ก ค ำน ำ แผนพัฒนาการศึกษา (2561-2565) ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564 ของ กศน.อ าเภอพระประแดง เป็นแผนที่ จัดท าเพื่อก าหนด ทิศทางการปฏิบัติงานในการจัดการศึกษาตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ ที่สอดคล้องกัน และก าหนด แ น ว ท าง พั น ธ กิ จ โ ด ย จั ด ท าใ ห้ เ กิ ด ป ร ะโ ย ช น์ สูง สุ ด ต่ อ ผู้ เ รี ย น ป ร ะ ช า ช น แ ล ะ ส ถ า น ศึ ก ษ า แผนพัฒนาการศึกษา (2561-2565) ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564 ฉบับนี้ได้รับความร่วมมือ จากข้าราชการครูบุคลากร เพื่อให้ส าเร็จตามเป้าหมาย ด าเนินกิจกรรมโครงการ อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล ขอขอบคุณทุกท่านที่ ให้ค าปรึกษา แนะน า และร่วมกันจัดท าแผนพัฒนาการศึกษา (2561- 2565) ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ.2564 จนส าเร็จเรียบร้อยสามารถใช้ปฏิบัติงานได้ และเป็นประโยชน์ต่อไป กศน.อ าเภอพระประแดง วัน..............เดือน.........ปี...............
ข บทสรุปผู้บริหำร การจัดท าแผนพัฒนาการศึกษา ได้ด าเนินการตามนโยบายและยุทธศาสตร์ชาติ เป็นการก าหนดกรอบ แนวทางในการด าเนินงาน และเป็นเครื่องมือในการก ากับดูแล และติดตามผลการด าเนินงานให้เป็นไปตาม วัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ก าหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่า และประโยชน์สูงสุดต่อ ประชาชน ผู้รับบริการ และสามารถขับเคลื่อนได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น แผนพัฒนาการศึกษา (2561-2565) ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2564 โดยจัดท าเป็นแผน 5 ปีซึ่งต้องสอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561- 2580) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา และแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยจัดท าโดยมี ห้วงระยะเวลา ทุกหน่วยงานจึงมีความจ าเป็นต้องด าเนินตามแผน เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนปฏิบัติการไปสู่เปูา หมาย วิสัยทัศน์ที่ก าหนดไว้ และการด าเนินงานเป็นไปใน ทิศทางเดียวกัน สามารถน าไปสู่การติดตาม ประเมินผล เป้าหมาย ตัวชี้วัด ให้บรรลุตามที่ก าหนดไว้ ลงชื่อ......................................................... (....นางสาวนันท์นภัสร์...ศรีวิเชียร.....) ผู้อ านวยการ กศน.อ าเภอพระสมุทรเจดีย์ รักษาการในต าแหน่งผู้อ านวยการ กศน.อ าเภอพระประแดง
สำรบัญ หน้ำ ค ำน ำ บทสรุปผู้บริหำร ส่วนที่1 ข้อมูลพื้นฐำนของสถำนศึกษำ ข้อมูลพื้นฐำนของอ ำเภอ 1. ที่ตั้งและอาณาเขต 1-4 2. การแบ่งเขตการปกครอง 4-5 3. การศึกษา 6 4. การคมนาคม 7-22 ข้อมูลพื้นฐำนของสถำนศึกษำ 1.ชื่อสถานศึกษา 23 2.ที่ตั้งสถานศึกษา 23 3. สังกัด 23 4.ประวัติความเป็นมาของสถานศึกษา 23 4.1 ประวัติสถานศึกษา 23 4.2 ท าเนียบผู้บริหาร 23 4.3 อาณาเขต 24 4.4 สภาพชุมชน 25-27 5. โครงสร้างสถานศึกษา 28 6. ข้อมูลบุคลากร 29 7. ทรัพยากรและสิ่งอ านวยความสะดวกในการจัดการศึกษา 30 7.1 อาคารสถานที่ 30 7.2 สาธารณูปโภคและสิ่งอ านวยความสะดวก 30 8. แหล่งเรียนรู้และเครือข่าย 8.1 กศน.ต าบล 31 8.2 ศูนย์การเรียนชุมชน 32 8.3 แหล่งเรียนรู้ 32-34 8.4 ภาคีเครือข่าย 34-35 8.5 ภูมิปัญญา 35-36 9. เกียรติยศชื่อเสียง / รางวัล 21 36 10. ข้อเสนอแนะจากการประเมินตนเอง ประจ าปีงบประมาณ 2563 36 11. ข้อเสนอแนะจากการประเมินคุณภาพสถานศึกษาโดยต้นสังกัด 36 12. ข้อเสนอแนะจากการประเมินคุณภาพภายนอกจาก สมศ. 37
สำรบัญ (ต่อ) หน้ำ ส่วนที่2 ทิศทำงกำรด ำเนินงำนของสถำนศึกษำ 1 ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี(พ.ศ 2561 – 2580) 38-39 2 นโยบายและจุดเน้นการด าเนินงานส านักงาน กศน.ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2564 39-41 ส่วนที่ 3 แนวทำงกำรด ำเนินงำนของสถำนศึกษำ 42-43 ส่วนที่ 4 แผนพัฒนำกำรศึกษำ 5 ปี 44-126 ภำคผนวก คณะผู้จัดท ำ
1 ส่วนที่1 ข้อมูลพื้นฐำนของสถำนศึกษำ ข้อมูลพื้นฐำนอ ำเภอ 1. ที่ตั้งและอำณำเขต ที่ตั้ง / กำรติดต่อ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอ พระประแดง ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ อาคารเทศบาลหลังเดิม ชั้น 4 เลขที่ 202/1 หมู่ 8 ซอยร่มประดู่ ถนนปู่เจ้าสมิง พราย ต าบลส าโรงใต้ อ าเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 10130 โทรศัพท์ 0-2183-2638 โทรสาร. 0- 2183-2638 E-Mail : [email protected] ที่มำของอ ำเภอพระประแดง ค าว่า "พระประแดง" บ้างว่ามาจากค าว่า "ประแดง" หรือ "บาแดง" แปลว่า คนเดินหมายหรือ คนน า ข่าวสาร แต่เดิมเมืองพระประแดงเป็นเมืองหน้าด่านเมื่อมีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น จะต้องแจ้งข่าวสารไปให้เมืองหลวง (ละโว้) ทราบโดยเร็วความเก่าแก่มานานกว่า 1000 ปี ประวัติศาสตร์เมืองพระประแดงเริ่มปรากฏในสมัยขอมเรือง อ านาจเหนือดินแดนสุวรรณภูมิบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ าเจ้าพระยา ในสมัยนั้นสภาพทางภูมิศาสตร์ของที่ราบลุ่มมีทะเล ที่อยู่ลึกกว่าปัจจุบันทางใต้ของกรุงเทพ ฯขอมได้ตั้งเมืองบริเวณปากแม่น้ านี้ เรียกว่า พระประแดง เมืองพระประแดง เดิมตั้งอยู่บริเวณคลองเตย เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ต่อมาแผ่นดินได้งอกขึ้นมาจึงย้ายเมืองพระประแดงมาให้ใกล้ ปากแม่น้ า ซึ่งคือ อ าเภอพระประแดงในปัจจุบัน ชื่อของพระประแดงได้ปรากฏในยุคสมัยทั้งหมด 5 สมัย คือ สมัย ลพบุรี สุโขทัย กรุงศรีอยุธยา ธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยลพบุรีที่ขอมเรืองอ านาจ เมืองพระประแดงมีฐานะ เป็นเมืองหน้าด่านชายทะเล ขอมเรียก เมืองพระประแดง มีความหมายว่าคนน าสาร ในสมัยอยุธยาสมเด็จพระ รามาธิบดีที่ 1ได้ก าหนดให้เมืองพระประแดง เป็นเมืองหนึ่งในหัวเมืองหน้าด่าน เป็นหัวเมืองทางใต้ และหัวเมือง ชายฝั่งทะเล ในสมัยอยุธยานี้ได้ปรากฏหลักฐานของเมือง พระประแดงอย่างชัดเจน ตามพระราชพงศาวดารฉบับ พระราชหัตถเลขความว่า ในปีมะเมีย จุลศักราช 860 หรือใน พ.ศ.2051 ทางกรุงศรีอยุธยาได้ท าการขุดช าระคลอง ส าโรงที่เมืองพระประแดง ขณะท าการขุดคลองได้พบพระพุทธรูป 2 องค์ ที่มีชื่อจ าหลักไว้ว่าพระยาแสนตา และบาท สังข์กร ได้ตั้งประดิษฐานที่เมืองพระประแดง ภายหลังพระยาละแวกแห่งเขมรยกทัพมาโจมตี กรุงศรีอยุธยาแต่ไม่ ส าเร็จจึงได้น าเทวรูปทั้ง 2 องค์ไปยังกัมพูชาในสมัยกรุงธนบุรีพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ให้รื้อก าแพง เมืองพระประแดงมา สร้างวังส่งผลให้เมืองพระประแดงได้หายสาบสูญไปในสมัยนั้นและสมัยกรุงรัตนโกสินทร์พระบาทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงโปรดให้กรมพระราชวังบวรฯลงไปส ารวจปากแม่น้ าเจ้าพระยาเพื่อสร้างเมืองใหม่ ่ผล จากการส ารวจ ได้มีการสร้างป้อมขึ้นมา หนึ่งป้อมตรงฝั่งซ้ายแม่น้ าเจ้าพระยาบริเวณคลองลัดโพธิ์ ป้อมนี้ชื่อว่าป้อม วิทยาคมนับเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเมืองพระประแดง ต่อมาในรัชสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ทรงท าการ สร้างเมืองต่อจากรัชกาลที่ 1 มีแม่ทัพนายกอง คือ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล การสร้างเมืองเริ่มท าพิธีฝัง อาถรรพ์ปักหลักเมือง ณ วันศุกร์ เดือน 7 แรม 10 ค่ า ปีกุล สับตศก จุลศักราช 1177 (พ. ศ. 2358) จากพงศาวดาร รัชกาลที่ 2 ให้นามว่า เมืองนครเขื่อนขันธ์ ในการครั้งนี้ได้สร้างพระอารามไว้ในเมือง พระราชทานนามว่า วัดทรง ธรรม ต่อมาได้สร้างป้อมเพื่อความแข็งแกร่งในการป้องกันศัตรูทาง ฝั่งตะวันออก 3 ป้อม คือ ป้อมปู่เจ้าสมิงพราย ป้อมปีศาจสิง ป้อมราหูจร
2 ทางฝั่งตะวันตกอีก 5 ป้อม คือ ป้อมแผลงไฟฟ้า ป้อมมหาสังหาร ป้อมศัตรูพินาศ ป้อมประจักกรด ป้อมพระจันทร์พระอาทิตย์ โดยป้อมทั้งหมดชักปีกกาถึงกัน ข้างหลังเมืองท าเป็นก าแพงล้อมรอบตั้งยุ้งฉางภายในเมืองที่ริมน้ า ท าเป็นลูกทุ่นสายโซ่ไว้ป้องกันเรือข้าศึกรวมทั้งหมด ที่เมืองนครเขื่อนขันธ์มีป้อมทั้งหมด 9 ป้อม นอกจากการสร้าง ป้อมแล้วยังได้ท าการขุดคลองลัดแม่น้ าเจ้าพระยา มีชื่อว่า คลองลัดหลวง เพื่อใช้เป็นทางลัดในการเดินทาง ท าให้ เมืองนครเขื่อนขันธ์ มีอีกชื่อหนึ่ง ว่า ปากลัด ในปี พ.ศ. 2365 ได้สร้างป้อมอีกป้อมหนึ่งชื่อเพชรหึงษ์ในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงโปรดเกล้าให้เปลี่ยนชื่อเมืองนครเขื่อนขันธ์เป็นเมืองพระประแดง ใน ปีพ.ศ.2458 ได้ยกฐานะเมืองพระประแดงเป็นจังหวัดพระประแดงมี 3 อ าเภอ คือ อ าเภอพระประแดง อ าเภอพระ โขนงอ าเภอราษฎร์บูรณะในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวประเทศไทยเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ าอัน เนื่องจาก ภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงทรงโปรดเกล้าให้ยุบจังหวัดพระประแดงโดยให้อ าเภอพระโขนงอ าเภอราษฎร์ บูรณะ ขึ้นตรงกับจังหวัดกรุงเทพส่วนอ าเภอพระประแดงขึ้นตรงกับจังหวัดสมุทรปราการ ใน พ. ศ. 2475 ชุมชน มอญ พระประแดงได้เริ่มขึ้นในรัชกาลพระบาทสมเด็จ พระพุทธ เลิศหล้านภาลัย ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธ เลิศหล้านภาลัย ทรงสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ซึ่งปัจจุบัน คือ อ าเภอพระประแดง ขึ้นในวันศุกร์ แรม 10 ค่ า เดือน 7 ปีกุล จุลศักราช 1177(พุทธศักราช23) ทรงโปรดเกล้าให้ย้ายครอบครัวชาวมอญจากเมืองปทุมธานีที่ได้อพยพเข้ามา ในรัชสมัยพระเจ้าตากสินมหาราชที่มีผู้น า คือพระยาเจ่ง ต้นตระกูลคชเสนี ในการเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่เมืองนครเขื่อน ขันธ์ครั้งนั้นมีชายฉกรรจ์ทั้งหมด270 คน มีผู้น าคือ สมิงทอมา ซึ่งเป็นบุตรของพระยาเจ่งเป็นหัวหน้า ซึ่งภายหลัง ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองนครเขื่อนขันธ์ ชาวมอญชุดนี้เรียกว่า มอญเก่า และในปีเดียวกันนี้มีชาวมอญอีกกลุ่มหนึ่ง อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร มีผู้น า คือ สมิงสอดเบา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงโปรดให้ ชาวมอญกลุ่มหนึ่งไปตั้งหลักแหล่งที่เมืองนครเขื่อนขันธ์เช่นกัน โดยชาวมอญชุดนี้เรียกว่า มอญใหม่ การปกครอง เมืองนครเขื่อนเริ่มต้นจากสมิงทอมาซึ่งได้รับแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็น พระยานคร เขื่อนขันธ์รามัญชาติเสนาบดีศรีสิทธิสงคราม พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้พระยานคร เขื่อนขันธ์ รามัญชาติเสนาบดีศรีสิทธิสงครามเป็นเจ้าเมือง พร้อมทั้งตั้งกรมการการเมืองทุกต าแหน่ง นับแต่นั้นมา ตระกูลคชเสนีก็ปกครองเมืองนครเขื่อนขันธ์สืบต่อมารวมแล้ว 9 คน คือ พระยานครเขื่อนขันธ์รามัญชาติเสนาบดีศรีสิทธิสงคราม ( ทอมา คชเสนี ) พระยาด ารงค์ราชพลขันธ์ ( จุ๋ย คชเสนี ) พระยามหาโยธา ( นกแก้ว คชเสนี ) พระยาขยันสงคราม ( เจ๊กหรือแป๊ะ คชเสนี ) พระยาเกียรติ ( ขุนทอง คชเสนี ) พระยาด ารงค์ราชพลขันธ์ ( หยอย คชเสนี ) พระเทพพลู ( ทองค า คชเสนี ) พระยาพิทักษ์มนตรี ( ปุย คชเสนี ) พระยานนาคราชก าแหงประแดงบุรีนายก ( แจ้ง คชเสนี ) หลังจากล าดับที่ 9 เป็นคนนอกจระกูลคชเสนี คือ
3 พระยาพยัพพิริยกิจ ( เป้า จ ารุเสถียร ) พระประแดงบุรี ( โต พระยาพิชัยบุรินทรา ( สะอาด ) ประวัติอ ำเภอพระประแดง อ าเภอพระประแดง เป็นเมืองโบราณสมัยขอมมีชื่อเรียกว่า "พระประแดง" เดิมตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ าเจ้าพระยา ด้านซ้ายคืออยู่ทางฝั่งตะวันออก เดิมเป็นเมืองหน้าด่านทางทะเล สมัยนั้นเรียกว่า "ปากน้ าพระประแดง" โดย ต า แ ห น่ง ที่ ตั้ง เ มื อง พ ร ะ ป ร ะ แ ดง เ ดิ ม ช่ วง ศ ต ว ร ร ษ ที่ 23 นั้ น ปั จ จุ บั น ตั้ง อ ยู่ ใ น บ ริ เ ว ณ ท่ า เ รื อ คลองเตย กรุงเทพมหานคร ส่วนเมืองนครเขื่อนขันธ์ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย นั้น มิได้มีความเกี่ยวข้องกับเมืองพระประแดงเดิมแต่อย่างใด ครั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้า เจ้าอยู่หัว ได้มีการเปลี่ยนชื่อเมืองนครเขื่อนขันธ์เป็นเมืองพระประแดง ประวัติศำสตร์ที่ส ำคัญของอ ำเภอพระประเเดง พ.ศ. 2464 ตั้งจังหวัดพระประแดง พ.ศ. 2475 ยุบจังหวัดพระประแดง ท าให้อ าเภอพระประแดง ขึ้นกับ จังหวัดสมุทรปราการวันที่ 15 มีนาคม 2480 จัดตั้งเทศบาลเมืองพระประแดง ในท้องที่บางส่วนของต าบลเชียงใหม่ ต าบลทรงคนอง และต าบลตลาด (ในปัจจุบันรวมกันเป็นต าบลตลาด) วันที่ 1 มกราคม 2486 จังหวัดสมุทรปราการได้ยุบลงเนื่องจากขณะนั้นในช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่ง ก่อให้เกิดปัญหาสภาวะเศรษฐกิจตกต่ า อ าเภอพระประแดง 10 พฤษภาคม 2489 ตั้งจังหวัดสมุทรปราการ ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง จึงท าให้อ าเภอพระประแดง กลับมา ขึ้นกับจังหวัดสมุทรปราการ เหมือนเดิม วันที่ 20 กันยายน 2505 ตั้งต าบลบางกระสอบ แยกออกจากต าบลบางน้ าผึ้ง วันที่ 22 สิงหาคม 2506 จัดตั้งสุขาภิบาลพระประแดง ในท้องที่ต าบลบางพึ่ง ต าบลบางครุ ต าบลบางจาก ต าบลบางหญ้าแพรก ต าบลบางหัวเสือ และต าบลส าโรงใต้ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2531 ตั้งต าบลส าโรง วันที่ 13 มีนาคม 2535 เปลี่ยนแปลงเขตสุขาภิบาลพระประแดง ใหม่ โดยให้ สุขาภิบาลพระประแดง ครอบคลุมในท้องที่ต าบลบางพึ่ง ต าบลบางครุ และต าบลบางจาก และ ให้จัดตั้งสุขาภิบาลส าโรงใต้ ในท้องที่ ต าบล บางหญ้าแพรก ต าบลบางหัวเสือ ต าบลส าโรงใต้ ต าบลส าโรงกลาง และต าบลส าโรง วันที่ 24 เมษายน 2537 จัดตั้งเทศบาลต าบลลัดหลวง โดย ยกฐานะจากสุขาภิบาลพระประแดง วันที่ 16 มีนาคม 2540 จัดตั้งเทศบาลต าบลส าโรงใต้ โดย ยกฐานะจากสุขาภิบาลส าโรงใต้ วันที่ 21 กันยายน 2545 จัดตั้งเทศบาลเมืองลัดหลวง โดย ยกฐานะจากเทศบาลต าบลลัดหลวง วันที่ 20 สิงหาคม 2552 ยกฐานะจากเทศบาลต าบลส าโรงใต้ เป็น เทศบาลเมืองส าโรงใต้ วันที่ 17 กันยายน 2553 เปลี่ยนชื่อเทศบาลเมืองส าโรงใต้ เป็น เทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย ที่ตั้งและอำณำเขต ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัด ทิศเหนือ ติดต่อกับเขตยานนาวา เขตคลองเตย เขตพระโขนง และเขตบางนา (กรุงเทพมหานคร) มีแนว กึ่งกลางแม่น้ าเจ้าพระยาเป็นเส้นแบ่งเขต ทิศตะวันออก ติดต่อกับอ าเภอพระประแดง มีถนนทางรถไฟเก่า (สายปากน้ า) เป็นเส้นแบ่งเขต ทิศใต้ติดต่อกับอ าเภอพระประแดงและอ าเภอพระประแดง คลองขุด คลองบางฝ้าย กึ่งกลางแม่น้ า เจ้าพระยา คลองท่าเกวียน และคลองบางจาก เป็นเส้นแบ่งเขต ทิศตะวันตก ติดต่อกับเขตทุ่งครุและเขตราษฎร์บูรณะ (กรุงเทพมหานคร) คลองรางใหญ่ คลองขุดเจ้าเมือง ล าธารสาธารณะ คลองบางพึ่ง คลองแจงร้อน เป็นเส้นแบ่งเขต
4 2. กำรแบ่งเขตกำรปกครอง อ าเภอพระประแดงประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 9 แห่ง ได้แก่ เทศบาลเมืองพระประแดง ครอบคลุมพื้นที่ต าบลตลาด เทศบาลเมืองลัดหลวง ครอบคลุมพื้นที่ต าบลบางพึ่ง ต าบลบางจาก และต าบลบางครุ เทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย ครอบคลุมพื้นที่ต าบลบางหญ้าแพรก ต าบลบางหัวเสือ ต าบลส าโรงใต้ ต าบลส าโรง และต าบลส าโรงกลาง องค์การบริหารส่วนต าบลบางยอ ครอบคลุมพื้นที่ต าบลบางยอ องค์การบริหารส่วนต าบลบางกะเจ้า ครอบคลุมพื้นที่ต าบลบางกะเจ้า องค์การบริหารส่วนต าบลบางน้ าผึ้ง ครอบคลุมพื้นที่ต าบลบางน้ าผึ้ง องค์การบริหารส่วนต าบลบางกระสอบ ครอบคลุมพื้นที่ต าบลบางกระสอบ องค์การบริหารส่วนต าบลบางกอบัว ครอบคลุมพื้นที่ต าบลบางกอบัว องค์การบริหารส่วนต าบลทรงคนอง ครอบคลุมพื้นที่ต าบลทรงคนอง เขตปกครองในเขตองค์กำรบริหำรส่วนต ำบล จ ำนวน 6 ต ำบล คือ ต าบลทรงคนอง 11 หมู่บ้าน ต าบลบางยอ 10 หมู่บ้าน ต าบลบางกะเจ้า 9 หมู่บ้าน ต าบลบางกระสอบ 11 หมู่บ้าน ต าบลบางกอบัว 13 หมู่บ้าน ต าบลบางน้ าผึ้ง 11 หมู่บ้าน เขตกำรปกครองของเทศบำลเมืองปู่เจ้ำสมิงพรำย จ ำนวน 5 ต ำบล คือ ต าบลบางหญ้าแพรก 22 ชุมชน ต าบลบางหัวเสือ 15 ชุมชน ต าบลส าโรงกลาง 10 ชุมชน ต าบลส าโรงใต้ 10 ชุมชน ต าบลส าโรง 10 ชุมชน เขตกำรปกครองของเทศบำลเมืองพระประแดง จ ำนวน 1 ต ำบล คือ ต าบลตลาด 9 ชุมชน เขตกำรปกครองของเทศบำลเมืองลัดหลวง จ ำนวน 3 ต ำบล คือ 1. ต าบลบางพึ่ง 19 ชุมชน 2. ต าบลบลบางครุ 15 ชุมชน 3. ต าบลบางจาก 9 ชุมชน
5 จ ำนวนประชำกรในเขตอ ำเภอพระประแดง ต ำบล ประชำกร ( คน ) หลังคำเรือน ชำย หญิง รวม บำงกอบัว 3,427 3,724 7,151 2,524 บำงยอ 5,478 5,879 11,357 3,266 บำงกะเจ้ำ 2,458 2,777 5,235 1,724 บำงน้ ำผึ้ง 2,336 2,610 4,944 1,377 บำงกระสอบ 1,344 1,484 2,828 832 ทรงคนอง 3,720 3,906 7,626 2,725 บำงพึ่ง 11,324 12,614 23,938 13,638 บำงครุ 12,241 13,381 25,622 12,779 บำงจำก 10,808 11,180 21,988 11,119 ตลำด 5,556 5,845 11,401 2,164 บำงหญ้ำแพรก 9,958 10,511 20,469 4,278 บำงหัวเสือ 5,843 6,205 12,048 3,782 ส ำโรงใต้ 7,466 7,530 14,996 7,390 ส ำโรงกลำง 6,665 6,794 13,459 6,397 ส ำโรง 7,642 8,304 15,946 6,975 รวม 15 ต ำบล 96,266 102,744 199,010 80,970
6 3. กำรศึกษำ การจัดการศึกษาในระยะแรกที่ปรากฏในเขตอ าเภอพระประแดง เหมือนกับการจัดการศึกษาที่ปรากฏใน เขตอ าเภออื่นๆ ทั่วไปกล่าวคือ สถานศึกษาเดิมอยู่ที่วัดโดยมีพระภิกษุสงฆ์ เป็นผู้สอนโดยมิได้มีการก่อสร้างอาคาร เรียนขึ้นเป็นเอกเทศ ทั้งนี้เพราะหวังเพียงให้ผู้เรียนอ่านออกเขียนได้เท่านั้น ต่อมาชาวมุสลิมได้ก่อตั้งโรงเรียนขึ้น เป็นโรงเรียนแห่งแรก ในเขตอ าเภอพระประแดง ในปีพุทธศักราช 2485 การจัดการศึกษาของอ าเภอ พระประแดง จึงด าเนินมาโดยล าดับ จนถึงวันที่ 16 มกราคม 2507 จึงได้มีการก่อตั้งโรงเรียนราชประชาสมาสัยในพระบรม ราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขึ้น ณ ต าบลบางจากโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาการศึกษาของให้ เจริญยิ่งขึ้นไป สภำพเศรษฐกิจ เนื่องจากอ าเภอพระประแดง เป็นแหล่งเมืองอุตสาหกรรม ประชากรส่วนใหญ่จึงมีรายได้จากการประกอบอาชีพใน โรงงานอุตสาหกรรมและสถานประกอบการต่างๆ มากถึง 55 % ที่เหลือเป็น ผู้ประกอบอาชีพค้าขายการเกษตร และผู้ประกอบอาชีพอื่นๆ ด้ำนศำสนำ ศิลปะ และวัฒนธรรม ค ำขวัญอ ำเภอพระประแดง “ป้อมแผลงไฟฟ้า ราชานุสาวรีย์ ประเพณีสงกรานต์ หมู่บ้านชาวมอญ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ งาม ตระการวัดหลวง มะม่วงน้ าดอกไม้ ติดใจข้าวเม่าทอด สุดยอดกะละแม” 1. ศาสนาพุทธ มีวัดในเขตอ าเภอพระประแดง ทั้งสิ้น 38 วัด เป็นอารามหลวง จ านวน 4 วัด 2. ศาสนาอิสลาม มีมัสยิด จ านวน 3 แห่ง 3. ศาสนาคริสต์ มีโบสถ์คริสต์ จ านวน 2 แห่ง 4. ศูนย์วัฒนธรรมในเชตอ าเภอพระประแดง จ านวน 2 แห่ง คือ 4.1 ศูนย์วัฒนธรรมอ าเภอพระประแดงตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนอ านวยวิทย์ต าบลตลาด อ าเภอพระประแดง 4.2 ศูนย์วัฒนธรรมชุมชนมุสลิม – มลายูบ้านปากลัด ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 26/43 หมู่ 18 ต าบลบางพึ่ง อ าเภอ พระประแดง โดยเป็นวัฒนธรรมในชุมชนปากลัด เป็นชุมชนมุสลิมเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดสมุทรปราการ มีประชากร ชาวมุสลิมที่แบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือ มุสลิมรุ่นแรกที่อยู่มาตั้งแต่เดิมก่อนกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นมุสลิมที่มีเชื้อสายมา จากมะละกาปลายแหลมมลายู ส่วนมุสลิมรุ่นที่สองนั้นมาอยู่ในเขตอ าเภอพระประแดงราว 200 กว่าปี ช่วงตอนต้น รัชกาลที่ 1 ของกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. 2329 ทีอพยพมาจากจังหวัดปัตตานี จนเป็นชุมชนมุสลิมอยู่ร่วมกับชาวมอญ จากนั้นมา นอกจากนี้ยังมีประเพณีของชาวมอญอีกหลายอย่างที่จัดในวันสงกรานต์ เช่น ประเพณีการแห่สงกรานต์ พระประแดง ประเพณีการถวายธงตะขาบ ประเพณีแห่ปลา ซึ่งการจัดประเพณีดังกล่าวเป็นของชาวมอญที่มีการ จัดเป็นประเพณีสืบต่อกันมาจนกระทั่งทุกวันนี้ เอกลักษณ์อันโดดเด่นของพระประแดง อีกประการหนึ่งคือ ความเป็นเมืองมอญเพราะเก่าก่อนมีคนไทย เชื้อสายมอญอาศัยอยู่เป็นจ านวนมาก และด้วยเหตุนี้เอง วัฒนธรรมของเมืองพระประแดงจึงได้รับอิทธิพลมาจาก อารยธรรมมอญ พระประแดงจึงเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันของคนสองเชื้อชาติอย่างลงตัว สถานสงเคราะห์ส าหรับคนพิการในอ าเภอพระประแดง 1. ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการพระประแดง มีการจัดการศึกษาสายสามัญและ สายอาชีพตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 จนถึงปัจจุบัน
7 2. สถานสงเคราะห์คนพิการและทุพพลภาพพระประแดง มีการจัดการศึกษาทั้งสายสามัญ และ สายอาชีพ ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน 3. สมาคมคนพิการจังหวัดสมุทรปราการ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 5 ต าบลบางกระสอบ อ าเภอพระประแดง 4. กำรคมนำคม อ าเภอพระประแดงมีถนนสายหลัก ได้แก่ 1.ถนนสุขสวัสดิ์ 2.ถนนนครเขื่อนขันธ์ 3.ถนนพระราชวิริยาภรณ์ 4.ถนนเพชรหึงษ์ 5.ถนนปู่เจ้าสมิงพราย 6.ถนนทางรถไฟเก่า (สายปากน้ า) 7.ถนนกาญจนาภิเษก (ด้านใต้) นอกจากนี้ยังมีสะพานข้าม (วงแหวนอุตสาหกรรม) สะพานกาญจนาภิเษก ส าหรับการคมนาคมในแม่น้ าเจ้าพระยา ได้แก่ แพขนานยนต์ และ เรือโดยสารข้ามฟาก ของ ห้างหุ้นส่วน จ ากัด เภตรา และ บริษัท นาวาสมุทร จ ากัด เรือโดยสารข้ามฟาก และ เรือหางยาวบริเวณวัดบางน้ าผึ้งนอก (ฝั่งตรง ข้ามกับวัดบางนานอก เขตบางนา กรุงเทพมหานคร) เรือหางยาวบริเวณปลายถนนเพชรหึงษ์ (ฝั่งตรงข้ามกับท่าเรือ กรุงเทพ เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
8 สถำนที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเขตอ ำเภอพระประแดง ตลำดน้ ำบำงน้ ำผึ้ง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของต าบลบาง น้ าผึ้ง อ าเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการจัดตั้งขึ้นโดย ความร่วมมือของชาวบ้านร่วมกับผู้น าท้องถิ่น และ อบต.บาง น้ าผึ้ง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และสนับสนุนให้ ชาวบ้าน มีรายได้จาก การน าผลผลิตในท้องถิ่นของตนเองมา จ าหน่ายเพื่อสร้างรายได้และก่อให้เกิดการสร้างงานภายใน ชุมชน ส่งผลท าให้ชุมชน เข้มแข็งมากขึ้นในวันเสาร์และวัน อาทิตย์เริ่มเปิดตลาดประมาณแปดโมงเช้าเป็นต้นไปจนถึงเย็น เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านริมคลองพ่อค้าแม่ค้าหน้าตายิ้มแย้ม แจ่มใส ซึ่งถือว่าเป็นตลาดน้ าเพื่อสุขภาพอีกแห่งหนึ่ง นอกจากจะได้สัมผัสวิธีชีวิตริมน้ าของชาวพระประแดง แล้ว ยังได้สัมผัสกับกิจกรรมทั้งในเรื่องของสุขภาพกาย และสุขภาพใจ เพราะพ่อค้า แม่ค้า นอกจากจะเอาใจใส่ เรื่องของคุณภาพของสินค้ายังมีสินค้าที่เป็นสมุนไพรใกล้ ตัว ที่ช่วยบ ารุงสุขภาพ ความโอมอ้อมอารีย์ของคนใน ชุมชนตลาดน้ าบางน้ าผึ้งถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่ง ของตลาดน้ าแห่งนี้ตลาดน้ าบางน้ าผึ้งจัดเป็นซุ้มให้มี ทางเดินยาวกว่า 2 กิโลเมตร มีอาหารหลากหลายมาก เช่น ก๋วยจั๊บ กระเพาะปลา รังนก ก๋วยเตี๋ยว ขนมครก หอยทด ทอดมันปลา หมึกไข่เสียบไม้ห่อด้วยใบตอง แจงร้อน ห่อหมกลูกชิ้นโบราณมีทั้งไส้กุ้ง หมู เผือก แค รอท ของหวานพื้นเมืองฝีมือ ชาวบ้านเช่น ขนมถ้วย ขนมจาก กล้วยแขก ม้าฮ่อ ขนมตระกูลทอง กาละแมก วน ฝอยเงินที่ใช้ไข่ขาวต้มในน้ าเชื่อมรสหวาน ชุ่มคอ หมี่กรอบโบราณ ฯลฯ และยังมีและผลิตผลของ ชาวบ้านเช่น มะพร้าวอ่อน มะม่วง น้ าดอกไม้ กล้วย หอม ชมพู่มะเหมี่ยวนอกจากนี้ใน ตลาดน้ าบางน้ าผึ้ง ศูนย์รวมสินค้า OTOP ที่สร้างสรรค์จากคนในชุมชนบางน้ าผึ้ง และต าบล ใกล้เคียงในจังหวัดสมุทรปราการ เช่น ดอกไม้เกล็ดปลาบ้านธูปสมุนไพร ผลิตภัณฑ์จากทะเลอย่างกุ้งแห้ง กะปิ หอยดองภาพประดิษฐ์จาก รกมะพร้าว ของ ตกแต่งบ้าน – ดอกหญ้าหลากสี,โมบายล์ หมู่คณะ และสวนเกษตรที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม ปั่นจักรยานเที่ยวคุ้งบางกระเจ้าโดยจุดเช่าจักรยานจะอยู่ตรงวัดบางน้ าผึ้งนอกสามารถปั่นจักยาน สูดอากาศบริสุทธิ์ ตามเส้นทางที่ได้จัดไว้ โดยสามารถเช่าจักรยานได้ที่วัดบางน้ าผึ้งนอกราคาชั่วโมงละ 50 บาท หากเช่าทั้งวัน 80 บาท
9 กำรเดินทำง การคมนาคมสะดวกทั้งทางบกและทางน้ า มีถนนสายหลัก 4 สาย คือถนนสุขสวัสดิ์ ถนนนครเขื่อน ขันธ์ ถนนราชวิริยาภรณ์ ถนนเพชรหึงษ์ มีทางด่วน คือ ทางด่วนสุขสวัสดิ์ ทางด่วนสะพานภูมิพล และทางด่วน กาญจนาภิเษก มีท่าเรือข้ามฟาก ข้ามไปยังฝั่งปู่เจ้าสมิงพราย มีท่ารถโดยสารประจ าทางอยู่ในทุกจุด คลอ งลัดโพธิ์ เป็นชื่อคลองเดิม บ ริเ วณต าบลท รง คน อง อ าเภ อพ ร ะป ร ะ แดง จังห วั ด สมุท รป ร าก า ร แ ล ะ กรุงเทพมหานคร เดิมที่มีลักษณะตื้นเขิน ต่อมาได้จัดสร้างเป็น โครงการตามแนวพระราชด าริเป็นการบริหารจัดการน้ าเพื่อ แก้ปัญหาน้ าท่วมกรุงเทพมหานคร โดยยึดหลักการ "เบี่ยงน้ า" (Diversion) ภายใต้การดูแลของหน่วยงานหลัก 3 หน่วยงาน คือ กรมชลประท าน กรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการพิเศษ เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชด าริ(กปร.) มี หลักการคือ จากสภาพของแม่น้ าเจ้าพระยาเดิมที่มีลักษณะไหลวนคดเคี้ยวบริเวณรอบพื้นที่บริเวณบางกระเจ้านั้นมี ความยาวถึง 18 กิโลเมตร นั้นท าให้การระบายน้ าที่ท่วมพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครเป็นไปได้ช้า ไม่ทันเวลาน้ า ทะเลหนุนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงมีพระราชด าริให้พัฒนาใช้คลองลัดโพธิ์ ซึ่งเดิมมีความ ตื้นเขินมีความยาวราว 600 เมตร ให้ใช้ระบายน้ าที่หลากและน้ าที่ท่วมทางสองฝั่งของแม่น้ าเจ้าพระยาลงสู่ทะเลทันที ในช่วงก่อนที่น้ าทะเลหนุน และปิดคลองลัดโพธิ์เมื่อน้ าทะเล หนุน เพื่อหน่วงน้ าทะเลไม่ให้ขึ้นลัดเลาะไปตามแนวแม่น้ า เจ้าพระยาที่คดโค้งถึง 18 กิโลเมตรก่อนซึ่งใช้เวลามากจนถึง เวลาน้ าลง ท าให้ไม่สามารถขึ้นไปท่วมตัวเมืองได้ คลองลัดโพธิ์ เป็นคลองที่พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีกระแสพระราชด ารัสถึง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ว่าเป็นสถานที่ตัวอย่างของ การบริหารจัดการน้ า ที่ต้องการความรู้เรื่องเกี่ยวกับเวลาน้ าขึ้น น้ าลง หากบริหารจัดการให้ถูกต้องจะสามารถแก้ปัญหาน้ าท่วมได้ และทรงเสด็จพระราชด าเนินทางชลมารคไปทรง เปิดประตูระบายน้ าคลองลัดโพธิ์ และทรงเปิดสะพานภูมิพล 1 ภูมิพล 2 ในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 สวนสุขภำพลัดโพธิ์ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เชิญชวน ประชาชนร่วมกราบสักการะพระบรมรูปทรงงานของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ สวน สุขภาพลัดโพธิ์ บริเวณใต้สะพานภูมิพล 1 สะพานภูมิพล 2 อ. พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อ วันที่ 3 พ.ย. 59 นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2554 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช ได้โปรดพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ ประทับยืนขณะทรงงาน เพื่อเป็นต้นแบบในการจัดสร้างพระบรมรูปหล่อ โดยมีพระราชประสงค์ให้ด าเนินการจัดหา ช่างปั้น เพื่อหล่อพระบรมรูปเป็นการส่วนพระองค์ และทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยต้นแบบพระบรมรูปฯ
10 โดยพระองค์เอง และเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2555 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจิมแผ่น ทอง เงิน นาค เพื่อน าไปประกอบพิธีเททองหล่อพระบรมรูปขณะทรงงาน จากนั้นวันที่21 มีนาคม 2556 สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชด าเนิน แทนพระองค์ไปทรงหล่อพระบรมรูป พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขนาดความสูง 2 เมตร 27 เซนติเมตร เพื่อประดิษฐาน ณ บริเวณสวน สุขภาพลัดโพธิ์ พระบรมรูป ประดิษฐานบริเวณสวน สุขภาพลัดโพธิ์ ทั้งนี้ ทช.ได้รับมอบหมายให้จัดสร้าง แท่นประดิษฐานพระบรมรูปหล่อ โดยก่อสร้างตั้งแต่ เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2556 และได้จัดพิธีบรรจุแผ่น ศิลาจ ารึกพระราชทาน พร้อมอัญเชิญองค์พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขึ้น ประดิษฐาน เมื่อวันที่สิงหาคม 2556 นับเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ประชาชนสามารถเดินทางมากราบสักการะ และร่วม ร าลึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00– 17.00 ศำลพระเสื้อเมือง สมุทรปรำกำร ตั้งอยู่ที่ต าบลทรงคนอง อ าเภอพระประแดง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เป็นวัดพุทธไทยเพียงวัดเดียวใน ย่านพระประแดง ส่วนวัดอื่นๆ มักเป็นพุทธรามัญ พระยาเพชรพิชัย สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 มีลักษณะ สถาปัตยกรรมดีเด่นคือ พระอุโบสถมุงหลังคาด้วยกระเบื้องมอญเก่า ไม่มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันมีศิลปะปูนปั้นลาย เครือเถาประดับเครื่องลายคราม ภายในมีพระประธานหล่อด้วยโลหะ เป็นพระพุทธปางมารวิชัย พระวิหารมีลักษณะ สถาปัตยกรรมเช่นเดียวกับพระอุโบสถ ภายในมีพระพุทธไสยาสน์พระพักตร์งามมาก เหนือหน้าต่างมีภาพปริศนา ธรรม เป็นศิลปะตะวันตกซึ่งหาดูได้ยาก นอกจากนี้ยังมีพระมณฑปหลังคามุงด้วยกระเบื้องรางรายรอบด้วยเก๋งจีน ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ มีพระปรางค์ที่มุมทั้ง 4 ด้าน ภายในพระมณฑปมีพระพุทธรูปและรอยพระพุทธ บาทจ าลองประดับมุข
11 ศำลหลักเมืองของอ ำเภอพระประแดง ศาลหลักเมืองของอ าเภอพระประแดงมีขึ้น ตั้งแต่ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรด เกล้า ให้สร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ ในปี พ.ศ. 2358 โดยสร้าง เป็นศาลประจ าพร้อมทั้งกระท าพิธีฝังอาถรรพ์เสาหลักเมือง พระประแดง เมื่อวันศุกร์ เดือน 7 แรม 10 ค่ า ปีกุล พ.ศ. 2358 นั่นเอง ปัจจุบันศาลประจ าเมือง หรือศาลหลักเมืองนี้ อยู่ติดกับที่ว่าการอ าเภอพระประแดง ภายในมีรูปหล่อพระ พิฆเนศร์เป็นที่สักการะของประชาชนทั่วไป คนจีนได้เข้ามา ดูแลศาลหลักเมืองแห่งนี้เมื่อใด ไม่ปรากฏ ดังนั้น สภาพ สิ่งก่อสร้างและบรรยากาศของศาลหลักเมืองจึงเป็นแบบจีนจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมตามโบราณราชประเพณีในการ สร้างเมืองมักจะมีการสร้างศาลหลัก เมืองไว้เป็นศาลกลาง ของบ้านเมือง ดังนั้นศาลหลักเมืองจะถือเป็นศูนย์กลาง ทางจิตใจของบ้านของเมือง ซึ่งเมืองที่จะมีศาลหลักเมือง มักจะเป็นเมืองที่มีอายุเก่าแก่และจัดตั้งตามโบราณราช ประเพณีดังนั้นศาลหลัก เมืองของเมืองนครเขื่อนขันธ์หรืออ าเภอ พระประแดง จึงสะท้อนให้เห็นว่าเมืองนี้เป็นเมือง ที่เก่าแก่และได้จัดตั้งตามโบราณราชประเพณี ป้อมแผลงไฟฟ้ำ ตั้งอยู่ข้างตลาดสด ใกล้กับสถานีต ารวจพระประแดงและโรงเรียนเทศบาลป้อมแผลงไฟฟ้าป้อมแผลง ไฟฟ้าเป็นป้อมที่ยังมีสภาพสมบูรณ์อยู่บางส่วนปัจจุบันเทศบาลเมืองพระประแดงได้ท าการบูรณะเป็นที่พักผ่อน หย่อนใจของประชาชนโดยบริเวณด้านบนของป้อมได้จัดปืนใหญ่โบราณหลายกระบอกตั้งไว้ให้ชมรอบๆบริเวณจัด ปลูกต้นไม้ร่มรื่น ป้อมแผลงไฟฟ้าสร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระ พุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อ พ.ศ.2358 สร้างขึ้นทางฝั่งขวาของ แม่น้ าเจ้าพระยา ป้อมที่สร้างขึ้นทางฝั่งขวาของแม่น้ าได้แก่ ป้อมมหาสังหาร ป้อมราหูจร ป้อมปีศาจสิง ป้อมวิทยาคม ปัจจุบันเหลือแต่ป้อมแผลงไฟฟ้าเท่านั้น บริเวณภายในป้อมมี เชิงเทินที่ตั้งปืนใหญ่และถนนที่ส าหรับชักลากปืนขึ้นบนเชิง เทิน ก าแพงป้อมแผลงไฟฟ้าเป็นก าแพงสองชั้น ตอนกลางอัด แน่นเพื่อป้อมกันกระสุนปืนที่ยิงตกลงมา นับว่าเป็นป้อมที่ แข็งแรงมากในสมัยนั้น และระหว่างป้อมฝั่งขวาและป้อมฝั่ง ซ้ายมีการขึงโซ่โดยใช้ซุงเป็นทุ่นกั้นขวางแม่น้ าเป็นระยะๆเพื่อ ป้องกันเรือข้าศึกที่จะเข้ามารุกรานทางทะเล ปี พ.ศ.2436 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ ให้ซ่อมแซมป้อมแผลงไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้
12 และใน ปีพ.ศ.2514 เทศบาลเมืองพระประแดงได้ ตกแต่งซ่อมแซมให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ป้อมแผลงไฟฟ้าเป็นโบราณสถานที่รัฐบาลได้ประกาศในราชกิจ จ านุเบกษาเล่มที่ 97 ตอนที่59วันที่ 15 เมษายน 2523 ประตู ป้อมแผลงไฟฟ้าป้อมแผลงไฟฟ้า มีก าแพงล้อมรอบตัวป้อมทั้ง 4 ด้าน คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ด้านทิศใต้ มีก าแพง 2 ชั้น ถมดินอัดแน่นระหว่างชั้นนอกและ ชั้นในประตูทางเข้าอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ยังอยู่ใน สภาพสมบูรณ์ มีบันได ทางขึ้นไปบนซุ้มประตูด้านในทั้ง 2 ด้าน มีแนวก าแพงป้อมทั้งด้านขวาและด้านซ้าย ด้านในก าแพงมี บันไดทางขึ้นไป บนก าแพงทางขวามือเมื่อเดินถึงก าแพงชั้นใน จะมีบันไดทางขึ้นไปบนก าแพงชั้นใน ที่มีดินถมอันแน่นระหว่าง ก าแพงป้อมชั้นนอกและชั้นในทอดตัวไปทางทิศใต้ด้านซ้ายมือ เดินถึงก าแพงชั้นในแต่ไม่มีบันไดทางขึ้นไปบนก าแพงมีบันได ทางขึ้นไปบนก าแพงด้านทิศเหนือแต่ไม่มีทางลงบริเวณภายใน ป้อมแผลงไฟฟ้า 1.ก าแพงป้อมชั้นในตรงกลางก าแพงมีทางลาดขึ้นลง เป็นที่ชักลากปืนใหญ่ขึ้นไปบนก าแพงป้อมทางทิศใต้ซึ่งมีดิน ถมอัดแน่นระหว่างก าแพงชั้นนอกและก าแพงชั้นใน มีปืนใหญ่ ตั้งอยู่มุมก าแพงด้านซ้ายมือซึ่งมีอยู่เดิมปัจจุบัน ส านักงาน เทศบาลเมืองพระประแดงได้น าปืนใหญ่ขึ้นมาบนก าแพงตั้งอยู่ตรงกลาง 1 กระบอกและมุมก าแพงด้านขวา1 กระบอก ระหว่างทางลาดมีบันไดทางขึ้นทั้งสองด้าน ขึ้นไปบนก าแพงแนวก าแพงด้านขวา และด้านซ้าย มีอุโมงค์ก่อ อิฐถือปูน มีทางเดินถึงกันได้ประตูป้อมมี 3 ด้าน ด้านตะวันตกเฉียงเหนือด้านหน้าป้อม ซุ้มประตูยังอยู่ในสภาพที่ สมบูรณ์ ด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ซุ้มประตูอยู่ทนสภาพช ารุดแต่ยังมีส่วนของเดิมอยู่บูรณะได้ ด้านทิศใต้ ประตู ทางเข้าอยู่มุมก าแพงไม่มีซุ้มประตู มีคานเสากลมอยู่ด้านบน และเสากลมทั้งซ้ายและขวา 2.ก าแพงของป้อมแผลงไฟฟ้าด้านทิศเหนือ 3.ก าแพงด้านทิศใต้มุมก าแพงมีประตูทางเข้าภายในป้อมด้านใน กว้าง 4.90 เมตร ด้านบนมีคานไม้กลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.25 เมตร และมีเสาไม้กลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.27 เมตร ติดกับคานบนทั้งด้านขวาและซ้ายเป็น เสาประตูฐานก าแพงส่วนล่างไม่ทรุดบนก าแพงมีดินถมอัดแน่นระหว่างก าแพงชั้นนอก 4.ก าแพงป้อมด้านทิศตะวันออกทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีประตูทางเข้าอยู่ห่างจากแม่น้ าเจ้าพระยา ประมาณ 76 เมตร
13 กำรเดินทำง จากสามแยกพระประแดง (ถนนสุขสวัสดิ์) ให้เลี้ยวซ้ายไปตลาดพระประแดง สามารถจอดรถ ได้ที่บริเวณที่ว่าการอ าเภอพระประแดง หรือเดินทางด้วยรถโดยสารประจ าทางปรับอากาศและธรรมดา ขสมก. สาย 82 และ 138 รถร่วมบริการสาย 6 ลงตลาดพระประแดง ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันบริเวณตลาดพระประแดง คุ้งบำงกะเจ้ำ บางกะเจ้าเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ มาก ที่สุด และยังอยู่ใกล้แหล่งอุตสาหกรรม ทางราชการมีแนวคิด ที่จะอนุรักษ์ให้พื้นที่บางกะเจ้าเอื้อประโยชน์โดยการเป็น “ปอด” เพื่อฟอกอากาศให้กรุงเทพฯและสมุทรปราการ จึงมี มติอนุมัติโครงการสวนกลางมหานคร ในปีพ.ศ. 2534 ซึ่งเดิม มีการก าหนดที่ดินที่จะเวนคืนให้พื้นที่บางกะเจ้า แต่การ ด าเนินการระยะแรกไม่ประสบผลส าเร็จ จึงมีการปรับ แนวทางเปลี่ยนจากการเวนคืนเป็นการซื้อขายโดยความ สมัครใจ และมีการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ให้ดี ขึ้นทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชน เกิดเป็นโครงการสวนกลางมหานคร ด าเนินการตั้งแต่ปีพ.ศ. 2534-2542 และ ระยะที่ 2 ในปีพ.ศ. 2543-2547 ให้เร่งรัดจัดท าแผนการ จัดกิจกรรมแม่บทการจัดการพื้นที่สีเขียวโครงการสวน กลางมหานคร โดยส านักงานนโยบายและแผนการจัด กิจกรรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ซึ่ง เ ป็ น ห น่ ว ยง า น ป ฏิ บั ติ ก า รใ น ข ณ ะ นั้ น ไ ด้ ส ร้ าง สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ เนื้อที่ 148 ไร่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า “ศรีนครเขื่อน ขันธ์” สร้างสิ้นเมื่อปีพ.ศ. 2540 ซึ่งปัจจุบัน ศูนย์จัดการ พื้นที่สีเขียวเชิงนิเวศนครเขื่อนขันธ์ (พื้นที่โครงการสวน กลางมหานครทั้งหมด) อยู่ในความดูแลของส านักโครงการ พระราชด าริและกิจการพิเศษ โดยกรมป่าไม้
14 'คุ้งบางกะเจ้า' แหล่งโอโซนที่ดีที่สุดในเอเชีย! พื้นที่สีเขียวที่อุดมสมบูรณ์นี้ ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ปอดของ กรุงเทพฯ’ ด้วยพื้นที่กว่า 12,000 ไร่ที่ซ่อนตัวอยู่ เส้นทางปั่นจักรยานที่เรียกวา เส้นทางมรกต เป็นถนนสี เขียว สองข้างทางมีแมกไม้และฝั่งคลอง ให้ความรู้สึก เหมือนตัดขาดจากโลกภายนอกไปชั่วครู่ หากใครโหยหา พื้นที่สีเขียว ชอบปั่นจักรยานชมวิวผ่อนคลายแบบที่ไม่ ต้องเดินทางไปไหนไกล แนะน าสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็น สวรรค์ของนักปั่นอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ แวดล้อมด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ จนกลายเป็นแหล่งผลิตโอโซนติดอันดับโลกและถูกขนาน นามว่าเป็นปอดของกรุงเทพฯเราก าลังกล่าวถึง คุ้งบาง กระเจ้า จ.สมุทรปราการ ชุมชนที่ยังคงความเป็นวิถีชีวิต แบบชาวบ้านกลมกลืนไปกับธรรมชาติ รีวิวนี้ไปด้วยกันขอกลายร่างเป็นสิงห์นักปั่น พาเพื่อนๆปั่นชมวิว สูดโอโซน บริสุทธิ์ที่บางกระเจ้าบางกระเจ้า' คุ้งกระเพาะหมูสีเขียวใกล้กรุงเทพฯ เหตุที่มีคนเรียกบางกะเจ้าว่าเป็นกระเพาะนั้น เนื่องมาจากพื้นที่ของบางกะเจ้าถูกล้อมรอบด้วยแม่น้ าเจ้าพระยาเกือบจะทั้งหมด โค้งเว้าจนได้รูปกระเพาะหมู สวยงาม แถมยังมีความเขียวชอุ่มเต็มพื้นที่จนได้รับการยกย่องว่าเป็น The Best Urban Oasis of Asia ในปี 2006 จากนิตยสาร Time Asia ศำสนสถำนโบรำณที่ส ำคัญทำงประวัติศำสตร์ วัดไพชยนต์พลเสพย์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 2 พร้อมกับการขุดคลองปากลัด พ.ศ. 2362 แรกสร้างเรียกกันว่า “วัด ปากลัด”หรือ “วัดกรมศักดิ์” ตามชื่อกรมหมื่นศักดิพลเสพ ผู้สร้างวัดนี้ และเมื่อกรมหมื่นศักดิพลเสพได้ด ารงต าแหน่ง กรมพระราชวังบวรฯ ในรัชกาลที่ 3 วัดแห่งนี้ จึงถูกเรียกว่า “วัดวังหน้า ต่อมาในรัชกาลที่ 4 จึงทรงพระราชทานนามวัด แห่งนี้ว่า “วัดไพชยนต์พลเสพย์” ซึ่งค าว่า “ไพชยนต์” น่าจะหมายถึง บุษบกยอดปรางค์ ซึ่งโปรดให้เป็นที่ ประดิษฐานพระประธานในพระอุโบสถ และค าว่า “พล เสพย์” มาจากสร้อยพระนามของกรมพระราชวังบวรฯ ผู้ ทรงสร้างวัดและถวายบุษบกนั้นในสมัยรัชกาลที่ 3
15 โปรดเกศเชษฐำรำม สร้างในสมัยรัชกาลที่ 2 โดยพระยาเพ็ชรพิไชย (เกตุ) ผู้รับผิดชอบในการสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ และเป็นวัด พุทธไทยเพียงวัดเดียวในย่านพระประแดง ขณะที่วัดอื่น ๆ ในระแวกนี้เป็นวัดพุทธมอญ ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่ โดดเด่นสวยงาม เช่น พระอุโบสถไม่มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันเป็นศิลปะปูนปั้นลายเครือเถาประดับด้วยเครื่องลาย คราม ภายในพระวิหารประดิษฐานของพระพุทธไสยาสน์ซึ่งมีพระพักตร์อันงดงาม เหนือหน้าต่างมีภาพจิตรกรรม แบบตะวันตกที่แปลกตาหาดูได้ยาก วัดทรงธรรมวรวิหำร สร้างในสมัยรัชกาลที่2 พร้อมกับการสร้างเมืองนครเขื่อน ขันธ์ โดยมีพระประสงค์ให้เป็นวัดมอญ ส าหรับชาวมอญที่ได้รับพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายครอบครัวจากจังหวัดปทุมธานี มาอยู่ที่ เมืองนครเขื่อนขันธ์ในสมัยที่พระประแดงยังมีฐานะเป็นจังหวัด พระ อุโบสถของวัดทรงธรรมถูกใช้เป็นที่ถือน้ าพระพิพัฒน์สัตยาของ ข้าราชการอีกด้วยวัดทรงธรรมวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชั้นวรวิหาร ตั้งอยู่ที่อ าเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็น วัดในพุทธศาสนารามัญนิกาย โดยสมเด็จพระอนุชาธิราช กรม พระราชวังบวรสถานมงคล (กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์) โปรดให้สร้างขึ้นพร้อมการสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ พระอุโบสถเป็น เครื่องไม้ฝายกกระดาน มีพระรามัญเจดีย์องค์ใหญ่ ศิลปะรามัญ พระ วิหารก่ออิฐถือปูน มีช่อฟ้าใบระกาท าด้วยไม้สัก ภายในประดิษฐาน พระพุทธบาทจ าลองต่อมาในปี พ.ศ. 2360 รัชกาลที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักพลเสพย์ซึ่ง เป็นแม่กองสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์เพิ่มเติม สร้างป้อม “ป้อมเพชรหึงษ์” ในบริเวณวัดทรงธรรม จากนั้นโปรดเกล้า ให้ย้ายวัดทรงธรรมมมาอยู่ในก าแพงป้อม มีกุฏิเป็น 3 คณะ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้พระยาด ารง ราชพลขันธ์(จุ้ย คชเสนี) รื้อกุฏิทั้ง 3 คณะ แล้วสร้างรวมเป็นหมู่เดียว ครั้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงเปลี่ยนชื่อวัดทรง ธรรม เป็น “วัดด ารงค์ราชธรรม” แต่ต่อมาเปลี่ยนชื่อกลับเป็น “วัดทรงธรรม” แต่ไม่ปรากฏว่าเมื่อใด ลักษณะ สถาปัตยกรรม พระอุโบสถเป็นก่ออิฐ ฉาบปูน เสาพระอุโบสถเป็นเสากลมคู่ รับส่วนปีกของชานพระอุโบสถ มีเสา 56 ต้น พระเจดีย์องค์ใหญ่เป็นแบบรามัญอยู่ตรงกลาง และมีเจดีย์องค์เล็กอยู่ที่ฐาน 4 องค์ เจดีย์องค์ใหญ่กว้าง 10 วา 2 ศอก สูงถึงยอดฉัตร 11 วา 3 ศอก เจดีย์องค์เล็ก กว้าง 5 ศอกสูง 3 วา 1 ศอก บรรจุพระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ ไว้ พระประธานเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย
16 วัดป่ำเกด ประวัติความเป็นมา ของวัดป่าเกด เดิมชื่อ " วัดถนนเกด " ตาเกดเป็นคนขุดถนนเข้าวัดเป็นคนแรก และ บริเวณวัดมีต้นเกดขึ้นมากมายต่อมาจึงเรียกว่า " วัดป่าเกด " สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 เมื่อคราวฟื้นฟู พระพุทธศาสนาทั่วราชอาณาจักร ประมาณ พ.ศ 2360 ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ 3 สมเด็จพระสังฆราช (ด่อน) เป็น ประธานร่วมกันกับกรมหมื่นเจษดาบดินทร์ วังหน้าในรัชกาลที่ 2 ได้มาสร้างอุโบสถวัดป่าเกด หน้าบันเป็นรูปครุฑ ลวดลายวิจิตรตระการตา สันนิษฐานว่าหลังจากได้สร้างพระ ประแดงกลางน้ าแล้วจึงได้มาสร้างอุโบสถ นี้ขึ้น ส าหรับภาพ จิตรกรรมฝาผนังนั้นเป็นฝีมือช่างหลวงเรียกว่า " ช่างสิบหมู่ " ที่หน้า บันมีเครื่องไม้สักแกะสลัก เป็นภาพนารายณ์ทรงครุฑ เป็นเครื่อง แกะสลักลอยตัว น ามาประกอบติดประดับที่หน้าบันจึงสวยงามกว่า ภาพแกะสลักบนพื้นผนังธรรมดาเป็นอย่างมากแต่เป็นที่หน้า เสียดายที่ไม้สักแกะสลัก เป็นภาพนารายณ์ทรงครุฑของเดิมถูก ขโมยไปเมื่อครั้งกรมศิปล์เข้ามาบูรณปฏิสังขรณ์อุโบสถเมื่อหลายปี ก่อน วัดป่าเกดตั้งอยู่ ถนนเพชรหึงษ์ 16 ต าบลทรงคนอง อ าเภอ พระประแดง สมุทรปราการ วัดคันลัด ตั้งอยู่เลขที่ ๔ บ้านทรงคนอง ต าบลทรงคนอง อ าเภอ พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2349 ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อชาว รามัญได้อพยพมาจาก จังหวัดปทุมธานี และ จังหวัดนนทบุรี ในรัช สมัยของพระบาทสมเก็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พ.ศ.2358 ผู้ที่เป็น หัวหน้าน าชาวรามัญมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองนครเขื่อนขันธ์ท่านมีนามว่า “ พระยานครเขื่อนขันธ์รามัญราชชาติเสนาบดีศรีสิทธิสงคราม” (ทอมา คชเสนี ) เทื่อขาวรามัญแยกย้ายกันมาอยู่ ก็อยู่กันเป็นกลุ่มๆ เหมือนกับครั้งที่อยู่เมือง เตริน หรือที่จังหวัดปทุมธานี หรือที่จังหวัด นนทบุรี ส่วนผู้ที่มาอยู๋ที่ต าบลทรงคนองนี้ ก็เลือกเอาวัดคันลัดที่มี อยู่เดิมแล้ว เป็นวัดประจ าหมู่บ้าน แล้วก็นิมนต์เอาพระชาวรามัญ มาปกครองวัด เพื่อที่จะได้เอาบุตรหลานของตนบาช และศึกษา ธรรมวินัย เจ้าอาวาสที่มีเชื้อสายรามัญปกครองวัดเท่าที่ทราบมี ๕ รูป รูปที่ 1. พระครูหนู รูปที่ 2. พระอาจารย์แกล้ง รูปที่ 3. พระอุปัชฌาย์ เชย ทองเจริญ พ.ศ.2416 – 2490 รูปที่ 4. พระครูบรรจง ทองเจริญ พ.ศ. 2492 – 2511 รูปที่ 5. เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน คือ ท่านพระสมุทรพัฒน โสภณ เจ้าคณะอ าเภอพระประแดง ( เป็นเจ้าอาวาส พ.ศ.2512 - ปัจจุบัน )
17 ลักษณะพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบลุ่ม ทิศตะวันออกจดที่ เอกชนทิศ ตะวันตกจดคลองลัดโพธิ์ ( เนื้อที่บางส่วนได้ถูกเวรคืน ขยายคลองลัดโพธิ์ ตามโครงการพระราชด าริ ) ทิศเหนือจดที่ เอกชน ทิศใต้ติดถนนเพชรหึงส์ – บางกอบัว รวมเนื้อที่4 แปลง หลังถูกเวรคืนเหลือประมาณ 10 ไร่ เศษสิ่งก่อสร้างถาวรวัตถุถาย ในวัดพระพุทธ รูปประจ าวัดก็คือหลวงพ่อหินอ่อน (มัณฑะเล) เป็น ศิลปะแบบมอญสวยงาม เดิมอยู่ในตู้ลายไม้สักตั้งอยู่ที่หอสวดมนต์ แต่ภายหลังมีโจรชอบมาโขมยพระ ปรากฎอยู่บ่อยๆ เลยต้องยกเก็บ ไว้ในกุฏิเจ้าอาวาส เมื่อถึงงานปี หรือเทศกาลส าคัญจึงจะยกมาให้ ประชาชนสักการะกัน พระอุโบสถหลังเดิมก่ออิฐถือปูน หน้าบันมี จานกระเบื้อง ประดับ หลังคาไม่มีช่อฟ้า ใบระกา ก าแพงแก้ว สวยงามมาก ต่อมาภายหลังได้เกิดการช ารุดหักพังไปตามสภาพ (เคยได้ขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากร) พระประธานประจ าพระอุโบสถ ที่จีวรมีลายดอกพิกุล(ปัจจุบันอยู่หน้าพระ อุโบสถหลังใหม่) พระอุโบสถหลังใหม่สร้างเมื่อ พ.ศ.2512 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2517 มีความกว้าง 8 เมตร ยาว 22 เมตร ลักษณะทั่วไปเป็นทรงไทย คอนกรีตเสริมเหล็ก ประตู หน้าต่าง ไม้แกะสลักลวดลายลงรักปิดทอง ภายในพื้น และ ผนังถึงขอบหน้าต่าง ปูหินแกรนิต ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่15 มกราคม พ.ศ.2513 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 25 เมตร ยาว 50 เมตร ได้ท าการ ผูกพันธสีมา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2518 ศาลาการเปรียญหลังเดิมเป็นศาลาไม้ 3 หลัง ติดต่อกัน แต่ปัจจุบัน ได้รื้อไปแล้ว หน้าศาลาหลังเดิม มีเจดีย์ทรงไม้ย่อมุมสี่เหลี่ยม จ านวน 2 องค์ ขณะนี้ยังมีอยู่แต่ทรงได้เปลี่ยนไป เนื่องจากได้มีการถมที่หนีน้ าท่วม และเทพื้นเป็นลานจอดรถ ศาลาการเปรียญหลังใหม่ใหญ่กว่าหลังเดิม ก่ออิฐถือ ปูนทั้งหลัง ด้านหลังมีโรงครัว ห้องน้ า ด้านหน้าอุโบสถมีเจดีย์สถูปบรรจุอัฐฐิอดีตเจ้าอาวาส และพระที่มรณะภาพ ทรงยุโรป ด้านซ้ายมีหอระฆังโบราณทรงสวยมาก แต่ขณะนี้ช ารุด เสาหงษ์ประจ าวัดรามัญเดิมนั้นที่บริเวณเซเว่น อีเลฟเว่น อดีตท่านเจ้าอาวาสอุปัฌชาย์ เชย ทองเจริญ ( พ.ศ. 2410 – 2490) ท่านเล่าว่า สร้างแต่สมัยใดไม่ทราบ ท่านเกิดมาก็เห็นเสาหงษ์ต้นนี้แล้ว ต่อมาทางราชการได้ตัดถนนผ่านหน้าวัด จึงท าให้เสาหงษ์อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางวัด ซึ่งขณะนั้นวัด รามัญในอ าเภอพระประแดงไม่มีเสาหงษ์ประจ าวัดเลย และท่านยังได้ท านายอีกว่า ต่อไปวัดรามัญในอ าเภอตั้งอยู่ พระประแดงจะมีเสาหงษ์แทบทุกวัด ซึ่งก็เป็นจริงดังที่ท่านท านายไว้ แต่เสาหงษ์ต้นเดิมนั้น ได้ถูกย้ายไปอยู่ฝั่งวัด และช ารุดไปในที่สุด ส่วนเสาหงษ์ต้นใหม่ได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2546 ฝั่งเดียวกันกับเสาหงษ์ต้นเดิมก็ยังมีศาลา 2 แท่น ทรงไทยทางเข้าหมู่บ้านทรงคนอง ชาวบ้านเรียก ศาลาราหูอมจันทร์ และข้างศาลามีต้นประดู่ต้นใหญ่มาก ขณะนี้ตายไปแล้ว กุฏิสงฆ์ไม้ทรงไทย 2 ชั้น ด้านล่างก่ออิฐถือปูน หอสวดมนต์ – หอฉัน ทรงไทยก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ชั้นล่างใช้สวดมนต์และฉันภัตตาหาร ชั้นบน ใช้เป็นที่เรียนนักธรรม เมรุเผาศพ อยู่ด้านทิศตะวันตก ประกอบด้วย ศาลาบ าเพ็ญกุศลศพ 5 หลังศาลาทรงไทยหลังสูง 2 ชั้น นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนประชาบาล สถานีอนามัย อาศัย พื้นที่ของวัด
18 วัฒนธรรมชำวมอญพระประแดง มอญปากลัด หรือ มอญที่อาศัยอยู่บริเวณพระประแดง สืบเชื้อสายมาจากชาวมอญที่อพยพเข้ามายังประเทศ ไทย ในสมัยกรุงธนบุรี และสมัยรัชการที่ 2 โดยในสมัยกรุงธนบุรี ชาวมอญจะตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณเมืองสามโคก และปากเกร็ด ต่อมาในสมัยรัชการที่ 2 โปรดให้ย้ายครัวมอญมาดูแลป้องปราการและเมืองนครเขื่อนขันธ์ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2358 (รัชกาลที่ 2) มีชาวมอญอพยพเข้ามาไทยอีกครั้ง ทั้งนี้มีสาเหตุมาจาก ชาวมอญไม่พอใจพระเจ้าปะดุง ของพม่า ที่เกณฑ์คนไปสร้างพระเจดีย์ใหญ่ จึงก่อกบฏที่เมืองเมาะตะมะ ภายหลังถูกปราบปรามอย่างท ารุณจนต้อง หนีเข้ามายังประเทศไทย ว่ากันว่ามีชาวมอญอพยพมาในคราวนั้นทั้งสิ้นกว่า 40,000 คน นับเป็นการอพยพครั้งใหญ่ ที่สุดในประวัติศาสตร์ ต่อมารัชกาลที่ 2 โปรดฯ พระราชทานที่ท ากินบริเวณปากเกร็ด สามโคก และเมืองนครเขื่อน ขันธ์ให้แก่ชาวมอญเหล่านั้น ปัจจุบันใน อ าเภอ พระประแดง มีชุมชนมอญทั้งสิ้น 16 หมู่บ้าน โดยต าบลทรงคนอง ซึ่งเป็นหนึ่งในหก ต าบลของคุ้งบางกะเจ้า มีชุมชนมอญอาศัยอยู่ 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 7 บ้านโรงเรือ หมู่ที่ 8 บ้าน ทรงคนอง และหมู่ที่ 9 บ้านหัวรอ เอกลักษณ์โดดเด่นที่พบได้ในชุมชนมอญพระประแดงคือ ชื่อหมู่บ้านยังเป็นภาษา มอญ หลายหมู่บ้านยังใช้ชื่อเดียวกับหมู่บ้านในพม่า เช่น บ้านทรงคนอง บ้ำนเรือนที่อยู่อำศัย ชาวมอญนิยมสร้างบ้านบริเวณที่ราบลุ่ม ใกล้แม่น้ า ล าคลอง เพราะคนมอญมีอาชีพท านา ท าสวน คนมอญ มีความเชื่อว่า การสร้างบ้านต้องหันเรือนให้ห้องที่มีเสาเอก (เสาผี) ของบ้านอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งจะเป็นห้องแรกที่รับแสงแดง ยามเช้า และเงาของคนที่อาศัยอยู่ในบ้านก็จะได้ไม่ไปทับกับ เสาเอก ซึ่งเป็นสิ่งที่คนมอญเคารพสูงสุดรองจากพระพุทธเจ้า โดย ปกติห้องนี้จะเป็นห้องนอนของหัวหน้าครอบครัว (พ่อ แม่) บ้าน ของชาวมอญจะท าประตูบ้านไว้ทางทิศเหนือ หรือทิศตะวันตก เพราะเชื่อว่าเป็นทิศส าหรับคนตาย ดังนั้นเวลาที่มีคนตายในบ้าน ศพจะถูกน าออกทางประตูนี้ และคนในบ้านจะไม่นอนเอาศีรษะไปทางทิศเหนือ และทิศตะวันตกด้วย เพาะถือว่าไม่ เป็นมงคล วัดของชำวมอญ วัดของชาวมอญคือวัดคันลัดสร้างประมาณ พ.ศ. 2349 เมื่อชาวมอญเริ่มอพยพเข้ามาอยู่ที่เมืองนครเขื่อนขันธ์ จึงเลือกวัดคันลัดที่มีอยู่เดิมเป็นวันประจ าหมู่บ้าน (เมื่อคน มอญสร้างบ้านเรือน จะต้องมีวัดประจ าหมู่บ้านนั้นๆ เสมอ) และนิมนต์พระชาวมอญมาจ าพรรษา พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประจ าวัดคือ หลวงพ่อหินอ่อน (มัณฑะเลย์) แต่เดิมวัดนี้ใช้เป็น ที่ฝังช้างหลวง เรียกว่า “สุสานช้างหลวง” มีหลักฐานว่าปลาย รัชกาลที่ 2 เมื่อพระยาเศวตคชลักษณ์ล้ม และในสมัยรัชกาลที่ 3 พระยามงคลหัสดินทร์ล้ม ก็โปรดเกล้าฯ ให้น าศพพระยาช้าง ไปฝังที่บริเวณปากลัด ซึ่งก็คือบริเวณวัดคันลัด มีการขุดพบ กระดูกช้างเป็นจ านวนมากในวัดแห่งนี้
19 พิพิธภัฑธ์พื้นบ้ำนมอญ เป็นแหล่งเรียนรู้ ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศิลปวัฒนธรรมของคนเชื่อสายมอญ โดยจัดแสดงข้าวของ เครื่องใช้ ต่างๆ ของชาวมอญ ตั้งอยู่ในวัดคันลัด อำหำรมอญ ชาวมอญนิยมกินแกงรสเปรี้ยว และนิยมปรุงอาหารด้วยผักที่หาได้ทั่วไป โดยเฉพาะผักที่มีเมือกลื่นและมีรส เปรียว มีผักชนิดหนึ่งมีผูกพันกับวิถีชีวิตของคนมอญอย่างมากตั้งแต่เกิดจนตาย นั้นคือ ใบส้มป่อย เพราะคนมอญเชื่อ ว่าเป็นใบไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีการน าใบส้มป่อยไปใช้ในพิธีกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น งานบวช งานแต่ง หรืองานศพ ประเพณีท ำบุญตักบำตรน้ ำผึ้ง ตักบาตรน้ าผึ้ง เป็นประเพณีที่ส าคัญของชาว ไทยเชื้อสายมอญ มีขึ้นในวันพระขึ้น 15 ค่ า เดือน 10 ของทุกปี ลักษณะของการตักบาตรน้ าผึ้ง เหมือนกับ การตักบาตรโดยการใส่ข้าวหรือว่าอาหารอื่นๆ เพียงแต่ว่าเปลี่ยนจากข้าว และอาหารชนิดอื่นเป็น น้ าผึ้งนั่นเอง ประเพณีดังกล่าวนั้นได้สืบทอดกันมาช้า นานซึ่งได้ปฏิบัติต่อๆ กันมาเป็นประเพณีหนึ่งของ ชาวบ้านที่แสดงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาทางวัด จะจัดเตรียมบาตรไว้บนศาลาการเปรียญส าหรับให้ ชาวบ้านน าน้ าผึ้งรินลงในบาตรที่ใต้บาตรมีผ้าขนาด ผ้าเช็ดหน้าวางอยู่ด้วย
20 น้ าผึ้งที่ชาวบ้านตักใส่บาตรไว้นั้น วัดจะรวบรวมเพื่อใช้เป็นส่วนผสมของยารักษาโรคโดยเชื่อว่าการตักบาตร ดังกล่าวมีอานิสงส์มากเพราะพระสงฆ์จะเก็บน้ าผึ้งไว้เพื่อใช้เป็นยาในคราวจ าเป็นเมื่อเกิดอาพาธ เพราะน้ าผึ้งเป็น ส่วนผสมที่ส าคัญของยาดังนั้นชาวมอญจึงมีความเชื่อว่าการถวายน้ าผึ้งแด่พระสงฆ์จะได้อานิสงส์มากและจะเป็นผู้ที่ อุดมไปด้วยลาภยศทั้งชาตินี้และชาติหน้า อีกทั้งก่อนวันพิธีตักบาตรน้ าผึ้ง ชาวบ้านจะเตรียมท าข้าวต้มเพื่อไปท าบุญ แต่ละบ้านจะท าข้าวต้มไม่เหมือนกัน เช่น ข้าวต้มลูกโยน ข้าวต้มคลุก ข้าวต้มมัด ข้าวต้มลูกโยนมีลักษณะลูกกลมห่อ ด้วยยอดจาก จะทิ้งหางยาว ข้าวต้มคลุกมีลักษณะลูกใหญ่และยาวห่อด้วยยอดจากเวลาทานต้องหั่นเป็นชิ้นคลุกด้วย น้ าตาลทราย เกลือ และมะพร้าวขูด ข้าวต้มมัด หรือข้าวต้มผัดมีลักษณะเป็นยาวข้างในใส่ถั่วด าและกล้วยห่อด้วย ใบตองหรือใบจากก็ได้ประกบคู่แล้วมัดด้วยยอดจากฉีกครึ่ง เมื่อถึงช่วงเย็นของวันที่ท าข้าวต้มมัดหรือข้าวต้ม ชาวบ้านจะให้ลูกหลานน าข้าวต้มนั้นไปส่งตามบ้านผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือ ประเพณีสงกรำนต์ ประเพณีสงกรานต์พระประแดง เดิมเรียกกันว่า "สงกรานต์ปากลัด" ภายโดยรวม ๆ ก็นับว่าคล้ายคลึงกับ ประเพณีสงกรานต์ทั่ว ๆ ไป แต่ที่เห็นว่าแตกต่างจาก ประเพณีสงกรานต์อื่น ๆ คือ การจัดงานสงกรานต์ พระ ประแดง จะช้ากว่าวันสงกรานต์ปกติ คือ แทนที่จะจัดใน วันที่ 13 เมษายน ก็กลับเป็นวันอาทิตย์ ต่อถัดจากวัน สงกรานต์อีกหนึ่งสัปดาห์ อย่างเช่นในปีนี้ ( พ.ศ. 2555 ) สงกรานต์ตรงกับวันที่ 13 เมษายน แต่สงกรานต์ของอ าเภอ พระประแดงจะจัดหลังจากวันมหาสงกรานต์ 1อาทิตย์ของ ทุกปีประเพณีสงกรานต์พระประแดง ถือเป็นวันเทศกาลขึ้น ปีใหม่ เป็นเทศกาลส าคัญของชาวไทยเชื้อสายมอญ หรือที่ เรียกว่าชาวไทยรามัญที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองพระประแดง นับเป็นเวลา 190 ปีเศษแล้วที่ชาวมอญได้มาพักพิง อาศัย อยู่ที่ปากลัด และสืบทอดประเพณีเก่าแก่ของชาวมอญ เอาไว้ นั่นก็คือประเพณีสงกรานต์พระประแดง เป็นเทศกาลที่สนุกสนาน รวมประเพณีหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน ใน วันสงกรานต์จะเริ่มต้นด้วยการส่งข้าวสงกรานต์ตามวัดต่างๆ ท าบุญท าท านในตอนเช้าตรู่ ในตอนสาย ลูกหลานจะ พากันไปรดน้ าขอพรจากผู้ใหญ่ ที่เคารพนับถือ ตอนกลางคืนจะมีการเล่นสะบ้าตามหมู่บ้านต่าง ๆ การร้องเพลง ทะแยมอญกล่อมบ่อน ซึ่งแสดงถึงวิถีชีวิตของชาวไทย เชื้อสายรามัญและในวันท้ายของสงกรานต์ทุกหมู่บ้านจะร่วม ใจกันจัดขบวนแห่นางสงกรานต์เพื่อน าขบวนไปปล่อยนก ปล่อยปลา ณ อารามหลวงวัดโปรดเกศเชษฐาราม ซึ่งถือ เป็นการสะเดาะเคราะห์ของชาวมอญ สงกรานต์ในแต่ละ ปี ลูกสาวของท้าวมหาสงกรานต์ ทั้ง 7 คน ต้องสลับ เปลี่ยนเวรกันในแต่ละปี เพื่อน าเอาเศียรของท้ าว มหาสงกรานต์น าขบวน แห่รอบ ๆ เขาไกรลาส ที่ประทับ ของพระอิศวร พอถึงวันที่ 13 เมษายน ของทุกปีซึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า "วันสงกรานต์" งานสงกรานต์พระ ประแดง มีประเพณีการปล่อยนก ปล่อยปลา วันท้ายวัน สงกรานต์ การเห่ปลาที่มีสาว ๆ แต่งตัวกันอย่างสวยงาม น าปลากับนกมาแห่เป็นขบวน แต่เดิมชาวบ้านทรงคนอง
21 และชาวหมู่บ้านแซ่ ได้จัดขึ้นก่อน คือหมู่บ้านแซ่ ก็จะน าปลาไปปล่อยที่วัดทรงธรรมวรวิหารชาวหมู่บ้านทรงคนอง ก็ จะน าปลาปล่อยที่วัดคันลัด ต่อมาภายหลังเทศบาลเมืองพระประแดง ได้เล็งเห็นว่าควรจะอนุรักษ์ไว้ จึงได้จัดแห่ปลาขึ้น โดยเชิญ ชาวรามัญจากหมู่บ้านต่างๆในเขตต าบลตลาดและต าบลใกล้เคียงมาร่วมขบวนด้วยวิธีการเชิญสาวเข้าร่วมขบวนแห่ นั้นได้มอบให้ผู้ที่เป็นคนกว้างขวางรู้จักคนมาก น าหมากพลูจีบใส่พานไปเชิญ สาวตามหมู่บ้านต่าง ๆ สาวใดเมื่อได้รับ หมากพลูไปแล้วเขาก็จะมาร่วมเข้าขบวน เมื่อสาวมาพร้อมกันแล้วผู้ที่มีหน้าที่คัดเลือกสาวงามก็พิจ ารณาดูว่าผู้ใดสวย ที่สุดก็ให้เป็นนางสงกรานต์ในปีนั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2521ได้จัดให้มี การประกวดนางสงกรานต์ขึ้นเป็นครั้งแรก และ ในปี พ.ศ. 2541 จึงจัดให้มีการประกวดหนุ่มลอยชาย ควบคู่กับการประกวดนางสงกรานต์ ประเพณีสรงน้ ำพระพุทธรูป ในช่วงท้ายของสงกรานต์ชาว มอญในพระประแดงก็จะมีประเพณีสรงน้ าพระพุทธรูปวัดที่มี พระพุทธรูปมากมายและสวยงามคือ วัดโปรดเกศเชษฐาราม ใน ตอนเย็นหนุ่มสาวก็จะพากันน าน้ าอบไปสรงน้ าพระพุทธรูปรอบ วัด เมื่อเสร็จสิ้นจากการสรงน้ าพระพุทธรูป แล้วหนุ่มสาวก็จะพา กันน าน้ าอบไปรดน้ า ขอพรผู้ใหญ่ การรดน้ าขอพรผู้ใหญ่ชาวมอญ ถือว่าเป็นการให้ความเคารพนับถือผู้ใหญ่และเป็นการขอพรจาก ผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เมื่อเสร็จสิ้นแล้วระหว่างเดินทาง กลับบ้านก็จะมีหนุ่มในหมู่บ้านต่าง ๆ ออกมาเล่นสาดน้ ากับสาว ๆ ด้วยกริยาท่าทีที่สุภาพรดแต่พองามและคุยกันตามประสาหนุ่ม สาวตลอดทางที่เดินกลับบ้าน แต่ในปัจจุบันประเพณีนี้ก็ค่อย ๆ หายไปหลังจากที่พระประแดงมีการสัญจรคับคั่งไปด้วยรถยนต์ ประเพณีแห่นก - แห่ปลำ ประเพณีแห่นก - แห่ปลา เกิดจากความเชื่อของชาวมอญที่ว่า การ ปล่อยนก ปล่อยปลา เป็นการสะเดาะห์เคราะห์ให้แก่ตนเอง ท าให้มี อ ายุยืนยาว และเป็นประเพณีหนึ่งในเทศกาลสงกรานต์ที่จัดพร้อมกับ ขบวนแห่ นางสงกรานต์ในวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์พระ ประแดง ( การแห่นกนั้นได้น ามาผนวกเข้าในภายหลังด้วยเหตุผล อย่างเดียวกัน ) ซึ่งชาวมอญยึดถือและปฏิบัติสืบต่อกันมาจนเป็น ประเพณีแห่นก-แห่ปลา ในที่สุด เทศบาลเมืองพระประแดง พิจารณาเห็นว่าประเพณี แห่นก-แห่ปลา เป็นประเพณีที่ดีสมควรอนุรักษ์ไว้ จึงได้รับเป็นผู้สืบสาน ประเพณีนี้ โดยจัดให้มีขบวนแห่นก - แห่ปลา ในขบวนแห่นางสงกรานต์ ทุกปีสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
22 ประเพณีกำรกวนกำละแมปำกลัด ( กวันฮะกอ ) เมื่อถึงเทศกาลประเพณีสงกรานต์ของชาวมอญปากลัด ชาวมอญจะท าความสะอาดบ้านเรือนแต่เนิ่น ๆ และท าขนมที่มอญเรียกว่า "กวันฮะกอ" แปลเป็นภาษาไทยว่า "ขนม กวน" ประกอบด้วยแป้ง ข้าวเหนียว น้ าตาล มะพร้าว กะทิกวน ให้เข้ากันจนเหนียว คนไทยเรียกว่า "กาละแม คน มอญ ก็เรียก "กาละแม" ด้วย เมื่อถึงวันสงกรานต์คนมอญ จะน าอาหารไปท าบุญที่วัดตอนเย็นจะพากันไปรดน้ าขอ พรจากผู้ใหญ่ จะน าอาหารไปท าบุญที่วัดตอนเย็นจะพากันไปรดน้ าขอพรจากผู้ใหญ่ และผู้ที่เคารพนับถือ บรรดา สาวๆ ตามหมู่บ้านจะน าขนมกาละแมไปส่งตามญาติหรือผู้ที่เคารพนับถือในต่างต าบล และชอบที่จะไป ส่งไกลบ้าน ตน (ซึ่งความจริงทุกบ้านก็กวนกาละแมถือว่าเป็นโอกาสได้เยี่ยมเยียน พบปะกัน) ตอนเย็นจะพากันไปสรงน้ าพระที่ วัดโปรดเกษเชษฐาราม หนุ่ม ๆ ที่คอยสาว ๆ อยู่จะพากันรดน้ าสาว ๆ เป็นที่สนุกสนาน เป็นโอกาส ที่หนุ่มสาวจะ พบกันได้ในงานส าคัญนี้พอตกกลางคืนจะมีการเล่นสะบ้าตามประเพณี แห่หงส์ - ธงตะขำบ หงส์นั้นเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองหงสาวดีอันเป็น ดินแดนดั้งเดิมของชาวมอญ ตามต านานเล่าว่า หลังจากที่ พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ได้ 8 ปี ได้เสด็จไปยังแคว้นต่าง ๆ วัน หนึ่งทรงมาถึงภูเขาสุทัศนมรังสิต ซึ่งอยู่ทางเหนือของเมือง สะเทิน ทรงเห็นเนินดินกลางทะเล มีหงส์คู่หนึ่งเล่นน้ ากันอยู่ พระองค์จึงท านายว่าในกาลสืบไปข้างหน้า เนินดินที่หงส์ทอง เล่นน้ าจะกลายเป็นมหานครชื่อว่า หงสาวดีค าสั่งสอนของ พระพุทธองค์จะรุ่งเรืองขึ้นที่นี่ หลังจากเสด็จดับขันธ์ล่วงไป แล้วได้100 ปี ทะเลใหญ่นั้นก็เกิดตื้นเขินจนกลายเป็น แผ่นดินกว้างใหญ่ เมืองหงสาวดีจึงได้ก าเนิดขึ้น ณ ดินแดน ที่มีหงส์ทองเล่นน้ าอยู่นั้น ดังนั้นชาวมอญในหงสาวดีจึงใช้ หงส์เป็นสัญลักษณ์ของประเทศตั้งแต่นั้นมา ส่วนธงตะขาบ นั้น มีความหมายในทางโลกว่าตะขาบนั้นมีเขี้ยวเล็บที่มีพิษ สามารถต่อสู้กับศัตรูที่มาระรานได้จึงเปรียบเสมือนคนมอญซึ่งไม่เคยหวาดหวั่นต่อศัตรู ส่วนความหมายในทางธรรม นั้น คนมอญจะตีความทุกส่วนของตะขาบออกมาเป็นปริศนาธรรมทั้งสิ้น
23 ข้อมูลสถำนศึกษำ 1. ชื่อสถำนศึกษำ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอพระประแดงเป็น สถานศึกษาในราชการส่วนกลางสังกัดส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(เดิมคือ ส านั กบ ริห า รง า น แ ล ะ ก า รนอ กโ รงเ รี ยน แ ล ะก ร มก า ร ศึ กษ าน อกโ รง เ รียน) ไ ด้ รับก า ร จั ดตั้ง ตาม ประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2536 โดยมีสถานที่ตั้ง ณ เลขที่ 67 ถนนนครเขื่อนขันธ์ต าบล ตลาด อ าเภอพระประแดงจังหวัดสมุทรปราการ ในอาคารรัชมังคลาภิเษก ซึ่งเป็นห้องสมุดประชาชน อ าเภอพระ ประแดง โดยมีเนื้อที่ 144 ตารางเมตร 36 ตารางวา ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2546 ได้ย้ายส านักงานขึ้นไปอยู่ บนอาคารชั้น 4 ของที่ว่าการอ าเภอพระประแดง ระหว่างปี 2551 - 2559 ได้ย้ายลงมาอยู่บริเวณห้องสมุดประชาชน อ าเภอพระประแดง และในปัจจุบัน ย้ายมาตั้งอยู่ที่ เลขที่ 202/1 หมู่ 8 อาคารเทศบาลปู่ เจ้าสมิงพรายหลังเดิม ซอยร่มประดู่ ถนนปู่เจ้าสมิงพราย ต าบลส าโรงใต้ อ าเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 2. ที่ตั้งสถำนศึกษำ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 202/1 หมู่ 8 อาคารเทศบาลปู่ เจ้าสมิงพรายหลังเดิม ซอยร่มประดู่ ถนนปู่เจ้าสมิง พราย ต าบลส าโรงใต้ อ าเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ 0-2183-2638 โทรสาร.0-2183-2638 E-Mail : [email protected] โดยมีนางสาวนันท์นภัสร์ ศรีวิเชียร ผู้อ านวยการ กศน.อ าเภอพระประแดง รักษาการในต าแหน่งผู้อ านวยการกศน.อ าเภอพระประแดงเป็นผู้บริหาร ในปัจจุบัน 3. สังกัด ส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสมุทรปราการ ส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ส านักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ 4.ประวัติควำมเป็นมำของสถำนศึกษำ 4.1 ประวัติสถำนศึกษำ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเดิมกรมการศึกษานอกโรงเรียน ( กศน.) จัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2522 ซึ่งเป็นกรมหนึ่งในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีรากฐานที่มั่นคงที่มาจาก “การศึกษาผู้ใหญ่” ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษของปี2474 เป็นต้นไป เมื่อรัฐบาลได้ตระหนักถึงความจ าเป็น ที่จะต้องจัดการศึกษาในรูปแบบอื่นเพื่อยกระดับอัตราการรู้หนังสือซึ่งขณะนั้นอัตราการรู้หนังสือของประชากรที่มีอ า ยุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปมีเพียง ร้อยละ 42 ในปี2483 รัฐบาลจึงได้จัดตั้งกองการศึกษาผู้ใหญ่ขึ้นในส านักปลัดกระทรวง ศึกษาธิการเพื่อรับผิดชอบงานการศึกษาผู้ใหญ่โดยตรงและได้ริเริ่มโครงการรณรงค์เพื่อการรู้หนังสือทั่วประเทศ พร้อมกับประกาศใช้กฎหมายบังคับให้ประชาชนผู้ไม่รู้หนังสือที่มีอ ายุระหว่าง 20– 45 ปี เสียค่าเล่าเรียน เป็นรายปี จนกว่าจะผ่านการทดสอบว่าเป็นผู้รู้หนังสือแล้ว โครงการรณรงค์ฯ ดังกล่าว ประสบความส าเร็จพอสมควรแต่ต้อง หยุดชะงักไปเนื่องจากภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงระหว่าง 2513 - 2523 ภารกิจการด าเนินงานของการจัด การศึกษาผู้ใหญ่ได้ขยายตัวและมีบทบาทหน้าที่เพิ่มมากขึ้นจนได้มีการตั้งกรมการศึกษานอกโรงเรียนเพื่อจัด การศึกษานอกโรงเรียนส าหรับประชาชนทั่วไปที่พลาดและขาดโอกาสทางการศึกษาให้ได้รับการศึกษาตลอดชีวิต ปัจจุบันมีฐานะเป็น ส านักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สังกัดส านักปลัดกระทรวง ศึกษาธิการตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ 2551
24 4.2 ท ำเนียบผู้บริหำร 4.3 อำณำเขต ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอพระประแดง ได้รับการจัดตั้งตาม ประกาศ กระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2536 โดยเดิมได้ประกาศจัดตั้ง ณ เลขที่ 67 ถนนนครเขื่อน ขันธ์ ต าบลตลาด อ าเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ คณะกรรมกำรสถำนศึกษำ 1. นางสาวจิรประภา โพจะโป๊ะ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษา 2. ร.ต.อ.วิเชียร นิธากร กรรมการสถานศึกษา 3. นายบุญเกื้อ เอี่ยมจ้อย กรรมการสถานศึกษา 4. นายวีระศักดิ์ ประเสริฐ กรรมการสถานศึกษา 5. นางรมิดา ประเสริฐ กรรมการสถานศึกษา 6. นายธนภูมิ การถัก กรรมการสถานศึกษา 7. นางมาลินี ธารด ารงค์ กรรมการสถานศึกษา 8. นางสาวนันท์นภัสร์ ศรีวิเชียร กรรมการและเลขานุการ ล ำดับ ที่ ชื่อ - สกุล ต ำแหน่ง ระยะเวลำกำรท ำงำน 1. นายชัยวัฒน์ ยืนยาว หัวหน้าศูนย์ 1 ต.ค. 40 - 27 ก.ย. 42 2. นายบรรณสิทธิ์ เขียนทอง ผู้อ านวยการศูนย์ 1 ต.ค. 42 - 27 ก.ย. 44 3. นายสิทธิศักดิ์ สุคนธวงศ์ ผู้อ านวยการศูนย์ 1 ต.ค. 44 - 27 ก.ย. 50 4. นายเขษมศักดิ์ แก้วประเสริฐ ผู้อ านวยการสถานศึกษา 1 ต.ค. 50 - 27 ก.ย. 52 5. นายสัมฤทธิ์ ศักดิ์ตระกูลกล้า ผู้อ านวยการสถานศึกษา 1 ต.ค. 52 - 27 ก.ย. 55 6. นายธนกฤต แพโชติรัตนะกุล ผู้อ านวยการสถานศึกษา 1 ต.ค. 55 – 27 ก.ย.58 7. นายเกรียงไกร ซิ้มเจริญ ผู้อ านวยการสถานศึกษา 1 ต.ค. 58 – 30 ก.ย.63 8. นางสุภสิตา บัวเลี้ยง รักษาการในต าแหน่ง ผู้อ านวยการสถานศึกษา ต.ค. 63 – พ.ย.63 9. นางสาวนันท์นภัสร์ ศรีวิเชียร รักษาการในต าแหน่ง ผู้อ านวยการสถานศึกษา พ.ย. 63 - ปัจจุบัน
25 4.4 สภำพชุมชน ภูมิปัญญำท้องถิ่น ชื่อภูมิปัญญำท้องถิ่น ควำมสำมำรถและประสบกำรณ์ ที่อยู่ บ้านธูปสมุนไพร เรียนรู้วิธีการท าธูปหอมและได้มาดัดแปลง โดยน าพืชสมุนไพร มาใช้เป็นส่วนผสมในการ ท าธูปสมุนไพร 22หมู่3ต.บางน้ าผึ้ง อ.พระประแดง ลูกประคบธัญพืช ใช้พืชสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่นน ามาใช้ในการ บ าบัดรักษาในรูปแบบของแพทย์แผนการจัด กิจกรรมโบราณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนหัตถศาสตร์เพื่อ สุขภาพ หมู่ 3 ซอยเพชรหึงษ์ 52 ต. บางน้ าผึ้ง อ. พระประแดง ศิลปะการตัดกระดาษ ตัดกระดาษและฉลุกระดาษ ในรูปแบบต่างๆ เช่นพวงมโหตร ครุฑ พระพุทธรูป ฯลฯ นายยง หว่างปัญญา หมู่8 ต. บางกระสอบ อ. พระประแดง ไข่เค็มจากเกลือไอโอดีน การท าไข่เค็มจากเกลือไอโอดีน กลุ่มท าไข่เค็มจากเกลือไอโอดีน หมู่ 5 ชุมชนบุญแจ่มสร้างสรรค์ ต. บางหัวเสือ อ.พระประแดง จ. สมุทรปราการ นวดแผนไทย สอนและสาธิตการนวดแผนไทย หมู่3 ชุมชนบางวัวพัฒนา ต. บางหัวเสือ อ.พระประแดง มะพร้าวประดิษฐ์ ประดิษฐ์วัสดุตกแต่งจากมะพร้าว 10 หมู่ 7 ชุมชนชาวมหาวงษ์ ต. ส าโรงกลาง อ. พระประแดง ชื่อภำคีเครือข่ำย ที่ตั้ง/ที่อยู่ ที่ว่าการอ าเภอพระประแดง 67 ต.ตลาดอ. พระประแดง เทศบาลเมืองพระประแดง ถนนนครเขื่อนขันธ์ ต.ตลาด อ. พระประแดง วัดอาษาสงคราม ต. ตลาด อ. พระประแดง วัดทรงธรรมวรวิหาร ต. ตลาด อ. พระประแดง โรงเรียนวิสุทธิกษัตรี ต. ตลาด อ. พระประแดง สถานสงเคราะห์คนพิการและทุพลภาพพระประแดง ต. ตลาด อ. พระประแดง เทศบาลเมืองลัดหลวง ถนนสุขสวัสดิ์ ต. บางจาก อ. พระประแดง สวนสาธารณะเทศบาลเมืองลัดหลวงเฉลิมพระเกียรติ ต. บางจาก อ. พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางจาก ต. บางจาก อ. พระประแดง โรงเรียนวัดชมนิมิตร หมู่ 3 ต. บางจาก อ. พระประแดง โรงเรียนบ้านบางจาก หมู่ 8 ต. บางจาก อ. พระประแดง โรงเรียนเทศบาล 1 หมู่ 3 ต. บางครุ อ. พระประแดง
26 ชื่อภำคีเครือข่ำย ที่ตั้ง/ที่อยู่ วัดครุใน หมู่ 11 ต. บางครุ อ. พระประแดง โรงเรียนวัดครุใน หมู่ 11 ต. บางครุ อ. พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางครุ หมู่ 14 ต. บางครุ . พระประแดง โรงเรียนสายอนุสรณ์ หมู่ 12 ต. บางครุ อ. พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางพึ่ง ต. บางพึ่ง โรงเรียนวัดรวก ต.บางพึ่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลทรงคนอง ต. ทรงคนอง ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการพระประแดง ต. ทรงคนอง องค์การบริหารส่วนต าบลทรงคนอง ต. ทรงคนอง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางยอ 123 ม. 4 ต. บางยอ อ. พระประแดง องค์การบริหารส่วนต าบลบางยอ ม. 4 ต. บางยอ อ. พระประแดง โรงเรียนวัดบางขมิ้น ม. 3 ต.บางยอ อ. พระประแดง โรงเรียนวัดบางกะเจ้ากลาง ม. 7 ต.บางยอ อ. พระประแดง โรงเรียนวัดกองแก้ว ม. 8 ต.บางยอ อ. พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางกะเจ้า ต. บางกะเจ้า องค์การบริหารส่วนต าบลบางกะเจ้า ต. บางกะเจ้า สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ต. บางกะเจ้า โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางกระสอบ 54/3 หมู่ 7 ต. บางกระสอบ สมาคมคนพิการจังหวัดสมุทรปราการ 1/8 หมู่ 8 ต. บางกระสอบ องค์การบริหารส่วนต าบลบางกระสอบ 25/2 หมู่7 ต. บางกระสอบ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต าบลบางกระสอบ 54/3 หมู่ 10 ต. บางกระสอบ ชื่อภำคีเครือข่ำย ที่ตั้ง/ที่อยู่ โรงเรียนวัดบางกระสอบ 38 หมู่ 10 ต.บางกระสอบ อ. พระประแดง โรงเรียนวัดบางน้ าผึ้งใน หมู่ 10 ต. บางน้ าผึ้ง อ.พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางน้ าผึ้ง หมู่ 10 ต. บางน้ าผึ้ง อ.พระประแดง องค์การบริหารส่วนต าบลบางน้ าผึ้ง หมู่ 10 ต.บางน้ าผึ้ง อ.พระประแดง ศูนย์บริการผู้สูงอายุในวัดบางน้ าผึ้งใน หมู่ 10 ต. บางน้ าผึ้ง อ. พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางกอบัว หมู่ 2 ต. บางกอบัว อ. พระประแดง องค์การบริหารส่วนต าบลบางกอบัว หมู่ 2 ต. บางกอบัว อ. พระประแดง ชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต าบล บางกอบัว หมู่ 13 ต. บางกอบัว อ. พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางหัวเสือ หมู่ 13 ชุมชน 4 ส พัฒนา ต. บางหัวเสือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพอยู่เจริญ 19 หมู่ 19 ต. บางหญ้าแพรก อ. พระ ประแดง สถาบันราชประชาสมาสัย หมู่ 7 ต. บางหญ้าแพรก อ. พระประแดง
27 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอ าเภอพระประแดงได้ให้บริการครอบคลุม ในการจัด การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้แก่ประชาชนทั้ง 15 ต าบล และ ครูกศน.ต าบล กศน.ต าบลบางกอบัว กศน.ต าบลบางยอ กศน.ต าบลบางกะเจ้า กศน.ต าบลส าโรงใต้ กศน.ต าบลบางน้ าผึ้ง กศน.ต าบลส าโรงกลาง กศน.ต าบลบางกระสอบ กศน.ต าบลส าโรง กศน.ต าบลทรงคนอง กศน.ต าบลบางหัวเสือ กศน.ต าบลบางพึ่ง กศน.ต าบลบางครุ กศน.ต าบลบางจาก กศน.ต าบลตลาด กศน.ต าบลบางหญ้าแพรก ชื่อภำคีเครือข่ำย ที่ตั้ง/ที่อยู่ โรงเรียนวัดท้องคุ้ง หมู่ 3 ต. บางหญ้าแพรก อ. พระประแดง วัดท้องคุ้ง หมู่ 2บ้านคลองท้องคุ้ง ต. บางหญ้าแพรก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลส าโรง 27/11 หมู่ 3 ต. ส าโรง อ. พระประแดง เทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย 222 หมู่ 8 ต. ส าโรง อ. พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลส าโรงกลาง ชุมชนชาวมหาวงษ์ หมู่ 7 ต. ส าโรงกลาง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลส าโรงใต้ ต. ส าโรงใต้ อ. พระประแดง
28 5. โครงสร้ำงสถำนศึกษำ ผู้บริหำร กลุ่มอ ำนวยกำร - งานธุรการ / สารบรรณ - งานการเงินและบัญชี - งานงบประมาณและระดม ทรัพยากร - งานพัสดุ - งานบุคลากร - งานอาคารสถานที่และพาหนะ - งานแผนงานโครงการ - งานประชาสัมพันธ์ - งานสวัสดิการ - งานข้อมูลสารสนเทศและการ รายงาน - งานนิเทศภายใน ติดตาม และประเมินผล - งานเลขานุการคณะกรรมการ สถานศึกษา - งานประกันคุณภาพภายใน สถานศึกษา กลุ่มจัดกำรศึกษำ นอกระบบและกำรศึกษำ ตำมอัธยำศัย - งานส่งเสริมการรู้หนังสือ - งานการจัดการศึกษานอกระบบ - งานการศึกษาพัฒนาอาชีพ - งานการศึกษาพัฒนาทักษะชีวิต - งานการศึกษาพัฒนาสังคมชุมชน - งานการศึกษาตามอัธยาศัย - งานจัดพัฒนาแหล่งเรียนรู้ และภูมิปัญญาท้องถิ่น - งานจัดและพัฒนาศูนย์กศน. ต าบล - งานห้องสมุดประชาชน - งานจัดการศึกษาเคลื่อนที่ - งานพัฒนาหลักสูตร สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยี - งานทะเบียนและวัดผล - งานศูนย์บริการให้ค าปรึกษา และการแนะแนว - งานวิจัยในชั้นเรียน - งานกิจการนักศึกษา กลุ่มภำคีเครือข่ำย และภำรกิจพิเศษ - งานส่งเสริม สนับสนุนภาคี เครือข่าย - งานกิจการพิเศษ - งานโครงการอัน เนื่องมาจาก พระราชด าริ - งานกิจการลูกเสือและ ยุวกาชาด/โรคเอดส์/ ยาเสพติด - งานโครงการพิเศษ
29 6. ข้อมูลบุคลำกร ประเภท รำยละเอียด 1. ผู้บริหาร นางสาวนันท์นภัสร์ ศรีวิเชียร วุฒิการศึกษา คม. สาขาบริหารการศึกษา 2. ข้าราชการ นางสาวชัญญานุช พิทักษ์เมฆา วุฒิการศึกษา ศศบ. สาชาเทคโนโลยีการสื่อสาร การศึกษา 3.ครูอาสาสมัคร กศน. นางสาวเพ็ญศรี มีมูลทอง นายบุญธวัช พันธ์เสือ วทบ. ศศม. วุฒิการศึกษา คบ. เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา สาขาวิทยาศาสตร์ทั่วไป 4. ครู กศน.ต าบล นางสาวทัศนีย์ แสงสว่าง วุฒิการศึกษา คบ. สาขาสังคมศึกษา นายสิทธิศักดิ์ กิ่งแก้ว วุฒิการศึกษา วทบ. สาขาเทคโนโลยีการเกษตร นายอุดมพร เดี้ยปิย์ วุฒิการศึกษา ศศบ. สาขานิเทศศาสตร์ นายธนากร นาพยัพ วุฒิการศึกษา บธบ. สาขาการตลาด นางสาวสุวิชา เปี่ยมสวัสดิ์ วุฒิการศึกษา นศบ. , ศศม. สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุ โทรทัศน์, บริหารการศึกษา นางสาวนุชวณา โต้สาลี วุฒิการศึกษา คบ. สาขาพลศึกษา นางสังวาลย์ ทรัพย์ประเสริฐ วุฒิการศึกษา บธบ. สาขาบริหารทรัพยากรมนุษย์ นายสิทธิพร นิวาส วุฒิการศึกษา คบ. สาขานวัตกรรมและคอมพิวเตอร์ ศึกษา นางสาวศรัญญา โพธิ์งาม วุฒิการศึกษา คบ. สาขาสังคมศึกษา นางชุติสรา ชูประเสริฐ วุฒิการศึกษา วท.บ. สาขาชีววิทยาประยุกต์ นายทวีวุฒิ จันดาพันธ์ วุฒิการศึกษา คบ. สาขาสังคมศึกษา นางสาวอมรรัตน์ เสนสรสัง วุฒิการศึกษา ศศบ. สาขาสื่อสารมวลชน นางสาวชดาพร ศรีละออน วุฒิการศึกษา คบ. สาขาสังคมศึกษา นางสาวพีรยา รุ่งเรือง วุฒิการศึกษา คบ. สาขาสังคมศึกษา นายชัยวัฒน์ พอกประโคน นางสาวมณีรัตน์ หงษ์ไธสง วุฒิการศึกษา คบ. วุฒิการศึกษา คบ. สาขาภาษาอังกฤษ สาขาคณิตศาสตร์ 5. ครูศรช. นางสาวนิกษารัตน์ แก้วอุดร นางสาวสุปราณี ตรีชา วุฒิการศึกษา บธบ. วุฒิการศึกษา คบ. สาขาการตลาด สาขาจิตวิทยาแนะแนว นางสาวขวัญเรือน สียัน นางสาวจิราภรณ์ ภูมิผักแว่น นายธวัชชัย ธุมา วุฒิการศึกษา คบ. วุฒิการศึกษา คบ. วุฒิการศึกษา นบ. สาขาคณิตศาสตร์ สาขาสังคมศึกษา สาขากฏหมาย 6. ครูสอนคนพิการ นางสาววราภรณ์ วิเชียรรักษ์ วุฒิการศึกษา ศศบ. สาขาสื่อสารมวลชน 7. บรรณารักษ์ นายวัชรพล ปรีหะจินดา วุฒิการศึกษา บธบ. สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ 8. ลูกจ้างประจ า นางธัญยธรณ์ วงเดช วุฒิการศึกษา มศ. 5 สาขาคณิต - ภาษา 8. ลูกจ้างชั่วคราว นางหนูจันทร์ หนูสวัสดิ์ พนักงานบริการ ป.4
30 7. ทรัพยำกรและสิ่งอ ำนวยควำมสะดวกในกำรจัดกำรศึกษำ 7.1 อำคำรสถำนที่ อำคำร ส ำนักงำน ชั้นที่ 4 ของเทศบำลเมืองปู่เจ้ำสมิงพรำย ลักษณะภำยในอำคำร ได้มีกำร จัดแบ่ง ห้องท ำงำน ตำมกลุ่มงำนต่ำงๆคือ ได้แก่ ห้องที่ 1 ห้องกลุ่มงานอ านวยการ ประกอบด้วย ห้องผู้บริหาร งานอ านวนการ ธุรการ งานแผนงาน โครงการ งานการเงิน บัญชี งานพัสดุ ห้องที่ 2 ห้องกลุ่มงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ประกอบด้วย งานการศึกษาขั้น พื้นฐาน งานทะเบียน งานบันทึกข้อมูล ห้องที่ 3 ห้องกลุ่มภาคีเครือข่ายและกิจการพิเศษ ห้องที่ 4 ส านักงานครูและเจ้าหน้าที่ กศน.อ ำเภอพระประแดง มีอำคำรสถำนที่ ที่สวยงำม ตำมนโยบำย กศน.งำมตำ ประชำชื่นใจ
31 วัสดุ / ครุภัณฑ์ส านักงาน กศน.ต าบล จ านวน 16 แห่ง ศรช. จ านวน 1 แห่ง เครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์ จ านวน 2 เครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์ จ านวน 7 เครื่อง คอมพิวเตอร์ (โน้ตบุ๊ค) จ านวน 7 เครื่อง คอมพิวเตอร์ (โน๊ตบุ๊คจังหวัดให้มา) จ านวน 8 เครื่อง ปริ้นเตอร์ จ านวน 7 เครื่อง พัดลมโรงงาน(ใหญ่) จ านวน 1 เครื่อง พัดลมฝาผนัง จ านวน 5 เครื่อง เครื่องปรับอากาศ จ านวน 8 เครื่อง โทรศัพท์ จ านวน 1 เครื่อ 7.2 สำธำรณูปโภคและสิ่งอ ำนวยควำมสะดวก มีสิ่งอ านวยความสะดวก ครบถ้วน มีน้ าประปา ไฟฟ้า มีโทรศัพท์ มีอินเทอร์เน็ต ใช้ 8. แหล่งเรียนรู้และเครือข่ำย 8.1 กศน.ต ำบล ชื่อ กศน.ต ำบล ที่ตั้ง ผู้รับผิดชอบ กศน.ต าบลบางกอบัว ที่ท าการชุมชน หมู่ที่ 10 บ้านคลองแพ นายชัยวัฒน์ พอกประโคน กศน.ต าบลบางยอ อบต.บางยอ นางสาวศรัญญา โพธิง์าม กศน.ต าบลบางกะเจ้า อบต.บางกะเจ้า นายสิทธิพร นิวาส กศน.ต าบลบางน้ าผึ้ง อบต.บางน้ าผึ้ง นายอุดมพร เดี้ยปิย์ กศน.ต าบลบางกระสอบ อบต.บางกระสอบ นายธนากร นาพยัพ กศน.ต าบลทรงคนอง อาคารอเนกประสงค์ ช.วัดจากแดงหมู่ 5 ต.ทรงคนอง นางสาวชดาพร ศรีละออน กศน.ต าบลบางพึ่ง โรงเรียนวัดรวก ( สายราษฎร์สงเคราะห์ ) นางสาวสุวิชา เปี่ยมสวัสดิ์ กศน.ต าบลบางครุ วัดครุใน นางสังวาลย์ ทรัพย์ประเสริฐ กศน.ต าบลบางจาก -อาคารสวนเฉลิมพระเกียรติฯเทศบาลเมืองลัดหลวงฯ -ห้องสมุดชุมชนหมู่ 9 พัฒนา ต าบลบางจาก นางสาวทัศนีย์ แสงสว่าง นายทวีวุฒิ จันดาพันธ์ กศน.ต าบลบางหัวเสือ อาคารอเนกประสงค์เทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย นางชุติสรา ชูประเสริฐ กศน.ต าบลตลาด วัดอาษาสงคราม ต าบลตลาด นายสิทธิศักดิ์ กิ่งแก้ว กศน.ต าบลบางหญ้าแพรก วัดท้องคุ้ง ต าบลบางหญ้าแพรก นางสาวอมรรัตน์ เสนสรสัง กศน.ต าบลส าโรง ศาลาอเนกประสงค์เทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย(คลอง ตาเผือก) นางสาวมณีรัตน์ หงษ์ไธสง กศน.ต าบลส าโรงกลาง อาคารเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย (หลักเก่าชั้น5) นางสาวนุชวณา โต้สาลี กศน.ต าบลส าโรงใต้ อาคารเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย (หลักเก่าชั้น5) นางสาวพีรยา รุ่งเรือง
32 8.2 ศูนย์กำรเรียนชุมชน ศูนย์กำรเรียนชุมชน ที่ตั้ง ผู้รับผิดชอบ ศรช.โรงเรียนวัดทรงธรรม วัดทรงธรรมวรวิหาร นางสาววราภรณ์ วิเชียรรักษ์ ศรช.บางพึ่ง โรงเรียนวัดรวก ( สายราษฎร์สงเคราะห์ ) นางสาวนิกษารัตน์ แก้วอุดร ศรช.ส าโรงใต้ กศน.ส าโรงใต้ นางสาวจิราภรณ์ ภูมิผักแว่น ศรช.ส าโรงกลาง กศน.ส าโรงกลาง นางสาวชวัญเรือน สียัน ศรช.บางยอ อบต.บางยอ นางสาวสุปราณี ตรีชา ศรช.บางหัวเสือ กศน.ต าบลบางหัวเสือ นายธวัชชัย ธุมา รวมจ ำนวน 6 แห่ง 8.3 แหล่งเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ ประเภท ที่อยู่ ศาลหลักเมืองพระประแดง แหล่งศูนย์รวมจิตใจของชาวพระประแดง จัดตั้งตามโบราณราชประเพณี เมื่อปี พ.ศ. 2358 เทศบาลเมืองพระประแดง ต. ตลาด อ.พระประแดง ศาลพระเสื้อเมือง ศาสนาและวัฒนธรรม เทศบาลเมืองพระประแดง ต. ตลาด อ.พระประแดง วัดทรงธรรมวรวิหาร ศาสนาและวัฒนธรรม ต.ตลาด อ.พระประแดง ป้อมแผลงไฟฟ้า โบราณสถาน ต.ตลาด อ.พระประแดง วัดอาษาสงคราม ศาสนาและวัฒนธรรม ต.ตลาด อ.พระประแดง วัดพญาปราบปัจจามิตร ศาสนาและวัฒนธรรม ต.ตลาด อ.พระประแดง วัดจวนด ารงค์ราชพลขันธ์ ศาสนาและวัฒนธรรม ต.ตลาด อ.พระประแดง วัดโมกข์ ศาสนาและวัฒนธรรม ต.ตลาด อ.พระประแดง วัดแค ศาสนาและวัฒนธรรม ต.ตลาด อ.พระประแดง ศูนย์วัฒนธรรมอ าเภอ พระประแดง ศาสนาและวัฒนธรรม ต.ตลาด อ.พระประแดง วัดไพชยานต์พลเสพย์ ราชวรวิหาร แหล่งเรียนรู้ด้านพุทธศาสนาศิลปกรรม ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง วัดรวก แหล่งเรียนรู้ด้านพุทธศาสนาศิลปกรรม ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง วัดกลาง แหล่งเรียนรู้ด้านพุทธศาสนาศิลปกรรม หมู่ 6 ต าบลบางพึ่ง วัดบางพึ่ง แหล่งเรียนรู้ด้านพุทธศาสนาศิลปกรรม หมู่ 1 ต. บางพึ่ง มัสยิดอัลเลาะห์สอาดะห์ ศาสนาและวัฒนธรรม หมู่ 13 ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง วัดชมนิมิตร ศาสนสถาน เลขที่ 21 หมู่ 3 ต. บางจาก วัดชังเรืองภาวนาราม กิจกรรมทางพุทธศาสนา เลขที่ 101 หมู่ 7 ต.บางจาก สวนสุขภาพเทศบาลเมือง ลัดหลวง สิ่งแวดล้อม เลขที่ 99/9 หมู่ 9 ต.บางจาก วัดครุนอก แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ 1 หมู่ 7 ต.บางครุ อ.พระประแดง วัดครุใน แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา วัฒนธรรม 31หมู่11ต.บางครุอ.พระประแดง
33 แหล่งเรียนรู้ ประเภท ที่อยู่ เรือนเพาะช ากล้าไม้ แหล่งเรียนรู้เกษตรกรรม หมู่5 บ้านจากแดง ต.ทรงคนอง อ. พระประแดง ศูนย์เรียนรู้เกษตรชุมชน แหล่งเรียนรู้เกษตรกรรม หมู่ 3 วัดป่าเกด ต.ทรงคนอง อ. พระประแดง วัดกองแก้ว แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หมู่ 8 ต.บางยอ อ. พระประแดง วัดบางขมิ้น แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หมู่ 3 ต.บางยอ อ. พระประแดง วัดบางกะเจ้ากลาง แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หมู่ 7 ต.บางยอ อ. พระประแดง วัดบางกะเจ้านอก แหล่งศิลปกรรม เลขที่ 45บ้านคลองบางกะเจ้า บางยอ วัดบางกระสอบ แหล่งศิลปกรรม เลขที่ 16 ซอยวัดบางกระสอบ หมู่ 10 ต. บางกระสอบ วัดบางกอบัว แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หมู่ 3 ต. บางกอบัว อ.พระประแดง ฟาร์มเห็ดช่างแดง แหล่งเรียนรู้การเพาะเห็ด การ แปรรูปเห็ด 8/6 หมู่ 12 ต. บางกอบัว อ. พระประแดง จ. สมุทรปราการ เส้นทางศึกษาธรรมชาติและ ป้ายสื่อความหมาย แหล่งเรียนรู้ธรรมชาติ ต.บางกอบัว อ. พระประแดง วัดบางน้ าผึ้งใน แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หมู่ 10 ต. บางน้ าผึ้ง อ.พระประแดง วัดบางน้ าผึ้งนอก แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หมู่ 1 ต. บางน้ าผึ้ง อ.พระประแดง ตลาดน้ าบางน้ าผึ้ง แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หมู่ 10 ต.บางน้ าผึ้ง อ.พระประแดง วัดราษฎร์รังสรรค์ แหล่งเรียนรู้ด้านพุทธศาสนา หมู่ 4 ต.บางกะเจ้า อ.พระประแดง สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ส านักงานสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ต.บางกะเจ้า อ.พระประแดง พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย แหล่งเรียนรู้พันธุ์ปลากัดไทย หมู่ 3 ซอยวัดราษฎร์รังสรรค์ ต.บางกะเจ้า อ.พระประแดง วัดบางหญ้าแพรก แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หมู่ 16 ต.บางหญ้าแพรก อ. พระประแดง วัดท้องคุ้ง แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หมู่ 3 ต.บางหญ้าแพรก อ. พระประแดง
34 8.4 ภำคีเครือข่ำย แหล่งเรียนรู้ ประเภท ที่อยู่ วัดกลางสวน แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนา วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หมู่ 6 ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง ป้อมปู่เจ้าสมิงพราย แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และส่งเสริม กระบวนการเรียนรู้ สถาบันราชประชาสมาสัย ต. บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง วัดแหลม แหล่งเรียนรู้ด้านพุทธศาสนา ศิลปกรรม หมู่ 4 ถ.ปู่เจ้าสมิงพราย ต.บางหญ้าแพรก วัดมหาวงษ์ แหล่งเรียนรู้ด้านพุทธศาสนา ศิลปกรรม หมู่ 7 ต.ส าโรงกลาง อ.พระประแดง วัดส าโรงใต้ แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ชุมชนพัฒนา หมู่ 2 ต. ส าโรงกลาง วัดส าโรงเหนือ แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ชุมชนวัดส าโรงเหนือ หมู่ 4 ต. ส าโรงกลาง อ.พระประแดง วัดโยธินประดิษฐ์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ 27 หมู่ 3 ต.ส าโรง อ.พระประแดง วัดบางหัวเสือ แหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หมู่ 8 ต.บางหัวเสือ อ.พระประแดง ตลาดน้ าบางหัวเสือ แหล่งท่องเที่ยวภูมิปัญญา ต.บางหัวเสือ อ.พระประแดง ชื่อภำคีเครือข่ำย ที่ตั้ง/ที่อยู่ สวนสาธารณะเทศบาลเมืองลัดหลวงเฉลิมพระเกียรติ ม.9 ต.บางจาก อ.พระประแดง เทศบาลเมืองลัดหลวง ม.1 ต.บางจาก อ.พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางจาก ม.1 ต.บางจาก อ.พระประแดง โรงเรียนวัดชมนิมิตร หมู่ 3 ต.บางจาก อ.พระประแดง โรงเรียนบ้านบางจาก หมู่ 8 ต.บางจาก อ.พระประแดง โรงเรียนเทศบาล 1 หมู่ 3 ต.บางครุ อ.พระประแดง วัดครุใน หมู่ 11 ต.บางครุ อ.พระประแดง โรงเรียนวัดครุใน หมู่ 11 ต.บางครุ อ.พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางครุ หมู่ 14 ต.บางครุ อ.พระประแดง โรงเรียนสายอนุสรณ์ หมู่ 12 ต.บางครุ อ.พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางพึ่ง ต. บางพึ่ง อ.พระประแดง โรงเรียนวัดรวก ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลทรงคนอง ต. ทรงคนอง อ.พระประแดง ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการพระประแดง ต. ทรงคนอง อ.พระประแดง องค์การบริหารส่วนต าบลทรงคนอง ต. ทรงคนอง อ.พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางยอ 123 ม.4 ต.บางยอ อ.พระประแดง
35 8.5 ภูมิปัญญำท้องถิ่น ชื่อภูมิปัญญำท้องถิ่น ควำมสำมำรถและประสบกำรณ์ ที่อยู่ บ้านธูปสมุนไพร เรียนรู้วิธีการท าธูปหอมและได้มา ดัดแปลงโดยน าพืชสมุนไพร มาใช้ เป็นส่วนผสมในการท าธูปสมุนไพร 22 หมู่3ต.บางน้ าผึ้ง อ.พระประแดง ลูกประคบธัญพืช ใช้พืชสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่น น ามาใช้ในการบ าบัด รักษาใน รูปแบบของแพทย์แผนการจัด กิจกรรมโบราณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนหัตถศาสตร์เพื่อ สุขภาพ หมู่3 เพชรหึงษ์ 52 ต.บางน้ าผึ้ง อ.พระประแดง ศิลปะการตัดกระดาษ ตัดกระดาษและฉลุกระดาษรูปแบบ ต่าง ๆ เช่น พวงมโหตร ครุฑ พระพุทธรูป ฯลฯ นายยง หว่างปัญญา หมู่8 ต.บางกระสอบ อ.พระประแดง ไข่เค็มจากเกลือไอโอดีน การท าไข่เค็มจากเกลือไอโอดีน กลุ่มท าไข่เค็มจากเกลือไอโอดีน หมู่ 15 ชุมชนบุญแจ่มสร้างสรรค์ ต. บางหัวเสือ อ.พระประแดง ชื่อภำคีเครือข่ำย ที่ตั้ง/ที่อยู่ องค์การบริหารส่วนต าบลบางยอ ม. 4 ต.บางยอ อ.พระประแดง โรงเรียนวัดบางขมิ้น ม. 3 ต.บางยอ อ.พระประแดง โรงเรียนวัดบางกะเจ้ากลาง ม. 7 ต.บางยอ อ.พระประแดง โรงเรียนวัดกองแก้ว ม. 8 ต.บางยอ อ.พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางกะเจ้า ต. บางกะเจ้า อ.พระประแดง องค์การบริหารส่วนต าบลบางกะเจ้า ต. บางกะเจ้า อ.พระประแดง สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ต. บางกะเจ้า อ.พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางกระสอบ 54/3 หมู่ 7 ต.บางกระสอบ สมาคมคนพิการจังหวัดสมุทรปราการ 1/8 หมู่ 8 ต.บางกระสอบ องค์การบริหารส่วนต าบลบางกระสอบ 25/2 หมู่ 7 ต.บางกระสอบ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต าบลบางกระสอบ 54/3 หมู่10 ต.บางกระสอบ โรงเรียนวัดบางกระสอบ 38 หมู่ 10 ต.บางกระสอบ อ.พระประแดง โรงเรียนวัดบางน้ าผึ้งใน หมู่ 10 ต.บางน้ าผึ้ง อ.พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางน้ าผึ้ง หมู่ 10 ต.บางน้ าผึ้ง อ.พระประแดง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบลบางกอบัว หมู่ 2 ต.บางกอบัว อ.พระประแดง
36 ชื่อภูมิปัญญำท้องถิ่น ควำมสำมำรถและประสบกำรณ์ ที่อยู่ นวดแผนไทย สอนและสาธิตการนวดแผนไทย หมู่3 ชุมชนบางวัวพัฒนา ต.ส าโรง อ.พระประแดง มะพร้าวประดิษฐ์ ประดิษฐ์วัสดุตกแต่งจากมะพร้าว 10 หมู่ 7 ชุมชนชาวมหาวงษ์ ต. ส าโรงกลาง อ. พระประแดง ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจ พอเพียง สวนเกษตรทฤษฎีใหม่ ศูนย์เรียนรู้ เศรษฐกิจพอเพียง นางมาลินี ธารด ารง หมู่ 11 ต.บางครุ อ.พระประแดง 9. เกียรติยศชื่อเสียง / รำงวัล - ครู กศน.อ าเภอพระประแดง ได้รางวัลจากการแข่งขัน กีฬากศน.เกมส์ กลุ่มลุ่มแม่น้ าเจ้าพระยา 1. เหรียญทอง วิ่ง 400 เมตร หญิง 2. เหรียญทอง วิ่ง 4 คูณ 400 เมตร ชาย 3. เหรียญเงิน วิ่ง 4 คูณ 400 เมตร หญิง - ครู กศน.อ าเภอพระประแดง ได้รางวัลจากการแข่งขัน กีฬากศน.เกมส์ ระดับภาคกลาง 1. เหรียญทอง วิ่ง 400 เมตร 2. เหรียญทอง วิ่ง 4 คูณ 400 เมตร หญิง 3. เหรียญทองแดง วิ่ง 4 คูณ 400 เมตร ชาย 10. ข้อเสนอแนะจำกกำรประเมินตนเอง ประจ ำปีงบประมำณ 2562 1.สถานศึกษามีการประเมินผลการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดี ยิ่งขึ้น 2.สถานศึกษามีการฝึกอบรมเรื่องของการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา 3.สถานศึกษาจัดหาสื่อวัสดุอุปกรณ์/ครุภัณฑ์ และที่ใช้จัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพทันสมัย เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพในการจัดการเรียนรู้ 4.สถานศึกษาส่งเสริมให้มีการเรียนการสอนผ่านสื่อออนไลน์ มีการเข้าเรียนนอกเวลาโดย Google Classroom 5. สถานศึกษาส่งเสริมให้มีจัดการเรียนรู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ สู่นวัตกรรมการศึกษา ส าหรับครูกศน.เพื่อให้ ครูกศน.มีความรู้ความเข้าใจในการใช้ระบบเทคโนโลยี การบริหารจัดการเรียนรู้ และสามารถใช้ Social Media และApplication ต่างๆ ในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 11. ข้อเสนอแนะจำกกำรประเมินคุณภำพสถำนศึกษำโดยต้นสังกัด 11.1 สถานศึกษาควรน าเอาผลการทดสอบระดับชาติ N - NET ทั้ง 3 ปี การศึกษาย้อนหลังมาท า การวิเคราะห์หาสาเหตุของการที่ผู้เรียนไม่สามารถท าแบบทดสอบได้ แล้วจึงด าเนินการแก้ไขปัญหานั้นๆในรูปแบบ ของการวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้สอนแต่ละคนแต่ละ กศน.ต าบล 11.2 สถานศึกษาควรด าเนินการรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการส่งเสริมให้ครูได้เข้ารับการพัฒนาใน หลักสูตรต่างๆจากการตรวจและประเมินคุณภาพแผนการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ของครู จากการนิเทศติดตาม ผลการจัดการเรียนรู้ จากการวิเคราะห์ คุณภาพของแบบวัดและประเมินผล และจากการวิเคราะห์ผลสอบ N - NET ของผู้เรียนมาใช้ในการวางแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาครูเป็นรายบุคคลอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
37 12. ข้อเสนอแนะจำกกำรประเมินคุณภำพภำยนอกจำก สมศ. ผลกำรประเมินคุณภำพภำยนอก สถานศึกษายังไม่เคยได้รับการประเมินจากภายนอก สถานศึกษาได้รับการประเมินคุณภาพภายนอก ระหว่างวันที่ 18 – 20กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 โดยสถานศึกษาได้คะแนนจากผลการประเมินภายนอกรวม 89.97คะแนนอยู่ในระดับคุณภาพ ดี ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษา ได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษา ข้อเสนอแนะเพื่อกำรพัฒนำ 1. น าเทคโนโลยีมาบูรณาการใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอนทุกรายวิชา 2. พัฒนาแหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญาให้เป็นระบบยิ่งขึ้น 3. มีการพัฒนาอาชีพที่แปลกใหม่และหลากหลาย
38 ส่วนที่2 ทิศทำงกำรด ำเนินงำนของสถำนศึกษำ 1.นโยบำยที่เกี่ยวข้องกับกำรด ำเนินงำนกศน.อ ำเภอพระประแดง ยุทธศำสตร์ชำติ20 ปี (2561 – 2580) กระทรวงศึกษาธิการ จะด าเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561 –2580) ภายใต้ วิสัยทัศน์ “ประเทศมีควำมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนำแล้ว ด้วยกำรพัฒนำตำมปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพียง” ซึ่งได้ก าหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฯ โดยยึดยุทธศาสตร์ชาติเป็นจุดเน้นการศึกษาที่จะด าเนินการ 6 ยุทธศาสตร์ได้แก่ 1. ยุทธศำสตร์ชำติด้ำนควำมมั่นคง มีเป้าหมายการพัฒนาที่ส าคัญ คือ ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข เน้นการบริหารจัดการสภาวะแวดล้อมของประเทศให้มีความมั่นคง ปลอดภัย เอกราช อธิปไตย และมีความสงบเรียบร้อยในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ สังคม ชุมชน มุ่นเน้นการพัฒนาคน เครื่องมือ เทคโนโลยี และ ระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ให้มีความพร้อมสามารถรับมือภัยคุกคาม และภัยพิบัติได้ทุกรูปแบบ และทุกระดับความ รุนแรง ควบคู่ไปกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคคงที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ใช้ กลไกการแก้ปัญหาแบบบูรณาการทั้กับส่วนราชการ ภาคเอกชน ประชาสังคม และองค์ที่ไม่ใช่รัฐ รวมถึงประเทศ เพื่อนบ้น และมิตรประเทศทั่วโลกบนพื้นฐานของหลักธรรมมภิบาล เพื่อเอื้ออ านวยประโยชน์ต่อการด าเนินการของ ยุทธศาสตร์ชาติด้านอื่น ๆ ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้ตามทิศทางและเป้าหมายที่ก าหนด 2. ยุทธศำสตร์ชำติด้ำนกำรสร้ำงควำมสำมำรถในกำรแข่งขัน มีเป้าหมายการพัฒนารที่มุ่งเน้น การยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ บนพื้นฐานแนวคิด 3 ประการ ได้แก่ (1) “ต่อยอดอดีต” โดย มองกลับไปที่รากเหง้าทางเศรษฐกิจ อัตลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และจุดเด่นทางทรัพยากรธรรมชาติที่ หลากหลาย รวมทั้งความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของประเทศในด้านอื่น ๆ น ามาประยุกต์ผสมผสานกับเทคโนโลนี และนวัตกรรม เพื่อให้สอดรับกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมโลกสมัยใหม่ (2) “ปรับปัจจุบัน” เพื่อปูทางสู่อนาคต ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในมิติต่าง ๆ ทั้งโครงข่ายระบบคมนาคมและขนส่ง โครงสร้างพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และดิจิทัล และการปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการอนาคต และ (3) “สร้างคุณค่าใหม่ในอนาคต” ด้วยการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ พัฒนาคนรุ่นใหม่รวมถึงปรับรูปแบบ ธุรกิจ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ผสมผสานกับยุทธศาสตร์ที่รองรับอนาคต บนพื้นฐานของการต่อ ยอดอดีตและปรับปัจจุบัน พร้อมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐให้ประเทศไทยสามารถสร้างฐานรายได้และ การจ้างงานใหม่ ขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนในเวทีโลก ควบคู่ไปกับการยกระดับรายได้และการกินดีอยู่ดี รวมถึงการเพิ่มขึ้นของคนชั้นกลางและลดความเหลื่อมล้ าของคนในประเทศได้ในคราวเดียวกัน 3. ยุทธศำสตร์ชำติด้ำนกำรพัฒนำและเสริมสร้ำงศักยภำพทรัพยำกรมนุษย์ มีเป้าหมายการ พัฒนาที่ส าคัญเพื่อพัฒนาคนในทุกมิติและในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ โดยคนไทยมีความพร้อมทั้ง กาย ใจ สติปัญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบด้านและมีสุขภาพวะที่ดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและ ผู้อื่น มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรม และเป็นพลเมืองดีของชาติ มีหลักคิดที่ถูกต้อง มีทักษะที่ จ าเป็นในทศวรรษที่ 21 มีทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาที่สาม และอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรู้ และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทยที่มีทักษะสูง เป็นนวัตกรรม นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่ และอื่น ๆ โดยมีสัมมาชีพตามความถนัดของตนเอง
39 4. ยุทธศำสตร์ชำติด้ำนกำรสร้ำงโอกำสและควำมเสมอภำคทำงสังคม มีเป้าหมายการพัฒนาที่ ให้ความส าคัญกับการดึงเอาพลังของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาคเอกชน ประชาสังคม ชุมชนท้องถิ่น มาร่วมขับเคลื่อน โดยการสนับสนุนการรวมตัวของประชาชนในการร่วมคิดร่วมท าเพื่อส่วนรวม การกระจายอ านาจและความ รับผิดชอบไปสู่กลไกบริหารราชการแผ่นดินในระดับท้องถิ่น การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการจัดการ ตนเอง และการเตรียมความพร้อมของประชากรไทยทั้งในมิติสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมให้เป็น ประชากรที่มีคุณภาพ สามารถพึ่งตนเองและท าประโยชน์แก่ครอบครัว ชุมชน และสังคมให้นานที่สุด โดยรัฐให้ หลักประกันการเข้าถึงบริการและสวัสดิการที่มีคุณภาพอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง 5. ยุทธศำสตร์ชำติด้ำนกำรสร้ำงกำรเติบโตบนคุณภำพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มี เป้าหมายการพัฒนาที่ส าคัญเพื่อน าไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ธรรมาภิบาล และความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างกันทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างบูรณา การ ใช้พื้นที่เป็นตัวตั้งในการก าหนดกลยุทธ์และแผนงาน และการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เข้ามามีส่วนร่วมในแบบ ทางตรงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเป็นการด าเนินการบนพื้นฐานการเติบโตร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นทาง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิต โดยให้ความส าคัญกับการสร้างสมดุลทั้ง 3 ด้าน อันจะน าไปสู่ความยั่งยืน เพื่อคนรุ่นใหม่ต่อไปอย่างแท้จริง 6. ยุทธศำสตร์ชำติด้ำนกำรปรับสมดุลและพัฒนำระบบกำรบริหำรจัดกำรภำครัฐ มีเป้าหมาย การพัฒนาที่ส าคัญเพื่อปรับเปลี่ยนภาครัฐที่ยึดหลัก “ภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชน และประโยชน์ส่วนรวม” โดยภาครัฐต้องมีขนาดที่เหมาะสมกับบทบาทภารกิจ แยกแยะบทบาทหน่วยงานของรัฐที่ท าหน้าที่ในการก ากับหรือ ในการให้บริการในระบบเศรษฐกิจที่มีการแข่งขัน มีสมรรถนะสูง ยึดหลักธรรมาภิบาล ปรับวัฒนธรรมการท างานให้ มุ่งผลสัมฤทธิ์และผลประโยชน์ส่วนรวม มีความทันสมัย และพร้อมี่จะปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่ ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการน านวัตกรรม เทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบการท างานที่เป็นดิจิทัลเข้ามา ประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่า และปฏิบัติงานเทียบได้กับมาตรฐานสากล รวมทั้งมีลักษณะเปิดกว้าง เชื่อมโยงถึงกันและเปิด โอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามมีส่วนร่วมเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส โดยทุกภาคส่วนในสังคมต้องร่วมกันปลูกฝังค่านิยมความซื่อสัตย์สุจริต ความมัธยัสถ์ และสร้างจิตส านึกในการปฏิเสธ ไม่ยอมรับการทุจริต ประพฤติมิชอบอย่างสิ้นเชิง นอกจากนั้น กฎหมายต้องมีความชัดเจน มีเพียงเท่าที่จ าเป็น มี ความทันสมัย มีความเป็นสากล มีประสิทธิภาพ และน าไปสู่การลดความเหลื่อมล้ าและเอื้อต่อการพัฒนา โดย กระบวนการยุติธรรมมีการบริหารที่มีประสิทธิภาพ เป็นธรรมไม่เลือกปฏิบัติ และการอ านวยความยุติธรรมตามหลัก นิติธรรม นโยบำยและจุดเน้นกำรด ำเนินงำนส ำนักงำน กศน. ประจ ำปีงบประมำณ พ.ศ. 2564 กศน.น้อมน าพระบรมราโชบายด้านการศึกษา สู่การปฏิบัติ “พระบรมราโชบายในหลวงรัชกาลที่ 10 ด้าน การศึกษา 4 ประการ” 1. มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง ต้องมีความรู้ ความเข้าใจที่มีต่อชาติบ้านเมือง ยึดมั่นในศาสนา มั่นคงใน สถาบันพรมหากษัตริย์ และมีความเอื้ออาทรต่อครอบครัว และชุมชนของตน 2. มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง มีคุณธรรม ให้รู้จักแยกแยะสิ่งที่ผิด-ที่ถูก สิ่งชั่ว-สิ่งดี เพื่อปฏิบัติตนแต่สิ่งที่ชอบที่ดี งาม ปฏิเสธสิ่งที่ผิด ที่ชั่ว เพื่อสร้างคนดีให้แก่บ้านเมือง 3. มีงานท า มีอาชีพ ต้องให้เด็กรักงาน สู้งาน ท างานจนส าเร็จ อบรมให้เรียนรู้การท างาน ให้สามารถเลี้ยง ตัว และเลี้ยงครอบครัวได้
40 4. เป็นพลเมืองดี การเป็นพลเมืองดีเป็นหน้าที่ของทุกคน สถานศึกษา และสถานประกอบการต้องส่งเสริม ให้ทุกคนมีโอกาสท าหน้าที่พลเมืองดี การเป็นพลเมืองดี หมายถึง การมีน้ าใจ มีความเอื้อาทร ต้องท างานอาสาสมัคร งานบ าเพ็ญประโยชน์ “เห็นอะไรที่จะท าเพื่อบ้านเมืองได้ก็ต้องท า” จำกนโยบำยของรัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงศึกษำธิกำร และนโยบำยของรัฐมนตรีช่วยว่ำกำรกระทรวงศึกษำธิกำร ที่ก ำกับดูแล กศน. สู่สถำนกำรณ์ปัจจุบันของ กศน. 1. สถานการณ์ของโรคไวรัสโคโรนา Covid-19 ที่ยังคงอยู่นับเป็นโอกาสในวิกฤติของ กศน. ที่รองรับความ ต้องการการเรียนรู้ที่อยู่นอกห้องเรียน ต้องปรับรูปแบบที่เน้นการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลาเมื่อเรียนได้ทุกที่ทุกเวลาท า อย่างไรจะสะสมหน่วยจากการเรียนได้และสอบได้ตามความต้องการ ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนเรื่องของสื่อการเรียนรู้ ยกก าลังสองของ รมว.ไปพร้อมกัน 2. จากสภาวการณ์ดังกล่าวที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจท าให้ประชาชนว่างงานจ านวนมาก ท าอย่างไรที่ กศน. สามารถสร้างงานสร้างอาชีพได้นอกจากอาชีพทั่วไประยะสั้นแล้ว ต้องสร้างสมรรถนะอาชีพในรูปแบบของการ Up-skill/Re-skill ด้วย 3. การฝึกอาชีพของ กศน. ท าอย่างไรจะสร้างยอดจ าหน่ายให้กับประชาชนได้มากขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีเป็น ตัวช่วย ต้องยกระดับการพัฒนานวตกรรมตามนโยบาบ กศน. WOW 4. การให้ความส าคัญกับ กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนตามนโยบายการศึกษายกก าลังสอง 5. ต้องขับเคลื่อน พระบรมราโชบายของเหนือหัวรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 6. กศน. มีแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการศึกษาตามอัธยาศัยเป็นจ านวนมาก ทั้งศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา และห้องสมุดประชาชน ท าอย่างไรจึงจะท าให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด 7. ขณะเดียวกันในเรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติ ด้านการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ที่เป็นโจทย์ ในหลายประเด็นทั้งในเรื่องการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองการเปลี่ยนแปลง ในศตวรรษที่ 21 ค่ำนิยมหลัก (Core value) “คนส ำรำญ งำนส ำเร็จ” ส่งเสริมให้ประชาชนได้เรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิตเพื่อความผาสุขของประชาชน กศน.เปิดโอกำส การศึกษาเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการศึกษาและแหล่งเรียนรู้ ทุกที่ทุกเวลา กศน.สร้ำงอำชีพ การศึกษาเพื่อการมีงานท า มีสัมมาชีพโดยชอบเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในยุคดิจิทัล กศน.พัฒนำถิ่นไทยงำม การศึกษาเพื่อน้อมน าและเผยแพร่ศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง รวมถึงแนวทางพระราชด าริต่าง ๆ ให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และน าไปประยุกต์ปฏิบัติใช้อย่าง กว้างขวาง รวมทั้งธ ารงและต่อยอดภูมิปัญญาไทยตามบริบทของชุมชน ท้องถิ่น และครอบครัว 12 ภำรกิจ “เร่งด่วน” ที่จะต้อง “จับต้องได้” ภำยใน 6 เดือน ของเลขาธิการ กศน. (นายวรัท พฤกษา ทวีกุล) “คนส าราญ งานส าเร็จ” 1. น้อมน าพระบรมราโชบายด้านการศึกษาสู่การปฏิบัติ “หนึ่งชุมชน หนึ่งนวัตกรรมการพัฒนาชุมชนถิ่น ไทยงาม” เพื่อความกินดี อยู่ดี มีงานท า เช่น โคกหนองนาโมเดล , คลองสวยน้ าใส , พลังงานทดแทน (แสงอาทิตย์) ,จิตอาสาพัฒนาชุมชน 2. ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ) และรัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์) ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
41 3. เร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ...........ให้ส าเร็จ และปรับโครงสร้างการบริหารและ อัตราก าลังให้สอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลง เร่ง “การสรรหาบรรจุ แต่งตั้งที่มีประสิทธิภาพ” 4. ปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรระดับ ทุกประเภท ให้ทันสมัย สอดคล้องกับบริบทสภาวะปัจจุบันและความต้อง การของผู้เรียน Credit Bank System / E-exam รวมทั้งส่งเสริมกิจกรรมการพัฒนาผู้เรียนด้วยกระบวนการลูกเสือ และยุวกาชาด เพื่อสร้างคนดี มีระเบียบวินัย และมีทัศนคติที่ดีต่อบ้านเมือง 5. พัฒนา Bigdata ของ กศน. ที่ทันสมัย รวดเร็ว และทันที “ข้อมูลและสารสนเทศ กศน.ที่ทันสมัยจะ ปรากฏบนหน้าจอมือถือทันที เมื่อคุณต้องการ” รวมทั้งการสื่อสารและประชาสัมพันธ์งานของ กศน. ต้องมี ประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล “ตีฆ้องร้องป่าว ข่าวชาว กศน.” 6. พัฒนาระบบการเรียนรู้ ONIE Digital Learning Platform รองรับ DEEP และ Digital Science Museum , ศูนย์เรียนรู้ทุกช่วงวัย รวมทั้งสื่อการเรียนการสอน แหล่งเรียนรู้ ในทุกกลุ่มเป้าหมาย“เรียนรู้ได้ทุกที่ ทุก เวลา” 7. ส่งเสริมการพัฒนาความสามารถด้านดิจิทัล Digital Literacy ให้กับบุคลากร กศน.ทุกระดับ และ กลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม 8. ส่งเสริม สนับสนุนการฝึกอาชีพเพื่อการมีงานท า “Re-Skill Up-Skill และออกใบรับรองความรู้ความ สามารถ” 9. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับทุกภาคีเครือข่ายและภาคเอกชนในการฝึกอาชีพและส่งเสริมการตลาด เพื่อ ยกระดับผลิตภัณฑ์ / สินค้า กศน. ขยายช่องทางการจ าหน่าย 10. ซ่อมแซม ฟื้นฟูอาคาร สถานที่ สิ่งแวดล้อมของส านักงานทุกแห่ง และแหล่งเรียนรู้ทุกแห่ง ให้สะอาด ปลอดภัย พร้อมให้บริการด้วยมิตรไมตรี “กศน. งามตา ประชาชื่นใจ” 11. จัดกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ของชาว กศน. “กศน. เกมส์” และกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ของ พี่น้องชาว กศน. 12. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค“ทีมกศน” “ทีมกระทรวงศึกษาธิการ”
42 ส่วนที่3 แนวทำงกำรด ำเนินงำนของสถำนศึกษำ กศน.อ าเภอพระประแดง ได้ด าเนินการจัดท าแผนการจัดกิจกรรมการปฏิบัติงานตามนโยบาย สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ.2561 – 2580 และ สอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นการด าเนินงาน ของส านักงานกศน. ประจ าปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โดยเน้นความต้องการของชุมชนเป็นฐานในการจัดกิจกรรม ใช้กระบวนการมีส่วนร่วม กับเครือข่าย การให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ส่งเสริม สนับสนุน และจัด กระบวนการเรียนรู้แก่ชุมชน จัดกิจกรรมที่หลากหลายตามความต้องการ โดยให้บริการอย่างทั่วถึง ครอบคลุมที่ ต าบล ในเขตพื้นที่ และในการด าเนินการทุกกิจกรรม กศน.อ าเภอพระประแดง โดยได้มีการเน้นและสอดแทรก การเรียนรู้เรื่องหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ศาสตร์พระราชา และได้พัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ขั้นพื้นฐาน การเทียบโอนประสบการณ์ แบบรายบุคคลที่ตรงต่อความต้องการของผู้เรียน ซึ่งจะท าให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ดีขึ้น ส่งเสริมให้ผู้เรียนคิดเป็นและน าไปปรับใช้ในชีวิตประจ าวันได้ จากทิศทางการด าเนินงานดังกล่าว สถานศึกษากศน.อ าเภอพระประแดงจึงได้น ามาเป็น แนวทางในการก าหนดเป็นแผนการจัดกิจกรรมปฏิบัติการประจ าปีงบประมาณ พ.ศ.2561 เพื่อตอบสนอง เป้าประสงค์ของสถานศึกษา และให้บริการแก่ผู้เรียนและผู้รับบริการทุกกลุ่มเป้าหมายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ อย่างมีคุณภาพ ปรัชญำ จัดการศึกษาตลอดชีวิต สร้างความมั่นคง บนฐานของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง วิสัยทัศน์ กศน.อ าเภอพระประแดง พัฒนาศักยภาพคน ให้มีความมั่นคงด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักคุณธรรมจริยธรรม อัตลักษณ์สถำนศึกษำ คิดเป็น ท าเป็น เอกลักษณ์ กศน.อ าเภอพระประแดง องค์กรแห่งการพัฒนาทักษะการคิด สู่การปฏิบัติ พันธกิจ 1. จัดการศึกษานอกระบบทุกรูปแบบ บนพื้นฐานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. สอนให้ผู้ไม่รู้หนังสือสามารถอ่านออกเขียนได้ 3. ให้ผู้รู้หนังสือคงความรู้หนังสือ ด้วยกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน 4. พัฒนาความรู้ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อก้าวเข้าสู่ยุค ไทยแลนด์ 4.0 5. พัฒนาคุณภาพบุคลากร ภาคีเครือข่ายในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัย
43 กลยุทธ์ กลยุทธ์ที่ 1 พัฒนา กศน.ต าบล ให้เป็นกลไกการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาและการส่งเสริม ภาคีเครือข่ายในการจัดการศึกษาเพื่อสร้างและกระจายโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิตในชุมชนโดยเน้น การใช้เทคโนโลยี กลยุทธ์ที่ 2 สร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่ประชาชนทุกต าบลอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง กลยุทธ์ที่ 3 ส่งเสริมให้ประชาชน ผู้เรียน กศน.และบุคลากร กศน.พัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ รวมถึงการเรียนรู้เรื่องศาสตร์พระราชา กลยุทธ์ที่ 4 จัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตใน การจัดการขยะภายในบ้าน ภายในสถานศึกษาและในชุมชน กลยุทธ์ที่ 5 จัดการศึกษาตามอัธยาศัยโดยมุ่งเน้นการส่งเสริมให้เกิดในชุมชนรักการอ่าน “สร้างการอ่านเสริมสร้างการเรียนรู้” ในรูปแบบชุมชนรักการอ่าน กลยุทธ์ที่ 6 พัฒนาศักยภาพครู และบุคลากร กศน.อ าเภอพระประแดง เพื่อพัฒนาสมรรถนะใน การปฏิบัติงานให้ได้เกณฑ์มาตรฐานที่ก าหนด
44 ส่วนที่ 4 แผนพัฒนำกำรศึกษำ 5 ปี กศนอ าเภอพระประแดงการด าเนินงาน ตามแผนพัฒนาการศึกษากศน.ปี 2561– 2565 ด าเนินงานตาม แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561 – 2580 ตามยุทธศาสตร์ดังนี้ ยุทธศำสตร์ชำติด้ำนกำรพัฒนำและเสริมสร้ำงศักยภำพทรัพยำกรมนุษย์ ข้อ 2 การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต มุ่งเน้นการพัฒนาคนเชิงคุณภาพในทุกช่วงวัย ประกอบด้วย (1) ช่วงการตั้งครรภ์ /ปฐมวัย เน้นการเตรียมความพร้อม ให้แก่พ่อแม่ก่อนการตั้งครรภ์ (2) ช่วงวัยเรียนและวัยรุ่นปลูกฝังความเป้นคนดี มีวินัย พัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่สอดรับกับ ศตวรรษที่21 (3) ช่วงวัยแรงงานยกระดับศักยภาพ ทักษะและสมรรถนะ แรงงานสอดคล้องกับความต้องการ ของตลาด (4) ช่วงวัยผุ้สูงอายุ ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศ ข้อ 3 ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 มุ่งเน้นผู้เรียนให้มี ทักษะการเรียนรู้ และมีใจใฝ่เรียนรู้ตลอดเวลา โดย (1) การปรับเปลี่ยนระบบการเรียนรู้ ให้เอื้อต่อการพัฒนาทักษะ ส าหรับศตวรรษที่ 21 (2) การเปลี่ยนโฉมบทบาท “ครู” ให้เป็นครูยุคใหม่ (3) เพิ่มประสิทธิภาพระบบการบริหารจัดการศึกษาในทุกระดับทุกประเภท (4) การพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต ข้อ 5 การเสริมสร้างให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี ครอบคลุมทั้งด้านกาย ใจ สติปัญญา และสังคม โดย (1) การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาวะ (5) การส่งเสริมให้ชุมชนเป็นฐานในการสร้างสุขภาวะที่ดีในทุกพื้นที่ ข้อ 6 การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีครอบคลุมทั้งด้านกาย ใจ สติปัญญา และสังคม โดย (1) การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาวะ (2) การปลูกฝังและพัฒนาทักษะนอกห้องเรียน ยุทธศำสตร์ชำติด้ำนกำรสร้ำงโอกำสและควำมเสมอภำคทำงสังคม ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมมีเป้าหมายการพัฒนาที่ส าคัญที่ให้ ความส าคัญการดึงเอาพลังของภาคส่วนต่างๆทั้งภาคเอกชน ประชาสังคม ชุมชนท้องถิ่น มาร่วมขับเคลื่อน โดยการ สนับสนุนการรวมตัวของประชาชน ในการร่วมคิดร่วมท าเพื่อส่วนรวม การกระจายอ านาจและความรับผิดชอบไปสู่ กลไกบริหารราชการแผ่นดินในระดับท้องถิ่น การเสริมสร้างความแข็งแรง ของชุมชนในการจัดการตนเอง และการ ความพร้อมของประชากรไทย ทั้งในมิติสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมให้เป็นประชากรที่มีคุณภาพ สามารถพึ่งตนเองได้และท าประโยชน์แก่ครอบครัว ชุมชนและสังคมให้นานที่สุด โดยรัฐให้หลักประกัน การเข้าถึง บริการและสวัสดิการที่มีคุณภาพอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง