The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิจัยในชั้นเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นป.1ปี64

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aey_siripon, 2022-03-17 21:45:10

วิจัยในชั้นเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นป.1ปี64

วิจัยในชั้นเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นป.1ปี64

วิจัยในช้นั เรียน

การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เร่ือง การบวกและการลบจำนวนท่ีมี
ผลลัพธแ์ ละตัวตั้งไม่เกนิ 100 กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์
สำหรับนกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1

ผูท้ ำวจิ ัย
นางสริ ิพร วงศธ์ รรม
นางนวลจนั ทร์ วฒั นพนั ธุ์
นางจันทรส์ ุดา ร่มเมอื ง

โรงเรียนธิดาแมพ่ ระ อ. เมือง จ. สุราษฎรธ์ านี
ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564

1

คำนำ

งานวิจัยในชัน้ เรยี น เรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณติ ศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบ
จำนวนที่มีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ทสำหรับนักเรียน
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 ไดจ้ ัดทำข้ึนเพ่อื พฒั นาทักษะการบวกการลบและการแก้โจทย์ปญั หาให้กับ
นักเรียน ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การวิจัยครั้งนี้จะเป็น ประโยชน์ต่อผู้ท่ีศึกษา เพื่อเป็นแนวทาง
ในการพัฒนาทางด้านการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ให้มีประสทิ ธิภาพมากยงิ่ ขึ้น

งานวิจัยครั้งนี้สำเร็จได้ด้วยดี ผู้วิจัยขอขอบคุณคุณครูในกลุ่มสาระคณิตศาสตร์ที่ได้ให้
คำแนะนำ ชี้แนะและให้คำปรึกษาด้วยดีเสมอและขอบคุณนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1 ที่ให้
ความรว่ มมอื ในการทำวิจยั จนเสร็จสน้ิ

คุณค่าและประโยชน์ใด ๆ ที่เกิดจากงานวิจัยฉบับนี้ ผู้วิจัยขอมอบแด่นักเรียนและครู
อาจารย์ทุก ๆ ท่านทีไ่ ดม้ ีส่วนรว่ มในการสนบั สนนุ การทำวจิ ัย

ผทู้ ำการวิจัย

สารบญั 2

คำนำ หน้า
สารบญั
บทท่ี 1 บทนำ 1
2
ความเป็นมาของปัญหา 2
วัตถปุ ระสงค์ของการวิจัย 3
สมมติฐานการวจิ ยั 4
ขอบเขตของการวจิ ัย 4
นยิ ามศพั ท์เฉพาะ
กรอบแนวคิดการวจิ ัย 5
บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ัยทีเ่ กย่ี วข้อง 11
เอกสารท่เี ก่ียวข้อง
งานวิจัยท่เี กีย่ วข้อง 13
บทที่ 3 วธิ ีดำเนินการวิจัย 13
ประชากร/กลมุ่ ตวั อยา่ ง 14
เครื่องมอื ท่ีใช้ในการวิจยั 15
การพฒั นาเครื่องมอื และการหาคณุ ภาพเครือ่ งมอื 16
การดำเนนิ การวิจยั และการเก็บรวบรวมข้อมลู 20
สถติ ทิ ใี่ ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล
บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล 24
บทที่ 5 สรุปผลการวจิ ยั และข้อเสนอแนะ 24
วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย 24
สมมตฐิ านการวจิ ัย 26
วธิ ีดำเนินการ 27
สรปุ ผลการวิจัย 29
อภปิ รายผล 31
ข้อเสนอแนะ
ภาคผนวก

1

บทท่ี 1

บทนำ

ความเปน็ มาของปญั หา

คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาความคิดมนุษย์ ทำให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์
คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ ได้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบ
ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
นอกจากนี้ คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศาสตร์อื่น ๆ
คณิตศาสตร์จึงมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต ช่วยพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี
ความสุข (กระทรวงศกึ ษาธิการ.2551:1)

การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เน้นเพื่อให้นักเรียนมีทักษะการคิดคำนวณเป็นหลัก
กระบวนการคิดและความสามารถทางคณิตศาสตร์ เช่น ความสามารถในการแก้ปัญหา การคดิ อยา่ งมเี หตุผล
และการแสดงความคิดออกมาอย่างมีระบบ การนำประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะที่เกิดไปใช้ใน
การเรียนสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตจริง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การรู้คุณค่า และมีเจตคติที่ดีต่อวิชาคณิตศาสตร์
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กำหนดสาระการเรียนรู้ตามหลักสูตรซ่ึง
ประกอบด้วยองค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรยี นรู้และคุณลักษณะหรือคา่ นยิ มคุณธรรม จริยธรรมของ
ผู้เรียนเป็น 8 กล่มุ สาระ คณิตศาสตร์ เปน็ กลุม่ สาระพนื้ ฐานสำคัญทผี่ ู้เรียนทุกคนต้องเรียนรู้ โดยยึดผู้เรียน
สำคัญที่สดุ สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียนสามารถเรยี นรแู้ ละพัฒนาตนเอง ได้ตามธรรมชาติ และเตม็ ศกั ยภาพม่งุ เน้นการ
ฝึกทักษะกระบวนการคิดการจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และประยุกต์ความรู้มาใช้ในชีวิตจริง
(กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.2551 : 25)

ดังนน้ั การเรียนการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวใหม่ จึงตอ้ งอาศัยวธิ ีการสอนท่เี หมาะสม คอื พยายาม
แก้ข้อบกพร่องของการสอนตั้งแต่เดิม โดยพยายามส่งเสริมให้นักเรียนได้สำรวจ ทดลองและสร้างสมมุติฐาน
ในการแกป้ ญั หาดว้ ยตนเอง ใหม้ ีโอกาสจบั ตอ้ ง มีสิง่ ช่วยใหเ้ ดก็ มีความสนุกสนานระหว่างเรยี น พร้อมทั้งมีสิ่ง
ที่ท้าทายให้เด็กอยากรู้อยากเห็น (โสภณ บำรุงสงฆ์.2520:22) และวิธีการสอนที่จะกล่าวถึงนี้ก็คือ วิธีสอน
โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ เพราะแบบฝึกเสริมทักษะ ได้แบ่งเนื้อหาออกเป็นหน่วยย่อย โดยการเรียงลำดับ
จากเนื้อหาง่ายไปหายาก มีตัวอย่างและแบบฝึกหัด ที่มีความยาก-ง่าย เหมาะสมกับระดับชั้นของนักเรียน
ดังคำกล่าวของ วรสุดา บุญยไวโรจน์ (2540:36) ที่ว่า “การสอนให้นักเรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในมโน
ทัศน์ของเรื่องที่สอนเท่านั้น ไม่เป็นการเพียงพอที่จะทำให้นักเรียนเกิดความสามารถที่จะคิดคำนวณ หรือทำ
โจทย์ปัญหาในเรื่องนั้น ๆ ได้อย่างชำนาญ” การพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์จึงจำเป็นต้องให้ผู้เรียนฝึก
ปฏิบัติด้วยตนเอง ได้แก่ การทำแบบฝึกหัด ซึ่งแบบฝึกที่ดีควรมีความชัดเจนทั้งคำสั่งและวิธีทำ คำสั่งหรือ
ตัวอย่างวิธีทำไม่ควรยาวเกินไป เพราะจะทำให้เข้าใจยาก ควรปรับให้เหมาะสมกับผู้ใช้เพื่อให้นักเรียน

2

สามารถศึกษาด้วยตนเองได้ และแบบฝึกทักษะ ก็เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาช่วย
ให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในเนื้อหาดียิ่งขึ้น สามารถแก้ปัญหาได้ถูกต้อง (ฉวีวรรณ กีรติกร. 2537 : 7-8)
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นทำให้ผู้วิจัย มีความสนใจที่จะสร้างแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกและ
การลบจำนวนที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไมเ่ กิน 100 ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 1 เพื่อจะได้นำแบบฝึกทกั ษะที่สรา้ งขึ้น
ไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพราะแบบฝึก เป็นนวัตกรรมซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางการศึกษาสมัยใหม่ที่
นิยม นำไปใช้ประกอบในการปรับปรุงและพัฒนาการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการแก้ปัญหา
ตลอดจนคิดสร้างสรรค์ได้อย่างมีเหตุผล ทำให้นักเรียนมีความคิดรวบยอด มีความรู้พื้นฐานในการคิด
คำนวณและการแก้โจทย์ปัญหา เพื่อใช้ในการเรียนระดบั สูงขึ้นไป และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ ในการ
แก้ปัญหาในชีวติ ประจำวันได้

วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย
1. เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนท่ีมีผลลัพธ์ และตัวตั้ง

ไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพ
ตามเกณฑ์ 80/80

2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ระหว่าง
ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการ
เรยี นรู้คณติ ศาสตร์ สำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที ี่ 1

สมมตุ ิฐานการวิจัย
1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100

กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 มปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80
2. นกั เรียนที่เรยี นดว้ ยแบบฝกึ ทกั ษะคณิตศาสตร์ เร่อื ง การบวกและการลบจำนวนทีผ่ ลลพั ธแ์ ละตัว

ตั้งไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีคะแนนเฉลี่ยหลงั
เรยี นสงู ข้นึ กว่าก่อนเรียน

ความสำคัญของการวจิ ยั
1. ได้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพและสามารถ
นำไปใชเ้ ปน็ สื่อประกอบการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนได้อยา่ งมีประสทิ ธผิ ล

2. ได้แนวทางสำหรับครูผู้สอน ที่จะนำเอาแนวทางการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์และ
เคร่ืองมอื ท่ผี ้วู จิ ยั สร้างขน้ึ นไี้ ปปรับปรุงหรือประยกุ ตใ์ ชก้ บั การจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนของตนเอง

3

ขอบเขตของการวจิ ยั
1. ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง
1.1 ประชากรทจ่ี ะใช้ในการวจิ ยั ในครงั้ น้ีเปน็ นักเรยี นระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 2

ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนธิดาแม่พระ ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎรธ์ านี มีจำนวน 12 ห้องเรียน
นักเรียนจำนวน 477 คน

1.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ห้อง 3 ภาคเรียนที่ 2
ปกี ารศกึ ษา 2564 โรงเรยี นธดิ าแม่พระ ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวดั สุราษฎร์ธานี โดยการสุ่มแบบเจาะจง
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ห้อง 3 จำนวน 44 คนเป็นกลุ่มทดลอง จัดการเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะ
คณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณติ ศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นช้ันประถมศึกษาปที ่ี 1

2. เนอื้ หาท่ีใช้ในการวจิ ยั
เนื้อหาที่นำมาใช้ประกอบในการทำวิจัยในชั้นเรียนครั้งนี้เป็นเนื้อหาในหน่วยการเรียนรู้ ที่ 9
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1-6 เร่อื ง การบวกและการลบจำนวนทีผ่ ลลัพธแ์ ละตวั ตั้งไม่เกิน 100 ภาคเรยี นท่ี 2
ปกี ารศกึ ษา 2564 มีเนอื้ หาดงั ต่อไปนี้

1. เร่ือง การบวกจำนวนท่ีมีผลบวกไมเ่ กิน 100
2. เร่ือง โจทย์ปัญหาการบวกท่มี ีผลบวกไม่เกิน 100
3. เรื่อง การสร้างโจทยป์ ญั หาการบวก
4. เรอื่ ง การลบจำนวนทม่ี ีตวั ต้ังไม่เกิน100
5. เรอ่ื ง โจทยป์ ัญหาการลบจำนวนทีม่ ีตัวต้ังไมเ่ กิน100
6. เรอื่ ง การสรา้ งโจทยป์ ัญหาการลบ
3. ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง
ดำเนินการทดลองในภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 ใชเ้ วลาในการทดลอง 10 ช่ัวโมง เริ่ม
ทดลองตังแตว่ นั ท่ี 31 มกราคม พ.ศ. 2565 ถึงวนั ที่ 11 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565

4. ตวั แปร
4.1 ตัวแปรต้น ไดแ้ ก่ แบบฝึกทกั ษะคณิตศาสตร์ เรอ่ื ง การบวกและการลบจำนวนที่ผลลัพธ์และตัว

ตง้ั ไมเ่ กนิ 100 กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1
4.2 ตัวแปรตาม ได้แก่ ผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่

ผลลัพธ์และตวั ตั้งไม่เกนิ 100 กลมุ่ สาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1
4.2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของนักเรียนทีเ่ รียนด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การ

บวกและการลบจำนวนที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 1

4

นิยามศัพท์เฉพาะ

1. แบบฝึกทักษะ หมายถึง แบบฝึกที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

ประกอบการเรียนรู้ ทักษะการคิดคำนวณและทักษะการแก้โจทย์ปัญหา การบวกและการลบจำนวน ที่มี

ผลลพั ธ์และตัวตงั้ ไมเ่ กนิ 100 ประกอบดว้ ยแบบฝึกทักษะจำนวน 6 ชุด เป็นแบบฝึกทักษะการคดิ คำนวณ 2

ชดุ และแบบฝึกทกั ษะการแกโ้ จทยป์ ัญหา 4 ชดุ สริ ิพร ทพิ ยค์ ง (2550 , หน้า 263)

2. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ หมายถึง แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและ การ

ลบจำนวนที่ผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 เยาวดี วิบูลย์ศรี (2545 ,

หนา้ 20)

80 ตวั แรก หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉลยี่ ของนักเรยี นทุกคนที่ได้จากการทำแบบฝึกทกั ษะ

ระหว่างเรียน

80 ตวั หลงั หมายถงึ จำนวนรอ้ ยละของคะแนนเฉลีย่ ของนักเรยี นทุกคนที่ไดจ้ ากการวดั ผลการ

เรียนร้คู ณิตศาสตร์หลังเรยี น

3. ดชั นีประสิทธิผล หมายถึง ตวั เลขทแ่ี สดงความก้าวหน้าในการเรยี นของนักเรียน โดยการเทียบ

คะแนนเพิม่ ข้นึ จากการทดสอบกอ่ นเรียนและคะแนนที่ไดจ้ ากการทดสอบหลังเรียน

4. ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง คะแนนของนักเรียนที่ได้จากการทำแบบทดสอบ

วัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น เรือ่ ง การบวกและการลบจำนวนที่มผี ลลัพธแ์ ละตัวตง้ั ไม่เกิน 100 ทผ่ี ู้วจิ ัยสร้าง

ข้นึ เปน็ แบบทดสอบแบบปรนยั ชนดิ เลอื กตอบ 3 ตัวเลอื ก จำนวน 20 ขอ้

กรอบแนวคดิ การวจิ ัย
จากตำรา เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการแก้โจทย์ปัญหาทาง

คณติ ศาสตร์ ลกั ษณะโจทย์ปญั หาคณติ ศาสตร์ กระบวนการท่ใี ชใ้ นการแกโ้ จทยป์ ญั หา เพ่อื พฒั นาและแก้ปัญหา
ทางการเรยี นของนกั เรียน ซง่ึ มกี รอบแนวคดิ ดงั ภาพที่ 1.1

ตวั แปรต้น ตวั แปรตาม

แบบฝกึ ทกั ษะคณติ ศาสตร์ เร่ือง การ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน เร่ือง
บวกและการลบจำนวนที่มีผลลพั ธ์ การบวกและการลบจำนวนที่ผลลัพธ์และ
และตัวตง้ั ไม่เกนิ 100 กล่มุ สาระการ ตวั ตง้ั ไม่เกิน 100 กลุม่ สาระการเรียนรู้

เรียนรู้คณติ ศาสตร์ สำหรับนักเรยี นชน้ั คณติ ศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นชัน้
ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 ประถมศึกษาปีท่ี 1

ภาพท่ี 1.1 กรอบแนวคิดในการวิจัย

5

บทท่ี 2

เอกสารและงานวจิ ัยท่เี กยี่ วขอ้ ง

การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรอ่ื ง การบวกและการลบจำนวนทม่ี ผี ลลัพธแ์ ละตัวตัง้ ไมเ่ กนิ
100 กล่มุ สาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 ในครง้ั นี้ผู้วจิ ยั ได้ศึกษาเอกสาร
และงานวจิ ยั ที่เกย่ี วข้องตามลำดับ ดงั น้ี

1. หลักสูตรการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551
2. ตวั ชี้วดั และสาระการเรียนรู้แกนกลางกลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ตามหลกั สตู รแกนกลาง
การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551
3. ความรเู้ กีย่ วกบั การสอนคณิตศาสตร์
4. งานวจิ ัยท่ีเก่ียวขอ้ ง

4.1 งานวิจยั ในประเทศ

หลักสตู รการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
การพฒั นาหลักสตู รการศึกษาของชาติ ถือเปน็ กลไกสำคญั ในการพฒั นาคุณภาพการศึกษา เพอื่ สร้าง

คนใหเ้ ป็นคนดี มปี ัญญา มีความสุข และมีศักยภาพพรอ้ มทีจ่ ะแข่งขันในเวทีโลก ไม่วา่ จะหลักสูตรใดกต็ าม หาก
นำไปใช้แล้วพบว่ามีข้อจำกัดบางประการก็จำเป็นต้องมีการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงหลักสูตรที่มีอยู่ให้ดี
ขึ้น เช่นเดียวกับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 หลังการนำไปใช้ระยะหนึ่ง จากการ
ศึกษาวิจัยพบว่า มีปัญหาบางประการ เช่น ด้านตัวชี้วัดหรือคุณลักษณะความรู้ความสามารถของผู้เรียนภาย
หลังจากเรียนจบแต่ละช่วงชัน้ แล้วยังขาดความชัดเจน อีกทั้งครูผู้สอนโดยเฉพาะครูในโรงเรียนขนาดเล็กซึ่งมี
อยู่จำนวนมากไม่สามารถออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามที่หลักสูตร
กำหนด ไวไ้ ด้

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 จัดทำขึ้นเพื่อให้เขตพื้นที่การศึกษาหน่วยงาน
ระดับท้องถิ่นและสถานศึกษานําไปเป็นกรอบและทิศทางพัฒนาหลักสูตรและจัดการเรียนการสอน จากข้อ
ค้นพบในการศึกษาวิจัยและติดตามผล การใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ที่กล่าวถึง
ประกอบกับข้อมูลจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับท่ี 10 เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาคนใน
สงั คมไทยและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการในการพฒั นาเยาวชนสู่ศตวรรษท่ี 2 จึงเกดิ การทบทวนหลักสูตร
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 เพื่อนำไปสู่การพัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ที่มีความเหมาะสม ชัดเจน ทั้งเป้าหมายของหลักสูตรในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน พัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมพัฒนาประเทศพื้นฐานในการดำรงชีวิต การพัฒนาสมรรถนะและทักษะและกระบวนการ
นำหลักสูตรไปสู่การปฏิบตั ใิ นระดบั เขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา โดยได้มีการกำหนดวสิ ัยทัศน์ จุดหมาย
สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่ชัดเจน เพื่อใช้เป็น
ทิศทางในการจัดทำหลักสูตร การเรียนการสอนในแต่ละระดับ นอกจากนั้นได้กำหนดโครงสร้างเวลาเรียน

6

ขั้นต่ำของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ในแต่ละชั้นปีไว้ในหลักสูตรแกนกลาง และเปิดโอกาสให้สถานศึกษา
เพิ่มเติมเวลาเรียนได้ตามความพร้อมและจุดเน้น อีกทั้งได้ปรับกระบวนการวัดและประเมินผลผู้เรียน เกณฑ์
การจบการศึกษาแต่ละระดับ และเอกสารแสดงหลักฐานทางการศึกษาให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานก าร
เรียนรู้ และมีความชัดเจนต่อการนำไปปฏิบตั ิดังนน้ั สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน (สพฐ.) จึงได้
ปรับเปลี่ยนหลักสูตรเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการนำไปสู่การปฏิบัติแต่ยังคงยึดมาตรฐานการเรียนรู้และ
หลักการเดมิ

ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551(ฉบับปรบั ปรุง พทุ ธศกั ราช 2560)

การบวกการลบจำนวนนบั ๑ ถงึ ๑๐๐ และ ๐ ค ๑.๑ ป ๑/๔ หาค่าของตวั ไมท่ ราบคา่ ใน
ประโยคสญั ลกั ษณแ์ สดงการบวกและประโยค
๑.ความหมายของการบวก ความหมายของการลบ สัญลักษณ์แสดงการลบของจำนวนนบั ไม่เกนิ
การหาผลบวกการหาผลลบ และความสมั พันธ์ของ ๑๐๐และ๐
การบวกและการลบ

๒.การแกโ้ จทย์ปัญหาการบวก โจทยป์ ัญหาการลบ ค ๑.๑ ป ๑/๕ แสดงวิธหี าคำตอบของโจทย์
และการสรา้ งโจทยป์ ัญหาพร้อมทัง้ หาคำตอบ ปญั หาการบวกและโจทยป์ ัญหาการลบของ

จำนวนนบั ไมเ่ กิน๑๐๐และ๐

สำหรับสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ฉบับปรับปรุง 2560 เป็นสาระหลักที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนทุกคน ประกอบด้วยเนื้อหาวิชา
คณิตศาสตร์ สาระและมาตรฐาน ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ สาระและมาตรฐานที่เป็นองค์
ความรรู้ วมของกลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ประกอบดว้ ย

สาระการเรียนร้รู ายป/ี ตัวชีว้ ัดชั้นปี กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์
ระดับช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี ๑ รหัสวิชา ค ๑๑๑๐๑

สาระท่ี ๑ จำนวนและพีชคณิต
มาตรฐาน ค ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนินการของจำนวน
จำนวน ผลทเ่ี กิดจากการดำเนนิ การ สมบตั ขิ องการดำเนนิ การ และการนำไปใช้

จะเห็นได้ว่าหลักสูตรกำหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ได้กำหนดสาระที่ 1จำนวนและพีชคณิตในมาตรฐาน ค 1.1 ตัวชี้วัด ค 1.1 ป.1/4 ให้จัดการเรียนการสอน

7

เกี่ยวกับการหาผลบวกและการหาผลลบ ตัวชี้วัด ค 1.1 ป.1/5 ให้จัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับวิเคราะห์และ
หาคำตอบของโจทยป์ ัญหาไมเ่ กินหนึง่ 100 และ0

ความรู้เกีย่ วกับการสอนคณิตศาสตร์
ความสำคัญของคณติ ศาสตร์
คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งวิชาหนึ่ง ซึ่งมีความจำเป็นต่อชีวิตความเป็นอยู่ข อง

มนุษย์ และเป็นเครื่องมือสำคัญในการปลูกฝังอบรมใหน้ ักเรียนมีความละเอียดรอบคอบ รู้จักคิดอย่างมเี หตุผล
เป็นคนช่างสังเกต มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ตลอดจนมีความสามารถในการคิดวิเคราะหป์ ัญหาต่าง ๆ อย่างมี
เหตุผล เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้วิชาต่าง ๆ ในอันที่จะดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข ฉะนั้นการ
วางรากฐานด้านการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาจึงเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะจะช่วยให้เด็กดำรงชีวิตได้
อยา่ งมีความสุขในสังคมปจั จุบนั

ดังที่ ประไพจิตร เนติศักดิ์ (2529 : 31-31) และ เพ็ญจันทร์ เงียบประเสริฐ (2542:4-5) ได้ให้
ความเหน็ ว่า คณติ ศาสตร์เป็นวิชาที่สำคัญวชิ าหน่ึงมิได้หมายความเพียงตวั เลขสัญลักษณ์เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน
คณิตศาสตร์มีบทบาทมากกว่าในอดีตและมีความสำคัญในชีวิตประจำวันย่ิงขึ้น ซึ่งได้สรุปความสำคัญของวชิ า
คณติ ศาสตร์ไว้ 3 ประการ คือ

1. ความสำคญั ในแง่นำไปใช้ท้ังในชวี ติ ประจำวันและอาชีพ
1.1 ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ทุกคนต้องใช้คณิตศาสตร์และเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์อยู่เสมอ

ในแต่ละวัน จนบางครั้งเราไม่ทันนึกว่ากำลังใช้คณิตศาสตร์อยู่ เช่น การดูเวลา การหาระยะทาง การซื้อขาย
การกำหนดรายรบั รายจ่ายในครอบครัว

1.2 ประโยชน์ในงานอาชีพต่าง ๆ ความรู้ทางคณติ ศาสตร์และวิทยาศาสตร์เป็นส่ิงจำเป็นสำหรบั
ผู้ทีจ่ ะทำงานเกย่ี วกับอุตสาหกรรมและธุรกิจ

2. ความสำคัญในแง่ที่เป็นเครื่องมือที่ปลูกฝังและอบรมให้ผู้เรียนมีคุณสมบัติ นิสัย ทัศนคติและ
ความสามารถทางสมองบางประการ เช่น ความเป็นคนช่างสังเกต การรู้จักคิดอย่างมีเหตุผลและแสดงความ
คิดเหน็ อยา่ งเปน็ ระเบยี บ งา่ ย สน้ั และชัดเจนตลอดจนมีความสามารถในการคดิ วเิ คราะหป์ ัญหา

3. ความสำคญั ในแง่วฒั นธรรม คณติ ศาสตรเ์ ป็นมรดกทางวัฒนธรรมส่วนหนึ่งที่คนร่นุ ก่อนได้คิดค้น
สร้างสรรค์ไว้แล้วถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังทั้งยังมีเรื่องให้ศึกษาอีกมากโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะเอาไปใช้ต่อไป
ดังนั้นในการศึกษาวิชาคณิตศาสตร์ควรเป็นการศึกษาเพื่อชื่นชมในวิชาคณิตศาสตร์ที่มีต่อวัฒนธรรม อารย
ธรรมและความก้าวหนา้ ของมนษุ ย์และยงั เปน็ การศึกษาคณติ ศาสตร์เพ่ือคณติ ศาสตร์ในแงห่ น่ึงดว้ ย

สอดคลอ้ งกบั สุวรรณา มงุ่ เกษม. (2513 : 1-2) ซึ่งได้สรปุ ความสำคญั ของคณติ ศาสตรไ์ ว้ ดงั น้ี
1. คณิตศาสตร์มีความสำคญั ต่อการนำไปใช้ในชีวติ ประจำวนั และงานอาชีพต่าง ๆ เชน่ การซ้ือ

ขาย การดูเวลา การกะระยะทาง การคาดคะเนน้ำหนัก การวัดส่วนสูงหรือแม้แต่การกำหนดรายรับรายจ่าย
ของครอบครัว เป็นต้น

8

2. คณิตศาสตร์สำคัญในแง่ที่เป็นเครื่องมือปลูกฝัง อบรมให้ผู้เรียนมีคุณสมบัติ นิสัย ทัศนคติ
และความสามารถทางสมองบางประการ เช่น ความเป็นคนช่างสังเกต การรู้จักคิดอย่างมีเหตุผลและแสดง
ความคิดออกมาอยา่ งเป็นระเบยี บและชัดเจน ตลอดจนความสามารถในการวิเคราะหป์ ญั หา เปน็ ต้น

3. คณิตศาสตร์มีความสำคัญในแง่วัฒนธรรม เนื่องจากคณิตศาสตร์เป็นมรดกทางวัฒนธรรม
สว่ นหน่งึ ทีค่ นรุน่ ก่อนไดค้ ดิ คน้ สรา้ งสรรค์ไว้และถา่ ยทอดมาให้คนรนุ่ หลงั

วรรณี โสมประยูร (2525 : 228-230) ไดส้ รุปความสำคัญของคณติ ศาสตรไ์ ว้ 5 ประการ ดังน้ี
1. คณติ ศาสตร์มปี ระโยชนใ์ นชีวิตประจำวัน กจิ กรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจำวัน เช่น การซ้ือขาย

การดเู วลา การนับจำนวน ตอ้ งอาศยั ความร้ทู างคณติ ศาสตร์
2. คณิตศาสตร์ช่วยให้เข้าใจโลก ช่วยให้มนุษย์เข้าใจและรู้จักปรากฏการณ์ต่าง ๆ ตาม

ธรรมชาติ เช่น ทศิ ทางลม ฤดูกาล แรงดงึ ดูดของโลกโดยอธบิ ายและคิดคำนวณทางคณิตศาสตร์
3. คณิตศาสตร์ช่วยสร้างเจตคติที่ถูกต้องทางการศึกษาคณิตศาสตร์ ทำให้ผู้เรียนคิดอย่างมี

เหตผุ ลร้จู กั แกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ งเม่อื พบสิ่งผดิ และรูจ้ กั นำความร้ไู ปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์
4. คณิตศาสตร์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเรียนวิทยาศาสตร์ เนื่องจากการเรียนวิทยาศาสตร์

ต้องมีความรู้ทางคณิตศาสตร์อย่างแท้จริงเพราะต้องอาศัยความ สามารถในการสังเกตอย่างถี่ถ้วนการวัดที่
ระมดั ระวังและการคิดคำนวณทีถ่ กู ต้อง

5. คณิตศาสตร์เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่คนรุ่นก่อนได้คิดสร้างสรรค์ไว้และมุ่ง
ถา่ ยทอดมาใหค้ นรุ่นหลงั การศกึ ษาคณติ ศาสตรจ์ งึ เป็นการศึกษาวัฒนธรรม อารยธรรมและความก้าวหน้าของ
มนษุ ย์

สรุปได้วา่ คณิตศาสตร์มีความสำคัญต่อชีวิตของคนเราเป็นอยา่ งมากในการดำรงชวี ิตประจำวนั
การประกอบอาชีพ และเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และสิง่ ตา่ ง ๆ นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยส่งเสริม
ในการพัฒนาความคิดของมนุษย์ให้รู้จักคิดอย่างเป็นระบบ มีเหตุผล รู้จักวิเคราะห์ปัญหาและแก้ไขปัญหาได้
อยา่ งมีประสิทธิภาพ

โจทย์ปญั หาคณติ ศาสตร์
ความหมายของโจทยป์ ญั หาคณิตศาสตร์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (2526 : 427) ให้ความหมายของโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ว่า
สถานการณ์ที่ประกอบไปด้วยภาษาและตัวเลขท่ีต้องการคำตอบโดยผู้ท่ีแกป้ ัญหานั้นจะต้องคิดและตัดสินใจใช้
วิธีการทางคณิตศาสตร์ที่เหมาะสมมาแก้ปัญหา ในการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์จำเป็นต้องอาศัยทักษะ
และความสามารถต่าง ๆ ประกอบกัน เช่น ทักษะการอ่านและวิเคราะห์ปัญหา การคำนวณ การมองเห็น
ความสัมพันธข์ องสิง่ ตา่ ง ๆ เปน็ ต้น
ปรชี า เนาว์เย็นผล (2538 : 52) กลา่ วถงึ โจทย์ปญั หาดงั น้ี
1. เป็นสถานการณ์ทางคณิตศาสตร์ที่ต้องการคำตอบซึ่งอาจอยู่ในรูปปริมาณหรือจำนวนหรือ
คำอธิบายให้เหตผุ ล

9

2. เปน็ สถานการณท์ ี่ผู้แก้ปัญหาไม่คุ้นเคยมาก่อน ไม่สามารถหาคำตอบได้ในทันทีทนั ใด ต้องใช้ทักษะ
ความรูแ้ ละประสบการณ์หลาย ๆ อยา่ งมาประมวลเข้าด้วยกันจงึ จะหาคำตอบได้

3. สถานการณ์ใดจะเป็นปัญหาหรือไม่ขึ้นอยู่กับบุคคลผู้แก้ปัญหาและเวลา สถานการณ์หนึ่งอาจเป็น
ปัญหาสำหรับบุคคลหนึ่ง แต่อาจไม่ใช่ปัญหาสำหรับบุคคลหนึ่งก็ได้ และสถานการณ์ที่เคยเป็นปัญหาสำหรับ
บคุ คลหนึ่งในอดตี อาจไมเ่ ป็นปัญหาสำหรับบุคคลนนั้ แล้วในปจั จุบัน

จากความหมายที่กล่าวมาข้างต้นพอสรุปได้ว่า โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ หมายถึง สถานการณ์ที่
ประกอบไปด้วยข้อความและตัวเลขที่ต้องการคำตอบโดยที่ผู้แก้ปัญหาต้องตัดสินใจ เลือกใช้ วิธีการทาง
คณิตศาสตรม์ าใช้ในการแกป้ ัญหาน้ันโดยอาศยั ความรู้ความเขา้ ใจในการอ่าน โจทยแ์ ละความสามารถในการคิด
คำนวณมาประกอบกันจงึ จะสามารถแก้โจทยป์ ัญหาได้ถูกต้อง

ประเภทของโจทย์ปญั หาคณิตศาสตร์
โจทยป์ ัญหาคณติ ศาสตรแ์ บง่ ออกเป็น 2 ประเภท (สุนีย์ เหมะประสิทธ.ิ์ 2533 : 13) คือ
1. โจทยป์ ัญหาปกติ เปน็ โจทยป์ ญั หาในแบบเรยี นทว่ั ไปที่มงุ่ เนน้ การฝึกทกั ษะใดทกั ษะหนงึ่ ซง่ึ มีเฉพาะ
ข้อมลู ทีจ่ ำเปน็ ในการแกป้ ญั หาและมีคำตอบถูกเพียงคำตอบเดยี ว
2. โจทย์ปัญหาไม่ปกติ เป็นโจทย์ปัญหาที่สอดคล้องกับสภาพชีวิตจริงมากกว่าโจทย์ปัญหาปกติ คือมี
ข้อมูลในโจทยม์ าก ทง้ั ข้อมูลที่จำเป็นและไมจ่ ำเปน็ ของโจทย์ปญั หา

หลักการสอนการแกโ้ จทยป์ ญั หาคณติ ศาสตร์
การสอนการแก้โจทย์ปัญหาคณติ ศาสตรจ์ ะให้ได้ผลดคี วรคำนึงถึงหลักสำคัญ 8 ประการดังนี้คือ (น้อม
ศรี เคท. 2541 : 19 – 23)
1. การวิเคราะหโ์ จทยป์ ัญหา ครูควรสอนให้นักเรียนสามารถแยกแยะปญั หาได้วา่ โจทย์ปญั หาแต่ละข้อ
น้ันกำหนดสงิ่ ใดใหบ้ ้าง และโจทยต์ ้องการทราบอะไร สิง่ ท่ีโจทย์กำหนดให้นน้ั มีความสัมพันธก์ นั อย่างไร
2. การเขียนประโยคสัญลักษณ์ เมื่อนักเรียนสามารถวิเคราะห์โจทย์ปัญหาได้แล้ว ขั้นต่อไป
นกั เรยี นควรมีความสามารถในการเขียนประโยคสัญลักษณ์ ประโยคสัญลักษณห์ มายถึง ประโยคที่ใช้สัญลักษณ์
ซึ่งประกอบด้วยตัวเลขและเครื่องหมายแทนข้อความและจำนวนก่อนที่นักเรียนจะเรียนการเขียนประโยค
สัญลักษณ์ นักเรียนควรจะได้เรียนเรื่องการใช้ตัวเลขแทนจำนวน รวมทั้งการใช้เครื่องหมายเท่ากับ มาก กว่า
น้อยกว่า ไม่เท่ากบั บวก ลบ คณู หาร เปน็ ต้น
3. การใช้สื่อการสอน สื่อการสอนเป็นสิ่งจำเป็นที่ครูควรใช้ในการประกอบการสอนการแก้โจทย์
ปัญหาคณิตศาสตร์ การใช้สื่อจะชว่ ยให้นกั เรยี นเข้าใจสงิ่ ที่เปน็ นามธรรมในโจทย์ปญั หามากข้นึ
4. ความสามารถในการอ่าน สาเหตุหนึ่งที่นักเรียนไม่สามารถทำโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ได้คือ
นักเรียนขาดทักษะในการอ่าน เนื่องจากโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ประกอบด้วยข้อความและตัวเลข ดังนั้น
นักเรียนจำเป็นต้องมีทักษะในการอ่าน สามารถเข้าใจความหมายของคำศัพท์ต่าง ๆ และสามารถตีความว่า
โจทย์กำหนดสิ่งใดให้ และตอ้ งการทราบอะไร ซึง่ แตกต่างจากการอ่านโดย ทวั่ ๆ ไป นักเรยี นท่ีมีทักษะในการ

10

อ่านที่ดีจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ได้ดีกว่านักเรียนที่ขาดทักษะในการ
อ่าน ดังนั้น ถ้าครูได้เตรียมพร้อมในเรื่องภาษา โดยเฉพาะเรื่องการอ่านให้แก่นักเรียนก่อนที่จะสอนเรื่องโจทย์
ปัญหา จะช่วยใหน้ กั เรยี นเข้าใจปัญหาไดง้ ่ายขึน้

5. ทักษะในการคำนวณ ในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ นอกจากนักเรียนจะต้องมีความสามารถ
ในการอ่านโจทย์ เขา้ ใจสิง่ ทโี่ จทยก์ ำหนดให้และส่งิ ท่โี จทยต์ ้องการทราบแล้ว นกั เรียนจำเปน็ ตอ้ งมีทักษะในการ
คำนวณอีกด้วย การมีทักษะในการคำนวณคือ การที่นักเรียนสามารถบวก ลบ คูณ และหารได้อย่างถูกต้อง
แมน่ ยำและรวดเร็ว

6. การประมาณคำตอบ ครูควรสอนให้นักเรียนรู้จักการประมาณคำตอบในเรื่องโจทย์ปัญหา
คณิตศาสตร์เชน่ เดียวกบั การสอนคณิตศาสตร์ทัว่ ๆ ไป เพราะการประมาณคำตอบช่วยใหน้ ักเรียนทราบว่าวิธีที่
นักเรียนใช้แก้ปัญหาและการคำนวณถูกหรือผิด โดยเปรียบเทียบคำตอบได้จากการประมาณคำตอบจริงซึ่ง
ใกล้เคียงกัน การประมาณคำตอบเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่ครูควรฝึกให้นักเรียนรู้จักวิธีประมาณคำตอบ การ
ประมาณคำตอบเปน็ การคดิ ในใจดว้ ยจำนวนคร่าว ๆ ทใี่ กลเ้ คยี งกบั จำนวนในโจทย์

7. การใช้วิธีแก้ปัญหาหลายวิธี ในการแก้ปัญหาแต่ละปัญหาบางคนอาจใช้วิธีแก้ต่าง ๆ กันไป
ถึงแมว้ า่ ปัญหาน้นั เหมือนกัน และวิธีการตา่ ง ๆ นน้ั จะนำไปส่คู ำตอบเดยี วกนั การแก้โจทยป์ ัญหาคณิตศาสตร์ก็
เชน่ กัน นักเรยี น 2 คนที่ต้องแกโ้ จทย์ปัญหาข้อเดียวกัน แตอ่ าจใช้คนละวิธีหรือใช้ข้ันตอนต่างกัน แต่ท้ังสองคน
สามารถคดิ ได้คำตอบเดียวกัน

ครูควรสง่ เสริมให้นักเรียนได้คดิ หาวิธีแกป้ ัญหาหลาย ๆ วธิ ี เพราะชว่ ยให้นักเรียนมีความคิดท่ีกว้าง ไม่
ถูกจำกัดว่าจะต้องใช้วิธเี ดียวตามท่ีครูสอน นักเรยี นทไ่ี ดร้ ับการสง่ เสรมิ ใหค้ ิดคน้ หาวธิ ีแก้ปญั หาหลาย ๆ แบบจะ
ไดร้ ับการฝึกให้คดิ มิใชฝ่ ึกใหท้ ำตามตัวอย่าง นกั เรียนท่ีเรยี นคณิตศาสตรแ์ ล้วมีความรู้ความเข้าใจ และสามารถ
นำความรู้ไปใช้ได้จะมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาได้หลายวิธี การสอนให้นักเรียนได้รู้จักวิธีแก้ปัญหา
หลายวิธมี ปี ระโยชน์ในการตรวจคำตอบเพราะโจทยป์ ญั หาเดยี วกนั จะต้องได้คำตอบเท่ากนั

8. การเลือกโจทยป์ ัญหาในการเลอื กโจทยป์ ัญหาเพ่ือนำไปสอนนักเรียน ควรพจิ ารณาถึงสงิ่ ต่อไปนี้
8.1 ควรสอดคล้องกับเรื่องที่กำลังเรียน เพื่อนักเรียนจะได้พัฒนาความสามารถทางคณิตศาสตร์

ในเร่ืองนัน้ ๆ
8.2 สถานการณ์ในโจทย์ปัญหาควรเป็นเรื่องที่สามารถใช้สื่อเป็นของจริงหรือของจำลอง

ประกอบการสอนได้
8.3 เนื้อเรื่องในโจทย์ปัญหาควรเป็นเรื่องที่นักเรียนสนใจ และเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของ

นกั เรียน
8.4 ภาษาทใี่ ชค้ วรเหมาะสมกบั วยั ของนักเรียน และไมค่ วรใชค้ ำฟมุ่ เฟือย

11

งานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง

งานวจิ ยั ในประเทศ
สุดารัช เสนาะสำเนียง (2542 : บทคัดย่อ) ได้ทำการวิจัยเรื่อง การใช้ชุดเสริมทักษะการแก้โจทย์
ปัญหาคณติ ศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 โดยมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อสร้างและใชช้ ุดเสริมทักษะการ
แก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาที่มี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ และเปรียนเทียบทักษะการแก้โจทย์ปัญหาของนักเรียนก่อนใช้และหลังใช้ชุดเสริม
ทักษะ ผลการศึกษาวิจัยพบว่า คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนหลังใช้ชุดเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาสูงกว่า
คะแนนก่อนใช้ชุดเสรมิ ทกั ษะอยา่ งมนี ัยสำคญั ทีร่ ะดบั .01
สุจินดา พุทธานุ (2542 : บทคัดย่อ) ได้ทำการวิจัยเรื่องการสร้างชุดการสอนเพื่อฝึกทักษะการแก้
โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพ
ของชุดการสอนเพื่อฝึกทักษะการแก้โจทย์ปัญหาทางคณิตศาสตร์ตามเกณฑ์ 80/80 ทดลองกับนักเรียนช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2541 โรงเรียนอู่ตะเภา (ตะเภาแก้ววิทยาคาร)สังกัดสำนักงาน
การประถมศึกษาอำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จำนวน 45 คน ปรากฏว่า ชุดการสอนเพื่อฝึกทักษะการแก้โจทย์
ปญั หาคณติ ศาสตร์มปี ระสทิ ธภิ าพ 83.33/81.22 ซง่ึ เปน็ ไปตามเกณฑ์ 80/80 ทต่ี ้ังไว้
เรไร ใหมว่ ัน (2544 : บทคดั ยอ่ ) ไดท้ ำการวิจัยเรือ่ งการใชช้ ุดการสอนคณิตศาสตร์ เพื่อพัฒนาทักษะ
การแกโ้ จทย์ปัญหา ของนักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 5 ผลการศึกษาพบว่า หลงั ใชช้ ดุ การสอนวิชาคณิตศาสตร์
เร่ืองการแก้โจทย์ปัญหา นักเรียนสามารถผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 65 ได้มากกว่าก่อนการใช้ชุดการสอน ร้อยละ
80.95 และนกั เรียนทุคนมคี ะแนนทดสอบหลังการใชช้ ุดการสอนสูงกวา่ คะแนนก่อนการใชช้ ุดการสอนทุกคน
นภาพร พรมแดง (2547 : บทคดั ย่อ ) ไดศ้ ึกษาค้นคว้าการพฒั นาแบบฝกึ ทักษะการแกโ้ จทย์ปัญหา
ระคน วิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านกุดหูลิง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2446 ผล
การศึกษาค้นคว้าพบว่า 1) แบบฝึกทักษะการแก้โจทย์ปญั หาระคน วิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มี
ประสทิ ธภิ าพ 89.80/77.60 และมดี ชั นปี ระสทิ ธผิ ลเท่ากบั 0.44 2) ความสามารถในการแก้โจทย์ปญั หาระคน
ของนักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 3 ท่เี รียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการแกโ้ จทยป์ ัญหาระคน หลังเรียนเพิ่มข้ึนจาก
ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) นักรียนที่เรียนโดยการใช้แบบฝึกทักษะโจทย์ปัญหาระคน
วชิ าคณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 3 มคี วามพงึ พอใจในการเรียนอยูใ่ นระดับมากทส่ี ดุ
อารีย์ ปานถม (2550 : บทคัดย่อ) ได้ทำการวิจัยเรื่องการเปรยี บเทียบผลการเรียนรู้กลุม่ สาระการ
เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 2 เรือ่ งโจทย์ปัญหาระคนโดยวัฎจักรการเรยี นรู้ 5E กบั การเรียนรู้ปกติ
โดยใช้ทดลองกับนกั เรียนช้ันประถมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรียนสวา่ งอารมณ์ จงั หวดั ลพบุรี ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา
2549 ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องโจทย์ปัญหาระคน
ของนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีท่ี 2 กลุ่มที่ใช้วัฎจักรการเรียนรู้ 5E สงู กวา่ กลุ่มการเรียนรู้ปกติอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติที่ระดับ .05 2) เจตคติต่อกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องโจทย์ปัญหาระคน ของนักเรียนชั้น

12

ประถมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มที่ใช้วัฎจักรการเรียนรู้ 5E สูงกว่า กลุ่มการเรียนรู้ปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติท่ี
ระดับ .05

จากการศึกษาเอกสารและผลการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์และการสอนการ
แก้ปัญหาทางคณศิ าสตร์ พอสรุปได้ว่า แบบฝึกทักษะ และรูปแบบการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ทพี่ ัฒนาขึน้ มปี ระสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ และตามเกณฑ์ทก่ี ำหนดไว้ เก่ยี วกบั พฤติกรรมหรอื ความพึงพอใจของ
ผ้เู รียนที่เรียนดว้ ยชุดกิจกรรมนัน้ ผู้เรยี นใหค้ วามสนใจ กระตือรือร้นทจี่ ะเรียน มที ศั นคติท่ีดีต่อการเรียนรู้กลุ่ม
สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์สงู กวา่ นกั เรยี นทีเ่ รียนดว้ ยวิธีสอนปกติหรือการสอนแบบบรรยาย

13

บทท่ี 3

วิธีดำเนนิ การวิจยั

การวิจัย เร่อื งการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณติ ศาสตร์ เรอื่ งการบวกและการลบจำนวนทม่ี ีผลลัพธ์และ
ตัวต้ังไมเ่ กนิ 100 กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 ผู้วิจัยกำหนดวิธีการ
ดำเนินการวิจยั ตามหัวข้อตอ่ ไปนี้

1. ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง
2. เครอื่ งมือที่ใช้ในการวิจัย
3. การพฒั นาเคร่ืองมือและการหาประสิทธภิ าพ
4. วิธีดำเนินการวิจัย
5. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู
6. สถติ ทิ ่ใี ช้ในการวิเคราะหข์ ้อมูล

ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง
ประชากร

ประชากรที่จะใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนธิดาแม่พระ
ตำบลตลาด อำเภอเมอื ง จังหวดั สุราษฎรธ์ านี ท่ีกำลงั ศึกษาอยู่ในภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 จำนวน 12
หอ้ งเรยี น มีนักเรียนจำนวน 477 คน

กลมุ่ ตวั อยา่ ง
กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ห้อง 3 โรงเรียนธิดาแม่พระ ตำบลตลาด อำเภอ
เมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน
นกั เรียน 44 คน ไดม้ าโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)

เคร่ืองมอื ทใ่ี ชใ้ นการวิจัย
การวิจัยในครง้ั นีผ้ วู้ จิ ยั ไดก้ ำหนดเคร่อื งมอื ในการวจิ ัย ดงั นี้
1. การพฒั นาแบบฝึกทักษะคณติ ศาสตร์ เรื่องการบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน

100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ สำหรับนักเรยี นชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 จำนวน 6 แบบฝึกดังน้ี
แบบฝึกท่ี 1 เรอื่ ง การบวกจำนวนทมี่ ีผลบวกไมเ่ กนิ 100
แบบฝกึ ท่ี 2 เร่อื ง โจทย์ปญั หาการบวกทมี่ ีผลบวกไมเ่ กนิ 100
แบบฝกึ ท่ี 3 เรอ่ื ง การสร้างโจทย์ปญั หาการบวก
แบบฝกึ ที่ 4 เรอ่ื ง การลบจำนวนท่ีมีตวั ตงั้ ไมเ่ กิน100
แบบฝึกที่ 5 เร่ือง โจทย์ปญั หาการลบจำนวนท่มี ีตัวตง้ั ไม่เกนิ 100
แบบฝึกท่ี 6 เรอ่ื ง การสร้างโจทย์ปญั หาการลบ

14

2. แผนการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธแ์ ละตัวต้ังไม่เกิน 100 กลุ่ม
สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1 จำนวน 6 แผนการจัดการเรยี นรู้ ดังนี้

แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 1 การบวกจำนวนทีม่ ีผลบวกไมเ่ กนิ 100
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 โจทย์ปญั หาการบวกทีม่ ีผลบวกไม่เกนิ 100
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 การสร้างโจทยป์ ญั หาการบวก
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 การลบจำนวนท่ีมีตัวตงั้ ไมเ่ กนิ 100
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 5 โจทย์ปญั หาการลบจำนวนท่ีมตี วั ตั้งไมเ่ กิน100
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 การสร้างโจทย์ปญั หาการลบ
3. แบบทดสอบทา้ ยแบบฝึกทักษะ จำนวน 6 ชุด เป็นแบบปรนยั ชนิดเลอื กตอบ 3 ตัวเลอื ก
4. แบบทดสอบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรื่องการบวกและการลบจำนวนท่ีมีผลลัพธ์และตัวต้ังไม่
เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 20 ข้อ เป็นแบบ
ปรนยั ชนิดเลอื กตอบ 3 ตวั เลือก

การพฒั นาเคร่อื งมือและการหาคณุ ภาพ
ผูว้ จิ ยั กำหนดขน้ั ตอนการพัฒนาเครอ่ื งมอื และการหาประสทิ ธภิ าพของเครื่องมือ ดังน้ี
1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100

กลมุ่ สาระการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 1
2. แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการบวกและการลบจำนวนที่มีผลลพั ธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100 กลุ่ม

สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 6 แผน ประกอบไปด้วย แผนการ
จัดการเรียนรู้ เฉลยแบบทดสอบ เกณฑ์การให้คะแนน แบบฝึกทกั ษะคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกและการลบ
จำนวนที่มีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา
ปีท1ี่ ผวู้ ิจยั ไดด้ ำเนินการสรา้ ง มีข้ันตอนดังน้ี

3. แบบทดสอบ แบบฝกึ ทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกและการลบจำนวนท่ีมผี ลลัพธ์และตัวตั้ง
ไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 6 ชุด
คะแนนเต็มชดุ ละ 10 คะแนน

4. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์และตัว
ตั้งไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีลักษณะข้อสอบ
เป็นปรนยั ชนิด 3 ตวั เลือก จำนวน 20 ขอ้ คะแนนเต็ม 20 คะแนน

15

การดำเนนิ การทดลอง
การวจิ ยั คร้งั นี้เป็นการวิจยั เชิงทดลอง(Experimental Research) กลมุ่ เดยี วทดสอบก่อนหลัง (One

Group Pretest – Posttest Design) ลักษณะของแบบแผนการทดลองกลุ่มเดียวทดสอบก่อน-หลัง แสดงได้
ตามสัญลกั ษณด์ งั น้ี (ราตรี นันทสุคนธ์. 2553 : 184-185)

Gr O1 T O2

Gr : แทน กลุ่มทดลอง
O1 : แทน ทดสอบวดั ก่อนใช้ชุดกิจกรรม
T : แทน การทดลองใช้ชดุ กิจกรรม
O2 : แทน ทดสอบวดั หลงั ใช้ชุดกจิ กรรม

การวเิ คราะห์ขอ้ มลู
รวบรวมข้อมูลจากขั้นตอนการสร้างการพัฒนาเครื่องมือ ตลอดจนขั้นตอนการดำเนินการทดลองใช้

ชุดกจิ กรรม ผวู้ จิ ัยกำหนดสถิตเิ พ่อื การวเิ คราะหข์ ้อมลู ดงั นี้
1. สถติ หิ าคณุ ภาพของเครื่องมือ ได้แก่
1.1 ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) เพื่อตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหากรอบเนื้อหากิจกรรม

แผนการจดั การเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นและแบบประเมินพฤติกรรมการแก้โจทย์ปัญหา
คณิตศาสตร์อยา่ งสร้างสรรค์ ตลอดจนชดุ กิจกรรม

1.2 ค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนกและค่าความเชื่อมั่น (KR – 20) เพื่อตรวจสอบคุณภาพ
ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน

2. สถิตหิ าคณุ ภาพวตั กรรม ไดแ้ ก่
2.1 ค่าประสทิ ธิภาพของชดุ กจิ กรรม (E1/ E2)
2.2 ดชั นปี ระสทิ ธผิ ลของชดุ กจิ กรรม (E.I.)

3. สถติ พิ น้ื ฐาน ได้แก่
3.1 ค่าร้อยละค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงแบนมาตรฐาน เพื่ออธิบายคะแนนของนักเรียนจากการทำ

แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน แบบทดสอบก่อนและหลงั เรยี น
3.2 ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงแบนมาตรฐานเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์

เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1โดยกำหนดเกณฑ์การ
พจิ ารณาคะแนนเปน็ 4ระดบั และกำหนดเกณฑ์การใหค้ ะแนนแต่ละระดับดงั นี้ (อาพันธ์ชนิต เจนจติ .2546 :7 )

16

0 : ตอ้ งแกไ้ ข 1 : พอใช้ 2 : ดี 3 : ดีมาก
ในการแปลความหมายของคา่ เฉลย่ี พฤตกิ รรมการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ให้เกณฑด์ ังนี้
0.00 - 0.49 ต้องแก้ไข
0.50 - 1.49 พอใช้
1.50 – 2.49 ดี
2.50 – 3.00 ดมี าก
คา่ เฉล่ียต้งั แต่ 1.5 ขึ้นไป ถือว่ามพี ฤติกรรมการแก้โจทย์ปญั หาคณิตศาสตร์ อย่ใู นระดบั ดขี ้ึนไป
4. สถิติอ้างอิงเพื่อทดสอบสมมุติฐานสำหรับการวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยประมวลผลข้อมูลโดยใช้โปรแกรม
คอมพิวเตอร์ (SPSS for Windows)

สถติ ิทใี่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล
สถิตทิ ี่ใช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ในการวจิ ยั คร้งั น้ี ประกอบดว้ ย
1. ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) โดยอาศัยข้อมูลจาการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ กำหนดคะแนน

ความสอดคลอ้ งตามจดุ ประสงคท์ ตี่ อ้ งการ ดงั นี้
+ 1 หมายถงึ ไม่แน่ใจวา่ ข้อสอบ/คำถามน้ันตรงตามจะประสงค์ท่ีตอ้ งการ
0 หมายถงึ ไมแ่ นใ่ จว่าข้อสอบ/คำถามนนั้ ตรงตามจะประสงคท์ ี่ตอ้ งการ
- 1 หมายถึง ขอ้ สอบ/คำถามนั้นไมเ่ หมาะสมตามจุดประสงค์ที่ตอ้ งการ

คำนวณคา่ ดัชนคี วามสอดคลอ้ ง (IOC) โดยใชส้ ตู ร (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. 2545 : 65) ดังนี้

IOC= R
n

เมอ่ื  R คอื ผลรวมของคะแนนความคดิ เห็นจากผ้เู ช่ียวชาญ

n คือ จำนวนผู้เช่ียวชาญ
ค่าดัชนีความสอดคลอ้ งท่ียอมรบั ได้ ตอ้ งมคี ่า ต้ังแต่ 0.50 ข้ึนไป
หากกำหนดคะแนนความเหมาะสมตามจดุ ประสงค์ทต่ี ้องการ ดังน้ี
5 หมายถึงข้อสอบ/คำถาม เหมาะสมตามจดุ ประสงค์ มากที่สุด
4 หมายถึงขอ้ สอบ/คำถาม เหมาะสมตามจดุ ประสงค์ มาก
3 หมายถงึ ข้อสอบ/คำถาม เหมาะสมตามจุดประสงค์ ปานกลาง
2 หมายถงึ ข้อสอบ/คำถาม เหมาะสมตามจดุ ประสงค์ น้อย
1 หมายถึงขอ้ สอบ/คำถาม เหมาะสมตามจุดประสงค์ น้อยท่ีสุด
กำหนดคา่ ดัชนคี วามสอดคล้องท่ียอมรับได้ต้องมีคา่ ตั้งแต่ 3.50 ข้นึ ไป

17

2. คำนวณคา่ ความยากงา่ ย โดยใช้สูตร (กระทรวงศึกษาธกิ าร.2545:66) ดงั นี้

P= R

n

เมื่อ P คอื ดัชนีความยากของขอ้ สอบ
R คอื จำนวนนกั เรยี นท่ตี อบข้อสอบได้ถกู ตอ้ ง
n คือ จำนวนนักเรียนท่ีตอบข้อสอบทั้งหมด
เกณฑ์ความยากง่ายที่ยอมรับได้มีค่าอยู่ระหว่าง 0.20 – 0.80 ถ้ามีค่านอกเหนือจากเกณฑ์ที่

กำหนด ตอ้ งปรบั ปรงุ ข้อสอบหรอื ตดั ทงิ้

3. การคำนวณค่าอำนาจจำแนกเป็นการดูความเหมาะสมของข้อสอบเป็นรายข้อว่าสามารถจำแนก

กลุ่มเก่งกลมุ่ ออ่ นไดโ้ ดยใช้สูตร (กระทรวงศึกษาธกิ าร. 2545 : 68) ดังน้ี

r = Ru −RL
เมอ่ื r
n

คือ ค่าอำนาจจำแนก

Ru คือ จำนวนนกั เรยี นในกลมุ่ เก่งทีต่ อบถกู
RL คือ จำนวนนักเรยี นในกลมุ่ อ่อนทีต่ อบถูก
n คือ จำนวนนกั เรยี นในกลุ่มเก่งหรอื กลุ่มอ่อน

โดยที่นักเรียนในกลุ่มเก่งและกลุ่มอ่อนจะใช้ประมาณร้อยละ 25 ของนักเรียนทั้งหมด เกณฑ์อำนาจ

จำแนกที่ยอมรับไดม้ ีค่าตัง้ แต่ 0.20 ตอ้ งปรับปรงุ ข้อสอบหรอื ตดั ท้งิ

4. การคำนวณค่าความเชื่อมนั่ ของข้อสอบ สามารถคำนวณหาค่าความเชอื่ มั่นได้จากการตรวจข้อสอบ

ตอบถูกให้คะแนนเท่ากับ 1 หากตอบผิดให้คะแนนเท่ากับ 0 แล้วใช้สูตร การคำนวณของ Kuder –

Richardson – 20 (KR-20) (ศริ ชิ ัย พงษ์วิชยั . 2543 : 126-127) ดงั นี้

ru = nn 1 − piqi 
−  
1 σ 2
x

เมอ่ื ru คือ คา่ ความเชือ่ ม่ัน

n คือ จำนวนขอ้ ของแบบทดสอบ

pi คือ สดั สว่ นของผ้ทู ีต่ อบขอ้ สอบให้ถูกต้อง

qi คอื สดั สว่ นของผ้ทู ีต่ อบขอ้ สอบผดิ (qi = 1 – pi)

 2 คือ ความแปรปรวนของคะแนนทงั้ หมด
x

18

โดยท่ี

 2 = n x 2 − ( x)2
x n(n −1)

เมือ่ n คือ จำนวนนักเรยี น

 X 2 คอื ผลรวมคะแนนของนกั เรยี นแต่ละคนยกกำลังสอง

( X )2 คือ กำลงั สองของผลรวมของคะแนนท่ีนักเรียนทกุ คนได้

เกณฑ์ความเช่ือม่นั ที่ยอมรับได้มีคา่ ตงั้ แต่ 0.75 ขนึ้ ไป

5. การคำนวณคา่ ประสทิ ธิภาพของชดุ กิจกรรม โดยใช้สูตร

สูตร 1  X 100
N
E1 = A

เมือ่ E1 แทน ประสทิ ธภิ าพของกระบวนการ

 X แทน ผลรวมของคะแนนท่ีได้จากการวัดระหวา่ งเรยี น

N แทน จำนวนนกั เรียน

A แทน คะแนนเตม็ ของจากการวัดระหว่างเรยี น

สูตร 2  Y 100
N
E2= B

เม่ือ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ ได้จากคะแนนเฉลี่ยของการทำ
แบบทดสอบหลงั เรียนของผู้เรียนทงั้ หมด

 Y แทน ผลรวมของคะแนนทไี่ ดจ้ ากการทดสอบหลังเรียน

B แทน คะแนนเต็มของการสอบหลังเรียน

N แทน จำนวนนักเรียน

นัน่ คือ
E1/E2 = ประสิทธิภาพของกระบวนการ / ประสทิ ธิภาพของผลลพั ธ์
กำหนดเกณฑ์มาตรฐานที่ยอมรับว่านวัตกรรมประสิทธิภาพด้านความรู้ หรือความจำ E1/E2
มคี ่าเท่ากับ 80/80 ส่วนดา้ นทักษะปฏิบัตินน้ั E1/E2 มีค่าเทา่ กบั 70/70 โดยท่ีคา่ E1/E2 ต้องไม่ต่างกันเกินกว่า
ร้อยละ 5 (กระทรวงศึกษาธิการ. 2545 : 63 - 64)

19

6. คำนวณคา่ ดัชนปี ระสิทธผิ ลของชุดกจิ กรรม โดยใชส้ ตู ร

ดัชนปี ระสิทธิผล = รอ้ ยละของคะแนนเฉลย่ี หลงั เรียน - ร้อยละของคะแนนเฉล่ียกอ่ นเรยี น
ร้อยละของคะแนนเตม็ - รอ้ ยละของคะแนนเฉล่ียกอ่ นเรียน

เกณฑ์ทยี่ อมรบั ไดว้ า่ สื่อนวัตกรรมมีประสิทธผิ ลช่วยใหผ้ เู้ รียนเกิดประสบการณ์การเรียนรู้ได้จริง คือ

มีคา่ ตั้งแต่ 0.50 ขึน้ ไป (กระทรวงศกึ ษาธิการ. 2545 : 64)

7. การคำนวณคา่ เฉล่ยี โดยใชส้ ตู ร (ศิรชิ ยั พงษว์ ชิ ัย. 2543 : 72) ดงั น้ี

X= x

n

เม่ือ X คอื คา่ เฉลย่ี

 X คือ คะแนนรวมของนักเรยี นทั้งหมด

n คือ จำนวนนักเรียนทงั้ หมด

8. การคำนวณคา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใชส้ ตู ร (ศริ ิชยั พงษ์วิชัย. 2543 : 79) ดงั นี้

S.D. =  (Xi − X)2

n −1

เมื่อ S.D. คอื คา่ เบี่ยงเบนมาตรฐาน
X คอื คา่ เฉลีย่
Xi คอื คะแนนของนักเรยี นคนที่ i
n คือ จำนวนนกั เรียน

9. การคำนวณค่า t - test (Dependent Sample) หรือ Paired t – test โดยใช้สูตร (ล้วน ลายยศ

และอังคณา สายยศ. 2540 : 248)

t= D
n D2 − ( D)2

n −1

เมื่อ t คอื เปรียบเทียบคา่ เฉล่ียระหวา่ งกลุ่มทม่ี ีความสัมพนั ธ์กนั
n คอื จำนวนนักเรยี น
ผลรวมของค่าเฉลี่ยท่แี ตกตา่ งกนั ในแต่ละคู่
 D คอื
 D2 คือ ผลรวมของค่าเฉลี่ยท่แี ตกต่างกนั ในแต่ละคยู่ กกำลงั สอง

20

บทท่ี 4
ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู

การวิเคราะห์ข้อมูลแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องการบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์และตัว
ตง้ั ไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 ผู้วิจัยได้นำเสนอข้อมูล
ตามลำดบั ขนั้ ตอน ดงั น้ี

1. สญั ลักษณท์ ีใ่ ช้ในการนำเสนอผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล
2. ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู

2.1 ผลการสรา้ งและพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เร่ืองการบวกและการลบจำนวนท่มี ี
ผลลพั ธแ์ ละตัวต้ังไมเ่ กิน 100 กลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 1

2.2 ผลการเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการเรยี นรโู้ ดยใช้
แบบฝกึ ทักษะคณติ ศาสตร์ เรอื่ งการบวกและการลบจำนวนที่มีผลลพั ธแ์ ละตัวตัง้ ไม่เกิน 100 กลุม่ สาระการ
เรียนรคู้ ณิตศาสตร์ สำหรับนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1

สญั ลักษณ์ทใ่ี ชใ้ นการนำเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู
ในการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ ผู้วิจัยได้กำหนดสัญลักษณ์และอักษรย่อต่าง ๆ ที่ใช้ในการแสดงผลการ

วเิ คราะหข์ ้อมูล ดงั น้ี
N แทน จำนวนนักเรยี น
X แทน คา่ เฉล่ีย (Mean)
S.D. แทน ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
t แทน สถิตทิ ดสอบที (t-test)

ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล
ตอนที่ 1 ผลการสร้างและแบบฝกึ ทักษะคณติ ศาสตร์ เรอื่ งการบวกและการลบจำนวนทีม่ ีผลลัพธ์

และตวั ต้ังไมเ่ กนิ 100 กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณิตศาสตร์ สำหรับนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 1
1.1 ผลการการสรา้ งและพัฒนาแบบฝกึ ทักษะคณิตศาสตร์ เรอื่ งการบวกและการลบจำนวนท่ีมี

ผลลพั ธแ์ ละตวั ตง้ั ไม่เกิน 100 กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรบั นักเรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1
จำนวน 6 แบบฝกึ ไดแ้ ก่

แบบฝกึ ท่ี 1 เรอ่ื ง การบวกจำนวนทม่ี ีผลบวกไม่เกิน 100
แบบฝกึ ที่ 2 เรื่อง โจทยป์ ญั หาการบวกทีม่ ีผลบวกไมเ่ กิน 100
แบบฝกึ ท่ี 3 เรอ่ื ง การสรา้ งโจทย์ปญั หาการบวก

21

แบบฝกึ ท่ี 4 เรอื่ ง การลบจำนวนท่ีมีตัวต้ังไม่เกิน100
แบบฝึกท่ี 5 เรอ่ื ง โจทย์ปญั หาการลบจำนวนทีม่ ตี วั ต้งั ไมเ่ กนิ 100
แบบฝึกที่ 6 เรอื่ ง การสร้างโจทยป์ ัญหาการลบ
ผู้วิจัยสรา้ งขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ตลอดจน
เป็นสื่อเสริมในการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ และช่วยให้การเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ประสบ
ผลสำเรจ็ มปี ระสทิ ธิภาพและบรรลตุ ามหลักสตู รการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐานพุทธศักราช 2551
แบบฝึกทกั ษะคณติ ศาสตร์ เร่ืองการบวกและการลบจำนวนที่มีผลลพั ธ์และตวั ตงั้ ไมเ่ กิน 100
กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนกั เรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1 จะประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้
แบบทดสอบแบบฝึกจำนวน 6 แบบฝกึ แบบทดสอบผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น

ตารางท่ี 1.1 ผลการหาค่าประสิทธภิ าพของแบบฝึกทักษะคณติ ศาสตร์ เรอื่ งการบวกและการลบจำนวน

ทีม่ ผี ลลัพธแ์ ละตัวต้ังไมเ่ กิน 100 กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 1

เปรยี บเทยี บ เกณฑ์ 80/80

แบบฝึกทักษะ คะแนนระหวา่ งการใช้แบบฝึกทกั ษะ คะแนนจากแบบทดสอบ

เตม็ คา่ เฉลย่ี S.D. รอ้ ยละของ เตม็ คา่ เฉลีย่ S.D. ร้อยละของ
คะแนนเฉล่ยี คะแนนเฉล่ีย

แบบฝึกที่ 1 10 9.82 2.42 98.20

แบบฝกึ ท่ี 2 10 9.64 0.48 96.40

แบบฝกึ ท่ี 3 10 9.59 2.42 95.90

แบบฝกึ ที่ 4 10 9.73 0.48 97.30

แบบฝกึ ที่ 5 10 9.55 1.32 95.50

แบบฝกึ ที่ 6 10 9.50 1.76 95.00 20 16.82 0.95 84.09

รวม 60 57.83 1.15 96.38 20 16.82 0.95 84.09

จากตารางท่ี 1.1 การพัฒนาแบบฝกึ ทกั ษะคณิตศาสตร์ เรอื่ งการบวกและการลบจำนวนทีม่ ผี ลลัพธ์
และตัวตั้งไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 รวมเท่ากับ
96.38/84.09ดังนั้นชุดฝึกทักษะแต่ละชุดมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ซึ่งเป็นไปตาม
สมมตฐิ านทตี่ ง้ั ไว้

ผลการตรวจสอบหาประสิทธผิ ลของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรอื่ งการบวกและการลบจำนวน
ทมี่ ผี ลลัพธ์และตัวตั้งไมเ่ กิน 100 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปที ่ี 1 ซ่ึงได้
จากการให้ผู้เรียนทำแบบฝึกหัดก่อนเรียนและหลังเรียน แล้วนำคะแนนที่ได้ไปหาค่าประสิทธิผล ปรากฏผล
ดงั ตารางท่ี 1.2

22

ตารางที่ 1.2 ผลการหาค่าประสทิ ธิผลของชดุ ฝึกทักษะ เรอ่ื ง การแกโ้ จทย์ปัญหา
กล่มุ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ สำหรับนกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 1

แบบฝึก คะแนนเตม็ รวม ผลรวมคะแนนก่อนเรียน ผลรวมคะแนนหลังเรียน E.I.
ทักษะ
แบบฝกึ ที่ 1 440 359 432 0.73
แบบฝึกที่ 2 440 352 424 0.72
แบบฝึกท่ี 3 440 345 422 0.77
แบบฝึกท่ี 4 440 354 428 0.74
แบบฝึกที่ 5 440 348 420 0.72
แบบฝึกที่ 6 440 347 418 0.71

จากตารางท่ี 1.2 จะเหน็ วา่ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรอื่ งการบวกและการลบจำนวนท่ีมีผลลัพธ์
และตวั ต้งั ไมเ่ กิน 100 กลมุ่ สาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 1
จำนวน 6 แบบฝึก มีค่าเป็น 0.73 , 0.72, 0.77, 0.74,0.72 และ 0.71 ตามลำดับ ซึ่งได้ผลตามเกณฑ์
ประสิทธผิ ลท่ตี งั้ ไว้ท่มี ีคา่ ดัชนปี ระสิทธิผลมากกวา่ 0.50 ซง่ึ เป็นไปตามสมมตฐิ านทตี่ งั้ ไว้

ตอนที่ 2 ผลการเปรียบเทยี บผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของนกั เรียนก่อนและหลงั การเรียนรโู้ ดยใช้
แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรอ่ื งการบวกและการลบจำนวนท่ีมีผลลัพธ์และตัวต้ังไม่เกนิ 100 กล่มุ สาระการ
เรียนร้คู ณติ ศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1

ผู้วิจัยได้ใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียน ซึ่งเป็นแบบทดสอบที่ผู้วิจัยไดส้ ร้างขึ้น
จำนวน 20 ข้อ ใช้วิธีทดสอบกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 ห้อง 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
โรงเรียนธิดาแม่พระจำนวน 44 คน โดยนำไปทดสอบก่อนทำการสอนและหลังการสอน และนำผลมา
วเิ คราะหข์ อ้ มลู โดยการหาค่า t-test ด้วยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์สำเร็จรปู ปรากฏผลดังตารางท่ี 1.3

ตารางที่ 1.3 แสดงการเปรียบเทยี บความแตกต่างระหว่างคะแนนทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียนของ
นกั เรียนทเี่ รียนด้วยการพัฒนาแบบฝกึ ทักษะคณติ ศาสตร์ เรื่องการบวกและการลบจำนวนทม่ี ผี ลลัพธ์และ
ตวั ตง้ั ไม่เกนิ 100 กลุ่มสาระการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปที ี่ 1

ผลสมั ฤทธ์ิ N X S.D. t Sig
ทางการเรียน
กอ่ นเรียน 44 16.82 2.128 -14.119 .000**
หลังเรยี น 44 19.14 2.194
**p< .05

23

จากตารางท่ี 1.3 พบวา่ นกั เรยี นท่เี รียนดว้ ยการพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรือ่ งการบวกและ
การลบจำนวนที่มีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเ รียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 1 มีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสงู กว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทีร่ ะดับ .05 ซึ่งเป็นไป
ตามสมมติฐานทตี่ ้ังไว้

24

บทที่ 5

สรุปผล อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ

การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เร่อื งการบวกและการลบจำนวนท่ีมผี ลลัพธแ์ ละตัวต้งั ไมเ่ กนิ
100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ในครง้ั นี้ ผูว้ ิจยั นำเสนอสรปุ
ผลการวจิ ยั การอภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะตามลำดบั ดังน้ี

วัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย
1. เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์ และตัวตั้งไม่
เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตาม
เกณฑ์ 80/80
2. เพอื่ เปรียบเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 ระหว่าง
กอ่ นเรียนและหลังเรยี น เรอ่ื ง การบวกและการลบจำนวนท่ีผลลัพธแ์ ละตวั ต้งั ไมเ่ กิน 100 กล่มุ สาระการ
เรียนร้คู ณติ ศาสตร์ สำหรับนักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 1

สมมติฐานการวิจัย
1. แบบฝกึ ทักษะคณติ ศาสตร์ เรอ่ื ง การบวกและการลบจำนวนที่ผลลพั ธแ์ ละตัวตัง้ ไมเ่ กิน 100
กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนกั เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2. นักเรยี นทเี่ รยี นดว้ ยแบบฝกึ ทกั ษะคณิตศาสตร์ เรือ่ ง การบวกและการลบจำนวนที่ผลลพั ธแ์ ละตวั
ตง้ั ไม่เกนิ 100 กลมุ่ สาระการเรียนร้คู ณติ ศาสตร์ สำหรับนักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 1 มคี ะแนนเฉลย่ี หลงั
เรยี นสงู ขนึ้ กวา่ ก่อนเรยี น

วธิ ีดำเนนิ การวิจยั
ประชากร
ประชากรท่ีจะใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนธิดาแม่พระ

ตำบลตลาด อำเภอเมอื ง จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี ท่กี ำลงั ศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 จำนวน 12
ห้องเรยี น มนี กั เรยี นจำนวน 477 คน

กล่มุ ตวั อย่าง
กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ห้อง 3 โรงเรียนธิดาแม่พระ ตำบลตลาด อำเภอ
เมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวน
นกั เรียน 44 คน ไดม้ าโดยการเลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling)

25

เคร่ืองมือท่ใี ชใ้ นการรวบรวมขอ้ มูล
เครือ่ งมือทีใ่ ชใ้ นการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ประกอบด้วย
1. แบบฝกึ ทักษะคณติ ศาสตร์ เรอื่ ง การบวกและการลบจำนวนท่ีผลลพั ธ์และตวั ตง้ั ไมเ่ กิน 100

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 จำนวน 6 แบบฝึก ได้แก่
แบบฝกึ ที่ 1 เรื่อง การบวกจำนวนทม่ี ีผลบวกไม่เกิน 100
แบบฝกึ ท่ี 2 เรือ่ ง โจทยป์ ญั หาการบวกทีม่ ผี ลบวกไม่เกิน 100
แบบฝึกท่ี 3 เรื่อง การสร้างโจทยป์ ญั หาการบวก
แบบฝกึ ที่ 4 เรอื่ ง การลบจำนวนท่ีมตี ัวตั้งไม่เกิน100
แบบฝึกที่ 5 เรื่อง โจทยป์ ัญหาการลบจำนวนทมี่ ีตวั ต้งั ไม่เกนิ 100
แบบฝึกที่ 6 เรื่อง การสรา้ งโจทยป์ ญั หาการลบ

2. แบบทดสอบ 6 แบบฝึก แบบฝึกทักษะละ 10 คะแนน มีความถูกต้อง และความตรงเชิง
เนื้อหา โดยการตรวจสอบจากผู้เชย่ี วชาญ

3. แบบทดสอบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรอื่ งการบวกและการลบจำนวนที่ผลลัพธ์และตัวต้ังไม่เกิน
100 ที่ผู้วจิ ัยสร้างขึน้ จำนวน 20 ขอ้ เปน็ แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก มีค่าอำนาจจำแนก (r) ตั้งแต่
.20 ข้นึ ไป และคา่ ความยากงา่ ย (p) ระหวา่ ง .20-.80 ไดค้ ่าความเชอื่ มน่ั 0.90

การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
การวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ตั้งแต่ 31 มกราคม

พ.ศ. 2564 ถึง 11 กุมภาพันธ์ 2565 โดยมีข้ันตอนดังน้ี
1. ปฐมนิเทศให้นักเรียนมีความเข้าใจถึงการเรียนด้วย แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก

และการลบจำนวนทีผ่ ลลัพธ์และตวั ต้ังไม่เกิน 100 กล่มุ กลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนช้ัน
ประถมศกึ ษาปีที่ 1

2. ทำการทดสอบก่อนเรียนกับผู้เรียน คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ห้อง 3 โรงเรียน
ธดิ าแม่พระ จำนวน 44 คน

3. นักเรียนเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่ผลลัพธ์และ
ตัวตงั้ ไม่เกนิ 100 กลมุ่ กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ สำหรบั นักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 1
โดยผู้วิจัยได้ทำการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ จนครบทั้ง 6 ชุด ใช้เวลา
ทงั้ หมด 10 ชั่วโมง โดยเรม่ิ จากทำแบบทดสอบก่อนเรียน ศกึ ษาเนื้อหา ทำแบบทดสอบระหว่างเรียนและทำ
แบบทดสอบหลงั เรียนแต่ละชุดเมอ่ื ศึกษาครบทั้ง 6 แบบฝึกทกั ษะ นกั เรยี นทำแบบทดสอบของแบบฝกึ ทกั ษะ

4. นำคะแนนท่ีได้จากการทดสอบกอ่ นเรยี นและหลังเรยี น มาตรวจและวเิ คราะห์ข้อมูล

26

การวเิ คราะห์ขอ้ มูล
การวิเคราะห์ขอ้ มูลมีทั้งการหาค่าโดยใชส้ ตู รและการวิเคราะหโ์ ดยใช้โปรแกรมคอมพวิ เตอร์สำเร็จรปู

การเก็บรวบรวมข้อมลู
การวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม

2565 ถึงวนั ที่ 11 กุมภาพนั ธ์ 2565 โดยมีข้ันตอนดงั น้ี
1. ปฐมนเิ ทศใหน้ ักเรียนมีความเข้าใจถึงการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะคณติ ศาสตร์ เรอ่ื ง การบวกและ

การลบจำนวนที่มีผลลัพธ์ และตัวตั้งไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ 1

2. ทำการทดสอบก่อนเรยี นกับผู้เรยี น คือ นกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปที ี่ 1 หอ้ ง 3 โรงเรียนธิดาแมพ่ ระ
จำนวน 44 คน

3. นักเรียนเรียนโดยใช้ แบบฝกึ ทกั ษะคณิตศาสตร์ เร่ือง การบวกและการลบจำนวนท่ีมีผลลพั ธ์ และ
ตัวต้งั ไมเ่ กิน 100 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 1 โดยผู้วิจัยได้ทำ
การสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ โดยเริ่มจากการทำแบบทดสอบก่อนเรียน
ใบกิจกรรม ศึกษาใบความรู้ ทำใบกำหนดงาน เมื่อศึกษาครบและทำแบบทดสอบหลังเรียนแต่ละชุดทั้ง 6
แบบฝกึ ทกั ษะ กิจกรรมใชเ้ วลาทงั้ หมด 10 ช่วั โมง

4. ในการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ จะมีการทดสอบก่อนเรียน ใบกำหนดงาน และทำ
แบบทดสอบหลังเรียน ซึ่งจะประเมินจากการทำใบกำหนดงานในแต่ละแบบฝึก โดยใช้เกณฑ์การประเมินท่ี
ผวู้ จิ ยั กำหนดขึน้

5. ทำการทดสอบหลงั เรียนกับผู้เรยี น
6. นำคะแนนที่ได้จากการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน คะแนนจากแต่ละแบบฝึกทักษะ
มาวิเคราะห์ขอ้ มูล

สรปุ ผล
ผลการวจิ ยั สรุปได้ดังน้ี
1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์ และตัวตั้งไม่เกิน 100

กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนกั เรียนช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 ที่สร้างข้นึ มปี ระสทิ ธภิ าพของแบบ
ฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์ และตัวต้ังไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการ
เรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ สำหรับนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 1 รวมเท่ากบั 96.38/84.09 ดงั นัน้ แบบฝกึ ทกั ษะ
แตล่ ะแบบฝึกมีประสทิ ธิภาพสูงกว่าเกณฑม์ าตรฐาน 80/80 ซึง่ เปน็ ไปตามสมมตฐิ านท่ตี ง้ั ไว้ในขอ้ ที่ 1

2. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์ และตัวตั้งไม่เกิน 100
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 แต่ละแบบฝึกมีประสิทธิผลตั้งแต่

27

แบบฝกึ ที่ 1 ถึงแบบฝกึ ท่ี 6 มีคา่ เปน็ เปน็ 0.73,0.72,0.77,0.74,0.72 และ 0.71 ตามลำดบั ซ่งึ ได้ผลตาม
เกณฑป์ ระสิทธผิ ลทตี่ ้ังไว้ที่มคี า่ ดชั นีประสิทธผิ ลมากกวา่ 0.50 ซ่ึงเป็นไปตามสมมตฐิ านท่ตี ้ังไวใ้ นขอ้ ท่ี 1

อภิปรายผล
จากผลการศกึ ษาสามารถนำมาอภิปรายผลไดด้ ังน้ี
1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์ และตัวตั้งไม่เกิน 100

กลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ สำหรบั นกั เรยี นช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1 ทพี่ ฒั นาข้ึนมีประสทิ ธภิ าพตามเกณฑ์
80/80 ซึ่งมีความสอดคล้องกับผลงานวิจัยของสุจินดา พุทธานุ (2542 : บทคัดย่อ) ที่พบว่า การสร้างชุดการ
สอนเพือ่ ฝึกทกั ษะการแก้โจทย์ปญั หาทางคณิตศาสตร์ สำหรับนกั เรยี นชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 2 ปี
การศึกษา 2541 โรงเรยี นอู่ตะเภา (ตะเภาแก้ววิทยาคาร) สงั กดั สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอเมือง จงั หวดั
ชลบุรี มปี ระสิทธิภาพ 83.33/81.22 ซ่งึ สงู กวา่ เกณฑ์ท่ีต้งั ไว้และอาจเน่ืองมาจากปจั จัยตา่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี

1.1 ผูว้ ิจยั ไดพ้ ฒั นาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรอื่ ง การบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์
และตวั ตง้ั ไมเ่ กิน 100 กลุม่ สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1 อย่างเป็น
ลำดับข้ันตอน ซึ่งมคี วามสอดคล้องกบั ที่ชัยยงค์ พรหมวงศ์ และคณะ (2521 : 107 – 109) ไดใ้ ห้แนวความคิด
ที่จะนำส่กู ารผลติ ชุดกจิ กรรมไว้ว่าบคุ คลมคี วามแตกตา่ งกนั หลายด้านเช่น สติปญั ญา ความสามารถ ความ
สนใจ ร่างกาย สงั คม การนำวิธีการสอนเปน็ รายบุคคลมาใช้ จึงเปน็ วธิ ีการที่เหมาะสมที่สุด การเรียนการสอน
ที่มีครูเป็นแหล่งความรู้มาเป็นผู้จัดประสบการณ์ให้กับผู้เรียนโดยใช้แหล่งความรู้จากสื่อการสอนแบบต่าง ๆ
ประกอบด้วยวัสดุ อุปกรณ์และวิธีการ โดยนิยมจัดในรูปของชุดการสอนหรือชุดกิจกรรม ตลอดจนการสร้าง
ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งครูกับนักเรยี น นกั เรียนกับนกั เรยี นและนกั เรียนกบั สงิ่ แวดล้อมและเปิดโอกาสให้นักเรียนได้
ทำกจิ กรรมรว่ มกันมากขึน้ และการนำชุดฝึกทักษะ เรือ่ งการแกโ้ จทยป์ ัญหา กลุม่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
สำหรบั นักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 1 ท่ีผู้วจิ ัยพฒั นาขนึ้ ไปใหผ้ ูเ้ ชยี่ วชาญได้มีการตรวจสอบคณุ ภาพและนำมา
ปรับปรงุ แกไ้ ขจนมีความถกู ตอ้ งและเหมาะสมมากย่ิงขน้ึ

1.2 การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์
และตัวตงั้ ไมเ่ กนิ 100 กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 1 ในคร้ังนี้ได้
ผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งในสาขาโดยมีการปรับปรุงแก้ไข ตาม
ข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปทดลองใช้ ทำให้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบ
จำนวนทม่ี ีผลลัพธ์ และตัวตั้งไมเ่ กิน 100 กลมุ่ สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปี
ที่ 1 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนดและเกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนอยา่ งสูง ซึ่งมีความสอดคล้องกับท่ีบุญ
เก้อื ควรหาเวช. (2542: 32 – 33) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของชดุ กิจกรรมที่มีต่อการเรียนการสอนไว้ว่าช่วยเพิ่ม
ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ ช่วยลดภาระของครูผู้สอน ช่วยให้กิจกรรมการเรียนมีประสิทธิภาพ เปิดโอกาส
ให้ผู้เรียนใช้ความสามารถของตนเองได้อย่างเต็มท่ี ช่วยสร้างเสริมการเรียนอย่างต่อเนื่อง และมีความ
สอดคล้องกับที่ เนื้อทอง นายี่ (2544: 22) ได้กล่าวไว้ว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้ช่วยให้ทุกคนประสบ

28

ความสำเร็จในการเรียนรู้ ตามความสามารถของผู้เรียน ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้นและช่วยสร้าง
ความพรอ้ มและความมน่ั ใจใหก้ ับผู้สอน

1.3 ผู้วิจัยได้รวบรวมเนื้อหา ข้อความ ภาพนิ่ง เข้าไว้ด้วยกันโดยมีการเชื่อมโยงแบบ
ปฏิสัมพันธ์ทำให้สามารถเรียนรู้ และทำความเข้าใจกับเนื้อหาบทเรียนได้เป็นอย่างดี มีขั้นตอนการนำเสนอ
เนื้อหาจากงา่ ยไปหายาก การนำเสนอเนื้อหาบทเรยี นเปน็ ลำดบั ขั้นตอน อีกทั้งผู้เรียนทีเ่ รียนจากชุดกิจกรรม
เรอ่ื งการแก้โจทยป์ ัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ สำหรบั นักเรยี นชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี
1 จะไมส่ ับสนกับการเรียน เพราะชดุ ฝึกกิจกรรมจัดเรยี งไว้อย่างเป็นระบบ มีการทดสอบวัดผลการเรียนรู้ของ
ผูเ้ รยี นก่อนและหลงั เรยี นมแี บบทดสอบทา้ ยชุดกิจกรรมแตล่ ะชดุ ซง่ึ ผูเ้ รยี นสามารถกลับไปศึกษาทบทวนเน้ือหา
ทย่ี ังไมเ่ ข้าใจได้

2. ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและ
การลบจำนวนที่มีผลลัพธ์ และตัวตั้งไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรี ยนช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ 1 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เนอื่ งมาจาก

2.1 แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์ และตัวตั้งไม่
เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมี
ลักษณะเป็นสื่อที่สามารถนำเสนอได้ทั้งข้อความ ภาพนิ่ง มีความคิดสร้างสรรคแ์ ละมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนทำ
ใหเ้ ร้าความสนใจของผ้เู รียนไดม้ ากขึ้น ซึง่ มคี วามสอดคลอ้ งกับผลงานวจิ ัยของเรไร ใหมว่ นั (2544 : บทคดั ย่อ)
ที่ได้ศึกษาการใช้ชุดการสอนคณิตศาสตร์ เพื่อพัฒนาทักษะการแก้โจทย์ปัญหา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 1 ผลการศึกษาพบว่า หลังใช้ชุดการสอนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา นักเรียนสามารถ
ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 65 ได้มากกว่าก่อนการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ร้อยละ 80.95 และนักเรียนทุกคนมี
คะแนนทดสอบหลงั การใชช้ ุดการสอนสูงกวา่ คะแนนก่อนการใช้ชุดการสอนทุกคน

2.2 แบบฝึกทกั ษะคณติ ศาสตร์ เร่ือง การบวกและการลบจำนวนทม่ี ผี ลลพั ธ์ และตวั ตง้ั ไม่
เกิน 100 กล่มุ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ สำหรับนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 1 เปน็ สือ่ ทีผ่ ู้เรียนสามารถ
รับร้ผู ลสัมฤทธท์ิ างการเรียนได้อย่างรวดเร็ว เปน็ การทา้ ทายผู้เรยี น และเสรมิ แรงให้อยากเรียนต่อและช่วยให้
ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ตามความสนใจและความสามารถของตนเอง ชุดฝึกทักษะมีความยืดหยุ่น สามารถ
เรยี นซ้ำได้ตามทีต่ ้องการ

2.3 ลักษณะของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์
และตัวตั้งไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 1 ที่ให้ความ
เป็นส่วนตัวแก่ผู้เรียนเป็นการช่วยให้ผู้เรียนที่เรียนช้า สามารถเรียนไปตามความสามารถของตนโดยเฉพาะ
อย่าง ไมร่ ีบเรง่ โดยไม่ตอ้ งอายผอู้ ่นื เมอื่ ตอบคำถามผิด รวมท้งั ยังเป็นการชว่ ยขยายขดี ความสามารถของผู้สอน
ในการควบคุมผู้เรียนได้อย่างใกล้ชิดเนื่องจากสามารถบรรลุข้อมูลได้ง่ายและสะดวกในการนำมาใช้หรืออาจ
กลา่ วได้วา่ แบบฝึกทักษะคณติ ศาสตร์ กล่มุ สาระการเรยี นรู้คณิตศาสตร์ สำหรบั นักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1
มีส่วนช่วยให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้น ซึ่งมีความสอดคล้องกับที่วัชราภรณ์ เจริญสุข

29

(2547 : 13 ; อ้างอิงจาก สุกิจ ศรีพรหม. 2541 : 68 – 69) ได้กล่าวถึงแบบฝึกทักษะไว้ว่าแบบฝึกทักษะมี
ประโยชน์ต่อการจัดการเรียนการสอนทุกระดบั ถือว่าเป็นนวัตกรรมการสอนที่ได้รับความนยิ มอย่างแพร่หลาย
และเป็นสื่อที่มีความเหมาะสมช่วยเร้าความสนใจ รวมทั้งช่วยส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดความเปลี่ยนแปลง
พฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองตามความสามารถของแต่ละคน ทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการแสวงหาความรู้
ไมเ่ บ่อื หนา่ ยในการเรียน มีส่วนรว่ มในการเรียน และมีความสอดคล้องกับแนวคดิ ของกาญจนา เกียรติประวัติ.
(ม.ป.ป.: 174) ทไ่ี ด้กลา่ วไว้ว่าชุดการเรยี นชว่ ยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรยี นรู้ของนักเรียนและช่วยรักษาระดับ
ความสนใจของผู้เรยี นอยูต่ ลอดเวลา ส่งเสริมการศึกษานอกระบบ เพราะสามารถนำไปใช้ได้ทุกเวลา และไม่
จำเป็นต้องใชเ้ ฉพาะในโรงเรยี น

ข้อเสนอแนะ
การวิจัยในครั้งนี้ พบว่าแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่มีผลลัพธ์

และตวั ต้งั ไมเ่ กนิ 100 กลุ่มสาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ สำหรบั นักเรียนชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 ทีพ่ ัฒนาขึ้น
มีความเหมาะสมสำหรบั ครูผสู้ อนและผูท้ ี่เก่ียวข้องในการนำไปใช้ในการพฒั นาการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์
ให้กับนักเรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 เพราะแบบฝกึ ทักษะ ไดม้ กี ารดำเนินการทดลองอย่างมีข้ันตอน ซึ่งผู้วิจัย
มขี อ้ เสนอแนะดังน้ี

1. ข้อเสนอแนะในการผลการวิจัยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนที่มี
ผลลัพธ์ และตัวตัง้ ไม่เกนิ 100 กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 1 ไปใช้

1.1 ครผู ู้สอนควรสง่ เสริมและสร้างลกั ษณะนสิ ัยให้นักเรียนรู้จักคิดวางแผนก่อนลงมือทำสิ่งใด
เสมอๆ เพราะจะทำให้สามารถประเมินความเป็นไปไดใ้ นการแกป้ ัญหานั้น ๆ และควรเน้นวิธกี ารแก้ปญั หานน้ั
สำคญั กว่าคำตอบทไี่ ด้ เพราะวิธกี ารสามารถนำไปใช้ได้กว้างขวางกว่า

1.2 ควรส่งเสริมให้ใช้ยุทธวิธีในการแก้ปัญหาแต่ละข้อให้มากกว่าหนึ่งวิธี เพื่อให้นักเรียนมี
ความยดื หยุ่นในความคิดและจะมโี อกาสได้ฝึกการวางแผนในการแกป้ ัญหามากขนึ้

1.3 นอกจากจะใช้รูปแบบ แบบฝึกทักษะ การแก้โจทย์ที่นำเสนอในงานวิจัยชิ้นนี้แล้ว ควร
ทดลองหารปู แบบอ่ืน ๆ ที่อาจจะสง่ ผลตอ่ ทกั ษะทางคณติ ศาสตรเ์ พิ่มเตมิ อีก

2. ข้อเสนอแนะในการวจิ ัยครงั้ ต่อไป
2.1 ควรมีการสรา้ งและพัฒนาแบบฝึกทักษะคณติ ศาสตร์ เรื่อง การบวกและการลบจำนวนท่ี

มีผลลัพธ์ และตัวตั้งไม่เกิน 100 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
กลุ่มสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตรใ์ นระดับชัน้ ต่าง ๆ เพอ่ื ให้มีการพัฒนาอยา่ งตอ่ เนื่อง

2.2 ควรมกี ารวิจยั เปรยี บเทยี บผลการสอน โดยใช้แบบฝกึ ทกั ษะกับการสอนโดยวธิ ีสอนต่าง ๆ
และขยายกลุ่มตัวอย่างให้มี 2 กลุ่ม เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนทั้ง 2 กลุ่มว่ามี
ความก้าวหน้าทางการเรยี นร้ตู า่ งกันหรือไม่

30

ภาคผนวก

31

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์
เรื่อง การบวก การลบจำนวน ที่มีผลบวกและตัวตัง้ ไม่เกิน 100
แบบฝกึ ที่ 1 การบวกทมี่ ผี ลบวกไม่เกิน 100 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564
ชอื่ _______________________________________ป. 1 / ___ เลขที่ ___

คำสง่ั จงกา x ทบั ตวั อกั ษร ก, ข หรอื ค ทีเ่ ปน็ คำตอบทถี่ ูกทส่ี ดุ

1. 25 + 34 =  ข. 58 6. 70 + 3 =  ข. 83
ก. 57 ข. 28 ก. 73
ค. 59 ข. 98 ค. 93
ข. 82
2. 76 =  + 52 ข. 55 7. 63 + 22 =  ข. 75
ก. 24 ก. 65
ค. 49 ค. 85

3.  = 65 + 33 8. 70 + 15 =  + 80
ก. 89 ก. 5 ข. 15
ค. 99 ค. 25

4. 11 + 71 =  9. 46 + 32 = 
ก. 48 ก. 14 ข. 18
ค. 92 ค. 78

5.  + 10 = 65 10.  + 25 = 59
ก. 65 ก. 35 ข. 34
ค. 45 ค. 33

32

กลุม่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์
เรอื่ ง การบวก การลบจำนวน ท่มี ีผลบวกและตวั ตงั้ ไม่เกนิ 100
แบบฝกึ ที่ 2 โจทย์ปัญหาการบวก ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564
ช่อื _______________________________________ป. 1 / ___ เลขท่ี ___

คำสั่ง จงกา x ทบั ตวั อกั ษร ก, ข หรือ ค ท่ีเปน็ คำตอบที่ถกู ทีส่ ดุ

1. กอ้ ยมีลูกแก้ว 29 ลกู เพือ่ นให้มาอีก 10 6. ออยมีเงิน 40 บาท อุ้มมีมากกว่าออย 28

ลูก กอ้ ยมีลูกแก้วรวมกี่ลกู บาท อุ้มมเี งนิ ทงั้ หมดกบี่ าท

ก. 19 ลูก ข. 29 ลูก ก. 68 บาท ข. 58 บาท

ค. 39 ลูก ค. 28 บาท

2. ดาวซอ้ื สมดุ สองเลม่ ราคาเล่มละ24 บาท 7. ลุงเลี้ยงไก่ 34 ตัว เลี้ยงเป็ด 25 ตัว ลุง

ดาวต้องจา่ ยเงินก่บี าท เล้ียงไกแ่ ละเป็ดรวมทงั้ หมดก่ีตัว

ก. 24 บาท ข. 48 บาท ก. 39 ตัว ข. 49 ตัว

ค. 66 บาท ค. 59 ตวั

3. แม่ค้าขายแตงโม 32 ผล ขายสับปะรด 23 8. เปอ้ ่านหนังสือไปแลว้ 18 หน้า ยงั เหลอื ที่

ผล แม่ค้าขายผลไมท้ งั้ หมดกผี่ ล ยงั ไม่ได้อ่าน 30 หน้า หนงั สือเลม่ น้ีมี

ก. 45 ผล ท้ังหมดกห่ี น้า

ข. 55 ผล ก. 38 หนา้ ข. 48 หนา้

ค. 65 ผล ค. 58 หนา้

4. พี่อายุ 15 ปี พ่อแก่กว่าพี่ 30 ปี พ่ออายุ กี่ 9. ป้าซือ้ ขนมมา 50 ห่อ แม่คา้ แถมให้อกี

ปี 5 หอ่ ป้ามีขนมทง้ั หมดกห่ี ่อ

ก. 25 ปี ก. 55 บาท ข. 45 บาท

ข. 35 ปี ค. 35 บาท

5. ค. 45 ปี 10. ต้นซือ้ หนงั สือนทิ านราคา 35 บาท ซื้อ

แม่ซื้อนมให้ฉันหนึ่งโหล พ่อซื้อให้อีกหนึ่ง หนงั สือการ์ตนู 23 บาท ซอื้ หนงั สอื สอง

โหล ฉนั มีนมทงั้ หมดกก่ี ล่อง เลม่ ตอ้ งจ่ายเงินกบ่ี าท

ก. 12 กล่อง ก. 58 บาท ข. 62 บาท

ข. 24 กล่อง ค. 70 บาท

ค. 28 กล่อง

33

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์
เรอื่ ง การบวก การลบจำนวน ทีม่ ผี ลบวกและตัวตง้ั ไมเ่ กิน 100
แบบฝึกที่ 3 การสร้างโจทยป์ ัญหาการบวก ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564
ช่ือ_______________________________________ป. 1 / ___ เลขที่ ___

คำสั่ง จงสรา้ งโจทยจ์ ากประโยคสัญลักษณ์ทก่ี ำหนดให้

1. โจทย์ปัญหาการบวก 38 + 40 = 

__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________
ตอบ_______________________________________________________________

2. โจทยป์ ัญหาการลบ 65 + 25 = 

__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________
ตอบ_______________________________________________________________

ขอ้ ละ 5 คะแนน
โจทยป์ ัญหาถกู ต้อง 3 คะแนน
คำตอบถกู ต้อง 2 คะแนน
รวม 5 คะแนน

34

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณิตศาสตร์
เรื่อง การบวก การลบจำนวน ทีม่ ีผลบวกและตัวต้งั ไมเ่ กิน 100
แบบฝกึ ท่ี 4 การลบทม่ี ตี ัวต้งั ไมเ่ กนิ 100 ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564
ช่ือ_______________________________________ป. 1 / ___ เลขท่ี ___

คำสง่ั จงกา x ทับตัวอักษร ก, ข หรือ ค ทเ่ี ป็นคำตอบทถ่ี กู ท่สี ดุ

1. 89 - 38 =  6. 88 - 58 = 
ก. 30 ข. 40
ก. 71 ข. 61 ค. 45
ค. 51

2. 68 - 12 =  7. 95 - 23 = 
ก. 70 ข. 56 ก. 70 ข. 72
ค. 35 ค. 75

3.  = 87 - 24 8.  - 45 = 31
ก. 63 ข. 73 ก. 86 ข. 76
ค. 83 ค. 64

4. 69 – 25 =  9. 69 - 44 = 
ก. 24 ข.34 ก. 25 ข. 26
ค. 44 ค. 35

5. 78 -  = 54 10.  - 55 = 32
ก. 22 ข. 23 ก. 87 ข. 85
ค. 24 ค. 77

35

กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์
เรื่อง การบวก การลบจำนวน ท่มี ผี ลบวกและตวั ต้งั ไมเ่ กิน 100
แบบฝึกที่ 5 โจทยป์ ญั หาการลบ ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564
ชื่อ_______________________________________ป. 1 / ___ เลขท่ี ___

คำสั่ง จงกา x ทบั ตวั อักษร ก, ข หรอื ค ทเี่ ปน็ คำตอบท่ถี กู ทส่ี ุด

1. ในสวนมตี ้นทุเรยี นและมะม่วง 56 ต้น 6. พ่อเลี้ยงหมู 75 ตัว ขายไป 23 ตัว พ่อ

เป็นตน้ มะมว่ ง32 ตน้ เหลือเป็นตน้ ทเุ รยี น เหลือหมกู ีต่ วั

กี่ตน้ ก. 42 ตัว ข. 52 ตัว

ก. 14 ตน้ ข. 24 ตน้ ค. 62 ตวั

ค. 34 ต้น 7. มีข้อสอบวิชาคณติ ศาตร์ 85 ขอ้ ทำไปแล้ว

2. ปู่อายุ 78 ปี ย่าอายุ 58 ปี ปูอ่ ายุมากกวา่ 50 ข้อ เหลอื ท่ยี งั ไมไ่ ด้ทำอีกก่ขี อ้

ย่ากป่ี ี ก. 35 ขอ้ ข. 40 ข้อ

ก. 30 ปี ข. 40 ปี ค. 45 ข้อ

ค. 20 ปี 8. มีลูกโป่งทง้ั หมด 67 ลกู เป็นลูกโป่งสแี ดง

3. แม่ต้องการไข่ไก่ 65 ฟอง มีอยู่แล้ว 34 33 ลกู ทเ่ี หลอื เป็นลูกโปง่ สีขาวกล่ี ูก

ฟอง แม่ตอ้ งหาไขไ่ กเ่ พิ่มอีกกฟ่ี อง ก. 43 ลูก ข. 34 ลกู

ก. 29 ฟอง ข. 30 ฟอง ค. 54 ลูก

ค. 31 ฟอง 9. พลอยใสมีขนม 56 ชิ้น แบ่งให้เพื่อน 24

4. เดิมฉันมีเงิน 96 บาท ให้น้องไป 64 บาท ชิ้น พลอยใสเหลือขนมก่ีช้ิน

ฉันเหลอื เงนิ กี่บาท ก. 42 ชิ้น ข. 34 ชนิ้

ก. 25 บาท ข. 32 บาท ค. 32 ช้ิน

ค. 45 บาท 10. ตูมตามมีเงิน 75 บาท ซือ้ หนงั สือนิทาน

5. แม่ค้ามีแตงโม 67 ลูก ขายไป 26 ลูก ราคา 35 บาท ตมู ตามเหลือเงนิ ก่ีบาท

แมค่ ้าเหลือแตงโมกี่ลกู ก. 50 บาท ข. 40 บาท

ก. 41 ลูก ข. 51 ลูก ค. 30 บาท

ค. 59 ลกู

36

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์
เรื่อง การบวก การลบจำนวน ที่มผี ลบวกและตวั ตงั้ ไมเ่ กนิ 100
แบบฝึกท่ี 6 การสรา้ งโจทยป์ ัญหาการลบ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
ช่ือ_______________________________________ป. 1 / ___ เลขที่ ___
คำสงั่ จงสรา้ งโจทย์จากประโยคสญั ลักษณ์ทีก่ ำหนดให้

1. โจทย์ปัญหาการบวก 56 - 24 = 

__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________
ตอบ_______________________________________________________________

2. โจทยป์ ัญหาการลบ 98 - 65 = 

__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________________________
__________________________________________________
ตอบ_______________________________________________________________

ขอ้ ละ 5 คะแนน
โจทย์ปัญหาถกู ต้อง 3 คะแนน
คำตอบถกู ต้อง 2 คะแนน
รวม 5 คะแนน

37

แบบทดสอบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน
เร่ืองการบวกและการลบจำนวนท่มี ผี ลลพั ธ์และตวั ตงั้ ไม่เกนิ 100
ชื่อ_______________________________________ป. 1 / ___ เลขที่ ___

1. 36 + 42 = 6. 12 + 6 = + 7
ก. 78 ข. 68 ก. 31 ข. 21
ค. 58 ค. 11

2. ผลบวกในขอ้ ใดเทา่ กบั 67 7. 47 + 12 มผี ลลพั ธเ์ ท่ากบั ขอ้ ใด
ก. 26 + 43 = ก. 39 ข. 49
ข. 35 + 31 = ค. 59
ค. 41 + 26 =
8. ป.1/1 มีนักเรียนชาย 20 คน มนี กั เรยี น
3. ผลบวกในข้อใดน้อยกว่า 80 หญงิ 24 คน รวมหอ้ ง ป.1/1 มีนกั เรียน
ก. 43 + 42 = ทงั้ หมดก่คี น เขยี นเป็นประโยคสัญลักษณไ์ ด้
ข. 32 + 47 = อยา่ งไร
ค. 26 + 61 =
ก. 20 + 24 =
4. ผลบวกในขอ้ ใดมากกว่า 40 ข. 24 - 20 =
ก. 17 + 22 = ค. 20 - 24 =
ข. 23 + 23 =
ค. 25 + 12 = 9. ชาวสวนปลูกต้นชมพู่ 54 ต้น ปลูกต้น

5. + 7 = 28 มะม่วง 32 ต้นชาวสวนปลูกต้นไม้ทั้งหมดกี่
ก. 19 ข. 21
ค. 35 ตน้

ก. 76 ต้น ข. 86 ตน้

ค. 96 ต้น

10. นิดมีลูกแก้ว 27 ลูก หนงิ มลี ูกแก้วมากกวา่

นิดอยู่ 12 ลูก หนิงมีลกู แก้วกีล่ ูก

ก. 59 ลกู ข. 49 ลกู

ค. 39 ลกู

38

11. 67 - 51 = 16. 27 - 4 = - 11
ก. 16 ข. 26 ก. 24 ข. 34
ค. 36 ค. 14

12. 88 – 46 ผลลพั ธ์เท่ากับข้อใด 17. 79 - 12 มผี ลลพั ธ์เทา่ กับข้อใด
ก. 46 ข. 44 ก. 56 ข. 67
ค. 42 ค. 78

13. ผลลัพธ์ในข้อใดเท่ากบั 32 18. พ่ีมีเงนิ 85 บาท นอ้ งมีเงิน 45 บาท พม่ี ีเงิน
ก. 75 - 42 = มากกวา่ น้องกีบ่ าท เขยี นเป็นประโยคสญั ลักษณ์ได้
ข. 67 - 35 = อยา่ งไร
ค. 59 - 24 =
ก. 85 + 45 =
14. ผลลัพธ์ในขอ้ ใดนอ้ ยกวา่ 50 ข. 85 - 45 =
ก. 53 - 21 = ค. 45 – 85 =
ข. 76 - 25 =
ค. 93 - 41 = 19. พลอยมีเงิน 77 บาท ซือ้ ปากการาคา 25

15. - 5 = 31 บาท พลอยเหลอื เงนิ กีบ่ าท
ก. 38 ข. 37
ค. 36 ก. 54 บาท ข. 52 บาท

ค. 50 บาท

20. แม่คา้ มแี ตงโม 86 ผล ขายไป 62 ผล แมค่ ้า

เหลือแตงโมกี่ผล

ก. 44 ผล ข. 34 ผล

ค. 24 ผล


Click to View FlipBook Version