ฉงนใจ ความเรียงVsเรียงความ ต่างกันอย่างไร
การเขียขีนเรีย รี งความ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
การเขียนเรียงความนั้น ผู้เขียนจะต้องคำ นึงถึง องค์ประกอบของเรียงความเป็นสำ คัญ ซึ่งเป็นรูปแบบที่จะต้องเขียนให้ครบทุกส่วน เรียงความประกอบด้วยส่วน 3 ส่วนดังนี้
องค์ประกอบ ของการเขียนเรียงความ
เป็นการเปิดเรื่อง เปิดประเด็นเพื่อบอกให้รู้ว่าจะ เขียนอะไร เพื่อเร้าความสนใจ และชักนำ ให้ผู้อ่าน สนใจที่จะอ่านเนื้อเรื่องต่อไป คำ นำ
1. เริ่มต้นด้วยการยกคำ พูด สุภาษิต คำ พังเพย คำ คม บทร้อยกรองที่น่าสนใจ 2. โน้ม น้ น้า น้ วหรือชักจูงให้คล้อยตาม 3. กล่าวเกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะเขียนเพื่อนำ สู่ เนื้อเรื่อง 4. เริ่มต้นด้วยการตั้งคำ ถาม
เนื้อเรื่อ รื่ ง เป็นส่วนสำ คัญของการเขียนเรียงความที่ ผู้เขียนต้องนำ เสนอ ความรู้ ความคิด ความรู้สึก และทัศนะของผู้เขียน โดยจัดลำ ดับความคิดให้ เป็นระบบกับโครงเรื่องที่วางไว้ทีละย่อหน้า น้ และใช้ภาษาแบบทางการ
เนื้อเรื่อง (ต่อ) ให้ข้อเท็จจริง โน้ม น้ น้า น้ วใจ ให้ความบันเทิง ส่งเสริมความรู้และพัฒนาความคิด ตั้งจุดประสงค์ของเนื้อเรื่อง
มีเอกภาพ หมายถึง เนื้อเรื่องที่เขียนต้องเป็นอัน หนึ่งอันเดียวกันไม่นอกประเด็น มีสัมพันธภาพ หมายถึง เนื้อเรื่องต้องมีความ สัมพันธ์กันตลอดทั้งเรื่อง มีการลำ ดับความคิด ลำ ดับเนื้อเรื่องต่อเนื่องกัน มีสารัตถภาพ หมายถึง การเขียนเรียงความต้องมี เนื้อหาสาระที่ถูกต้อง มีใจความสำ คัญของเรื่องที่ เด่นชัด สื่อความหมายได้ชัดเจน 1. 2. 3.
สรุปรุ เป็นส่วนที่สรุปนื้อหาสำ คัญของเรื่อง ควรมีเพียงย่อหน้า น้ เดียว เป็นการกล่าวย้ำ ประเด็น สำ คัญ ย้ำ จุดประสงค์ หรือข้อคิดหลักของเรื่อง เป็นการสรุปความคิดที่กระจัดกระจายอยู่ ให้เป็น ความคิดที่หนักแน่น
สสรุรุ รุ ป รุ ปออย่ย่ ย่ า ย่ างงไไรร สรุปด้วยการฝากข้อคิด ใช้ถ้อยคำ สั้น ๆ แต่ กินความหมาย สรุปด้วยคำ คม สุภาษิต หรือบทร้อยกรอง สรุปด้วยคำ ถามให้ผู้อ่านเก็บไปคิดทบทวน 1. 2. 3.
4. สรุปด้วยการให้คำ ตอบ เพื่อตอบคำ ถามที่ตั้ง ไว้ในคำ นำ 5. สรุปด้วยการชักชวนให้ ปฏิบัติตาม 6. สรุปโดยการเปิดช่องให้ผู้อ่านได้คิดต่อเอง โดยไม่มีข้อยุติ
เขียนตรงตามส่วนประกอบของเรียงความ คือ คำ นำ เนื้อเรื่อง สรุป และเขียนถูกต้อง ตามรูปแบบ เขียนตรงตามโครงเรื่องที่วางไว้ ทุก ประเด็น 1. 2.
3. เลือกสรรสำ นวนโวหารให้เหมาะสมเพื่อความ น่าเชื่อถือ สามารถจูงใจให้ผู้อ่านคล้อยตาม ถ้อยคำ ที่เลือกสรรไว้ 4. เรียงความที่ดีต้องประกอบด้วย เอกภาพ สัมพันธภาพ และสารัตถภาพ
ขั้นตอนการเขียนเรียงความเหมือนกับการเขียนสารคดี บทความ และเรื่องราวต่าง ๆ คือมีการวางแผน เตรียมการเขียน ขั้นเขียนเรื่องลำ ดับความและขั้นตรวจสอบ ปรับปรุงสำ นวน ภาษา เพื่อให้ได้ผลงานที่ถูกต้องสมบูรณ์ที่ ณ์ ที่ สุด เพื่อพัฒนางาน เขียนให้ดีขึ้น นอกจากนั้นจะต้องฝึกสม่ำ เสมอแล้วผู้เขียนจะ ต้องอ่านหนังสือมาก ๆ และนำ สิ่งที่ดีมาประยุกต์ใช้ในการเขียน ของตนเอง โดยมีขั้นตอนการศึกษาและพัฒนางานเขียน ดังนี้
อ่านเรียงความที่ชนะการประกวดหลาย ๆ สำ นวน และทำ แผนภาพความคิดหัวข้อย่อย ที่ผู้เขียนนำ เสนอ เปรียบเทียบแผนภาพความคิดของเรียง ความแต่ละเรื่องที่นำ มาศึกษา เลือกรูปแบบการนำ เสนอที่น่าสนใจ ลอง เปลี่ยนเรื่องและกำ หนดหัวข้อย่อยลงใน แผนภาพความคิดของตนเอง 1. 2. 3.
4. เขียนเรื่องตามแผนภาพความคิดของตนเอง โดยคำ นึงถึงลักษณะการเขียนเรียงความที่ดี 5. ปรับปรุงผลงานและฝึกเขียนเรียงความจน เกิดทักษะ สามารถกำ หนดวิธีการนำ เสนอเรื่อง ราว โดยใช้สำ นวนภาษาที่สละสลวยได้ด้วย ตนเองทั้งหมด
การเขียนเรียงความให้ผู้อ่านพอใจ ยอมรับว่าเป็นเรียงความที่ดี ถ้าเราเข้าใจขั้น ตอนในการดำ เนินเรื่อง อย่างมีระบบ มีหลัก ที่ดี แล้วหมั่นฝึกเขียนอยู่บ่อย ๆ ก็จะเป็นนัก เขียนเรียงความที่ดีได้ การเขียนเรียงความที่ ดีมีขั้นตอนดังนี้ คือ
1. ขั้นวางแผน หรือเตรียมการเขียน ผู้เขียนจะต้องตัดสินใจว่างานเขียนนั้น เขียนเพื่อ อะไร ใครเป็นผู้อ่าน เกิดประโยชน์อ น์ ย่างไร เขียนใน ลักษระใด เมื่อตัดสินใจได้แล้วต้องวางโครงเรื่อง ตามลักษณะของงานเขียน หากทำ แผนภาพความคิด ควรใส่หัวข้อสำ คัญที่ต้องการนำ เสนอ จะช่วยในการ ลำ ดับความคิด และเป็นแนวทางที่จะค้นคว้าความรู้ มาใช้ประโยชน์ใน์ นการเขียนเรื่องได้
1. ขั้นวางแผน หรือเตรียมการเขียน (ต่อ) เมื่อได้แผนภาพความคิดแล้ว ผู้เขียนต้อง วางแผนค้นคว้าหาความรู้จากเอกสาร แหล่งความรู้ที่ เป็นสถานที่ และบุคคล รวมทั้งค้นคว้าจากสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ได้ข้อมูลมากพอทีจะนำ มา เขียน
2. ขั้นเขียนโครงเรื่อง ผู้เขียนเรียบเรียงความรู้ที่ได้จากการ ค้นคว้า แล้วเขียนตามลำ ดับที่กำ หนมไว้ ในแผนภาพความคิด ด้วยสำ นวนของ ตนเอง หากอ่านแล้วไม่เป็นที่พอใจ ก็สาม รถค้นคว้าเพิ่มเติมได้อีก
3. ขั้นเขียนเรื่อง นำ โครงเรื่องมาเขียนรายละเอียดเพิ่ม เติมให้สมบูรณ์ที่ ณ์ ที่ สุด
4. ขั้นตรวจสอบ ผู้เขียนควรตรวจคำ สำ นวนภาษา และ เนื้อความว่าเขียนได้ตามที่ต้องการหรือไม่ จากนั้นปรับปรุงอีกครั้งให้เป็นงานเขียนที่ สมบูรณ์