วเิ คราะหค์ ณุ คา่ ด้านวรรณศลิ ป์
การพรรณนาใหเ้ ห็นบรรยากาศของธรรมชาติยามเช้าตรู่
๏ ดเุ หวา่ เรา้ เร่งพระสรุ ิยศ์ รี ไกข่ ันปีกตี
กู่ก้องในท้องดงดาน หาคู่เคียงประสาน
๏ ปักษาต่นื ตาขันขาน
สาเนยี งเสนาะในไพร
วเิ คราะหค์ ณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์
การพรรณนาใหเ้ หน็ ความยิง่ ใหญ่ของกองทัพพระราม
๏ อึงอนิ ทเภรีตีระงม แตรสงั ข์เสียงประสม
ประสานเสนาะในไพร
๏ เสยี งพลโห่รอ้ งเอาชยั เลือ่ นลน่ั สนนั่ ใน
พิภพเพียงทาลาย
๏ สตั ภณั ฑ์บรรพตทงั้ หลาย อ่อนเอียงเพยี งปลาย
ประนอมประนมชมชยั
วเิ คราะห์คณุ ค่าดา้ นวรรณศิลป์
การพรรณนาให้เห็นความยิ่งใหญข่ องกองทัพพระราม
๏ พสธุ าอากาศหวาดไหว เน้อื นกตกใจ
หสั ดนิ อินทรี
ซกุ ซอ่ นประหวน่ั ขวัญหนี หักถอนพฤกษา
๏ ลูกครฑุ พลดั ตกฉิมพลี
คาบชา้ งก็วางไอยรา
๏ วานรสาแดงเดชา
ถือตา่ งอาวธุ ยุทธยง
วเิ คราะหค์ ุณคา่ ดา้ นวรรณศิลป์
การพรรณนาใหเ้ หน็ ความยงิ่ ใหญข่ องกองทัพพระราม
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า มกี ารพรรณนาใหเ้ หน็ ถึงความยิ่งใหญข่ อง
กองทพั พระรามและบุญบารมีของพระองค์ ซง่ึ ความย่ิงใหญ่และเสียงโหร่ ้อง
ทดี่ งั กกึ ก้อง ไดส้ รา้ งความหวน่ั เกรงใหก้ ับสตั ว์ต่าง ๆ แมก้ ระท้ังสตั วใ์ หญ่
อยา่ งนกหัสดลี งิ คท์ ก่ี าลงั คาบชา้ งอย่ยู งั ตกใจจนเผลอปล่อยช้างตกจากปาก
พลทหารวานรก็กาลังฮกึ เหิมหักโคน่ ต้นไม้มาถือเป็นอาวธุ
วิเคราะหค์ ณุ ค่าด้านวรรณศิลป์
การใช้ภาพพจนก์ ล่าวเกินจรงิ
“ เสยี งพลโหร่ อ้ งเอาชัย เล่อื นลัน่ สนัน่ ใน
พิภพเพยี งทาลาย ”
บทนก้ี วใี ชอ้ ติพจน์เปรียบเทียบเกินจรงิ เพ่อื ต้องการใหผ้ ้อู า่ นทราบวา่
เสียงโหข่ องไพรพ่ ลนนั้ ดงั มากขนาดไหน ซ่งึ กลา่ วว่าดงั จนพภิ พจะพงั ทลาย
วเิ คราะหค์ ุณคา่ ด้านวรรณศลิ ป์
การใช้บคุ ลาธษิ ฐาน
“ สตั ภณั ฑบ์ รรพตทง้ั หลาย อ่อนเอยี งเพยี งปลาย
ประนอมประนมชมชยั ”
บทน้ีแสดงให้เห็นถงึ อากปั กริ ยิ าของภขู าซงึ่ เป็นสงิ่ ทไี่ ม่มีชวี ิต แต่กาลงั
กระทาอาการแบบสง่ิ มชี ีวิต คือการนอ้ มลงมาเพื่อประนมมอื ไหวพ้ ระราม
วเิ คราะหค์ ณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์
การเล่นเสยี งสมั ผัสสระและสัมผัสอกั ษร
“ อนิ ทรชิตบิดเบอื นกายนิ เหมอื นองคอ์ มรนิ ทร์
ทรงคชเอราวณั ”
บทนแี้ สดงใหเ้ ห็นว่ามีทัง้ สัมผัสสระและสัมผสั อักษร
วรรคท่ี ๑ สมั ผสั สระได้แก่ คาว่า ชิต – บิด สัมผสั อกั ษร ไดแ้ ก่คาวา่ บิด – เบอื น
วรรคท่ี ๒ มสี มั ผสั อักษร คือ องค์ - อมรนิ ทร์
บทพากย์เอราวัณ
จบบริบรู ณ์