งิ ขนึ การสังเกตและบนั ทกึ ขอ้ มลู พฤตกิ รรมดงั
กลา่ ว เปนดงั กญุ แจไขไปส่ปู ญหา จะเปนประโยชน์ ทางการแนะแนวชว่ ยเหลอื และ
แกไ้ ขให้รายกรณีตอ่ ไป
บรรณานุกรม
จนั เพ็ญ ภโู สภา. (๒๕๕๘). จติ วทิ ยาเเละการเเนะเเนวสําหรบั ครู. พิมพ์ครงั ที ๓. มหาสารคาม :
ตกั สิลาการพิมพ์.
นิ รนั ดร์ จลุ ทรพั ย.์ (๒๕๕๔). การเเนะเเนวเบอื งตน้ . พิมพ์ครงั ที ๔. สงขลา : ศนู ยห์ นั งสือมหาวทิ ยาลยั ทกั ษิณ.
นิ รนั ดร์ จลุ ทรพั ย.์ (๒๕๕๘). การเเนะเเนวเพือพัฒนาผเู้ รยี น. พิมพ์ครงั ที ๑. สงขลา :
บรษิ ัทนํ าศิลปโฆษณาจํากดั .
ลกั ขนา สรวิ ฒั น์ . (๒๕๔๘). การศึกษารายกรณี. กรุงเทพฯ : โอเดยี นสโตร.์
คณะผู้จัดทาํ
นางสาวญานิ กา ยินดี นางสาวเชษฐส์ ุดา ศรนี วลดี นางสาวเบญจวรรณ นิ ลคูหา
16115163 16115184 16115185