กลอนดอกสร้อย
รำพงึ ในปำ่ ชำ้
ตัวชว้ี ดั อธบิ ายคณุ คา่ ของวรรณคดี
และวรรณกรรมทอี่ า่ น
By ครูบวิ
สารบญั
o ประวตั /ิ ทม่ี าของเรอื่ ง
o เกรด็ ความรู้
o จุดประสงคใ์ นการแตง่
o ลกั ษณะคาประพนั ธ์
o ฉนั ทลักษณก์ ลอนดอกสรอ้ ย
o ตวั อยา่ งกลอนดอกสรอ้ ย
o กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
o คุณค่าของกลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
ประวตั /ิ ทม่ี าของเรอื่ ง
ทอมสั เกรย์ กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ช้ามาจากบทกวี
นิพนธ์เรื่อง Elegy Writen in a Country
Churchyard ของทอมัส เกรย์ (Thormas
Gray)
ทอมัส เกรย์ เป็นกวีอังกฤษผู้มีชีวิตอยู่
ในช่วงกลางครสิ ตศ์ ตวรรษที่ ๑๘
Elegy หมายถงึ โคลงทกี่ ลา่ วไวอ้ าลยั หรือ
ครา่ ครวญถงึ ผทู้ จี่ ากไป
ประวตั /ิ ทมี่ าของเรอ่ื ง (ตอ่ )
กลอนดอกสร้อยราพึงในป่าช้าบรรยายถึงบุคคลผู้นั่ง
พินิจธรรมชาติยามสนธยาในป่าช้าของวัดชนบทแห่ง
หนึ่งแถบภาคกลางของอังกฤษ
เสถียรโกเศศแปลเปน็ ฉบับภาษาไทย
พระยาอุปกิตศิลปะสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ)
นาฉบับนี้มาประพันธ์ใหม่ โดยแต่งดัดแปลง
เขา้ กบั ธรรมเนียมไทย
พระยำอปุ กติ ศลิ ปสำร
เกรด็ ความรู้
พระยาอุปกิตศิลปสารเป็นกวีคนส าคัญในรัชกาล
พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยหู่ วั และพระบาทสมเดจ็
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั
พระยาอปุ กติ ศลิ ปสารมีนามปากกาท่รี ้จู กั กนั มากมาย เช่น อ.น.ก.,
อุนกิ า, อนึก คาชูชพี , ม.ห.น., สามเณรนิ่ม, พระมหานิ่ม
พระยาอุปกิตศิลปสารเป็นคนแรกที่บัญญัติคาทักทายเมื่อ
แรกพบกนั ว่า "สวสั ด"ี ซงึ่ แปลวา่ สะดวก สบายดี
จดุ ประสงคใ์ นการแตง่
เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสัจธรรมชีวิตของมนุษย์
โดยเฉพาะเรอ่ื งความตายที่ไม่มใี ครหนีพ้นไปได้
ลักษณะคาประพนั ธ์
๑ บท มี ๘ วรรค วรรคหนงึ่ ใชค้ า ๖-๘ คา
วรรคแรกมี ๔ คา
- คาท่ี ๑ กับคาที่ ๓ ต้องซา้ คาเดยี วกนั
- คาท่ี ๒ ตอ้ งเปน็ คาวา่ "เอย๋ "
- คาท่ี ๔ เป็นคาอนื่ ทรี่ บั กนั เชน่ เดก็ เอย๋ เดก็ นอ้ ย
ลงทา้ ยดว้ ยคาว่า เอย
ฉนั ทลกั ษณก์ ลอนดอกสรอ้ ย
ตวั อยา่ งกลอนดอกสรอ้ ย
เดก็ เอย๋ เดก็ นอ้ ย ความรเู้ รายงั ดอ้ ยเรง่ ศกึ ษา
เมือ่ เตบิ ใหญ่เราจะไดม้ วี ชิ า เปน็ เครอื่ งหาเลยี้ งชพี สาหรบั ตน
ได้ประโยชนห์ ลายสถานเพราะการเรยี น จงพากเพยี รไปเถดิ จะเกดิ ผล
ถงึ ลาบากตรากตรากจ็ าทน เกิดเป็นคนควรหมน่ั ขยนั เอย
การแตง่ กลอนดอกสรอ้ ยสว่ นใหญใ่ ชแ้ สดงความรสู้ กึ และ
ความคดิ เหน็ ทสี่ ามารถจบลงอยา่ งสนั้ ๆ
❑ แต่งเป็นกลอนดอกสรอ้ ย จานวน ๓๓ บท นามาเรยี น ๒๑ บท
กถามุข (เบือ้ งตน้ ของเนอื้ เรอื่ ง)
ดังไดย้ นิ มา สมยั หน่ึง ผมู้ ชี ่ือต้องการความวิเวก, เข้าไปนั่งอยู่
ณ ที่สงัดในวัดชนบท เวลาตะวันรอน ๆ, จนเสียงระฆังย่าบอกสิ้น
เวลาวนั ฝูงโคกระบอื และพวกชาวนา พากนั กลบั ทอี่ ยเู่ ปน็ หมๆู่ . เมอื่
สิ้นแสงตะวันแล้ว ได้ยินเสียงจังหรีดเรไรกับเสียงเกราะในคอก
สัตว.์ นกแสกจบั อยู่บนหอระฆงั ก็ร้องสง่ สาเนยี ง. ณ ทน่ี นั้ มตี ้นไทร
ต้นโพธิ์สูงใหญ่ ใต้ต้นล้วนมีเนินหญ้า กล่าวคือที่ฝังศพต่าง ๆ อัน
แลเห็นด้วยเดือนฉาย. ศพในที่เช่นนั้นก็เป็นศพพวกชาวไร่ชาวนา
น่ันเอง. ผู้น้ันมคี วามรสู้ กึ ซึง่ เยอื กเย็นใจอย่างไร แล้วราพึงอย่างไร
ในหมูศ่ พ,ได้เขียนความในใจนนั้ ออกมาสกู่ นั ดงั ตอ่ ไปน้ี
(กถามขุ น้ี นาคะประทปี เรียบเรียง)
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๑. วงั เอย๋ วงั เวง หง่างเหงง่ ! ยา่ คา่ ระฆงั ขาน
ฝงู ววั ควายผา้ ยลาทวิ ากาล คอ่ ยคอ่ ยผา่ นทอ้ งทงุ่ มงุ่ ถน่ิ ตน
ชาวนาเหนอ่ื ยออ่ นตา่ งจรกลบั ตะวนั ลบั อบั แสงทกุ แหง่ หน
ทิ้งทงุ่ ใหม้ ดื มวั ทวั่ มณฑล และทง้ิ ตนตเู ปลยี่ วอยเู่ ดยี วเอย
คาศพั ท์ ความหมาย
ผา้ ย เคลื่อนจากที่
ทวิ ากาล เวลากลางวนั
มณฑล เขต, บริเวณ
ถอดความ
เสียงระฆงั ยา่ ดงั หงา่ งเหงง่ มาทาใหเ้ กดิ ความวงั เวงใจยง่ิ นกั
ในขณะที่ฝูงวัวควายก็เคลื่อนจากท้องทุ่งลาเวลากลางวันเพื่อ
มุ่งกลับถิ่นที่อยู่ของมัน ฝ่ายพวกชาวนาทั้งหลายรู้สึกเหนื่อย
ออ่ นจากการทางานตา่ งพากนั กลับถนิ่ พานกั ของตนเมือ่ ตะวันลบั
ขอบฟา้ ก็ไม่มีแสงสว่าง ทาให้ท้องทุ่งมืดไปทั่วบริเวณและทิ้ง
ให้ข้าพเจา้ เปล่าเปลี่ยวอยเู่ พยี งผูเ้ ดยี ว
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๒. ยามเอย๋ ยามนี้ ปถพมี ดื มวั ทวั่ สถาน
อากาศเยน็ เยอื กหนาวคราววกิ าล สงดั ปานปา่ ใหญไ่ รส้ าเนยี ง
มีก็แตจ่ งั หรดี กระกรดี กรง่ิ ! เรไรหรงิ่ ! ร้องขรมระงมเสยี ง
คอกควายววั รวั เกราะเปาะเปาะ!เพยี ง รู้วา่ เสยี งเกราะแวว่ แผว่ แผว่ เอย
ถอดความ คาศพั ท์ ความหมาย
ปถพี แผ่นดนิ
ยามนี้แผ่นดินมืดไปทั่ว อากาศเย็น คราววกิ าล
ยะเยือกหนาว เพราะเป็นเวลากลางคืน เวลากลางคืน
และป่าใหญ่แหง่ นเ้ี งียบสงัด มีแต่จิ้งหรีด
และเรไร รอ้ งกันเซง็ แซ่ไปหมด เจ้าของ
คอกววั ควายตา่ งกร็ วั เกราะเสยี งเปาะๆ ทา
ให้รู้วา่ เปน็ เสยี งเกราะดังแวว่ มาแตไ่ กล
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๓. นกเอย๋ นกแสก จบั จอ้ งรอ้ งแจก๊ เพยี งแถกขวญั
อยูบ่ นยอดหอระฆงั บงั แสงจนั ทร์ มีเถาวลั ยร์ งุ รงั ถงึ หลงั คา
เหมอื นมนั ฟอ้ งดวงจนั ทรใ์ หผ้ นั ดู คนมาสูซ่ อ่ งพกั มนั รกั ษา
ถือเปน็ ทรี่ โหฐานนมนานมา ให้เสอ่ื มผาสกุ สนั ตข์ องมนั เอย
คาศพั ท์ ความหมาย
นกแสก ชอ่ื นกชนิดหนง่ึ มักอาศัยตาม ตน้ ไม้หรอื ชายคา
แถกขวัญ ทาให้ตกใจ ทาให้เสียขวญั
ซอ่ ง ทอี่ ยู่
ถอดความ
นกแสกรอ้ งแจก๊ ๆ เพอื่ ทาใหเ้ สยี ขวญั มันจับอยู่
บนหอระฆังท่ีมีเถาวัลย์พนั รุงรังมาถงึ หลงั คาและบด
บังแสงจันทร์อยู่ เหมือนมันจะฟ้องดวงจันทร์ว่าให้
หันมาดูผู้คนที่จมสู่ที่อยู่ที่มันรักษาไว้ ซึ่งถือเป็นที่
เฉพาะส่วนตวั มานาน ทาใหม้ ันไมม่ คี วามสุข
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๔. ต้นเอย๋ ตน้ ไทร สงู ใหญร่ ากยอ้ ยหอ้ ยระยา้
และตน้ โพธพ์ิ มุ่ แจแ้ ผฉ่ ายา มีเนนิ หญา้ ใตต้ น้ เกลอ่ื นกลน่ ไป
ลว้ นรา่ งคนในเขตประเทศน้ี ดุษณนี อนราย ณ ภายใต้
แห่งหลมุ ลกึ ลานสลดระทดใจ เรายงิ่ ใกลห้ ลมุ นน้ั ทกุ วนั เอย
คาศพั ท์ ความหมาย
แจ้ ลกั ษณะของตน้ ไมเ้ ต้ีย ๆ ทม่ี กี ิง่ ทอดแผอ่ อกไปโดยรอบ
ฉายา เงา ร่มไม้
ดุษณี อาการนิ่งซ่ึงแสดงถงึ การยอมรบั
ถอดความ
ต้นไทรใหญ่ที่มีรากห้อยย้อยและต้นโพธิ์พุ่ม
เตี้ย ๆ ที่มีกิ่งทอดแผ่ออกไปโดยรอบ มีเนินหญ้า
เกล่อื นไปทวั่ ใตต้ น้ ไมเ้ ปน็ ทฝี่ งั ศพของคนละแวกนี้
ซึ่งนอนอยู่เกลื่อนไปในหลุมลึก ดูแล้วน่าสลดใจ
และตวั เราเองกเ็ ขา้ ใกลห้ ลมุ นัน้ ไปทุกวัน
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๕. หมดเอย๋ หมดหว่ ง หมดดวงวญิ ญาณลาญสลาย
ถงึ ลมเชา้ ชวยชนื่ รน่ื สบาย เตอื นนกแอน่ ลมผายแผดสาเนยี ง
อย่ตู ามโรงมงุ ฟางขา้ งขา้ งนน้ั ทงั้ ไกข่ นั แขง่ ดเุ หวา่ ระเรา้ เสียง
โอเ้ หมอื นปลกุ รา่ งกายนอนรายเรยี ง พน้ สาเนยี งทจี่ ะปลกุ ใหล้ กุ เอย
ถอดความ คาศพั ท์ ความหมาย
ลาญ แตกหกั ทาลาย
หมดห่วงเนื่องจากดวงวิญญาณได้ แผด สง่ เสียง
สลายไปแลว้ ถงึ แมล้ มยามเช้าจะพัดให้
สดชื่น เตือนให้นกแอ่นลมแผดร้องไป
ตามโรงนา ทั้งไก่และดุเหว่าร้องเสียง
เหมือนปลุกร่างกายที่นอนเรียงให้ตื่น
ขึน้ แต่พวกน้นั กลับไมไ่ ดย้ นิ
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๖. ทอดเอย๋ ทอดทง้ิ ยามหนาวผงิ ไฟลอ้ มอยพู่ รอ้ มหนา้
ทิ้งเพอ่ื นยากแมเ่ หยา้ หาขา้ วปลา ทกุ เวลาเชา้ เยน็ เปน็ นริ นั ดร์
ทง้ิ ทงั้ หนนู อ้ ยนอ้ ยรอ่ ยรอ่ ยรบั เหน็ พอ่ กลบั ปลมื้ เปรมเกษมสนั ต์
เข้ากอดคอฉอเลาะเสนาะกรรณ สารพนั ทอดทง้ิ ทกุ สิ่งเอย
ถอดความ
ยามหนาวเคยนง่ั ผิงไฟอยู่พรอ้ ม คาศพั ท์ ความหมาย
หน้ากันแต่กลับมาทิ้งกัน ทั้งเพื่อน เหยา้ เรอื น, ครอบครวั
ยาก แมเ่ รือนที่เคยหุงข้าวให้ ทิ้งลูก ฉอเลาะ การพดู ออดอ้อนเพอ่ื ให้เอ็นดู
ที่เคยกอดพ่อด้วยความดีใจ ทิ้ง กรรณ หู
หมดทุกสงิ่ ทกุ อย่าง
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๗. กองเอย๋ กองขา้ ว กองสงู ราวโรงนายง่ิ นา่ ใคร่
เกดิ เพราะการเกบ็ เกยี่ วดว้ ยเคยี วใคร ใครเลา่ ไถคราดฟนื้ พน้ื แผน่ ดนิ
เช้ากข็ บั โคกระบอื ถอื คนั ไถ สาราญใจตามเขตประเทศถน่ิ
ยดึ หางยามยกั ไปตามใจจนิ ต์ หางยามผนิ ตามใจเพราะใครเอย
คาศพั ท์ ความหมาย
หางยาม หางไถตอนทีม่ อื ถอื
จินต์ คิด
ผิน พลิก
ถอดความ
เห็นกองขา้ วสงู ราวกับโรงนา ช่างน่ายินดียิ่งนัก
กองขา้ งนเี้ กดิ เพราะการเกบ็ เกย่ี วดว้ ยเคยี วของใคร
หรือใครเป็นคนไถคราดพลิกฟื้นฝืนแผ่นดินน้ี
ขึ้นมา เช้าก็ถือคันไถพร้อมกับไล่วัวควายอย่าง
สบายใจอยู่ในท้องนา โดยจับหางคันไถไถนา
ตามใจของตน หางไถหันไปในทิศทางต่าง ๆ
เพราะใครเลา่
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๘. ตัวเอย๋ ตวั ทะยาน อย่าบนั ดาลดลใจใหใ้ ฝฝ่ นั
ดถู กู กจิ ชาวนาสารพนั และความครอบครองกนั อนั ชน่ื บาน
เขาเปน็ สขุ เรยี บเรยี บเงยี บสงดั มีปวตั นเ์ ปน็ ไปไมว่ ติ ถาร
ขออยา่ ไดเ้ ยย้ เยาะพดู เราะราน ดูหมน่ิ การเปน็ อยเู่ พอ่ื นตเู อย
คาศพั ท์ ความหมาย
ตวั ทะยาน อยากมฐี านะหรือภาวะสูง ดกี ว่าทเี่ ปน็ อยู่
ปวตั น์ ความเป็นไป
วิตถาร นอกแบบ นอกทาง เกนิ วิสยั ปกติ
ถอดความ
ผทู้ อี่ ยากมฐี านะทส่ี งู กวา่ ทเี่ ปน็ อยู่ ขออยา่ ดลบนั ดาลใจใหม้ ี
การดูถูกการกระทาต่าง ๆ ของชาวนาและความเป็นอยู่อันชื่น
บานของเขา เขาอยู่กันอย่างมีความสุขอย่างเรียบง่าย โดยมี
ความเป็นไปไม่เกินวิสยั ปรกติของมนุษย์ ขอจงอย่าไปพูดจา
เยาะเยย้ หรือดูหม่ินการเป็นอยู่ของเขาเอง
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๙. สกุลเอย๋ สกลุ สูง ชกั จงู จติ ฟชู ศู กั ดศ์ิ รี
อานาจนาความสงา่ อา่ อนิ ทรยี ์ ความงามนาใหม้ ไี มตรกี นั
ความรา่ รวยอวยสขุ ใหท้ กุ อยา่ ง เหลา่ นตี้ า่ งรอตายทาลายขนั ธ์
วถิ ีแหง่ เกยี รตยิ ศทง้ั หมดนน้ั แต่ลว้ นผนั มาประจบหลมุ ศพเอย
ถอดความ คาศพั ท์ ความหมาย
อนิ ทรยี ์ สิง่ มชี ีวติ
คนที่มชี าตติ ระกลู สงู ทาใหจ้ ติ ใจของตนพองโต ขนั ธ์ ร่างกาย
ขน้ึ โดยคิดวา่ ตนมีศักด์ิศรีเหนือคนอนื่ คนมีอานาจ
นาความสง่างามมาให้แก่ชีวิต คนที่มีหน้าตางดงาม
ทาให้คนอื่นรักใคร่ คนมีฐานะร่ารวยย่อมหา
ความสุขได้ทุกอย่าง แต่ทุกคนต่างก็รอความ
แตกดบั ของรา่ งกายดว้ ยกนั ทง้ั นน้ั วิถีแหง่ เกยี รติยศ
ทัง้ หมด ล้วนจบลงท่คี วามตายดว้ ยกนั ท้ังสน้ิ
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๑๐. ตัวเอย๋ ตวั หยง่ิ เจ้าอยา่ ชงิ ตซิ ากวา่ ยากไร้
เห็นจมดนิ นา่ สลดระทดใจ ทีร่ ะลกึ สง่ิ ไรกไ็ มม่ ี
ไมเ่ หมอื นอยา่ งบางศพญาตติ บแตง่ เครอื่ งแสดงเกยี รตเิ ลศิ ประเสรฐิ ศรี
สร้างสถานการบญุ หนนุ พลี เปน็ อนสุ าวรยี ส์ งา่ เอย
ถอดความ คาศัพท์ ความหมาย
พลี (พะ ลี) การบวงสรวง
ผู้คนเย่อหยิ่งทั้งหลายขออย่าตาหนิว่า
ซากศพผู้ยากไร้เหล่านี้เลย แม้เห็นจมดินน่า
สลดใจ ไม่มีของประดับอะไรสักอย่างก็ตามที
ไม่เหมือนอย่างบางศพที่ญาติตกแต่งด้วย
เครอื่ งแสดงเกยี รติยศอยา่ งดี โดยมีการสรา้ ง
อนสุ าวรีย์อันสง่างามเพือ่ เป็นการสรวงบูชา
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๑๑. ทเ่ี อย๋ ทร่ี ะลกึ ถึงอธกึ งามลบในภพพน้ื
กไ็ มช่ วนชพี ทดี่ บั ใหก้ ลบั คนื เสียงชมชน่ื เชดิ ชคู ณุ ผตู้ าย
เสียงประกาศเกยี รตเิ อกิ เกรกิ ลนั่ จะกระเทอื นถงึ กรรณนนั้ อยา่ หมาย
ล้วนเปน็ คณุ แกผ่ ยู้ งั ไมว่ างวาย ชูเกยี รตญิ าตไิ ปภายภาคหนา้ เอย
คาศัพท์ ความหมาย
อธึก ยิ่งใหญ่ , มาก
เอิกเกริก แพร่หลายรกู้ ันทั่ว
ถอดความ
ทีร่ ะลึกที่สร้างขึ้น ถึงแม้จะงามเลิศเลอสักเพียงใด ก็ไม่
สามารถทาใหผ้ ตู้ ายฟนื้ คนื ชวี ติ ขน้ึ มาได้ เสียงชนื่ ชมเชดิ ชูใน
คุณงามความดีของผ้ตู าย รวมทงั้ เสียงประกาศถงึ เกียรติยศ
อย่างแพร่หลายกันทั่วจะไปเข้าหูของผู้ตายนั้นก็หาไม่ ทุก
อย่างล้วนเป็นคุณแก่ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นการเชิดชู
เกียรติยศของญาติพนี่ อ้ งทมี่ ีชวี ิตอยูต่ อ่ ไป
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๑๒. ร่างเอย๋ รา่ งกาย ยามตายจมพน้ื ดาษดน่ื หลาม
อยา่ ดถู กู ถน่ิ นว้ี า่ ทที่ ราม อาจขนึ้ ชอ่ื ลอื นามในกอ่ นไกล
อาจจะเปน็ เจดยี ม์ พี ระศพ แหง่ จอมภพจกั รพรรดกิ ษตั รยิ ใ์ หญ่
ประเสรฐิ ดว้ ยสตั ตรตั นจ์ รสั ชยั ณ สมยั กอ่ นกาลบุราณเอย
คาศัพท์ ความหมาย
สตั ตรัตน์ ในที่นี้หมายถึงแก้ว ๗ ประการของ
จักรพรรดิ มชี า้ งแกว้ นางแกว้ ขนุ พลแก้ว
ขุนคลังแก้ว มา้ แก้ว แกว้ มณี จกั รแก้ว
ถอดความ
ร่างกายของคนทั้งหลายเมื่อตายจะจมพื้นดิน ขอ
จงอย่าดูถูกถิ่นนี้ว่าไม่ดี เพราะอาจเป็นถิ่นที่มี
ชื่อเสียงมาในสมัยก่อนก็เป็นได้ คือ เป็นสถานท่ี
ก่อสรา้ งพระเจดยี บ์ รรจพุ ระศพของพระมหากษตั ริยผ์ ู้
ยิง่ ใหญ่ อนั ประกอบด้วย ๗ ประการของจักรพรรดิ
ในสมยั โบราณนานมาแลว้
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๑๓. ความเอย๋ ความรู้ เปน็ เครอื่ งชชู ท้ี างสวา่ งไสว
หมดโอกาสทจี่ ะชต้ี อ่ นไ้ี ป ละหว่ งใยอยากรลู้ งสดู่ นิ
อันความยากหากใหไ้ รศ้ กึ ษา ยน่ ปญั ญาความรอู้ ยแู่ คถ่ นิ่
หมดทกุ ขข์ ลกุ แตก่ จิ คดิ หากนิ กระแสวญิ ญาณงนั เพยี งนนั้ เอย
คาศพั ท์ ความหมาย
กจิ การงาน
งนั หยุดชะงัก
ถอดความ
ความรู้เป็นเครื่องชี้นาทางไปสู่ความก้าวหน้าแต่
ตอนน้หี มดโอกาสทจ่ี ะช้นี าทางต่อไปแล้ว จาต้องละความ
ห่วงใยทั้งหมดลงไปสู่ความตาย อันความยากจนทาให้
ไม่ได้รับการศึกษา ได้รับวิชาความรู้อยู่เฉพาะในท้องถิ่น
ของตน ตอนนหี้ มดทกุ ขท์ จ่ี ะขลุกอยู่แต่ในการทามาหากิน
เสียที เพราะวิญญาณของเราคงจะหยดุ อยู่เพยี งเทา่ นี้
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๑๔. ดวงเอย๋ ดวงมณี มกั จะลล้ี ับอยใู่ นภผู า
หรือใตท้ อ้ งหอ้ งสมทุ รสดุ สายตา ก็เสือ่ มซาสนิ้ ชมนยิ มชน
บุปผชาตชิ สู แี ละมกี ลน่ิ อยใู่ นถนิ่ ทไ่ี กลเชน่ ไพรสณฑ์
ไม่มใี ครไดเ้ ชยเลยสกั คน ย่อมบานหลน่ เปลา่ ดายมากมายเอย
คาศัพท์ ความหมาย
ดวงมณี ดวงแกว้ หรือสิ่งที่มคี ่า
บปุ ผชาติ ดอกไม้
ไพรสณฑ์ ปา่
ถอดความ
ดวงแกว้ หรอื สงิ่ ทมี่ คี า่ มกั จะอยใู่ นทลี่ ลี้ บั เชน่
ในภูเขาหรืออยู่ใต้ท้องสมุทรซึ่งอยู่สุดสายตา
ของมนษุ ย์ ทาใหก้ ลายเปน็ สงิ่ ไรค้ า่ ไมม่ ผี ใู้ ดได้
ชื่นชม เปรียบเสมือนดอกไม้ที่สีสวยและกลิ่น
หอมท่ีอยหู่ ่างไกล เช่น ในปา่ ก็ไม่มีใครได้เชย
ชมเลยสักคน ย่อมบานหล่นไปเปล่า ๆ อย่าง
มากมายน่าเสียดายเป็นยง่ิ นกั
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๑๕. ซากเอ๋ยซากศพ อาจเป็นซากนกั รบผกู้ ล้าหาญ
เช่นชาวบา้ นบางระจนั ขันราบาญ กบั หมมู่ ่านมาประทษุ อยธุ ยา
ไม่เชน่ น้นั ท่านกวีเช่นศรปี ราชญ์ นอนอนาถเล่ห์ใบไ้ ร้ภาษา
หรอื ผ้กู ู้บา้ นเมืองเรอื งปัญญา อาจจะมานอนจมถมดินเอย
ถอดความ
ซากศพทั้งหลายเหล่านี้ อาจะเป็น คาศัพท์ ความหมาย
ซากศพของนักรับผูก้ ลา้ หาญ เชน่ ชาวบา้ น ราบาญ รบ
บางระจนั ทอี่ าสาสรู้ บกบั กองทพั พมา่ ทม่ี าทา ม่าน ชนชาติพมา่
ร้ายกรุงศรีอยุธยา หรือศพท่านกวีปราชญ์ ประทุษ ทารา้ ย
ท่ีนอนนง่ิ ไมพ่ ดู ไมจ่ า หรอื ศพผกู้ ู้บ้านเมือง
อ่ืน ๆ ซึ่งอาจจะมาส้ินชวี ิต ณ ทนี่ ้ี
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๑๖. มกั เอย๋ มกั ใหญ่ กน่ แตใ่ ฝฝ่ นั ฟุ้งตามมงุ่ หมาย
อาพรางความจรงิ ใจไมแ่ พรง่ พราย ไม่ควรอายกต็ อ้ งอายหมายปดิ บงั
มุ่งแตโ่ ปรยเครอื่ งปรงุ จรงุ กลนิ่ คอื ความฟมู ฟายสนิ้ ลน้ิ โอหงั
ลงในเพลงิ เกยี รตศิ กั ดป์ิ ระจกั ษด์ งั เปลวเพลงิ ปลั่งหอมกลบตลบเอย
คาศัพท์ ความหมาย
จรงุ กรุ่น, อบอวล
ฟมู ฟาย สุรุย่ สรุ า่ ย ใชจ้ ่ายเกินฐานะ
ถอดความ
พวกมักใหญ่ใฝ่สูงจะทาแต่สิ่งที่ตนใฝ่ฝันมุ่ง
หมายไว้และปิดบังความจริงบางอย่างโดยไม่
เปิดเผยให้ใครทราบ แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอับ
อาย มุ่งแต่แสดงให้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกว่าดี มี
การใชจ้ า่ ยทรพั ยเ์ กนิ ฐานะ พูดจาอวดดีเพื่อแสดง
ความมีเกียรติสูงส่งของตนอื่นเห็น อันเป็นการ
ปกปิดความเปน็ จริงของตนเองไว้
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๑๗. หา่ งเอย๋ หา่ งไกล ห่างจากพวกมกั ใหญฝ่ กั ใฝห่ า
แตส่ ง่ิ ซง่ึ เหลวไหลใสอ่ าตมา ความมกั นอ้ ยชาวนาไมน่ อ้ มไป
เพื่อรกั ษาความสราญฐานวเิ วก รม่ ชอื้ เฉกหบุ เขาลาเนาไศล
สันโดษดบั ฟงุ้ ซา่ นทะยานใจ ตามวสิ ยั ชาวนาเยน็ กวา่ เอย
คาศพั ท์ ความหมาย
วิเวก เงียบสงดั
ช้ือ เยน็ , รม่ , ชื้น
พอใจเท่าท่ตี นมอี ยูห่ รอื เปน็ อยู่
สนั โดษ
ถอดความ
ขอจงอยู่ห่างไกลจากพวกมักใหญ่ใฝ่สูง ซึ่ง
ทาแต่สิ่งเหลวไหลใส่ตัวเอง โดยไม่ดูความมัก
นอ้ ยของชาวนาเปน็ ตวั อยา่ ง ฉะนนั้ เพอ่ื รกั ษาความ
สบายใจและความวิเวกร่มเย็นเฉกเช่นอยู่ในหุบ
เขาลาเนาไพร ควรถอื สนั โดษดบั ความฟงุ้ ซา่ นใจ
ตามแบบของชาวนาไว้จะดกี วา่
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๑๘. ศพเอย๋ ศพไพร่ ไม่มใี ครขนึ้ ชอื่ ระบอื ขาน
ไม่เกรงใครนนิ ทาวา่ ประจาน ไม่มกี ารจารึกบนั ทกึ คณุ
ถงึ บางทมี บี า้ งเปน็ อยา่ งเลศิ ก็ไมฉ่ ดู ฉาดเชดิ ประเสรฐิ สนุ ทร์
พอเตอื นใจไดบ้ า้ งในทางบญุ เปน็ เครอื่ งหนนุ นาเหตสุ งั เวชเอย
ถอดความ คาศัพท์ ความหมาย
สนุ ทร์ ด,ี งาม
ศพของคนธรรมดาสามญั ไม่มีใครเขายก สังเวช ร้สู กึ เสร้าสลดหดหู่
ย่องหรือกล่าวถึงฉะนั้นจึงไม่ต้องไปเกรง
กลัวว่าใครเขาจะนินทา เพราะไม่มีการ
เขียนจารึกบันทึกคุณความดีไว้ ถึงจะมี
บ้างก็ไม่เชิดชูกันอย่างเต็มที่ ทาพอเป็น
เครื่องเตือนใจในการทาความดี หรือเป็น
เครือ่ งหนนุ นาเพื่อใหเ้ กดิ สงั เวชใจเท่าน้นั
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๑๙. ศพเอย๋ ศพสงู เปน็ เครอื่ งจงู จติ ใหเ้ ลอื่ มใสศานต์
จารึกคาสานวนชวนสกั การ ผดิ กบั ฐานชาวนาคนสามญั
ซึ่งอย่างดกี ม็ กี วเี ถอ่ื น
อุทศิ สิ่งซง่ึ สร้างตามทางธรรม์ จากรึกชอื่ ปเี ดอื นวนั ดบั ขนั ธ์
ของผนู้ น้ั ผนู้ แี้ กผ่ เี อย
คาศัพท์ ความหมาย ถอดความ
ศานต์ สงบ
ถวเี ถอ่ื น กวชี าวบ้าน ศพของคนดี เป็นสิ่งที่จูงให้เลื่อมใส มี
สกั การ สักการะบชู า การจารึกค่าสักการะ ผิดกับศพของชาวนา
ธรรมดา ซ่ึงอย่างดีที่สุดก็มีแคก่ วสี มัครเล่น
ซึ่งจะจารึกเอาไว้เพียงแค่วันเดือนปีท่ี
ลว่ งลับ อทุ ิศสง่ิ ของทางธรรมให้แกผ่ ูต้ าย
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๒๐. ห่วงเอย๋ หว่ งอะไร ไมย่ งิ่ ใหญเ่ ทา่ หว่ งดวงชวี ติ
แมค้ นลมื สงิ่ ใดไดส้ นทิ กย็ งั คดิ ขน้ึ ไดเ้ มอ่ื ใกลต้ าย
ใครจะยอมละทง้ิ ซงึ่ ส่งิ สขุ เคยเปน็ ทกุ ขห์ ว่ งใยเสยี ไดง้ า่ ย
ใครจะยอมละแดนแสนสบาย โดยไมช่ ายตาใฝอ่ าลยั เอย
ถอดความ
ห่วงอะไรไม่เท่าห่วงชีวิต แม้นคนที่ลืมทุกสิ่งก็ยังคิดได้
เมอื่ ใกลต้ าย ใครจะยอมละทง้ิ สงิ่ ทที่ าใหม้ คี วามสขุ ถา้ ผเู้ คยมคี วาม
ทุกข์ก็ย่ิงไม่เสียให้ง่าย ๆ ใครจะยอมจากที่อยู่แสนสบาย โดยไม่
หนั หลังอาลัยไปมอง
กลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
๒๑. ดวงเอย๋ ดวงจติ ลืมสนทิ กจิ การงานทงั้ หลาย
ยอ่ มละชพี เคยสขุ สนกุ สบาย เคยเสยี ดายเคยวติ กเคยปกครอง
ละทง้ิ ถน่ิ ทสี่ าราญเบกิ บานจติ ซ่ึงเคยคดิ ใฝเ่ ฝา้ เปน็ เจา้ ของ
หมดวติ กหมดเสียดายหมดหมายปอง ไม่ผนิ หลงั เหลยี วมองดว้ ยซา้ เอย
คาศพั ท์ ความหมาย ถอดความ
สาราญ สุข, สบาย
ขอใหด้ วงจติ ของเรา จงลมื กจิ การงานทงั้ หลาย
ผนิ หัน ที่เคยสุขสนุกสบาย เคยเสียดาย เคยวิตกและ
เคยปกครอง ต้องละถิ่นที่เคยให้ความสุขสาราญ
บานใจ และฝันใฝ่อยากเป็นเจ้าของ ขอจงหมด
ความวิตก หมดความเสียดายหมดสิ่งที่ปรารถนา
โดนไมห่ ันหลกั เหลยี วไปมองมันอีกเลย
คุณค่าของกลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้
คุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์
กลอนดอกสร้อยเป็นรูปแบบคาประพันธ์ที่จดจาได้ง่าย
เหมาะสมกบั เนอื้ หาท่ีเป็นการราพงึ ถึงความรู้สกึ
การใช้คามีลักษณะเด่น คือ ใช้คาที่เข้าใจง่าย กะทัดรัด
สื่อความหมายได้ชัดเจน และมีการเล่นคา เล่นเสียง
สมั ผัสสระ สัมผสั พยัญชนะ ทาใหเ้ กดิ ความไพเราะ
การใชโ้ วหารภาพพจน์ มีการใชค้ าเลยี นเสยี งธรรมชาติ
ช่วยใหส้ อื่ ความหมายและความรสู้ กึ ไดด้ ี
คณุ คา่ ของกลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้ (ตอ่ )
คุณค่าดา้ นเนอ้ื หา
ความเป็นอนิจจัง ความไม่เที่ยงของชีวิตตรงกับหลักธรรมใน
พระพุทธศาสนา คือ ทกุ คนหลีกไมพ่ ้นความตายไมว่ ่าไพร่หรอื
ผดู้ ี คนจน คนรวย คนดี คนชวั่
ความสุขที่แท้จริงของชีวิต คือ ความสันโดษ ความเรียบ
งา่ ยของชวี ติ เปน็ คตธิ รรมสามารถนามาใชใ้ นการการดาเนิน
ชีวติ ประจาวนั ได้
การรจู้ กั ปลงและปลอ่ ยวางในชวี ติ จะทาใหช้ วี ติ มแี ต่
ความสขุ ตลอดไปได้
คณุ ค่าของกลอนดอกสรอ้ ยราพงึ ในปา่ ชา้ (ต่อ)
คุณคา่ ดา้ นสังคม
ชีวิตไม่ควรประมาทจึงควรเร่งสร้างแต่ความดีต่อ
ตนเองและสงั คม เพื่อใหค้ นรุ่นหลงั ได้สรรเสริญยกย่อง
เป็นแบบอย่างให้ยึดถือปฏิบัติตาม เพราะบุญกรรม
ความดีความชั่วเท่านั้นจะเป็นสิ่งติดตัวผู้ตายไปหรือให้
คนรนุ่ หลงั กล่าวถงึ เพ่อื เป็นอนุสรณ์
สะท้อนให้เห็นค่านิยมของสังคมในสมัยก่อน
ที่ว่า ผู้ดีมีฐานะร่ารวยจะมีคาจารึกหรือสร้าง
อนุสรณใ์ ห้ ส่วนคนจน ชาวไร่ ชาวนา ไม่มีใคร
เหน็ คุณค่า