คำนำ การจัดทำหลักสูตรอบรมการสื่อสารด้านอาชีพขึ้นเพื่อฝึกอบรมภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารด้าน อาชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ของสถานศึกษา และเพื่อให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ผ่านการอบรมตามโครงการ อบรมภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารด้านอาชีพ สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพ และดำเนินชีวิตประจำวันได้ต่อไป สกร.อำเภอวาปีปทุม จึงหวังว่าเอกสารเล่มนี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดกิจกรรม กศน. ทั้งในการ บริหารงาน การพัฒนางาน และการทำงานที่ตรงตามความต้องการของผู้เรียน ผู้รับบริการและชุมชนและสามารถ เผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ และขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและให้ความร่วมมือในการจัดทำ หลักสูตรอบรม ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารด้านอาชีพทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย สกร.อำเภอวาปีปทุม
สารบัญ เรื่อง หน้า เรื่องที่ ๑ การสนทนาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน 1 การแนะนำตนเอง (Introducing Oneself) 2 การแนะนำบุคคลอื่นให้รู้จักกัน 9 การถามอายุ 10 การถามน้ำหนักและส่วนสูง 10 การกล่าวลา (Leave Taking) 13 การสอบถามข้อมูลครอบครัว 15 เรื่องที่ ๒ การสอบถามอาชีพภาษาอังกฤษ (Occupation) การสอบถามอาชีพภาษาอังกฤษ (Occupation) 20 บทสนทนาภาษาอังกฤษ Shopping (การซื้อสินค้า) 22 บทสนทนาภาษาอังกฤษที่ร้านขายผักผลไม้ 27 การสนทนาการซื้อขายสินค้า 28 เรื่องที่ ๓ การสนทนาภาษาอังกฤษการถามทาง บอกทาง การสอบถามเส้นทาง 29 ข้อมูลนักท่องเที่ยวการหาที่พัก 30 การสนทนาภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการท่องเที่ยว 32 การสนทนาภาษาอังกฤษเกี่ยวกับชวนไปเที่ยวทะเล (Let’s go to the sea) 33 หมวดบทสนทนาทั่วไป (จองตั่วเครื่องบิน) 34 การสนทนาเกี่ยวกับ Taking a taxi (โดยสารรถแท็กซี่) 46 บรรณานุกรม 50 ผู้จัดทำ 51
ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน สำหรับการสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ในที่นี้ได้รวบรวมประโยคง่ายๆ ที่ขอบอกว่าถ้าท่องได้ ก็ ท่องเลย เพราะได้นำเอาสำนวน และประโยคที่คิดว่าจำเป็นสำหรับการสื่อสารกับบุค คลทั่วๆไปการเรียนรู้ภาษาอังกฤษสำหรับใช้สื่อสารในชีวิตประจำวันนั้น ควรจดจำประโยคหากินให้ได้อย่างน้อยหนึ่ง ประโยคต่อสถานการณ์ เช่น การทักทาย ถึงแม้จะมีหลากหลายรูปแบบแต่ทุกคนควรจดจำ รูปแบบที่คิดว่าง่ายๆ เอาไว้ สนทนาสักหนึ่งประโยค ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน มีดังต่อไปนี้ • การทักทายไม่เป็นทางการ • การทักทายอย่างเป็นทางการ • การถามทุกข์สุข • การกล่าวลา • การแนะนำตนเอง • การแนะนำเพื่อนๆ หรือบุคคลอื่นให้รู้จักกัน • การถาม-ตอบชื่อและนามสกุล • การถามอายุ • การถามน้ำหนักและส่วนสูง • การถามอาชีพ • การถามข้อมูลครอบครัว บทสนทนาคำทักทายภาษาอังกฤษ • A: Hello, my name is Sam. • เฮ็ลโล มายเนม อิส แซม • สวัสดี ชื่อ ของผม คือ แซม (ผมชื่อแซม) • B: Hey, I’m Jane. • เฮ้ ไอม เจน • หวัดี ฉัน คือ เจน (ฉันชื่อเจน)
• A: Nice to meet you. • ไนซ ทุ มีท ยู • ยินดี ที่ได้ พบ คุณ (ยินดีที่ได้รู้จัก) • B: Nice to meet you, too. • ไนซ ทุ มีท ยู ทู • ยินดี ที่ได้ พบ คุณ เช่นกัน (ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน) ภาษาน่ารู้ Hello ใช้ได้กับคนทั่วไป Hey ความหมายเหมือนกัน Hi แปลว่า หวัดดี เป็นคำทักทายประสาเด็กๆหรือวัยรุ่น Nice ความหมายทั่วไปหมายถึง ดี แต่ในที่นี้ให้แปลว่า ยินดี Nice to meet you เป็นการกล่าวแสดงความยินดีที่ได้รู้จักกัน ตามธรรมเนียมอันดีงาม คำศัพท์ที่ใช้ในการทักทาย hello เฮ็ลโล สวัสดี my มาย ของฉัน name เนม ชื่อ is * อิส เป็น อยู่ คือ hey เฮ้ หวัดดี I’m ** ไอม ฉัน คือ nice ไนซ ดี to ทู ที่ได้, ทีจะ, สู่ meet มีท พบ you ยู คุณ too ทู เช่นกัน * is ใช้กับประธานเอกพจน์ (คนเดียวตัวเดียว) ** I’m ย่อมาจาก I am (ไอ แอม) การทักทายคนที่รู้จักและถามทุกข์สุข Tom: Hello, Jane! How are you doing? เฮ็ลโล เจน ฮาว อา ยู ดู๊วิง สวัสดี เจน คุณ เป็น ไงบ้าง Jane: Hi, Tom! I’m fine, thanks. How about you? ไฮ ทอม ไอม ไฟน แธงส ฮาว อะเบ้า ยู หวัดดี ทอม ฉัน สบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ
Tom: I’m okay, thank you. Where are you going? ไอม โอเค แธงคิว แว อา ยู โก๊วิง ผม สบายดี ขอบคุณ คุณ กำลังจะไป ไหน Jane: I’m going to the library. Do you want to come? ไอม โก๊วิง ทู เดอะ ไล๊บระริ ดู ยู ว๊อนท ทู คัม ฉัน กำลังจะไป ห้องสมุด คุณไปไหม Tom: Sorry. My class starts in five munites. ซ๊อริ มาย คลาส สตาทส อิน ไฟฝ มินนิทส เสียใจด้วย ชั่วโมงเรียน ของผม จะเริ่ม ใน ห้านาที Jane: See you later. ซี ยู เล๊เทอะ ค่อยเจอกันนะ Tom: Goodbye. กุดบาย ลาก่อน
การทักทายอย่างเป็นทางการ ใช้กับคนที่เราให้ความเคารพ หรือ คนที่เราไม่สนิทเอาเสียเลย เช่น เจ้านาย แขกในร้านอาหาร โรงแรมหรือสถานที่ใดก็ตาม การทักทายอย่างเป็นทางการนี้จะมีการแบ่งช่วงเวลาอยู่ด้วยครับ ฉะนั้นก็ใช้ ให้ถูกด้วยแล้วกันว่าคำไหนใช้เวลาไหน Good morning. กุด ม๊อนิง สวัสดีดีตอนเช้า (สวัสดีตอนเช้า) เช้าถึงเที่ยง Good afternoon. กุด ด๊าฟเทอะนูน สวัสดีดีตอนบ่าย (สวัสดีตอนบ่าย) บ่ายถึงเย็น Good evening. กุด ด๊ฟนิง สวัสดีตอนเย็น (สวัสดีตอนเย็น) เย็นถึงดึกๆ การฝึกภาษาอังกฤษ และจดจำให้ได้ว่าคำไหนใช้ตอนไหนเวลาเอาไปใช้งานจริงๆ ก็จะตามชื่อบุคคลนั้นๆยกตัวอย่าง เช่น Good morning, Mr. Smith. กุด ม๊อนิง มิสเตอะ สมิธ (สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณสมิธ) Good morning, Mrs. Brown. กุด ม๊อนิง มิสซิส บราวน์ (สวัสดีตอนเช้าครับ คุณนายบราวน์) Good morning, Miss. White. กุด ม๊อนิง มิสไวท (สวัสดีตอนเช้าครับ คุณไวท์) แต่ถ้าเป็นแขกที่เราไม่รู้จัก จะใช้คำว่า sir (เซอ = คุณผู้ชาย) madam (แม๊เดิม = คุณผู้หญิง) เช่น Good afternoon, sir. กุด ด๊าฟเทอะนูน เซอะ (สวัสดีตอนบ่ายครับคุณผู้ชาย) Good evening, madam. กุด ดี๊ฝนิง แม๊เดิม (สวัสดีตอนเย็นครับ คุณผู้หญิง ประโยคภาษาอังกฤษ ใช้ในการทักทายแบบไม่เป็นทางการ • Hi ฮ๊าย หวัดดี • Hello เฮ็ลโล๊สวัสดี การนำไปใช้ ก็ให้ต่อท้ายด้วยชื่อของคนๆนั้น เช่น Hi, Jane. ฮ๊าย เจน หวัดดี เจน Hi, Sam. ฮ๊าย แซม หวัดดีแซม Hello, Mr. Tom. เฮ็ลโล๊ มิ๊สเตอ ทอม สวัสดีคุณทอม Hello, Susan. เฮ็ลโล๊ ซู๊ซัน สวัสดี ซูซาน
การแนะนำตนเอง (Introducing Oneself) การแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ ไม่ยากเย็น ให้เริ่มโดยการทักทายก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยบอก ว่าเราชื่ออะไร เป็นใคร มาจากไหน และแสดงความยินดีที่ได้รู้จัก แค่นี้ก็พอครับ ซึ่งการแนะนำตนเองก็มีแบบง่ายๆเป็น กันเอง และการแนะนำตนเองอย่างเป็นทางการ ซึ่งถ้าเราเป็นนักเรียนก็แนะนำแบบเป็นกันเองก็ได้ ส่วนการแนะนำตนเองอย่างเป็นทางการนั้น สำหรับนักธุรกิจและผู้นำระดับบิ๊กๆ แล้วกัน จำไว้ว่าควรประกอบด้วยสี่ส่วนคือ ทักทาย บอกชื่อ บอกข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย กล่าวแสดงความรู้สึกดีที่ได้เจอกัน สำนวนที่ใช้เหมาะกับหลายสถานการณ์เช่น • การแนะนําตัวเป็นภาษาอังกฤษหน้าชั้นเรียน • การแนะนําตัวเป็นภาษาอังกฤษในการสัมภาษณ์งาน • การแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษในการเข้าทำงานในสถานที่ใหม่ โดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมงานจากหลาย ประเทศ การแนะนำตนเองแบบเป็นกันเอง Hello. (ทักทาย) เฮ็ลโล๊ (สวัสดี) My name’s Tongdee. (บอกชื่อ) มาย เนมส ทองดี (ผมชื่อทองดี) I’m from Thailand. (ข้อมูลเพิ่มเติม) ไอม ฟรอม ไท๊แลนด (ผมมาจากประเทศไทย) I’m an exchange student. (ข้อมูลเพิ่มเติม) ไอม เมิน นิกซเช๊นจ สติ๊วเดินท (ผมเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน) Glad to meet you. (แสดงความยินดีที่ได้เจอกัน) แกลด ทะ มีท ชู (ดีใจที่ได้เจอกัน) การแนะนำตนเองแบบเป็นทางการ Good morning. (ทักทาย) กุด ม๊อนิง (อรุนสวัสดิ์ครับ) May I introduce myself? (ขออนุญาต เม๊ ยาย ยินทระดิ๊วซ มายเซ๊ลฟ (ผมขออนุญาตแนะนำตัวเองนะครับ) My name is Somchai Rakdee. (บอกชื่อ) มาย เนม มิส สมชาย รักดี (ผมชื่อสมชาย รักดี) I’m the marketing manager from ABC company. (ข้อมูลเพิ่มเติม) ไอม เดอะ ม๊าคิททิง แม๊นนิจเจอะ ฟรอม เอบีซี คั๊มพะนี (ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดจากบริษัทเอบีซี) Nice to meet you. (แสดงความยินดีที่ได้เจอกัน) ไนซ ทะ มีท ชู (ยินดีที่ได้รู้จัก) การเรียนภาษาอังกฤษให้เรียนแบบค่อยเป็นค่อยไป เดี๋ยวภาษาก็จะซึมซับเองโดยอัตโนมัติ
Where are you? บทสนทนาในตอนนี้เป็นการสนทนาเพื่อถามว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน Where are you? บทสนทนาในตอนนี้เป็นการสนทนาเพื่อถามว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน A: Where are you? แว อา ยู คุณ อยู่ ที่ไหน B: I’m at home? ไอม แอ็ท โฮม ฉัน อยู่ บ้าน B: Where are you? แว อา ยู คุณ อยู่ ที่ไหน
B: I’m at the park? ไอม แอ็ท เดอะ พาค ฉัน อยู่ ที่ สวน เราสามารถเปลี่ยนชื่อสถานที่จาก home และ the park เป็นอย่างอื่นก็ได้ คำศัพท์ คำอ่าน ความหมาย airport แอ๊พอท สนามบิน bank แบ๊งค ธนาคาร beauty salon บิ๊วทิ แซ๊ลอน ร้านเสริมสวย barber shop บ๊าเบอะ ชอพ ร้านตัดผม bookstore บุ๊คสตอ ร้านหนังสือ bus terminal บัส เท๊อมิเนิล สถานีรถโดยสาร cinema ซี๊นะเมอะ โรงหนัง college ค๊อลลิจ วิทยาลัย clothing store โคลธิง สตอ ร้านขายเสื้อผ้า department store ดิพ๊าทเมิน สตอ ห้าง flower shop ฟลาวเวอะ ชอพ ร้านดอกไม้ hospital ฮ๊อสปิเทิล โรงพยาบาล library ไล๊บริ ห้องสมุด market ม๊าคิท ตลาด museum มิ๊วเซียม พิภิธภัณฑ์ gas station แก๊ส สเต๊เชิน ปั๊มน้ำมัน pet store เพ็ทสตอ ร้านสัตว์เลี้ยง police station พลิ๊ส สเต๊เชิน สถานีตำรวจ post office โพสต ออฟฟิส ไปรษณีย์ การแนะนำบุคคลอื่นให้รู้จักกัน ประโยคการแนะนำเพื่อนๆ หรือบุคคลอื่นๆให้รู้จักกันก็มีทั้งแบบกันเอง และแบบทางการ การแนะนำเพื่อนๆ เราให้รู้จักกัน ก็ใช้แบบไม่เป็นทางการได้เลย ง่ายดี ส่วนการแนะนำบุคคลที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ มีตำแหน่งหน่อยก็ใช้ แบบเป็นทางการจะได้ดูสุภาพ
การแนะนำแบบเป็นกันเอง สมมติว่าเรารู้จักทั้งแดนและดี แต่สองคนนี้ไม่รู้จักกัน เราสามารถแนะนำได้ว่า Dan, this is Dee. Dee, this is Dan. แดน ดิส สิส ดี ดี ดิส สิส แดน แดน นี่คือดีดี นี่คือแดน เอาแบบนี้แหละง่ายดี หลังจากที่แนะนำแล้ว สองคนนี้ต้องแสดงความยินดีที่ได้รู้จักกัน โดยพูดว่า Nice to see you. ไนซ ทุ ซี ยู หรือจะพูดว่า Nice to meet you. ไนซ ทุ มีท ชู ก็ได้ สองสำนวนนี้แปลว่า ยินดีที่ได้รู้จัก การแนะนำอย่างเป็นทางการ ใช้กับผู้หลักผู้ใหญ่ หรือผู้มีตำแหน่งใหญ่โตหน่อย เราแนะนำว่า Mr. John, I’d like you to meet Mr. Jo. มิสเตอะ จอน ไอด ไลค ยู ทุ มีท มิสเตอะ โจ คุณจอห์นครับ ผมอยากให้ท่านรู้จักกับคุณโจครับ สองท่านนี้ก็ต้องแสดงความยินดีตามธรรมเนียมโดยพูดสำนวนนี้ทั้งสองท่านเลย ว่า How do you do? เฮา ดุ ยุ ดู แปลความได้ว่า ยินดีที่ได้รู้จัก นะครับ การถามอายุ การถามอายุถือว่าเป็นการถามเรื่องส่วนตัวมากๆ จะถามอายุได้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น เช่น หมอหรือพยาบาล สอบถามคนไข้ การสัมภาษณ์งาน การกรอกข้อมูลต่างๆ ไม่ควรถามเล่นๆ เพราะถือว่าเป็นการไม่สุภาพ สำนวนที่ใช้ถาม How old are you?ฮาว โว๊ล ดา ยู จริงๆแล้วประโยคนี้แปลว่า แก่อย่างไร คือ คุณ แต่แปลให้สละสลวยว่า คุณอายุเท่าไหร สำนวนที่ใช้ตอบ I’m twenty years old. ไอม เทว็๊นทิ เยีย โซลด แปลว่า ฉัน ยี่สิบ ปีแก่ ฟังแล้วขัดหูชอบกล แปลให้สละสลวยแล้วกันว่า ฉันอายุยี่สิบปี คำว่า twenty ก็เปลี่ยนเป็นตัวเลขที่เป็นอายุจริงของเรานะครับ
การถามน้ำหนักและส่วนสูง การถามน้ำหนักและส่วนสูง ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาคุยเล่น แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่ ต้องถาม เช่น คุณพยาบาลถามคนไข้ การสัมภาษณ์งาน ในกรณีที่ต้องการทราบน้ำหนักส่วนสูงเป็นต้น การถามน้ำหนัก How much do you weigh? ฮาว มัช ดุ ยุ เว๊ (คุณหนักเท่าไหร่) I weigh 50 kilograms. อาย เว ฟิฟทิ คิ๊เลอะแกรมส (ฉันหนัก 50 กิโลกรัม) การถามส่วนสูง How tall are you? ฮาว ทอล ลา ยู (คุณสูงเท่าไหร่) I’m 150 centimeters tall. ไอม วัน ฮั๊นเดริด ฟิ๊ฟทิ เซ็นทิมี๊เทอส ทอล ประโยคการถามทุกข์สุข ประโยคการถามทุกข์สุขที่ว่า สบายดีไหมนั้นเป็นของอังกฤษโดยแท้เลย เพราะในประเทศอังกฤษอากาศจะ แปรปรวน เปลี่ยนแปลงได้บ่อยไม่เลือกเวลา ในตอนเช้าอาจมีฝนตก สายมาหน่อยแดดเปรี้ยงๆ ก็ได้ ซึ่งประเทศเขาไม่มี ฤดูกาลชัดเจนอย่างบ้านเรา ซึ่งในบ้านเราฝนจะตกหน้าฝน แดดจะร้อนในหน้าร้อน และจะสังเกตเห็นว่าคนอังกฤษจะพกร่ม ติดตัวเป็นนิสัย บ่งบอกให้รู้ว่าอากาศของประเทศเขาเป็นอย่างไร มาดูประโยคที่ใช้ถามทุกข์สุขกันเลยครับ มีหลายตัว เอาไว้ ใช้งานแค่ตัวสองสามตัวแรกก็พอ ทั้งหมดนี้แปลได้ความว่าสบายดีไหมทั้งหมด คำแปลด้านล่างเป็นการแปลจากคำศัพท์ ส่วนในวงเล็บเป็นการแปลเล่นๆ
สำนวนเอาไว้ตอบว่าสบายดี สำนวนด้านล่างนี้แสดงว่าชีวิตไม่มีอะไรดีขึ้นหรือแย่ลง ชีวิตเช่นเดิม ส่วนสำนวนด้านล่างนี้เอาไว้ตอบว่าไม่สบาย How are you going? ฮาว วา ยู โก๊วิง คุณกำลังจะไปไหน How are you? ฮาว วา ยู คุณเป็นอย่างไรบ้าง How have you been? ฮาว แวฝ ยู บีน อย่างไร คุณ อยู่ (คุณเป็นอยู่อย่างไร) อันนี้นานๆ เจอกันที How’s everything? ฮาว เซฝริธิง อย่างไร คือ ทุกอย่าง (ทุกอย่างในชีวิคุณเป็น อย่างไร) l’m fine. ไอม ฟาย ฉัน สบายดี I’m good. ไอม กุด ฉัน ดี (ฉันสบายดี I’m O.K. ไอม โอ เค ฉัน โอเค So so. โซ โซ งั้น งั้น Not too bad. น็อท ทู แบด ไม่ เกินไป เลวร้าย (ไม่มีอะไรเลวร้าย) I’m not very well. ไอม น็อท เวริ เว็ล ฉัน ไม่ มาก สบายดี (ฉันไม่ สบายเท่าไหร่หรอก) I’ve got a headache. ไอฝ ก็อท อะ เฮดเดค ผม มี ปวดหัว (ผมมี อาการปวดหัว) I’ve got a toothache. ไอฝ ก็อท อะ ทุธ เอค ผม มี ปวดฟัน (ผมมีอาการปวดฟัน)
การกล่าวลา (Leave Taking) หลังจากที่ได้ทักทายกันแล้ว และพูดคุยกัน คำที่ใช้กล่าวลาก็มีเยอะเหมือนกัน จำไว้ใช้งานสักสองสามประโยค สำนวนกล่าวลาที่ไม่ระบุเวลา Goodbye. กุ๊ดบาย (ลาก่อน) Bye บาย (ลาก่อนเด้อ) See you then. ซี ยู เด็น (ค่อยเจอกันใหม่) See you later. ซี ยู เล๊เทอะ (ค่อยเจอกันใหม่) สำนวนกล่าวลาที่ระบุเวลาถ้าเรารู้ว่าจะเจอกันอีกครั้งเมื่อไหร่ ก็สามารถใช้สำนวนนี้ได้เลย See you….. ซี ยู …. (เจอกัน….) จะเจอกันตอนไหนก็เติมคำเอาเอง เช่น tomorrow ทุม๊อโร (พรุ่งนี้) next week เน็กซ วีค (สัปดาห์หน้า) next month เน็กซ มันธ (เดือนหน้า) next year เน็กซ เยีย (ปีหน้า) on Monday (ออน มันเดย์ วันจันทร์) on Tuesday (ออน ทิวสเดย์ วันอังคาร) และวันอื่นๆที่เหลือ อีกสำนวนหนึ่งที่นานๆฝรั่งจะใช้พูดกับคนไทย คือ Good day. กุ๊ด เดย์ ซึ่งตัดทอนมาจาก Have a good day. แฮฝ ฝะ กุ๊ด เดย์ (ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี) สำนวนเหล่านี้มีเยอะไว้เพื่อศึกษาเท่านั้น เวลาเอาไปใช้งานจริง แค่พูดว่า Goodbye ก็พอแล้วครับ What do you do? เป็นการกล่าวทิ้งท้ายก่อนกล่าวลา ซึ่งควรเป็นคำทิ้งท้ายว่าเรารู้สึกดีที่ได้พบปะสนทนากัน ดัง ตัวอย่าง • A: It was nice meeting you. อิท เวิส ไนซ มี๊ททิง ยู มัน ดี ที่ได้ รู้จัก คุณ (ยินดีที่ได้รู้จักกับคุณ) •ฺB: It was nice meeting you, too. Bye. อิท เวิส ไนซ มี๊ททิง ยู ทู บาย มัน ดี ที่ได้ รู้จัก คุณ เช่นกัน ลาก่อน
เกร็ดภาษาน่ารู้ Bye / Goodbye มีความหมายเหมือนกัน แต่ Goodbye ใช้กับคนทั่วไป ฟังดูดีมีสกุล Bye ใช้กับวัยเดียวกัน และคนสนิทนะครับ Nice to meet you. หมายถึง ยินดีที่ได้รู้จัก พูดทันทีที่ได้รู้จักชื่อเขา It was nice meeting you. หมายถึง ยินดีที่ได้พบกันและได้พูดคุยกัน ไว้กล่าวก่อนลา ถ้าขยายความเป็นไทยๆคือ ดีจังเลยที่ได้พบและรู้จักกับคุณ คำศัพท์ คำศัพท์ คำอ่าน ความหมาย it อิท มัน was* เวิส เป็น อยู่ คือ nice ไนซ ดี meeting ** มี๊ททิง พบ you ยู คุณ too ทู เช่นกัน goodbye กุ๊ดบาย ลาก่อน bye บาย ลาก่อน *was ช่องสองของ is บางครั้งก็ไม่ต้องแปล ** meeting มาจาก meet + ing
การสอบถามข้อมูลครอบครัว จำนวนสมาชิกในครอบครัวว่ามีกี่คน How many people are there in your family? เฮา เม็นนิ พี๊เพิล ลา แด ริน ยัว แฟ๊มลิ มี กี่คน ใน ครอบครัว ของคุณ (ครอบครัวคุณมีกี่คน) There are six people in my family. แด รา ซิกส พี๊เพิล ลิน มาย แฟ๊มลิ มี 6 คน ใน ครอบครัว ของผม Do you live with your parents? ดุ ยุ ลิฝ วิธ ยัว แพเริ๊นทส คุณ อาศัยอยู่ กับ พ่อแม่ ของคุณ ใช่ไหม Yes, I do. / No, I don’t. เย็ส ซาย ดู / โน วาย โด้นท ใช่แล้ว / ไม่ใช่ How many brothers and sisters do you have? ฮาว เม็นนิ บรัดเดอส เซิน ซิสเตอส ดุ ยุ แฮฝ คุณ มี พี่ชาย และ พี่สาว กี่ คน I have 2 brothers. อาย แฮฝ ทู บรัดเดอส ฉันมีพี่ชายสองคน หรือ I have 1 sister. อาย แฮฝ วัน ซิสเตอส ฉันมีพี่สาวหนึ่งคน หรือ I have 2 brothers and one sisters. อาย แฮฝ ทู บรัดเดอส เซิน วัน ซิสเตอ ฉัน มี พี่ชายสองคน และ พี่สาวหนึ่งคน I don’t have any brothers or sisters. อาย โดน แทฝ เฝ๊นิ บรัดเดอส ซอ ซิสเตอ ผมพี่สาวหรือน้องสาวเลย (ปล. brother คือพี่ชายหรือน้องชายก็ได้ sister คือพี่สาวหรือน้องสาวก็ได้)
What does your father do? ว็อท ดัส ยัว ฟ๊าเธอะ ดู พ่อ ของ คุณทำงาน อะไร My father is a doctor. มาย ฟ๊าเธอะ ริส สะ ด๊อคเธอะ พ่อ ของผม เป็น หมอ What is your mother’s job? ว็อท ทิส ยัว มัธเธอส จอบ งาน แม่ ของคุณ คือ อะไร She works in a bank. หล่อน ทำงาน ใน ธนาคาร บทสนทนาภาษาอังกฤษฉบับง่ายๆ ตอน How many people are there in your family? บทสนทนาในตอนนี้เป็นการสนทนาเพื่อถามว่า ในครอบครัวของคุณมีสมาชิกกี่คน A: How many people are there in your family? ฮาว เม็นนิ พี๊เพิล อา แด อิน ยัว แฟ๊มลิ ใน ครอบครัว ของคุณ มี กี่ คน B: There are five people. What about you? แด อา ไฟฝ พี๊เพิล ว็อท อะเบ๊า ยู มี ห้า คน แล้วคุณล่ะ เกร็ดภาษาน่ารู้ there แปลว่า ที่นั่น are แปลว่า เป็น อยู่ คือ แต่ there are แปลว่า มี how แปลว่า อย่างไร many แปลว่า มาก How many แปลว่า มากอย่างไร แปลเป็นไทยว่า มากแค่ ไหน หรือ กี่ What about………….. เป็นสำนวน แปลว่า แล้ว………..ล่ะ
คำศัพท์ คำศัพท์ คำอ่าน ความหมาย how ฮาว อย่างไร many เม็นนิ มาก people พี๊เพิล คน, ประชาชน are อา เป็น อยู่ คือ there แด ที่นั่น in อิน ใน your ยัว ของคุณ family แฟ๊มลิ ครอบครัว my มาย ของฉัน what ว็อท อะไร about อะเบ๊า เกี่ยวกับ, ประมาณ you ยู คุณ Who do you live with? บทสนทนาในตอนนี้เป็นการสนทนาเพื่อถามว่า คุณอาศัยอยู่กับใคร A: Who do you live with? ฮู ดู ยู ลิฝ วิธ คุณ อาศัยอยู่ กับ ใคร A: I live with my parents? ไอ ลิฝ วิธ มาย แพ๊เรินส ฉัน อาศัยอยู่ กับ พ่อแม่ ของฉัน B: Do you live with yourparents? ดู ยู ลิฝ วิธ ยัว แพ๊เรินส คุณ อาศัยอยู่ กับ พ่อ แม่ ใช่ไหม
เกร็ดภาษาน่ารู้ brother แปลว่า พี่ชาย หรือ น้องชาย ก็ได้เป็นคำกลางๆ sister แปลว่า พี่สาว หรือ น้องสาว ก็ได้แปลว่า เป็นคำกลางๆ ถ้าหลายคนก็เติม s ต่อท้าย brothers/ sisters ทั้งนี้ฝรั่งเขาไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ว่าเป็นพี่หรือเป็นน้อง แต่ถ้าอยากบอกว่าเป็นพี่หรือน้องก็ให้ใช้คำเหล่านี้younger อ่านว่า ยั๊งเกอะ แปลว่า อ่อนกว่า older อ่านว่า โอ๊ล เดอะ แปลว่า แก่กว่า elder อ่านว่า เอ็ลเดอะ แปลว่า แก่กว่า Jo, this is my younger sister. โจ นี่ คือ น้องสาว ของฉัน My older brother is at home. พี่ชาย ของฉัน อยู่ ที่ บ้าน Parents แปลว่า พ่อแม่แต่ถ้า parent (แพ๊เรินทึ) หมายถึง พ่อ หรือ แม่คนใดคนหนึ่ง คำศัพท์ คำศัพท์ คำอ่าน ความหมาย who ฮู ใคร do * ดู ทำ you ยู คุณ live ลิฝ อาศัยอยู่ with วิธ กับ I ไอ ฉัน my มาย ของฉัน parents แพ๊เรินส พ่อแม่ your ยัว ของคุณ no โน ไม่ brother บรั๊ดเดอะ พี่ชาย/น้องชาย * do แปลว่า ทำ แต่ในประโยคคำถามไม่ต้องแปล What is your sister’s name? บทสนทนาในตอนนี้เป็นการสนทนาเพื่อถามว่าพี่สาวของคุณชื่ออะไร และทำงาน อะไร A: What is your sister’s name? ว็อท อิส ยัว ซิสเตอส เนม ชื่อ ของ พี่สาว ของคุณ คือ อะไร (พี่สาวของคุณชื่ออะไร) A: Her name is Tracy. เฮอ เนม อิส เทร๊ซิ ชื่อ ของหล่อน คือ เทรซี่ (หล่อนชื่อเทรซี่)
เกร็ดภาษาน่ารู้ sister แปลว่า พี่สาว หรือ น้องสาว ก็ได้แปลว่า เป็นคำกลางๆ ถ้าหลายคนก็เติม s ต่อท้าย brothers/ sisters ทั้งนี้ฝรั่งเขาไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ว่าเป็นพี่หรือเป็นน้อง แต่ถ้าอยากบอกว่าเป็นพี่หรือน้องก็ให้ใช้คำ เหล่านี้younger อ่านว่า ยั๊งเกอะ แปลว่า อ่อนกว่า older อ่านว่า โอ๊ลเดอะ แปลว่า แก่กว่า elder อ่านว่า เอ็ล เดอะ แปลว่า แก่กว่า เช่น younger sister น้องสาว elder sister พี่สาว ‘s แปลว่า ของ ไม่ได้ย่อมาจาก is นะครับ หน้าตามันเป็นอย่างนี้แหละ เป็นคำที่แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น sister’s dog สุนัขของพี่สาว dad’s car รถยนต์ของพ่อ dog’s leg ขาของสุนัข ศึกษาเพิ่มเติม คำศัพท์เกี่ยวกับอาชีพคำศัพท์เกี่ยวกับสมาชิกครอบครัว คำศัพท์ คำศัพท์ คำอ่าน ความหมาย what ว็อท อะไร is อิส คือ your ยัว ของคุณ sister ซิสเตอะ พี่สาว, น้องสาว name เนม ชื่อ her เฮอ หล่อน, ของหล่อน does* ดัส ทำ she ชี หล่อน do** ดู ทำ doctor ด็อคเทอะ หมอ * does มาจากคำว่า do แต่ประธานคนเดียวกริยาเลยเติม es เข้าไป do/does แปลว่า ทำ แต่ในประโยคคำถามไม่ต้องแปล แต่ถ้ามี 2 ตัว ให้แปลตัวหลัง ** do ตัวหลัง แปลว่า ทำ What is your brother’s name? บทสนทนาในตอนนี้เป็นการสนทนาเพื่อถามข้อมูลคร่าวๆของพี่ชาย A: What is your brother’s name? ว็อท อิส ยัว บรั๊ดเดอส เนม ชื่อ ของ พี่ชาย ของคุณ คือ อะไร (พี่ชายของคุณชื่ออะไร) A: His name is William. ฮิส เนม อิส วิลเลียม ชื่อ ของเขา คือ วิลเลียม (เขาชื่อวิลเลี่ยม) B: What does he do? ว็อท ดัส ฮี ดู เขา ทำ(ทำงาน) อะไร
การสอบถามอาชีพภาษาอังกฤษ (Occupation) บทสนทนาภาษาอังกฤษถามเกี่ยวกับอาชีพ เขาทำ อาชีพอะไร เขาทำงานอะไรอยู่ เคยใช่ไหมที่เราอยากรู้จักอาชีพที่เขาทำอยู่ ว่าทำงานอะไร ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ หากเราต้องการถามอาชีพของเขา เราอาจใช้ประโยคภาษาอังกฤษเหล่านี้ในการสนทนากัน ซึ่งมีทั้งประโยคคำถามและ ประโยคที่ใช้ตอบคำถามเกี่ยวกับอาชีพของคุณ ตัวอย่างประโยคคำถามภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับอาชีพของคุณ ? What do you do? วอท ดู ยู ดู คุณทำงานอะไรครับ /ค่ะ What do you do for a living? วอท ดู ยู ดู ฟอร์ อะ ลีฟวิง คุณทำอาชีพอะไรครับ/ ค่ะ What are you doing now? วอท อาร์ ยู ดูอิง นาว ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่ครับ /ค่ะ What is your occupation? วอท อีส ยัวร์ ออคคิวเพเชิน อาชีพของคุณคืออะไรครับ /ค่ะ What’s your job? วอทส ยัวร์ จอบ คุณทำอาชีพอะไรครับ /ค่ะ เรื่องที่ 2 การสอบถามอาชีพภาษาอังกฤษ ( Occupation)
ตัวอย่างประโยคถาม-ตอบภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับอาชีพของคุณ เช่น What is your occupation? วอท อีส ยัวร์ ออคคิวเพเชิน อาชีพของคุณคืออะไรค่ะ My occupation is a driver. มาย ออคคิวเพเชิน อีส อะ ไดรเวอะ อาชีพของผมคือ พนักงานขับรถครับ What are you doing now? วอท อาร์ ยู ดูอิง นาว ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่ค่ะ I am now working as a freelance photographer. ไอ แอม นาว เวิร์คคิง แอส อะ ฟรีแลนซ ฟอทอกราฟเฟอร์ ตอนนี้ผมทำงานเป็นช่างภาพอิสระครับ ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ (Conversation) What do you do for a living? วอท ดู ยู ดู ฟอร์ อะ ลีฟวิง คุณทำอาชีพอะไรครับ I am an English teacher. ไอ แอม เอน อิงลิช ทีชเชีอร์ ฉันเป็นครูสอนภาษาอังกฤษค่ะ Where do you teach? แวร ดู ยู ทีช คุณสอนอยู่ที่ไหนครับ At Monovittaya school. แอท โมโนวิทยา สคูล ที่โรงเรียน โมโนวิทยาค่ะ คำถามที่ใช้ถามเกี่ยวกับอาชีพนั้นมีได้หลายคำถามนอกจากตัวอย่างประโยคข้างต้นแล้ว อาจสามารถ ถ้า ต้องการถามว่า คุณทำงานที่ไหน อาจถามด้วยประโยคภาษาอังกฤษแบบนี้ เช่น Where do you work? Who do you work for? Who is your employer? อย่างนี้เป็นต้น หากเราได้มีโอกาสได้สนทนากับชาวต่างชาติ เราคงกล้าที่จะถามอาชีพ หรืออยากรู้ว่าเขาทำงานอะไร หรือ ตอบเกี่ยวกับอาชีพ ด้วยภาษาอังกฤษกันแล้วนะ ด้วยประโยคสั้นๆเหล่านี้ คงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจในประโยค ที่ว่า การถามอาชีพภาษาอังกฤษ นั้นพูดว่าอย่างไร?? ถ้านึกไม่ออก ลองนำไปสนทนากันดูครับ
บทสนทนาภาษาอังกฤษ Shopping (การซื้อสินค้า) ประโยคต่อไปนี้เป็นประโยคสนทนาภาษาอังกฤษของเจ้าของร้านหรือผู้ขายเมื่อมีลูกค้าเข้ามาในร้าน จะมี ความหมายว่า ให้ฉันช่วยไหม ซึ่งมักใช้ถามลูกค้า เมื่อลูกค้าต้องการหาสินค้าที่ต้องการและรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น May I help you? เมย์ ไอ เฮลพ ยู (How) can I help you? (ฮาว) แคน ไอ เฮลพ ยู Do you want any help? ดู ยู วอนท เอนนี เฮลพ Do you need any help? ดู ยู นีด เอนนี เฮลพ Would you like any help? วูด ยู ไลค เอนนี เฮลพ Have you been helped? แฮฟว ยู บีน เฮลพท Anything can I do for you? เอนนีธิง แคน ไอ ดู ฟอร์ ยู What can I do for you? วอท แคน ไอ ดู ฟอร์ ยู ซึ่ง part นี้ จะแนะนำประโยคที่สนทนากันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย เช่นการถามความต้องการของลูกค้า การ บอกความต้องการสินค้าที่สนใจ กรณีขอดูสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ การลองสินค้าพวกเสื้อผ้าเป็นต้น Is there anything/something I can do for you? อีส แธร์ เอนนีธิง/ซัมธิง ไอ แคน ดู ฟอร์ ยู มีอะไรที่ฉันพอจะทำให้คุณได้บ้าง Yes, please. / No, thanks. เยส พลีซ / โน แธงคส มีครับ / ไม่มีครับ ขอบคุณ
ประโยคที่ผู้ขายใช้ถามความต้องการของลูกค้าสามารถนำไปใช้กับการนำเสนอสินค้าประเภทต่างๆ ได้ เช่น what would you like, sir? วอท วูด ยู ไลค เซอะ คุณต้องการซื้ออะไรค่ะ What are you looking for? วอท อาร์ ยู ลุคคิง ฟอร์ คุณกำลังมองหาอะไรอยู่ครับ Which one do you need? วิช วัน ดู ยู นีด คุณต้องการอันไหนครับ What kind do you want? วอท ไคนด ดู ยู วอนท คุณต้องการประเภทไหน What style do you prefer? วอท สไทล ดู ยู พรีเฟอะ คุณชอบรูปทรงแบบไหน What is your size? วอท อิส ยัวร์ ไซซ เบอร์อะไรครับ What size do you wear? วอท ไซซ ดู ยู แวร์ คุณใส่เบอร์อะไร What color do you prefer? วอท คัลเลอะ ดู ยู พรีเฟอะ คุณชอบสีอะไร What kind of… would you like? วอท ไคนด ออฟ… วูด ยู ไลค คุณชอบ…แบบไหนค่ะ What kind of… would you care for? วอท ไคนด ออฟ… วูด ยู แคร์ ฟอร์ คุณสนใจแบบไหนค่ะ What would you like to have? วอท วูด ยู ไลค ทู แฮฟว คุณต้องการจะซื้ออะไรครับ What brand do you have in mind? วอท แบรนด ดู ยู แฮฟว อิน ไมนด คุณอยากได้ยี่ห้ออะไร Would you take it? วูด ยู เทค อิท คุณจะซื้อไหมคะ
การบอกความต้องการในการเลือกซื้อสินค้าสามารถใช้ประโยชน์ต่างๆได้ตังต่อไปนี้ I would like… ไอ วูด ไลต… ผมอยากได้….ครับ I would like to buy… ไอ วูด ไลต ทู บาย… ฉันอยากจะซื้อ… ค่ะ I am looking for… ไอ แอม ลุคคิง ฟอร์… ผมกำลังมองหา…อยู่ครับ I need some… ไอ นีด ซัม… ฉันต้องการ…ค่ะ I will take it/this. ไอ วิล เทค อิท/ธิส ฉันอาอันนี้ I’m interested in buying… ไอม อินเทอะเรสทิด อิน บางอิง… ผมสนใจจะซื้อ …ครับ Can I see…on the shelf? แคน ไอ ซี…ออน เธอะ เชลฟ ผมขอดู…บนชั้นหน่อยครับ Let me have…please. เลท มี แฮฟว…พลีซ ขอ…ให้ฉันหน่อยค่ะ where can I find the…please? แวร์ แคน ไอ ไฟนด เธอะ…พลีซ ฉันจะหา…ได้จากที่ไหน Could you tell me where the…is? คูด ยู เทล มี แวร์ เธอะ…อีส บอกหน่อยได้ไหมว่า…อยู่ครงไหน Do you have? ดู ยู แฮฟว คุณมี …ไหม Do you sell…? ดู ยู เซล… คุณมี…ขายไหม Do you have any…? ดู ยู แฮฟว เอนนี… คุณพอจะมี….บ้างไหม Sorry, we don’t sell them. ซอรี วี โดนท เซล เธม เสียใจครับ เราไม่ได้ขายของพวกนั้น
หากในกรณีที่ยังไม่ต้องการซื้อสินค้า อาจสามารถใช้ประโยคต่อไปนี้ได้ I’m just looking. ไอม จัสท ลุคคิง ขอดูก่อน I want to have a look first. ไอ วอนท ทู แฮฟว อะ ลุค เฟิร์สท ขอดูก่อน I’m just browsing, thanks. ไอม จัสท เบราซิง แธงคส ผมแค่ดูเฉยๆ ขอบคุณครับ I just want to look around. ไอ จัสท วอนท ทู ลุค อะเรานด ฉันขอเดินดูรอบๆ ก่อน We just want to have a look. วี จัสท วอนท ทู แฮฟว อะ ลุค เราแค่ต้องการเดินดูก่อนครับ การสนทนาเกี่ยวกับการลองเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย Can I try it on? แคน ไอ ไทร อิท ออน ขอลองหน่อยได้ไหมครับ Could I try this on? คูด ไอ ไทร ธิส ออน ขอลองอันนี้หน่อยได้ไหม Where’s the fitting room? แวร์ส เธอะ ฟิททิง รูม ห้องลองเสื้ออยู่ที่ไหน Do you haver a fitting room? ดู ยู แฮฟว อะ ฟิททิง รูม มีห้องลองเสื้อผ้าไหม Do you have this in a size…? ดู ยู แฮฟว ธิส อิน อะ ไซซ คุณมีแบบนี้/พวกนี้ เบอร์…ไหม Have you got this in a smaller/ larger size? แฮฟว ยู กอท ธิส อิน อะ สมอล เลอะ/ลาร์จเจอะ ไซซ คุณมีแบบนี้แต่ไซส์ เล็ก/ใหญ่ กว่านี้ ไหม
การสนทนาเกี่ยวกับการลองเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ( ต่อ ) Does this come in other colors? ดาส ธิส คัม อิน อัธเธอะ คัลเลอะส แบบนี้มีสีอื่นๆ ไหม Do you have this in other sizes? ดู ยู แฮฟว ธิส อิน อัธเธอะ ไซซิส แบบนี้มีเบอร์อื่นไหมครับ Do you have any of these in stock? ดู ยู แฮฟว เอนนี ออฟ ธีส อิน สทอค คุณมีแบบนี้ในสต๊อคเหลืออยู่ บ้างไหม What size are you? วอท ไซซ อาร์ ยู คุณใส่เบอร์อะไร I take a size… ไอ เทค อะ ไซซ… ฉันใส่เบอร์… Do you want to try it on? ดู ยู วอนท ทู ไทร อิท ออน คุณต้องการลองใส่ไหม Does it fit well? ดาส อิท ฟิท เวล ใส่พอดีไหม Is that a good fit? อีส แธท อะ กูด ฟิท ใส่พอดีไหม It’s just right. อิทส จัสท ไรท พอดีแล้ว It doesn’t fit. อิท ดัซซึนท ฟิท ไม่พอดี A little tight. อะ ลิทเทิล ไทท คับไปหน่อย A little loose. อะ ลิทเเทิล ลูส หลวมไปหน่อย It’s much too big. อิทส มัช ทู บิก ใหญ่เกินไป
บทสนทนาภาษาอังกฤษที่ร้านขายผักผลไม้ บทสนทนาภาษาอังกฤษที่ร้านขายผักผลไม้กล่าวถึงการสนทนาภาษาอังกฤษระหว่างพนักงานขายผลไม้หรือแม้ค้า พ่อค้าขายผลไม้กับลูกค้าที่ต้องการมาซื้อส้มกับมังคุดบทสนทนาของพวกเขาจะเป็นอย่างไรบ้างดูรายละเอียดการสนทนา เรื่องนี้ได้ที่ด้านล่างครับ บทสนทนาภาษาอังกฤษที่ร้านขายผักผลไม้พนักงานขายผลไม้ May I help you? เมยฺ ไอ เฮลพฺ ยู? (มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?)ลูกค้า Yes, please. I would like to have some oranges. เยส พลีส ไอ วุด ไลคฺ ทู แฮฟวฺ ซัม โอเรนจิส (ค่ะ ดิฉันอยากซื้อส้มสักหน่อยค่ะ) พนักงานขายผลไม้ How many oranges would you like? ฮาว แมนนิ โอเรนจิส วุด ยู ไลคฺ? (คุณต้องการส้มเท่าไหร่ครับ?) ลูกค้า I would like to have two kilos. How much does it cost? ไอ วุด ไลคฺ ทู แฮฟว ทู กิโลสฺ ฮาว มัฃ ดัดซฺ อิท คอสทฺ? (ฉันต้องการ 2 กิโลค่ะ ราคาเท่าไหร่คะ?) พนักงานขายผลไม้ Here you are eighty baht. Is there anything else? เฮียรฺ ยู อารฺ เอทติ บาท อิซ แดรฺ เอนนิธิง เอลสฺ? (ได้แล้วครับ แปดสิบบาทครับ คุณต้องการอย่างอื่นอีกไหมครับ?) ลูกค้า I also want to buy some mangosteens. ไอ ออลโซ วอนทฺ ทู บาย ซัม แมงกะสฺทีนสฺ (ฉันอยากได้มังคุดสักหน่อยด้วยค่ะ) พนักงานขายผลไม้ How many mangosteens would you like? ฮาว แมนนิ แมงกะสฺทีนสฺ วุด ยู ไลคฺ? (คุณต้องการมังคุดเท่าไหร่ครับ?) ลูกค้า Two kilos please. How much is it? ทู กิโลสฺ พลีส ฮาว มัช อิซ อิท? (สองกิโลค่ะ เท่าไหร่คะ?)
พนักงานขายผลไม้ Sixty baht,madam. Is there anything else? ซิกธิ บาท แมดเดิม อิซ แดรฺ เอนนิธิง เอลสฺ? (60 บาทครับ ต้องการอย่างอื่นอีกไหมครับ?) ลูกค้า No, those are all. Here is the money. โน โดซ อารฺ ออล เฮียรฺ อิซ เดอะ มันนี (ไม่ล่ะค่ะ เท่านั้นแหละค่ะ นี่เงินค่ะ) พนักงานขายผลไม้ Here is your change. Thank you. เฮียรฺ อิซ ยัวรฺ เชนจฺ แธงคฺ กิว (นี่เงินทอนครับ ขอบคุณนะครับ) ลูกค้า Thank you. แธงคฺ กิว ขอบคุณค่ะ การสนทนาการซื้อขายสินค้า บทสนทนาเกี่ยวกับขอลดราคา และการจ่ายเงินAsking for discount and making payment ขอลดราคาและการจ่ายเงิน · How much is it? (ราคาเท่าไหร่ครับ) · How much does it cost? (ราคาเท่าไหร่ครับ) · How much is it altogether? (รวมทั้งหมดราคาเท่าไหร่คะ) · Could (หรือ can)you give me a discount? (ลดราคาให้หน่อยได้ไหมคะ) · Would (could) you give me discount for cash? (ลดราคาให้หน่อยได้ไหมถ้าจ่ายเงินสด) · Do you have anything cheaper? (มีอะไรที่ถูกกว่านี้ไหม) · That’s beyond my budget. (ราคานี้เกินงบผมนะ) · Can I get a discount? (ลดราคาให้ผมได้บ้างไหม) · How much do you think you can pay? (คุณคิดว่าคุณสามารถจ่ายได้เท่าไหร่ครับ) · Could (can) you come down on the price?(ลดราคาบ้างได้ไหม) · Could (can) you give me special price?(ขายให้ผมราคาพิเศษได้ไหม) · Could (can) you lower the price? (ช่วยลดให้หน่อยนะคะ) · Can (could) you give me a reduction? (ลดราคาให้หน่อยได้ไหม) · Is it on sale now? (ตอนนี้ลดราคาอยู่หรือเปล่าครับ) · Does it include tax? (ราคานี้รวมภาษีหรือยังครับ) · I’ll give a 20% discount.(ชั้นจะลดให้คุณ 20% นะ) · How would you pay,cash or credit card? (คุณจะจ่ายแบบไหนครับเงินสดหรือบัตรเครดิต) · Put it on my Visa card,please. (ชั้นจ่ายโดยบัตรวีซ่าค่ะ) · Could (can) I use my traveler’s check? (ผมใช้-จ่าย-เช็คเดินทางได้ไหม) · Can (may) I get (หรือhave) a receipt (รี-ซีท),please? (ชั้นขอใบเสร็จด้วยนะ)
การสอบถามเส้นทาง - Excuse me, could you tell me how to get to …? = ขอโทษนะครับ/คะ คุณพอจะบอกได้ ไหมว่าจะไป…ได้อย่างไร - Excuse me, do you know where the … is? = ขอโทษนะครับ/คะ คุณทราบไหมว่า…อยู่ที่ ไหน - I’m looking for … = ฉันกำลังหา… - Is this the right way for …? = ทางนี้ไป…ใช่ไหม - the bus station = สถานีรถโดยสาร - the bus stop = ป้ายรถเมล์ - this address = ที่อยู่นี้ - Can you show me on the map? = ช่วยบอกทางฉันบนแผนที่ได้ไหม - I’m sorry, I don’t know = ขอโทษครับ/ค่ะ ฉันไม่ทราบ - Sorry, I’m not from around here = ขอโทษครับ/ค่ะ ฉันไม่ใช่คนแถวนี้ - You’re going the wrong way = คุณกำลังไปผิดทาง - Take this road = ไปตามถนนนี้ - Take the first on the left = แยกแรกให้เลี้ยวซ้าย - Take the second on the right = แยกที่สองให้เลี้ยวขวา - Turn right at the crossroads = ถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวา - Turn right at the T-junction = เลี้ยวขวาที่ทางสามแยก - Go down there = ไปทางนั้น - Go under the bridge = ลอดใต้สะพาน เรื่องที่ 3 การสนทนาภาษาอังกฤษการถามทาง บอกทาง
- Go over the bridge = ข้ามสะพาน - Go over the roundabout = เข้าไปในวงเวียน - You’ll cross some railway lines = คุณจะข้ามทางรถไฟ - It’ll be … = แล้ว … จะอยู่ - on your left = ทางซ้ายของคุณ - on your right = ทางขวาของคุณ - straight ahead of you = อยู่ตรงหน้าคุณ การให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวการหาที่พัก - We’re looking for accommodation เรากำลังมองหาที่พัก - We need somewhere to stay เราต้องการที่พัก - Do you have a list of …? คุณมีรายชื่อ…ไหม - hotels โรงแรม - B&Bs (คำย่อของ bed and breakfasts) ห้องพักพร้อมอาหารเช้า - youth hostels ห้องพักราคาถูกสำหรับเยาวชน - campsites สถานที่ตั้งแคมป์ - What sort of accommodation are you looking for? คุณกำลังมองหาที่พักแบบไหน - Can you book accommodation for me? คุณจะช่วยจองที่พักให้ดิฉัน/ผมได้ไหม - Do you have a map of the …? คุณมีแผนที่…ไหม - city เมืองใหญ่ - town เมืองเล็ก - Where’s the …? …อยู่ที่ไหน - city centre กลางเมือง - art gallery สถานที่แสดงศิลปะ - museum พิพิธภัณฑ์ - main shopping area ร้านค้า - market ตลาด - railway station สถานีรถไฟ -What’s the best way of getting around the city? เที่ยวรอบเมืองใช้ทางไหนดีที่สุด -Where can I hire a car? ฉันจะเช่ารถได้ที่ไหน เหตุการณ์และกิจกรรมต่างๆ - What are you interested in? คุณสนใจอะไร - Are there any … on at the moment? ตอนนี้ที่นั่นมี…ไหม - exhibitions นิทรรศการ - cultural events งานแสดงวัฒนธรรม - sporting events งานกีฬา - Are there any …? ที่นั่นมี…ไหม - excursions การเดินทางระยะสั้น
- tours ทัวร์ - day trips การเที่ยวแบบ 1 วัน - Is there a city tour? ที่นั่นมีทัวร์รอบเมืองไหม - Could you tell us what’s on at the …? ช่วยบอกเราหน่อยได้ไหมว่ามีอะไรที่… - cinema โรงภาพยนตร์ - theatre โรงละคร - concert hall ห้องแสดงคอนเสิร์ต - opera house โรงอุปรากร - Can I book tickets here? ฉันสามารถจองตั๋วที่นี่ได้ไหม - Do you have any brochures on …? คุณมีโบรชัวร์เกี่ยวกับ…ไหม - local attractions สถานที่ท่องเที่ยวท้องถิ่น - Can you recommend a good restaurant? ช่วยแนะนำร้านอาหารดีๆ ให้ได้ไหม
การสนทนาภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การท่องเที่ยว คิดไทย Speak English อ่านว่า เราจะไปไหนกันดี Where are we going? แวร์อาร์วีโกอิง คุณกำลังจะไปไหน Where are you going to? แวร์อาร์ยูโกอิ่ง ทู คุณเดินทางโดยใช้รถตู้ใช่ไหม Are you going by van? อาร์ยูโกอิง บาย แวน คุณได้ไปหัวหินมาหรือเปล่า Did you go to Hua Hin? ดิด ยูโก ทูหัวหิน คุณเคยไปหัวหินไหม Have you ever been to Hua Hin? แฮฟ ยูเอฟเวอร์บีน ทูหัวหิน คุณกำลังจะไปหัวหินใช่ไหม Are you going to Hua Hin? อาร์ยูโกอิ่ง ทูหัวหิน คุณชอบเที่ยวที่ไหน Do you like to travel? ดูยูไลค ทูแทรฟเวิล คุณท่องเที่ยวบ่อยไหม Do you travel a lot? ดูยูทราเวล อะ ล็อด คุณไปหัวหินบ่อยแค่ไหน How often have you been Hua Hin? ฮาวออฟเฟิน แฮฟ ยูบีน หัวหิน คุณไปเที่ยวที่ไหนในวันหยุดที่ผ่าน มา Where did you spend your last vocation? แวร์ดิด ยูสเพน ยัวร์ลาส โวเคชั่น คุณเคยเดินทางไปกี่ประเทศแล้ว How many country have you been to? ฮาว เมนี่ คันทรีแฮฟ ยูบีน ทู *******************************************************************************************************
บทสนทนาภาษาอังกฤษเกี่ยวกับชวนไปเที่ยวทะเล (Let’s go to the sea) ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ ชวนไปเที่ยวทะเล Let’s go to the sea. เลทส โก ทู เดอะ ซี ไปทะเลกันเถอะ I’d love to. ไอ เลิฟ ทู ได้สิ What will you do this holiday? ว็อท วิล ยู ดู ดิส ฮอลิเดย์ วันหยุดนี้คุณจะทำอะไร Where do you like to go? แวร์ ดู ยู ไลค ทู โก คุณชอบไปเที่ยวที่ไหนเหรอ Which one are you thinking about? วิช วัน อาร์ ยู ธิคคิง อะเบาท เธออยากไปที่ไหนล่ะ I wanted to go to Bangsan. ไอ วอนทด ทู โก ทู บางแสน ฉันอยากไปบางแสน Did you sleep well last night? ดิด ยู สลีพ เวล ลาส ไนท์ เมื่อคืนคุณหลับสบายหรือป่าว
หมวดบทสนทนาทั่วไป (จองตั่วเครื่องบิน) บทสนทนาเกี่ยวกับ Making a plane ticket reservation(เรซ-เซอร์-เว้-เชิ่น)(จองตั่วเครื่องบิน) - I would like to reserve a flight to Tokyo, Japan.(ผมอยากจองเที่ยวบินไปโตเกียวครับ) - I would like to make a reservation for a flight to Tokyo, Japan. (ผมอยากจองเที่ยวบินไป โตเกียวครับ) - Are there any flights available to London on January 5th ?(มีเที่ยวบินไปลอนดอนวันที่ห้าเดือน มกราคมไหมครับ) - Are there any flights to New York on Friday?(มีเที่ยวบินไปนิวยอร์ควันศุกร์ไหมคะ) - Is there a plane for Taiwan today?(มีเครื่องบินไปไต้หวันหรือเปล่าวันนี้) - Are there any chartered flights to Seattle on Monday?(มีเครื่องบินเช่าไปซีแอตเติ้ลวันจันทร์หรือ เปล่า) - I would like to buy/book a ticket to Chiang Mai, please.(ชั้นอยากจะซื้อ / จองตั๋วไปเฃียงหม่ค่ะ) - Can I book a seat on your flight to Phuket? (ชั้นขอจองที่นั่งเที่ยวบินไปภูเก็ตค่ะ) - Have you got any seats on your flight to Manila?(คุณมีที่นั่งเที่ยวบินไปมะนิลาไหมครับ) - Are there economy-class or business-class seats available?(ยังมีที่นั่งชั้นประหยัดหรือชั้นธุรกิจ เหลือ – ว่าง - หรือเปล่า) - Do you have any other flights?(คุณมีเที่ยวบินอื่นไหมคะ) - I would like to reconfirm my reservation, please.(ชั้นอยากยืนยันการจองค่ะ) - Your reservation is confirmed.(การจองต๋วของคุณได้รับการยืนยันแล้วค่ะ) - By what time do I have to check in?(ผมต้องเช็คอินกี่โมงครับ) - What is your flight number, sir?(เที่ยวบินหมายเลขอะไรคะ) - · What flight do you have from New York to Boston?(คุณมีเที่ยวบินอะไรบ้างจากนิวยอร์คไป บอสตัน) - Do you have a flight from Bangkok to London this weekend?(คุณมีเที่ยวบินจากกรุงเทพไป ลอนดอนสุดสัป่ดาห์นี้หรือเปล่าครับ) - I want to make a reservation for two to San Francisco.(ผมต้องการจองตั๋วสองที่นั่งไปซานฟราน ซิสโกครับ) - I’m sure that I definitely made a reservation.(ผมมั่นใจว่าผมจองตั๋วแล้วแน่นอนครับ) - I’ve got an open ticket.(ผมมีตั๋วเปิด – ยังไม่ระบุวันเดินทางไปกลับที่แน่นอน – ครับ) - I’ve got a return ticket.(ชั้นมีตั๋วเดินทางกลับแล้วค่ะ) - Do you have a direct flight to Paris on week-end?(คุณมีเที่ยวบินบินตรงไปปารีสวันสุดสัปดาห์ หริอเปล่า) - I want to get to Sydney on the 12th of January. Do you have a flight on that day?(ผม ต้องการเดินทางไปซิดนี่ย์วันที่สิบสองเดือนมกราคม คุณมีเที่ยวบินวันนั้นไหมคะ)
คำถามคำตอบจากเจ้าหน้าที่สายการบิน - When would you like to fly (travel, leave)?(คุณต้องการเดินทางเมื่อใดคะ) - When do you want to make your trip?(ต้องการเดินทางเมื่อใดคะ) - When will you be leaving?(คุณจะเดินทางเมื่อใดคะ - When would you like to come back?(คุณต้องการเดินทางกลับเมื่อใดคะ) - What is your departure and return date? (คุณเดินทางไปและกลับวันใดคะ) - One-way or round-trip ticket, sir?(ต้องการตั๋วเที่ยวเดียวหรือไปกลับคะ) - I’m sorry, all tickets have been booked.(เสียใจค่ะ ตั๋วจองเต็มหมดแล้ว) - I’m sorry, it is fully booked.(เสียใจค่ะ ที่นั่งจองเต็มแล้วค่ะ) - I’m sorry, we’re fully booked.(เสียใจค่ะ ที่นั่งจองเต็มแล้วค่ะ) - I’m sorry, the tickets for that flight are sold out. (เสียใจค่ะ ตั๋วสำหรับเที่ยวบินนั้นขาย หมดเกลี้ยงแล้ว) - I’m sorry, there are no business-class seats available for you. (เสียใจค่ะ ไม่มีที่นั่งชั้น ธุรกิจเหลืออีกแล้วค่ะ) - What class would you prefer, ma’am?(คุณต้องการโดยสารชั้นไหนคะ คุณนาย) - Economy class or business class?(ชั้นประหยัดหรือธุรกิจคะ) - Economy or business?(ชั้นประหยัดหรือธุรกิจคะ) - Which airline would you like? / What airline would you prefer?(คุณต้องการเดินทาง โดยสารการบินไหนคะ) - What airlines would (do) you want to fly with?(คุณต้องการบิน – เดินทาง – กับสายการ บินไหนคะ) - Let me see if (whether) it is available.(ขอให้ดิฉันเช็คดูก่อนนะคะว่ามีที่นั่งว่างหรือเปล่า คำขอร้องจากลูกค้า– ผู้โดยสาร - Can I see timetable, please?(ผมขอดูตารางเวลาเดินทางหน่อยได้ไหมครับ) - How much luggage can I take with me?(ผมเอากระเป๋าขึ้นเครื่องได้เท่าใดครับ) - How much baggage can I carry on (with me)? (ผมเอาสัมภาระ – กระเป๋า – ติดตัวไปได้ เท่าใดครับ) - Could you put me on a waiting list?(กรุณาใส่ชื่อผมไว้ในบัญชีสำรอง – ผู้โดยสาร – ด้วย ครับ) - Could (may) I have an open-date return? (ผมขอตั๋วเที่ยวกลับเปิดว่างไว้ได้ไหมครับ คือยัง ไม่ระบุวันกลับที่แน่นอน) - I would like an aisle(ไอ๊-เอิ้ล)seat / a window seat, please. (ผมอยากได้ที่นั่งริมทางเดิน/ ริมหน้าต่างครับ) - I would like a seat near the walkway.(ผมอยากได้ที่นั่งใกล้ทางเดิน/ริมทางเดิน ครับ) - May (could) I have a seat near the window?(ผมขอที่นั่งใกล้หน้าต่าง / ริมหน้าต่างนะ) - May (could) I have a seat near the walkway?(ผมขอที่นั่งใกล้ทางเดินนะ) - May (could) I sit near the window / walkway, please?(ผมขอนั่งใกล้– ริม - หน้าต่าง/ ทางเดิน นะครับ)
- May (could) I have a front row seat?(ชั้นขอที่นั่งแถวหน้าๆ – ตอนหน้าๆ – ของเครืองบิน นะ) - May (could) I sit at the back of the plane?(ขั้นขอที่นั่งด้าน – แถว – หลังเครื่องบินนะ) - How long does (will) the flight take?(ใช้เวลาบินกี่ชั่วโมงเนี่ย) - How long is this flight?(เที่ยวบินนี้ใช้เวลาบินกี่ชั่วโมงคะ) - I prefer a morning flight / night flight.(ผมอยากได้เที่ยวบินตอนเช้า/ตอนกลางคืน ครับ) - Can I have a special meal request?(ผมขออาหารชนิดพิเศษได้ไหมครับ) - What time am I supposed to check in?(ผมต้องเช็คอินตอนกี่โมงครับ) - What time should I check in?(ผมต้องเช็คอินตอนกี่โมงครับ) - May I have a seat near the walkway because I have a problem with my stomach(สทั้ม-มัค)? (ผมขอที่นั่งใกล้ทางเดินนะเพราะผมมีปัญหากับท้องของผม – คือต้องเข้า ห้องน้ำบ่อย) - Can I have an aisle(ไอ๊-เอิ้ล) seat because I have to go to the restroom very often?(ชั้นขอที่นั่งริมทางเดินนะเพราะชั้นต้องเข้าห้องน้ำบ่อย) - May I get (collect) my ticket now? (ชั้นขอรับตั๋วไปตอนนี้เลยได้ไหม) On the plane (บนเครื่องบิน) - Could (can) you show me to my seat, please?(ช่อยนำผมเข้าที่นั่งได้ไหม คุณแอร์โฮสเตส) - Could you help me (to) find my seat, please?(กรุณาหาที่นั่งให้ผมหน่อยครับ) - What is your seat number?(เก้าอี้ของคุณหมายเลขอะไรคะ) - I’m looking for the seat number 12J.(ผมกำลังมองหาเก้าอี้หมายเลข 12J ครับ) - Where is my seat?(ที่นั่งผมอยู่ตรงไหนครับ) - May I see your boarding pass?(ขอดิฉันดูบัตรผ่านขึ้นเครื่องของคุณหน่อยค่ะ) - This way, please. (เชิญทางนี้ค่ะ – เดินมาทางนี้ค่ะ - Your seat is the sixth row near the walkway.(ที่นั่งของคุณอยู่แถวที่หกติดริมทางเดินครับ) - Could you help me put my bag in the overhead compartment? (กรุณาช่วยชั้นเอา กระเป๋าใส่ในช่องเก็บของเหนือศรีษะได้ไหมคะ) - Could you please explain how to fasten the seat belt?(โปรดช่วยอธิบายวิธีรัดเข็มขัดติด กับที่นั่งหน่อยครับ) - May (could) I move to a vacant (unoccupied) seat?(ผมขอย้ายไปนั่งตรงที่นั่งที่ว่างอยู่ได้ ไหมครับ) - May (can) I change my seat?(ชั้นขอเปลี่ยนที่นั่งได้ไหมคะ แอร์โฮสเตส) - Could (can) I put my seat back? (ผมขอเอนเก้าอี้ไปข้างหลังได้ไหมครับ) - Do you mind changing your seat with me? (คุณจะว่าอะไรไหมครับถ้าผมจะขอแลกที่นั่ง ด้วย) - Would you give me a blanket, please?(ชั้นขอผ้าห่มผืนหนึ่งนะ แอร์โฮสเตส) - May I have a blanket, please?(ชั้นขอผ้าห่มผืนหนึ่งนะ แอร์โฮสเตส) - Could (can) you bring me a pillow, please?(ชั้นขอหมอนใบหนึ่งค่ะ) - May I recline this seat?(ผมขอปรับเอนเก้าอี้ได้ไหมครับ) - How can I turn off the overhead light?(ผมจะปิดไฟเหนือศรีษะได้ยังไงครับแอร์ฯ)
- May (can) I have something to drink?(ผมขออะไรดื่มสักหน่อยเถอะครับแอร์ฯ) - What time do we have the meal?(เราทานอาหารกันตอนกี่โมงคะนี่) - Do you have orange juice (จูซ)? (คุณมีน้ำส้มไหมครับ แอร์โฮสเตท) - Can (may) I have something to drink? (ผมขอเครื่องดื่มสักหน่อยได้ไหมครับ) - Where is the lavatory (restroom)?(ห้องน้ำไปทางไหนคะ) - How do I fill in this form?(ผมจะกรอกแบบฟอร์มนี้ยังไงครับ) - What is the local time now?(เวลาท้องถิ่นตอนนี้เท่าไรแล้วครับ) - How many more hours to arrive at the destination?(อีกกี่ชั่วโมงจะถึงปลายทางครับนี่) - Can (may) I buy duty-free items on board? (ผมซื้อสินค้าปลอดภาษีบนเครื่องได้ไหมครับ) - Do you accept Thai currency?(คุณรับเงินไทยไหมครับ – ผมจ่ายเป็นเงินไทยได้ไหมครับ) - What would you like to drink?(คุณอยากจะรับเครื่องดื่มอะไรคะ) - I would like to have orange juice.(ผมขอน้ำส้มครับ) - I would like to have a can of beer. (ผมขอเบียร์สักกระป๋องหนึ่งครับ) - Would you like fish or chicken?(คุณจะทานอาหารประเภทปลาหรือไก่ครับ) - Fish, please.(ผมขอปลาครับ) - May (can) I have some magazines or newspaper?(ผมขอหนังสือแม็กกาซีนหรือ หนังสือพิมพ์หน่อยครับแอร์ฯ) - I’m not feeling well. May I have some airsick medicine? (หรือ May I have some anti-airsickness pills?)(ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอยาแก้เมาเครื่องบินหน่อยครับ) - Do you have something for airsickness?(คุณมียาแก้เมาเครื่องบินไหมครับแอร์ฯ) - May (can) I smoke on the plane?(ผมสูบบุหรี่บนเครื่องได้ไหมครับ) - I feel like I’m going to vomit (ว้อม-มิท). Please give me an airsickness bag, please.(ผมรู้สึกอยากจะอาเจียนครับ) - Excuse me. I think you’re sitting in my seat.(ขอโทษค่ะ ดิชั้นคิดว่าคุณกำลังนั่งอยู่บนที่นั่ง ของชั้นนะคะ Flight connection (ต่อเครื่อง) - Where is the counter for connecting flights?(ขอโทษครับ เคาน์เตอร์สำหรับต่อเครืองบินอยู่ ตรงไหนครับ) - I have to take a connecting flight in Denver.(ผมต้องไปต่อเครืองที่เดนเว่อร์ครับ) - I missed my connection.(ชั้นต่อเครื่องบินไม่ทันค่ะ) - Please check if (whether) there is another flight.(กรุณาเช็คด้วยค่ะว่ามีเที่ยวบินอีกเที่ยว หรือเปล่า) - How long will (shall) we stop in this airport?(เราจะแวะที่สนามบินนี้นานเท่าไรคะ) - When (or what time) are we leaving?(เราจะออกเดินทางกี่โมงคะ– เครื่องออกกี่โมงคะ) - When is the boarding time?(ขึ้นเครื่องเวลากี่โมงคะ)
ตัวอย่างบทสนทนาเดินทางโดยเครื่องบิน ตัวอย่างที่ 1 (Ticket reservation to London – จองตั๋วไปลอนดอน) (A = Airline agency staff เจ้าหน้าที่สายการบิน, B = ลูกค้าที่โทรมาจองตั๋ว) A: Good morning, this is Thai Airways International. May I help you?(สวัสดีค่ะ การบินไทยค่ะ มีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ) B: Good morning. I would like to make a reservation for 2 economy class tickets from Bangkok to London.(หวัดดีครับ ผมอยากจะจองตั๋วชั้นประหยัดสองใบจากกรุงเทพไปลอนดอนครับ) A: When would you like to travel?(คุณจะเดินทางเมื่อไหร่คะ) B: I would like to go there on Monday 2nd February and come back on Sunday 8 th February.(ผมจะไปลอนดอนวันจันทร์ที่สองกุมภาพันธ์ครับ และเดินทางกลับวันอาทิตย์ที่แปด กุมภาพันธ์) A: Let me check…….Yes, sir. We have economy-class seats available for you on that day. The flight will depart at 2 p.m., and arrive at Heathrow International Airport at 9 a.m., local time.(ให้ดิชั้นเช็คดูก่อนนะคะ………………ได้ค่ะ เรายังมีที่นั่งชั้นประหยัดว่างอยู่ในวันที่คุณ ต้องการเดินทาง เที่ยวบินจะออกจากกรุงเทพเวลาบ่ายสองโมง และไปถึงสนามบินฮีทโธรในลอนดอนเวลา เก้าโมงเช้าตามเวลาท้องถิ่นค่ะ) B: How much is the ticket fare?(ราคาค่าตั๋วเท่าไรครับ) A: It is 50,000 baht each, including VAT, but if you pay by credit card right now, you’ll get a 15% discount. (ราคาห้าหมื่นบาทต่อคนค่ะ รวมแว้ตด้วย แต่ถ้าคุณจ่ายโดยบัตรเครดิตตอนนี้เลย คุณจะได้ส่วนลดสิบห้าเปอร์เซนต์ค่ะ) B: Great! I would like to pay by credit card, Visa.(วิเศษมาก ผมขอจ่ายเป็นบัตรเครดิตวีซ่าครับ) A: May I have your name, please?(ขอทราบชื่อคุณหน่อยนะคะ) B: My name is SomchaiRakdee.(ผมชื่อสมชาย รักดี ครับ) A: Could (may) I have your card number and the expiry date?(ดิฉันขอหมายเลขบัตรวีซ่าและ วันหมดอายุด้วยค่ะ) B: Sure.(ได้เลยครับ) (After a moment – หลังจากเวลาผ่านไปชั่วครู่ เมื่อเจ้าหน้าที่จัดการเรื่องเอกสารเสร็จ)A: Everything is OK, sir. On the day of your travel, just show this confirmation document along with your passport at the check-in counter at least 2 hours prior to the take-off time. Enjoy your trip, sir.(ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ ในวันเดินทาง คุณเพียงแต่แสดงเอกสารยืนยันใบนี้ พร้อมกับพาสปอร์ต ของคุณที่เคาน์เตอร์เช็คอิน อย่างน้อยสองชั่วโมงก่อนเครื่องออก ขอให้เดินทางสนุกนะคะ) B: Thanks a lot. Bye-bye.(ขอบคุณมาก สวัสดีครับ)
ตัวอย่างที่ 2 (Ticket reservation to L.A. – จองตั๋วไปแอลเอ) (A = เจ้าหน้าที่สายการบิน, B = ลูกค้าที่โทรมาจองตั๋ว) A: Good morning. May I help you, sir?(สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ดิฉันรับใช้คะ) B: Good morning, will you please give me some information about a flight going to L.A.? (หวัดดีครับ คุณจะกรุณาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวบินไปแอลเอได้มั้ยครับ) A: Yes, will you wait for a few seconds, please?(ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ) B: Is there any flight leaving for L.A. within these two weeks?(มีเที่ยวบินไปแอลเอภายในสอง สัปดาห์นี้มั้ยครับ) A: Let me check and see if there is any, Oh, yes, there is one leaving on Monday nineteenth.(ให้ดิฉันเช็คดูก่อนว่ามีหรือเปล่านะคะ โอ้มีค่ะ มีเที่ยวบินหนึ่งออกเดินทางวันจันทร์ที่สิบเก้า) B: Um !, it is only 4 days from now. I don’t think I can get the passport and visa for this flight, how about the next flight?(อืม……จากนี่ไปเพียงสี่วันเท่านั้น ผมคิดว่าทำพาสปอร์ตและวีซ่าไม่ ทันสำหรับเที่ยวบินนี้ แล้วเที่ยวถัดไปล่ะเป็นยังไง) A: Well, maybe you would like to go on the other one which is departing on the third of next month.(เอ้อ บางทีคุณอาจจะอยากไปกับอีกเที่ยวบินหนึ่งซึ่งออกเดินทางวันที่สามเดือนหน้า เอามั๊ย คะ) B: That would be fine, I would like to make a reservation now, how much is the air fare?(หรือ how much does it cost?)(ผมว่าดีนะ ผมขอจองที่นั่งตอนนี้เลยครับ ค่าตั๋วราคาเท่าไรครับ) A: 950 dollars for economy class, and 1,200 dollars for business class, what do you want?(เก้าร้อยห้าสิบเหรียญสำหรับชั้นประหยัดค่ะ และหนึ่งพันสองร้อยเหรียญสำหรับชั้นธุรกิจ คุณ ต้องการแบบไหนคะ) B: I think economy class will be all right.(ผมว่าไปชั้นประหยัดดีกว่านะ) A: Well, you can choose your seat as you like(อ้อ คุณสามารถเลือกที่นั่งตามที่ชอบนะคะ) B: Thanks, I think I’ll take the one near the walkway.(ขอบคุณครับ ผมคิดว่าผมขอที่นั่งริม ทางเดินนะครับ) B: Thank you very much for your information.(ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลต่างๆที่คุณให้ผม) A: Here are some booklets about the flight you are going on.(นี่คือหนังสือ – เล่มเล็กๆ – เกี่ยวกับเที่ยวบินที่คุณจะเดินทางค่ะ) B: Thanks, I’ll see you next week.(ขอบคุณมาก แล้วพบกันสัปดาห์หน้านะครับ) A: Good-bye.(สวัสดีค่ะ)
ตัวอย่างที่ 3 (On the plane – บนเครื่องบิน) (A = passenger, B = air hostess) A: Excuse me, where is my seat?(ขอโทษครับ ที่นั่งของผมอยู่ตรงไหนครับ) B: May I see your boarding pass, please?(ดิฉันขอดูบัตรผ่านขึ้นเครื่องของคุณหน่อยสิคะ) A: Here it is.(นี่ครับบัตร) B: It’s 5M, the fifth row near the window. I’ll show you to your seat.(หมายเลขห้าเอ็ม แถวที่ห้าริม หน้าต่างค่ะ) A: Thank you.(ขอบคุณครับ) ตัวอย่างที่ 4 (On the plane – บนเครื่องบิน) (A = air hostess, B = male passenger, C = female passenger) A: Can I help you, sir?(มีอะไรให้ดิฉันช่วยมั๊ยคะ) B: Yes, my seat number is 25F, but someone is already in that seat.(มีสิครับ เลขที่นั่งของผมคือ ยี่สิบห้าเอฟ แต่มีใครบางคนนั่งอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว) A: May I see your boarding pass, please?(ขอดูบัตรผ่านขึ้นเครื่องหน่อยสิคะ) B: Here you are. (หรือ Here it is.)(นี่ครับบัตร) A: Wait a moment, please. I’ll take care of it. Excuse me, ma’am. May I see your boarding pass?(กรุณารอสักครู่นะคะ ดิฉันจะจัดการเอง ขอโทษนะคะคุณนาย ขอดูบัตรผ่านขึ้นเครื่องหน่อยสิคะ) C: Yes, certainly. Here you are. (ได้ค่ะ นี่ไงคะ) A: Your seat number is 15F ma’am. I’m afraid you’re in the wrong seat. This is 25F.(เลขที่นั่ง ของคุณนายคือสิบห้าเอฟค่ะ ดิฉันเกรงว่าคุณนั่งผิดที่ค่ะ ที่นั่งตรงนี้คือยี่สิบห้าเอฟ) C: Oh, I’m sorry. I’ll move to my seat.(โอ้ ขอโทษทีค่ะ งั้นชั้นจะย้ายไปที่นั่งของชั้นนะคะ)
ตัวอย่างที่ 5 (On the plane – บนเครื่องบิน) (A = passenger, B = air hostess) A: Excuse me, may I have a blanket?(ขอโทษครับ ผมขอผ้าห่มสักผืนสิครับ) B: Sure.(ได้สิคะ) A: May I have some airsick medicine? I’m not feeling well.(ผมขอยาแก้เมาเครื่องบินด้วยนะครับ) B: Wait a minute, please………… Here you are. (or Here it is.)(รอประเดี๋ยวนะคะ….. เอ้านี่ยาค่ะ) A: Thank you.(ขอบคุณ) ตัวอย่างที่ 6(On the plane – บนเครื่องบิน) (A = passenger, B = air hostess) A: Would you please help me (to) find my seat?(กรุณาช่วยผมหาที่นั่งหน่อยครับแอร์ฯ) B: What is the seat number?(ที่นั่งของคุณเบอร์อะไรคะ) A: It’s 26A.(เบอร์ยี่สิบหกค่ะ) B: It’s over there near the window.(อยู่ตรงโน้นริมหน้าต่างค่ะ) A: Thanks a lot.(ขอบคุณมากครับ)
ตัวอย่างที่ 7 (Asking to change the destination – ขอเปลี่ยนแปลงจุดหมายปลายทาง) (A = reservation staff – เจ้าหน้าที่ฝ่ายจองตั๋ว, B = foreign passenger– ผู้โดยสารชาวต่างชาติ) A: Thai Airways International reservation, what can I do for you?(ฝ่ายสำรองที่นั่ง การบินไทยค่ะ มี อะไรให้รับใช้คะ) B: I would like to change my flight schedule.(ผมอยากเปลี่ยนตารางการบินน่ะครับ) A: Yes, sir. May I have your name and the flight number you’ve booked?(ได้ค่ะ ขอทราบชื่อ ของคุณและหมายเลขเที่ยวบินที่คุณจองไว้ค่ะ) B: My name is Peter Ambrose. The flight number is TG55.(ผมชื่อปีเตอร์ แอมโบรส ครับ หมายเลข เที่ยวบินคือทีจีห้าสิบห้า) A: What would you like to do with your reservation, sir?(คุณต้องการจะทำอะไรกับการสำรองที่นั่ง – การจองตั๋ว - ของคุณคะ) B: I need to change my destination to Phuket on the same day. What time do you have?( ผมต้องการเปลี่ยนปลายทางไปยังภูเก็ตในวันเดิมครับ) A: The first flight to Phuket is at 7 o’clock in the morning, then every 4 hours a flight till 7 o’clock in the evening.(เที่ยวบินเที่ยวแรกไปภูเก็ตคือเจ็ดโมงเช้าค่ะ ต่อจากนั้นมีเครื่องออกทุกๆสี่ชั่วโมง จนกระทั่งเที่ยวสุดท้ายออกหนึ่งทุ่มค่ะ) B: I’ll take the 3 p.m. flight then.(งั้นผมไปเที่ยวบ่ายสามโมงนะครับ) A: Yes, sir………. I’ve rescheduled your flight to Phuket at 3 p.m. on the same day. It’s TG32.(ได้ค่ะ ……………ดิฉันได้เปลี่ยนเวลาบินไปภูเก็ตของคุณใหม่เป็นบ่ายสามโมง เที่ยวบินทีจีสามสิบสอง นะคะ) B: Thank you so much.(ขอบคุณมากครับ) A: You’re welcome.(ยินดีรับใช้ค่ะ)
ตัวอย่างที่ 8 (On the plane to Chicago – บนเครื่องบินไปชิคาโก) (A = passenger, B = air hostess) A: How high are we flying now?(ตอนนี้เราบินอยู่สูงเท่าไรครับ) B: We’re at an altitude (แอ๊ล-ทิ-ทูด) of 40,000 feet.(เราอยู่ที่ความสูงสี่หมื่นฟุตค่ะ) A: How fast are we flying?(แล้วเราบินที่ความเร็วเท่าไรครับ) B: About 800 kilometers per hour.(ประมาณแปดร้อยกิโลเมตรต่อชั่งโมงค่ะ) A: When will we land in Chicago?(เราจะไปถึง – ลงจอด – ที่ชิคาโก้ กี่โมงครับ) B: At 9.00 in the morning, local time.(เก้าโมงเช้าตามเวลาท้องถิ่นค่ะ) A: Do I have to set my watch on the local time?(ผมต้องตั้งนาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นไหมครับ) B: Yes, if you would like to do so.(ได้สิคะ ถ้าคุณอยากจะทำเช่นนั้น) A: How can I turn off the overhead light?(แล้วผมจะปิดไฟเหนือศีรษะนี่ได้ยังไงครับ) B: Just press the button and the light will go off.(คุณเพียงแต่กดปุ่มแล้วไฟก็จะดับค่ะ) A: May I have a blanket and a pillow?(ผมขอผ้าห่มและหมอนด้วยครับ) B: Certainly, they are in the rack.(ได้สิคะ มันอยู่ในที่เก็บของเหนือศีรษะของคุณค่ะ) A: I feel like throwing up(หรือ vomiting– ว้อม-มิท-ทิง). (ผมอยากจะอาเจียนน่ะครับ) B: The airsickness bag is in the seat pocket.(ถุงใส่อาเจียนอยู่ในกระเป๋าหลังที่นั่ง – ซึ่งอยู่ด้านหน้า A: Oh, I see. Thank you.(โอ้ ผมรู้แล้วละ ขอบคุณครับ) B: Do you need a glass of water?(คุณต้องการน้ำสักแก้วไหมคะ) A: Yes, please.(โอ้ ดีเลยครับ) B: I’ll bring it right away.(ดิฉันจะนำมาให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ) (หลังจากเวลาผ่านไปสักครู่) B: How do you feel now?(ตอนนี้รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างคะ) A: I feel a bit better, thank you. Can I have some magazines?(ผมรู้สึกดีขึ้นบ้างครับ ผมขอแม็ก กาซีนอ่านหน่อยได้ไหมครับ) B: We don’t have magazines. How about a newspaper?(เราไม่มีแม็กกาซีนหรอกค่ะ แต่จะเอา หนังสือพิมพ์ไหมล่ะคะ) A: That will be fine. Give me a newspaper.(ก็ดีนะ เอาหนังสือพิมพ์ให้ผมสักเล่มสิ) B: Certainly. Here it is.(แน่นอนค่ะ เอ้านี่ไงคะ) A: May I move to that vacant(เว้-เคิ่นท์) aisle(ไอ๊-เอิ้ล)seat so that I’ll have more room to read the newspaper?(ผมขอย้ายไปนั่งที่นั่งว่างริมทางเดินตรงนั้นได้ไหมครับ เพื่อที่ว่าผมจะได้มีที่ว่างอ่าน หนังสือพิมพ์ได้มากขึ้น) B: Yes, of course.(อ๋อ ได้สิคะ)
ตัวอย่างที่ 9(Ticket reservation to Tokyo – จองตั๋วไปโตเกียว) (A = reservation staff – เจ้าหน้าที่ฝ่ายจองตั๋ว, B = foreign passenger – ผู้โดยสารชาวต่างชาติ) A: Good morning. How can I help you?(สวัสดีค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ) B: I would like to make a reservation to Tokyo on January 5th, please.(ผมอยากจะจอง ตั๋วไปโตเกียววันที่ห้ามกราคมครับ) A: What time do you like to travel?(คุณต้องการเดินทางเวลาไหนคะ) B: I want the morning flight, please.(ผมอยากได้เที่ยวบินเช้าครับ) A: On what class, sir. Economy or Business.(จะโดยสารชั้นไหนคะ ชั้นประหยัดหรือธุรกิจ) B: Business, please.(ชั้นธุรกิจครับ) A: The first flight to leave on January 5th is at 8.00 a.m., sir.(เที่ยวบินแรกออกเดินทาง วันที่ห้ามกราคม เวลาแปดโมงเช้าค่ะ) B: Sure, I will take it. My name is Bob Orton.(ตกลงผมขอเที่ยวนี้นะ ผมชื่อบ๊อบ ออร์ตัน ครับ) A: May I also have your phone number and credit card number, please?(ดิฉันขอเบอร์ โทรฯและหมายเลขบัตรเครดิตของคุณด้วยค่ะ) B: No, problem.(ได้เลยครับ)
การสนทนาเกี่ยวกับ Taking a taxi (โดยสารรถแท็กซี่) Calling a taxi (เรียกแท็กซี่) · Call me a taxi, please.(โปรดเรียกแท็กซี่ให้ผมหน่อย) · Where can I find (get) a taxi?(ผมจะหาแท็กซี่ได้ที่ไหนนี่) · Can you take me to a Thai food restaurant?(พาผมไปที่ภัตตาคารอาหารไทยได้ไหม) · Take me to the airport, please.(พาผมไปสนามบินนะ) · I would like to go to the Southern bus terminal.(ผมอยากจะไปขนส่งสายใต้ครับ) · Can you take me to a good restaurant around here?(พาผมไปภัตตาคารดีๆใกล้ๆนี่ได้ ไหม) · I want to go to the nearest hospital.(ผมต้องการไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด) · Could you tell me how I can get a taxi?(บอกผมหน่อยว่าผมจะหาแท็กซี่ได้ยังไง) · Do you know how I can get a taxi around here?(คุณรู้ไหมว่าผมจะหาแท็กซี่ใกล้ๆนี้ได้ อย่างไร) · Can you drop me off at the airport?(ช่วยจอดให้ผมลงที่สนามบินด้วยนะ) · I want to go to the railway station (the bank, the museum, the Grand Palace, Chulalongkorn University).(ผมต้องการจะไปสถานีรถไฟ (ธนาคาร, พิพิธภัณฑ์, พระบรมมหาราชวัง , จุฟาฯ) · Please take me to this address.(พาผมไปตามที่อยู่นี่หน่อย) · Where is the taxi stand?(ที่จอดรถแท็กซี่อยู่ไหน) · Where is the taxi parking?(ที่จอดรถแท็กซี่อยู่ไหน)
ตัวอย่างบทสนทนา Taking a taxi ตัวอย่างที่ 1 (A = ผู้โดยสาร, B = a taxi driver) A: Take me to the Emerald Buddha Temple, please.(กรุณาพาผมไปส่งที่วัดพระแก้วนะ) B: Sure, sir.(ได้ครับ) A: Please use the toll way. The traffic is jammed now and I’m in a hurry.(ใช้โทลเวย์นะ รถติด มากตอนนี้ และผมรีบด้วย) B: Yes. Please put on your seat belt, sir. (ได้ครับ โปรดรัดเข็มขัดด้วยครับ) ตัวอย่างที่ 2 (A = ผู้โดยสาร, B = คนขับแท็กซี่) A: Take me to the Southern bus terminal, please.(พาผมไปส่งที่สถานีขนส่งสายใต้นะ) B: Where is it, sir?(มันอยู่ที่ไหนล่ะครับ) A: It’s on BoromRatchonnanee Rd. I’ll give you the direction.(อยู่ถนนบรมราชชนนี ผมจะ บอกทางคุณเอง) B: Certainly, sir. Please put on your seat belt.(ได้เลยครับ โปรดรัดเข็มขัดด้วยครับ) : OK. Drive straight ahead and turn right at the next intersection. It’s one-way traffic from here till the next intersection.(ได้สิ ขับตรงไปข้างหน้านะ และเลี้ยวขวาตรงสี่แยกถัดไป มัน เป็นถนนเดินรถทางเดียวจากตรงนี้จนกระทั่งถึงสี่แยกหน้า) B: Yes, sir. (ได้เลยครับ) A: Then turn left at that intersection to BoromRatchonnanee Rd., and you won’t miss it to the Southern bus terminal.(แล้วก็เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกนั้นนะเพื่อจะไปถนนบรมฯ แล้วคุณจะไม่ พลาดสถานีขนส่งสายใต้แน่นอน) B: Yes, sir.(ได้สิครับ) A: Oh! You see the large building on your left. That is it.(โอ้ คุณเห็นอาคารหลังใหญ่ทางซ้าย มือนั่นไม๊ล่ะ มันคือสถานีสายใต้ไง)
ตัวอย่างที่ 3 (A = taxi driver, B = foreign traveller – นักท่องเที่ยวต่างชาติ) A: Good morning, sir. Where are you going?(สวัสดีครับ กำลังจะไปไหนครับ) B: I’m going to DusitThani Hotel. Is it around here?(ผมจะไปโรงแรมดุสิตธานี มันอยู่ใกล้ๆนี่ หรือเปล่า) A: No, sir. It’s about 5 kilometers from here.(ไม่ใกล้หรอกครับ มันอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณห้า กิโลฯ) B: It that so?(ยังงั้นรึ) A: Would you use my car?(คุณจะใช้บริการรถแท็กซี่ผมไหมครับ) B: Sure. Open the door, please. I’ll get into your car.(แน่นอน ช่วยเปิดประตูรถให้ผมหน่อย ผม จะขึ้นรถน่ะ) A: OK. Come in, please.(ตกลง เชิญเข้ามาเลยครับ) The Traffic is jammed now. I think we’ll arrive at the hotel in more than half an hour.(รถติดมากเลยตอนนี้ ผมว่าเราจะไปถึงโรงแรมของคุณ ในอีดกกว่าครึ่งชั่วโมงครับ) B: No problem. I’m not in a hurry. I still have a lot of time left.(ไม่เป็นไร ผมไม่รีบร้อน ผมยังมี เวลาเหลืออีกเยอะเลย) ตัวอย่างที่ 4 (A = Thai traveler – นักเดินทางไทย, B = French taxi driver – คนขับรถชาวฝรั่งเศส) A: Taxi! Paris Airport, please. I’ve to be there at ten o’clock sharp.(แท็กซี่ ไปสนามบินปารีสนะ ผมจะต้องไปถึงที่นั่นสิบโมงตรงเลย) B: I can’t promise anything. But I’ll do my best.(ผมรับปากอะไรคุณไม่ได้หรอก แต่ว่าผมจะพยายาม ทำดีที่สุดครับ) A: OK. Try your best. I’ve no choice.(ตกลงทำให้ดีที่สุดนะ ก็ผมไม่มีทางเลือกแล้วนี่) B: We should not have any trouble if the traffic is not too heavy.(เราไม่มีปัญหาหรอกครับถ้ารถ ไม่ติดจนเกินไป) A: Of course, we’ve got plenty of time if we don’t get stuck in the traffic jam.(อ๋อ เรามีเวลา เหลือมากเลยถ้ารถไม่ติดน่ะ B: Maybe I’ll make it, don’t worry.(บางทีผมคงทำได้ คุณอย่ากังวลไปเลย) A: Here we are. You’ve done a good job. How much will you charge me?(เอ้า ถึงแล้วคุณขับ ได้ดีมากเลย คุณคิดค่าโดยสารเท่าไรล่ะ) B: Twenty-five dollars, sir.(ยี่สิบห้าเหรียญครับ)A: Thank you. Here is thirty dollars. Keep the change.(ขอบคุณนะ นี่เงินสามสิบเหรียญ เก็บตังค์ทอนไว้นะ)
ตัวอย่างที่ 6 (A = ผู้โดยสาร, B = taxi driver) A: Taxi !Taxi !(แท็กซี่ แท็กซี่) B: Hello! Where will you go, sir?(หวัดดีครับ จะไปที่ไหนหรือครับ) A: DusitThani Hotel, Silom Road, please.(ไปโรงแรมดุสิตธานี ถนนสีลมน่ะ) B: Yes, sir.(ได้เลยครับ) A: I’ve to be in the conference in an hour.(ผมต้องเข้าร่วมสัมมนาภายในครึ่งชั่วโมงนี่แหละ) B: At this time I’m not so sure sir, due to the traffic jam.(เวลาอย่างนี้ผมไม่มั่นใจหรอกครับ เนื่องจากรถติดมาก) A: Just as fast as you can do then.(งั้นก็ขับให้เร็วสุดเท่าที่จะทำได้) B: Sure. You can rely on me. (แน่นอนครับ คุณเชื่อใจผมได้เลย)
บรรณานุกรม ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน. (2561). บทสนทนาการสื่อสารภาษาอังกฤษ. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564. จาก https://www.edufirstschool.com ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (2564). บทสนทนาการสื่อสารภาษาอังกฤษ. สืบค้นเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564. จาก https://fastereng.com การสื่อสาร (2565). บทสนทนาการถามทางบอกทาง. สืบค้นเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564. จาก https://fastereng.com อารี จังสถิตยกุล. ภาษาอังกฤษสําหรับผูใหบริการรถโดยสารการทองเที่ยวแหงประเทศไทย. 2546 สํานักงานสงเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ, หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สาระความรูพื้นฐาน. รังษีการพิมพ: 2553.