The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อัตราการเกิดปฏิกิริยา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by bussaranooknj, 2020-06-22 03:52:59

อัตราการเกิดปฏิกิริยา

อัตราการเกิดปฏิกิริยา

Keywords: E-BOOK,ANYFLIP

ตวิ สบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

6.1 ความหมายอตั ราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี

ในปฏิกิริยาเคมีโดยทวั่ ไปน้นั เม่ือเวลาผา่ นไปปริมาณสารต้งั ตน้ จะลดลงแต่ปริมาณผลิต-
ภณั ฑจ์ ะเพ่ิมข้ึน

สารตง้ั ตน้  ผลติ ภณั ฑ์

(ลดลง) (เพม่ิ ขึน้ )

อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมีหมายถึงอตั ราการเปลี่ยนแปลงปริมาณสารในปฏิกิริยา ซ่ึงอาจ
หมายถึงอตั ราการลดลงของสารต้งั ตน้ อนั หาคา่ ไดจ้ ากสมการ

อตั ราการลดลงของสารต้งั ตน้ = ปริมาณสารตง้ั ตน้ ที่ลดลง
เวลาทใ่ี ชไ้ ป

หรืออาจหมายถึงอตั ราการเพิ่มข้ึนของผลิตภณั ฑ์ อนั หาคา่ ไดจ้ ากสมการ

อตั ราการเพ่ิมข้ึนของผลิตภณั ฑ์ = ปริมาณผลติ ภณั ฑท์ ่ีเกดิ ข้นึ
เวลาทใี่ ชไ้ ป

อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมีแบ่งไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ
1. อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเฉล่ีย หมายถึงอตั ราการเกิดปฏิกิริยาที่คิดจากปริมาณสารท่ี

เปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาที่กาหนด
2. อตั ราการเกิดปฏิกิริยา ณ ขณะใดขณะหน่ึง หมายถึงอตั ราการเกิดปฏิกิริยาท่ีคิดจาก

ปริมาณสารที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาท่ีส้ันมากๆ จนถือวา่ เวลาที่เปล่ียนแปลง (t) มีคา่ เป็น 0

การหาค่าอตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมีแตล่ ะแบบสามารถทาไดด้ งั ตวั อยา่ งต่อๆ ไป

1

ติวสบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

1. ในปฏิกิริยา A  D ถา้ ณ จุดเวลาหน่ึงพบวา่ มีสาร D อยู่ 2 โมล เมื่อเวลาผา่ นไป 50

วินาที พบวา่ ปริมาณสาร D เปล่ียนเป็น 7 โมล อตั ราการเพ่ิมข้ีนของสาร D โดยเฉล่ียมีค่า

เท่ากบั ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี

1. 0.1 โมล / วนิ าที 2. 0.01 โมล / วินาที

3. 0.1 โมล / ลิตร.วินาที 4. 0.01 โมล / ลิตร.วินาที

2. ในปฏิกิริยา X  Y + Z ถา้ ณ จุดเวลาหน่ึงพบวา่ สาร X มีความเขม้ ขน้ 0.8 โมล / ลิตร

เม่ือเวลาผา่ นไป 10 วนิ าที พบวา่ ความเขม้ ขน้ ของสาร X เปล่ียนเป็น 0.6 โมล / ลิตร

อตั ราการลดลงของสาร X โดยเฉลี่ยมีค่าเท่ากบั ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี

1. 0.2 โมล / วินาที 2. 0.02 โมล / วนิ าที

3. 0.2 โมล / ลิตร.วนิ าที 4. 0.02 โมล / ลิตร.วนิ าที

2

ตวิ สบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

3. สมมุตปิ ฏิกิริยา A + B  2 C

กาหนดจานวนโมลสาร A ที่ลดลง และสาร C ที่เพิ่มข้ึน เป็นดงั ตาราง

เวลา (วนิ าที) 012345

จานวนโมลสาร C ( โมล ) 0 14 24 30 34 36

จงหาอตั ราการเกิดสาร C เฉล่ียในช่วงเวลา 2 ถึง 4 วินาที ในหน่วยโมลต่อวนิ าที
1. 2.5 2. 5.0 3. 7.5 4. 10.0

4. สมมุติปฏิกิริยา A + B  2 C กาหนดจานวนโมลสาร A ที่ลดลงเป็นดงั ตาราง

เวลา (วินาที) 012345

จานวนโมลสาร A ( โมล ) 20 13 8 5 3 2

จงหาอตั ราการลดลงของสาร A เฉล่ียในช่วงเวลา 1 ถึง 3 วินาที ในหน่วยโมลตอ่ วนิ าที
1. 2.0 2. 4.0 3. 6.0 4. 8.0

3

ติวสบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

5. จากการทดลองหาอตั ราการเกิดปฏิกิริยาระหวา่ ง A กบั B ตามสมการ

2 A (g) + B (aq)  C (aq)

เวลา (วนิ าท)ี 5 10 15 20 25 30

ความเข้มข้น C (mol/dm3) 10 15 20 23 25 26

จงหาอตั ราการเกิดสาร C เฉล่ีย

ก. ในช่วงเวลา 5 ถึง 10 วนิ าที ข. ในช่วงเวลา 25 ถึง 30 วินาที

1. 1 mol/dm3 .วินาที , 0.2 mol/dm3 .วินาที

2. 2 mol/dm3 .วินาที , 0.3 mol/dm3 .วนิ าที
3. 3 mol/dm3 .วนิ าที , 0.4 mol/dm3 .วนิ าที

4. 4 mol/dm3 .วินาที , 0.4 mol/dm3 .วนิ าที

6. สมมตุ ิปฏิกิริยา A + B  C กาหนดจานวนโมลสาร C ที่เกิดเป็นดงั ตาราง
เวลา (วนิ าที) 0 1 2 3 4 5

จานวนโมลสาร C ( โมล ) 0 5 10 13 14 15
จงหาอตั ราการเกิดสาร C โดยเฉล่ียในหน่วยโมลต่อวินาที

4

ตวิ สบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี
7. จากปฏิกิริยาหน่ึง หลงั จากเวลาผ่านไป 10 วินาที เกิดสาร D 2 x 10–4 โมล ในปริมาตร

สารละลาย 200 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร จงหาอตั ราการเกิดสาร D ในหน่วย โมล / ลิตร.วนิ าที
1. 1 x 10–5 2. 1 x 10–4 3. 1 x 10–3 4. 1.0 x 10–2

8. ยอ่ ยโลหะ Zn ดว้ ยสารละลายกรด HCl ปริมาตร 10 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร จะเกิดแก๊ส H2
ดว้ ยอตั ราเร็วเร่ิมตน้ 4.48 ลิตรต่อนาที ท่ี STP อตั ราการเกิด H2 เท่ากบั กี่โมลาร์ตอ่ นาที
1. 1 2. 10 3. 2 4. 20

5

ติวสบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

9. จากปฏิกิริยา A + B  C เม่ือนาความเขม้ ขน้ C (โมล/ลติ ร)

ของ C ที่เกิดมาเขียนกราฟเทียบกบั เวลาไดด้ งั รูป

จงหาอตั ราการเกิดสาร C ณ.จุดวินาทีท่ี 2 ใน 2 เวลา (วินาที )
หน่วยโมล / ลิตร.วินาที 1

2

ในสมการท่ีดุลแลว้ อตั ราการเปล่ียนแปลงปริมาณสารแต่ละตวั เป็ นโมลหรือโมลาร์ หาร
ดว้ ยสัมประสิทธ์ิแสดงจานวนโมลของสารน้นั ๆ จะมีค่าเท่ากนั

ตวั อยา่ งเช่น ในปฏิกิริยา 4 A + 3 B  2 C + D จะไดว้ า่
อตั ราการ4ลดสารA = อตั ราการ3ลดสารB = อตั ราการ2เกิดสารC = อตั ราการ1เกิดสารD

10. การรวมตวั ของไนโตรเจน และ ไฮโดรเจน เป็นดงั สมการ

N2 (g) + 3 H2 (g)  2 NH3 (g)
ถา้ อตั ราการลดของ N2 เท่ากบั 1.5 x 10–2 โมล / ลิตร.วินาที
ก) จงหาอตั ราการเกิดของ NH3 (g)
ในหน่วยโมล / ลิตร.วินาที ข) จงหาอตั ราการลดของ H2(g)

1. 1.0 x 10–2 , 4.1 x 10–2 2. 2.0 x 10–2 , 4.0 x 10–2
3. 3.0 x 10–2 , 4.5 x 10–2 4. 4.0 x 10–2 , 4.7 x 10–2

6

ติวสบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

11. แกส๊ NO2 สลายตวั ตามสมการ 2 N2O5(g)  4 NO2(g) + O2(g)
ถา้ อตั ราการสลายตวั N2O5(g) เท่ากบั 6.0 x 10–5 โมล / ลิตร.วนิ าที อตั ราการเกิด O2(g) จะ
เป็นเท่าใดในหน่วย โมล / ลิตร.วินาที
1. 1.0 x 10–5 2. 2.0 x 10–5 3. 3.0 x 10–5 4. 4.0 x 10–5

12. แก๊ส AB2 สลายตวั ไดต้ ามสมการ 2 AB2 (g)  2 AB (g) + B2(g) ถา้ อตั ราการสลายตวั
ของ AB2 เท่ากบั 5 V โมล / ลิตร.วินาที อตั ราการเกิด B2 จะเป็นเท่าใด
1. V 2. 1.5 V 3. 2 V 4. 2.5 V

7

ติวสบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

13. พิจารณาสมการ A + 2 B  5 C + 4 D นาสาร A ทาปฏิกิริยากบั สาร B

จานวนหน่ึง เมื่อเวลาผา่ นไป 20 วนิ าที พบวา่ มีสาร C เกิดข้ึน 8 โมล อตั ราการสลายตวั

เฉลี่ยของสาร B ในช่วง เวลา 0 ถึง 20 วินาที มีคา่ เป็นกี่โมลต่อวนิ าที

14. เมื่อใชส้ ารละลาย A เขม้ ขน้ 2 โมล/ลิตร ปริมาตร 100 เซนติเมตร3 ผสมกบั สารละลาย B
เขม้ ขน้ 3 โมล/ลิตร ปริมาตร 100 เซนติเมตร3 ทาปฏิกิริยาดงั สมการ

A + 2B  3C + 4D
หลงั จากเวลาผา่ นไป 10 วินาที เกิดสาร D 2 x 10–4 โมล จงหาอตั ราการลดลงของสาร A

ในหน่วย โมล / ลิตร.วนิ าที2. 5.0 x 10–4
1. 2.5 x 10–5 3. 7.5 x 10–4 4. 1.0 x 10–3

8

ตวิ สบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

15. สาร X สามารถสลายตวั ไดด้ งั สมการ X  5 Y + 6 Z เม่ือวดั ความเขม้ ขน้ ของสาร X

ในขณะที่เกิดปฏิกิริยาการสลายตวั พบวา่ ไดข้ อ้ มลู ดงั ตารางต่อไปน้ี
เวลา (วนิ าท)ี [X] (mol/dm3 )

0.00 2.0

5.00 1.6

10.00 1.2

ท่ีเวลา 5 วนิ าที จะมีสาร Z เขม้ ขน้ ก่ีโมล/ลกู บาศกเ์ ดซิเมตร

1. 1.4 2. 2.4 3. 8.4 4. 14.4

16. ปฏิกิริยาการสลายตวั ของ A เป็นดงั สมการ A (g)  2 B (g) จากขอ้ มลู ตอ่ ไปน้ี

เวลา จานวนโมล

(วนิ าที) A B

0.0 0.050 0.000

5.0 0.033 X

10.0 Y 0.050

15.0 0.020 Z

9

ติวสบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

X , Y และ Z มีคา่ เท่าใด Z
0.075
XY 0.060
1. 0.025 0.028 0.060
2. 0.034 0.025 0.075
3. 0.040 0.026
4. 0.045 0.030

6.2 แนวคิดเกย่ี วกบั การเกิดปฏิกิริยาเคมี

การเกิดปฏิกิริยาเคมีใดๆ น้นั สามารถอธิบายการเกิดไดโ้ ดยใชแ้ นวความคิดตอ่ ไปน้ี
แนวความคดิ ที่ 1 แนวความคดิ การชนกนั ของอนุภาคสารต้งั ต้น

กล่าววา่ “ ปฏิกิริยาเคมีจะเกิดข้ึนไดก้ ต็ ่อเมื่ออนุภาคของสารต้งั ตน้ ซ่ึงอาจเป็ นโมเลกลุ
อะตอม หรือไอออน ตอ้ งมีการเคลื่อนที่เขา้ มาชนกนั ก่อน ” และการชนกนั อาจไม่เกิดปฏิกิริยา
ทุกคร้งั กไ็ ด้ การชนจะทาใหเ้ กิดปฏิกิริยาสาเร็จไดก้ ต็ ่อเม่ือ

10

ตวิ สบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

1. อนุภาคชนกนั ตรงแง่มุมที่เหมาะสม ตวั อยา่ งเช่นการเกิดปฏิกิริยาของ

H2 + I2  2 H I

H + I HI
H I HI

HI
HI

กรณีน้ีแงม่ ุมการชนเหมาะสมปฏิกิริยาเกิดสาเร็จ สุดทา้ ยจะไดผ้ ลิตภณั ฑเ์ ป็น
HI 2 โมเลกลุ

HH + I I

กรณีน้ีแง่มุมการชนไม่เหมาะสมปฏิกิริยาเกิดไมส่ าเร็จ

I
HH + I

กรณีน้ีแงม่ ุมการชนไมเ่ หมาะสมปฏิกิริยาเกิดไมส่ าเร็จ

2. อนุภาคท่ีชนกนั ตอ้ งมีพลงั งานจลนม์ ากพอท่ีจะสลายพนั ธะเก่าแลว้ เกิดพนั ธะใหม่ได้
พลงั งานน้อยที่สุดที่ชนแลว้ เพียงพอจะทาให้เกิดปฏิกิริยาสาเร็จเรียกว่าพลังงานก่อกัมมันต์
(พลงั งานกระตุ้น , Activation Energy) ใชส้ ญั ลกั ษณ์เป็น Ea

ตามแนวความคิดน้ีจะเห็นวา่ ปฏิกิริยาจะเกิดเร็วหรือชา้ ข้ึนอยกู่ บั
1. ความถี่บ่อยในการชน
ถา้ อนุภาคของสารต้งั ตน้ ชนกนั บ่อยจะส่งผลใหอ้ ตั ราการเกิดปฏิกิริยาเกิดไดเ้ ร็วข้ึน
2. เปอร์เซ็นตข์ องการชนแลว้ เกิดปฏิกิริยาสาเร็จ
ถา้ การชนกนั ของอนุภาคสารต้งั ตน้ มีเปอร์เซ็นตข์ องการชนสาเร็จสูง จะส่งผลให้

อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเกิดไดเ้ ร็วข้ึน

11

ติวสบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

แนวความคดิ ท่ี 2 แนวความคดิ สารเชิงซ้อนกมั มนั ต์

ตัวอย่างเช่น การเกิดปฏิกิริยาของ

N2 + O2  2 N O

N + O N–O
N O N +– O

NO
+

NO

ตามแนวความคิดสารเชิงซอ้ นกมั มนั ต์ ข้นั ตอนการการเกิดปฏิกิริยาจะเป็นดงั น้ี
ข้ันท่ี 1 เมื่อโมเลกุลของ N2 และ O2 เขา้ ใกลก้ นั ทาใหอ้ ิเล็กตรอนคู่ร่วมพนั ธะถูก
กระทบกระเทือน พนั ธะของสารต้งั ตน้ จะอ่อนลงและยดื ยาวกวา่ เดิม
ข้ันท่ี 2 มีพนั ธะใหม่อยา่ งอ่อนๆ กบั คู่อะตอมที่เหมาะสม กลายเป็ นสารประกอบ
เชิงซอ้ นใหม่ซ่ึงมีพลงั งานในตวั สูงมาก เรียกสารเชิงซ้อนกมั มนั ต์ (Activeted Complex)
ข้ันท่ี 3 สารเชิงซอ้ นกมั มนั ต์ (Activeted Complex) จะไม่เสถียร เรียกภาวะเช่นน้ีว่า
สภาวะแทรนซิชัน ( Transition State ) สารน้ีอาจเปล่ียนแปลงไปเป็ นผลิตภณั ฑใ์ หม่ ( N – O )
หรือยอ้ นกลบั ไปเป็นสารต้งั ตน้ ( N2 + O2 ) กไ็ ดข้ ้ึนกบั พลงั งานของสารเชิงซอ้ น หากมีพลงั งาน
มากพอก็จะเกิดปฏิกิริ ยาได้ผลิตภัณฑ์ หากพลังงานไม่พอก็จะยอ้ นกลับมาเป็ นสารต้ังต้น
พลังงานน้อยที่ สุ ดที่ ชนแล้วเพี ยงพอจ ะทาให้เกิ ดปฏิ กิ ริ ย าสาเร็ จเรี ยกว่า พลังงานก่ อกัมมันต์
(พลงั งานกระตุ้น , Activation Energy) ใชส้ ญั ลกั ษณ์เป็น Ea

17. ตามแนวความคิดการชนกนั ของอนุภาคสารต้งั ตน้ ปฏิกิริยาจะเกิดสาเร็จไดก้ ต็ อ่ เม่ือ
1. อนุภาคของสารต้งั ตน้ ตอ้ งเขา้ มาชนกนั กอ่ น
2. อนุภาคของสารต้งั ตน้ ตอ้ งเขา้ มาชนกนั ในแงม่ ุมท่ีเหมาะสม
3. อนุภาคของสารต้งั ตน้ ตอ้ งเขา้ มาชนกนั ดว้ ยพลงั งานจลน์ท่ีมากกวา่ พลงั งานก่อกมั มนั ต์
4. ถูกทุกขอ้

12

ติวสบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

18. ตามแนวความคิดการชนกนั ของอนุภาคสารต้งั ตน้ ปฏิกิริยาจะเกิดไดเ้ ร็วเมื่อ

1. อนุภาคตอ้ งชนกนั ดว้ ยความถี่การชนสูง

2. มีเปอร์เซ็นตก์ ารชนกนั สาเร็จสูง

3. ตอ้ งเป็นปฏิกิริยาที่มีการคายพลงั งาน

4. ขอ้ 1. และ 2. ถูก

19. ตามแนวความคิดสารเชิงซอ้ นกมั มนั ต์ ในการเกิดปฏิกิริยาเคมีสารในขอ้ ใดตอ่ ไปน้ีมีพลงั งาน

สูงท่ีสุด

1. สารต้งั ตน้ 2. สารเชิงซอ้ น 3. ผลิตภณั ฑ์ 4. สารตกคา้ ง

20. ตามแนวความคดิ สารเชิงซอ้ นกมั มนั ต์ ปฏิกิริยาจะเกิดสาเร็จกต็ ่อเมื่อ
1. สารต้งั ตน้ มีพลงั งานมากกวา่ พลงั งานก่อกมั มนั ต์
2. สารเชิงซอ้ นมีพลงั งานมากกวา่ พลงั งานกอ่ กมั มนั ต์
3. ผลิตภณั ฑม์ ีพลงั งานมากกวา่ พลงั งานก่อกมั มนั ต์
4. ถูกทุกขอ้

13

ติวสบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

6.3 พลงั งานกบั การดาเนินไปของปฏิกริ ิยาเคมี

ในสภาวะทรานซิชนั น้นั สารเชิงซอ้ นมีพลงั งานสูงมาก สูงกวา่ สารต้งั ตน้ และผลิตภณั ฑ์
ดงั น้นั หากเขียนกราฟแสดงพลงั งานแลว้ อาจเขียนไดเ้ ป็นเช่นน้ี

กรณีท่ี 1 พลงั งาน ( E )

สารเชิงซอ้ น

สารต้งั ตน้ Ea ผลิตภณั ฑ์

พลงั งานทดี่ ูด ( E)

การดาเนินไปของปฏิกิริยา

กรณีน้ีจะเห็นว่าเมื่อปฏิกิริยาสิ้นสุดผลิตภณั ฑ์มีพลงั งานมากกว่าสารต้งั ตน้ แสดงว่า
ปฏิกิริยาน้ีเป็นปฏิกิริยาท่ีมีการดูดพลงั งาน

กรณที ี่ 2 พลงั งาน ( E )

สารต้งั ตน้ สารเชิงซอ้ น

Ea

พลงั งานทีค่ าย ( E)
ผลิตภณั ฑ์

การดาเนินไปของปฏิกิริยา

กรณีน้ีเม่ือปฏิกิริยาสิ้นสุดผลิตภณั ฑเ์ หลือพลงั งานนอ้ ยกวา่ สารต้งั ตน้ แสดงวา่ ปฏิกิริยาน้ี
เป็นปฏิกิริยาท่ีมีการคายพลงั งาน

ไมว่ า่ จะเป็นปฏิกิริยาที่มีการดูดหรือคายพลงั งาน เราหาพลงั งานท่ีดูดหรือคายไดจ้ าก
E = Eผลติ ภณั ฑ์ – Eสารต้งั ตน้

เมื่อ Eผลติ ภณั ฑ์ คือพลงั งานของผลิตภณั ฑ์

14

ตวิ สบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

Eสารต้งั ตน้ คือพลงั งานของสารต้งั ตน้
E คือพลงั งานของปฏิกิริยา

ถา้ E มีคา่ เป็นบวก แสดงวา่ เป็นพลงั งานท่ีดูดเขา้ ไป

ถา้ E มีค่าเป็นลบ แสดงวา่ เป็นพลงั งานที่คายออกมา

ผลต่างระหวา่ งพลงั งานของสารเชิงซอ้ นกบั สารต้งั ตน้ จะมีคา่ เท่ากบั พลงั งานก่อกมั มนั ต์
( พลงั งานกระตุน้ , Ea) ดงั น้นั เราจึงหาพลงั งานก่อกมั มนั ตไ์ ดจ้ าก

Ea = Eสารเชิงซอ้ น – Eสารต้งั ตน้
เม่ือ Ea คือพลงั งานกอ่ กมั มนั ต์

Eสารเชิงซอ้ น คือพลงั งานของสารเชิงซอ้ น
Eสารต้งั ตน้ คือพลงั งานของสารต้งั ตน้

พลงั งานก่อกมั มนั ต์ ( Ea) จะเป็นตวั บ่งช้ีวา่ ปฏิกิริยาเคมีน้นั จะเกิดไดเ้ ร็วหรือชา้

ปฏกิ ริ ิยาใดมคี ่าพลงั งานก่อกมั มนั ต์ ( Ea ) สูงปฏกิ ริ ิยานจี้ ะเกดิ ได้ช้า
ปฏิกริ ิยาใดมคี ่าพลงั งานก่อกมั มนั ต์ ( Ea ) ตา่ ปฏกิ ริ ิยานจี้ ะเกดิ ได้เร็ว

21แนว En) ขอ้ สรุปเกี่ยวกบั ปฏิกิริยา A และปฏิกิริยา B จากกราฟน้ี ขอ้ ใดถูกตอ้ ง

พลงั งาน A พลงั งาน B

สารต้งั ตน้ ผลติ ภณั ฑ์

ผลติ ภณั ฑ์ สารต้งั ตน้
การดาเนินไปของปฏกิ ิริยา
การดาเนินไปของปฏกิ ิริยา

1. อตั ราของปฏิกิริยา A เร็วกวา่ อตั ราของปฏิกิริยา B เพราะปฏิกิริยา A เป็นปฏิกิริยาคาย
ความร้อน

2. อตั ราของปฏิกิริยา B เร็วกวา่ อตั ราของปฏิกิริยา A เพราะปฏิกิริยา B เป็นปฏิกิริยาดูด
ความร้อน

15

ติวสบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

3. อตั ราของปฏิกิริยา A เร็วกวา่ อตั ราของปฏิกิริยา B เพราะพลงั งานก่อกมั มนั ตข์ อง

ปฏิกิริยา A นอ้ ยกวา่ ของปฏิกิริยา B

4. อตั ราของปฏิกิริยา B เร็วกวา่ อตั ราของปฏิกิริยา A เพราะพลงั งานก่อกมั มนั ตข์ อง

ปฏิกิริยา B สูงกวา่ ของปฏิกิริยา A

23. กราฟแสดงการเปล่ียนแปลงพลงั งานของปฏิกิริยา

A(g) + B(g)  C(s) + D(g) พลงั งาน ( kJ / mol )
มีลกั ษณะตามกราฟ พลงั งานกอ่ กมั มนั ตแ์ ละ
พลงั งานที่ดูดหรือคายมีคา่ เท่าใด 15 สารเชิงซอ้ น

1. พลงั งานก่อกมั มนั ต์ = 12 kJ / mol 7 ผลติ ภณั ฑ์
และดูดพลงั งาน = 7 kJ / mol 3 สารต้งั ตน้

2. พลงั งานกอ่ กมั มนั ต์ = 12 kJ / mol

และดูดพลงั งาน = 4 kJ / mol การดาเนินของปฏกิ ิริยา

3. พลงั งานก่อกมั มนั ต์ = 15 kJ / mol และดูดพลงั งาน = 4 kJ / mol

4. พลงั งานกอ่ กมั มนั ต์ = 12 kJ / mol และคายพลงั งาน = 4 kJ / mol

16

ตวิ สบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

24. กราฟแสดงการเปล่ียนแปลงพลงั งานของปฏิกิริยา

A(g) + B(g)  C(s) + D(g) พลงั งาน ( kJ / mol )
มีลกั ษณะตามกราฟ พลงั งานก่อกมั มนั ต์ และ
พลงั งานท่ีดูดหรือคายมีคา่ เท่าใด 20 สารเชิงซอ้ น

1. พลงั งานกอ่ กมั มนั ต์ = 20 kJ / mol 5 สารต้งั ตน้
และดูดพลงั งาน = 2 kJ / mol 2
ผลติ ภณั ฑ์
2. พลงั งานก่อกมั มนั ต์ = 20 kJ / mol
และดูดพลงั งาน = 3 kJ / mol การดาเนินของปฏกิ ิริยา

3. พลงั งานกอ่ กมั มนั ต์ = 15 kJ / mol และคายพลงั งาน = 2 kJ / mol

4. พลงั งานก่อกมั มนั ต์ = 15 kJ / mol และคายพลงั งาน = 3 kJ / mol

17

ตวิ สบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

25(แนว En) กราฟแสดงการเปล่ียนแปลงพลงั E (kJ/mol) ผลติ ภณั ฑ์

งานของปฏิกิริยา A(g) + B(g)  C(s) +20
มีลกั ษณะดงั น้ี ขอ้ ใดถูกตอ้ ง +20 สารต้งั ตน้

1. พลงั งานสารต้งั ตน้ = 20 kJ/mol –20
ปฏิกิริยาดูดความร้อน = 30 kJ/mol

2. พลงั งานสารต้งั ตน้ = 10 kJ/mol การดาเนินไปของปฏิกิริยา
ปฏิกิริยาคายความร้อน = 30 kJ/mol

3. พลงั งานผลิตภณั ฑ์ = –30 kJ/mol ปฏิกิริยาดูดความรอ้ น = 40 kJ/mol

4. พลงั งานผลิตภณั ฑ์ = –40 kJ/mol ปฏิกิริยาคายความรอ้ น = 40 kJ/mol

สาหรับปฏิกิริยายอ้ นกลบั ( คือยอ้ นจากผลิตภณั ฑก์ ลบั มาเป็นสารต้งั ตน้ ) เราสามารถหา
พลงั งานของปฏิกิริยายอ้ นกลบั ไดจ้ าก

Eยอ้ นกลบั = Eสารต้งั ตน้ – Eผลิตภณั ฑ์
เมื่อ Eผลิตภณั ฑ์ คือพลงั งานของผลิตภณั ฑ์

Eสารต้งั ตน้ คือพลงั งานของสารต้งั ตน้
 Eยอ้ นกลบั คือพลงั งานของปฏิกิริยายอ้ นกลบั

ถา้ E มีคา่ เป็นบวก แสดงวา่ เป็นพลงั งานที่ดูดเขา้ ไป
ถา้ E มีค่าเป็นลบ แสดงวา่ เป็นพลงั งานที่คายออกมา

ผลต่างระหว่างพลงั งานของสารเชิงซ้อนกบั ผลิตภณั ฑ์ จะมีค่าเท่ากบั พลงั งานก่อกมั -
มนั ต์ ( พลงั งานกระตุน้ , Ea) ของปฏิกิริยายอ้ นกลบั ดงั น้นั เราจึงหาพลงั งานก่อกมั มนั ต์ของ
ปฏิกิริยายอ้ นกลบั ไดจ้ าก

Eaยอ้ นกลบั = Eสารเชิงซอ้ น – Eผลิตภณั ฑ์
เมื่อ Eaยอ้ นกลบั คือพลงั งานก่อกมั มนั ตข์ องปฏิกิริยายอ้ นกลบั

Eสารเชิงซอ้ น คือพลงั งานของสารเชิงซอ้ น
Eผลิตภณั ฑ์ คือพลงั งานของผลิตภณั ฑ์

18

ตวิ สบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

26. กราฟแสดงการเปล่ียนแปลงพลงั งานของปฏิกริ ิยา

A(g) + B(g)  C(s) + D(g) พลงั งาน ( kJ / mol )
มีลกั ษณะตามกราฟ สาหรับปฏิกิริยายอ้ นกลบั

พลงั งานก่อกมั มนั ต์ และพลงั งานที่ดูดหรือคาย 15 สารเชิงซอ้ น
มีค่าเท่าใด
7 ผลิตภณั ฑ์
1. พลงั งานก่อกมั มนั ต์ = 12 kJ / mol 3 สารต้งั ตน้
และ ดูดพลงั งาน = 7 kJ / mol
การดาเนินของปฏกิ ิริยา
2. พลงั งานกอ่ กมั มนั ต์ = 12 kJ / mol
และ ดูดพลงั งาน = 4 kJ / mol

3. พลงั งานกอ่ กมั มนั ต์ = 8 kJ / mol และดูดพลงั งาน = 4 kJ / mol

4. พลงั งานกอ่ กมั มนั ต์ = 8 kJ / mol และคายพลงั งาน = 4 kJ / mol

27. กราฟแสดงการเปล่ียนแปลงพลงั งานของปฏิกริ ิยา

A(g) + B(g)  C(s) + D(g) พลงั งาน ( kJ / mol )
มีลกั ษณะตามกราฟ สาหรับปฏิกิริยายอ้ นกลบั
พลงั งานก่อกมั มนั ต์ และพลงั งานที่ดูดหรือคาย 20 สารเชิงซอ้ น

มีค่าเท่าใด 5 สารต้งั ตน้
1. พลงั งานกอ่ กมั มนั ต์ = 20 kJ / mol 2
และ ดูดพลงั งาน = 2 kJ / mol ผลติ ภณั ฑ์
2. พลงั งานกอ่ กมั มนั ต์ = 20 kJ / mol
การดาเนินของปฏกิ ิริยา

และ ดูดพลงั งาน = 3 kJ / mol

3. พลงั งานก่อกมั มนั ต์ = 18 kJ / mol และดูดพลงั งาน = 3 kJ / mol

4. พลงั งานก่อกมั มนั ต์ = 18 kJ / mol และคายพลงั งาน = 3 kJ / mol

19

ตวิ สบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

28. จากกราฟที่กาหนดน้ี ช่วงใดท่ีแสดงถึงพลงั งาน พลงั งาน

กอ่ กมั มนั ตส์ าหรบั ปฏิกิริยายอ้ นกลบั

1. A BC
2. B

3. C A

4. B + C การดาเนินไปของปฏกิ ิริยา

29(แนว มช) ถา้ ปฏิกิริยา 3O2(g)  2O3(g) เป็นปฏิกิริยาดูดพลงั งาน 100 กิโลจูล/โมล มี
คา่ พลงั งานก่อกมั มนั ต์ (Ea) เท่ากบั 300 กิโลจูล คา่ พลงั งานก่อกมั มนั ตข์ องปฏิกิริยายอ้ นกลบั
ในหน่วยกิโลจลู คือขอ้ ใดต่อไปน้ี
1. 100 2. 200 3. 300 4. 400

20

ตวิ สบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

30(แนว มช) ปฏิกิริยา 3O2(g)  2O3(g) ดูดพลงั งาน 150 กิโลจูล/โมล และมีพลงั งานกระตุน้
สาหรับปฏิกิริยาไปขา้ งหนา้ (Ea) เป็ น 400 กิโลจูล จงหาค่าพลงั งานกระตุน้ สาหรับปฏิกิริยา
ยอ้ นกลบั ในหน่วยกิโลจูล

31. ปฏิกิริยา X  Y มีพลงั งานก่อกมั มนั ตข์ องปฏิกิริยาไปขา้ งหนา้ 100 กิโลจลู /โมล มี

พลงั งานกอ่ กมั มนั ตข์ องปฏิกิริยายอ้ นกลบั 75 กิโลจลู /โมล ปฏิกิริยา X  Y เป็นปฏิกิริยา

1. คายความร้อน 25 kJ/mol 2. คายความร้อน 175 kJ/mol

3. ดูดความรอ้ น 25 kJ/mol 4. ดูดความร้อน 175 kJ/mol

21

ติวสบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

32(แนว En) พิจารณาแผนภาพตอ่ ไปน้ี

พลงั งาน ( kJ/mol ) 260
240
220

150 D 160
A B 120

50
E+F

จากขอ้ มลู ขา้ งตน้ ขอ้ ใดผดิ การดาเนินไปของปฏิกิริยา

1. ข้นั ที่เกิดปฏิกิริยาไดเ้ ร็วท่ีสุดคือข้นั ท่ี 3

2. ข้นั ที่เกิดปฏิกิริยาไดช้ า้ ที่สุดคือข้นั ท่ี 2

3. พลงั งานก่อกมั มนั ตข์ องปฏิกิริยาไปขา้ งหนา้ มีคา่ เท่ากบั 120 kJ/mol

4. ปฏิกิริยาไปขา้ งหนา้ จะคายพลงั งาน 100 kJ/mol

22

ตวิ สบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

6.4 ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี

อตั ราการเกิดปฏิกิริยาหน่ึงๆ จะเกิดไดช้ า้ หรือเร็วข้ึนกบั ปัจจยั ต่อไปน้ี

6.4.1 ความเข้มข้นของสารกบั อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี
โดยทวั่ ไปแลว้ เม่ือความเขม้ ขน้ ของสารต้งั ตน้ สูงข้ึนจะส่งผลให้อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเกิด
ไดเ้ ร็วข้ึน ท้งั น้ีเป็นเพราะเมื่อความเขม้ ขน้ ของสารต้งั ตน้ มากข้ึน จะทาใหจ้ านวนอนุภาคของสาร
ต้งั ตน้ ในระบบมีมากข้ึน โอกาสที่อนุภาคของสารจะเกิดการชนกนั จึงมีมากข้ึนดว้ ย ส่งผลใหอ้ ตั รา
การเกิดปฏิกิริยาเกิดไดเ้ ร็วข้ึนดว้ ยนน่ั เอง

แต่ปฏิกิริยาบางอย่างแมค้ วามเขม้ ขน้ สารต้งั ตน้ เพ่ิมข้ึนอตั ราการเกิดปฏิกิริยาอาจไม่
เพ่ิมข้ึนตามก็ได้ เช่นปฏิกิริยาการกาจดั แอลกอฮอลใ์ นกระแสเลือด จะมีอตั ราการเกิดคงที่แมว้ ่า
ความเขม้ ขน้ แอลกอฮอลเ์ พ่ิมข้ึนอตั ราการเกิดปฏิกิริยาจะคงที่ไมเ่ พิ่มตาม

6.4.2 พนื้ ทผี่ ิวของสารกบั อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี

สาหรบั ปฏิกิริยาเน้ือผสมที่มีสารต้งั ตน้ เป็นของแขง็ น้นั ปฏิกิริยาจะเกิดที่ผวิ ของของแขง็

ดงั น้นั ถา้ พ้ืนที่ผวิ มีมากโอกาสท่ีอนุภาคสารต้งั ตน้ จะเขา้ มาชนกนั ยอ่ มมีไดม้ าก จะส่งผลใหป้ ฏิกิริยา

เกิดไดเ้ ร็ว ในทางกลบั กนั ถา้ พ้ืนท่ีผิวมีนอ้ ยปฏิกิริยาจะเกิดไดช้ า้ ตวั อยา่ งเช่นการเผาถา่ นหิน (คือ

ทาปฏิกิริยาระหวา่ งอนุภาคถ่านหินกบั ออกซิเจนในอากาศ )

ถา้ ใชถ้ ่านหินเป็นกอ้ นโอกาสท่ีออกซิเจนในอากาศจะสมั ผสั +O2 เกิดชา้
กบั อนุภาคถ่านหินที่ผวิ จะเกิดไดน้ อ้ ยทาใหป้ ฏิกิริยาเกิดไดช้ า้

แตถ่ า้ บดถ่านหินใหเ้ ป็นผงแลว้ โปรยไปในอากาศจะทาใหพ้ ้ืน   +O2 เกิดเร็ว
ท่ีมีมากข้ึนโอกาสที่ออกซิเจนจะสมั ผสั กบั อนุภาคถา่ นหินมี 
มากข้ึน ปฏิกิริยาจะเกิดไดเ้ ร็วอาจข้ึนถึงข้นั ระเบิดได้

6.4.3 อุณหภูมกิ บั อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี
ปฏิกิริยาเคมีโดยทว่ั ไปน้นั เม่ืออุณหภูมิสูงข้ึน 10oC จะทาใหอ้ ตั ราการเกิดปฏิกิริยา

เพ่ิมข้ึน 2 – 3 เท่าตวั ท้งั น้ีเป็นเพราะเม่ืออณุ หภมู ิสูงข้ึนจะทาใหอ้ นุภาคสารต้งั ตน้ ท่ีมีพลงั งานจลน์
สูงพอท่ีจะเกิดปฏิกิริยาสาเร็จมีจานวนมากข้ึน ทาให้เกิดปฏิกิริยาไดง้ ่ายข้ึนเร็วข้ึนนนั่ เอง จริงๆ
แลว้ เมื่ออุณหภูมิสูงข้ึนจะทาให้อนุภาคสารต้งั ตน้ ชนกนั ถี่ยอ่ ยข้ึนดว้ ยแต่เหตุน้ีช่วยให้อตั ราการ
เกิดปฏิกิริยาเพิ่มข้ึนเพียง 0.01 เท่าตวั เท่าน้นั

23

ติวสบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

6.4.4 ตวั เร่งปฏิกริ ิยาและตัวหน่วงปฏิกริ ิยาเคมี

ตวั เร่งปฏิกิริยา ( Catalyst ) คือสารท่ี

1. ไมเ่ กี่ยวขอ้ งกบั ปฏิกิริยา แมไ้ มม่ ีตวั เร่ง ปฏิกิริยากส็ ามารถเกิดข้ึนไดเ้ อง

2. สามารถทาใหป้ ฏิกิริยาเกิดเร็วข้ึนไดโ้ ดยอาศยั กลไกอยา่ งหน่ึงอยา่ งใด

3. เม่ือปฏิกิริยาส้ินสุดตอ้ งไดต้ วั เร่งปฏิกิริยากลบั คนื มา

ตปวักอตยิแา่ ลงว้เชป่นฏิกปิริยฏาิกนิร้ีจิยะาเกิด2ไKดCช้ lา้Oม3ากMแnตO่ถ2า้ เร2าเKตCิมl + 3O2 เขา้ ไปดว้ ยจะทาใหป้ ฏิกิริยาเกิด
MnO2
เร็วข้ึน และเม่ือปฏิกิริยาสิ้นสุดแลว้ ได้ MnO2 กลบั คืนมา ( แต่อาจเปลี่ยนลกั ษณะทางกายภาพ )
เช่นน้ีเรียกวา่ MnO2 เป็นตวั เร่งปฏิกิริยาของปฏิกริ ิยาน้ี
เหตทุ ี่ตวั เร่งปฏิกิริยาทาใหป้ ฏิกิริยาเกิดเร็วข้ึนไดเ้ ป็นเพราะตวั เร่งปฏิกิริยาจะทาใหพ้ ลงั งาน

ก่อกมั มนั ตข์ องปฏิกิริยามีค่าลดลงส่งผลใหป้ ฏิกิริยาเกิดเร็วข้ึนไดน้ นั่ เอง
พลงั งาน ( kJ/mol)
ก่อนใส่ตวั เร่ง

สารต้งั ตน้ Ea1 หลงั ใส่ตวั เรผ่งลติ ภณั ฑ์

Ea2 E

การดาเนินไปของปฏกิ ิริยา

โปรดสังเกตวา่ ตวั เร่งปฏิกิริยาเพียงแต่ลดพลงั งานก่อกมั มนั ต์เท่าน้นั ไม่ไดเ้ ปล่ียนแปลง
พลงั งานของสารต้งั ตน้ หรือของผลิตภณั ฑ์เลย ดงั น้ันพลงั งานท่ีปฏิกิริยาดูดหรือคาย (E) จะ
ยงั คงมีคา่ เท่าเดิม

ส่วนตวั หน่วงปฏิกิริยา ( inhibitor ) จะเป็นตวั ท่ีทาใหป้ ฏิกิริยาเกิดไดช้ า้ ลง ท้งั น้ีเพราะตวั
หน่วงปฏิกิริยาจะทาใหพ้ ลงั งานกอ่ กมั มนั ตข์ องปฏิกิริยามีคา่ สูงข้ึน ส่งผลใหป้ ฏิกิริยาเกิดไดช้ า้ ลง
นน่ั เอง

เฉพาะปัจจยั การเพ่ิมความเขม้ ขน้ สารต้งั ตน้ เท่าน้นั ท่ีนอกจากจะทาใหป้ ฏกิ ิริยาเกิดเร็วข้ึนแลว้
ยงั ส่งผลให้ได้ผลิตภณั ฑ์มากข้ึนดว้ ย ท้ังน้ีเพราะเมื่อความเขม้ ขน้ สารต้งั ตน้ มากข้ึนจะทาให้
ปริมาณสารต้งั ตน้ มีมากข้ึนยอ่ มทาใหไ้ ดผ้ ลิตภณั ฑเ์ กิดมากข้ึนดว้ ยเช่นกนั ส่วนปัจจยั อื่นๆ ทาให้
ปฏิกิริยาเกิดเร็วข้ึนก็จริง แต่ไม่ไดเ้ พิ่มปริมาณสารต้งั ตน้ ดงั น้นั ยอ่ มเกิดผลิตภณั ฑใ์ นปริมาณเท่า
เดิมเพียงแตเ่ กิดไดเ้ ร็วข้ึนดงั กลา่ วนนั่ เอง

24

ติวสบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

33(แนว มช) ในการศึกษาอตั ราการเกิดปฏิกิริยาระหวา่ งหินปูนท่ีมากเกินพอกบั กรด HCl ท่ีมี
ความเขม้ ขน้ 0.1 โมล/ลิตร ปริมาณ 20 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร ที่ 20o C ถา้ เปลี่ยนความเขม้ ขน้

ของกรดเป็น 0.5 โมล/ลิตรในปริมาณ และอณุ หภมู ิเท่าเดิม ขอ้ ความใดถูกตอ้ งท่ีสุด

1. อตั ราการเกิดปฏิกิริยาคงท่ี 2. อตั ราการเกิดปฏิกิริยาลดลง

3. อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเร็วข้ึน 4. ขอ้ มลู ไมเ่ พียงพอที่จะหาคาตอบ

34. ใส่แท่งโลหะสงั กะสีรูปทรงกลม 1 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร ลงในกรดไฮโดรคลอริกเขม้ ขน้ 0.1

โมล/ลิตร 20 ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร แลว้ เขยา่ เบาๆ ถา้ เพ่ิมส่ิงต่อไปน้ีเป็ นสองเท่า อะไรจะทา

ใหอ้ ตั ราเร็วของการเกิดแก๊สไฮโดรเจนเพ่ิมมากที่สุด

1. พ้ืนที่ผิวของ Zn 2. ปริมาตรของ Zn

3. ปริมาตรของ HCl 4. ความเขม้ ขน้ ของ HCl

35. มีปฏิกิริยาระหวา่ งของแขง็ กบั แก๊สชนิดหน่ึงซ่ึงสามารถเกิดข้ึนไดต้ ลอดเวลา ถา้ ตอ้ งการทา

ใหอ้ ตั ราของการเกิดปฏิกิริยาเพิ่มข้ึน จะตอ้ งทาใหม้ ีการเปลี่ยนแปลงอะไร

1. ลดความดนั ของแก๊ส 2. ลดอุณหภมู ิลง

3. ลดขนาดของของแขง็ ลง 4. รกั ษาความกดดนั ใหค้ งที่

36. ขอ้ ใดเป็ นเหตุผลที่ถูกตอ้ งท่ีสุดเพื่อแสดงว่าอตั ราการเกิดปฏิกิริยาจะเพิ่มข้ึน เม่ืออุณหภูมิ

เพิ่มข้ึน

1. โมเลกลุ ของสารน้นั จะมีการชนกนั มากข้ึน 2. จะทาใหค้ วามดนั เพิ่มข้ึน

3. ทาใหพ้ ลงั งานกระตุน้ เพ่ิมข้ึน 4. โมเลกลุ บางส่วนมีพลงั งานสูงข้ึน

25

ติวสบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

37. Enzyme ในร่างกายถือเป็นตวั เร่งปฏิกิริยา เพราะเหตใุ นขอ้ ใดต่อไปน้ี

1. เพราะ Enzyme ไม่เก่ียวขอ้ งกบั ปฏิกิริยาท่ีเกิดข้ึน

2. เพราะ Enzyme ช่วยใหป้ ฏิกิริยาท่ีเกี่ยวขอ้ งเกิดเร็วข้ึน

3. เมื่อสิ้นสุดปฏิกิริยาจะได้ Enzyme กลบั คืนมา

4. ถูกทุกขอ้

38(แนว มช) ปฏิกิริยาการสลายตวั ของ N2O ในสภาวะท่ีมีแก๊สคลอรีนอยดู่ ว้ ยมีกลไกดงั น้ี
Cl2(g)  2 Cl(g)
N2O(g) + Cl(g)  N2(g) + ClO(g)

2 ClO(g)  Cl2(g) + O2(g)
ตวั แคตาลิตส์ ( ตวั เร่งปฏิกิริยา ) ในปฏิกิริยาน้ีคือ

1. Cl2(g) 2. Cl(g) 3. ClO(g) 4. O2(g)

39(แนว มช) ในปฏิกิริยาดูดความรอ้ น สารต้งั ตน้  สารผลิตภณั ฑ์
กาหนดใหค้ วามแตกตา่ งของพลงั งานระหว่างสารท้งั สองมีค่าเท่ากบั 20 กิโลจูลต่อโมล และ
พลงั งานกระตุน้ ของปฏิกิริยามีค่า 50 กิโลจลู ตอ่ โมล ดงั น้นั ถา้ เติมคะตะไลตล์ งไปปฏิกิริยาจะมี
ผลอยา่ งไร
1. ปฏิกิริยาจะคายความรอ้ นและมีพลงั งานกระตุน้ มากกวา่ เดิม
2. ปฏิกิริยาจะดูดความร้อนและมีพลงั งานกระตุน้ มากกวา่ เดิม
3. ปฏิกิริยาจะคายความร้อนและพลงั งานกระตนุ้ นอ้ ยกวา่ เดิม
4. ปฏิกิริยาจะดูดความร้อนเท่าเดิม และมีพลงั งานกระตุน้ นอ้ ยกวา่ เดิม

26

ตวิ สบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

40. จากกราฟ สาร A ทาปฏิกิริยากบั สาร B พลงั งาน
ไดส้ าร C และ สาร D ถา้ มีตวั เร่งปฏิกิริยา ปฏิกิริยาที่ไมม่ ตี วั เร่งปฏกิ ิริยา

จึงทาใหเ้ กิดปฏิกิริยาเร็วข้ึนพลงั งานกระตุน้

ของปฏิกิริยาที่มีตวั เร่งปฏิกิริยา คือ a b c d
1. a A+B C+D
2. b ปฏิกิริยาที่
3. c มีตวั เร่งปฏิกิริยา
4. d
การดาเนินไปของปฏิกิริยา

41. จากขอ้ ที่ผา่ นมา เม่ือมีตวั เร่งปฏิกิริยาสามารถลดพลงั งานกอ่ กมั มนั ตไ์ ดเ้ ท่าใด

1. a – b 2. b – a 3. d – c 4. c – d

42. จากขอ้ ที่ผา่ นมา พลงั งานก่อกมั มนั ตข์ องปฏิกิริยายอ้ นกลบั ( reverse reaction ) ที่ไม่มีตวั เร่ง
ปฏิกิริยา คือ
1. a 2. b 3. c 4. d

27

ติวสบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

43. พลงั งานก่อกมั มนั ตส์ าหรับปฏิกิริยา พลงั งาน

ที่ดาเนินจากซา้ ยไปขวาคือ

1. W

2. X – W Y

3. Y – X X
4. Y – W W

การดาเนินไปของปฏกิ ิริยา

44. จากขอ้ ที่ผา่ นมา ถา้ เติมตวั เร่งปฏิกิริยาลงในปฏิกิริยาน้ี ส่วนใดจะมีการเปล่ียนแปลง

1. X 2. W 3. Y – X 4. W – X

45(แนว En) ปฏิกิริยา Zn(s) + H2SO4(aq)  ZnSO4(aq) + H2(g) เป็นปฏิกิริยาคายความ
ร้อน ถา้ ใส่ผงสังกะสีในกรดซัลฟิ วริกเจือจางท่ี ( i ) 25 องศาเซลเซียส และ ( ii ) 35 องศา-

เซลเซียส กรณี ( ii ) จะเกิดผลอยา่ งไรเมื่อเทียบกบั กรณี ( i )

ก. อนุภาคตา่ งๆ มีพลงั งานจลน์สูงข้ึน ข. พลงั งานก่อกมั มนั ตล์ ดลง

ค. อนุภาคตา่ งๆ ชนกนั บ่อยคร้ังข้ึน ง. ปฏิกิริยาจะเกิดเร็วข้ึน

ขอ้ ใดถกู ตอ้ ง

1. ก. ข. และ ค. เท่าน้นั 2. ก. ค. และ ง. เท่าน้นั

3. ข. ค. และ ง. เท่าน้นั 4. ก. ข. ค. และ ง.

28

ติวสบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี

46. ขอ้ ความต่อไปน้ี ขอ้ ใดถูก

1. เม่ืออุณหภูมิสูงข้ึน โมเลกลุ สารต้งั ตน้ จะมีพลงั งานจลน์สูงข้ึนทาใหป้ ฏิกิริยาเกิดเร็วข้ึน

2. ตวั เร่งปฏิกิริยาจะทาใหพ้ ลงั งานก่อกมั มนั ตข์ องปฏิกิริยาเพิ่มข้ึน

3. เมื่อเพ่ิมอุณหภมู ิใหส้ ูงข้ึน พลงั งานกอ่ กมั มนั ตข์ องปฏิกิริยาจะลดลง

4. ตวั เร่งปฏิกิริยาจะทาใหส้ ารต้งั ตน้ มีพลงั งานจลน์เพ่ิมมากข้ึนทาใหป้ ฏิกิริยาเกิดเร็วข้ึน

47. ในการศึกษาปฏิกิริยาเคมีโดยท่ัวไปมักตอ้ งการให้ปฏิกิริยาเกิดข้ึนเร็ว ดังน้ันเวลาทาการ

ทดลองจึงมกั จะทาอยา่ งไร

1. อุ่นใหร้ ้อนเพ่ือเพ่ิมอณุ หภมู ิ 2. ใชส้ ารละลายมีความเขม้ ขน้ สูง

3. ใชว้ ธิ ีคนอยา่ งสม่าเสมอ 4. ถกู ทุกขอ้

48(แนว En) ปฏิกิริยา A(s) + B(aq)  C(aq) + D(g) เป็ นปฏิกิริยาคายความร้อน อตั รา
การเกิดปฏิกิริยาจะเพิ่มข้ึนเมื่อใด
1. ลดขนาดของ A เพ่ิมความเขม้ ขน้ ของ B ลดอณุ หภมู ิ
2. ลดปริมาณของ D เพ่ิมความเขม้ ขน้ ของ B ลดอุณหภมู ิ
3. เพ่ิมขนาดของ A ลดความดนั เพ่ิมอุณหภมู ิ
4. ลดขนาดของ A เติมตวั เร่งปฏิกิริยา เพิ่มอุณหภมู ิ

29

ติวสบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

49(แนว En) ปฏิกิริยา A(aq) + B(aq)  C(aq) + D(aq) เป็นปฏิกิริยาคายความร้อน ขอ้ ใดผดิ

1. ถา้ ลดอุณหภูมิอตั ราการเกิดปฏิกิริยาจะลดลง

2. ถา้ เติมตวั เร่งปฏิกิริยาอตั ราการเกิดปฏิกิริยาจะเพิม่ ข้ึน

3. ถา้ เติม A อตั ราการเกิดปฏิกิริยาจะเพ่ิมข้ึน

4. ถา้ เติม C อตั ราการเกิดปฏิกิริยาจะลดลง

50(แนว มช) ปัจจยั ใดตอ่ ไปน้ี มีผลทาใหอ้ ตั ราการเกิดปฏิกิริยาลดลง
ก. การเพ่ิมความเขม้ ขน้ ของสารต้งั ตน้
ข. การลดอุณหภูมิและความดนั
ค. การเติมตวั เร่งปฏิกิริยา
ง. การใชส้ ารในลกั ษณะที่เป็นกอ้ นแทนสารท่ีเป็นผง

1. ก. และ ข. 2. ก. และ ง. 3. ค. และ ง. 4. ข. และ ง.

51(แนว En) ขอ้ ใดมีผลทาใหอ้ ตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมีเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกนั

1. เพ่ิมอุณหภูมิ ลดพ้ืนท่ีผิว
2. เพ่ิมพ้ืนที่ผิว ใส่ตวั เร่งปฏิกิริยา
3. เพ่ิมความเขม้ ขน้ ของสารต้งั ตน้ เพ่ิมพลงั งานกอ่ กมั มนั ต์
4. เพ่ิมพ้ืนที่ผวิ ลดความเขม้ ขน้

30

ตวิ สบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

52. พ้ืนท่ีผิว อุณหภูมิสารต้งั ตน้ และตวั เร่งปฏิกิริยา ช่วยทาใหป้ ฏิกิริยาเกิดเร็วข้ึนแต่ไม่เพิ่ม

ปริมาณผลิตภณั ฑ์ เหตุเพราะขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี

1. เพราะเกิดปฏิกิริยาผนั กลบั 2. เพราะเกิดภาวะสมดุล

3. เพราะปริมาณสารต้งั ตน้ มีเท่าเดิม 4. เพราะปริมาณสารต้งั ตน้ มีมากข้ึน

53. การเพ่ิมความเขม้ ขน้ ของสารต้งั ตน้ ช่วยทาให้ปฏิกิริยาเกิดเร็วข้ึน และยงั ทาใหป้ ริมาณ

ผลิตภณั ฑม์ ีมากข้ึนดว้ ย เหตุเพราะขอ้ ใดต่อไปน้ี

1. เพราะเกิดปฏิกิริยาผนั กลบั 2. เพราะเกิดภาวะสมดุล

3. เพราะปริมาณสารต้งั ตน้ มีเท่าเดิม 4. เพราะปริมาณสารต้งั ตน้ มีมากข้ึน



31

ตวิ สบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

6.1 ความหมายอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี

32

ตวิ สบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทท่ี 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

6.2 แนวคิดเกยี่ วกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี

33

ตวิ สบายเคมี เลม่ 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

6.3 พลังงานกับการดาเนินไปของปฏิกิริยาเคมี

6.4 ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี

34

ติวสบายเคมี เล่ม 3 http://www.pec9.com บทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

เฉลยบทที่ 6 อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

1. ตอบข้อ 1. 2. ตอบข้อ 4. 3. ตอบข้อ 2. 4. ตอบข้อ 2.
5. ตอบข้อ 1. 6. ตอบ 3 7. ตอบข้อ 2. 8. ตอบข้อ 4.
9. ตอบ 0.5 10. ตอบข้อ 3. 11. ตอบข้อ 3. 12. ตอบข้อ 4.
13. ตอบ 0.16 14. ตอบข้อ 1. 15. ตอบข้อ 2. 16. ตอบข้อ 2.
17. ตอบข้อ 4. 18. ตอบข้อ 4. 19. ตอบข้อ 2. 20. ตอบข้อ 2.
21. ตอบข้อ 3. 22. ตอบข้อ 2. 23. ตอบข้อ 2. 24. ตอบข้อ 4.
25. ตอบข้อ 2. 26. ตอบข้อ 4. 27. ตอบข้อ 3. 28. ตอบข้อ 3.
29. ตอบข้อ 2. 30. ตอบ 250 31. ตอบข้อ 3. 32. ตอบข้อ 1.
33. ตอบข้อ 3. 34. ตอบข้อ 1. 35. ตอบข้อ 3. 36. ตอบข้อ 4.
37. ตอบข้อ 4. 38. ตอบข้อ 1. 39. ตอบข้อ 4. 40. ตอบข้อ 2.
41. ตอบข้อ 1. 42. ตอบข้อ 4. 43. ตอบข้อ 4. 44. ตอบข้อ 3.
45. ตอบข้อ 2. 46. ตอบข้อ 1. 47. ตอบข้อ 4. 48. ตอบข้อ 4.
49. ตอบข้อ 4. 50. ตอบข้อ 4. 51. ตอบข้อ 2. 52. ตอบข้อ 3.
53. ตอบข้อ 4.



35


Click to View FlipBook Version