ก
คำนำ
รายงานฉบับนจี้ ัดทำข้ึนเพอื่ เป็นส่วนหนึ่งของวิชาพลศึกษา พ 21103 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1
เพอ่ื ให้ไดศ้ ึกษาหาความรใู้ นเรื่อง ประวัตเิ ทเบลิ เทนนิส และได้ศึกษาอยา่ งเขา้ ใจเพอื่ เปน็ ประโยชนก์ ับการเรียน
ผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านหรือนักเรียนที่กำลังหาข้อมูลเร่ืองน้ีอยู่หากมี
ข้อเสนอแนะหรือขอ้ ผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับไวแ้ ละขออภยั มา ณ ท่ีนีด้ ้วย
พมิ พช์ นก มฎารักษ์
สารบัญ ข
เรื่อง หนา้
คำนำ ก
สารบญั ข
ประวตั ิกฬี าปิงปองหรอื เทเบลิ เทนนิส 1
การเลน่ ปงิ ปองหรอื เทเบิลเทนนิส 4
วธิ กี ารเลน่ ปงิ ปองหรอื เทเบิลเทนนสิ 5
เอกสารอ้างองิ 11
1
ประวัตกิ ฬี าปงิ ปอง หรอื เทเบิลเทนนิส
กีฬาปิงปองไดเ้ ริ่มข้นึ ครง้ั แรกในปี ค.ศ. 1890 (พ.ศ. 2433) ท่ปี ระเทศอังกฤษ โดยในอดีตอปุ กรณ์ที่
ใช้เลน่ ปงิ ปองเป็นไม้หุ้มหนังสัตว์ ซ่ึงมลี ักษณะคลา้ ยกบั ไม้ปิงปองในปัจจุบัน ส่วนลกู ทใี่ ชต้ ีเป็นลูกเซลลูลอยด์ซึ่ง
ทำจากพลาสติกก่ึงสังเคราะห์ โดยเวลาที่ลูกบอลกระทบกับพื้นโต๊ะและไม้ตีจะเกิดเสยี ง "ป๊ิกปอก" ดังน้ัน กีฬา
นี้จงึ ถูกเรยี กชอื่ ตามเสียงทไ่ี ด้ยนิ วา่ "ปงิ ปอง" (PINGPONG) และได้เร่ิมแพรห่ ลายในกลุม่ ประเทศยโุ รปกอ่ น
ซ่ึงวิธีการเล่นในสมัยยุโรปตอนต้น จะเป็นการเล่นแบบยัน (BLOCKING) และแบบดันกด (PUSHING)
ซึง่ ต่อมาไดพ้ ัฒนามาเป็นการเล่นแบบ BLOCKING และ CROP หรอื เรียกว่าการเล่นถูกตัด ซ่ึงวิธีการเล่นนี้เป็น
ท่ีนิยมมากแถบยุโรป ส่วนวิธีการจับไม้ จะมี 2 ลักษณะ คือ จับไม้แบบจับมือ (SHAKEHAND) ซ่ึงเราเรียกกัน
วา่ "จบั แบบยุโรป" และการจับไม้แบบจบั ปากกา (PEN-HOLDER) ซึ่งเราเรียกกนั ว่า "จบั ไมแ้ บบจนี "
ในปี ค.ศ. 1900 (พ.ศ. 2443) เร่ิมปรากฏว่ามีการหันมาใช้ไม้ปิงปองติดยางเม็ดแทนหนังสัตว์
ดังน้ัน วิธีการเล่นแบบรุก หรือแบบบุกโจมตี (ATTRACK หรือ OFFENSIVE) โดยใช้ท่าหน้ามือ (FOREHAND)
และหลงั มือ (BACKHAND) เร่ิมมีบทบาทมากขึ้น และยังคงนิยมการจบั แบบไม้แบบยโุ รป ดังนั้น จึงถือว่ายโุ รป
เปน็ ศนู ย์รวมของกฬี าปิงปองอย่างแทจ้ ริง
ต่อมาในปี ค.ศ. 1922 (พ.ศ. 2465) ได้มีบริษัทค้าเคร่ืองกีฬา จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าว่า
" PINGPONG " ด้วยเหตุน้ี กีฬาปิงปองจึงต้องเปล่ียนช่ือเป็นเทเบิลเทนนิส (TABLE TENNIS) และในปี
ค.ศ.1926(พ.ศ.2469)ได้มีการประชุมก่อตั้งสหพันธ์เทเบิลเทนนสิ านาชาติINTERNATIONALTABLETENNIS
FEDERATION : ITTF) ขึ้นที่กรุงลอนดอน ในเดือนธันวาคม พร้อมกับมีการจัดการแข่งขันเทเบิลเทนนิส
แห่งโลกคร้ังที่ 1 ขึ้นเป็นครงั้ แรก
จากนั้นในปี ค.ศ. 1950 (พ.ศ. 2493) เป็นยุคที่ประเทศญ่ีปุ่น ซ่ึงได้หันมาสนใจกีฬาเทเบิลเทนนิส
มากขึ้น และได้มีการปรับวิธีการเล่นโดยเน้นไปที่การตบลูกแม่นยำ และหนักหน่วง และการใช้จังหวะเต้นของ
ปลายเท้า ต่อมาในปี ค.ศ. 1952 (พ.ศ. 2495) ญ่ีปุ่นได้เข้าร่วมการแข่งขันเทเบิลเทนนิสโลกเป็นครั้งแรก ท่ี
กรุงบอมเบย์ ประเทศอินเดีย และในปี ค.ศ. 1953 (พ.ศ. 2496) สาธารณรัฐประชาชนจนี จึงได้เข้าร่วมการ
แข่งขนั เป็นคร้ังแรกทีก่ รุงบคู าเรสต์ ประเทศโรมาเนีย ทำใหก้ ีฬาเทเบลิ เทนนสิ กลายเป็นกฬี าระดบั โลกทแี่ ท้จริง
2
โดยในยุคนี้ญี่ปุ่นใช้การจับไม้แบบจับปากกาและมีการพัฒนาไม้ปิงปองโดยใช้ยางเม็ดสอดไส้ด้วยฟองน้ำ
เพิม่ เตมิ จากยางชนิดเม็ดเดิมท่ใี ชก้ นั ทวั่ โลก
ในเรื่องเทคนิคของการเล่นน้ัน ยุโรปรุกด้วยความแม่นยำ และมีช่วงตีวงสวงิ ส้ัน ๆ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ
ญี่ปุ่นท่ีใช้ปลายเท้าเป็นศูนย์กลางของการตีลูกแบบรุกอย่างต่อเน่ืองทำให้ญ่ีปุ่นสามารถชนะการเล่นของยุโรปได้
แม้ในช่วงแรกหลายประเทศจะมองว่าวิธีการเล่นของญ่ีปุ่นเป็นการเล่นท่ีค่อนข้างเส่ียงแต่ญี่ปุ่นก็ สามารถ
เอาชนะในการแขง่ ขันตดิ ต่อกันไดห้ ลายปเี รยี กไดว้ า่ เปน็ ยุคมืดของยโุ รปเลยทีเดยี ว
ในทส่ี ุดสถานการณก์ เ็ ปลย่ี นไป เมื่อสาธารณรัฐประชาชนจนี สามารถเอาชนะญี่ปนุ่ ไดด้ ้วยวิธีการเลน่ ที่
โจมตีแบบรวดเรว็ ผสมผสานกบั การป้องกนั ซ่ึงจนี ไดศ้ ึกษาการเล่นของญ่ีปุ่น ก่อนนำมาประยกุ ต์ใหเ้ ขา้ กับการเลน่
แบบท่จี นี ถนดั กระทั่งกลายเป็นวธิ กี ารเลน่ ของจนี ทเ่ี ราเห็นในปัจจบุ นั
หลังจากนน้ั ยโุ รปไดเ้ ริ่มฟ้ืนตวั ขึ้นมาอีกครงั้ เนือ่ งจากนำวิธีการเลน่ ของชาวอนิ เดยี มาปรับปรุง และในปีค.ศ.
1970 (พ.ศ. 2513) จงึ เป็นปีของการประจันหนา้ ระหว่างผ้เู ลน่ ชาวยุโรป และผู้เลน่ ชาวเอเชีย แตน่ กั กฬี าของ
ญ่ปี ุ่นได้แกต่ วั ลงแลว้ ขณะท่นี ักกีฬารุน่ ใหมข่ องยโุ รปเร่มิ เกง่ ขนึ้ ทำให้ยุโรปสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลศิ ชายเด่ียว
ของโลกไปครองได้สำเรจ็
3
จากนนั้ ในปี ค.ศ.1971 (พ.ศ. 2514) นกั เทเบลิ เทนนิสชาวสวเี ดน ชอ่ื สเตลงั เบนค์สนั เป็น
ผูเ้ ปดิ ศักราชใหมใ่ ห้กับชาวยุโรป โดยในปี ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516) ทีมสวเี ดนสามารถควา้ แชมปโ์ ลกได้ จงึ
ทำใหช้ าวยโุ รปมีความม่นั ใจในวธิ กี ารเล่นทีป่ รงั ปรงุ มา ดงั น้ัน นักกฬี าของยุโรป และนักกีฬาของเอเชีย จงึ เป็น
คู่แข่งทส่ี ำคัญ ในขณะท่นี ักกีฬาในกลุ่มชาตอิ าหรับ และลาตนิ อเมริกา ก็เร่ิมก้าวหน้ารวดเร็วขนึ้ และมกี าร
แลกเปลีย่ นความรทู้ างดา้ นเทคนคิ ทำให้การเลน่ แบบต้ังรบั ซงึ่ หายไปต้งั แตป่ ี ค.ศ.1960 (พ.ศ. 2503) เริ่ม
กลบั มามบี ทบาทอีกครัง้
จากนั้นจึงไดเ้ กิดการพัฒนาเทคนิคการเปลีย่ นหน้าไมใ้ นขณะเลน่ ลกู และมกี ารปรบั ปรงุ หนา้ ไม้ซึ่งตดิ
ด้วยยางปงิ ปองทมี่ ีความยาวของเม็ดยางมากกว่าปกติ โดยการใช้ยางทสี่ ามารถเปลย่ี นวิถีการหมนุ และทิศทาง
ของลูกเขา้ ได้ จงึ นบั ได้วา่ กฬี าเทเบลิ เทนนสิ เป็นกีฬาทแ่ี พร่หลายไปท่ัวโลก โดยมีการพัฒนาอปุ กรณ์ และมี
วธิ ีการเลน่ ใหม่ๆเกดิ ขน้ึ ตลอดเวลา กระทงั่ กีฬาเทเบลิ เทนนิสไดถ้ กู บรรจเุ ปน็ การแขง่ ขนั ประเภทหน่งึ ในกีฬา
โอลิมปกิ เมื่อปีค.ศ.1988 (พ.ศ. 2531) ซึง่ จดั ขน้ึ ทีก่ รงุ โซล ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี
สำหรบั ประวตั กิ ฬี าเทเบิลเทนนิสในประเทศไทยน้ัน ทราบเพยี งวา่ คนไทยรู้จักคนุ้ เคย และเลน่ กีฬาเท
เบิลเทนนสิ มาเป็นเวลาชา้ นาน แตร่ จู้ กั กนั ในชื่อว่า กฬี าปิงปอง โดยไมป่ รากฏหลักฐานแน่ชดั วา่ มกี ารนำกีฬา
ชนดิ นี้เข้ามาเลน่ ในประเทศไทยตั้งแต่เม่ือใด และใครเป็นผู้นำเขา้ มา แตป่ รากฏว่ามกี ารเรยี นการสอนมานาน
กว่า 30 ปี โดยในปี พ.ศ. 2500 ประเทศไทยไดม้ ีการจดั ตั้งสมาคมเทเบลิ เทนนิสสมคั รเลน่ แหง่ ประเทศไทย
และมกี ารแขง่ ขันของสถาบันต่าง ๆ รวมทัง้ มีการแข่งขนั ชงิ แชมป์ถ้วยพระราชทานแห่งประเทศไทย ตง้ั แต่นั้น
เป็นตน้ มา
4
การเล่นกีฬาปิงปอง หรือเทเบลิ เทนนิส
กีฬาปิงปอง หรือเทเบิลเทนนิส ที่เรารูจ้ กั กนั น้นั ถือเป็นกีฬาที่มคี วามยากในการเล่น เนอื่ งจาก
ธรรมชาตขิ องกีฬาประเภทน้ี ถูกจำกัดใหต้ ีลกู ปิงปองลงบนโต๊ะของคตู่ ่อสู้ ซงึ่ บนฝ่งั ตรงขา้ มมพี ืน้ ทเี่ พยี ง 4.5
ฟุต X 5 ฟตุ และลูกปิงปองยังมีน้ำหนักเบามาก เพยี ง 2.7 กรมั โดยความเรว็ ในการเคล่ือนทีจ่ ากฝ่ังหนึ่งไปยงั
อีกฝงั่ หนง่ึ ใชเ้ วลาไม่ถงึ 1 วนิ าที ทำให้นกั กีฬาต้องตลี กู ปงิ ปองที่กำลงั เคล่ือนมากลบั ไปทันที ซ่งึ หากลงั เลแลว้
ตีพลาด หรอื ไม่ตเี ลย ก็อาจทำใหผ้ เู้ ล่นเสยี คะแนนได้
ท้ังนี้ ปงิ ปองมปี ระโยชนต์ อ่ ผูเ้ ลน่ เนื่องจากต้องอาศยั ความคล่องแคลว่ ว่องไวในทุกส่วนของร่างกาย
ดังนี้
1. สายตา : สายตาจะต้องจ้องมองลูกอย่ตู ลอดเวลา เพื่อสังเกตหน้าไมข้ องคู่ต่อสู้ และมองลูกว่าจะ
หมุนมาในลกั ษณะใด
2. สมอง : ปิงปองเป็นกฬี าท่ีตอ้ งใชส้ มองในการคดิ อยู่ตลอดเวลา รวมถงึ ต้องวางแผนการเล่นแบบ
ฉบั พลันอีกด้วย
3. มือ : มือท่ใี ชจ้ ับไม้ปงิ ปอง จะต้องคล่องแคลว่ และวอ่ งไว รวมถงึ ต้องรู้สึกได้เม่ือลกู ปงิ ปองสัมผสั ถูก
หน้าไม้
4. ข้อมือ: ในการตีบางลักษณะ จำเป็นต้องใช้ข้อมอื เข้าชว่ ย ลูกจึงจะหมุนมากยิ่งขนึ้
5. แขน : ตอ้ งมีพละกำลงั และมีความอดทนในการฝกึ ซ้อมแบบสม่ำเสมอ เพื่อให้เกดิ ความเคยชนิ
6. ลำตวั : การตลี กู ปงิ ปองในบางจงั หวะ ต้องใช้ลำตัวเข้าช่วย
7. ต้นขา : ผู้เล่นต้องมีตน้ ขาที่แข็งแรง เพ่ือเตรียมความพร้อมในการเคล่ือนทต่ี ลอดเวลา
8. หัวเข่า : ผู้เล่นตอ้ งย่อเข่า เพอ่ื เตรียมพรอ้ มในการเคลอ่ื นที่
9. เทา้ : หากเทา้ ไม่เคลื่อนทเ่ี ขา้ หาลูกปิงปอง ก็จะทำใหต้ ามตลี ูกปงิ ปองไม่ทนั
5
วิธีการเลน่ กีฬาปงิ ปอง หรือเทเบลิ เทนนสิ
1. การส่งลูกทีถ่ ูกตอ้ ง ลูกจะต้องอย่ทู ่ฝี า่ มือแล้วโยนข้ึนไปในอากาศ สงู ไมน่ อ้ ยกว่า 16 เซนตเิ มตร
หาคนมาเลน่ ด้วย คุณอาจจะอยากเริ่มต้นโดยการหาใครสักคนท่ีมีระดบั ฝมี ือใกล้เคยี งกันหรอื เหนอื กว่าคุณ
เล็กนอ้ ย และน่าจะเปน็ คนที่ไม่ได้มีความคิดอยากจะเอาชนะเขา้ วา่ แตฝ่ า่ ยเดียว วิธนี ้คี ณุ จะสามารถเรียนรู้
วิธกี ารเล่นไดอ้ ย่างสนุกสนาน คุณสามารถเล่นแบบตัวตอ่ ตวั หรือจะจับคู่เล่นเปน็ แบบปิงปองแบบคู่ และคุณ
คงตอ้ งการคนท่ีมีพร้อมทั้งลกู ปิงปอง ไมต้ ี พร้อมกบั โตะ๊ ถา้ คณุ ไม่มีอะไรสักอย่าง
- ถ้าการทำงานประสานกนั ระหวา่ งสายตากบั มือของคุณอยู่ในระดบั พอๆ กับสนุ ัขสาม
ขาตาบอด คณุ อาจจะอยากเร่ิมฝึกโดยการตโี ตก้ ับผนงั ก่อนเพอื่ สรา้ งความคุ้นเคยว่าไม้ตีกับลกู ทำงานร่วมกนั
อย่างไร ทางทีด่ ีทีส่ ุดคือตีบนโตะ๊ โต้กับผนงั
- คุณต้องเลน่ หรือฝกึ กบั ลูกปงิ ปองสสี ม้ หรอื สขี าวท่มี ีขนาด 40 มม. โตะ๊ ควรจะมคี วาม
ยาว 2.74 เมตร และความกวา้ ง 1.525 เมตร กบั ความสงู 0.76 เมตร
สว่ นไม้ตีปิงปองน้นั ไมม่ ีข้อหา้ มในเรื่องขนาด ไม้ตีที่หนา้ ไม้เล็กกว่าก็ยากจะประสบความสำเร็จ แต่ไม้ตี
ที่ใหญ่กวา่ ก็หนักกว่าและดงู ุ่มง่าม พวกมนั จะต้องทำมาจากไมก้ ับยางและไม้ตรี ะดบั ใชแ้ ข่งขนั น้นั ตอ้ งมีสอง
6
2.รวู้ ิธจี ับไม้ตีปงิ ปอง มวี ธิ ีการจับไมอ้ ย่สู องแบบ: จับแบบปากกา (จบั ไมจ้ นี ) และจบั แบบเชคแฮนด์
ไมว่ ่าจะจบั แบบไหน
คณุ กต็ ้องจบั หลวมๆ ใหส้ ามารถขยบั ข้อมือได้สะดวก หากข้อมือกำรอบดา้ มไมต้ เี สียจนแนน่ แรงส่วน
ใหญ่ทีค่ ุณตอ้ งใชใ้ นการตีลูกคืนไปจะมาจากแขน ไม่ใชข่ ้อมือ และคุณจะตีลูกได้ไม่แมน่ ยำ การจบั ท้ังสองแบบ
ล้วนไมใ่ ช่เร่ืองยากเย็นอะไรนัก:
- กบั ทา่ จับแบบปากกานนั้ คุณกแ็ ค่จบั ไม้ตีลักษณะเดียวกับท่คี ณุ จบั ปากกานนั่ เอง สว่ นท่า
จับแบบเชคแฮนด์ คณุ วางมอื บนดา้ มจับเหมือนกับวา่ คุณกำลังเชคแฮนด์กบั มนั แล้วรวบน้วิ มือกุมไม้จบั หลวมๆ
สงิ่ สำคัญในตอนนคี้ ือหาทา่ จบั ที่คุณรสู้ กึ จับไดถ้ นัดท่สี ุด
3. ตดั สนิ วา่ ใครจะเป็นฝ่ายเสริ ์ฟลกู ก่อน ตามกฎอยา่ งเป็นทางการของสมาคมเทเบิลเทนนิส
นานาชาติ (ITTF) นัน้ สทิ ธิในการเลอื กว่าใครจะเปน็ ผู้เสริ ์ฟลูกก่อนนั้นวัดเอาจาก "การเสยี่ งทาย" (เชน่ การโยน
เหรียญหรอื การจับฉลาก เป็นตน้ ) โดยผูช้ นะจะเป็นฝ่ายเลอื กว่าจะเสิร์ฟลูกก่อนหรอื จะเลือกวา่ ต้องการเลน่ ข้าง
ไหน ถ้าผู้ชนะเลอื กจะเป็นฝ่ายเสิร์ฟหรือเปน็ ฝา่ ยรบั ลูก ฝ่ายตรงข้ามจะไดเ้ ลือกวา่ จะเล่นด้านใดของโตะ๊ และ
สลับกนั
7
- อย่างไรก็ตาม ในการเลน่ ปงิ ปองแบบหย่อนใจสว่ นใหญ่ สทิ ธิการเป็นฝ่ายเสิร์ฟจะวดั จากการแข่งอะไร
เร็วๆ โดยมากก็ให้แต่ละฝา่ ยท่องตัวสะกดของคำวา่ P-I-N-G ในแตล่ ะครั้งทตี่ ีได้ หลงั จากคำว่า P-I-N-G ถูก
สะกดได้ครบ ฝา่ ยท่ีทำไดจ้ ะเลอื กว่าจะเสิร์ฟลูกก่อนหรอื เป็นฝา่ ยเลือกขา้ ง
4.เสิร์ฟลูก ลกู ปงิ ปองควรถูกโยนขึ้นมาด้วยมอื ข้างทว่ี ่างดว้ ยความสูงในแนวด่ิงอย่างน้อย 16 ซม. (6
นว้ิ ) และถกู ไมต้ ีเพ่ือทม่ี นั จะกระดอนลงโต๊ะขา้ งของ “คุณ” หน่งึ คร้งั กอ่ น แล้วค่อยพุ่งข้ามเน็ตไปโดนโต๊ะขา้ ง
ฝา่ ยตรงข้าม
- ถา้ คณุ เล่นแบบเด่ยี ว ผเู้ สริ ์ฟสามารถเสริ ฟ์ ลงไปทุกจุดของโต๊ะฝ่ายตรงขา้ มได้ และฝ่ายตรง
ขา้ มจะต้องตีโต้กลบั มา หากเลน่ แบบคู่ การเสิร์ฟจะสลบั หมุนเปลยี่ นกันไประหวา่ งคุณกับคู่
ของคณุ เร่มิ ดว้ ยคนทอ่ี ยู่ด้านขวา และลกู ปิงปองจะต้องตกกระดอนทางคร่งึ ขวาของโตะ๊
ดา้ นเรากอ่ น และจะตอ้ งกระดอนขา้ มโต๊ะทแยงไปทางฝา่ ยตรงข้าม
- การเสิรฟ์ จะต้องเปลย่ี นขา้ งทุกๆ สองคะแนน หลงั จากได้สองแตม้ แล้ว ฝ่ายตรงขา้ ม หรือถ้า
ในประเภทคู่ก็คือคนทีอ่ ยู่ฝงั่ ตรงขา้ มดา้ นทแยงมุมกับผู้เสิร์ฟ จะได้สิทธใิ นการเสริ ์ฟ หลังจาก
ไดอ้ ีกสองแต้ม คนเสิร์ฟคนแรก (หรือคู่ของเขาหากเป็นประเภทคู่) จะไดเ้ ปน็ ฝ่ายเสิร์ฟ
- ถ้าลูกปิงปองไปโดนเนต็ ในการเสริ ฟ์ ท่ถี ูกต้องตามกติกา ลูกเสิร์ฟนั้นจะเรยี กว่า "เล็ต" และ
จะตอ้ งทำการเสริ ฟ์ ซำ้ โดยไมม่ ีการได้คะแนน หากเกิดการเลต็ สองหนซ้อน ผูเ้ ลน่ ฝ่ายตรง
ขา้ มของผ้เู สิร์ฟจะเป็นฝา่ ยได้คะแนนไป
- คนทเ่ี ล่นสนุกๆ อาจให้คนท่กี ำลังจะแพไ้ ดเ้ ป็นฝา่ ยเสิร์ฟ แต่ในความเป็นจริงน้นั จะเปลี่ยนข้าง
ทุกสองเสิร์ฟจนกวา่ เกมจะจบลงหรือมคี ะแนนดวิ ซ์เท่ากนั ที่ 10-10 ในคะแนนตัดสินเกม
น้นั มที างเปน็ ไปได้ทจี่ ะเสยี เสิรฟ์ ให้ฝา่ ยตรงขา้ มหรือเสริ ์ฟผิดพลาด
8
5. ตลี กู ปงิ ปองกลบั มา หลังจากการเสริ ์ฟ ลกู ปงิ ปองจะต้องถูกตโี ต้กลบั ขา้ มเน็ตมายงั จดุ ใดกไ็ ดบ้ น
โต๊ะข้างฝ่ายตรงข้าม ลูกปิงปองจะโตก้ ลับมาหลงั จากได้กระดอนลงหนึ่งครั้งทางข้างของคุณ แตต่ อ้ ง ก่อนที่มนั
จะกระดอนครั้งทีส่ อง หรือตกพน้ื หรอื โดนวัตถใุ ดกต็ ามทีไ่ ม่ได้อยู่บนโตะ๊
- ถ้าลูกปงิ ปองไปโดนเน็ตในการตโี ตก้ ลับมา แต่พลกิ ขา้ มเน็ตตกลงทางข้างฝา่ ยตรงขา้ มได้ ลูกปงิ ปอง
นน้ั จะถือว่ายงั ไม่ตาย และฝ่ายตรงขา้ มคณุ จะต้องตมี ันโตก้ ลับมา
6. การทำคะแนน. แต้มหน่งึ แต้มจะมอบให้กบั ผู้ทีต่ ีได้โดยไม่เล็ต และทัง้ สองฝ่ายสามารถไดแ้ ต้มโดยไม่
เกี่ยววา่ ใครเป็นฝ่ายเสริ ฟ์ น่คี ือสว่ นสำคัญของการได้แต้ม:
9
- ถ้าการเสริ ์ฟของคุณไปติดเน็ต ข้ามโตะ๊ ไปโดยไม่ลงด้านของฝา่ ยตรงขา้ ม หรอื (ในกรณีเล่น
แบบคู)่ ตกลงครงึ่ ทถ่ี ูกหา้ มของโตะ๊ ด้านฝ่ายตรงขา้ ม ฝ่ายทีเ่ ป็นผรู้ ับลูกจะเป็นผู้ได้แต้ม
- ถ้าคณุ ไม่สามารถตโี ต้กลับมาได้อย่างถูกต้อง (ตามที่ได้อธิบายขา้ งบน คือ ลกู ปิงปองไปติดเน็ต
หรือไม่ลงโต๊ะด้านฝ่ายตรงข้าม) ฝา่ ยตรงขา้ มคณุ จะเปน็ ผ้ไู ดแ้ ตม้
- ถ้าคุณรบั ลูกเสิรฟ์ ท่ีถกู ต้องและตีลกู บอลด้วยไมต้ ีมากกวา่ หนึ่งคร้งั หรือใชส้ ว่ นใดส่วนหน่งึ ของ
ร่างกายสัมผัสกบั ลูกปงิ ปอง ฝา่ ยตรงขา้ มคณุ จะเป็นผไู้ ด้แต้มไป โปรดสังเกตวา่ ถ้าการเสริ ์ฟหรือ
การตโี ต้กลับมาของฝา่ ยตรงข้ามไม่ลงโต๊ะข้างของคณุ คุณยงั คงได้แต้มถงึ แม้ว่าลูกปิงปองจะ
โดนตวั คุณหรอื คุณคว้าลูกปงิ ปองหลงั มนั ลอยเลยขา้ มทา้ ยโตะ๊ มาแล้ว
- ถ้าคณุ ใช้มอื ข้างที่ว่างสัมผสั โดนโต๊ะหรอื ขยบั โต๊ะ ฝ่ายตรงข้ามจะเปน็ ผไู้ ดแ้ ต้ม
7. การชนะในการเล่น. หลายคนชอบเลน่ แบบนับคะแนน 21 หรอื 15 แต้ม (เปลีย่ นข้างเสิร์ฟทุกๆ
5 แต้ม) ซึง่ เหมาะสมกับการเล่นแบบหย่อนใจ อยา่ งไรก็ดี กฎอย่างเป็นทางการนนั้ กำหนดคะแนนไว้ที่ 11
แตม้ (เปลย่ี นข้างเสริ ์ฟทุกๆ 2 แต้ม) ถา้ จะชนะนั้นต้องทำคะแนนนำหนา้ สองคะแนน หากผเู้ ลน่ เสมออย่ทู ่ี
10-10 หรอื 20-20 เป็นตวั อยา่ ง กระบวนการนับคะแนนยงั คงเหมือนเดิม หากแตจ่ ะเปลย่ี นขา้ งเสริ ์ฟทุก
คะแนนแทนทจี่ ะเปน็ ทุกสองคะแนน
10
8. เล่นต่อ ในการแข่งขันนัน้ แตล่ ะนัดจะถอื วา่ ชนะโดยผเู้ ล่นท่ีสามารถชนะสองในสามเกม ผเู้ ล่นจะ
เปลี่ยนขา้ งในแต่ละเกม และยังต้องเปลย่ี นข้างในระหว่างเกมทสี่ าม (ถ้าจำเป็นต้องมี) อกี ด้วย เม่อื ผู้เลน่ ฝา่ ยใด
ฝ่ายหนง่ึ ทำคะแนนถงึ ห้าแต้มได้ก่อน
- ผเู้ ลน่ ท่ีจะเปน็ ฝ่ายเสิรฟ์ กอ่ นน้ันจะเปลยี่ นไปในแต่ละเกม โดยท่วั ไปแล้วทุกอย่างจะเสมอเทา่
เทยี มกันในแตล่ ะฝา่ ย ไมค่ วรมฝี า่ ยไหนไดเ้ ปรยี บเหนอื กวา่ อกี ฝ่าย
การแข่งขนั ประเภททีมมี 2 แบบ คือ
1. SWAYTHLING CUP มผี ู้เลน่ คร้งั ละ 3 คน
2. CORBILLON CUP มีผเู้ ลน่ ครงั้ ละ 2-4 คน
11
เอกสารอ้างอิง
การกีฬาแหง่ ประเทศไทย.2557.(ออนไลน์).แหล่งทีม่ า:
http://www.ipelp.ac.th/Center%20Sport/sara/sara%204/sara4.html
12