The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by khamdang12102519, 2019-06-19 22:07:09

Unit 2

Unit 2

บทที่ 2

หลักพันธุศาสตรเ์ บอ้ื งตน้

ครคู ธั รยี า มะลวิ ลั ย์

แผนกวชิ าสัตวศาสตร์
วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยฉี ะเชงิ เทรา

บทที่ 2

หลกั พันธุศาสตร์เบอ้ื งตน้

หวั ข้อเรือ่ ง
1. คำศพั ทท์ ำงพันธุศำสตร์
2. โครโมโซมและยีน
3. กำรถ่ำยทอดลกั ษณะตำมกฎเมนเดล

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้(นาทาง)
1. เพ่อื ให้มีควำมรแู้ ละเขำ้ ใจเกย่ี วกับคำศพั ท์ทำงพนั ธุศำสตร์
2. เพ่อื ใหม้ ีควำมรแู้ ละเข้ำใจเกีย่ วกบั โครโมโซมและยีน
3. เพอ่ื ใหม้ ีควำมร้แู ละเข้ำใจเกี่ยวกับกำรถ่ำยทอดลกั ษณะตำมกฎเมนเดล

จดุ ประสงค์การเรียนรู้(ปลายทาง)
1. อธบิ ำยคำศัพท์ท่เี ก่ียวข้องทำงพันธุศำสตร์ได้
2. อธิบำยลกั ษณะของโครโมโซมและยีนได้
3. อธิบำยกำรถ่ำยทอดลักษณะตำมกฎเมนเดลได้

เน้ือหาการสอน

1. คาศัพท์ทางพันธศุ าสตร์
คำศัพท์ทำงพนั ธศุ ำสตร์ทสี่ ำคัญมดี งั นี้
1. จีโนไทป์ (Genotype) หมำยถึง ชนิดของยีนที่มำจับคู่กัน โดยปกติลักษณะของส่ิงมีชีวิตหน่ึง

ลักษณะจะถกู ควบคุมโดยยนี อย่ำงน้อย 1 คู่ เน่อื งจำกเป็นยนี ทีม่ ำจำกพ่อแมอ่ ย่ำงละครึ่งน่นั เอง
2. ฟีโนไทป์ (Phenotype) หมำยถึงลักษณะที่เกิดจำกกำรแสดงออกของยีน สำมำรถมองเห็น

หรอื ตรวจสอบได้ เช่น สผี ิว สผี ม สีตำ ควำมสงู ควำมเต้ยี ลักษณะควำมถนดั และกลุม่ เลือด เป็นต้น
3. โฮโมไซกัส (Homozygous) หมำยถึง กำรจับคู่ของยีนท่ีมีสภำพเหมือนกัน เช่น ยีนเด่นจับคู่

กับยีนเดน่ หรอื ยีนด้อยจับคู่กบั ยนี ดอ้ ย
4. เฮเทอโรไซกัส (Heterozygous) หมำยถึงกำรจับคู่ของยีนต่ำงสภำพ ได้แก่ ยีนสภำพเด่นจับคู่

กับยีนสภำพดอ้ ย ซ่งึ เรียกวำ่ เปน็ ลกั ษณะพนั ธุ์ทำง
5. ลักษณะเด่น (Dominance) หมำยถึง ลักษณะเด่นของยีนซ่ึงเป็นลักษณะข่ม โดยมีสมบัติข่ม

ยนี ด้อยได้ ถ้ำสภำพยีนเดน่ น้ันเปน็ ปกติ
6. ลักษณะด้อย (Recessive) หมำยถึง ลักษณะดอ้ ยของยนี โดยปกติจะถูกข่มโดยยนี เดน่
7. ลักษณะเด่นร่วมกัน (Co-dominance) เมื่อยีนเด่นของลักษณะต่ำงกันมำจับกันแล้วส่งผลให้

เกิดกำรแสดงออกของท้ังสองลักษณะ เรียกลักษณะเด่นที่แสดงออกมำทั้งสองน้ีว่ำ เด่นเท่ำกัน เช่น ยีนนำ
ลักษณะแอนติเจนเอ เมื่อมำจับคู่กับยีนนำลักษณะแอนติเจนบี จะปรำกฏเป็นกลุ่มเลือดแบบเอบีขึ้น
ซ่งึ ลกั ษณะดังกล่ำวน้ีเกิดจำกยนี หลำยคคู่ วบคมุ ลกั ษณะเดยี วกนั

8. ลักษณะเด่นไมส่ มบูรณ์ (Incomplete dominance) บำงคร้ังยีนเด่นบำงชนิดมีสภำพออ่ นแอ
ไม่สำมำรถข่มยีนด้อยลงได้ทั้งหมด จึงทำให้เกิดผลของกำรทำปฏิกิริยำร่วมกันของยีน ได้ลักษณะที่ไม่
เหมือนพ่อหรือแม่ออกมำ ลักษณะดังกล่ำวอำจเป็นลักษณะกลำงระหว่ำงลักษณะของพ่อแม่ก็ได้ ตัวอย่ำง
ที่พบ ได้แก่ สีแดงในดอกล้ินมังกร ซ่ึงพบว่ำเป็นลักษณะเด่นแบบไม่สมบูรณ์ ข่มลักษณะสีขำวซึ่งเป็น
ลักษณะด้อยลงไมไ่ ดท้ ้งั หมด จงึ ทำให้เกิดดอกสชี มพูขนึ้ เป็นตน้

9. โฮโมไซกัส โดมิแนนซ์ (Homozygous dominance) หมำยถึง สภำพยีนเด่นมำจับคู่กันจะได้
ฟีโนไทป์ของลักษณะเดน่ ลักษณะน้ีเรยี กจัดเปน็ พนั ธุ์แทล้ ักษณะเด่น

10. เฮเทอโรไซกัส โดมแิ นนซ์ (Heterozygous dominance) หมำยถงึ ยนี สภำพเด่นจบั คู่กับยีน
สภำพดอ้ ย ลักษณะนจ้ี ัดเป็นลักษณะพนั ธ์ุทำงนัน่ เอง

11. โฮโมไซกัส รีเซสซีพ (Homozygous recessive) หมำยถึง ยีนสภำพด้อยจับคู่กันฟีโนไทป์
เปน็ ลกั ษณะดอ้ ย ลกั ษณะนี้จัดเป็นพันธุ์แท้ลกั ษณะด้อยลักษณะ

2. โครโมโซมและยีน
กำรศึกษำเก่ียวกับหลักพันธุศำสตร์ จะเป็นพ้ืนฐำนสำคัญสำหรับนำไปใช้ปรับปรุงพันธ์ุสัตว์

พันธุศำสตร์เป็นวิชำที่ว่ำด้วยโครโมโซมและยีน ซึ่งยีนเป็นหน่วยที่เล็กสุดทำหน้ำที่ควบคุมลักษณะของ
สิ่งมีชีวิตและถ่ำยทอดลักษณะจำกพ่อแม่ไปยังลูก กำรถ่ำยทอดลักษณะของยีนแบบต่ำงๆ ตำมกฎของ
เมนเดลได้ กล่ำวถึงกฎกำรแยกตัวและกฎกำรรวมตัวของยีนที่ทำให้เกิดจีโนไทป์แบบต่ำงๆ ในรุ่นลูก
กำรถ่ำยทอดลักษณะของยีนแบบไมบวกสะสม เป็นกำรแสดงอำนำจของยีนท่ีควบคุมลักษณะคุณภำพ
ไดแก กำรข่มไม่สมบูรณ กำรข่มสมบูรณ กำรข่มเกิน และปฏิกิริยำร่วมระหว่ำงยีนต่ำงคู กำรถ่ำยทอด
ลักษณะของยีนแบบบวกสะสม เป็นกำรแสดงอำนำจของยีนที่ควบคุมลักษณะปริมำณ กำรถ่ำยทอด
ลักษณะของยีนบนโครโมโซมเพศ กำรถ่ำยทอดลักษณะเมื่อยีนอยูบนโครโมโซมเดียวกัน ยีนมรณะ
ยีนผดิ ปกติ และปจั จัยทม่ี ีผลต่อกำรแสดงอำนำจของยีน

1.1 โครโมโซม
โครโมโซม (chromosome) คือ เส้นใยของโครมำติน (chromatin) ท่ีเรียงตัวกันเป็นเส้นยำว
กระจำยกันอยทู่ ่ัวไปภำยในนวิ เคลียส (nucleus) ซง่ึ จะปรำกฏให้เหน็ เป็นลกั ษณะคล้ำยแท่งในระหว่ำงกำร
แบ่งเซลล์ ทำหน้ำท่ีถ่ำยทอดลักษณะของสิ่งมีชีวิต มีองค์ประกอบหลัก คือ ดีเอ็นเอ (deoxyribonucleic
acid; DNA) โดยปกตแิ ล้วแต่ละโครโมโซมจะมีอีกโครโมโซมท่ีมขี นำด รปู ร่ำง และชนดิ ของยีนทเี่ หมือนกัน
ทุกประกำรอยู่เป็นคูกัน คูของโครโมโซมที่มีลักษณะเหมือนกัน ตำแหน่งยีนตรงกันน้ี เรียกว่ำ โฮโมโลกัส
โครโมโซม (homologous chromosomes) สิ่งมีชีวิตซึ่งอยู่ใน species เดียวกัน จะมีจำนวนโครโมโซม
เท่ำกันเสมอ ถ้ำจัดคูแลวจะเห็นว่ำสุกรบ้ำนมีโครโมโซม 19 คู ไกบ้ำนมีโครโมโซม 39 คู ถ้ำให้ n แทน
จำนวนชนิดของโครโมโซมจะเขียนไดว่ำจำนวนโครโมโซมของสุกรบ้ำนเป็น 2n = 38 ไก่บ้ำน 2n = 78
จำนวนคูของโครโมโซมในสัตว์ตำ่ งๆ จะแตกตำ่ งกนั ดงั แสดงไวในตำรำงท่ี 2.1

ตารางท่ี 2.1 แสดงจำนวนโครโมโซม (2n) ของสัตว์ตำ่ งๆ จานวนโครโมโซม (อัน)
64
ชนิดของสัตว์ 66
1. ม้ำบ้ำน 56
2. ม้ำป่ำมองโกเลีย 62
3. ลำป่ำเปอร์เชีย 36
4. ลำ 38
5. สกุ รป่ำยุโรป 60
6. สุกรบ้ำน 60
7. โคยุโรป 60
8. โคอนิ เดยี 54
9. โคปำ่ อเมริกำ 60
10. แกะบ้ำน 78
11. แพะบ้ำน
12. ไกบ้ำน
ท่มี ำ : สกี ุน (2558)

จำกตำรำงจะเห็นไดว่ำโค มีจำนวนโครโมโซม 60 อัน หรือ 30 คู เซลล์ร่ำงกำยมีโครโมโซมใน
สภำพ 2n หรือ 2 ชุด เรียกว่ำ สภำพดิพลอยด์ (diploid) สวนในเซลล์สืบพันธุจะมีโครโมโซมอยู่เพียง
ครึ่งหนึ่งของเซลล์ร่ำงกำย คือ 1 ชุด หรือในสภำพ n เรียกว่ำ สภำพแฮพลอยด์ (haploid) โครโมโซม
แบ่งไดเ้ ป็น 2 พวก ดงั นี้

1) โครโมโซมร่ำงกำย (autosome) เป็นโครโมโซมที่ไมเกี่ยวข้องกับกำรกำหนดเพศ แต่เกี่ยวข้อง
กบั กจิ กรรมอ่นื ๆ ของร่ำงกำย

2) โครโมโซมเพศ (sex chromosome) เปน็ โครโมโซมทมี่ ีหน้ำที่กำหนดเพศ กำรทสี่ ัตว์จะเปน็
เพศผหู้ รอื เพศเมยี น้นั สวนหนงึ่ ขน้ึ อยู่กับจำนวนและชนิดของโครโมโซมเพศ ซึง่ มีระบบกำรกำหนดเพศที่
แตกต่ำงกนั ออกไป ไดแก

(1) ระบบ xx - xy เปน็ ระบบทใ่ี ช้อธบิ ำยเพศของสตั ว์หลำยชนิด มำกกว่ำระบบอ่ืน ๆ
นำมำใช้สำหรับคนหรอื สตั ว์เลยี้ งลกู ด้วยนมเกอื บทุกชนดิ ระบบนโ้ี ดยทว่ั ไปโครโมโซม y จะมขี นำดเลก็
กวำ่ โครโมโซม x ในคนซึ่งมีจำนวนโครโมโซม 46 อนั หำกเป็นผู้ชำยจะมโี ครโมโซม 44 + xy หำกเป็น
ผู้หญงิ จะเปน็ 44 + xx

(2) ระบบ zz - zw เป็นระบบท่ีใช้กับสัตว์ปีกทุกชนิด และผีเส้ือ กำรอธิบำยเพศจะกลับ
กบั ระบบขำ้ งตน้ กล่ำวคือ ในไกซงึ่ มีจำนวนโครโมโซม 78 อัน เป็นเพศผู้จะมีโครโมโซม 76 + zz หำกเปน็
เพศเมยี จะเปน็ 76 + zw

1.2. ยีน (gene)
ยีนเป็นช่ือเรียกหน่วยที่ควบคุมลักษณะของสิ่งมีชีวิต อยู่บนโครโมโซมในนิวเคลียสสำมำรถ
ถ่ำยทอดจำกพ่อแม่ไปยังลูกหลำนได เนื่องจำกโครโมโซมอยู่กันเป็นคู ดังน้ันยีนก็จะอยู่กันเป็นคู เช่น PP,
Pp และ pp เป็นต้น ตำแหน่งท่ียีนอยูเรียกว่ำโลคัส (locus) คูของยีนที่โลคัสเดียวกันเรียกว่ำ อัลลีล
(allele) ต่อกัน ชนิดของคูยีนในแต่ละคูเป็นตัวบอกลักษณะทำงพันธุกรรม และเรียกชนิดของคูยีนนี้ว่ำ
จีโนไทป (genotype) สวนลักษณะของส่ิงมีชีวิตท่ีเห็นจำกภำยนอกเรียกว่ำ ฟโนไทป (phenotype)
จีโนไทปของพืชหรือสัตว์มีอยู่ 2 แบบ คือ พวกที่มีคูยีนเหมือนกันหรือโฮโมไซโกต (homozygote) เช่น
PP, pp และพวกที่มีคูยีนต่ำงกันหรอื เฮเตอโรไซโกต (heterozygote) เช่น Pp ในระยะกำรแบ่งเซลล์เพื่อ
ขยำยพันธุ ยีนที่รวมเป็นคูจะแยกตัวออกจำกกันทำให้เซลล์สืบพันธุมีจำนวนยีนเพียงชุดเดียว ก่อนท่ีจะ
กลบั มำรวมกนั ใหม่ในรุ่นลกู เมอ่ื เกดิ กำรปฏิสนธิ
กำรแสดงลักษณะร่วมกนั ของยนี ยีนเดน (dominant gene) เป็นยนี ท่ีเมอื่ อยู่คูกับยนี ด้อยแลวจะ
ปกปิดกำรแสดงออกของยีนด้อย จะแสดงเฉพำะลักษณะเดน และยีนด้อย (recessive gene) เป็นยีนท่ี
เมื่ออยู่คู่กับยีนเด่นจะไมแสดงลักษณะออกมำ ยีนด้อยจะแสดงลักษณะด้อยออกมำเมื่อยีนด้อยอยู่ด้วยกัน
เท่ำน้ัน ซ่ึงท่ีกล่ำวมำข้ำงต้นเรียกว่ำ ยนี ซึ่งแสดงลักษณะข่มหรือยนี เดน สำมำรถข่มอีกยีนหน่ึงไดอย่ำงสม
บูรณ (complete dominance) ลักษณะที่แสดงออกมำจึงเป็นลักษณะท่ีข่ม แต่บำงครั้งยีนซึ่งแสดง
อำกำรข่มน้ันกลับข่มไดไมสมบูรณ (incomplete dominance) ลักษณะท่ีแสดงออกเป็นลักษณะกลำงๆ
ระหว่ำงของพ่อแม่ นอกจำกนี้ลักษณะบำงลักษณะเม่ือมียีนอยูทั้ง 2 อัลลีน เช่น กำรผสมระหว่ำงวัวสีแดง
กับววั สขี ำว จะไดลกู สีขำวแกมแดงหรอื สีโรน (roan) สีท่ีไดไมใช่สผี สมระหว่ำงสแี ดงและสีขำว แต่พบว่ำวัว
มีทั้งขนสีแดงและขำวปนกัน
3. การถ่ายทอดลกั ษณะตามกฎเมนเดล

ภาพที่ 2.1 Gregor John Mendel

กฎของเมนเดลได้จำกกำรทดลองของเมนเดลในเรื่องกำรผสมลักษณะเดียวท่ีได้คือ กำรผสม
ระหว่ำงพืชต้นสูงกับพืชต้นเตี้ยน้ัน ได้ลกู F1 มีลักษณะสูงทั้งหมด และเมือ่ ผสมลูก F1 เข้ำดว้ ยกัน จะได้ F2
2 พวก คือต้นสูงและต้นเตี้ยในอัตรำส่วน 3:1 จำกกำรผสมพันธ์ุลักษณะเดียวน้ีเองทำให้เมนเดลเสนอ
กฎข้อที่ 1 ส่วนกำรทดลองผสมพันธ์ุสองลักษณะซึ่งเมนเดลได้ใช้ต้นถั่วพันธุ์เมล็ดกลม,สีเหลือง กับเมล็ด
ขรุขระ,สีเขียว พันธุ์แท้ทั้งคู่ และผลท่ีได้ในรุ่น F1 ได้เมล็ดกลม, สีเหลืองทั้งหมด เม่ือนำ F1 มำผสมกันได้
F2 มี 4 ลักษณะ คือ เมล็ดกลม,สีเหลือง : เมล็ดกลม, สีเขียว : เมล็ดขรุขระ, สีเหลือง : เมล็ดขรุขระ,
สีเขยี ว = 9:3:3:1 และได้เสนอเปน็ กฎขอ้ ท่ี 2 กฎท้ัง 2 ข้อของเมนเดลสรปุ ใจควำมสำคัญได้ดงั น้ี

กฎขอ้ ท่ี 1 กฎกำรแยกตัวของยนี (Law of segregation of gene) กลำ่ วว่ำ "ลกั ษณะของ
สงิ่ มชี ีวิตน้นั ควบคมุ โดยยีน และยีนจะปรำกฏเปน็ คู่ๆ เสมอ ในกำรสร้ำงเซลลส์ บื พันธน์ุ ั้น ยีนทีอ่ ยเู่ ป็นคู่ๆ
จะแยกออกจำกกัน แล้วเขำ้ สู่เซลล์สบื พนั ธ์เุ ซลลล์ ะ 1 ยนี เม่ือมีกำรผสมระหวำ่ งเซลลส์ ืบพันธุ์ เช่น อสจุ ิ
กบั ไข่ ยีนน้นั กจ็ ะกลบั มำอยู่เป็นคูๆ่ เหมือนเดมิ "

กฎข้อที่ 2 กฎกำรรวมอย่ำงอิสระของยีน (Law of independent assortment) กล่ำวว่ำ " ใน
กำรสร้ำงเซลล์สืบพันธ์ุนั้น ยีนสภำพใดสภำพหน่ึงของยีนคู่หน่ึงจะเข้ำสู่เซลล์สืบพันธ์ุเดียวกันกับยีนสภำพ
ใดสภำพหน่ึงของยีนอีกคู่หน่ึงได้อย่ำงอิสระ " หรืออำจกล่ำวได้ว่ำ ยีนบนโครโมโซมหน่ึงสำมำรถกระจำย
ตัวไปจับได้อย่ำงสลับกับยีนบนอีกโครโมโซมหนึ่งซึ่งไม่เหมือนกัน จะเห็นได้จำกกำรแยกตัวของเซลล์
สบื พนั ธ์ใุ นกำรทดลองผสมพนั ธ์ุสองลกั ษณะของเมนเดล

3.1) การถ่ายทอดลักษณะท่ีควบคมุ ด้วยยีน 1 คู
เป็นกำรถ่ำยทอดลักษณะของเมนเดลข้อท่ี 1 อัตรำส่วนของลูกท่ีเกิดมำแสดงได 2 อย่ำง คือ
อัตรำส่วนจีโนไทปและอัตรำส่วนฟีโนไทป์ ในกรณีกำรถ่ำยทอดลักษณะกำรมเี ขำและไมมีเขำของโค สมมุติ
ว่ำ กำรไมมีเขำ-มีเขำ ถูกควบคุมด้วยยีนเพียง 1 คู โดยให้กำรไมมีเขำควบคุมด้วยยีน P และกำรมีเขำ
ควบคุมด้วยยีน p ขณะเดียวกันก็ให้ยีน P ข่มยีน p โดยสมบูรณ ดังนั้นโคที่ไมมีเขำจะมีจีโนไทปเป็น PP
หรือ Pp และโคที่มีเขำมีจีโนไทปเป็น pp เมื่อเกิดกำรผสมพันธุกันข้ึนระหว่ำงรุ่นพ่อ-แม่ จะไดลูกผสมชั่ว
แรกเรียกว่ำ F1 (first filial generation) เม่ือปล่อยให้ลูก F1 ผสมตัวเองจนไดลูกช่ัวท่ีสองเรียกว่ำ F2
(second filial generation) เช่น กำรผสมระหว่ำงพอ่ Pp กับแม่ Pp กจ็ ะไดลกู ตำมผงั ท่แี สดงไวข้ำงล่ำงน้ี

P(พ่อ,แม่) พอ่ โคไมม่ เี ขำ (Pp) X แมโ่ คมีเขำ (Pp)
gametes P ,p P ,p
รุ่นลกู (F1) Pp ไมมีเขำ (Pp) Pp
gametes P ,p X P ,p
รุ่นลกู (F2)
phenotype PP Pp Pp pp
ไมม่ เี ขำ มีเขำ มเี ขำ มีเขำ

จำกแผนผังนี้พวกที่มีฟีโนไทป์เป็นลักษณะโคมีเขำ อำจมีจีโนไทป์เป็นโฮโมไซกัส หรือเฮเตอโร
ไซกัสก็ได้ แต่ในลูกรุ่น F2 อัตรำส่วนของลักษณะเด่นคือมีเขำ ต่อลักษณะด้อยคือโคไม่มีเขำ มีค่ำเท่ำกับ
3:1 และอัตรำสว่ นของจีโนไทป์จะเปน็ PP : Pp : pp = 1:2:1 โดยสรปุ แล้วกำรผสมพันธุและกำรถ่ำยทอด
ลกั ษณะท่ถี ูกควบคุมดว้ ยยนี เพียง 1 คู ได 6 แบบ ดงั นี้

(1) PP x PP ไดลูก PP ทั้งหมด
(2) PP x Pp ไดลกู 1PP : 1Pp
(3) PP x pp ไดลกู Pp ท้งั หมด
(4) Pp x Pp ไดลกู 1PP : 2Pp : 1pp
(5) Pp x pp ไดลกู 1Pp : 1pp
(6) pp x pp ไดลูก pp ท้งั หมด

3.2) การถา่ ยทอดลักษณะท่ีควบคมุ ด้วยยีน 2 คู
เป็นกำรถ่ำยทอดลักษณะของเมนเดลข้อที่ 2 กรณีของกำรผสมพันธุกันระหว่ำงโคพันธุ์แองกัส
(Angus) สีดำไมมีเขำ มีจีโนไทป BBPP กับโคพันธุเฮียร์ฟอร์ด (Hereford) สีแดงมีเขำ มีจีโนไทป bbpp
จะไดลูกตำมผังทีแ่ สดงไวดงั น้ี

(ก) โคพนั ธุ์แองกสั (Angus) (ข) โคพนั ธุเฮยี ร์ฟอรด์ (Hereford)

P(พอ่ ,แม)่ Angus (สดี ำไมมีเขำ) Hereford (สีแดงมีเขำ)
genotype BBPP X bbpp
gametes B,P
รนุ่ ลกู (F1) b,p
สีดำ,ไมมเี ขำ (F1) (BbPb)
genotype BbPp
gametes X สีดำ,ไมมีเขำ (F1)
BP , Bp , bP , bp BbPp

BP , Bp , bP , bp

เน่ืองด้วยแต่ละฝ่ำยของ F1 ตำ่ งก็มีเซลสบื พันธ์ุ 4 ชนดิ ผลทจ่ี ะได้จงึ มีด้วยกัน 4 x 4 คอื 16
โอกำส ซง่ึ แสดงออกในรนุ่ ลูก (F2) ได้ โดยใช้ Checkerboard ดงั นี้

BP genotype BP Bp bP bp
phenotype BBPP BBPp BbPP BbPp
สีดำ,ไมมเี ขำ สีดำ,ไมมเี ขำ สีดำ,ไมมีเขำ สดี ำ,ไมมีเขำ
genotype BBPp BBpp BbPp Bbpp
Bp phenotype สดี ำ,ไมมเี ขำ สดี ำ,มเี ขำ สดี ำ,ไมมเี ขำ สดี ำ, มีเขำ
BbPP BbPp bbPP bbPp
genotype สดี ำ,ไมมเี ขำ สีดำ,ไมมีเขำ สีแดง,ไมมเี ขำ สแี ดง,ไมมีเขำ
bP phenotype BbPp Bbpp bbPp bbpp
สีดำ,ไมมีเขำ สดี ำ,มเี ขำ สีแดง,ไมมเี ขำ สีแดง,มีเขำ
bp genotype
phenotype

ดงั นั้นในลกู ชัว่ ท่ี 1 (F1) มีจีโนไทป์เปน็ เฮเตอโรไซโกต มีลกั ษณะเป็นโคสดี ำไมมเี ขำท้ังหมด หำก
เกดิ กำรผสมพนั ธ์ุกนั ขึน้ ระหว่ำงโครุ่นแรกนี้ก็จะไดลูกชั่วที่ 2 (F2) ทมี่ จี โี นไทป 9 ลกั ษณะ แต่มีฟีโนไทป์
เพียง 4 ลกั ษณะ จะมีอัตรำส่วนตอ่ ไปนี้

genotype : BBPP : BBPp : BbPP : BbPp : BBpp : Bbpp : bbPP : bbPp : bbpp
= 1 :2 : 2:4 :1 : 2 : 1 :2 :1

phenotype : สดี ำ,ไมมเี ขำ : สีดำ,มเี ขำ : สีแดง,ไมมีเขำ : สีแดง,มีเขำ
= 9 : 3: 3 : 1

เอกสารอ้างองิ

จรัส สว่ำงทัพ. 2553. เทคนิคกำรปรบั ปรงุ พันธุสัตว์. พิมพ์ครงั้ ท่ี 2. สำขำวชิ ำสัตวศำสตร์
คณะเทคโนโลยีกำรเกษตร มหำวทิ ยำลัยรำชภัฏบรุ รี มั ย,์ บรุ รี ัมย์.

ชำญชยั รอดอนันต์. 2532. กำรผสมพนั ธุ์สัตว์. ภำควชิ ำสัตวศำสตร์ คณะเกษตรศำสตร์ บำงพระ.
สถำบันเทคโนโลยีรำชมงคล, ชลบรุ .ี

เถลิงศักด์ิ อังกรุ เศรณี. 2553. กำรปรับปรุงพนั ธุสตั ว์. ภำควิชำสัตวศำสตร์ คณะทรัพยำกรธรรมชำติ
มหำวทิ ยำลยั สงขลำนครนิ ทร์.

บุญชอบ เฟ่ืองจนั ทร์. 2535. กำรปรับปรุงพันธุสัตว์. คณะวชิ ำสัตวศำสตร์ วิทยำลัยเกษตรกรรมชลบุรี,
ชลบุร.ี

บญุ เริ่ม บญุ นธิ ิ. 2549. กำรปรับปรงุ พนั ธุสัตว์. คณะวชิ ำสัตวศำสตร์ วทิ ยำลัยเกษตรและเทคโนโลยี
นครรำชสมี ำ. นครรำชสมี ำ.

พงษช์ ำญ ณ ลำปำง. 2547. หลักพ้นื ฐำนเก่ียวกบั กำรปรับปรุงพนั ธุ, น. 203 - 239. ในฝ่ำยวิชำกำร
มหำวทิ ยำลยั สุโขทัยธรรมำธิรำช, บรรณำธิกำร. กำรปรบั ปรุงพันธุและกำรสืบพันธุสัตว์.
สำนักพิมพ์มหำวิทยำลัยสุโขทยั ธรรมำธริ ำช, นนทบุร.ี

สกี ุน นุชชำ. 2554. กำรปรบั ปรุงพันธุสัตว์. คณะวิชำสตั วศำสตร์ วทิ ยำลยั เกษตรและเทคโนโลยีตรัง.
ออนไลน์ : สืบคน้ ได้จำก www. Seekun.net/c-km-an-imp.html . 15 กนั ยำยน 2561.

สมเกียรติ สำยธนู. 2537. หลกั กำรปรบั ปรงุ พันธุสัตว์. พมิ พ์ครง้ั ที่ 1. ภำควชิ ำสตั วศำสตร์
คณะทรัพยำกรธรรมชำติ มหำวิทยำลัยสงขลำนครนิ ทร์, ม.ป.ท.

สมชัย จนั ทร์สว่ำง. 2530. กำรปรบั ปรุงพนั ธุสัตว์. ภำควชิ ำสตั วบำล คณะเกษตร มหำวิทยำลยั
เกษตรศำสตร กรงุ เทพฯ.


Click to View FlipBook Version