หนังสืออิเลก็ ทรอนิกส์ (E-Book)
หลกั สตู รนครศรีธรรมราชศึกษา
หน่วยท่ี 9 ศาสนา
ศาสนาพทุ ธในจงั หวดั นครศรีธรรมราช
สหวิทยาเขตหวั ไทร-เชียรใหญ่
สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา นครศรีธรรมราช
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ
ศาสนาพุทธในเมืองนครศรีธรรมราช เป็นปูชนียสถาน
สาคัญของประเทศ ตั้งอยู่ในพื้นท่ีจังหวัดนครศรีธรรมราช มีอายุ
การสร้างมากว่า 800 ปี เป็นที่รู้จักกว้างขวาง มิเพียงแต่
พุท ธ ศาส นิกชนใ นพ้ืนท่ีภ า คใต้ เ ท่ า น้ัน แ ต่ยัง ร วม ไ ปถึง
พุทธศาสนิกชนท่ัวประเทศไทย และพุทธศาสนิกชนในประเทศ
ใกล้เคียงอีกด้วย ทั้งน้ีในบทเรียนน้ียังสอดแทรกประวัติความ
เป็นมา พิธีกรรมสาคัญ พระพุทธรูปท่ีสาคัญทางศาสนา บุคคล
สาคญั ทางศาสนา คณะผู้จัดทาหวงั เปน็ อย่างยิ่งว่าเรื่องราวเหล่าน้ี
จะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจประวัติศาสตร์และศาสนาในเมือง
นครศรธี รรมราช
คณะผ้จู ดั ทา
ก
เรอื่ ง หน้า
คานา ก
สารบัญ ข-ค
ศาสนาพุทธ 1-1
วดั พระมหาธาตวุ รมหาวหิ าร 2-5
ดนิ แดนภาคใตใ้ นอดีตกาล 6-6
ความเช่ือและศาสนาในดินแดนภาคใต้ 7-7
ปฐมบทพระพทุ ธศาสนาในดนิ แดนภาคใต้ 8-8
ศรีวิชัยล่มสลาย นครศรีธรรมราชกาเนดิ 9-9
ลัทธเิ ถรวาทลังกาวงศ์บนดินแดนภาคใต้ 10-10
พระบรมธาตเุ จดีย์ 11-11
พระพทุ ธรปู สาคัญ 12-15
ข
เรอื่ ง หน้า
แห่ผา้ ขน้ึ ธาตุ 17-17
ประเพณใี ห้ทานไฟ 18-18
ประเพณีสวดดา้ น 19-19
บคุ คลสาคญั 20-25
บรรณานุกรม 26-26
คณะผ้จู ัดทา 27-27
ค
"วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร " เป็นปูชนียสถาน
สาคัญของประเทศ ตั้งอยู่ในพ้ืนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
มีอายุการสร้างมากว่า 800 ปี เป็นที่รู้จักกว้างขวาง
มิเพียงแต่พุทธศาสนิกชนในพ้ืนท่ีภาคใต้เท่านั้น แต่ยังรวม
ไปถึงพทุ ธศาสนกิ ชนทัว่ ประเทศไทย และพทุ ธศาสนิกชนใน
ประเทศใกล้เคียงโดยเฉพาะในประเทศมาเลเชีย และ
ประเทศสิงคโปร์ที่มักจะมาสักการบูชา เป็นประจาทุกปี
ในช่วงเดือนสามถึงเดือนหก วัดน้ีนอกจากจะมีพระพุทธรูป
สาคัญและวิหารอันใหญ่อันรามแล้ว "องค์พระบรมธาตุ
เจดีย์ " ก็คือมรดกพุทธศิลป์ท่ีมีประวัติการสร้างที่มีคุณค่า
ทางประวตั ิศาสตร์และโบราณคดีของมนุษยชาติ ในภูมภิ าค
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างย่ิงใหญ่หลายมิติ ไมว่ ่าจะเป็น
มิติทางศาสนา มิติทางวัฒนธรรม มิติทางสถาปัตยกรรม
และมิติทางประวัติศาสตร์ส่ิงเหล่าน้ีสะท้อนถึงพัฒนาการ
ทางความเชอ่ื ความคิด และภูมิปัญญาของผู้คนในอดีต ที่มี
คุณค่าเพียงพอท่ีจะนาไปสคู่ วามเป็น "มรดกโลก" ได้
1
"วดั พระมหาธาตวุ รมหาวหิ าร" เปน็ พระอารามหลวงชั้นเอก
ชนิด"วรมหาวิหาร" ต้ังอยู่ในใจกลางเมืองนครศรีธรรมราช
(ปัจจุบันอยู่ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช) ในท้องท่ีตาบล
ในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่เดิมชื่อว่า "วัด
บรมธาตุ" ต่อมาได้เปล่ียนช่ือเป็น "วัดพระมหาธาตุ" ตาม
ประกาศของแผนกสังฆการี กระทรวงธรรมการ เรื่องจัดระเบียบ
พระอารามหลวง ลงวันท่ี 30 กันยายน พ.ศ.2458 แม้เปลี่ยนช่ือ
มานานรว่ มหนง่ึ ร้อยปี แต่ชาวเมอื งส่วนใหญ่ยังคงเรียก " วัดพระ
บรมธาตุ" หรือ "วัดพระธาตุ" ตามสถูปเจดีย์ซึ่งบรรจุพระบรม
สารีริกธาตุไว้ท่ีฐานพระธาตุเจดีย์ประวัติการสร้างปรากฏอยู่ใน
หลักฐาน "ตานาน" ที่เรียบเรียงขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้แก่
ต า น า น พ ร ะ บ ร ม ธ า ตุ น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช แ ล ะ ต า น า น เ มื อ ง
นครศรีธรรมราช ท้ังสองเล่มมีเนื้อหาคล้ายกับคัมภีร์ทาฐาวังสะ
ของลังกา ผู้แต่งได้ผูกเรื่องราวของพระบรมธาตุไว้กับตานานพระ
เขยี้ วแก้ว เน้ือหาในตานานท้งั สองกล่าวตรงกันว่า พระเจ้าศรีธรร
มาโศกเป็นผู้สร้างพระบรมธาตเุ จดยี ข์ น้ึ ใน พ.ศ.1719
2
ในคราวที่ย้ายเมืองมาต้ัง ณ หาดทรายแก้ว ซ่ึง
สันนิษฐานว่าเม่ือแรกสร้างคงจะมีเพียงองค์พระบรมธาตุ
เจดีย์ และวิหารโพธิ์ลังกาเท่านั้นส่วนส่ิงก่อสร้างอื่นๆ เช่น
วิหารเขียน วิหารพระทรงม้า วิหารธรรมศาลา และวิหาร
หลวง รวมท้งั กุฎีในเขตสังฆาวาส เพ่ิงสรา้ งข้ึนในชนั้ หลงั
โดยเหตทุ แี่ ตเ่ ดมิ วดั น้ีมฐี านะเป็นศาสนสถานกลางของ
เมือง และไม่มีเขตสังฆวาสให้พระสงฆ์จาพรรษา จึง
กาหนดให้พระสงฆ์ในวัดรายรอบมาทาหน้าท่ีดูแลพระ
บรมธาตุเจดีย์ ต่อมาเม่ือมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
คณะสงฆ์ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งคณะ
สงฆข์ ึน้ ดูแล มีตาแหน่งเป็ น "พระครู" โดยมีพระครู
เหมเจตยิ านุรักษเ์ ป็ นหวั หน้า และมผี ู้ช่วยอีกส่ีรูป คือ
พระครูกาเดมิ พระครูการาม พระครูกาแก้ว และพระ
ครูกาชาด มหี น้าทดี่ แู ลพระธาตุเจดยี ร์ ่วมกนั
ท่ีมา:https://www.thaitoptour.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%
B8%A3%E0%B8%B0%/
3
คร้ัน พ.ศ.2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
เจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าฟ้ายุคลติฆัมพร
กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ อุปราชมณฑลปักษ์ใต้นิมนต์
พระสงฆ์จากวัดเพชรจริกมาจาพรรษา และพระราชทาน
นามวัดใหม่ว่า "วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร" เม่ือวันที่
30 กนั ยายน พ.ศ.2458 ต่อมากรมศิลปากรได้ข้ึนทะเบียน
เป็นโบราณสถานเมื่อ พ.ศ.2479บรรดาเครื่องบูชาพระ
ธาตุซ่ึงพุทธศาสนิกชนผู้มีความศรัทธาได้นามาถวาย
รวมทั้งโบราณวัตถุซ่ึงวัดเก็บรวบรวมและจัดแสดงไว้ใน
พิพิธภัณฑ์ สะท้อนให้เห็นบทบาทของพระอารามในด้าน
การเป็นคลังของข้อมูลเพ่ือการศึกษาคันคว้าทางด้าน
ประวัติศาสตร์ โบราณคดีตลอดจนศาสตร์อื่นๆ ที่
เกี่ยวข้องจนอาจกลา่ วได้อยา่ งม่ันใจวา่ วัดน้ีไมเ่ พยี งแต่ป็น
ศูนย์รวมความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนเท่านั้น แต่ยังมี
บทบาทในฐานะเป็นแหล่งรวบรวมหลักฐานและข้อมูลอัน
ท ร ง คุ ณ ค่ า ใ น ด้ า น ศ า ส น า ศิ ล ป วั ฒ น ธ ร ร ม แ ล ะ
ประวัตศิ าสตร์ภาคใตท้ ่ีมีความสาคัญและเป็นประโยชน์ต่อ
การศกึ ษาค้นควา้ ในปจั จุบนั และอนาคตอยา่ งยิง่
4
" วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร " เป็นศูนย์รวมความ
ศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ทั้งในจังหวัดภาคใต้และรัฐ
ตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย(ปัจจุบัน) รวมท้ัง
พุทธศาสนิกชนชาวไทยท่ัวประเทศสถาปัตยกรรมและ
สิ่งก่อสร้างทั้งหลายภายในเขตพระอาราม ล้วนเป็น
ประจักษ์พยานที่แสดงถึงความศรัทธาเลื่อมใส ที่สืบทอด
ต่อเน่ืองมาเป็นเวลายาวนาน รูปแบบสถาปัตยกรรมและ
งานช่างศลิ ปกรรมล้วนประดิษฐ์ตกแต่งด้วยศรัทธา ปูชนีย
สถานและปูชนียวตั ถุล้วนสะทอ้ นประวัตศิ าสตรก์ ารเผยแผ่
เข้ามาของพระพุทธศาสนาในดินแดนภาคใต้และแสดงถึง
ความสัมพนั ธ์กับดนิ แดนอ่ืนๆที่เช่ือมโยงกันด้วยการรับนับ
ถือพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาร่วมกันและขยายแวดวง
แห่งความศรัทธาอย่างไพศาลจนพระพุทธศาสนาลัทธิเถร
วาทลังกาวงศ์จากนครศรีธรรมราชได้กลายเป็นศาสนา
ประจาชาติไทยในวันน้ี
5
เม่อื 2,500-3,00 ปที ีผ่ า่ นมา ผูค้ นในดนิ แดนภาคใต้ได้ตั้ง
ถนิ่ ฐานตามถา้ แหล่งน้า และพ้นื ราบริมภูเขา สร้างและพฒั นา
ในลักษณะปรับตัวเข้ากับส่ิงแวดล้อมตามธรรมชาติและภูมิ
ประเทศ ทาการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ต้ังถิ่นฐานบริเวณตอน
ในของแผ่นดิน และตามบริเวณชายฝ่ังทะเล จนกระทั่ง
สามารถรวมชุมชนใกล้เคียงขึ้นบ้านเมือง เริ่มติดต่อสัมพันธ์
และรับวัฒนธรรมจากภายนอกท่ีเข้ามาโดยทางเร่ือ ทั้งชุมชน
ฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ชนชาติที่ติดต่อสัมพันธ์ ได้แก่
อนิ เดีย จนี อาหรับ มอญ และเขมรเป็นตน้
พัฒนาการของความเจริญของชุมชนในภาคใต้อาจแบ่ง
ได้เป็นสามระยะ คือระยะท่ีเป็นสถานีการค้า (Way station)
ระยะท่ีเป็นเมืองท่า (Entrepot) และระยะที่เป็นนครรัฐ
(State) ความเจริญของท้ังสามระยะล้วนเกิดจากการติดต่อ
สัมพันธ์ทางการค้าและการเผยแผ่ความเช่ือหรือศาสนากับ
ชาติต่าง ๆข้างต้น โดยเฉพาะอินเดียซ่ึงนาเอาวัฒนธรรมทาง
ศาสนาและระบบการปกครองมาใช้ จนมีผลต่อความ
เจรญิ เตบิ โตของดนิ แดนภาคใต้มาจนถงึ ปัจจุบนั
6
ดินแดนภาคใต้ของประเทศไทยก่อนหน้าจะมี
พระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้ามาจนสถิตสถาพรเช่น
ปัจจุบัน ผู้คนในดินแดนนี้เดิมนับถือธรรมชาติและ
ส่ิงเหนือธรรมชาติ เช่นเดียวกับผู้คนใน "ดินแดน
สุวรรณภูมิ" จนกระท่ังล่วงถึงพุทธศตวรรษที่ 4 6
(ภายหลังพระเจา้ อโศกมหาราชกระทาสังคายนาครง้ั
ที่ 3 แล้วเสร็จ)จึงมีสมณทูตพุทธศาสนาอินเดียเผย
แผ่เข้ามายัง "สุวรรณภูมิ" รวมท้ังดินแดนภาคใต้
ของประเทศไทย พร้อม ( กับศาสนาพราหมณ์ โดย
ทยอยเข้ามาเป็นระลอก จนถึงพุทธศตวรรษท่ี 18
พระพุทธศาสนาลัทธเิ ถรวาทลงั กาวงศ์จึงเข้ามาสถิต
มั่นอยู่ทั่วประเทศ รวมทั้ง "นครศรีธรรมราช" โดยมี
พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชแห่งราชวงศ์ปทุมวงศ์เป็น
องค์อปุ ัฏฐากทส่ี าคัญ จนเผยแผไ่ ปทว่ั ราชอาณาจกั ร
ในเวลาต่อมา
7
นับแต่พุทธศตวรรษท่ี 4-6 พระพุทธศาสนาเร่ิมเป็นท่ี
รู้จักและศรัทธาในหมู่คนท้องถิ่นมากข้ึน จวบจนกระท่ังถึง
พุทธศตวรรษท่ี 10-13 พระพุทธศาสนาจึงเฟื่องฟูไปทั่ว
ดินแดนภาคใต้ โดยมีศนู ยก์ ลางชุมชนพทุ ธศาสนาอยู่สี่แหล่ง
คือ แหล่งอ่าวบ้านดอน มีชุมชนสาคัญคือเมืองไซยา เมือง
เวียงสระ และเมืองพุนพิน แหล่งอ่าวนครและลุ่มทะเลสาบ
สงขลา มีชุมชนสาคัญคือเมืองนครศรีธรรมราช (ตามพร
ลิงค์) และเมืองสทิงพระ แหล่งอ่าวปัตตานี มีชุมชนสาคัญ
คอื เมอื งยะรงั และแหล่งภาคใต้ตอนกลาง มีชุมชนสาคัญคือ
เมืองพัทลุง (ถ้าเขาอกทะลุ) เมืองตรัง (ถ้าเขานุ้ย) เมือง
กระบี่ (เขาขนาบน้า) และเมอื งตะกว่ั ปา่ ชมุ ชนตา่ งๆ ข้างต้น
ต่อมาได้เติบโตขึ้นเป็นเมืองท่าสาคัญในดินแดนภาคใต้ บง
แห่งพัฒนาข้ึนเป็นรัฐ และกลายเป็นส่วนหน่ึงของ
"อาณาจกั รศรวี ชิ ยั " ในชว่ งพุทธศตวรรษที่ 13-16
8
"อาณาจักรศรีวิชัย" เป็นอาณาจักรใหญ่ในคาบสมุทร
ภาคใต้ มีลักษณะการรวมตัวเข้าเป็นเสมือน "สมาพันธรัฐ" มี
อาณาเขตต้ังแต่เมืองไซยาไปจนถึงเมืองปาเล็มบัง (ใน
อินโดนีเซีย) ในช่วงพุทธศตวรรษท่ี 13-16 ความรุ่งเรืองเกิด
จากการเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเล มีศิลปวัฒนธรรมเป็น
เอกลักษณ์ในคาบสมุทรนับถือพระพุทธศาสนามหายานเป็น
หลัก ต่อมาในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 16 ราเชนทรโจฬะ
จากอาณาจักรโจฬะแห่งอินเตียใต้ได้เข้าโจมตี เป็นเหตุให้
อาณาจักรศรวี ิชัยล่มสลาย "นครศรีธรรมราช"แต่เติมเคยเป็น
รัฐหน่ึงในอาณาจักรศรีวิชัย ช่ือ"ตามพรลิงค์" นับถือศาสนา
พราหมณ์ลัทธิไศวนิกายเป็นหลัก ภายหลังอาณาจักรศรีวิชัย
ล่มสลายเมื่อพุทธศตวรรษที่ 16 ราชวงศ์ "ปทุมวงศ์" ซึ่งมี
พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชเป็นต้นราชวงศ์ ได้รับเอา
พระพุทธศาสนาลัทธิเถรวาทจากลังกาเข้ามาเป็นศาสนา
ประจารัฐแทนศาสนาพราหมณ์ ทรงชักชวนผู้คนร่วมกันสร้าง
สถูปใหญ่ทรงระฆังคว่าตามแบบสถาปัตยกรรมลังกาข้ึนบน
"หาดทรายแก้ว" เมื่อพุทธศตวรรษที่ 18แล้วต้ังเป็น
"อาณาจักรนครศรธี รรมราช"
9
การสร้างสถูปเจดีย์ใหญ่ทรงระฆังคว่าข้ึนที่หาด
ทรายแก้วนอกเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อราว พ.ศ.1
719 เป็นความร่วมมือในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ของกษัตริย์สามอาณาจักร คือกษัตริย์ลังกา (พระเจ้า
ปรากรมพาหุท่ี 1) กษัตริย์พุกาม (พระเจ้านรปติสิทฐ
และกษัตริย์นครศรีธรรมราช (พระเจ้าศรีธรรมาโศก
ราช) เท่ากับเป็นการประกาศว่า พระพุทธศาสนาลัทธิ
ลังกาวงศ์จะสถิตมั่นคงอยู่บนดินแดนภาคใต้นับแต่นี้
เป็นต้นไป
ที่มา:https://www.thaitoptour.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%
B8%A3%E0%B8%B0%/
10
"พระบรมธาตเุ จดยี ์" หรือ "พระธาตุ" แห่งวัดพระ
มหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นเจดีย์ที่เช่ือกันว่ามีพระบรม
สารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่
ตานานระบุว่า พ่ีน้องสองคน (คือพระนางเหมชาลา
และเจ้าชายทนทกุมาร) เป็นผู้อัญเชิญมาจากอินเดีย
เดิมจะไปยังเกาะลังกา แต่เรือแตกจึงด้ันต้นเดินบกมา
พบ "หาดทรายแก้ว" เห็นว่าเป็นชัยภูมิเหมาะสม จึงฝัง
พระบรมสารรี ิกธาตไุ ว้ แลว้ ก่อสถูปเจดียไ์ ว้ เวลาผ่านไป
หลายร้อยปี เมอื่ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชตั้งอาณาจักร
นครศรีธรรมราชข้ึนแล้ว จึงได้บูรณะโดยใช้รูปแบบทรง
ระฆงั ควา่ อนั เป็นสถาปตั ยกรรมลงั กามาก่อสรา้ ง
11
1) พระศรีศากยมุนีศรีธรรมราช เป็นพระพุทธรูป
น่ัง ปางมารวิชัยหนา้ ตกั 3 วา 1 ศอก 12 น้ิว่ ก่ออิฐฉาบ
ปูน ลงรักปิดทอง เป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย
ประดษิ ฐานอยบู่ นแทน่ ยกสูง ในพระวหิ ารหลวง
2) พระธรรมศาลา เป็นพระพทุ ธรูปปางมารวิชัย
ประดิษฐานเป็นพระประธานในวิหารธรรมศาลา
3) พระพุทธรูปทนทกุมาร เป็นพระพุทธรูปยืน
ปางประทานอภัยทรงเครื่องอย่างกษัตริย์โบราณ ศิลปะ
อยุธยาตอนปลายประดิษฐาน ณ วิหารธรรมศาลา
(ดา้ นหน้า) สรา้ งเป็นพระพทุ ธรูปแทนพระทนทกุมาร ซ่งึ
เชื่อกันว่าเป็นผู้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากอินเดีย
มาประดษิ ฐาน ณ หาดทรายแกว้
12
4) พระพทุ ธรูปเหมชาลา เป็นพระพุทธรูปยืน ปาง
ห้ามญาติ ทรงเคร่ืองอย่างกษัตริย์โบราณ ศิลปะอยุธยา
ตอนปลาย ประดิษฐาน ณ วิหารธรรมศาลา(ด้านใน)
สร้างเป็นพระพุทธรูปแทนพระนางเหมชาลา ซึ่งเชื่อกัน
ว่าเป็นผู้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน ณ
หาดทรายแกว้ พรอ้ มพระทนทกุมาร (พระอนุชา)
5) พระพุทธรูปพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เป็น
พระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิราบ ทรงเครื่องอย่าง
กษัตริยโ์ บราณ สวมชฎายอดสูง ศิลปะอยุธยาตอนปลาย
ประดิษฐาน ณ วิหารสามจอม สร้างเป็นพระพุทธรูป
แทนพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ซ่ึงเช่ือกันว่าเป็นผู้สร้าง
พระบรมธาตเุ จดยี ท์ รงระฆังคว่า เมื่อพุทธศตวรรษท่ี 18
13
หอพระพุทธสิหิงค์ อันเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธ
สิหิงค์เมอื งนครน้ัน เดิมเป็นหอพระประจาวังของเจ้าพระยา
นคร ตั้งอยู่ระหว่างศาลากลางจังหวัด และ ศาลจังหวัด
สร้างใหม่แทนหอเดิมใน พ.ศ.๒๔๕๗ เป็นวิหารก่ออิฐถือปูน
หันหน้าไปทางทิศตะวันออก แบ่งออกเป็น สองตอน มีผนัง
ก่ออิฐกั้น ตอนน้า เป็นท่ีประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ และมี
พระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร บุด้วยทองคา และเงิน อย่างละ
องค์ สว่ นด้านหลงั เปน็ ท่เี กบ็ อฐั ิของตระกูล ณ นคร
พระพุทธสิหิงค์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมอื ง ของชาว
จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นพระพุทธรูปที่มีพระรูป และ
สัดสว่ นทง่ี ดงามมาก
* ในประเทศไทย มพี ระพทุ ธสหิ งิ ค์อยู่ ๓ องค์ คอื
* ท่ีหอพระพุทธสิหิงค์นครศรีธรรมราช
* ที่พระท่ีนั่งพุทไธสวรรค์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
พระนคร
* ท่วี ดั พระสงิ หเ์ ชยี งใหม่
14
ตามประวัติกล่าวว่า พระพุทธสิหิงค์ สร้างท่ี
ประเทศลังกา เม่ือ พ.ศ.๗๐๐ ด้วยกิตติศัพท์เล่ืองลือ
ว่าเป็นพระพุทธรูปท่ีศักด์ิสิทธิ์ มีพุทธลักษณะงดงาม
พ่อขนุ รามคาแหง จึงทรงขอใหพ้ ระเจา้ ศรธี รรมโศกราช
จัดส่งราชฑูตไปลังกา ขอพระพทุ ธรูปองค์นี้มาบูชา ซ่ึง
ก็ได้มาตามราชประสงค์ ได้อัญเชิญมา ประดิษฐานท่ี
นครศรีธรรมราช จดั งานพิธีสมโภชใหญ่โต เป็นเวลา ๗
วนั พระเจ้าศรธี รรมโศกราชได้ให้ช่างท้องถ่ิน จาลองไว้
บูชา ๑ องค์ แล้วได้ อัญเชิญไปไว้ ณ กรุงสุโขทัย พระ
พุทธสิหิงค์องค์ท่ีประดิษฐานอยู่ที่นครศรีธรรมราชน้ี มี
ลักษณะ ตามแบบสกุลช่างท้อวถ่ิน เรียกว่า แบบขนม
ต้ม คือ มีพระพักตร์กลม อมยิ้ม พระอุระอวบอ้วน
ประทับนั่งในท่าขัดสมาธิเพชร ชายสังฆาติส้ันระดับ
พระถนั
15
"แห่ผ้าข้ึนธาตุ" เป็นประเพณีเอกลักษณ์ของ
นครศรธี รรมราช จัดเป็นประจาทุกปีในช่วงวันมาฆบูชา
และวนั วิสาขบูชา พทุ ธศาสนิกชนมักหลั่งไหลจากทั่วทุก
สารทศิ ไม่เพียงแต่ชาวเมอื งนครศรีธรรมราชเท่าน้ัน ยัง
มพี ทุ ธศาสนกิ ชนจากทั่วประเทศท่ีมีความศรทั ธาต่อองค์
พระบรมธาตุเจดีย์ เดินทางมาสักการะโดยนาผ้ายาวแห่
แหนผ้าผืนยาวสีเหลือง สีแดง และสีขาวแห่แหนเป็น
ขบวนยาวเพื่อไปห่มพระบรมธาตุเจดีย์ เรียกประเพณีน้ี
ว่า "แห่ผ้าขึ้นธาตุ"ประเพณีแห่ผ้าข้ึนธาตุมีมาตั้งแต่
สมัยพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เม่ือคร้ังจัดสมโภชพระ
บรมธาตุเจดีย์ ในตานานพระบรมธาตุกล่าวว่ามีผ้า
พระบฎของชาวเมืองอินทปัตย์ซ่ึงเรือแตก ลอยมาติดที่
ชายฝั่งปากพนัง เมือ่ พ.ศ. 1773 พระเจ้าศรีธรรมาโศก
ราชจึงให้ทาความสะอาด แล้วนาผ้าพระบฏขึ้นห่มพระ
บรมธาตุเจดียเ์ พ่อื บชู าพระพทุ ธองค์อย่างใกล้ชิด แต่น้ัน
มาจึงนาผ้าขึ้นห่มเป็นประจาทุกปีปัจจุบันน้ีได้รับการ
ยกระดับเป็นประเพณีระดบั ชาติ
16
ซ่ึงมีชาวพุทธและผู้คนจากทุกภาคของประเทศ
รวมทั้งพระสงฆ์จากประเทศในกลุ่มอาเซียนและ
เอเชยี หลายประเทศมารว่ มกนั บชู าพระบรมธาตุเจดีย์
เนอื งแนน่ ทกุ ปีในวันมาฆบชู า ตงั้ แต่ พ.ศ. 2553 เป็น
ตันมา จังหวัดจึงตั้งชื่องานประเพณีนี้ว่า "งาน
มาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติท่ีเมืองนคร "
ประเพณีนี้จึงเป็นมรดกของชาวพทุ ธซึ่งเป็นที่รู้จักกัน
กว้างขวาง แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาอันสูงสุดท่ีมี
ต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระธรรมคาสอนท่ีอยู่
เหนือกาลเวลา ซึ่งส่งผลให้กลายเป็น "คุณค่าที่โดด
เด่น" ของวดั น้ีอกี อย่างหน่ึง
17
ความเป็นมา
นครศรีธรรมราชต้ังอยู่ติดชายฝ่ังทะเล ลักษณะ
ภูมิอากาศเป็นแบบร้อนช้ืน ในหน้าหนาวก็ไม่หนาวจัด
เพียงแต่คนรู้สึกว่าอากาศเย็นลงกว่าปกติ เนื่องจากไม่
เคยชินกับอากาศท่ีหนาวเย็นลง ตอนย่ารุ่งเช้ามืดจึงลุก
ขึ้นมาก่อไฟผิงเพ่ือสร้างความอบอุ่น ประกอบกับชาว
น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช ยึ ด มั่ น ใ น พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า
พุทธศาสนิกชนจึงพากันก่อกองไฟในวัดใกล้บ้าน แล้ว
นมิ นต์พระภกิ ษสุ งฆม์ าผงิ ไฟรบั ความอบอนุ่ ด้วย
ระยะเวลาดาเนินการ
การให้ทานไฟไม่มีกาหนดระยะเวลาที่แน่นอน
ตายตัวแล้วแต่ความสะดวกในการนัดหมาย แต่ส่วน
ใหญ่จะปฏิบัติในชว่ งเดอื นย่ี ซึง่ เป็นชว่ งทีม่ ีอากาศหนาว
เย็นท่ีสุด ชาวบ้านจะนัดหมายไปพร้อมกันในเวลาย่ารุ่ง
หรอื ตอนเชา้ มดื ซึง่ จะเปน็ วันไหนก็ได้
18
ความเปน็ มา
ในวันธรรมสวนะ พุทธศาสนิกชนจะมาทาบุญฟัง
ธรรมกัน ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งถือกันว่า
เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนามาแต่โบราณ จึงมี
ชาวบ้านมาทาบุญกันมากเป็นพิเศษ สถานที่ท่ีจัดให้มี
ภิกษุสงฆ์มาเทศนา คือในวิหารคดหรือพระระเบียง ชาว
นครศรีธรรมราช เรียกว่า “ ด้าน “ การเทศน์ของ
พระภกิ ษสุ งฆ์จะมดี า้ นละหนง่ึ ธรรมาสนเ์ ป็นอยา่ งนอ้ ย
การไปฟังเทศน์ฟังธรรม ชาวบ้านจะต้องเตรียมตัว
ไปนั่งรอที่พระระเบียงก่อนท่ีพระสงฆ์จะไปถึง ในขณะที่
นั่งรอ บางคนก็พูดคุยสนทนาเร่ืองราวต่าง ๆ บางคนก็มี
เร่ืองราวมาบอกเล่าสู่กันฟัง บางคนน่ังอยู่เฉย ๆทาให้น่า
เบอื่ ในท่สี ดุ จึงเกิดความคิดเห็นพ้องกันว่าควรหาหนังสือ
มาสวดจนกว่าพระจะมาเทศน์ เพ่ือจะได้ฟังกัน ได้ท้ัง
ความเพลิดเพลินและความรู้เป็นคติสอนใจ จึงเกิด
ประเพณีสวดด้านขนึ้
19
พระเจา้ ศรีธรรมาโศกราช
พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เป็นปฐมกษัตริย์เป็น
ต้นราชวงศป์ ทมุ วงศ์ แห่งอาณาจักรตามพรลิงก์ เป็น
ผู้สร้างเมืองนครศรีธรรมราช จากชุมชนเดิมซึ่งมีช่ือ
เรียกว่า ตามพรลิงก์ บนหาดทรายแก้ว (บริเวณ
ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ใ น ปั จ จุ บั น ) เ มื่ อ ป ล า ย พุ ท ธ ศ ต ว ร ร ษ ท่ี 1 7
จนกลายเป็นนครรัฐหรือเป็นอาณาจักรใหญ่ใน
คาบสมทุ รไทย ก่อนท่ีจะเข้ารวมอยู่ในราชอาณาจักร
ไทย สมัยกรุงศรีอยุธยาในต้นพุทธศตวรรษที่ 20
พระนามกษัตริย์ พระองค์น้ี ปรากฏอยู่ในหลักฐาน
ประวัติศาสตร์ท้องถ่ินหลายชิ้น เช่น ตานานเมือง
นครศรธี รรมราช และจารกึ ดงแม่นางเมอื ง
20
พระราชกรณียกิจ
ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ของนครศรีธรรมราชโบราณ
และได้เป็นผู้สร้างบ้านแปลงเมืองให้เป็นอาณาจักร
สาคญั ในแหลมอนิ โดจนี
ไ ด้ ท ร ง ส ร้ า ง เ มื อ ง น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช ข้ึ น เ มื่ อ
ประมาณ พ.ศ. 1098 โดยสร้างกาแพงป้อมปราการ
โดยรอบทั้งชั้นนอกชั้นใน ด้วยพระปรีชาสามารถของ
พระองค์ ทาให้นครศรธี รรมราชเปน็ มหานครใหญ่และมี
อานาจมาก มเี มืองข้ึน 12 หัวเมืองเรียกว่า 12 นักษัตร
ตง้ั อยู่โดยรอบพระราชอาณาเขต โดยกาหนดให้ใช้สัตว์
ประจาปีเปน็ ตราเมอื งแต่ละเมอื ง
ได้ทรงสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ขึ้นบนหาดทราย
แก้ว ซึ่งนับเป็นปูชนียสถานอันสาคัญในสมัยต่อมา
ตราบจนปจั จุบนั
21
เจ้าพระยานคร (น้อย) เป็นเจ้าเมืองลาดับท่ี ๓
ของเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
นับเป็นเจ้าเมืองท่ีมีช่ือเสียงโดดเด่นกว่าเจ้าเมืองใด ๆ
ในสมัยเดียวกัน เพราะเป็นท้ังนักรบ นักปกครอง และ
เปน็ ผ้สู นั ทัดในการช่างเปน็ อย่างยอดเย่ยี ม
ได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณชาติบ้านเมือง
ดว้ ยความอุตสาหะ จงรักภักดีซ่ือสัตย์ต่อพระบรมราชโช
บายในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งพระ บมราช
จักรีวงศ์อย่างแน่วแน่ม่ันคงถึงสามรัชกาล คือ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และ
พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามลาดับ นับได้
ว่าเป็นข้าราชการช้ันผู้ใหญ่ที่ได้บาเพ็ญกรณียกิจที่
สาคัญแก่ชาติบ้าน เมืองมายาวนาน ตั้งแต่วัยฉกรรจ์
จนกระทั่งถึงอสญั กรรม
22
๑. การตเี มืองไทรบุรี
เมืองไทรบรุ ี นบั เป็นเมืองทมี่ ีปัญหาในการปกครอง
ของไทยตลอดเวลาที่เจ้าพระยานคร (น้อย) ปกครอง
เมืองนคร เจ้าพระยานคร (น้อย) ต้องใช้ความรู้
ความสามารถทั้งในด้านการสงคราม การทูต การ
ปกครอง และการบริหารอย่างย่ิงยวด จึงสามารถรักษา
เมืองไทรบุรีให้อยู่ภายในราชอาณาจักรไทยตลอดชีวิต
ของท่าน ทั้งน้ีเพราะปัญหาเมืองไทรบุรีเป็นปัญหา
ละเอยี ดออ่ น ท่อี ยูภ่ าวะล่อแหลมต่ออันตราย คือภัยจาก
เจ้าเมืองเดิมประการหน่ึง และภัยจากอังกฤษท่ีกาลัง
แสวงหาเมืองข้ึนอีกประการหนึ่ง ภัยทั้งสองประการ
ดังกล่าวได้ทาให้เจ้าพระยานคร (น้อย) ต้องยกกาลังไป
ปราบถงึ ๔ ครงั้
23
๒. ด้านการทตู
บทบาทของเจ้าพระยานคร (น้อย) ว่าเป็น
นักการทูตคนสาคัญในยุคนั้น โดยเฉพาะการทูต
ระหว่างไทยกับอังกฤษในสมัยรัชกาลที่ ๒ –๓
เจ้าพระยานคร (น้อย) มีความเฉลียวฉลาดมี
ปฏิภาณไหวพริบในการเจรจาความเมือง และผล
แห่งการเป็นนักการทูตผู้มีปฏิภาณ ได้ทาให้เมือง
นครศรีธรรมราชมีอิทธิพลต่อหัวเมืองมลายู และ
เป็นท่ีนับถือยาเกรงแก่บริษัทอังกฤษ ซ่ึงกาลังแผ่
อิทธิพลการค้าและการเมืองมายังภาคพื้นเอเซีย
อาคเนย์
24
๓. การตอ่ เรอื
เจ้าพระยานคร (น้อย) มีความเชี่ยวชาญในการ
ต่อเรือมาก คือได้ต่อเรือกาปั่นหลวงสาหรับบรรทุกช้าง
ไปขายท่ีอินเดีย ทาให้ประเทศชาติมีรายได้มาก และที่
สาคัญคอื ได้ต่อเรือรบขนาดย่อมไปจนถึงเรือขนาดใหญ่
ท่ีต้องใช้กรรเชียง สองชั้น เรือรบท่ีต่อก็มีขนาดใหญ่
กว่าที่เคยปรากฏมาก่อน เจ้าพระยานคร (น้อย) ได้ต่อ
เรือรบและเรือลาดตระเวนเหล่าน้ีท่ีเมืองตรัง และเมอื ง
สตูลเม่ือ พ.ศ. ๒๓๕๒ –๒๓๕๔ ครั้งหนึ่ง อีกครั้งหนึ่งใน
พ.ศ. ๒๓๖๔ –๒๓๖๖ ได้ต่อเรือรบเป็นจานวนถึง ๑๕๐
ลา ที่บ้านดอน เจ้าพระยานคร (น้อย) มีกองทัพเรือ
ขนาดใหญ่อยู่ที่เมืองตรัง ประกอบด้วยขวนเรือท้ังหมด
ประมาณ ๓๐๐ ลา ซ่ึงเข้าใจว่าเป็นกองทัพเรือที่มี
ขนาดใหญ่ท่ีสุดแห่งหน่ึงในราชอาณาจักรขณะ นั้น
เพราะแม้ทางกรุงเทพฯ เองก็เพ่ิงจะมาต่ืนตัวในการ
สร้างกองทัพเรือข้ึนในสมัยรัชกาลที่ ๓ พ.ศ. ๒๓๗๑
เม่อื ไทยเร่ิมเปน็ ศตั รกู ับญวน
25
บรรณานกุ รมศาสนาพุทธ
ต านานพ ระธ าตุ เมื อง น ครศรีธ รรม รา ช กั บ พ ง ศาว ด ารเมื อ ง
นครศรีธรรมราช ของหลวงอนุสรสิทธิกรม (บัว ณ นคร).2512.
พระนคร : โรงพมิ พ์ศภุ ศิลป์.
ตานานเมืองนครศรีธรรมราช.2419. พระนคร : โรงพมิ พอ์ กั ษรนิติ.
พระธาตุสมู่ รดกโลก. 2552. นครศรธี รรมราช : โรงพมิ พ์อักษรการพิมพ.์ .
รวมเรอ่ื งเมืองนคร. 2510. พระนคร : โรงพิมพก์ รมทหารส่ือสาร.
ศิลปากร, กรม. ตานานพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช. มปพ. 2503.
พิมพเ์ ป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางยุพิน ไตรภักดี ณ เมรุวัด
มกุฏกษัตริยาราม 4 กันยายน 2507.
26
สหวทิ ยาเขตหวั ไทร - เชยี รใหญ่
27
สหวิทยาเขตหวั ไทร-เชียรใหญ่
สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา นครศรีธรรมราช
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ