The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการปลูกผักสลัดสู่การทำแซนวิช

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by naruebate86, 2021-11-11 05:53:34

โครงการปลูกผักสลัดสู่การทำแซนวิช

โครงการปลูกผักสลัดสู่การทำแซนวิช

รายงานผลการประเมินโครงการฉบบั สมบูรณ์
โครงการปลูกผักสลัดสู่การทำแซนวชิ
ประจำปีการศกึ ษา 2564

สาขาวิชารฐั ประศาสนศาสตร์
คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สุราษฎรธ์ านี

รายงานผลการประเมินโครงการฉบบั สมบรู ณ์
โครงการปลกู ผกั สลัดสกู่ ารทำแซนวิช
ประจำปีการศึกษา 2564

จัดทำโดย
ศักดินนท์ บรู ณะ
นฤเบศ อุ้ยนอง

เสนอ
อาจารย์ อยบั ซาดดั คาน

สาขาวิชารฐั ประศาสนศาสตร์
คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลยั ราชภฏั สุราษฎร์ธานี



คำนำ

โครงการปลูกผักสลัดสู่การทำแซนวิชจัดทำข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์โดยดำเนนิ โครงการอย่างเปน็ ระบบ
นับต้ังแต่การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการ การกำหนดจุดพัฒนา การวางแผน การ
ปฏิบตั ิงานตามแผน การนิเทศติดตามผล และประเมินโครงการ เพ่ือนำผลการประเมินโครงการไปใช้ในการ
พัฒนางานอย่างตอ่ เน่อื ง และเป็นระบบ ผลการดำเนนิ งานช่วยให้นักศึกษาได้พฒั นามที ักษะในการทำธุรกิจ
และมรี ายได้ช่วงโควดิ สง่ ผลให้นกั ศกึ ษามีคณุ ภาพตามจุดหมายของหลักสตู ร

ขอขอบคุณอาจารย์อยับ ซาดัดคาน ( ท่ีให้คำปรึกษา แนะนำ )ท่ีให้ความร่วมมือในการดำเนิน
โครงการปลูกผักสลัดสู่การทำแซนวิชและประเมินโครงการปลกู ผักสลัดสู่การทำแซนวิชทำให้การดำเนินงาน
บรรลุผลตามเป้าหมายท่ีกำหนด ซ่ึงประประโยชน์ที่ได้รับคือสามรถนำมาทำให้เกิดเป็นธุรกิจและสามรถต่อ
ยอดเกิดเปน็ อาชีพได้ในอนาคต ได้มที กั ษะในการทำธุรกิจ คอื และผู้เกี่ยวขอ้ ง สำหรับใชใ้ นการพัฒนางาน ให้มี
ความกา้ วหน้าต่อไป

นฤเบศ อยุ้ นอง
(นาย นฤเบศ อุย้ นอง )
ตำแหน่ง หวั หนา้ โครงการ



สารบญั

หน้า

คำนำ...................................................................................................................................ก
สารบัญ................................................................................................................................ข

บทคดั ยอ่ .............................................................................................................................ค
บทที่ 1 บทนำ....................................................................................................................1

ความเปน็ มาของโครงการ......................................................................................1

วัตถปุ ระสงค์โครงการ………………………………………………………………………………….1
ขอบเขตดำเนนิ เดินงานโครงการ…………………………………………………………………..1

ระยะเวลาการประเมินโครงการ.............................................................................2
นยิ ามศัพท์…………………………………………………………………………………………………2
ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะได้รับ…………………………………………………………………………..2

รายละเอียดในการดำเนินงานโครงการ………………………………………………………….4
บทที่ 2 แนวคดิ และทฤษฎที ี่เกย่ี วขอ้ ง……………………………………………………………………..6

หลักการแนวคิด ทฤษฎีท่ีเก่ยี วกับการดำเนินโครงการ...........................................6
แนวคิดเก่ยี วกับการประเมนิ โครงการ.....................................................................6

แนวคดิ หลกั การและโมเดลการประเมินของไทเลอร์.............................................7
แนวคิดทางการประเมนิ ของ Michael Scriven....................................................8
แนวคดิ ทางการประเมิน Utilization-Focused Evaluation (UFE)....................8

แนวคดิ ทางการประเมนิ Four Generation Evaluation Theory ....................10
หลักวงจรคุณภาพเดมมิ่ง “PDCA” .....................................................................10

แนวคิดการประเมนิ โครงการแบบ CIPP MODEL ของสตฟั เฟลบมี ....................12
แนวคิดทฤษฎกี ารเรียนรู้.......................................................................................13
แนวคดิ ทฤษฎกี ารพฒั นาตนเอง............................................................................13

แนวคดิ และทฤษฎีความพึงพอใจ..........................................................................14
แนวคิดเศรษฐกิจพอเพยี ง.....................................................................................15

บทท่ี 3 วธิ ีการประเมนิ โครงการ.......................................................................................17
รปู แบบการประเมนิ โครงการ................................................................................17
วิธกี ารการประเมนิ โครงการ..................................................................................18

ประชากรกลุ่มตวั อย่าง..........................................................................................18
เครือ่ งมือท่ีใช้ในการประเมินโครงการ...................................................................18

การวิเคราห์การประเมินโครงการ..........................................................................19
บทที่ 4 ผลการประเมนิ โครงการ.......................................................................................20

ผลการประเมนิ ดา้ นสภาวะแวดลอ้ ม......................................................................20

ผลการประเมนิ ด้านปัจจยั ......................................................................................21
ผลการประเมนิ ด้านกระบวนการ...........................................................................22

ผลการประเมินดา้ นผลผลิต...................................................................................22



สารบญั (ต่อ)

หน้า

บทท่ี 5 สรุปผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ................................................................24
สรปุ ผลการประเมนิ โครงการ...................................................................................24
ปัญหา......................................................................................................................24

ขอ้ เสนอแนะ............................................................................................................25
บรรณานุกรม.........................................................................................................................26

ภาคผนวกเครื่องมือการประเมนิ ............................................................................................27
ภาคผนวกภาพการดำเนนิ กิจกรรม........................................................................................31



สารบญั ตาราง

หน้า
ตารางท่ี 1 ขนั้ ตอน/วิธกี ารดำเนนิ งาน PDCA......................................................................3
ตารางท่ี 2 ระยะเวลาในการดำเนนิ โครงการ.........................................................................5
ตารางที่ 3 ตารางประชากรและกลุม่ ตัวอยา่ ง......................................................................18

ตอนที่ 1
ตารางท่ี 1 ผลการประเมนิ โครงการดา้ นสภาพแวดลอ้ ม........................................................20
ตารางที่ 2 ผลการประเมินโครงการดา้ นปจั จยั ......................................................................21
ตารางท่ี 3 ผลการประเมนิ โครงการดา้ นกระบวนการ...........................................................22
ตารางท่ี 4 ผลการประเมินโครงการผลผลติ ..........................................................................23



บทคัดยอ่

ชอ่ื เร่ือง โครงการปลูกผกั สลดั สู่การทำแซนวิช
ผรู้ บั ผิดชอบ นายศกั ดินนท์ บูรณะ

นายนฤเบศ อ้ยุ นอง
ระยะเวลาการประเมนิ โครงการระหว่างวนั ที่ 1 กันยายน พ.ศ.2564 ถึง 31 ตลุ าคม พ.ศ.2564

วัตถปุ ระสงคโ์ ครงการ
1. เพอ่ื เพื่อเพม่ิ มลู คา่ ของผักสลัด
2. เพอ่ื เพอ่ื เพอ่ื หารายไดใ้ นช่วงโควิด
3. เพ่ือเพ่ือใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์

วิธีดำเนนิ โครงการ
การประเมนิ โครงการปลูกผักสลดั สูก่ ารทำแซนวชิ ดำเนนิ ในระหวา่ งวนั ที่ 1 กันยายน พ.ศ.2564 ถึง

31 ตุลาคม พ.ศ.2564 โดยใชก้ ลุ่มตวั อย่างประกอบดว้ ยผูท้ ี่ได้รับประทานแซนวิชจำนวน 10 คน

เครอ่ื งมือที่ใช้ประเมนิ โครงการคือ
- แบบสมั ภาษณ์
- แบบสอบถาม

ผลการประเมินโครงการ
ผลการประเมินโครงการในแตล่ ะดา้ นดงั นี้
1.ด้านสภาวะแวดลอ้ ม
2.ดา้ นปจั จัย
3.ด้านกระบวนการ
4.ด้านผลผลติ

ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะสำหรบั นำผลการประเมินไปใช้ มีดังนค้ี ือ

1. ในการวางแผนกำหนด การวางแผนการปฏิบัตงิ าน การประเมิน และนำผลการประเมนิ มาพฒั นา
ปรับปรุง

2. ตอ้ งชี้แจงรายละเอียดโครงการให้ชัดเจนเพอ่ื ทจ่ี ะดำเนินงานและปฏิบัติตามแผนงานได้อย่ามี
ประสทิ ธภิ าพ

3. ผู้ดำเนินโครงการจะมีการปรับปรงุ รสชาติและความสะดวกในการทานเพมิ่ มากข้ึนเพ่อื ให้ถกู ปากคนท่ี
ทานและสวกทานใด้ทกุ ทีทกุ เวลา



ข้อเสนอแนะสำหรับหวั ขอ้ การประเมนิ ตอ่ ไป

1. ควรทำการศึกษาเก่ยี วกบั โครงท่จี ะดำเนนิ การทำให้มากข้ึน
2. ช้ีแจงรายละเอียดโครงการให้ชดั เจนมากขน้ึ และเข้าใจงา่ ย

1

บทที่ 1

บทนำ

ความเป็นมาและความสำคัญของโครงการ

ในปัจจุบันผักสลัดถือเป็นท่ีนิยมในการรับประทานเป็นอย่างปัจจุบันเน่ืองจากเทรนด์การรักสุขภาพ
และการบริโภคสลัดผักเพ่ิมขึ้นอย่างมาก คนรักสุขภาพ ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและคนรักการรับประทานผัก
เป็นชวี ิตจิตใจคงจะไมพ่ ลาดกับผกั สลัดทมี่ ีประโยชนต์ อ่ สขุ ภาพ หลายท่านนยิ มทานผักสลดั เป็นอาหารเชา้ หรือ
อาหารเย็นเพื่องเล่ียงคาร์โบไฮเดรต สลัดท่ีมาในรูปแบบของข้าวกล่องอาหารกล่องก็ได้รับความนิยมมาก
เช่นเดียวกัน ผักสลัดน้ันนิยมทำเปน็ เมนูสลดั ราดน้ำสลัดรสชาติโปรด เช่น น้ำสลัดนำ้ ส้มบัลซามิค น้ำสลัดอิตา
เลยี น น้ำสลัดงาญ่ีปนุ่ น้ำสลดั มายองเนส น้ำสลัดซีซาร์ ฯลฯ หรอื จะรับประทานคู่กับอาหาร เชน่ ไกอ่ บ สเต็ก
ปลา ซีฟู้ด ตามรูปแบบท่ีช่ืนชอบรับประทานก็สามารถอร่อยได้ทันที ซ่ึงในปัจจุบันมีความนิยมนำผักสลัด
หลากหลายประเภทมาผสมกันหรือท่ีเราเรียกกว่า มิกซ์สลัด ซึงสามารถนำผักสลัดตามลิสต์ด้านล่างใบ
บทความนี้มาผสมกันตามสไตล์และความชอบเองได้ (ช้อนกลาง, 2562, “ผักสลัด 9 ชนิดท่ีคนรักผักนิยมมี
อะไรบา้ ง”)

สำหรับการใช้ชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันนั้นเรียกได้ว่าเป็นสังคมแห่งความเร่งรีบ ยิ่งในโลกของการ
ทำงานด้วยแล้ว ทุกอย่างต้องทำงานแข่งขันกับเวลาแทบทุกนาทีกันเลยทีเดียว รวมไปถึงอาหารเช้าท่ีต้อง
เร่งด่วนตามไปด้วย ทำให้หลายๆ คนอาจละเลยไม่ได้ทานอาหารเช้า แซนวิชเป็นตัวเลือกท่ีดีในการ
รบั ประทานเปน็ อาหารเช้าเนื่องจากทานง่าย สะดวก และมีประโยชน์ (J.Suwancharoen, 2558, “แซนวชิ ทู
น่า อาหารเชา้ ง่ายๆเพือ่ สุขภาพ”)

ทางผจู้ ัดทำจงึ นำผักสลดั ท่ไี ด้จากการปลกู มาทำเป็นแซนวิชเพ่ือรบั ประทานและจำหน่ายเพื่อให้รายได้
ในช่วงโควิด

วตั ถปุ ระสงค์ของการประเมนิ โครงการ

1. เพื่อประเมนิ ความพึงพอใจของผทู้ ่ไี ดท้ านแซนวชิ
2. เพื่อประเมนิ การพัฒนาตนเอง
3. เพื่อประเมนิ การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์

ขอบเขตของโครงการ

ขอบเขตด้านเนอ้ื หาในการประเมนิ
1. ดำเนนิ การปลูกผกั สลัดและนำมาทำเปน็ แซนวิช
2.มีรายได้จากการขายแซนวชิ

ขอบเขตด้านพนื้ ที่
ดำเนนิ การในพื้นท่ีหมู่ที่ 10 ต.ทา่ แซะ อ.ทา่ แซะ จ.ชุมพร

ขอบเขตด้านประชากร
ประชากรที่ใชใ้ นการศกึ ษา คอื ประชาชน่ีไดร้ ับประทานแวนวชิ

2

ระยะเวลาการประเมินโครงการ

ระยะเวลาการประเมนิ โครงการระหว่างวันท่ี 1 กนั ยายน พ.ศ.2564 ถงึ 31 ตลุ าคม พ.ศ.2564

นยิ ามศพั ท์
1.ผักสลดั กรีนโครอล” หรอื ท่ีคนไทยเรียกวา่ “ผักกาดหอม” ทมี่ ีใบหยกั สวยช่วงข้อถี่ เป็นผักที่ชอบ

อากาศเย็น มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยวิตามิน ก่อนรับประทานควรล้างผักให้สะอาด ตัดราก ก่อน
รบั ประทานสด สามารถใชต้ กแตง่ อาหารใหส้ วยงาม สามารถทำเมนูได้หลากหลาย อาทิ สลัด แซนดว์ ิช ท่ี

2.แซนวิช เป็นขนมปังห่ันแบบคู่หนึ่งประกบกัน ตรงกลางมักมีหมูแฮม ชีส ไข่ดาว แตงกวาดอง ทา
มายองเนส มัสตาร์ด หรือแยม ถ้าเป็นแบบอเมริกันมักใช้ขนมปังทั้งแผ่น บางคร้ังป้ิงด้วย ถ้าเป็นแบบอังกฤษ
มักเป็นชิ้นเล็กๆ แซนด์วิช มีหลากหลายชนิด ท่ีกินกันโดยท่ัวไป จะมี แซนด์วิชแฮมชีส แซนด์วิชหมูหยอง
น้ำพรกิ เผา แซนดว์ ิชปูอดั มายองเนส แซนดว์ ชิ ไก่ แซนด์วิชไข่ คลับแซนด์วชิ แซนดว์ ิชทูน่าชีส

ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ บั

- มรี ายได้ชว่ งโควิด
- มที ักษะในการปลูกผกั สลดั
- มีทักษะในการทำธรุ กจิ

กระบวนการดำเนนิ โครงการ

รายงานผลการจดั ทำโครงการ “ปลูกผักสลัดสกู่ ารทำแซนวิช” ไดม้ กี ารนำหลักการคุณภาพของ เดม
ม่ิง “PDCA” มาใช้ในการดำเนินการ4 ข้นั ตอนดงั น้ี
1. ข้นั ตอนการรว่ มกนั วางแผน (Plan)

- สมาชิกในกลุ่มคิดโครงการประชุมวางแผนขั้นตอนการดำเนนิ โครงการ
- สมาชกิ ในกลุม่ ศกึ ษาถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมตา่ ง ๆ และขอ้ มลู ทเ่ี กยี่ วกับโครงการ
- สมาชิกในกลุ่มได้เสนอโครงการตอ่ อาจารย์ทปี่ รึกษา เพือ่ ขออนุมัติโครงการและเพ่อื ดำเนนิ โครงการ
ในข้ันตอนต่อไป
2. ข้ันตอนการรว่ มกันปฏบิ ัติ ( Do )
2.1 สมาชิกในกลุ่มได้ทำการเสนอโครงการต่ออาจารยท์ ่ีปรึกษา เพ่อื ขออนมุ ตั ิในการดำเนนิ โครงการ
2.2 ดำเนนิ โครงการปลกู ผักสลดั สู่การทำแซนวิช ในชวงเวลาตามปฏทิ ินท่ีทางโครงการไดก้ ำหนดไว้
โดยสมาชิกในกลุม่ ได้ลงมอื ปฏบิ ตั โิ ครงการโดยมีการปฏิบัติดงั นี้การเริ่มตน้ ทำ การปลูกผักสลดั

• ศึกษาความรเู้ กีย่ วกบั การปลูกผกั สลดั และการทำแซนวชิ
• จดั เตรยี มวสั ดุอุปกรณ์ และจดั หาสถานที่ในการปลูกผกั สลัด
• ลงมือปลูกผกั สลัด
• นำผักสลัดท่ีปลกู มาทำเป็นแซนวชิ จากนน้ั นำแซนวชิ ออกวางขาย

3. ขั้นตอนการร่วมกนั ประเมนิ ( Check )
โครงการปลกู ผักสลัดสู่การทำแซนวิช ได้จัดทำแบบประเมินในด้านตา่ ง ๆ ซ่ึงเปน็ แบบประเมินเชงิ

คณุ ภาพ เพอื่ ใหส้ อดคล้องกบั วัตถุประสงค์ เป้าหมาย และผลท่ีคาดวา่ จะได้รบั จากโครงการเพอื่ ประเมิน
โครงการและวัดผลของการดำเนินโครงการ

3

4. ขั้นตอนการร่วมปรับปรุง ( Action )
เมอ่ื การปลกู ผักสลดั ประสบความสำเรจ็ นำไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ของทกุ คนในองค์กรได้ผ่านจากการ

ประชุมในองค์กรของเราเพ่อื ที่จะสรา้ งการเปล่ยี นแปลงให้เกดิ มาตรฐาน เราจะปรับปรุงใหด้ กี วา่ เดมิ เพือ่ ท่ีจะ

เดนิ ไปขา้ งโดนไม่มที างหยดุ และมองหาส่งิ ดวี ธิ ีใหมเ่ ข้ามาเสมอ

ข้นั ตอน/วธิ กี ารดำเนินงาน (ตามกระบวนการPDCA)

ข้นั ตอน รายละเอียดกจิ กรรม

P=Plan ระยะที่ 1 (ต้นทาง)
การวางแผน - สมาชกิ ในกลุ่มคิดโครงการประชมุ วางแผนขนั้ ตอนการดำเนินโครงการ
- สมาชกิ ในกลุ่มศกึ ษาถงึ ปจั จัยสภาพแวดล้อมตา่ ง ๆ และขอ้ มูลท่ีเกี่ยวกบั โครงการ
- สมาชิกในกลมุ่ ไดเ้ สนอโครงการต่ออาจารย์ทป่ี รึกษา เพอื่ ขออนมุ ัติโครงการและเพ่ือ
ดำเนินโครงการในข้นั ตอนต่อไป

D=Do ระยะที่ 2 (กลางทาง)
การปฏิบตั ิ - สมาชกิ ในกลุ่มไดท้ ำการเสนอโครงการต่ออาจารยท์ ปี่ รกึ ษา เพอ่ื ขออนมุ ตั ใิ นการดำเนิน
โครงการ
- ดำเนนิ โครงการปลูกผกั สลัดสกู่ ารทำแซนวิช ในชวงเวลาตามปฏิทินทท่ี างโครงการได้
กำหนดไว้โดยสมาชกิ ในกลุ่มได้ลงมือปฏิบัตโิ ครงการโดยมกี ารปฏบิ ตั ดิ ังนี้การเร่มิ ตน้ ทำ
การปลูกผักสลัด

- ศกึ ษาความร้เู กย่ี วกับการปลูกผกั สลัดและการทำแซนวชิ

- จดั เตรยี มวสั ดอุ ุปกรณ์ และจดั หาสถานท่ีในการปลูกผักสลดั

- ลงมือปลกู ผกั สลัด

- นำผกั สลัดที่ปลูกมาทำเป็นแซนวิช จากนั้นนำแซนวชิ ออกวางขาย

C=Check ระยะที่ 3 (กลางทาง)
การตรวจสอบ โครงการปลกู ผักสลดั สกู่ ารทำแซนวิช ไดจ้ ดั ทำแบบประเมินในดา้ นต่าง ๆ ซึ่งเป็นแบบ

ประเมินเชงิ คณุ ภาพ เพ่อื ให้สอดคล้องกับวตั ถุประสงค์ เป้าหมาย และผลทคี่ าดวา่ จะ
ไดร้ ับจากโครงการเพอ่ื ประเมินโครงการและวัดผลของการดำเนนิ โครงการ

A=Action ระยะท่ี 4 (ปลายทาง)
การปรับปรงุ เมอื่ การปลูกผกั สลัดประสบความสำเรจ็ นำไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ของทุกคนในองคก์ รได้
ผา่ นจากการ ประชุมในองคก์ รของเราเพือ่ ที่จะสร้างการเปล่ยี นแปลงใหเ้ กิดมาตรฐาน เรา
พัฒนา จะปรบั ปรงุ ให้ดีกวา่ เดมิ เพอ่ื ที่จะเดินไปข้างโดนไมม่ ีทางหยุดและมองหาส่งิ ดวี ิธใี หมเ่ ข้ามา
เสมอ

4

รายละเอียดของโครงการปลกู ผกั สลัดสกู่ ารทำแซนวิช

วัตถปุ ระสงคข์ องโครงการ
1. เพือ่ เพิ่มมลู คา่ ของผกั สลดั
2. เพื่อเพื่อเพื่อหารายได้ในชว่ งโควิด
3. เพอ่ื เพื่อใช้เวลาว่างให้เปน็ ประโยชน์

เป้าหมายของโครงการ
ด้านปริมาณ มีกำไรจากการขายแซนวิชมากกวา่ 5 %
ดา้ นคุณภาพ ความพงึ พอใจของผู้ทไี่ ด้ทานแซนวิช

งบประมาณ
งบประมาณดา้ นการปลูกผกั 245 บาท
งบประมาณดา้ นการทำแซนวชิ 200 บาท

ปัจจัยในการดำเนินโครงการ
วสั ดอุ ปุ กรณ์
1.เมล็ดผกั สลัด
2.กระถาง
3.ป๋ยุ
4.ดนิ
5.ขนมปัง
6.แฮม/ชสี
7.ผกั สลัด
เครอ่ื งมอื เครื่องใช้ เครอ่ื งอำนวยความสะดวก เตาอบ
บคุ คลท่ีรว่ มดำเนนิ โครงการ
นายศกั ดนิ นท์ บูรณะ
นายนฤเบศ อ้ยุ นอง
เอกสาร แหลง่ เรียนรู้ สถานประกอบการ คน้ หาความร้จู ากอนิ เตอร์เนต็ และสอบถามผ้ปู กครอง
อาคารสถานที่ ดำเนนิ การในพน้ื ท่ี ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จงั หวัดชุมพร

กิจกรรมในการดำเนนิ งานโครงการ
กิจกรรมปลูกผกั สลัดเพอื่ นำมาทำแซนวิช
กจิ กรรมทำแซนวิชจากผักสลัด
กิจกรรมสร้างเสรมิ ทกั ษะในการทำธุรกิจ

รายละเอียดกจิ กรรมการดำเนินโครงการ
1. กจิ กรรมปลูกผักสลดั เพอื่ นำมาทำแซนวชิ
1.1 วัตถปุ ระสงค์
1.1.1 เพอื่ ใช้เวลาว่างให้เกดิ ประโยชน์
1.1.2 เพอื่ เพิ่มมลู คา่ ของผกั สลดั
1.1.3 มรี ายได้ชว่ งโควิด

5

1.2 การดำเนินโครงการ

1.2.1 จดั เตรียมอุปกรณ์ในการปลกู ผกั สลัด
1.2.2 ลงมอื เพาะเมล็ดผักสลัด
1.2.3 นำผกั สลดั ลงดินเพือ่ ปลูก

1.2.4 รอจนกวา่ ผักสลัดจะโตพรอ้ มนำมาทำแซนวชิ และนำไปวางขาย
1.3 เครื่องมอื ในการประเมนิ ผล

1.3.1 ใชร้ ูปแบบการประเมนิ โครงการแบบ CIPP MODEL
1.4 ผลที่คาดว่าจะไดร้ บั

1.4.1 เพือ่ เพ่ิมมูลคา่ ของผักสลดั

1.4.2 มีรายไดช้ ว่ งโควิด

ระยะเวลาดำเนินงานตามโครงการ
ระยะเวลาการประเมนิ โครงการระหวา่ งวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2564 ถงึ 31 ตลุ าคม พ.ศ.2564

โดยมปี ฏิทินปฏิบตั งิ านตามโครงการดงั นี้

ระยะเวลา กิจกรรม ผูร้ บั ผิดชอบ
1 กันยายน 2564 สมาชกิ ในกลมุ่
ศกึ ษาความรเู้ ก่ยี วกับการปลูกผกั สลดั และการ
10 กนั ยายน 2564 ทำแซนวิช สมาชิกในกลุ่ม
จดั เตรียมวัสดุอุปกรณ์ และจัดหาสถานที่ใน
12 กนั ยายน 2564 การปลูกผกั สลดั สมาชกิ ในกล่มุ
22 ตลุ าคม 2564 ลงมอื ปลูกผกั สลัด สมาชกิ ในกลมุ่
นำผกั สลัดท่ีปลกู มาทำเปน็ แซนวชิ จากน้นั นำ
แซนวิชไปขาย

6

บทท่ี 2

แนวคิดและทฤษฎีท่ีเกี่ยวข้อง

หลักการแนวคิด ทฤษฎที เี่ กย่ี วกับการดำเนนิ โครงการ

แนวคดิ เก่ียวกับการประเมินโครงการ
ในปัจจุบันการประเมินผลมีความจำเป็นและมีความสำคัญในการปฏิบัติงานท้ังในภ าครัฐและ

ภาคเอกชน ที่สำคัญหน่วยงานสามารถประยุกต์ใช้ผลการประเมินเพื่อปรับปรุงพัฒนาองค์กร โครงการหรือ
กจิ กรรม เพื่อการวางแผนในอนาคต โดยการประเมินผลครอบคลุมในหลายลกั ษณะทัง้ ในลกั ษณะการประเมิน
ภาพรวมขององคก์ ร หรืออาจประเมินเฉพาะด้าน อาทิ การประเมินผลโครงการการประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ าน
ของบุคลากรในหน่วยงานต่าง ๆ ดังน้ันในระบบราชการและเอกชน จึงใช้การประเมินผลเป็นกลไกในการ
พัฒนาองค์กร โครงการหรือกิจกรรมด้วยหลักวิชาการซ่ึงได้รับการพัฒนาไปตามสภาพการเปลี่ยนแปลงของ
โลกอย่ตู ลอดเวลา

การประเมินผลเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานโครงการ(ภาพที่ 1) และถือได้ว่าเป็นองค์ ประกอบ
สำคัญตอ่ ประสทิ ธิภาพของการดำเนินงานและผลสำเร็จของโครงการและเปน็ กระบวนการหน่ึงของการบริหาร
ท่ีมีความสำคัญไม่ยิงหย่อนไปกว่ากระบวนการวางแผน (Planning) และการปฏิบัติตามแผน (Monitoring)
และการประเมินผล (Evaluation) จะสามารถบ่งบอกถึงความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค ผลสำเร็จ และ
ผลกระทบจากการดำเนินงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการกำกับ เร่งรดั และปรับปรุง/ยุติการดำเนินการหรือ
เปืนข้อมลู ในการพัฒนางานต่อไป (สำนักนโยบายและแผน, 2550)

การวางแผน
(Planning)

การติดตามและประเมนิ ผล การดำเนินงาน/การปฏิบัตติ ามแผน
(Monitoring and Evaluation) (Implementation)

ภาพที่ 1 แสดงกรอบการดำเนนิ งานโครงการ
ที่มา : สำนักนโยบายและแผน, 2550

ความหมายของการประเมนิ ผลโครงการ
การประเมนิ โครงการ หมายถงึ กระบวนการรวบรวมและวิเคราะหข์ อ้ มูลอยา่ งเป็นระบบเพ่อื สรปุ ผล
วา่ โครงการนนั้ ๆ ไดบ้ รรลุวัตถปุ ระสงค/์ เป้าหมาย และมีประสทิ ธภิ าพเพียงใด (ประชุม รอดประเสริฐ, 2539)
การประเมินโครงการ หมายถึง กระบวนการท่ีก่อให้เกิดสารนิเทศในการปรับปรุงโครงการ และ
สารนิเทศในการตัดสินผลสมั ฤทธ์ิของโครงการ (สมหวัง, พิรยิ านวุ ัฒน์, 2544)

7

การประเมินโครงการ หมายถงึ การพสิ ูจน์วา่ โครงการไดผ้ ลผลติ (Product) และผลลัพธ์ (Outcome)
ตามที่คาดหมายหรือไม่ มากน้อยเพียงใด มีปัญหาอุปสรรค์เรื่องอะไรบ้าง ดงั นั้นการประเมินโครงการคือการ
ใช้วธิ ีการของการวิจยั ท่จี ะวัดประสทิ ธภิ าพของโครงการหรือแผนปฏิบตั กิ าร (มณนิภา ชตุ ิบตุ ร, ม.ป.ป.)

พสิ ณุ ฟองศรี ไดก้ ล่าววา่ การประเมินหมายถึง กระบวนการตัดสนิ คณุ คา่ ของสิ่งหนึ่งสง่ิ ใดโดยการนำ
สารสนเทศหรือผลจากการวัดมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ท่ีกำหนด (พิสณุ ฟองศรี, 2550 : น. 4 อ้างถึงใน
เชาว์ อนิ ใย, 2553 : น. 3)

เชาว์ อินใย ได้ให้ความหมายของการประเมนิ หมายถึง กระบวนการพิจารณาตัดสินคณุ ค่าของสิ่งใด
สิ่งหน่ึงว่า มีความเหมาะสมหรือไม่เพียงใด โดยนำสารสนเทศหรือผลจากการวัดมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ท่ี
กำหนดเพื่อช่วยในการตัดสนิ ใจ ตคี า่ ผลการดำเนินการน้นั ๆ ว่าบรรลุวัตถปุ ระสงค์หรือไม่ ใชเ้ ปน็ ส่วนหน่งึ ของ
กระบวนการจัดการ ส่วนคำว่าโครงการหมายถึง ส่วนย่อยส่วนหน่ึงของแผนงาน ซ่ึงประกอบด้วย ชุดของ
กจิ กรรมที่จัดข้ึนอย่างมรี ะบบ มีการกำหนดทรัพยากรในการดำเนนิ งาน ระยะเวลาดำเนินงานไว้อย่างชัดเจน
โดยออกแบบมาเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายตามต้องการ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การประเมินโครงการ หมายถึง
กระบวนการพิจารณาตัดสินคุณคา่ โดยการคน้ คว้า เกบ็ รวบรวมขอ้ มูลต่าง ๆ จากชดุ ของกิจกรรมที่จัดขึ้นอยา่ ง
มีระบบมาประกอบการตัดสินใจ ตีค่าผลการดำเนินการน้ันว่าบรรลุวัตถปุ ระสงค์หรอื ไม่ ใช้เป็นส่วนหน่ึงของ
กระบวนการจดั การ (เชาว์ อนิ ใย, 2553 : น. 4)

จากความหมายดังกล่าวแล้วอาจสรุปได้ว่า การประเมินโครงการหมายถึง กระบวนการในการเก็บ
รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลของการดำเนินโครงการ และพิจารณาบ่งชี้ให้ทราบถึงจุดเด่นหรือจุดด้อยของ
โครงการนั้นอย่างมีระบบแล้วตดั สินใจวา่ จะปรับปรุงแก้ไขโครงการน้ันเพ่ือการดำเนนิ งานต่อไปหรือจะยุติการ
ดำเนินงานโครงการน้ันเสีย

ประโยชนข์ องการประเมนิ โครงการ
1) การประเมินผลเป็นภารกิจท่ีสำคัญของระบบการวางแผนและบริหารแผน/โครงการ

เนื่องจากการประเมินโครงการเป็นการตรวจสอบและควบคุมชนิดหน่ึง ซึ่งดำเนินงานอย่างมีระบบทั้งปัจจัย
นำเข้า (Input) กระบวนการ(Process) และผลการดำเนินงาน (Outputs) จะได้รับการตรวจสอบทุกข้นั ตอน
และนำมาซึ่งข้อมูลที่จำเป็นอันเป็นข้อมูลย้อนกลับท่ีจะนำมาใช้ปรับปรุงการดำเนินงาน เพราะนอกจากจะ
ชี้ให้ เห็ น ข้ อ บ ก พ ร่ อ ง ข อ ง ก าร ป ฏิ บั ติ ง าน แ ล้ วยั ง ชี้ ให้ เห็ น ผ ล ก าร ป ฏิ บั ติ ง าน ซ่ึ ง ไม่ ส า ม ารถ ท ราบ ได้ จ า ก
กระบวนการวางแผน

2) เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ฝ่ายบรหิ ารสามารถปรับปรุงระบบการวางแผนและบริหารแผน
ด้วยการให้ข้อมูลที่ต่อเน่ือง ทำให้สามารถปรับสภาพการปฏิบัติให้เข้ากับกับสถานการณ์ที่เปล่ียนแปลง
สามารถควบคมุ แผนและโครงการให้เป็นไปตามทิศทางท่ีกำหนดไว้

3) การประเมินช่วยให้การใช้ทรัพยากรเป็นไปอย่างคุ้มค่าหรือเกิดประโยชน์ต่อประชาชน
เพราะการประเมินโครงการจะตอ้ งวเิ คราะห์ทุกสว่ นของโครงการข้อมลู หรือปจั จยั ใดท่ีเป็นปัญหาจะได้รบั การ
ปรับปรุงแก้ไขเพ่ือให้สามารถปฏิบัติได้หรือใช้ในการปฏิบัติงานอย่างเหมาะสมคุ้มค่าทรัพยากรทุกชนิดได้รับ
การจัดสรรให้อย่ใู นจำนวน หรือปรมิ าณทเี่ หมาะสมเพยี งพอแก่การดำเนนิ งาน

แน วคิด ห ลักการแ ละโมเด ลการป ระเมิน ขอ งไทเล อ ร (Tyler’ s Rationale and Model of
Evaluation)

แนวคิดทางการประเมนิ ของไทเลอร จดั เปนแนวคดิ ของการประเมินในระดับชัน้ เรียน โดยไทเลอรมี
ความเหนว่าการประเมนิ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนของนักเรียน จะมีสว่ นช่วยอยา่ งมากในการพฒั นา
กระบวนการเรียนการสอน

8

Ralph W.Tyler : 1943 (90-93) ไทเลอรได้เริ่มตน้ การนำเสนอแนวความคิดทางการประเมินโดยยดึ
กระบวนการเรียนการสอน้เป็นหลักกล่าว คือไทเลอรได้นิยามว่ากระบวนการจัดการเรียนการสอน้ีเป็น
กระบวนการที่มุ่งจัดขึ้นเพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมท่ีพึงปรารถนาในตัวของผู้เรียน ด้วยเหตุนี้
จุดเนน้ ของการเรียนการสอน จึงขนึ้ อย่กู ับการท่ีผเู้ รยี นจะตอ้ งมกี ารเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมหลังการสอนดงั น้ัน
เพื่อให้การสอนเกิดการเปลยี่ นแปลงพฤติกรรมในตัวผู้เรียนตามที่มุ่งหวังกระบวนการดังกล่าวจึงมีข้ันตอนใน
การดำเนินการดงั น้ี

ขั้นท่ี 1 ตอ้ งมกี ารระบหุ รือกี่ำหนดวัตถปุ ระสงค์ใหช้ ัดเจนลงไปว่าเมอ่ื ส้นิ สุดการจัดการเรียน การสอน
แลว้ ผู้เรียนควรเกดพฤติกรรมใดหรือสามารถกระทำสิง่ ใดได้บ้างหรือทีเ่ รยี กวา วตั ถุประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม

ข้ันที่ 2 ต้องระบต่อไปวาจากวัตถุประสงค์ท่ีกำหนดไว้ดังกล่าวนั้นมีเนื้อหาใดบ้างที่ผู้เรียน จะต้อง
เรยี นรหู้ รือมสี าระใดบ้างท่เี มอ่ื ผูเ้ รียนเกิดการเรียนรแู้ ลวจะกอให้เกิดการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม

ขนั้ ที่ 3 หารูปแบบและวธิ กี ารจดั การเรียนการสอนใหส้ อดคลอ้ งกับเนื้อหาและจดุ ประสงคท์ ่ีกำหนดไว้
ข้นั ท่ี 4 ประเมินผลโครงการโดยการตัดสินด้วยการวัดผลทางการศึกษาหรอื การทดสอบ ผลสัมฤทธ์ิ
ในการเรียน

แนวคิดทางการประเมินของ Michael Scriven
แนวคิดทางการประเมินของ Scriven มุ่งในเรื่องConsumer-Oriented Evaluation โดยเน้นความ

ต้องการจำเป็นของ Consumer หรือเปืนการประเมินแบบ NeedBased Evaluation ตามแนวคิดของ
Scriven การประเมินเป็นการตัดสินคุณค่า (merit, worth, value) ความสำคัญ(significance) ของส่ิงท่ีมุ่ง
ประเมินเมือเทยี บกับเกณฑ์ (criteria) เช่นในเร่อื งต้นทุน (costs) และความคุ้มค่า (benefits) โดยเกณฑ์การ
ประเมินจำแนกได้เป็นเกณฑ์ สมบูรณ์ (absolute criteria) ซึ่งกำหนดระดับคุณภาพมาตรฐานซ่ึงเป็นเกณฑ์
จุดตัดที่ยอมรับได้ และเกณฑ์ สมั พทั ธ์ (relative criteria) ซึง่ กำหนดคุณภาพโดยการเปรียบเทียบกับสิ่งท่ีเคย
ทำในอดตี บทบาทหน้าท่ีของผูป้ ระเมนิ ตอ้ งทำการตัดสนิ คุณคา่ ของสิง่ ทป่ี ระเมินสว่ นบทบาทของการประเมิน
นอกจาก Goal Based Evaluation ซึ่งประเมนิ ผลลัพธอ์ ิงวัตถุประสงค์ของโครงการตามแนวคดิ การประเมิน
แบบ Tylerian แลว้ Scriven ยงั ได้เสนอการประเมนิ แบบ Goal Free Evaluation ซึ่งประเมินผลท่ีเกิดข้ึนจริง
ท้งั หมดของโครงการทัง้ ผลที่คาดหมายและไม่คาดหมาย ผลทางบวกและลบ และนอกจากจะประเมินผลสรุป
(Summative Evaluation)ซ่ึงเป็นการประเมินผลลัพธ์ (Product Evaluation)ตัดสินคุณค่าเม่ือโครงการ
ส้ินสุดลงแล้ว Scriven ยังได้เสนอว่าควรมีการประเมินความก้าวหน้า (FormativeEvaluation) ระหว่างการ
ดำเนินโครงการซ่ึงเป็นการประเมินกระบวนการ(Process Evaluation) ท้ังนี้เพื่อการพัฒนาปรับปรุงให้
โครงการสามารถดำเนินไปไดด้ ีและตอบสนองความต้องการจำเป็นของ Consumerนอกจากน้ี Scriven ยังได้
กล่าวถึงการประเมินแบบIntrinsic และPayoff โดย Intrinsic Evaluation เป็นการประเมินเกี่ยวกับ
เป้าหมาย, โครงสร้าง, ระเบียบวิธีการ, คุณลักษณะและทัศนคติของ staff, การอำนวยความสะดวก, ความ
น่าเช่ือถือ ส่วน Payoff Evaluationเป็นการประเมินเก่ียวกับผลกระทบที่เกิดกับ clients (Scriven, M.,
1998; Scriven, M., 2001; Scriven, M.,2007; Scriven, M., 2011)

จดุ เด่นในแนวคดิ ของ Scriven คอื Goal FreeEvaluation ซ่งึ ประเมินผลทเี่ กิดขึ้นจรงิ ท้งั หมดของ
โครงการทั้งผลทคี่ าดหมายและไมค่ าดหมาย ผลทางบวกและลบ ซ่ึงแตกต่างจากแนวคดิ การประเมนิ แบบเดมิ
ซง่ึ องิ เพียงวัตถุประสงค์ของโครงการอยา่ งเดียว

แนวคิดทางการประเมิน Utilization-Focused Evaluation (UFE) ของ Michael Patton

9

แนวคิด UFE เน้นการใช้ประโยชน์จากการประเมินของ intended user โดยค้นหามติเอกฉันท์ ในการหา
คุณค่า (value) และการตดั สนิ คุณคา่ (judgments)ท้ังน้เี พอื่ กระบวนการตดั สินใจ จุดประสงคก์ ารประเมนิ
เป็นทั้ง formative, summative และdevelopmentalโดยใช้ข้อมูลทั้ง quantitative, qualitative และ
mixed การออกแบบการประเมินเป็นได้ท้ัง naturalistic และ experimental โดยมุ่งที่processes,
outcomes, impacts,costs และcost-benefit บทบาทของนักประเมินมีหลากหลายโดยต้องเป็นนักเจรจา
ต่อรอง (negotiator)เปน็ ผู้ฝึกอบรม (trainer) เป็นผู้อำนวยความสะดวก (group facilitator) เป็นผูแ้ กป้ ัญหา
(problem solver) ส่ิงสำคัญท่ีPatton เน้นคือการเจรจาต่อรองระหว่างนักประเมินกับ intended user
ตง้ั แต่เรม่ิ ต้นโครงการจนจบโครงการทั้งน้ีเพราะ intended user ต้องมสี ่วนเก่ียวข้องในการประเมนิ ตั้งแต่ต้น
จนจบ ในการเจรจาต่อรองเกี่ยวข้องกบั กระบวนการActive (ระบุสงิ่ ที่ intended user จะถาม) - Reactive
(คำตอบในสิ่งที่ intended user ถาม) - Adaptive (ความยืดหยุ่นต่อคำถามการประเมิน) Processes
ข้ันตอนของ UFE (2013) (Patton, M.Q. ,2013) ดังน้ี

Step 1 ประเมนิ และสร้างความเขา้ ใจ ความพร้อมในการใช้ UFE ของผูท้ เี่ กยี่ วขอ้ ง
Step 2 ประเมินความรู้ ความพรอ้ ม และสมรรถนะในการใช้ UFE ของนักประเมิน
Step 3 แนะนำ ใหค้ วามชว่ ยเหลือสรา้ งความรู้สกึ เป็นเจา้ ของการประเมินของ primary intended
users
Step 4 ทำงานรว่ มกบั primary intended usersในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ของการประเมนิ
Step 5 ระบุและจดั เรยี งความสำคญั ของวัตถุประสงคก์ ารประเมนิ รว่ มกับ primary intended
Users
Step 6 พิจารณาและสร้างกระบวนการใช้การประเมินที่เหมาะสมร่วมกับ primary intended
users
Step 7 ระบุและช่วย primary intended usersต้ังคำถามและจัดเรียงความสำคัญของคำถามการ
ประเมนิ
Step 8 ตรวจสอบว่า primary intended users ได้พิจารณาประเด็นเกี่ยวกับกระบวนการใช้แล
ผลลพั ธ์ ของโปรแกรมการประเมนิ
Step 9 พจิ ารณากรอบแนวคิดทฤษฎีในการประเมนิ ทเี่ หมาะสม
Step 10 เจรจาตอ่ รองวิธที ี่เหมาะสมเพอื่ สร้างความนา่ เชอื่ ถอื ของข้อคน้ พบ
Step 11 อภปิ รายและเลอื กระเบียบวิธที ี่เหมาะสม
Step 12 กอ่ นเก็บรวบรวมข้อมูล จำลองการใช้ข้อคน้ พบ
Step 13 เกบ็ รวบรวมข้อมลู
Step 14 วิเคราะห์แปลผลขอ้ ค้นพบ
Step 15 รายงานผลการประเมิน
Step 16 ติดตามการใชข้ อ้ คน้ พบจากการประเมนิ
Step 17 การประเมินของการประเมนิ (Metaevaluation)
จุดเด่นของการประเมิน UFE คือเน้นการใช้ประโยชน์จากการประเมินของ intended user โดย
ค้นหามติเอกฉันท์ ในการหาคุณค่า (value) และการตัดสินคุณค่า (Judgments) ของส่ิงที่ประเมิน แต่
อย่างไรก็ตาม UFE มีข้อจำกัดในเร่ืองความลำเอียงและคอร์รัปชั่นในกลุ่ม intended users โดยถ้า
intended users ไม่ได้นำเสนอประเด็นตามความสนใจของ stakeholder และถ้านักประเมินไม่มี
ความสามารถสูงพอในทักษะเจรจาต่อรองและมีทักษะในการประเมิน (evaluation competence) ที่
เพียงพอไม่ควรใชก้ ารประเมนิ UFE

10

แนวคดิ ทางการประเมิน Four Generation Evaluation Theory ของ Guba & Lincoln
Guba และLincoln ได้แบ่งยุคของการประเมินออกเป็น 4 ยุคดังน้ี ยุคแรก First Generation

Evaluation : ยุควดั ผล (Measurement) ยุคน้ีเริม่ ประมาณต้นปี ค.ศ. 1900 การประเมนิ มุ่งในเรอื่ งของการ
วัดผลเปน็ หลักยคุ ที่ 2 Second Generation Evaluation : ยุคบรรยาย(Description) มุ่งการบรรยายจดุ แข็ง
จุดอ่อนตามวัตถุประสงค์เป็นหลัก นักทฤษฎีการประเมินคนสำคัญในยุคน้ีได้แก่ Tyler ยุคท่ี 3 Third
Generation Evaluation : ยุคตัดสิน(judgment) มุ่งการตัดสินคุณค่าของส่ิงท่ีประเมิน นักทฤษฎีการ
ประเมนิ คนสำคัญในยคุ นี้ได้แก่ Scriven, Eisner จาก 3 ยคุ ท่ผี า่ นมาของการประเมนิ พบว่า การประเมินยังไม่
สามารถรวบรวมคุณค่าในเชิงพหุมิติจึงเกิดยุคท่ี 4 คือ Fourth Generation Evaluation : ยุคการตอบสนอง
และสร้างสรรค์ (responsive constructivist) โดยมุ่งการประเมินอย่างสรา้ งสรรค์ และ ตอบสนองต่อความ
ต้องการของ stakeholders โดยการประเมินต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อตอบสนองต่อ
stakeholders การประเมินประกอบด้วยClaims, Concerns, Issues - CCI การประเมินมี 4 ระยะ
(Moreau, A. K., & Clarkin, L. C., 2012) ดังน้ี

ระยะที่ 1 การระบุ stakeholders และดงึ ขอ้ มลู CCI โดย
• C : Claims - ใหs้ takeholder เสนอและ ยนื ยันส่งิ ทีพ่ งึ ประสงค์ของโครงการ
• C : Concerns - ใหs้ takeholder เสนอ สิ่งไมพ่ งึ ประสงค์ของโครงการ
• I : Issues - ค้นหาประเดน็ เหตผุ ลของความไมส่ อดคลอ้ ง

ระยะที่ 2 การเปดิ โอกาสใหs้ takeholdersแลกเปลย่ี นกันและได้ข้อมลู ใหม่ ๆ
ระยะท่ี 3 นกั ประเมนิ รวบรวมขอ้ มลู เพ่ือเตรียมการสนทนาระหวา่ งกล่มุ stakeholderเกย่ี วกับ CCI
ระยะท่ี 4 นักประเมนิ ปล่อยใหก้ ลุ่ม stakeholderอภิปรายตามข้อมลู ในระยะ 3 เพอ่ื หามตเิ อกฉนั ท์
ในการประเมินแบบ Four Generation EvaluationTheory มีจุดเด่นคือ (Claims, Concerns,
Issues--CCI) ผลลัพธท์ ่ไี ด้จะเปน็ ขอ้ ยตุ ิสมบูรณ์และเป็นมติเอกฉันท์ อันนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป

หลักวงจรคุณภาพเดมม่ิง “PDCA”
วงจรการควบคุมคุณภาพ (PDCA Cycle) หรือวงจรเดมมิ่ง (Deming Cycle) คือแนวคิดการ

พัฒนาการทำงานเพ่ือควบคุมคุณภาพงานให้มีการพัฒนาอย่างต่อเน่อื ง พัฒนามาจากแนวคิดของวอล์ทเตอร์
ซิวฮาร์ท (Walter Shewhart) นักสถิติในงานอุตสาหกรรม ต่อมาแนวคิดนี้เร่ิมเป็นที่รู้จักกันมากข้ึนเมือ เอด
วาร์ด เดมมิ่ง (W.Edwards Deming) นักจัดการบริหารคุณภาพ ได้นำเสนอและเผยแพร่ใช้เป็นเครื่องมือ
สำหรับการปรับปรุงกระบวนการทำงานของพนักงานภายในโรงงานให้ดีขึ้ นซ่ึงจะใช้ในการค้นหาปัญ หา
อปุ สรรคในข้ันตอนการทำงานโดยพนกั งาน จนเป็นที่รู้จักกนั ในช่อื ว่า วงจรเดมมิ่งหรือวงจร PDCA

แนวคิดวงจร PDCA เป็นแนวคิดที่ง่ายไม่ซับซ้อน สามารถนำไปใช้ได้ในเกือบจะทุกกิจกรรมจึงทำให้
เป็นทร่ี ูจ้ ักกันอย่างแพรห่ ลายมากขน้ึ ทั่วโลก PDCA เป็นอักษรนำของภาษาองั กฤษ 4 คำคอื

1. การวางแผน (Plan) คือการวางแผนการดำเนินงาน เพ่ือให้เกิด การทำงานที่ได้ผลงาน การ
ปรับปรงุ
เปลยี่ นแปลง การพฒั นาสิง่ ใหม่การแกป้ ัญหาทีเ่ กิดขนึ้ จากการปฏิบตั งิ าน มสี ว่ นที่สำคัญเชน่ การกำหนด
เป้าหมายวัตถปุ ระสงค์การจดั อนั ดบั ความสำคญั ของเป้าหมาย กำหนดการดำเนินงานกำหนด ระยะเวลาการ
ดำเนนิ งาน กำหนดผ้รู บั ผดิ ชอบดำเนินการและกำหนดงบประมาณท่ีจะใช้การวางแผนที่ดคี วรต้องเกิดจาก
การศึกษาทด่ี มี กี ารวางแผนไวร้ ดั กุมรอบคอบปรับเปลีย่ นได้ตามความเหมาะสมของงานและเหตุการณ์แผนที่ได้
ตอ้ งชว่ ยในการค้าดการณ์ส่งิ ท่ีเกดิ ขนึ้ และสามารถช่วยลดความสญู เสียทอี่ าจเกิดขน้ึ ไดก้ ารวางแผนควรมีการ

11

กำหนด
- การกำหนดเปา้ หมาย
- วตั ถุประสงค์
- กำหนดผู้รับผดิ ชอบ
- ระยะเวลาดำเนนิ การ
-งบประมาณทีก่ ำหนด
- มีการเสนอเพือ่ ขออนมุ ัติกอ่ นดำเนนิ การ เปน็ ตน้
2. ปฏิบัติตามแผน (Do) คือการดำเนินการเพื่อให้ได้ตามแผนท่ีมีการกำหนดไว้อาจมีการกำหนด

โครงสร้างคณะทำงานรองรับการดำเนินการเช่น คณะกรรมการฯลฯ กำหนดวิธีในการดำเนินงานข้ันตอน
ผู้ดูแลรับผดิ ชอบ ผู้ตรวจสอบและทำการประเมินผล การปฏิบตั กิ ารควรมี

- มคี ณะทำงานคอยควบคุม กำหนดนโยบาย ติดตามตรวจสอบการทำงาน
- มกี ารกำหนดขนั้ ตอนท่ีชัดเจน
- มวี ิธีการดำเนนิ การทส่ี ามารถดำเนินการได้จรงิ ไมย่ ากจนเกนิ ความสามารถของผูท้ จ่ี ะทำ
- มีผู้รับผดิ ชอบดำเนนิ การที่ชัดเจน เพียงพอ
- มีระยะเวลาท่ีกำหนดท่ีเหมาะสม
- มงี บประมาณในการทำงาน เป็นตน้
3. ตรวจสอบการปฏิบัตติ ามแผน (Check) คอื ข้ันตอนที่เริ่มเมื่อมีการดำเนนิ โครงการตามขอ้ 2 ควร
จะต้องทำการประเมินผลการดำเนินงานว่าเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้หรือไม่อาจประเมินในส่วนการ
ประเมินผลงานการดำเนินการการประเมินผลการดำเนินตามข้ันตอน และการประเมินผลงานตามเป้าหมาย
ของแผนงานที่ได้มีการกำหนดไวใ้ นการประเมนิ ้ีนเราอาจสามารถทำได้เองโดยใช้คณะกรรมการท่รี ับผดิ ชอบใน
แผนการดำเนินงานภายใน้ีเป็นการประเมินตนเอง แต่การใช้คนภายในอาจทำให้ขาดความน่าเชื่อถือหรือ
ประเมินผลได้ไม่เต็มที่จะดีหากมีการต้ังคณะประเมินจากภายนอกมาช่วย เพราะน่าจะได้ผลการประเมินที่
ดีกว่าทีมงานภายใน เพราะอาจมปี ญั หาชว่ ยกันประเมินผลใหด้ เี กินจริง แนวทางทจ่ี ะใชใ้ นการประเมนิ เชน่
- กำหนดวธิ กี ารประเมนิ แยกให้ชัดเจนสามารถทำได้งา่ ย
- มีรปู แบบการประเมินตรงกบั เปา้ หมายในงานที่ทำ
- มีคณะผจู้ ะเข้าทำการประเมินที่มคี วามรู้เพียงพอ
- แนวคำตอบผลของการประเมนิ ต้องสามารถตอบโจทยแ์ ละตรงกับวตั ถปุ ระสงค์ท่วี ่างไว้
- เน้นการประเมินปญั หา / จดุ ออ่ น / ขอ้ ดี/ จุดแข็ง ที่มีในการดำเนนิ การ เปน็ ต้น
4. ปรับปรุงแก้ไขพัฒนาต่อเนื่อง (Act) คือการนำผลประเมินท่ีได้มาทำการวิเคราะห์เพ่ือพัฒนาแผน
ในการปรบั ปรุงตอ่ ไป ในสว่ นนี้ควรจะเสนอแนะปญั หาแนวทางการปรับปรุงแกไ้ ขปัญหา หรอื การพัฒนาระบบ
ท่ีมีอยู่แล้วให้ดีย่ิงข้นึ ไปอีกไม่มีทสี่ ิ้นสดุ
- ทำการระดมสมอง เพือ่ หาทางแก้ไข ปัญหา / จดุ ออ่ น / ขอ้ ดี/ จุดแขง็ ทพ่ี บ ปรับปรงุ ใหด้ ีย่งิ ข้นึ
- นำผลทีไ่ ดจ้ ากการระดมสมองเสนอผู้เกย่ี วข้องเพือ่ พจิ ารณาใชว้ างแผนตอ่ ไป
- กำหนดกลยทุ ธ์ในการจดั ทำแผนครงั้ ต่อไป
- กำหนดผู้รับผิดชอบดำเนินงานคร้ังตอ่ ไป
การพัฒนาระบบ PDCA เป็นการปรับปรุงพัฒนาระบบงานที่มีอยู่แล้วให้ดีย่ิงขึ้นไปอีก โดยควรจะมี
การดำเนนิ การต่อเนื่องไม่มที ่ีสน้ิ สดุ จึงเป็นทม่ี าขอแนวคิดการควบคุมคณุ ภาพและการพัฒนาอย่างต่อเน่อื ง ใน
การปรับปรงุ พฒั นาต่อเนอื่ งควรมีการดำเนนิ การ

12

วงจรคุณภาพ คือกระบวนการทำงานท่ีเปรียบกับวงล้อที่เต็มไปด้วยขั้นตอน 4 ขั้นตอน คือการ
วางแผน การดำเนินตามแผน การตรวจสอบ การปรับปรุง แก้ไข เมื่อวงล้อหมุนไป 1 รอบ จะทำให้งาน
บรรลุผลตามเป้าหมายท่ีกำหนดไวแ้ ละหากการดำเนินงาน้นั นเกิดสะดุด แสดงว่ามีบางขั้นตอนหายไป (โทชา
วะ 2544 : 117-122)

แนวคิดการประเมนิ โครงการแบบ CIPP MODEL ของสตฟั เฟลบีม
แบบจำลอง(Model) หมายถึง วิธีการสื่อสารทางความคิด ความเข้าใจ ตลอดจนจินตนาการท่ีมีต่อ

ปรากฎการณห์ รอื เรื่องราวใด ๆ ให้ปรากฏโดยใชก้ ารสอ่ื ในลักษณะต่าง ๆ เชน่ แผนภูมิ แผนผงั ระบบสมการ
และรูปแบบอ่ืน เป็นต้น เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย และสามารถนำเสนอเรื่องราวได้อย่างมีระบบ การประเมินผล
โครงการนั้น มีแนวคิดและโมเดลหลายอย่าง ณ ท่ีน้ี ขอเสนอแนวคิดและโมเดลการประเมินแบบซิปป์ หรือ
CIPP Model ของสตัฟเฟิลบีม (Danial . L. Stufflebeam) เพราะเป็นโมเดลที่ได้รับการยอมรับกันท่ัวไปใน
ปจั จุบนั

แนวคิด การประเมินของสตัฟเฟิลบมี (Stufflebeam’s CIPP Model) ในปี ค.ศ. 1971 สตัฟเฟิล
บีม และคณะ ได้เขียนหนังสือทางการประเมินออกมาหน่ึงเล่ม ชื่อ “Educational Evaluation and
decision Making” หนังสือเล่มน้ี ได้เปน็ ท่ียอมรับกนั อย่างกวา้ งขวาง เพราะให้แนวคิดและวิธีการทางการวัด
และประเมินผล ได้อย่างน่าสนใจและทันสมัยด้วย นอกจากนั้น สตัฟเฟิลบีมก็ได้เขียนหนังสือเก่ียวกับการ
ประเมนิ และรูปแบบของการประเมินอีกหลายเล่มอย่างต่อเนื่อง จึงกล่าวได้ว่า ท่านผู้น้ีเป็นผู้มีบทบาทสำคัญ
ในการพฒั นาทฤษฎกี ารประเมิน จนเป็นทย่ี อมรบั กนั ทว่ั ไปในปจั จบุ ัน เรียกว่า CIPP Model

เป็นการประเมินท่ีเป็นกระบวนการต่อเน่ือง มีจุดเน้นท่ีสำคัญ คือ ใช้ควบคู่กับการบริหารโครงการ
เพอ่ื หาขอ้ มลู ประกอบการตัดสนิ ใจ อย่างต่อเน่ืองตลอดเวลา วัตถปุ ระสงค์การประเมิน คือ การให้สารสนเทศ
เพื่อการตัดสินใจ เน้นการแบ่งแยกบทบาทของการทำงานระหว่าง ฝ่ายประเมินกับ ฝ่ายบริหารออกจากกัน
อย่างเด่นชัด กล่าวคือฝ่ายประเมินมีหน้าที่ระบุ จัดหา และนำเสนอสารสนเทศให้กับฝ่ายบริหาร ส่วนฝ่าย
บรหิ ารมีหนา้ ท่ีเรียกหาข้อมลู และนำผลการประเมินท่ีไดไ้ ปใช้ประกอบการตัดสินใจ เพ่ือดำเนินกิจกรรมใด ๆ
ที่เก่ียวข้องแล้วแต่กรณี ท้ังนี้เพื่อป้องกันการมีอคติในการประเมิน และ เขาได้แบ่งประเด็นการประเมินผล
ออกเปน็ 4 ประเภท คือ

1. การประเมนิ ดา้ นบริบทหรอื สภาวะแวดล้อม (Context Evaluation : C) เป็นการประเมนิ ให้ได้
ขอ้ มูลสำคัญ เพ่ือช่วยในการกำหนดวตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ ความเป็นไปได้ของโครงการ เปน็ การตรวจสอบ
ว่าโครงการท่ีจะทำสนองปัญหาหรือความต้องการจำเป็นท่ีแท้จริงหรือไม่ วัตถุประสงค์ของโครงการชัดเจน
เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายขององคก์ าร หรือ นโยบายหนว่ ยเหนือหรือไม่ เป็นโครงการที่มีความเป็นไป
ได้ในแงข่ องโอกาสทจ่ี ะได้รบั การสนบั สนุนจากองคก์ รต่าง ๆ หรอื ไม่ เปน็ ตน้

2. การประเมินปัจจัยเบ้ืองต้นหรือปัจจัยป้อน (Input Evaluation : I ) เป็นการประเมินเพื่อ
พิจารณาถึง ความเป็นไปได้ของโครงการ ความเหมาะสม และความพอเพียงของทรัพยากรที่จะใช้ในการ
ดำเนินโครงการ เช่น งบประมาณ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ เวลา รวมท้ังเทคโนโลยีและแผนการดำเนินงาน
เปน็ ต้น

3. การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation : P ) เป็นการประเมินระหว่างการดำเนินงาน
โครงการ เพ่ือหาขอ้ บกพร่องของการดำเนินโครงการ ท่ีจะใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนา แก้ไข ปรับปรงุ ให้การ
ดำเนินการช่วงต่อไปมีประสิทธิภาพมากข้ึน และเป็นการตรวจสอบกิจกรรม เวลา ทรัพยากรที่ใช้ในโครงการ
ภาวะผู้นำ การมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการ โดยมีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานทุกขั้นตอน การประเมิน

13

กระบวนการนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการค้นหาจุดเด่น หรือจุดแข็ง (Strengths) และจุดด้อย
(Weakness) ของนโยบาย/แผนงาน/โครงการ มักจะไมส่ ามารถศกึ ษาได้ภายหลงั จากสิ้นสุดโครงการแลว้

4. การประเมินผลผลติ (Product Evaluation : P ) เป็นการประเมินเพื่อเปรียบเทียบผลผลิตที่เกิด
ข้ีนกับวัตถุประสงค์ของโครงการ หรือความต้องการ/ เป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมท้ังการพิจารณาในประเด็น
ของการยุบ เลิก ขยาย หรือปรับเปลี่ยนโครงการและการประเมินผล เร่ืองผลกระทบ (Impact) และผลลพั ธ์(
Outcomes ) ของนโยบาย / แผนงาน / โครงการ โดยอาศัยข้อมูลจากการประเมินสภาวะแวดล้อม ปัจจัย
เบื้องต้นและกระบวนการร่วมด้วย จะเห็นได้ว่า การประเมินแบบ CIPP เป็นการประเมินที่ครอบคลุม
องค์ประกอบของระบบท้ังหมด ซึ่งผู้ประเมินจะต้องกำหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินท่ีครอบคลุมท้ัง 4
ด้าน กำหนดประเด็นของตัวแปรหรือตัวชี้วัด กำหนดแหล่งข้อมูลผู้ให้ข้อมูล กำหนดเคร่ืองมือการประเมิน
วิธกี ารทใ่ี ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมลู กำหนดแนวทางการวเิ คราะหข์ ้อมูล และเกณฑ์การประเมินท่ีชัดเจน

แนวคดิ ทฤษฎีการเรยี นรู้
การเรียนรู้คือกระบวนการที่ทำให้มนุษย์เปล่ียนแปลงพฤติกรรมทางความคิด มนุษย์เรา สามารถ

เรียนรู้ไดจ้ าก การได้ยิน การสัมผัส การอ่าน การเห็น รวมถึงผา่ นการใช้ส่อื อุปกรณ์เครื่องมือเป็นส่วนสง่ ผ่าน
โดยมผี ูใ้ หน้ ิยามของการเรียนรู้ ดงั นี้
(Klein 1991 :2) กล่าวว่า การเรียนรู้ (Learning) คือกระบวนการของประสบการณ์ท่ีทำให้เกิดการ
เปล่ียนแปลงพฤติกรรมอย่างค่อนข้างถาวร ซ่ึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้ไม่ได้มาจากภาวะชั่วคราว วุฒิ
ภาวะ หรือสญั ชาตญาณ
(สุรางค์โค้วตระกูล :2539) กล่าวว่า การเรียนรู้ (Learning) คือการเปล่ียนแปลง พฤติกรรมซึ่งเน่ืองมาจาก
ประสบการณ์ที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับส่ิงแวดล้อมหรือจากการฝึกหัด เป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมซึ่ง
เนื่องมาจากประสบการณห์ รอื การฝกึ หดั และพฤติกรรมนั้นอาจจะคงอยู่ระยะหนึ่งหรือตลอดไปกไ็ ด้

แนวคดิ ทฤษฎกี ารพัฒนาตนเอง
ความตอ้ งการในการพัฒนาตนเอง เพ่อื ใหเ้ พ่ิมพูนความรู้ ทำให้มกี ารเปล่ียนแปลงพฤติกรรมตา่ ง ๆ ไป

ตามวัตถุประสงคข์ องแตล่ ะบุคคล รวมทงั้ สามารถดำรงอย่ใู นสงคมหรือประสบความสำเรจ็ ในชีวติ หนา้ ที่การ
งาน ควรมแี นวคดิ เกีย่ วกบั ความตอ้ งการในการพฒั นาตนเอง โดยมีผู้ใหน้ ิยามของทฤษฎีการพฒั นาตนเองดงั นี้

กรกนก วงศ์พันธุเศรษฐ์ (อ้างถึงในเกศรินทรวิริยะอาภรณ์ , 2545) ได้กล่าวว่า การพัฒนาตนเอง
หมายถึง การขยายขอบเขตความสามารถในการใช้ความรู้ความสามารถของ บุคคลได้อย่างเต็มท่ีและ
ประยุกต์ใช้ความรู้และประสบการณ์ท่ีได้รับมาเพ่ือแก้ปัญหาหรือหาข้อยุติปัญหาใน สถานการณ์ใหม่ ๆ ท่ี
แตกตา่ งออกไป

ศศลักษณ์ ทองปานดี (2551) การพัฒนาตนเองหมายถึง การดำเนินการเกีย่ วกบั การส่งเสริมบคุ คล
ให้มีความรคู้ วามสามารถ มที ักษะการทำงานดีขึ้น ตลอดจนมที ศั นคตทิ ด่ี ีในการทำงาน อนั จะเปันผลให้การ
ปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพดียิ่งข้ึน และการพัฒนาบุคคลควรส่งเสริม และพัฒนาทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม
และสตปิ ญั ญาอยา่ งทัว่ ถึงสมำ่ เสมอและตอ่ เน่อื ง

ความสำคัญของการพฒั นาตนเอง
ในปัจจุบันการศึกษาเรื่องการพัฒนาตนเองเป็นส่ิงสำคัญอย่างย่ิงเนื่องจากสภาพของโลกและ
เหตุการณ์ในปัจจุบันนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเม่ือย่างเข้าสู่ยุคของข่าวสารข้อมูล
(Information Era) หรือที่เรียกวา่ เป็นยุคของโลกคลื่นท่สี าม (Third Wave) ให้เกิดการรวมตัวของทรัพยากร
ขนึ้ เม่อื โลกอยู่ในสภาวะทไ่ี ร้พรมแดนการแข่งขนั เพ่อื ช่วงชิงทรัพยากรจึงมีมากขน้ึ เปน็ ทวีคูณ ซงึ่ อาจเปรียบได้

14

ว่าเป็นสงครามข่าวสารในด้านข้อมูลความรู้จะเห็นได้ว่าการเปล่ียนแปลง เช่นนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ดำเนินไปโดยไม่พยายามก้าวให้ทันจะกลายเป็นผู้ล้าหลังและเสียประโยชน์ในเวลาอันรวดเร็ว ดังน้ัน การ
พัฒนาตนเองเพื่อให้เรียนรู้ไดเ้ ทา่ ทันการเปลยี่ นแปลงของโลกยุคโลกาภิวัตน์เพ่ือความอยู่รอดของชีวติ จึงเป็น
ส่งิ ทจ่ี ำเป็น (ศศินา ปาละสิงห์ , 2547)

กระบวนการในการพัฒนาตนเอง
การพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเรจ็ ควรจะมกี ระบวนการตามขนั้ ตอนซง่ึ (สุวรเี ท่ยี ว ทัศน์ ,2542)
ไดก้ ล่าวถึงกระบวนการในการพฒั นาตนเอง สรุปดังนี้
1. สำรวจตัวเอง การที่คนเราจะประสบความสมห่วงหรือไม่สาเหตุที่สำคัญ คือจะต้องมีการสำรวจ
ตนเองเพราะตนเองเป็นผูก้ ระทำตนเอง คนบางคนไมป่ ระสบความสำเร็จในชีวิตเนือ่ งจากบคุ คล มจี ดุ ออ่ นหรือ
คุณสมบัติท่ีไม่ดีการที่จะทราบว่าตนมีคุณสมบัติอย่างไร ควรจะได้รับการสำรวจตนเอง ท้ังน้ีเพื่อที่จะได้
ปรบั ปรุงแก้ไข หรือพฒั นาตนเองให้ดีขน้ึ เพื่อจะไดม้ ีชวี ิตทส่ี มหว่ งต่อไป
2. การปลกู คณุ สมบตั ิที่ดีงาม โดยคุณสมบัติของ บุคคลสำคัญของโลกเปน็ แบบอยา่ งซ่ึงคุณสมบตั ิของ
บุคคลไมใ่ ชส้ งิ่ ทต่ี ิดตวั มาแต่เกดิ แต่สามารถเกดิ ขนึ้ ได้
3. การปลูกใจตนเองเป็นสิ่งสำคัญเพราะบุคคลที่มีกำลังใจดีย่อมมุ่งม่ันดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย
ของชีวติ ที่กำหนดไว้
4. การส่งเสริมตนเอง คือการสร้างกำลังกายท่ีดีสร้างกำลงั ใจให้เข้มแข็ง และสรา้ งกำลงั ความคิดของ
ตนใหเ้ ปน็ เลศิ
5. การดำเนินการพัฒนาตนเองเป็นการลงมือปฏิบัติเพ่ือเสริมสร้างตนเองให้บรรลุวัตถุประสงค์ตาม
ท่ตี ัง้ ไว้
6. การประเมินผล เพื่อจะได้ทราบว่าการดำเนินการพัฒนาตนเองตามที่บุคคลได้ตั้งเป้าหมาย ไว้
ดำเนินการไปได้ผลมากน้อยเพียงไร จึงจำเป็นตอ้ งอาศัยการวัดผลและการประเมินผล สามารถสรปุ ได้ว่าการ
พัฒนาตนเอง คือการที่เพ่ือให้เพ่ิมพูนความรู้ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต่าง ๆ ไปตามวัตถุประสงค์
ของแต่ละบุคคล รวมทง้ั สามารถดำรงอยูใ่ นสงคมหรือประสบความสำเรจ็ ในชวี ิต

แนวคิดและทฤษฎคี วามพึงพอใจ
จากการทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับแนวคิดและทฤษฎีความพึงพอใจ สามารถ

สรปุ ไดด้ งั น้ี
ความหมายความพึงพอใจ
ความพอใจของลูกคา้ (Customer Satisfaction) เป็นระดับความพอใจของลูกค้าท่ีเป็น

ผลจากการเปรียบเทียบระหว่างผลประโยชน์จากคุณสมบัตผิ ลิตภัณฑ์ หรือการทำงานของผลติ ภัณฑ์ กบั การ
คาดหวังของลูกค้า (Kotker, 1994) ระดับความพอใจของลูกค้าจะเกิดขึ้นจากความแตกต่างระหว่าง
ผลประโยชนจ์ ากผลติ ภัณฑแ์ ละความคาดหวังของ บคุ คล โดยการคาดหวงั ของ บคุ คล(Expectation) เกิดจาก
ประสบการณ์และความร้ใู นอดีต ส่วนผลประโยชน์ของคุณสมบัตผิ ลิตภัณฑ์หรือการทำงานของผลติ ภัณฑ์เกิด
จากนกั การตลาด และฝ่ายอ่ืน ๆ ที่เก่ียวข้องจะต้องพยายามสร้างความพงึ พอใจใหก้ ับลูกค้าโดยพยายามสรา้ ง
คณุ ค่าเพม่ิ (Value Added) การสรา้ งคุณค่าเพิ่มจากการผลิต (Manufacturing) และการตลาด (Marketing)
รวมท้ังมีการทำงานร่วมกับฝ่ายต่าง ๆ โดยยึดหลักสร้างคุณภาพรวม (Total Quality) คุณค่าเกิดจากความ

15

แตกตา่ งทางการแขง่ ขัน (Competitive Differentiation) คุณค่าที่มอบให้กับลูกค้าจะต้องมากกว่าต้นทุนของ
ลกู คา้ (Cost) ซ่ึงตน้ ทนุ ของลูกค้าสว่ นใหญค่ ือราคาสนิ ค้า (Price)

Shelly (1975) ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับความพึงพอใจว่า เป็นความรู้สึกสองแบบของมนุษย์ คือ
ความรู้สึกในทางบวก และความรู้สึกในทางลบ ความรู้สึกในทางบวกน้ันเมือเกิดข้ึนแล้วจะทำให้มีความสุข
ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากความในทางบวกอนื่ ๆ กล่าวคือเปืนความรู้สึกที่เป็นระบบย้อนกลับ
โดยความรู้สึกน้ีสามารถทำให้เกิดความสุขหรือความรู้สึกทางบวกเพ่ิมขึ้นได้อีก ดังน้ันจะเห็นได้ว่าความสุข
เปน็ ความรู้สึกที่สลับสับซอ้ นและความรสู้ ึกมีผลตอบุคคลมากกว่าความรู้สกึ ในทางบวกอื่น ๆ ดังนั้นความรู้สึก
ในทางบวก ความรสู้ ึกทางลบ และความสุขมคี วามสัมพันธ์กันอย่างสลับซับซอ้ น และระบบความสัมพันธข์ อง
ความรทู้ ัง้ สามนี้ เรียกว่า ระบบความพงึ พอใจ โดยความพงึ พอใจจะเกิดข้ึนเมือระบบความพึงพอใจมีความรู้สึก
ทางบวกมากกวา่ ความรสู้ ึกทางลบ

จากท่ีกล่าวมาสรุปได้ว่า ความพึงพอใจ หมายถึง การประเมินคุณค่าผลิตภัณฑ์และบริการของ
ผูบ้ รโิ ภคเมื่อทราบความรู้สึกท่เี ปันผลลพั ธส์ ุดท้ายของกระบวนการประเมินแล้ว โดยสภาพหรือระดับของความ
พึงพอใจเปันผลมาจากความสนใจและทัศนคติของ บุคคลที่มีต่อสูงนั้น ๆ โดยปกติแล้วผู้บริโภคจะเผชิญกับ
ผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ มากมายที่จะสามารถเลือกนำมาตอบสนองความต้องการของเขาให้ได้รับความ
พอใจ และความพึงพอใจเป็นแรงจูงใจของมนุษย์ท่ีต้ังอยู่บนความต้องการพ้ืนฐาน (Basic Needs) มีความ
เกยี่ วข้องใกล้ชดิ กับผลสัมฤทธ์แิ ละสง่ิ จงู ใจ (Incentive) และพยายามหลกี เลยี่ งสง่ิ ที่ไม่ตอ้ งการ

การวัดความพึงพอใจ
วิธีวัดความพึงพอใจของลูกค้า โดยจะข้ึนอยู่กับความคาดหวังของตัวลูกค้าเอง ว่าลูกค้าคาดหวังกับ
สินคา้ และบรกิ ารมากน้อยแคไ่ หน และถ้าลกู คา้ เกดิ ความพึงพอใจ ลกู ค้าก็จะกลับมาซื้อสนิ ค้าหรือใชบ้ ริการอีก
และหากลูกค้าไม่พึงพอใจก็จะแสดงความรู้สึกในทางลบออกมา เช่น การไม่ซ้ือซ้ำหรือใช้บริการซ้ำ และอาจ
บอกกลา่ วในทางลบใหเ้ พ่อื น หรือคน้ ทร่ี ้จู กั ไดร้ ับรู้ด้วย
ฉะนั้นความพึงพอใจเกิดข้ึนจากความคาดหวังของลูกค้าหรือผู้รู้บบริการเอง (Customer
expectation) น่ันคือลูกค้าจะคาดหวงั ผลการใช้สินค้าหรือบริการเอาไว้ในระดับหน่ึง และถ้าสุดท้ายผลของ
การใช้สินค้าและบริการเป็นไปตามที่ คาดหวังหรือมากกว่าที่ลูกค้ าคาดหวังไว้ลูกค้าก็จะเกิด ความพึงพ อใจ
(Customer satisfaction) แต่ในทางกลับกันถ้าผลของการใช้สินค้าและบรกิ ารไม่เปน็ ไปตามท่ีคาดหวงั ลูกค้า
กจ็ ะเกดิ ความไม่พงึ พอใจ (Customer dissatisfaction) เกิดขึ้น
จากที่กล่าวมาจึงสรุปได้ว่า การวัดความพึงพอใจน้ีเป็นกระบวนการในการทำความเข้าใจในความ
คาดหวังเปรียบเทียบกับการรับรู้จากผลประโยชน์ที่ได้จากสินค้าและบริการท่ีเกิดขึ้นจริงของลูกค้าหรือ
ผู้บริโภค

แนวคิดเศรษฐกจิ พอเพียง
การพัฒนาตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียง คอื การพัฒนาทีตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลางและความ

ไม่ประมาท โดยคำนึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู้
ความรอบคอบ และคุณธรรม ประกอบ การวางแผน การตัดสินใจและการกระทำปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง มีหลกั พจิ ารณาอยู่ 5 สว่ น ดงั นี้

1. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาท่ีชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนในทางท่ีควรจะเป็น โดยมี
พ้ืนฐานมาจากวิถีชีวิตด้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิง
ระบบท่ีมีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤต เพ่ือความม่ันคงและความยิ่ง
ยืนของการพฒั นา

16

2. คุณลักษณะ เศรษฐกจิ พอเพียงสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้น
การปฏบิ ัติบนทางสายกลาง และการพฒั นาอย่างเป็นขน้ั ตอน

3. คำนยิ าม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พรอ้ ม ๆ กนั ดังน้ี
- ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดที ไ่ี มน่ อ้ ยเกินไปและไมม่ ากเกินไปโดยไม่เบยี ดเบยี นตนเองและ
ผูอ้ ื่น เช่น การผลิตและการบริโภคทีอ่ ยู่ในระดบั พอประมาณ
- ความมเี หตผุ ล หมายถึง การตดั สนิ ใจเก่ยี วกับระดบั ของความพอเพยี งน้ันจะตอ้ งเปน็ ไปอยา่ งมีเหตุผล
โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่าง
รอบคอบ
- การมภี ูมคิ ุ้มกนั ท่ีดีในตวั หมายถงึ การเตรยี มตวั ใหพ้ รอ้ มรับผลกระทบและการเปล่ยี นแปลงดา้ น
ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ตา่ ง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดข้ึนในอนาคตท้ังใกล้และ
ไกล

4. เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่บนระดับพอเพียงน้ัน ต้องอาศัยทั้ง
ความรูแ้ ละคณุ ธรรมเป็นพน้ื ฐานกลา่ วคอื

- เงอื่ นไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวชิ าการต่าง ๆ ทเ่ี กย่ี วข้องอย่างรอบด้าน ความ
รอบคอบท่ีจะนำความรเู้ หล่านน้ั มาพจิ ารณาใหเ้ ชื่อมโยงเพื่อประกอบการวางแผน และความระมดั ระวังในข้ัน
ปฏิบัติ

- เงอ่ื นไขคุณธรรม ท่จี ะตอ้ งเสรมิ สรา้ งประกอบด้วย มคี วามตระหนกั ในคณุ ธรรม มคี วามซื่อสตั ยส์ ุจริต
และมคี วามอดทน มคี วามเพยี ร ใชส้ ติปญั ญาในการดำเนินชวี ติ

5. แนวทางปฏิบัติ/ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ ใช้คือ
การพัฒนาทีสมดุลและยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
ความรแู้ ละเทคโนโลยี

ตัวแปรตน้ กรอบแนวคิดท่ีใชใ้ นการประเมนิ ผลโครงการ
1.เพศ
ตัวแปรตาม
2.อายุ การประเมินโครงการแบบ CIPP MODEL
3.รายได้ ของสตัฟเฟลบีม ( D.L. Stufflebeam,
1997 , P. 261-265 )
1.ประเมินสภาวะแวดลอ้ ม
2.ประเมินการปจั จัยเบอื้ งต้น
3.ประเมินกระบวนการ
4.ประเมินผลผลิต

17

บทที่ 3

วธิ ีการประเมินโครงการ

วธิ กี ารการประเมินการโครงการปลูกผักสลัดสกู่ ารทำแซนวชิ มีกระบวนการขนั้ ตอนในการวเิ คราะห์
ขอ้ มลู ดงั นี้
1. รูปแบบการประเมนิ โครงการ
2. วิธกี ารประเมินโครงการ
3. ประชากรกลุม่ ตวั อยา่ ง
4. เครื่องมอื ทใ่ี ช้ในการประเมนิ โครงการ
5. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
6. การวเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ งาน

รูปแบบการประเมินโครงการ

การประเมนิ การโครงการปลูกผกั สลัดส่กู ารทำแซนวิช ใช้รูปแบบการประเมนิ โครงการแบบ CIPP
MODEL ของสตฟั เฟลบมี ( D.L. Stufflebeam, 1997 , P. 261-265 ) ดังนี้

ประเมินสภาวะแวดลอ้ ม • หลกั การ
( Context Evaluation ) • วตั ถุประสงคข์ องโครงการ
• เป้าหมายของโครงการ
• การเตรียมการภายในโครงการ

ประเมนิ การปัจจยั เบ้ืองตน้ • บคุ ลากร
( Input Evaluation ) • วสั ดอุ ุปกรณ์
• เคร่ืองมอื เคร่ืองใช้
• งบประมาณ

ประเมนิ กระบวนการ • การดาเนินโครงการ
( Process Evaluation ) • กิจกรรมการดาเนินงานตาม

โครงการ
• การนิเทศติตามกากบั
• การประเมนิ ผล

18

การประเมนิ ผลผลิต • ผลการดาเนินโครงการ
( Product Evaluation ) • คณุ ภาพผเู้ รียน

วธิ ีการประเมนิ โครงการ

โครงการปลกู ผักสลัดสกู่ ารทำแซนวชิ มวี ธิ กี ารประเมนิ โครงการแบบ การประเมินโครงการคณุ ภาพ
โดยใชห้ ลักการวงจรเดมมงิ่ “PDCA” ตามแนวคิด “CIPP” ของสตฟั เฟลบีม ในการตดิ ตามและประเมินผล
โครงการ

ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรและกล่มุ ตวั อย่างทใ่ี ช้ในการตดิ ตามและประเมนิ ผลโครงการปลกู ผักสลดั สู่การทำแซนวชิ มี

ดงั นี้

ประชากร จำนวน(คน)
ผูท้ ส่ี นใจรับประทานแซนวชิ 10

กลมุ่ ตวั อย่าง จำนวน(คน)
ผู้ทไ่ี ด้รับประทานแซนวิช 10

โดยใชว้ ธิ ีสุ่มตวั อย่างแบบเฉพาะเจาะจง
เครื่องมือที่ใชใ้ นการประเมนิ โครงการ

เครอื่ งมอื ทใี่ ชใ้ นการประเมินการศกึ ษาคร้ังน้ปี ระกอบด้วย แบบสมั ภาษณ์ การสงั เกต การบนั ทึกภาพ

แบบมสี ว่ นร่วม
โดยเคร่อื งมือท่ใี ช้ในการประเมนิ โครงการปลูกผกั สลัดสกู่ ารทำแซนวิช มีจำนวน 10 ฉบับ ดงั นี้

สว่ นที่ 1 แบบสอบถามข้อมูลท่วั ไปของของผู้ที่ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ รายได้
ส่วนท่ี 2 เป็นแบบสมั ภาษณ์ประเมนิ โครงการปลกู ผกั สลัดสู่การทำแซนวชิ โดยใช้แบบประเมิน CIPP
MODEL มี 4 ดา้ นจำนวน 6 ขอ้

1. ดา้ นสภาวะแวดลอ้ ม ( Context ) จำนวน 2 ขอ้ โดยผู้ตอบสามารถเขยี นรายละเอียดการตอบ
ได้อย่างอิสระ

2. ด้านปจั จยั ( Input ) จำนวน 1 ขอ้ โดยผู้ตอบสามารถเขยี นรายละเอยี ดการตอบได้อยา่ งอิสระ
3. ดา้ นกระบวนการ ( Process ) จำนวน 1 ข้อ โดยผู้ตอบสามารถเขยี นรายละเอยี ดการตอบได้

อย่างอสิ ระ

19

4. ดา้ นผลผลิต ( Product ) จำนวน 2 ขอ้ โดยผตู้ อบสามารถเขยี นรายละเอียดการตอบได้
อย่างอสิ ระ

สว่ นท่ี 3 ปญั หาหรือขอ้ เสนอแนะเก่ียวกับการดำเนินงานในการจดั ทำโครงการโดยเปน็ ปลายเปิดให้
ตอบแบบบรรยาย

การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ผู้จัดทำได้ทำหนา้ ท่ีในการเก็บรวบรวมข้อมูลดว้ ยตนเอง โดยมีรายละเอียดใน

การเก็บรวบรวมข้อมูล ดงั นี้
1. แจ้งให้ทราบลว่ งหนาว่าจะทำการติดต่อสมั ภาษณ์เพือ่ ในการประเมินผลโครงการ
2. ใชเ้ วลาสมั ภาษณ์ 5 - 10 นาทตี อคนโดยประมาณ
3. ผสู้ มั ภาษณท์ ำการตรวจสอบความถูกตอ้ งสมบูรณเ์ พอ่ื นำไปใช้ในการเคราะหข์ อ้ มูลของโครงการ
ต่อไป

การวเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ โครงการ
วิเคราะหผ์ ลการประเมนิ โครงการโดยใช้การวเิ คราะหเ์ ชิงคณุ ภาพ

การวเิ คราะห์ขอ้ มูลเชิงคุณภาพ
จากเคร่ืองมือแบบสัมภาษณ์ของประชาชากรในโครงการปลูกผักสลัดสู่การทำแซนวิช ในการ

วิเคราะห์ข้อมูลจากการจดบันทึกและข้อมูลต่างๆมาวิเคราะหาเนื้อหาตามหัวข้อที่กำหนดแล้วนำเสนอเป็น
ข้อมูลความเรยี ง

20

บทที่ 4

ผลการประเมนิ โครงการ

การนำเสนอผลการประเมินโครงการ ผู้รบั ผิดชอบโครงการไดน้ ำเสนอผลการประเมนิ โครงการดงั น้ี
ตอนที่ 1 ผลการประเมนิ โครงการปลกู ผักสลัดสูก่ ารทำแซนวชิ

หลังการดำเนินโครงการแสดงดงั ตารางตา่ งๆ คือ
ตารางที่ 1 ผลการประเมินโครงการด้านสภาวะแวดล้อม
ตารางท่ี 2 ผลการประเมินโครงการดา้ นปจั จยั
ตารางที่ 3 ผลการประเมินโครงการด้านกระบวนการ
ตารางที่ 4 ผลการประเมนิ โครงการดา้ นผลผลติ

ตอนท่ี 1 ผลการประเมนิ โครงการปลกู ผักสลดั สู่การทำแซนวิช

ตารางที่ 1 ผลการประเมนิ โครงการดา้ นสภาวะแวดลอ้ ม

ผปู้ ระเมนิ ผลการประเมนิ โครงการด้านสภาวะแวดลอ้ ม
ผปู้ ระเมนิ คนที่ 1 ความสวยงามของ Packaging
ผปู้ ระเมินคนท่ี 2
ผปู้ ระเมนิ คนท่ี 3 สวย แปลกใหมด่ ี
ผู้ประเมนิ คนท่ี 4 สวยดูแลว้ นา่ กิน ปกติจะเหน็ แบบใสก่ ลอ่ งสามเหล่ียม
ผู้ประเมนิ คนที่ 5 มีความสวยงาม ดดู ีและมคี วามดึงดูดใจให้อยากซื้อ
ผูป้ ระเมินคนท่ี 6 Packaging ดูสวยน่ากิน
ผู้ประเมินคนท่ี 7 Packaging สวยงามแลว้ ก็ต่างจากที่เคยๆเห็นมา
ผู้ประเมนิ คนท่ี 8 แซนวชิ อยใู่ น Packaging มีความสวยแล้วก็น่ากิน
ผู้ประเมินคนท่ี 9 เป็นกลอ่ งดสู วย งา่ ยตอ่ การพกพา
ผู้ประเมินคนท่ี 10 Packaging สวย
สวยดูแล้วทนั สมยั
Packaging ทำใหด้ ูแล้วน่ากนิ เพม่ิ มากขน้ึ

สรปุ ผลการประเมนิ โครงการด้านสภาพแวดล้อม ในข้อท่ี 1 ความสวยงามของ Packaging จากข้อ
คำถามผูป้ ระเมินแสดงความคดิ เหน็ ไปในทางเดียวกัน คือ Packaging ทีใ่ ส่แซนวิชมีความสวยงามดแู ลว้ มคี วาม
ทันสมยั ทำใหด้ ึงดดู ใจให้สนใจใหอ้ ยากซอื้ เพ่ิมมากข้ึน

21

ผู้ประเมิน ผลการประเมินโครงการดา้ นสภาวะแวดล้อม
ผปู้ ระเมินคนที่ 1 ความสะดวกในการทาน
ผปู้ ระเมนิ คนที่ 2
ผู้ประเมนิ คนที่ 3 กินงา่ ยแต่มันจะลำบากตอนหยิบแซนวชิ ข้นึ มาเลอะนิ้ว
ผู้ประเมินคนท่ี 4 รสู้ กึ วา่ ทเ่ี ป็นกลอ่ งสามเหลี่ยมจะทานงา่ ยกว่า
ผู้ประเมนิ คนท่ี 5 มคี วามสะดวกเป็นอย่างมาก สามารถเปิดฝาเเล้วรับประทานได้เลย
ผปู้ ระเมินคนที่ 6 ถอื ง่ายสบายแลว้ ก็กนิ งา่ ยแต่หยบิ แซนวชิ ขน้ึ มากนิ ค่อนขา้ งยาก
ผู้ประเมนิ คนท่ี 7 หยิบกนิ ง่ายกระดาษรองทำให้ไม่คอ่ ยเลอะซอสเท่าไหร่
ผู้ประเมินคนท่ี 8 หยิบแซนวชิ ขึ้นมายาก
ผู้ประเมินคนที่ 9 สะดวกทานไดท้ ุกท่ี
ผปู้ ระเมินคนท่ี 10 อาจจะต้องมีช้อนซ่อมเพ่อื ใหก้ ินง่ายขึ้น
กนิ ง่ายแต่แซนวิชอยคู่ บั แน่นกลอ่ งทำใหห้ ยบิ ยาก
กนิ งา่ ยแลว้ กส็ ะดวก

สรปุ ผลการประเมินโครงการด้านสภาพแวดล้อม ในขอ้ ที่ 2 ความสะดวกในการทาน ผู้ทีไ่ ด้ประเมนิ มี

ความคิดเห็นทแ่ี ตกต่างกนั ออกไปโดยความคิดเหน็ ส่วนมากมีปัญหาอยูท่ ตี่ อนหยิบแซนวชิ ขนึ้ มาจากกล่องได้
ค่อนขา้ งยาก

ตารางท่ี 2 ผลการประเมินโครงการดา้ นปจั จัย

ผู้ประเมิน ผลการประเมินโครงการดา้ นด้านปัจจยั
ผู้ประเมนิ คนที่ 1 คุณภาพของวตั ถดุ ิบที่ใช้
ผู้ประเมนิ คนที่ 2
ผปู้ ระเมนิ คนท่ี 3 ดี
ผู้ประเมนิ คนท่ี 4 สด สะอาด และมีคุณภาพ
ผปู้ ระเมินคนท่ี 5 วัตถุดิบท่ีใชม้ คี วามสด สะอาด สีสนั สวยงาม
ผปู้ ระเมนิ คนที่ 6 วตั ถุดบิ สดวันต่อวัน
ผปู้ ระเมนิ คนที่ 7 ของท่ีใช้สดแลว้ มีคุณภาพ
ผปู้ ระเมินคนท่ี 8 มีคุณภาพ
ผูป้ ระเมนิ คนที่ 9 ใชข้ องสด
ผู้ประเมินคนท่ี 10 ใช้ของสดสะอาด
วัตถุดบิ คุณภาพดี
ใช้ผกั และวัตถุดบิ ต่างๆสด

สรปุ ผลการประเมนิ โครงการดา้ นด้านปัจจยั ในข้อท่ี 1 คุณภาพของวัตถุดบิ ที่ใช้ โดยจากขอ้ คำถามท่ี

ใช้ในการประเมิน ผู้ประเมินไดแ้ สดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกันคือวัตถุดิบที่ใช้คือใช้วัตถดุ ิบทม่ี คี ุณภาพ สด
สะอาด

22

ตารางที่ 3 ผลการประเมนิ โครงการด้านกระบวนการ

ผู้ประเมนิ ผลการประเมินโครงการด้านกระบวนการ
ผู้ประเมินคนท่ี 1 การจดั ทำสะอาดถูกหลกั อนามยั
ผปู้ ระเมินคนท่ี 2
ผปู้ ระเมนิ คนที่ 3 ดสู ะอาดนา่ กิน
ผู้ประเมนิ คนที่ 4 ขน้ั ตอนการทำมีการสวมถุงมือดูสะอาดถูกหลกั อนามยั
ผู้ประเมินคนที่ 5 มีการจัดทำที่ดูสะอาดและ package มฝี าปดิ ที่มดิ ชิด
ผู้ประเมนิ คนที่ 6 สะอาด
ผปู้ ระเมนิ คนท่ี 7 ข้นั ตอนทำสะอาดนา่ กิน
ผู้ประเมินคนที่ 8 ทำรวดเรว็ สะอาด ถกู หลกั อนามัย
ผปู้ ระเมินคนที่ 9 สะอาด
ผู้ประเมินคนท่ี 10 ขน้ั ตอนการทำสะอาดถูกหลักอนามยั
สะอาดพอใส่กล่องแลว้ ทำใหด้ ูสะอาดขน้ึ
สะอาดถูกหลกั อนามัย

สรุปผลการประเมนิ โครงการดา้ นดา้ นกระบวนการ ในขอ้ ที่ 1 การจัดทำสะอาดถกู หลักอนามัย โดย
จากข้อคำถามที่ใชใ้ นการประเมินโดยผู้ท่ีประเมินได้แสดงความคิดเห็นไปในทางเดยี วกันคอื ขนั้ ตอนในการทำดู
สะอาดและถูกหลักอนามยั

ตารางท่ี 4 ผลการประเมนิ โครงการด้านผลผลิต

ผู้ประเมนิ ผลการประเมนิ โครงการดา้ นผลผลติ
ผปู้ ระเมินคนที่ 1 รสชาติของแซนวิช
ผู้ประเมินคนท่ี 2
ผปู้ ระเมินคนท่ี 3 มคี วามจืดไม่ค่อยถงึ ซอสเทา่ ไหร่
ผปู้ ระเมนิ คนที่ 4 ได้ซอสนอ้ ยไปหนอ่ ยรสชาตไิ มค่ ่อยเข้ม
มรี สเปรี้ยวๆ หวานๆของมายองเนส อรอ่ ย
ผู้ประเมนิ คนที่ 5 ข้างบนรสชาติอรอ่ ยแต่ซอสไมถ่ ึงขา้ งลา่ งทำให้ข้างลา่ งไม่ค่อยออกรส
ผปู้ ระเมินคนท่ี 6 ออกชาติ
ผู้ประเมนิ คนที่ 7 จืดน่าจะต้องใส่ซอสเพ่มิ อกี นดิ
ผปู้ ระเมนิ คนท่ี 8 รสชาตดิ ีแต่ถา้ เพม่ิ ซอสมะเขือเทสนะจะอร่อยขึ้น
ผปู้ ระเมินคนท่ี 9 อรอ่ ยกนิ ง่ายไมเ่ ปรีย้ วมายองเนสเกนิ
ผปู้ ระเมนิ คนท่ี 10 อร่อยรสชาตกิ ำลังดีไมร่ สจัดเกินไป
คอ่ นขา้ งจดื ต้องใส่ซอสเพ่ิมให้ซอสเยอะกว่าน้ี
รสชาตดิ ีทานได้

สรปุ ผลการประเมินโครงการดา้ นผลผลิต ในข้อท่ี 1 รสชาติของแซนวชิ โดยจากข้อคำถามท่ีใช้ในการ
ประเมินโดยผทู้ ่ีประเมินได้แสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่ไปในทางรสชาติจดื รสชาติยงั ไม่ค่อยเข้มขน้ ควรเพมิ่ ซอส
เพ่ิมมากข้ึน

23

ผ้ปู ระเมนิ ผลการประเมินโครงการด้านผลผลิต
ผปู้ ระเมนิ คนที่ 1 ราคาและความคมุ้ ค่า
ผปู้ ระเมนิ คนที่ 2
ผ้ปู ระเมินคนท่ี 3 คุม้ อยู่
ผปู้ ระเมินคนที่ 4 คุม้ ดจู ากราคาของเดีย๋ วน้ี
ผปู้ ระเมินคนท่ี 5 ราคาถอื ว่าคมุ้ คา่ กับวตั ถดุ บิ และpackage ท่จี ัดใส่
ผปู้ ระเมินคนที่ 6 คมุ้ กับราคา
ผ้ปู ระเมนิ คนที่ 7 คมุ้
ผู้ประเมนิ คนท่ี 8 ราคาคุ้มกับการซอื้ กิน
ผู้ประเมนิ คนท่ี 9 คมุ้ กับราคาท่ีได้ซ้อื
ผ้ปู ระเมินคนท่ี 10 คุม้
ราคาสมเหตุสมผล
คมุ้ คา่ แลว้ กไ็ ม่แพงเกิน

สรุปผลการประเมินโครงการด้านผลผลิต ในขอ้ ที่ 2 ราคาและความค้มุ ค่าโดยจากข้อคำถามที่ใช้ใน
การประเมินโดยผทู้ ่ปี ระเมนิ ไดแ้ สดงความคิดเหน็ สว่ นใหญ่ราคาอยูใ่ นเกณฑท์ ่ีสมเหตสุ มผลคุ้มค่า

24

บทท่ี 5

สรุปผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ

การประเมินโครงการปลูกผักสลดั สู่การทำแซนวิชในรปู แบบการประเมินแบบ CIPP MODEL โดย
ประเมินในด้านสภาวะแวดล้อม (Context)ด้านปัจจัย (Input) ด้านกระบวนการ (Process) และด้าน
ผลผลิต(Product) เครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการประเมนิ การศึกษาครั้งนี้ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ การสังเกต การ
บันทึกภาพ แบบมีส่วนร่วม

1.1 การประเมินในด้านสภาวะแวดล้อม
สรุปผลการประเมินโครงการด้านสภาพแวดล้อม ความสวยงามของ Packaging จากข้อ

คำถามผปู้ ระเมินแสดงความคดิ เห็นไปในทางเดยี วกัน คอื Packaging ทใี่ สแ่ ซนวิชมคี วามสวยงามดูแลว้ มคี วาม
ทันสมัยทำให้ดึงดูดใจให้สนใจใหอ้ ยากซ้ือเพิ่มมากขึ้น ส่วนทางด้านความสะดวกในการทาน ผู้ท่ีได้ประเมินมี
ความคิดเห็นท่ีแตกต่างกันออกไปโดยความคิดเห็นส่วนมากมีปัญหาอยู่ท่ีตอนหยิบแซนวิชข้นึ มาจากกลอ่ งได้
คอ่ นขา้ งยาก

1.2 การประเมินด้านปจั จยั
สรปุ ผลการประเมินโครงการดา้ นด้านปัจจัย คุณภาพของวัตถุดิบท่ีใช้ โดยจากข้อคำถามท่ใี ช้

ในการประเมิน ผู้ประเมินได้แสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกนั คือวัตถดุ ิบที่ใช้คอื ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ สด
สะอาดและดี

1.3 การประเมนิ ด้านกระบวนการ
สรุปผลการประเมินโครงการด้านด้านกระบวนการ การจดั ทำสะอาดถูกหลกั อนามยั โดย

จากข้อคำถามท่ีใช้ในการประเมินโดยผู้ท่ีประเมินได้แสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกันคือขั้นตอนในการทำ
สะอาดและถกู หลักอนามัย

1.4 การประเมินด้านผลผลิต
สรุปผลการประเมนิ โครงการด้านผลผลติ รสชาติของแซนวชิ โดยจากขอ้ คำถามท่ี

ใช้ในการประเมินโดยผู้ท่ีประเมินได้แสดงความคิดเห็นส่วนใหญ่ไปในทางรสชาติจืดรสชาติยังไม่ค่อยเข้มข้น
ควรเพ่ิมซอสให้มากข้ึน ส่วนทางด้านราคาและความคุ้มค่าโดยจากข้อคำถามท่ีใช้ในการประเมินโดยผู้ที่
ประเมนิ ไดแ้ สดงความคดิ เห็นส่วนใหญ่ราคาอย่ใู นเกณฑ์ท่สี มเหตุสมผลและค้มุ คา่

สรุปผลการประเมนิ โครงการ

ผลการดำเนินโครงการหลังการดำเนินโครงปลุกผักสลัดสู่การทำแซนวิชสรุปได้ว่า Packagingที่ใช้มี
ความสวยงามแต่ยังไม่ค่อยสะดวกในการรับประทานมากนัก วัตถุดิบท่ีใช้มีคุณภาพดีสะอาด รสชาติยังไม่
เข้มข้นและราคาสมเหตสุ มผลคุ้มคา่

ปัญหา

1. ผู้ดำเนินโครงการ ไมไ่ ดศ้ ึกษาการปลกู ผักสลัดอยา่ งรอบคอบทำให้เกิดข้อผดิ พลาดในการวางแผน
ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องศกึ ษาหาขอ้ มูลให้ดีกว่าน้เี พือ่ ทีจ่ ะทำงานและวางแผนไดอ้ ย่างรอบคอบ

2. สภาพอากาศ เน่อื งจากผกั กาดหอเป็นผกั ทช่ี อบแดดแต่สภาพอากาศชว่ งนเี้ ป็นฤดูฝนทำให้ผักท่ีได้
ไมค่ ่อยได้รับแสงมากพอทำใหผ้ กั โตช้าเป็นอยา่ งมาก

25

ข้อเสนอแนะ

ขอ้ เสนอแนะสำหรบั นำผลการประเมินไปใช้ มีดังนค้ี อื
1. ในการวางแผนกำหนด การวางแผนการปฏบิ ตั ิงาน การประเมนิ และนำผลการประเมนิ มาพฒั นา
ปรบั ปรงุ
2. ตอ้ งชแี้ จงรายละเอยี ดโครงการให้ชัดเจนเพอื่ ท่จี ะดำเนนิ งานและปฏิบัติตามแผนงานได้อย่ามี
ประสทิ ธิภาพ
3. ผดู้ ำเนินโครงการจะมีการปรับปรุงรสชาติและความสะดวกในการทานเพม่ิ มากข้นึ เพ่อื ใหถ้ ูกปากคนท่ี
ทานและสวกทานใดท้ กุ ทีทุกเวลา

ข้อเสนอแนะสำหรับหัวขอ้ การประเมนิ ต่อไปคอื
3. ควรทำการศกึ ษาเกยี่ วกับโครงที่จะดำเนินการทำใหม้ ากขึ้น
4. ช้ีแจงรายละเอยี ดโครงการให้ชัดเจนมากขนึ้ และเข้าใจงา่ ย

26

บรรณานุกรม

กาญจนา วธั นสุนทร. 2551. การประยกุ ต์ใชร้ ูปแบบการประเมนิ CIPP ของสตัฟเฟิลบมี ในการประเมิน
โครงการทางการศึกษา. สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

ศูนย์ทดสอบและประเมินเพื่อพัฒนาการศกึ ษาและวิชาชพี . แนวคิดเก่ยี วกับการประเมนิ โครงการ. คณะครุ
ศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. ออนไลน์.
http://km.moi.go.th/km/32_quality_plan/evaluate/evaluate5_2.pdf. สบื คน้ เมือ่ 20
ตุลาคม 2564.

ศุภามณ จันทร์สกุล. (2557). ยุคสมยั ของการประเมินผลและแนวคิดทฤษฎีของนักประเมนิ . ฉบบั ท่ี 1
ประจำเดือนมกรา-มถิ นุ ายน 2557. วารสารวชิ าการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชยี ฉบับวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี

เกียรตพิ งษ์ อุดมธนะธรี ะ. (2561). หลักวงจรคุณภาพเดมมง่ิ “PDCA”. ออนไลน.์
https://www.iok2u.com/index.php/article/innovation/240-pdca-cycle-deming-cycle.
สบื คน้ เมอ่ื 20 ตุลาคม 2564

prasert rk. (2555). แนวคิดทฤฎคี วามพึงพอใจ ออนไลน์.
https://www.gotoknow.org/posts/492000. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2564

มูลนธิ ชิ ยั พฒั นา. (2560). แนวคิดเศรษฐกจิ พอเพยี ง. ออนไลน์.
https://www.chaipat.or.th/site_content/item/3579-2010-10-08-05-24-39.html . สืบค้นเมอื่ 20
ตลุ าคม 2564

27

ภาคผนวก ก
แบบสัมภาษณ์เพ่อื การประเมนิ ผล

28

คำชแี้ จง แบบประเมนิ
โครงการปลกู ผกั สลัดสู่การทำแซนวิช

*******************************************************************

แบบประเมินโครงการปลกู ผักสลดั ส่กู ารทำแซนวชิ มีจำนวน 3 ตอน ดังน้ี
ตอนท่ี 1 เป็นแบบสอบถามขอ้ มูลทวั่ ไปของผู้ตอบแบบสัมภาษณไ์ ด้แก่ เพศ อายุ รายไดโ้ ดย

เป็นแบบปลายเปดิ ใหเ้ ลือกตอบในชอ่ งทกี่ ำหนด
ตอนท่ี 2 เปน็ แบบสัมภาษณ์ประเมนิ โครงการโดยใช้แบบประเมนิ CIPP MODEL มี 4 ด้าน

จำนวน 6 ข้อ ดงั น้ี
1. สภาวะด้านแวดลอ้ ม ( Context ) จำนวน 2 ขอ้
2. ดา้ นปัจจยั ( Input ) จำนวน 1 ข้อ

3. ด้านกระบวนการ( Process ) จำนวน 1 ขอ้
4. ดา้ นผลผลิต ( Product ) จำนวน 2 ขอ้

โดยในทั้ง 4 ดา้ น ผู้ตอบสามารถเขียนได้อยา่ งอิสระ
ตอนที่ 3 ปัญหาหรอื ขอ้ เสนอแนะเกีย่ วกบั การดำเนินงานในการจดั ทำโครงการโดยเป็นแบบ
ปลายเปิดให้เลือกเขยี นบรรยายในการตอบ

29

แบบประเมนิ
โครงการปลกู ผักสลดั สูก่ ารทำแซนวชิ
*******************************************************************

ตอนที่ 1 ขอ้ มลู ทัว่ ไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม
เพศ ( ) ชาย ( ) หญงิ
อายุ .................. ปี
รายได้..........................................................................

ตอนท่ี 2 แบบสัมภาษณ์ประเมินโครงการปลกู ผักสลัดสู่การทำแซนวชิ โดยใชแ้ บบประเมนิ CIPP MODEL มี
4 ด้าน จำนวน 6 ข้อ
ดา้ นท่ี 1 การประเมนิ บรบิ ทหรือสภาวะแวดลอ้ ม
1.ความสวยงามของ Packaging
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
2.ความสะดวกในการทาน
............................................................................................................................. ..................... ..............
..................................................................................................................... ............................. ..............
.................................................................................................................... ......... ...................................
ดา้ นที่ 2 การประเมินปัจจัยเบอ้ื งตน้ ปัจจยั ปอ้ น
3.คณุ ภาพของวัตถุดบิ ท่ีใช้
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
ด้านท่ี 3 การประเมนิ กระบวนการ
4.การจัดทำสะอาดถูกหลกั อนามัย
.................................................................................................................. ........... ...................................
................................................................................................ ............................ ....................................

30

............................................................................................................................. ...................................

ด้านที่ 4 การประเมนิ ผลผลิต
5. รสชาติของแซนวิช
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
6. ราคาและความคมุ้ คา่
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................

ข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................... .................... .........

31

ภาคผนวก
ภาพการดำเนนิ กิจกรรม

32

เตรียมดนิ ในการเพาะผกั สลัด

นำเมล็ดไปแชน่ ้ำหน่ึงคืนจากนั้นนำมาลงดินเพอ่ื เพาะกลา้

33

แยกต้นกล้าลงกระถางและแปลงท่ีจะปลูก

34

35

36

ข้ันตอนการทำแซนวิช
เตรียมอปุ กรณ์

37

ลงมือทำแซนวชิ

38


Click to View FlipBook Version