ซีไซีรด์ในดวงใจ สิ่งสิ่มีชี มี วิ ชี ตวิที่เรีย รี กว่า ว่ คน นาย ณภัฒณ์ แสงกาศ เลขที่ 3 ม.6/2
ที่มาและของเรื่อ รื่ ง สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน เขียนโดย วินทร์ เลียววาริณ เป็นหนังสือ รวมเรื่องสั้นที่สะท้อนสัญชาตญาณของความเป็นคนออกมาได้ดี ทั้งใน แง่ของความต้องการทางกายภาพ ความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์พื้น ฐานของคน ผู้เขียนได้ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมของคนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน นี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสิ่งที่หล่อหลอมสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ขึ้นมา องค์ ประกอบของธาตุ มวลสสาร พันธุกรรมและส่วนหนึ่งมาจากการ ขัดเกลาทางสังคม จารีตประเพณี ความเชื่อทางศาสนา
วินทร์ เลียววาริณเกิดปี พ.ศ. 2499 ที่อำ เภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นศิลปินแห่ง ชาติ สาขาวรรณศิลป์ประจำ ปี พ.ศ. 2556 และเป็นนักเขียนที่ได้รับรางวัลซีไรต์ถึต์ ถึง 2 ครั้ง คือประชาธิปไตยบนเส้นขนาน เมื่อปี พ.ศ. 2540 และ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน เมื่อปี พ.ศ. 2542 โดยก่อนหน้าที่จะมาเป็นนักเขียนเขาทำ งานด้านออกแบบมาก่อน คือเป็นสถาปนิก นัก ตกแต่งภายใน ท่านเข้าเรียนชั้นประถมปีที่ 1 เมื่ออายุเจ็ดขวบ ที่โรงเรียนวิริยเธียรวิทยา หาดใหญ่ ซึ่ง เป็นโรงเรียนประถมเล็ก ๆ ครั้นแปดขวบก็ยังเรียนซ้ำ ชั้น ป.1 ด้วยครูประจำ ชั้นเห็นว่าจะทำ ให้ ภูมิแน่นขึ้น เรียนต่อประถมปีที่ 4 ที่โที่ รงเรียนแสงทองวิทยา หาดใหญ่ ซึ่งเป็นโรงเรียนคาทอลิก จึงมีโอกาสเรียนทั้งศาสนาพุทธและคริสต์ เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้ไปต่อม.ศ. 4 ที่ กรุงเทพฯ ณ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) รุ่นที่ 3 และเป็นรุ่นแรกที่เรียน ณ ที่ตั้งของ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ปัจจุบัน ท่านสนใจงานศิลปะตั้งแต่เล็ก จึงเลือกเรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์ จบปริญญาตรี สถ.บ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วเดินทางไปทำ งานที่ปที่ ระเทศสิงคโปร์ทัร์ ทันที ทำ งานเป็นสถาปนิกที่ สิงคโปร์ร่วมสี่ปีก็เดินทางไปทำ งานและเรียนต่อที่นิ ที่ นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเขาเข้า เรียนในหลายมหาวิทยาลัยโดยไม่เอาปริญญา จบแล้วกลับเมืองไทยมาทำ งานในวงการโฆษณา และต่อมาเรียนต่อจนจบปริญญาโท ด้านการตลาด จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557 วินทร์ เลียววาริณ ได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ จากสำ นักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติให้เป็น "ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์" ร่วมกับมาลา คำ จันทร์ และโสภาค สุวรรณ ประวัติ วั ติผู้แต่ง วินวิทร์ เลียววาริณริ ศิลปินปิแห่งห่ชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประวัติวั ติ
เนื้อ นื้ เรื่อ รื่ งย่อ ย่ ความสัมพันธ์ของคนกับสิ่งต่างๆ แนวคิดในการมองโลกจะมองในมุมกว้างจากระดับจักรวาล ดังนั้นจึงมองเห็นความ สัมพันธ์ของคนกับสิ่งอื่นว่าล้วนมาจากรากเหง้าเดียวกันกล่าวคือ ความสัมพันธ์ของคนกับ สิ่งเร้าภายใน คนกับสิ่งเร้าภายนอก คนกับกฎเกณฑ์ของคน คนกับคน คนกับสัตว์ และ คนกับจักรวาล แสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนนี้ไม่มีอิสระอย่างแท้จริง พฤติกรรม อารมณ์ ความรู้สึกของคนล้วนตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่มาจากสิ่งเร้า ภายใน เช่น ความต้องการทางเพศ ความกลัว หรือสัญชาตญาณการเอาตัวรอด นอกจาก นี้ยังมีกฎเกณฑ์ใหม่ที่คนกำ หนดขึ้นมาเมื่อมีความจำ เป็นต้องรวมกลุ่มกันเป็นสังคม เช่น บรรทัดฐานทางสังคม ระบบศาสนา เป็นต้น กฎเกณฑ์ที่เกิดขึ้นภายหลังนี้ก็เพื่อจำ กัดและ ควบคุมความรู้สึกภายในของคน ทำ ให้คนไม่สามารถเปิดเผยความต้องการหรือความรู้สึก ที่แท้จริงออกมา ดังนั้นจึงเกิดคำ ถามว่ากฎเกณฑ์ที่คนสร้างขึ้นมานี้ดีจริงหรือไม่ หรือมัน ช่วยทำ ให้สังคมไม่วุ่นวายได้มากน้อยแค่ไหน และเราแน่ใจได้อย่างไรว่ามันสามารถควบคุม พฤติกรรม ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติดั้งเดิมของคนได้ สะท้อนสัญชาตญาณของมนุษย์ทั้งในแง่ของความต้องการทางกายภาพ ความรู้สึก นึกคิด และอารมณ์พื้นฐานของคน ผู้เขียนได้ชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมของคนที่เป็นอยู่ใน ปัจจุบันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสิ่งที่หล่อหลอมสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น องค์ ประกอบของธาตุ มวลสสาร พันธุกรรมและดีเอ็นเอ และส่วนหนึ่งมาจากการขัดเกลาทาง สังคม อาทิ จารีตประเพณี ความเชื่อและศาสนา
กลวิธีวิก ธี ารเขีย ขี น ตีแผ่ความจริงและสัจธรรมของมนุษย์ แต่งด้วยการเรียงความ และร้อยแก้ว กลวิธีการสร้างสรรค์ ที่ทำ ให้เรื่องสั้นมี “ศิลป์” มากขึ้น ตั้งแต่การจัดวางบทความ นำ หน้าเรื่องสั้นแต่ละเรื่อง หากผู้อ่านเชื่อมโยงเนื้อหาบทความกับเรื่องสั้นได้จะทำ ให้ ตีความเรื่องสั้นได้อย่างลุ่มลึกขึ้น การเล่นกับรูปแบบเรื่องสั้น เช่น เรื่องสั้นที่ไม่มีย่อหน้า เรื่องสั้นที่ไม่มีวลีและประโยค กลวิธีซับซ้อนเหล่านี้เข้ากันได้ดีกับการนำ เสนอเรื่องสิ่งมีชีวิต ซับซ้อนที่เรียกว่า “คน”
ลักษณะนิสันิย สั ของตัวละคร ลักษณะนิสัยของตัวละครในเรื่อง สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน สามารถแยกออกเป็นหลาย ประเภทเนื่องจากความแตกต่างด้านความคิด และอารมณ์ของผู้แต่ง โดยจะพิจารณาจาก มุมมองของผู้แต่ง มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่มีความต้องการอันไม่มีที่สิ้นสุด ทุกอย่างล้วนไม่มี ความอิสระอยู่ในกรอบของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ภายนอกของคนอาจฉาบไว้ด้วยความสุภาพเรียบร้อย การแต่งกายที่ดูดี แต่ใครจะรู้ ว่ายามคนซ่อนตัวอยู่ในที่ที่ไม่มีใครเห็นเขาอาจทำ ในสิ่งที่เราคาดไม่ถึง โดยเฉพาะเรื่องเพศ เนื่องจากเป็นเรื่องที่ถูกกฎเกณฑ์มากมายคอยกำ กับควบคุมไว้ สิ่งที่ต้องปิดบังซ่อนเร้นไว้ มากเท่าไหร่ก็ย่อมแสวงหาทางปลดปล่อยที่รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งในสังคมที่ไม่เปิดกว้าง ยอมรับความแตกต่างทางเพศที่นอกเหนือจากชายจริง หญิงแท้ด้วยแล้ว พวกที่มี พฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจากที่สังคมกำ หนดไว้
ฉากและบรรยากาศของเรื่อ รื่ ง ฉาก : เล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตของผู้คนในยุคนี้ว่าพฤติกรรมส่วนหนึ่งมีผลจากสิ่งที่ หล่อหลอมตัวเราขึ้นมาจนเติบโตกลายเป็นคนหนึ่งคนหายใจอยู่บนโลก เช่น มวลสสาร องค์ประกอบของธาตุ ดีเอ็นเอ และพันธุกรรม บรรยากาศของเรื่อง : ต้องการสื่อเรื่องราวของสังคมมนุษย์และการตีแพร่ความจริง เบื้องลึกในจิตใจของคน หรือ “มนุษย์” ที่ถือว่าตนเป็นสัตว์ผู้มีปัญญาฉลาดล้ำ กว่าผู้ใด ความขัดแย้งในระบบสังคมที่บ่มเพาะและขัดแย้งในตัวของมันเอง และยังเชื่อมโยงไปถึง ความขัดแย้งภายในจิตใจของตัวมนุษย์เองด้วย สิ่งเร้าภายในและภายนอกทำ ให้มนุษย์ต้อง ดิ้นหรือหลบหลีกจากความรู้สึก และบางครั้งมนุษย์ก็ตกอยู่ภายใต้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ที่ มีศีลธรรม จริยธรรม เป็นตัวแปรสำ คัญที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมที่แสดงออกมา
สำ นวนภาษาผู้ที่แต่ง วรรณกรรม สิ่งสิ่มีชีมีวิชีตวิที่เรียรีกว่าว่คน มีจุมีจุดเด่นด่เหมือมืนสารคดี ความ เป็นป็มา ประวัติวั ติศาสตร์ และมีกมีารวิเวิคราะห์อห์ธิบธิายคล้ายหลักจิตจิวิทวิยาของ มนุษนุย์ถึย์ ถึงอารมณ์ ความรู้สึรู้กสึและพฤติกรรมของคน โดยอิงความเป็นป็ จริงริในสังสัคมปัจจุบันบันอกจากภาษาที่สละสลวย เรียรีบง่าย ในความรู้สึรู้กสึ คุณคุวินวิทร์ เลียววาริณริยังยัพยายามสอดแทรกความเป็นป็วรรณกรรม สมัยมั ใหม่ใม่ห้อีห้ อีกด้วด้ย
ข้อ ข้ คิดและประโยชน์ที่ น์ ที่ได้จากเรื่อ รื่ งนี้ 1. การมองโลกในมุมกว้างส่งผลให้เราเห็นความเกี่ยวข้องกันของทุกสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคนกับสิ่งอื่นๆ ที่อยู่ภายในหรือภายนอก นำ มาสู่ความเข้าใจที่ความเชื่อม โยงและความสัมพันธ์ที่อาศัยอยู่เสมอ 2. การมองโลกในมุมกว้าง จะทำ ให้เข้าใจเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ที่คนสร้างขึ้นในสังคม เช่น ระบบศาสนา กฎระเบียบต่างๆ ซึ่งจะสร้างเส้นทางและกรอบควบคุมพฤติกรรม และความรู้สึกของคน 3. เข้าใจว่า ทุกสิ่งที่เราอาศัยอยู่มีความเกี่ยวข้องกัน จะสามารถช่วยให้เรา พิจารณาและสร้างกฎเกณฑ์ที่เหมาะสมและทันสมัยในสังคม ซึ่งอาจช่วยสร้างสังคมที่มี ความสุขและเป็นประโยชน์สำ หรับทุกคน 4. การเข้าใจ และตระหนักถึงกฎเกณฑ์ที่คนสร้างขึ้นช่วยให้เราพิจารณาว่ามันมี ข้อดีข้อเสียอย่างไร และช่วยสร้างสังคมที่ดีกว่าโดยตั้งใจเพื่อลดข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น 5. ทำ ให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิต รวมถึงธรรมชาติและ โลกที่เราอาศัยอยู่ในอย่างมีสัมพันธ์กัน นั่นคือเราไม่สามารถดำ เนินชีวิตแยกออกจากสิ่ง แวดล้อมและสังคมที่เราอยู่อย่างเต็มที่ และความเสื่อมนี้สามารถทำ ให้เกิดความรู้สึก ต้องรับผิดชอบในการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมให้ดีขึ้น
เหตุผ ตุ ลที่เลือกอ่านหนังสือ สื เล่มนี้ เพราะตัวข้าพเจ้าต้องการจะตีแผ่ วรรณกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับความจริงของ มนุษย์ ช่วยให่ผู้อ่านมีความเข้าใจและตระหนักถึงความเป็น มนุษย์ เราต้องให้ความสำ คัญ กับคุณธรรมและการช่วยเหลือต่อผู้อื่น ซึ่งทำ ให้คนนั้นเป็นมนุษย์ที่ดีอ่อนน้อมและกรุณา อีกความหมายหนึ่งของ "มนุษย์ที่ดี" คือผู้ที่มีความยับยั้ง มีส่วนร่วมในการปรับปรุงสังคม และสิ่งแวดล้อม เอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อมและรักษาความสมดุลของธรรมชาตินั้นสามารถ พิจารณาเป็น "มนุษย์ที่ดี" ในแง่ของความรับผิดชอบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม วรรณกรรมเรื่อง สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน ที่มีความเกี่ยวข้องกับสัจธรรม ความจริงของ มนุษย์ ว่ามีความสัมพันธ์กับทุกๆสิ่งรวมถึงธรรมชาติ กฎเกณณ์ ทำ ให้เรารู้ว่า คนล้วนไม่มี อิสระอย่างแท้จริง