หน่วยที่ 6
การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในงานจดั ประชุมสมั มนา
ความหมายของการจัดประชุมสัมมนา
นริ ันดร์ จลุ ทรัพย์ (2547 : 269) กล่าวว่า คำวา่ “สมั มนา” เป็นศพั ท์บญั ญตั ทิ างวิชาการ (Technical
Term) ที่คณะกรรมการบญั ญัตศิ พั ท์ทางการศึกษาได้บญั ญัติขึน้ เพ่ือใช้แทนศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “Seminar”
มาจากคำสมาสระหว่างคำว่า ส (ร่วม)+มน(ใจ) แปลตามรปู ศัพท์วา่ รว่ มใจ ซง่ึ เปน็ คำศพั ท์ บัญญัตทิ ม่ี ลี ักษณะดี
มากคือมเี สียงไพเราะ น่าฟงั และมลี ักษณะใกล้เคียงกบั ศพั ท์ท่ใี ช้ในภาษาอังกฤษ มากทัง้ ด้านเสียงและ
ความหมาย จงึ ทำใหค้ ำวา่ “สัมมนา” เป็นคำทคี่ นทัว่ ไปรจู้ กั และเขา้ ใจอย่างแพร่หลายในเวลา อันรวดเรว็
สำหรับความหมายตามหลักวชิ าการไดม้ ีผู้รู้อธิบายความหมายของสัมมนาไว้ดังนี้
พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน 2525 (2530 : 809-810) ได้อธบิ ายความหมายของการ สมั มนา
วา่ หมายถึง การประชมุ เพื่อแลกเปล่ียนความรู้ ความคิดเห็นเพอ่ื หาข้อสรุปในเร่อื งใดเรือ่ งหน่งึ ผลของ การ
สัมมนาถือวา่ เปน็ เพยี งข้อเสนอแนะผ้เู กี่ยวขอ้ งจะนำไปปฏิบัตติ ามหรือไม่กไ็ ด้
หนงั สอื สารานกุ รม The New Encyclo paedia Britannica (1985 : 49) ได้ให้ความหมาย การ
สัมมนาว่า การประชมุ แลกเปลีย่ นทศั นะและความรู้ระหว่างนักศึกษาระดับสูง เพ่ือประโยชนใ์ นการ คน้ ควา้ และ
แลกเปล่ียนผลท่ีได้ จากการศึกษาคน้ คว้า โดยมรผทู้ รงคุณวฒุ เิ ปน็ ผคู้ อยให้คำแนะนำชว่ ยเหลือ
สว่ นในหนังสอื Webster’s Ninth New Collegiate Dictionary (1985 : 1069) ได้อธบิ าย
ความหมายของการสมั มนาไว้ 3 ประการดงั นี้
1. หมายถงึ กลุม่ ของนักศึกษาระดบั สูงท่ีกำลังทำการศึกษาคน้ ควา้ วจิ ัยเร่ืองใดเร่ืองหน่ึงโดยเฉพาะ และหมาย
รว่ มถงึ กลมุ่ ของนักศึกษาท่ีรว่ มกนั อภปิ รายผลทไ่ี ด้จากการศึกษาคน้ ควา้ โดยมผี ทู้ รงคุณวฒุ เป็นผู้ดแู ลให้
คำแนะนำชว่ ยเหลอื
2. หมายถึง รายวิชาที่กลุม่ ของนักศึกษาระดับสูงต้องศึกษา
3. หมายถึง หอ้ งทใ่ี ชใ้ นการประชมุ ปรึกษาหารือในการศึกษาเล่าเรยี นดังกลา่ ว พฤฒพิ งศ์ เลก็ ศริ ิรตั น์ (ม.ป.ป. :
ได้กลา่ วสรุปความหมายของการสมั มนา
แบ่งออกเปน็ 2 นยั คือ
1. หมายถงึ การท่ีคณะบคุ คลซ่ึงมคี วามสนใจรว่ มกันในเร่ืองใดเรื่องหนงึ่ มารว่ มประชุมปรกึ ษาหารือ
แลกเปลย่ี นทัศนะ และคงวามรู้ซ่งึ กนั และกัน เพ่ือหาข้อสรปุ ร่วมกนั ในเรอื่ งใดเรื่องหนึ่ง
2. หมายถงึ กระบวนการเรยี นการสอนซง่ึ จดั เป็นกลุ่ม มีสมาชกิ ในกลุ่ม ซึ่งโดยปกตมิ ักจะเป็นนักศกึ ษาท่ี เรียน
ในระดบั สูง มาร่วมปรึกษาหารอื กนั และแลกเปลีย่ นทศั นะและความรซู้ ง่ึ กันและกนั โดยมีอาจารย์ ผู้ทรงคุณวฒุ ิ
คอยควบคมุ ดูแลและใหค้ ำแนะนำช่วยเหลอื
สมพร ปันตระสตู ร (2525 : 1) กล่าววา่ การสัมมนา หมายถึง การที่คณะบุคคลกลุ่มใดกลุ่ม หนงึ่ หรือ
หลายกลุ่มมีความสนใจในเรือ่ งใดเร่ืองหนึ่งหรือหลายเร่ืองรวมกนั และมีการมารวมกล่มุ เพ่ือ ปรกึ ษาหารือ
แสดงความรู้ ความคดิ เห็น โดยใชเ้ หตผุ ล หลักการ ประสบการณค์ วามรู้ตา่ ง ๆ เพื่อชว่ ย แกป้ ญั หาบางประการ
ใหล้ ุล่วง หรืออาจจะพอมองเหน็ แนวทางในการปฏบิ ัติได้ การแกป้ ญั หาในการสัมมนา นั้นอาศัยพฤติกรรมหรือ
กระบวนการกลุ่มเป็นสำคัญ
การสมั มนา คือ การแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเหน็ และประสบการณ์ซ่งึ กนั และกันในระหวา่ ง
ผเู้ ข้ารว่ มสัมมนา ผลจากการสัมมนา จะชว่ ยสร้างความเข้าใจทดี่ ี สรา้ งความชดั เจนและถูกต้องแกผ่ เู้ ข้าร่วม
สมั มนา ซ่ึงจะส่งผลให้ การปฏิบตั งิ านในเร่ืองทส่ี ัมมนากนั นน้ั ๆ มีประสทิ ธภิ าพมากย่ิงข้ึน (ทวีป อภิสิทธิ.์ 2536
: 17)
ความสำคขั ของการประชมุ สัมมนา
1. เปน็ ชว่ งเวลาทีค่ นทำงานร่วมกนั จะได้ปรึกษาหารอื แลกเปล่ียนความคดิ เหน็ ในการทำงานรว่ มกนั ลองคิด
ดูเลน่ ๆ วา่ หากในการทำงานไมม่ ีการประชุมกค็ งจะเกดิ ความวุ่นวาย ไมม่ ีการตกลงทำความ ร่วมกนั ของ
ทีมงาน หรืออาจจะตอ้ งเปน็ การสือ่ สารที่ย่งุ ยากและใช้เวลาถา้ จะต้องบอกกลา่ วสื่อสารกันเป็นราย คน
การประชมุ จึงช่วยให้คุณไม่ต้องเหนื่อยกบั การสอื่ สารกบั ทีมงานมากเกินไป และยงั ได้ทราบทัศนคติของ
ผู้ร่วมงานในการทำงานแต่ละช้นิ ทัง้ ภาพรวมและงานยอ่ ยด้วย
2. การประชุมเป็นโอกาสในการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ ความรแู้ ละความเขา้ ใจของบุคลากรในองคก์ ร
สำคญั มาก ทมี งานของคณุ ต้องการความรู้และความเข้าใจ มากมาย การประชมุ จะทำให้คนทีอ่ ยู่ใน
ออฟฟิศเดียวกันท้งั ในแผนกและทมี เดยี วกันหรือตา่ งทีมไดร้ ับความรทู้ ่ี ตนอาจจะยังไม่รู้ หรือไมเ่ ชยี่ วชาญ
ในระหวา่ งการประชมุ ทำให้ทุกคนได้รบั ประโยชนร์ ่วมกัน
3. เป็นเครื่องมือของผบู้ ริหารงานในการท างาน แนน่ อนว่าเม่ือเกิดการประชุมขน้ึ หัวหนา้ งานกส็ ามารถ
ติดตามงานตามวาระการประชุม ใช้ช่วงเวลาการ ประชมุ ในการสอื่ สาร ลงนโยบายและอ่ืน ๆ ได้
ทา่ มกลางทมี งานซึ่งหลาย ๆ ครง้ั ก็ให้ผลท่ดี ีมากกวา่ การคยุ กัน ส่วนตวั เทา่ นนั้
จดุ ประสงคข์ องการจัดประชุมสมั มนา
นริ ันดร์ จุลทรพั ย์ (2547 : 270) ได้กล่าววา่ การสมั มนาโดยทั่วไปมวี ัตถปุ ระสงค์ท่ีสำคัญดงั นี้ คือ
1. เพอื่ เพิม่ พนู ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์แก่ผ้เู ขา้ ร่วมสมั มนา
2. เพ่อื แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ระหว่างผเู้ ข้าสมั มนาดว้ ยกนั และผู้เข้าสัมมนากับวิทยากร
3. เพือ่ ค้นหาวธิ กี ารแก้ปญั หาหรือแนวทางปฏิบตั ิรว่ มกนั
4. เพ่อื ให้ได้แนวทางประกอบการตัดสินใจหรอื กำหนดนโยบายบางประการ
5. เพื่อกระตุ้นใหผ้ ูร้ ว่ มเข้าสัมมนานำหลักวิธกี ารท่ีไดเ้ รียนรู้ไปใชใ้ ห้เปน็ ประโยชน์
การสัมมนาแตล่ ะครั้ง จะบรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์มากน้อยเพยี งใดนอกเหนือจากกระบวนการจดั สมั มนา
และ วทิ ยาการแลว้ สมาชิกผูเ้ ข้ารว่ มสัมมนา มีความสำคัญมากเช่นเดยี วกัน เพราะเปา้ หมายที่เด่นชัดของการ
สัมมนากค็ ือผ้เู ข้ารว่ มสมั มนาทุกคนต้องท าหน้าท่ีเปน็ ท้ังผูใ้ หแ้ ละผรู้ ับ คือเปน็ ผู้ฟงั ความคิดเหน็ จากผู้เข้ารว่ ม
สมั มนาด้วยกัน และในขณะเดียวกันก็เป็นผู้เสนอความคดิ เหน็ ใหแ้ กก่ ล่มุ ดว้ ย ดังนน้ั หัวใจของการสัมมนาจึง อยู่
ท่ีวา่ สมาชกิ ทกุ คนได้มสี ว่ นร่วม ไดแ้ สดงความคดิ เหน็ และไดเ้ สนอแนวคดิ ให้แก่กลมุ่ เปน็ ประการสำคัญ
ในการจกั สัมมนาแต่ละครง้ั ผจู้ ัดสัมมนาจะคาดหวงั ไวล้ ่วงหน้าเสมอวา่ จะนำผลจากการอภปิ ราย การ
สัมมนาเป็นแนวปฏิบัตใิ นส่งิ ท่ีเปน็ ปัญหาร่วมกัน สว่ นจะได้ผลลพั ธต์ รงหรือสอดคล้องกับวตั ถุประสงค์ท่ีตงั้ ไว้
มากน้อยเพียงใดย่อมขน้ึ อยกู่ ับกระบวนการจดั สัมมนาเปน็ สำคญั แตอ่ ยา่ งน้อยการสัมมนาแต่ละครงั้ กจ็ ะสง่ ผล
ให้สัมมนาสมาชิกได้รีบความรู้ ความคดิ แปลก ๆ และมีความเข้าใจอันดตี ่อกนั ในแงข่ องวิชาการเพมิ่ ขน้ึ ท าให้
เกดิ ความประสานสมั พันธ์ในการประกอบกิจการงาน ราชการ และธุรกิจต่าง ๆ ดขี ้นึ อีกดว้ ย
ประโยชนข์ องการประชุมสัมมนา
1. มปี ระโยชนท์ ำใหเ้ กิดการทำงานเปน็ ทมี และความรับผดิ ชอบ
เชน่ เมอื่ ทีมงานจะต้องทำงานสกั โปรเจคหนงึ่ และมีการเรยี กประชุมสมาชิกท่ีรว่ มงานกนั เพอ่ื เขา้
ประชมุ ผู้ร่วมประชุมจะรู้สึกชัดเจนถงึ การเป็นทีมงานและความรับผดิ ชอบทไ่ี ด้รับมอบหมายผ่านวาระ
การประชุมกัน งานก็จะประสบความสำเรจ็ ได้
2. เกิดความคิดสรา้ งสรรค์และวธิ กี ารใหม่ ๆ
ในการประชมุ ท่ีมกี ารชว่ ยกนั ระดมความคิดหลาย ๆ คนกจ็ ะทำให้เกดิ ไอเดยี สร้างสรรค์ มกี ารนำเสนอ
และช่วยกันไตร่ตรองจนไดข้ ้อสรปุ ท่ดี ี ปญั หาตา่ ง ๆ ถูกแก้ไขดว้ ยความคิดทม่ี ีร่วมกันเกิดความคิดและ
วธิ ีการ ใหม่ ๆ ขึน้ มาในการทำงาน ทำใหก้ ารทำงานน้ันง่ายข้นึ
3. เป็นโอกาสในการติดตามงาน
เมือ่ เกิดการประชมุ กจ็ ะมีวาระการตดิ ตามงานจากการประชุมในครง้ั ก่อน ๆ ท าให้การทำงานไมเ่ กดิ
ข้อผิดพลาดตกหล่น และยังเปน็ การชว่ ยกระตนุ้ ให้ทีมงานเกิดความรบั ผดิ ชอบที่จะทำให้สำเร็จตาม
เปา้ หมาย และแผนงานทไ่ี ดว้ างกนั เอาไว้ดว้ ย เมือ่ ไดท้ ราบถงึ ประโยชน์และความสำคญั ของการประชมุ
แล้ว ทุกครงั้ ที่มกี ารประชุมคงจะทำให้หลายคน ใชโ้ อกาสในการประชุมให้เกดิ ประโยชน์ตอ่ งานได้เปน็
อยา่ งดี
องคป์ ระกอบของการสัมมนา
นิรันดร์ จุลทรัพย์ (2547 : 271 - 280) ได้กล่าวไวว้ ่าการจดั สมั มนาแตล่ ะครั้งประกอบดว้ ย องค์ประกอบ ที่
สำคัญ 4 ประการดังน้ี
1. องค์ประกอบด้านเนื้อหา ไดแ้ ก่
1.1 หวั ขอ้ หรอื เรือ่ งทจ่ี ัดสมั มนา
1.2 จุดมงุ่ หมายสำคญั ของการสัมมนา
1.3 หวั ข้อให้ความรู้ท่สี ัมพันธ์กบั เรื่องทจี่ ัดสัมมนาโดยวธิ กี ารบรรยายหรืออภิปราย
1.4 กำหนดการสมั มนา
1.5 ผลที่ได้จากการสัมมนา
2. องค์ประกอบด้านบุคลากร คือผูท้ เี่ กย่ี วขอ้ งกบั การสมั มนา ซ่ึงประกอบดว้ ย
2.1 ผู้จดั การสมั มนา ไดแ้ ก่ บุคคลหรอื คณะกรรมการ ซงึ่ มหี นา้ ทจ่ี ดั สมั มนาให้บรรลตุ ามจดุ มุ่งหมายที่
กำหนดไว้ คณะกรรมการจดั สัมมนาอาจแบ่งออกเปน็ ฝา่ ย ๆ แตล่ ะฝา่ ยมีหน้าทดี่ ังน้ี
2.1.1 คณะกรรมการอ านวยการประกอบด้วยผ้บู ริหารในหน่วยงานเป็นผู้ทำหนา้ ท่ี
อำนวยการจดั การสมั มนา ให้แก่คณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ดงั นี้
- กำหนดนโยบายจดั สัมมนา
- ตรวจสอบดูแลการดำเนนิ งานให้เปน็ ไปตามนโยบายและแกป้ ญั หาทม่ี ีความกระทบกระเทือนถึงนโยบาย
- ใหป้ รกึ ษาแกค่ ณะกรรมการดำเนินการฝา่ ยต่าง ๆ
2.1.2 คณะกรรมการดำเนินการจดั สมั มนา เปน็ คณะกรรมการทำหนา้ ที่ปฏบิ ัติการจดั สัมมนา
ให้เปน็ ไปตาม นโยบายซ่งึ ประกอบด้วยคณะกรรมการฝา่ ยต่าง ๆ ดังนี้
2.1.2.1 ประธานและรองประธานจัดสัมมนา เป็นผู้ทำหน้าท่ีดำเนนิ การจดั
สัมมนาร่วมกบั คณะกรรมการฝา่ ย ตา่ งๆ ดังน้ี
- วางแผนและดำเนนิ การจดั ทำโครงการสัมมนา
- จดั หาคณะกรรมการและแบ่งคณะกรรมการเปน็ ฝา่ ยตา่ ง ๆ
- ประสานงานกับคณะกรรมการฝ่ายตา่ ง ๆ ตลอดจนการจัดประชุมคณะกรรมการฝา่ ยตา่ ง ๆ
- ตดั สินใจและแกป้ ัญหาการดำเนนิ การให้แกค่ ณะกรรมการฝ่ายตา่ ง ๆ
รองประธานมหี น้าทชี่ ่วยเหลือตามท่ไี ด้รบั มอบหมาย หรอื ปฏบิ ตั หิ น้าที่แทนประธานในกรณที ่ปี ระธาน
ไม่ สามารถปฏิบตั หิ นา้ ทไี่ ดห้ รือลาออก
2.1.2.2 คณะกรรมการฝา่ ยเลขานุการ ประกอบดว้ ยประธานกรรมการ รองประธาน
กรรมการ กรรมการ กรรมการและเลขานุการ มีหนา้ ท่ดี ังนี้
- ดำเนินงานด้านธรุ การท่ัวไป
- เตรียมวาระการประชมุ รว่ มกับประธานในการจัดสัมมนาออกหนงั สือเชิญประชมุ กรรมการฝ่ายต่าง ๆ ในนาม
ประธานจัดสัมมนาและบันทึกการประชมุ พรอ้ มทัง้ อำนวยความสะดวกใหแ้ ก่ผเู้ ข้าประชุม
- บนั ทึกการบันยายอภปิ รายและรายงานผลการประชุมกลมุ่ ย่อยตอ่ ทปี่ ระชมุ ใหญ่ ในขณะสมั มนาและส่งมอบ
ให้แก่ฝ่ายเอกสารเพ่อื จัดพิมพ์และเผยแพร่ต่อไป
- อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตลอดโครงการสัมมนา
- ตดิ ตอ่ ประสานงานกับคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ตามท่ปี ระธานจดั สมั มนามอบหมาย
- จดั ทำหนังสอื เชิญวิทยากร หนังสือตอบขอบคณุ และหนังสอื เชิญแขกผู้มเี กียรติเขา้ รว่ มในพิธีเปดิ และปิดการ
สัมมนา
- จดั ทำหนังสือกลา่ วรายงานของประธานจดั สัมมนาต่อประธานในพธิ ีเปดิ และปิดการสัมมนาและหนังสือค า
กลา่ วเปดิ และคำกล่าวปดิ ของประธานในพธิ ี
2.1.2.3 คณะกรรมการฝ่ายทะเบียน ประกอบดว้ ย ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ
กรรมการ และเลขานุการ มีหนา้ ทีด่ ังน้ี
- รวบรวมรายชอื่ และจำนวนสมาชกิ ที่จะเขา้ รว่ มสัมมนา
- เตรยี มการลงทะเบียน จัดทำรายช่อื และป้ายช่ือสมาชกิ ท่ีจะเขา้ สมั มนา
- รบั ลงทะเบียน
- สำรวจจำนวนของสมาชกิ ท่ีลงทะเบยี นจริง และแจกเอกสารสัมมนาโดยประธานงานกับฝา่ ยเอกสารฝ่าย
เลขานุการ
- แบ่งกลุ่มยอ่ ยผเู้ ข้าสมั มนาในการประชมุ กลมุ่ ย่อย
2.1.2.4 คณะกรรมการฝ่ายเอกสาร ประกอบดว้ ยประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ
กรรมการ กรรมการและเลขานุการ มหี นา้ ทีด่ ังน้ี
- จัดเตรียมเอกสาร และจัดทำแฟม้ การสัมมนา
- รว่ มกบั ฝา่ ยทะเบยี น แจกเอกสารและแฟม้ แก่ผู้เข้าสัมมนาและแขกผู้มีเกียรติ
- ประสานงานกับฝายเลขานุการ และฝา่ ยทะเบยี นเกย่ี วกับเอกสารการสัมมนาท่ีจะต้องนำมาจัดพิมพ์
- จดั พมิ พเ์ อกสารสรุปผลการสัมมนา และเผยแพร่
2.1.2.5 คณะกรรมการฝา่ ยเหรญั ญกิ ประกอบด้วยประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ
กรรมการ กรรมการเลขานกุ าร มีหนา้ ท่ดี งั น้ี
- เตรยี มเรื่องเกยี่ วกับงบประมาณและใบสำคัญทางการเงิน
- จัดเตรยี มของท่รี ะลึกสำหรับวทิ ยากรและผูม้ ีอุปการระคุณหรือเงินคา่ ตอบแทนสำหรับวทิ ยากร
- ยืมเงนิ ทดรองจ่ายสมั มนา จากหนว่ ยงานเจา้ ของโครงการ
- จดั ทำบัญชีเบิกจา่ ยเงนิ และวสั ดุ ตลอดการสัมมนา
- ตดิ ต่อและประสานงานกบั คณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ในเร่ืองการเงนิ และวัสดุ
- ใหค้ ำปรกึ ษาในเรื่องการเงนิ และวัสดุแกค่ ณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ
- รับเงินค่าลงทะเบียนจากผูเ้ ขา้ สัมมนา และเก็บรักษาเงินด้วยความรอบคอบ
2.1.2.6 คณะกรรมการฝ่ายพิธกี าร ประกอบดว้ ยประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ
กรรมการ กรรมการเลขานกุ าร มหี น้าทด่ี ังน้ี
ประสานงานกบั ฝ่ายสถานที่ จดั โต๊ะหม่บู ชู าและเครือ่ งพิธตี ่างๆ ในวันเปิดและปิดการสมั มนา
- จดั เตรียมบคุ คลจดั สง่ เทยี นชนวนใหป้ ระธานในพธิ เี ปดิ เชิญพานแฟม้ กล่าวรายงานของประธานจัดสมั มนา
และประธานในพิธเี ปดิ และปิดสัมมนา และเชญิ พานของที่ระลึกในพธิ ีมอบของท่ีระลึกแก่วิทยากร และผู้มีอปุ
การคุณ
- ทำหนา้ ทเ่ี ปน็ พิธกี ร เพ่ือเป็นสื่อกลางสำหรบั ทุกฝ่ายตลอดการสัมมนา
- ติดต่อขอประวัตลิ ะผลงานจากวทิ ยากร
- ก ากับรายการใหเ้ ปน็ ไปตามก าหนดการสัมมนา
2.1.2.7 คณะกรรมการฝ่ายสถานที่ และวัสดุอุปกรณ์ประกอบด้วยประธานกรรมการ รอง
ประธานกรรมการ กรรมการ กรรมการและเลขานุการ มีหน้าทีด่ งั น้ี
- เตรยี มสถานที่ และวสั ดอุ ุปกรณ์ในการสมั มนา
- ประสานกับฝา่ ยทเี่ กีย่ วข้องในการจดั สถานทีร่ บั ลงทะเบียน หอ้ งประชมุ ใหญ่ ห้องประชุมกล่มุ ย่อย โต๊ะหมู่
บูชา โต๊ะหรือแทน่ บรรยาย(podium) สำหรับประธานในพิธี ประธานกลา่ วรายงานและวิทยากร การจัดชมุ
รับแขก การจดั สถานทรี่ บั ประทานอาหาร
- ควบคุมด้านแสงเสียง การบันทกึ เสียง บันทึกภาพ
- จัดสถานทพ่ี กั และอ านวยความสะดวกต่างๆ แกผ่ ู้เขา้ สัมมนา
2.1.2.8 คณะกรรมการฝา่ ยอาหารและเครื่องดื่ม ประกอบด้วยประธานกรรมการ รอง
ประธานกรรมการ กรรมการ กรรมการและเลขานุการ มีหนา้ ทด่ี ังนี้
- ประสานงานกบั ฝ่ายเลขานุการ และฝา่ ยทะเบยี น เรอ่ื งจำนวนผเู้ ขา้ สัมมนา วิทยากรและแขกผ้มู ีเกยี รติ
- ประสานงานกับฝ่ายสถานท่ี เร่ืองสถานทีส่ ำหรบั บริการอาหารและเครื่องด่ืม
- เตรียมรายการในเร่ืองอาหารและเคร่ืองด่ืม
- จดั บริการอาหารและเคร่ืองดม่ื ใหแ้ กว่ ิทยากร แขกผมู้ ีเกียรติ และผู้เขา้ สมั มนา ตลอดการสมั มนา
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการประชมุ สัมมนา การประยุกตใ์ ชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
ในปจั จบุ ัน ไดม้ ีการนำมาใชใ้ นหลายสาขาวิชาชีพ ท้ังในด้าน การศกึ ษา ดา้ นธุรกิจอุตสาหกรรม ดา้ นการแพทย์
ด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เพ่อื อำนวยความสะดวกใน การประกอบธุรกิจ การทำงาน การศึกษาหา
ความรูท้ ำให้คณุ ภาพชีวิตของคนในสังคมปจั จบุ นั ดขี ้ึน นอกจากนี้ หนว่ ยงานราชการตา่ งๆ ก็นำเทคโนโลยี
สารสนเทศและ ระบบคอมพวิ เตอร์ เข้ามาอำนวยความสะดวกให้กบั ประชาชน ในการติดต่อประสานงานกับ
ทางราชการ และในธุรกิจเอกชนทางดา้ นการโรงแรม และการท่องเที่ยว ก็ให้บรกิ ารขอ้ มูลข่าวสาร และบริการ
ลูกค้าผา่ นทางระบบอนิ เทอร์เนต็ ท าไดอ้ ย่างสะดวกรวดเรว็ ทนั เหตุการณ์ แนวโน้มในอนาคตภายในครอบครัว
จะมีการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในชวี ติ ประจำวันกนั มากขึ้น เช่น โทรศพั ท์ วทิ ยุกระจายเสียง วิทยโุ ทรทศั น์ วีดิ
เท็กซ์ ไมโครคอมพวิ เตอร์ ฯลฯ เทคโนโลยสี ารสนเทศจงึ มี ความสำคญั มากในปัจจบุ นั และมีแนวโน้มมากยิง่ ขึ้น
ในอนาคต เพราะเปน็ เครื่องมือในการดำเนินงาน สารสนเทศใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพนบั ตัง้ แต่การผลิต
การจดั เก็บ การประมวลผล การเรียกใช้ และการ สือ่ สารสารสนเทศรวมทั้งการแลกเปลี่ยนและใชท้ รพั ยากร
สารสนเทศร่วมกนั ใหเ้ กดิ ประโยชนอ์ ย่างเต็มที่ ซึง่ ความสำคัญของเทคโนโลยสี ารสนเทศสรุปได้ ดงั น้ี
- ชว่ ยในการจดั ระบบขา่ วสารจำนวนมหาศาลของแตล่ ะวัน
- ชว่ ยเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการผลิตสารสนเทศ เช่น การคำนวณตัวเลขทย่ี งุ่ ยาซับซ้อน การจัดเรยี งลำดบั
สารสนเทศ ฯลฯ
- ชว่ ยให้สามารถเก็บสารสนเทศไว้ในรูปที่สามารถเรียกใช้ไดท้ ุกครัง้ อยา่ งสะดวก
ประยกุ ตใ์ ช้ในงานสาธารณสุขและการแพทย์
เทคโนโลยสี ารสนเทศไดร้ บั การนามาใชใ้ นการพฒั นา ดา้ นสาธารณสขุ อย่างกวา้ งขวาง และทาใหง้ าน ดา้ น
สาธารณสขุ เจรญิ กา้ วหนา้ อย่างรวดเรว็ โดยกระทรวงสาธารณสขุ ไดป้ รบั ระบบการบรหิ ารงาน และนา เทคโนโลยี
สารสนเทศมาใชใ้ นงานตา่ ง ๆ ดงั นี้ รูปแสดงการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใชใ้ นวงการสาธารณสขุ และการแพทยด์ า้ นการ
ลงทะเบียนผปู้ ่วย ตงั้ แตเ่ รม่ิ ทาบตั ร จา่ ยยา เกบ็ เงินการสนบั สนนุ การรกั ษาพยาบาล โดยการเช่ือมโยงระบบคอมพวิ เตอร์
ของ โรงพยาบาล ตา่ ง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั สามารถสรา้ งเครอื ขา่ ยขอ้ มลู ทางการแพทย์ แลกเปลยี่ นขอ้ มลู ของผปู้ ่วย สามารถให้
คาปรกึ ษาทางไกล โดยแพทยผ์ เู้ ช่ียวชนาญ เทคโนโลยีสารสนเทศ จะชว่ ยใหแ้ พทยส์ ามารถเหน็ หนา้ หรือท่าทางของผปู้ ่วย
ได้ ชว่ ยใหส้ ่งขอ้ มลู ท่เี ป็นเอกสาร หรือภาพเพ่ือประกอบการพิจารณาของแพทยไ์ ด้ เทคโนโลยีสารสนเทศจะชว่ ยในการ ให้
ความรูแ้ ก่ประชาชนของแพทย์ หรือหนว่ ยงานสาธารณสขุ ต่าง ๆ เป็นไป ดว้ ยความสะดวก รวดเรว็ ไดผ้ ลขนึ้ โดยสามารถใช้
สือ่ ต่าง ๆ เช่นภาพน่งิ ภาพเคล่ือนไหวมเี สยี งและอ่นื ๆ เป็นตน้
ประยุกต์ใช้ในงานด้านการศกึ ษา
เทคโนโลยีสารสนเทศทนี่ ำมาใชส้ ำหรบั การเรียนการสอน เป็นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่าง
สอน ดว้ ยสอ่ื อปุ กรณท์ ่ีทันสมัย หอ้ งเรยี นสมัยใหม่ มีอุปกรณ์วิดโี อโปรเจคเตอร์ (Video Projector)มีเครื่อง
คอมพวิ เตอร์ มีระบบการอ่านข้อมูลอเิ ล็กทรอนกิ ส์แบบต่าง ๆ รปู แบบของสื่อทีน่ ำมาใช้ในดา้ นการเรยี นการ
สอน ก็มหี ลากหลาย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำมาใช้ เช่น คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์บคุ
วดิ ีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ ระบบวิดีโอออนดีมานด์ การสืบค้นขอ้ มูลในคอมพวิ เตอร์ และระบบอินเทอร์เน็ต เป็น
ตน้
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นการนำเอาเทคโนโลยี รวมกับการออกแบบโปรแกรมการสอน มาใช้ช่วย
สอน ซึง่ เรียกกันโดยทั่วไปวา่ บทเรยี น CAI ( Computer – Assisted Instruction ) การจัดโปรแกรมการสอน
โดย ใช้คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน ในปัจจบุ ันมักอยใู่ นรูปของส่ือประสม (Multimedia) ซึ่งหมายถึงนำเสนอไดท้ ั้ง
ภาพ ข้อความ เสียง ภาพเคล่ือนไหวฯลฯ โปรแกรมชว่ ยสอนนเ้ี หมาะกับการศกึ ษาดว้ ยตนเอง และเปิดโอกาส
ให้ ผ้เู รียนสามารถโต้ตอบ กับบทเรียนได้ตลอด จนมีผลปอ้ นกลับเพื่อให้ผู้เรียนรู้ บทเรียนไดอ้ ย่างถูกต้อง และ
เขา้ ใจในเนื้อหาวิชาของบทเรียนนัน้ ๆ
ประยกุ ต์ใช้ในงานดา้ นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
กลุ่มนกั วทิ ยาสตร์ วศิ วกรที่ต้องการศึกษาพฤตกิ รรมบางอย่างของสงิ่ มีชีวติ รวมถงึ สง่ิ แวดล้อมตา่ งๆ
เช่น ศกึ ษาการกระจายถ่ินที่อยู่ของนก การกระจายของแบคทีเรีย การสร้างอาณาจักรของมด ผ้งึ ชีวติ ความ
เปน็ อยู่ ของสัตว์ป่าตา่ ง ๆ การพ่ึงพาอาศยั ซึง่ กันและกนั ตลอดจนระบบนิเวศวิทยา ความสนใจในการจำลอง
ความ เป็นอยูข่ อง สิง่ มีชวี ติ ได้มีมานานแลว้ เร่มิ ตง้ั แต่ครัง้ จอห์น พอยเมน ผูเ้ ป็นนกั คณิตศาสตร์ เสนอแนวคดิ
การทำใหเ้ คร่ืองจักรทำงานโดยอัตโนมตั ภิ ายใต้โปรแกรม ซึ่งเปน็ รากฐานของเครื่องคอมพวิ เตอร์ จนถึงปจั จุบัน
เกมแหง่ ชวี ติ จึงเกิดข้ึนจากการพัฒนาเกมแห่งชวี ติ สองมติ ิซ่ึงเป็นภาพพื้น ๆ ก็มผี พู้ ฒั นาให้เปน็ เกม สามมิติคาร์
เตอร์เบย์ นักคอมพิวเตอร์แห่งมหาวทิ ยาลยั คาโรไลนา ได้สรา้ งเกมแห่งชีวิต 3 มติ ิ ทำให้มีเซลอยู่ ขา้ งเคยี งไดถ้ ึง
26 เซล แทนทจี่ ะเป็น 8 เซล อัลกอริธมึ ก็ยุ่งยากขึ้น จากน้ันก็มผี สู้ นใจพฒั นาต่ออีกเชน่ เดวิด เจฟเฟอลิน แห่ง
UCLA ไดจ้ ำลองชวี ติ ของมด และอาหารมดด้วย อัลกอริทึมเฉพาะ เพ่ือจำลองการเจรญิ เติบโต ของมดและให้
ช่อื โปรแกรมว่า Ants Simlift สามารถจำลองส่ิงมีชวี ิต สามารถสรา้ งสงิ่ แวดล้อมตา่ งๆ เพื่อให้ ชวี ิตดำรงอยู่ได้
เชน่ สรา้ งสัตว์ต่าง ๆ ที่ทัง้ สัตว์กนิ พืช กินเนื้อ กนิ เม็ดผลไม้ เพอื่ การอยรู่ อดสัตว์ เหลา่ น้นั จะรกั ษา สมดลุ ระหวา่ ง
กนั
เทคโนโลยีสารสนเทศกับการประยกุ ต์ใช้ในภาครัฐ
ในสังคมปจั จบุ นั น้อยคนนักท่ไี มเ่ คยไดย้ ินค าว่า เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology)
แต่ในคำจำกดั ความนั้นความหมายทค่ี รอบคลมุ ได้รวมถึงความร้ใู นกระบวนงานที่อาศยั เทคโนโลยีทางด้าน
คอมพิวเตอร์ซอฟตแ์ วร์ ฮาร์ดแวร์ การตดิ ต่อสื่อสาร การน าขอ้ มลู มาใช้ เพื่อใหเ้ กิดประสิทธภิ าพสงู สุดใน ทุก ๆ
ดา้ น ซึ่งจะสง่ ผลตอ่ ความได้เปรยี บทางเศรษฐกจิ สงั คม และคณุ ภาพชวี ิตของประชาชน
พฒั นาการท่เี กดิ ขน้ึ อยา่ งรวดเร็วของเทคโนโลยสี ารสนเทศไดก้ อ่ ให้เกิดการเปลยี่ นแปลงอย่างมากมาย
ทัง้ ในภาคเอกชนและรัฐบาล ภาคเอกชนไดใ้ ช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเตม็ ศกั ยภาพในการ
แขง่ ขนั กันผลิตสนิ คา้ และบริการเพ่อื สร้างคณุ คา่ และความพึงพอใจให้แกล่ ูกค้า ขณะท่ภี าครัฐยังมิได้ใช้
ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยีสารสนเทศมากนกั ในการสรา้ งและนำเสนอบริการสาธารณะให้แกป่ ระชาชนซ่งึ อาจ
เป็นจดุ ดอ้ ยของภาครัฐท่ียังไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อยา่ งทว่ั ถงึ
ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศท่มี ีตอ่ องคก์ รน้ัน สามารถอธบิ ายได้ดังน้ี
- เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถเพ่มิ ศกั ยภาพในการผลติ ไม่วา่ จะในภาครฐั หรอื เอกชน น่ันคอื การผลิตสนิ คา้
หรือบริการในปริมาณเทา่ กนั แตจ่ ะใช้แรงงานและต้นทนุ น้อยลง
- เทคโนโลยสี ารสนเทศช่วยใหผ้ ู้บริหารสามารถสอดสอ่ งดูแลและควบคุมบุคลากรในองค์กรได้อย่างท่วั ถงึ
รวมทง้ั ยงั ช่วยสนับสนุนการรวมอำนาจในการบรหิ ารและกระจายการตัดสนิ ใจได้พร้อม ๆ กนั
- เทคโนโลยีสารสนเทศชว่ ยให้ผบู้ ริหารสามารถเข้าถงึ ข้อมูลไดอ้ ยา่ งรวดเร็วอีกทั้งเป็นเครอ่ื งมือทช่ี ว่ ยสนบั สนุน
การตัดสนิ ใจและการควบคุม
- เทคโนโลยีสารสนเทศจะมีผลทำใหส้ งั คมในยคุ ข้อมลู ข่าวสารเน้นการใหบ้ ริการและการเข้าถึงประชาชนมาก
ยิง่ ข้นึ เพราะการติดตอ่ ส่ือสารกันอยา่ งรวดเรว็ ถูกต้องแม่นยำนน้ั ไดม้ กี ารเชอ่ื มโยงผ่านเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ น็ตซึ่ง
เปน็ เคร่ืองมอื ส่ือกลางหน่งึ ของการติดต่อสื่อสารในทกุ ๆ องคก์ รและสงั คม
อา้ งอิง
https://sites.google.com/site/icjiratchayabuakaew/7-kar-chi-thekhnoloyi-sarsnthes-na-
senx-ngan
https://www.stou.ac.th/study/sumrit/3-60/page4-3-60.html