The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรปฐมวัย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๖๑ ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๖

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ชิตนภัส มาศชาย, 2023-08-08 05:19:17

หลักสูตรปฐมวัย ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๖

หลักสูตรปฐมวัย ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๖๑ ฉบับปรับปรุง ๒๕๖๖

ตารางการวิเครา พัฒนาการด้านสติปัญญา มาตรฐานที่ ๙ ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ อนุบาล ๑ ( ๓-๔ ปี) อนุบาล ๒ ( ๔-๕ ปี) อนุบาล ๓ ( ๕-๖ปี) ๙.๒ อ่าน เขียนภาพ และ สัญลักษณ์ได้ ๙.๒.๑ อ่านภาพและ ข้อความด้วยภาษา ของตนเอง ๙.๒.๑ อ่านภาพ สัญลักษณ์ คำ พร้อมทั้งชี้หรือ กวาดตามอง ข้อความตาม บรรทัด ๙.๒.๑ อ่านภาพ สัญลักษณ์ คำ ด้วย การชี้หรือกวาดตา มองจุดเริ่มต้นและจุด จบของข้อความ


32 าะห์สาระการเรียนรู้รายปี สาระการเรียนรู้รายปี ประสบการณ์สำคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ ด ๑. การอ่านหนังสือภาพนิทาน หลากหลายประเภทรูปแบบ ๒. การอ่านอย่างอิสระตามลำพัง การอ่านร่วมกัน การอ่านโดยมีผู้ ชี้แนะ ๓. การเห็นแบบอย่างของการอ่านที่ ถูกต้อง ๔. การสังเกตทิศทางการอ่าน ตัวอักษร คำ และข้อความ ๕. การอ่านและชี้ข้อความโดยกวาด สายตาตามบรรทัด จากซ้ายไปขวา จากบนลงล่าง ๖. การสังเกตตัวอักษรในชื่อของ ตนเองหรือคำคุ้นเคย


ตารางการวิเครา พัฒนาการด้านสติปัญญา มาตรฐานที่ ๙ ใช้ภาษาสื่อสารได้เหมาะสมกับวัย ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ อนุบาล ๑ ( ๓-๔ ปี) อนุบาล ๒ ( ๔-๕ ปี) อนุบาล ๓ ( ๕-๖ปี) ๙.๒.๒ เขียนขีดเขี่ย อย่างมีทิศทาง ๙.๒.๒ เขียนคล้าย ตัวอักษร ๙.๒.๒ เขียนชื่อของ ตนเองตามแบบ เขียนข้อความด้วยวิธี คิดขึ้นเอง


33 าะห์สาระการเรียนรู้รายปี สาระการเรียนรู้รายปี ประสบการณ์สำคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ ๗. การสังเกตตัวอักษรที่ประกอบเป็นคำ ผ่านการอ่านหรือเขียนของผู้ใหญ่ ๘. การคาดเดาคำ วลีหรือประโยคที่มี โครงสร้างซ้ำๆ กัน จากนิทาน เพลง คำ คล้องจอง ๙. การเล่นเกมการศึกษา ๑. การเห็นแบบอย่างของการเขียนที่ ถูกต้อง ๒. การเขียนร่วมกันตามโอกาสและการ เขียนอิสระ ๓.การเขียนคำที่มีความหมายกับตัวเด็ก/ คำคุ้นเคย ๔.การคิดสะกดคำและเขียนเพื่อสื่อ ความหมายด้วยตนเองอย่างอิสระ ๑. เขียนตามแบบ ๒. รู้จักชื่อ – นามสกุล


ตารางการวิเครา พัฒนาการด้านสติปัญญา มาตรฐานที่ ๑๐ มีความสามารถในการคิดที่เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ อนุบาล ๑ ( ๓-๔ ปี) อนุบาล ๒ ( ๔-๕ ปี) อนุบาล ๓ ( ๕-๖ปี) ๑๐.๑ มีความ สามารถในการ คิดรวบยอด ๑๐.๑.๑ บอก ลักษณะของสิ่งต่างๆ จากการสังเกตโดยใช้ ประสาทสัมผัส ๑๐.๑.๑ บอก ลักษณะและ ส่วนประกอบของ สิ่งต่างๆ จากการ สังเกตโดยใช้ ประสาทสัมผัส ๑๐.๑.๑ บอกลักษณ ส่วนประกอบ การ เปลี่ยนแปลงหรือ ความสัมพันธ์ของสิ่ง ต่างๆ จากการสังเกต โดยใช้ประสาทสัมผัส ๑๐.๑.๒ จับคู่หรือ เปรียบเทียบสิ่งต่างๆ โดยใช้ลักษณะหรือ หน้าที่การใช้งาน เพียงลักษณะเดียว ๑๐.๑.๒ จับคู่หรือ เปรียบเทียบความ แตกต่างหรือความ เหมือนของสิ่งต่างๆ โดยใช้ลักษณะที่ สังเกตพบเพียง ลักษณะเดียว ๑๐.๑.๒ จับคู่หรือ เปรียบเทียบความ แตกต่างและความ เหมือนของสิ่งต่างๆ โดยใช้ลักษณะที่ สังเกตพบ ๒ ลักษณ ขึ้นไป


34 าะห์สาระการเรียนรู้รายปี สาระการเรียนรู้รายปี ประสบการณ์สำคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ ณะ ต ส ๑. การสังเกตลักษณะส่วนประกอบ การเปลี่ยนแปลงและความสัมพันธ์ ของสิ่งต่างๆ โดยใช้ประสาทสัมผัส อย่างเหมาะสม ๑.การใช้ประสาทสัมผัสในการสังเกต ๒.การบอกลักษณะและส่วนประกอบของ สิ่งต่าง ๆ ๓.สังเกตและบอกการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่าง ๆ ๔ .สังเกตและบอกความสัมพันธ์ของสิ่ง ต่าง ๆ ะ ๑. จับคู่การเปรียบเทียบและการ เรียงลำดับสิ่งต่างๆ ตามลักษณะ ความยาว ความสูง น้ำหนัก ปริมาตร ๑. รู้จักชื่อ ลักษณะสี ผิวสัมผัส ขนาด รูปร่าง รูปทรง น้ำหนัก ส่วนสูง จำนวน ๒.การเปลี่ยนแปลงและความสัมพันธ์ของ สิ่งต่างๆรอบตัว ๓.การเล่นเกมต่าง ๆ


ตารางการวิเครา พัฒนาการด้านสติปัญญา มาตรฐานที่ ๑๐ มีความสามารถในการคิดที่เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ อนุบาล ๑ ( ๓-๔ ปี) อนุบาล ๒ ( ๔-๕ ปี) อนุบาล ๓ ( ๕-๖ปี) ๑๐.๑.๓ คัดแยกสิ่ง ต่างๆ ตามลักษณะ หรือหน้าที่การใช้งาน ๑๐.๑.๓ จำแนก และจัดกลุ่มสิ่งต่างๆ โดยใช้อย่างน้อย 1 ลักษณะเป็นเกณฑ์ ๑๐.๑.๓ จำแนกแล จัดกลุ่มสิ่งต่างๆ โด ใช้ตั้งแต่ 2 ลักษณ ขึ้นไปเป็นเกณฑ์ ๑๐.๑.๔ เรียงลำดับ สิ่งของหรือเหตุการณ์ อย่างน้อย ๓ ลำดับ ๑๐.๑.๔ เรียงลำดับ สิ่งของหรือ เหตุการณ์อย่างน้อย ๔ ลำดับ ๑๐.๑.๔ เรียงลำดั สิ่งของหรือเหตุกา อย่างน้อย ๕ ลำดับ ๑๐.๒ มีความ สามารถใน การคิดเชิง เหตุผล ๑๐.๒.๑ ระบุผลที่ เกิดขึ้นในเหตุการณ์ หรือการกระทำเมื่อมี ผู้ชี้แนะ ๑๐.๒.๑ ระบุสาเหตุ หรือผลที่เกิดขึ้นใน เหตุการณ์หรือการ กระทำเมื่อมีผู้ชี้แนะ ๑๐.๒.๑ อธิบาย เชื่อมโยงสาเหตุแล ผลที่เกิดขึ้นใน เหตุการณ์หรือการ กระทำด้วยตนเอง


35 าะห์สาระการเรียนรู้รายปี สาระการเรียนรู้รายปี ประสบการณ์สำคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ ละ ดย ณะ ๑. การคัดแยก การจัดกลุ่มและการ จำแนกสิ่งต่างๆ ตามลักษณะและ รูปร่าง รูปทรง ๒. การรวมและการแยกสิ่งต่างๆ ๑.การเล่นเกมต่าง ๆ ๒.การคัดแยก จำแนก จัดกลุ่มสิ่งต่าง ๆ ตามเกณฑ์ที่กำหนด ับ รณ์ บ การบอกและเรียงลำดับกิจกรรมหรือ เหตุการณ์ตามช่วงเวลา ๑.การเปรียบเทียบจำนวนสิ่งของต่าง ๆ ๒.การเรียงลำดับสิ่งต่าง ๆ ๓.การเรียงลำดับเหตุการณ์ ละ ร ๑. การอธิบายเชื่อมโยงสาเหตุและผล ที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือการกระทำ ๑.สำรวจและสนทนาเหตุการณ์ใน ชีวิตประจำวัน ๒.สังเกต สำรวจ หรือทดลองอย่างง่าย เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ แล้วอธิบายสาเหตุและผล ที่เกิดขึ้น


ตารางการวิเครา พัฒนาการด้านสติปัญญา มาตรฐานที่ ๑๐มีความสามารถในการคิดที่เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ อนุบาล ๑ ( ๓-๔ ปี) อนุบาล ๒ ( ๔-๕ ปี) อนุบาล ๓ ( ๕-๖ปี) ๑๐.๒.๒ คาดเดาหรือ คาดคะเน สิ่งที่อาจ เกิดขึ้น ๑๐.๒.๒ คาดเดา หรือคาดคะเนสิ่งที่ อาจจะเกิดขึ้น ๑๐.๒.๒ คาดคะเน ที่อาจจะเกิดขึ้น ๑๐.๓ มีความ สามารถในการ คิดแก้ปัญหา และตัดสินใจ ๑๐.๓.๑ ตัดสินใจใน เรื่องง่ายๆ ๑๐.๓.๑ ตัดสินใจใน เรื่องง่ายๆและเริ่ม เรียนรู้ ผลที่เกิดขึ้น ๑๐.๓.๑ ตัดสินใจใ เรื่องง่ายๆ และ ยอมรับผลที่เกิดขึ้น ๑๐.๓.๒ แก้ปัญหา โดยลองผิดลองถูก ๑๐.๓.๒ ระบุปัญหา และแก้ปัญหาโดย ลองผิด ลองถูก ๑๐.๓.๒ ระบุปัญห สร้างทางเลือกและ เลือกวิธีแก้ปัญหา


36 าะห์สาระการเรียนรู้รายปี สาระการเรียนรู้รายปี ประสบการณ์สำคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ นสิ่ง ๑. การคาดเดาหรือการคาดคะเนสิ่งที่ อาจจะเกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล ๒. การมีส่วนร่วมในการลงความเห็น จากข้อมูลอย่างมีเหตุผล ๑.การรู้จักแสดงความคิดเห็นของผู้อื่น ๒.การสนทนาหรือฟังนิทานหรือเล่าเรื่องเพื่อ คาดเดาเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นพร้อม บอกเหตุผลก่อนที่จะฟังเนื้อเรื่องต่อไป ๓.คาดคะเนหรือตั้งสมมติฐานก่อนทดลอง ใน น การตัดสินใจและมีส่วนร่วมใน กระบวนการแก้ปัญหา ๑.ตัดสินใจและเลือกวิธีแก้ปัญหาในระหว่าง เล่นหรือในชีวิตประจำวัน ๒.วางแผนและลงมือแก้ปัญหาเกี่ยวกับ สถานการณ์ต่าง ๆ หา ะ ๑.การตัดสินใจและมีส่วนร่วมใน กระบวนการแก้ปัญหา ๒.การมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาความ ขัดแย้ง ๓.การมีส่วนร่วมในการลงความเห็น จากข้อมูลอย่างมีเหตุผล ๑.ตัดสินใจและเลือกวิธีแก้ปัญหาในระหว่าง เล่นหรือในชีวิตประจำวัน ๒.วางแผนและลงมือแก้ปัญหาเกี่ยวกับ สถานการณ์ต่าง ๆ ๓.บอกสิ่งที่สังเกตพบ หรืออธิบายข้อค้นพบ จากการสังเกต สำรวจ ทดลอง


ตารางการวิเครา พัฒนาการด้านสติปัญญา มาตรฐานที่ ๑๑มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ อนุบาล ๑ ( ๓-๔ ปี) อนุบาล ๒ ( ๔-๕ ปี) อนุบาล ๓ ( ๕-๖ปี) ๑๑.๑ ทำงาน ศ ิ ล ป ะ ต า ม จ ิ น ต น า ก า ร และความคิด สร้างสรรค์ ๑๑.๑.๑ สร้างผลงาน ศิลปะเพื่อสื่อสาร ความคิด ความรู้สึก ของตนเอง ๑๑.๑.๑ สร้าง ผลงานศิลปะเพื่อ สื่อสารความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยมีการดัดแปลง และแปลกใหม่จาก เดิมหรือมี รายละเอียดเพิ่มขึ้น ๑๑.๑.๑ สร้างผลง ศิลปะ เพื่อสื่อสาร ความคิด ความรู้สึ ตนเอง โดยมีการ ดัดแปลง แปลกให เดิมและมีรายละเอ เพิ่มขึ้น


37 าะห์สาระการเรียนรู้รายปี สาระการเรียนรู้รายปี ๓ ประสบการณ์สำคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ งาน ร สึกของ หม่จาก อียด ๑.การแสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่าน ภาษา ท่าทาง การเคลื่อนไหว และ ศิลปะ ๒.การเขียนและการเล่นกับสี ๓.การปั้น ๔. การประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ด้วยเศษวัสดุ ๕. การทำงานศิลปะที่นำวัสดุหรือ สิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้แล้วนำมาใช้ซ้ำหรือ แปรรูปแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ ๖. การหยิบจับการใช้กรรไกร การขีด การตัด การปะ และการร้อยวัสดุ ๗. การแสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่าน งานศิลปะ ๘. การสร้างสรรค์ชิ้นงานโดยใช้รูปร่าง รูปทรง จากวัสดุที่หลากหลาย ๑.สังเกต สัมผัส ทดลองเล่นอิสระกับสื่อ วัสดุและของเล่น เล่าถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกที่ได้จากการทำกิจกรรมนั้นๆ ๒.การระบายสี สร้างภาพ ตัดฉีก ปะ ประดิษฐ์ หรือปั้นโดยใช้รูปร่าง รูปทรง ต่าง ๆ จากวัสดุที่แตกต่างกัน


ตารางการวิเครา พัฒนาการด้านสติปัญญา มาตรฐานที่ ๑๑ มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ อนุบาล ๑ ( ๓-๔ ปี) อนุบาล ๒ ( ๔-๕ ปี) อนุบาล ๓ ( ๕-๖ปี) ๑๑.๒ แสดง ท่าทาง/ เคลื่อนไหว ตาม จินตนาการ อย่าง สร้างสรรค์ ๑๑.๒.๑ เคลื่อนไหว ท่าทางเพื่อสื่อสาร ความคิด ความรู้สึก ของตนเอง ๑๑.๒.๑ เคลื่อนไหว ท่าทางเพื่อสื่อสาร ความคิด ความรู้สึก ของตนเองอย่าง หลากหลายหรือ แปลกใหม่ ๑๑.๒.๑ เคลื่อนไห ท่าทางเพื่อสื่อสาร ความคิด ความรู้สึ ตนเองอย่างหลาก และแปลกใหม่


38 าะห์สาระการเรียนรู้รายปี สาระการเรียนรู้รายปี ๓ ประสบการณ์สำคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ หว ร สึกของ กหลาย ๑. การเคลื่อนไหวอยู่กับที่ ๒. การเคลื่อนไหวเคลื่อนที่ ๓. การเคลื่อนไหวพร้อมวัสดุอุปกรณ์ ๔. การแสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่าน ภาษา ท่าทาง การเคลื่อนไหวและศิลปะ ๕. การฟังเพลง การร้องเพลง และการ แสดงปฏิกิริยาเสียงดนตรี ๖.การรับรู้และแสดงความคิด ความรู้สึก ผ่านสื่อ วัสดุ ของเล่นและชิ้นงาน ๑.การเคลื่อนไหวร่างกายทิศทาง ระดับและพื้นที่ต่าง ๆ ๒. การแสดงท่าทางต่าง ๆตาม ความคิดของตนเอง ๓.สังเกต สัมผัส ทดลอง เล่นอิสระกับ สื่อ วัสดุและของเล่น ๔.การต่อบล็อก ๕.การประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ ๖.บอกหรือเล่าเรื่อง ถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกจากชิ้นงาน


ตารางการวิเครา พัฒนาการด้านสติปัญญา มาตรฐานที่ ๑๒ มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาคว ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ อนุบาล ๑ ( ๓-๔ ปี) อนุบาล ๒ ( ๔-๕ ปี) อนุบาล ๓ ( ๕-๖ปี) ๑๒.๑ มีเจต คติที่ดีต่อการ เรียนรู้ ๑๒.๑.๑ สนใจฟัง หรืออ่านหนังสือด้วย ตนเอง ๑๒.๑.๑ สนใจ ซักถามเกี่ยวกับ สัญลักษณ์หรือ ตัวหนังสือที่พบเห็น ๑๒.๑.๑ สนใจหยิบ หนังสือมาอ่านและ เขียนสื่อความคิดด้วย ตนเองเป็นประจำ อย่างต่อเนื่อง


39 าะห์สาระการเรียนรู้รายปี ามรู้ได้เหมะสมกับวัย สาระการเรียนรู้รายปี ประสบการณ์สำคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ ย ๑. การฟังเสียงต่างๆ ในสิ่งแวดล้อม ๒.การฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำ ๓. การฟังเพลง นิทาน คำคล้องจอง บทร้อยกรองหรือเรื่องราวต่างๆ ๔.การอ่านหนังสือภาพ นิทาน หลากหลายประเภท ๕. การอ่านอย่างอิสระตามลำพังการ อ่านร่วมกันการอ่านโดยมีผู้ชี้แนะ ๖. การเขียนร่วมกันตามโอกาสและ การเขียนอิสระ ๗.การเขียนคำที่มีความหมายกับตัว เด็ก/คำคุ้นเคย ๑.การฟังเสียงต่างๆ รอบตัว และบอกเสียงที่ได้ยิน ๒. ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการใช้หนังสือ และตัวหนังสือ ๓. การสื่อสารต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ๔.การอ่านภาพ นิทาน ป้าย และ สัญลักษณ์ที่เด็กสนใจ ๕.การวาดภาพอิสระ ๖.การเล่นเกมทางภาษา ๗.การดูตัวอย่างจากการเขียน ๘.การเขียนตามแบบ ๙.การเขียนคำจากป้าย/สัญลักษณ์ ๑๐.การเขียนคำง่าย ๆ ประกอบภาพตาม ความสนใจ


ตารางการวิเครา พัฒนาการด้านสติปัญญา มาตรฐานที่ ๑๒มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาควา ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ อนุบาล ๑ ( ๓-๔ ปี) อนุบาล ๒ ( ๔-๕ ปี) อนุบาล ๓ ( ๕-๖ปี) ๑๒.๑.๒ กระตือรือร้น ในการเข้าร่วม กิจกรรม ๑๒.๑.๒ กระตือรือร้น ในการเข้าร่วม กิจกรรม ๑๒.๑.๒ กระตือรือ ในการร่วมกิจกรรม ตั้งแต่ต้นจนจบ


40 าะห์สาระการเรียนรู้รายปี ามรู้ได้เหมะสมกับวัย สาระการเรียนรู้รายปี ประสบการณ์สำคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ อร้น ม ๑.การสำรวจสิ่งต่าง ๆ และแหล่ง เรียนรู้รอบตัว ๒.การสืบเสาะหาความรู้เพื่อค้นหา คำตอบของข้อสงสัยต่าง ๆ ๓. การมีส่วนร่วมในการลงความเห็น จากข้อมูลอย่างมีเหตุผล ๑.สำรวจ สังเกต บันทึกสิ่งต่าง ๆ ที่พบ ๒.ระบุหรือเลือกคำถามที่สามารถหา คำตอบได้ ๓.วางแผนและลงมือสำรวจตรวจสอบ ๔.เก็บรวบรวมและบันทึกข้อมูลด้วยวิธีการ ต่าง ๆ ๕.ลงความเห็นจากข้อมูล เพื่ออธิบายสิ่งที่ พบ ๖.นำเสนอ สื่อสารสิ่งที่พบเพื่อตอบคำถาม ที่ตั้งเอาไว้


ตารางการวิเครา พัฒนาการด้านสติปัญญา มาตรฐานที่ ๑๒ มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาค ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ อนุบาล ๑ ( ๓-๔ ปี) อนุบาล ๒ ( ๔-๕ ปี) อนุบาล ๓ ( ๕-๖ปี) ๑๒.๒.๒ ใช้ประโยค คำถามว่า “ใคร” “อะไร” ในการค้นหา คำตอบ ๑๒.๒.๒ ใช้ประโยค คำถามว่า “ที่ไหน” “ทำไม” ในการ ค้นหาคำตอบ ๑๒.๒.๒ ใช้ประโย คำถามว่า “เมื่อไห “อย่างไร” ในการ ค้นหาคำตอบ


41 าะห์สาระการเรียนรู้รายปี ความรู้ได้เหมะสมกับวัย สาระการเรียนรู้รายปี ประสบการณ์สำคัญ สาระที่ควรเรียนรู้ ยค หร่” ร ๑. ตั้งคำถามในเรื่องที่สนใจ ๒. การสืบเสาะหาความรู้เพื่อค้นหา คำตอบของข้อสงสัยต่างๆ ๓. การสำรวจสิ่งต่างๆ และแหล่ง เรียนรู้รอบตัว ๔.การอธิบายเชื่อมาโยงสาเหตุและผล ที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือการกระทำ ๕. การพูดอธิบายเกี่ยวกับสิ่งของ เหตุการณ์และความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ๑. ตั้งคำถามจากนิทานที่ฟังหรือเรื่องที่ สนใจ ๒.ตั้งคำถามจากสิ่งที่พบ จากการสังเกต การสำรวจหรือการทำกิจกรรมต่างๆ


42 การจัดประสบการณ์ การจัดประสบการณ์สำหรับเด็กอายุ ๓ - ๖ปี เป็นการจัดกิจกรรมในลักษณะการบูรณาการผ่านการเล่น การลงมือกระทำจากประสบการณ์ตรงอย่างหลากหลายเกิดความรู้ทักษะคุณธรรมจริยธรรม รวมทั้งเกิดการพัฒนาทั้ง ด้านร่างกายอารมณ์จิตใจสังคมและสติปัญญาไม่จัดเป็นรายวิชาโดยมีหลักการจัดประสบการณ์แนวทางการจัด ประสบการณ์และการจัดกิจกรรมประจำวันดังนี้ ๑. หลักการจัดประสบการณ์ ๑.๑ จัดประสบการณ์การเล่นและการเรียนรู้อย่างหลากหลายเพื่อพัฒนาเด็กโดยองค์รวมอย่างสมดุล และต่อเนื่อง ๑.๒ เน้นเด็กเป็นสำคัญสนองความต้องการความสนใจความแตกต่างระหว่างบุคคลและบริบทของ สังคมที่เด็กอาศัยอยู่ ๑.๓ จัดให้เด็กได้รับการพัฒนาโดยให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก ๑.๔ จัดการประเมินพัฒนาการให้เป็นกระบวนการอย่างต่อเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของการจัด ประสบการณ์พร้อมทั้งนำผลการประเมินมาพัฒนาเด็กอย่างต่อเนื่อง ๑.๕ให้พ่อแม่ครอบครัวชุมชนและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็ก ๒. แนวทางการจัดประสบการณ์ ๒.๑ จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับจิตวิทยาพัฒนาการและการทำงานของสมองที่เหมาะกับอายุ วุฒิภาวะและระดับพัฒนาการเพื่อให้เด็กทุกคนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพ ๒.๒ จัดประสบการณ์ให้สอดคล้องกับแบบการเรียนรู้ของเด็กเด็กได้ลงมือกระทำเรียนรู้ ผ่านประสาท สัมผัสทั้งห้าได้เคลื่อนไหวสำรวจเล่นสังเกตสืบค้นทดลองและคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง ๒.๓ จัดประสบการณ์แบบบูรณาการโดยบูรณาการทั้งกิจกรรมทักษะและสำระการเรียนรู้ ๒.๔ จัดประสบการณ์ให้เด็กได้คิดริเริ่มวางแผนตัดสินใจลงมือกระทำและนำเสนอความคิด โดยผู้สอนหรือผู้จัดประสบการณ์เป็นผู้สนับสนุนอำนวยความสะดวกและเรียนรู้ร่วมกับเด็ก ๒.๕ จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอื่นกับผู้ใหญ่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ การเรียนรู้ในบรรยากาศที่อบอุ่นมีความสุขและเรียนรู้การทำกิจกรรมแบบร่วมมือในลักษณะต่างๆกัน ๒.๖ จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสื่อและแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลายและอยู่ในวิถีชีวิต ของเด็กสอดคล้องกับบริบทสังคมและวัฒนธรรมที่แวดล้อมเด็ก ๒.๗ จัดประสบการณ์ที่ส่งเสริมลักษณะนิสัยที่ดีและทักษะการใช้ชีวิตประจำวันตามแนวทางหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตลอดจนสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมและการมีวินัยให้เป็นส่วนหนึ่ง ของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ๒.๘ จัดประสบการณ์ทั้งในลักษณะที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและแผนที่เกิดขึ้นในสภาพจริงโดยไม่ได้ คาดการณ์ไว้ ๒.๙ จัดทำสารนิทัศน์ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กเป็นรายบุคคล นำมาไตร่ตรองและใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กและการวิจัยในชั้นเรียน ๒.๑๐ จัดประสบการณ์โดยให้พ่อแม่ครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมทั้งการวางแผนการสนับสนุนสื่อ แหล่งเรียนรู้การเข้าร่วมกิจกรรมและการประเมินพัฒนาการ


43 การจัดกิจกรรมประจำวัน กิจกรรมสำหรับเด็กอายุ ๓ - ๖ปี สามารถนำมาจัดเป็นกิจกรรมประจำวันได้หลายรูปแบบเป็นการช่วยให้ ผู้สอนหรือผู้จัดประสบการณ์ทราบว่าแต่ละวันจะทำกิจกรรมอะไรเมื่อใดและอย่างไรทั้งนี้การจัดกิจกรรมประจำวัน สามารถจัดได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการนำไปใช้ของแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชนที่สำคัญ ผู้สอนต้องคำนึงถึงการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมพัฒนาการทุกด้านการจัดกิจกรรมประจำวัน มีหลักการจัด กิจกรรมประจำวันและขอบข่ายของกิจกรรมประจำวันดังนี้ ๓.๑หลักการจัดกิจกรรมประจำวัน ๓.๑.๑ กำหนดระยะเวลาในการจัดกิจกรรมแต่ละกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัยของเด็กในแต่ละวันแต่ ยืดหยุ่นได้ตามความต้องการและความสนใจของเด็กเช่น วัย๓ - ๔ปี มีความสนใจประมาณ๘ - ๑๒นาที วัย๔ - ๕ปี มีความสนใจประมาณ๑๒ - ๑๕นาที วัย๕ - ๖ปี มีความสนใจประมาณ๑๕ - ๒๐นาที ๓.๑.๒ กิจกรรมที่ต้องใช้ความคิดทั้งในกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ไม่ควรใช้เวลาต่อเนื่องนานเกินกว่า ๒๐นาที ๓.๑.๓ กิจกรรมที่เด็กมีอิสระเลือกเล่นเสรีเพื่อช่วยให้เด็กรู้จักเลือกตัดสินใจคิดแก้ปัญหาคิด สร้างสรรค์เช่นการเล่นตามมุมการเล่นกลางแจ้งฯลฯใช้เวลาประมาณ๔๐ - ๖๐นำที ๓.๑.๔ กิจกรรมควรมีความสมดุลระหว่างกิจกรรมในห้องและนอกห้องกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อใหญ่ และกล้ามเนื้อเล็กกิจกรรมที่เป็นรายบุคคลกลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่กิจกรรมที่เด็กเป็นผู้ริเริ่ม และผู้สอนหรือ ผู้ จัดประสบการณ์เป็นผู้ริเริ่มและกิจกรรมที่ใช้กำลังและไม่ใช้กำลังจัดให้ครบทุกประเภท ทั้งนี้กิจกรรมที่ต้องออก กำลังกายควรจัดสลับกับกิจกรรมที่ไม่ต้องออกกำลังมากนักเพื่อเด็กจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป ๓.๒ ขอบข่ายของกิจกรรรมประจำวัน การเลือกกิจกรรมที่จะนำมาจัดในแต่ละวันสามารถจัดได้หลายรูปแบบทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ในการนำไปใช้ของแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชนที่สำคัญผู้สอนต้องคำนึงถึงการจัดกิจกรรมให้ครอบคลุม พัฒนาการทุกด้านดังต่อไปนี้ ๓.๒.๑ การพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ เป็นการพัฒนาความแข็งแรงการทรงตัวการยืดหยุ่น ความคล่องแคล่ว ในการใช้อวัยวะต่างๆและจังหวะการเคลื่อนไหวในการใช้กล้ามเนื้อใหญ่โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นอิสระกลางแจ้งเล่น เครื่องเล่นสนามปีนป่ายเล่นอิสระเคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะดนตรี ๓.๒.๒ การพัฒนากล้ามเนื้อเล็กเป็นการพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเล็ก กล้ามเนื้อมือ- นิ้วมือ การประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกับตาได้อย่างคล่องแคล่วโดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้เล่นเครื่องเล่นสัมผัสเลการศึกษา ฝึกช่วยเหลือตนเองในการแต่งกายหยิบจับช้อนส้อมและใช้วัสดุอุปกรณ์ศิลปะเช่นสีเทียนกรรไกรพู่กันดินเหนียว ๓.๒.๓ การพัฒนาอารมณ์จิตใจและปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม เป็นการปลูกฝังให้เด็กมีความรู้สึก ที่ดีต่อตนเองและผู้อื่นมีความเชื่อมั่นกล้าแสดงออกมีวินัยรับผิดชอบซื่อสัตย์ประหยัด เมตตากรุณาเอื้อเฟื้อแบ่งปัน มีมารยาทและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทยและศาสนาที่นับถือโดยจัดกิจกรรมต่างๆผ่านการเล่นให้เด็กได้มีโอกาส ตัดสินใจเลือกได้รับการตอบสนองตามความต้องการได้ฝึกปฏิบัติ โดยสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรมอย่างต่อเนื่อง ๓.๒.๔ การพัฒนาสังคมนิสัย เป็นการพัฒนาให้เด็กมีลักษณะนิสัยที่ดีแสดงออกอย่างเหมาะสมและ อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขช่วยเหลือตนเองในการทำกิจวัตรประจำวันมีนิสัยรักการทำงานรักษาความ ปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นรวมทั้งระมัดระวังอันตรายจากคนแปลกหน้า ให้เด็กได้ปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน อย่างสม่ำเสมอรับประทานอาหารพักผ่อนนอนหลับขับถ่ายทำความสะอาดร่างกายเล่นและทำงานร่วมกับผู้อื่น ปฏิบัติตามกฎกติกาข้อตกลงของส่วนรวมเก็บของเข้าที่เมื่อเล่นหรือทำงานเสร็จ


44 ๓.๒.๕การพัฒนาการคิด เป็นการพัฒนาให้เด็กมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหา คิดรวบยอด และคิดเชิงเหตุผลทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์โดยจัดกิจกรรมให้เด็กได้สังเกตจำแนก เปรียบเทียบสืบเสาะหา ความรู้สนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิญวิทยากรมาพูดคุยกับเด็กศึกษานอกสถานที่เล่นเกมการศึกษา ฝึกแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันฝึกออกแบบและสร้างชิ้นงานและทำกิจกรรมทั้งเป็นรายบุคคลกลุ่มย่อยและกลุ่ม ใหญ่ ๓.๒.๖การพัฒนาภาษา เป็นการพัฒนาให้เด็กใช้ภาษาสื่อสารถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ความรู้ ความเข้าใจในสิ่งต่างๆที่เด็กมีประสบการณ์โดยสามารถตั้งคำถามในสิ่งที่สงสัยใคร่รู้จัดกิจกรรมทางภาษาให้มีความ หลากหลายในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้มุ่งปลูกฝังให้เด็กได้กล้ำแสดงออกในการฟังพูดอ่านเขียนมีนิสัยรัก การอ่านและบุคคลแวดล้อมต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ภาษาทั้งนี้ต้องคำนึงถึงหลักการจัดกิจกรรมทางภาษาที่ เหมาะสมกับเด็กเป็นสำคัญ ๓.๒.๗การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์เป็นการส่งเสริมให้เด็กมีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ได้ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกและเห็นความสวยงามของสิ่งต่างๆโดยจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ดนตรี การเคลื่อนไหวและจังหวะตามจินตนาการประดิษฐ์สิ่งต่างๆอย่างอิสระเล่นบทบาทสมมติเล่นน้ำเล่นทรายเล่น บล็อกและเล่นก่อสร้าง การกำหนดเวลาของแต่ละกิจกรรมเพื่อจัดทำตารางกิจกรรมประจำวันสามารถดำเนินการได้หลากหลาย รูปแบบขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ประเด็นสำคัญผู้สอนต้องคำนึงถึงความครอบคลุมพัฒนาการทุกด้าน ข้อเสนอแนะสามารถยืดหยุ่นได้ดังนี้ รายการการพัฒนา อายุ ๓ ปี ชั่วโมง : วัน (ประมาณ) อายุ ๔ ปี ชั่วโมง : วัน (ประมาณ) อายุ ๕ ปี ชั่วโมง : วัน (ประมาณ) ๑. การพัฒนาทักษะพื้นฐานใน ชีวิตประจำวัน ๓ ๒ ๑/๒ ๒ ๑/๔ ๒.การเล่นเสรี ๑ ๑ ๑ ๓.การคิดและความคิดสร้างสรรค์ ๑ ๑ ๑ ๔.กิจกรรมด้านสังคม ๓/๔ ๓/๔ ๓/๔ ๕.กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ ๓/๔ ๓/๔ ๓/๔ ๖. กิจกรรมที่มีการวางแผนโดย ผู้สอน ๓/๔ ๓/๔ ๓/๔ เวลาโดยประมาณ ๗ ๗ ๗ สำหรับพื้นฐานในชีวิตประจำวัน อายุ ๓ ขวบ จะใช้เวลามากกว่า เมื่ออายุมากขึ้นเวลาจะลดลงเพราะ เด็กสามารถช่วยเหลือตนเอง อายุ ๓ ขวบ มีกิจกรรมทางสังคมที่ต้องฝึกการอยู่ร่วมกับผู้อื่นใช้เวลาน้อยลง ตัวอย่างตารางกิจกรรมประจำวันสำหรับเด็กปฐมวัย


45 ๐๗.๓๐ – ๐๘.๓๐ น. รับเด็กเป็นรายบุคคล ๐๘.๓๐ – ๐๘.๔๕ น. เคารพธงชาติ สวดมนต์ ๐๘.๔๕– ๐๙.๐๐ น. ตรวจสุขภาพ ไปห้องน้ำ ๐๙.๐๐ – ๐๙.๒๐ น. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ๐๙.๒๐ – ๑๐.๒๐ น. กิจกรรมสร้างสรรค์กิจกรรมเสรี กิจกรรมเล่นตามมุม ๑๐.๒๐ – ๑๐.๓๐ น. พัก ( ของว่างเช้า ) ดื่มนม ๑๐.๓๐ – ๑๐.๔๕ น. กิจกรรมเสริมประสบการณ์ ( กิจกรรมบูรณาการ) ๑๐.๔๕ – ๑๑.๓๐ น. กิจกรรมกลางแจ้ง ๑๑.๓๐ – ๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวัน แปรงฟัน ๑๒.๐๐ – ๑๔.๐๐ น. นอนพักผ่อน ๑๔.๐๐ – ๑๔.๒๐ น. ตื่นนอน เก็บที่นอน ล้างหน้า ๑๔.๒๐ – ๑๔.๓๐ น. พัก ( ของว่างบ่าย ) ดื่มนม ๑๔.๓๐–๑๔.๕๐ น. เพลง เกมการศึกษา สนทนา สรุปทบทวน ๑๔.๕๐ –๑๕.๓๐ น. ดูแลเด็ก เตรียมตัวกลับบ้าน หมายเหตุ กิจกรรมประจำวันสำหรับเด็กปฐมวัย สามารถยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสมประกอบด้วย กิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้ ๑. กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้เคลื่อนไหว ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อย่างอิสระตามจังหวะโดยใช้เสียงเพลง คำคล้องจอง เครื่องเคาะจังหวะ มาประกอบการเคลื่อนไหวเพื่อส่งเสริมให้เด็ก เกิดจินตนาการความคิดสร้างสรรค์เรียนรู้จังหวะและควบคุมการเคลื่อนไหวของตนได้ ๒. กิจกรรมเสริมประสบการณ์เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เด็กพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ฝึกการทำงาน และการอยู่ร่วมกันทั้งกลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่ มุ่งฝึกให้เด็กได้มีโอกาส ฟัง พูด สังเกต คิดแก้ปัญหาใช้เหตุผลและฝึก ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับเรื่องที่เรียน โดยจัดกิจกรรมด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น สนทนา อภิปรายสาธิต ทดลอง บทบาทสมมติ ท่องคำคล้องจอง ร้องเพลง ศึกษานอกสถานที่ เชิญวิทยากรมาให้ความรู้ ฯลฯ การจัดกิจกรรมสามารถ จัดได้หลายวิธี เช่น การสนทนาอภิปราย การเล่านิทาน การสาธิต การทดลอง การทัศนศึกษานอกสถานที่ การเล่น บทบาทสมติการร้องเพลง ท่องคำคล้องจอง เล่นเกม ๓. กิจกรรมสร้างสรรค์เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กแสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์และจินตนาการ โดยใช้ศิลปะ เช่น การวาดภาพระบายสี การปั้น การฉีก – ตัด – ปะ การร้อย การ พิมพ์ภาพ การประดิษฐ์เศษวัสดุ หรือวิธีการอื่นที่เด็กได้คิดสร้างสรรค์และเหมาะกับพัฒนาการ เช่น การสร้างรูป จากกระดานปักหมุด การเล่นพลาสติกสร้างสรรค์ ฯลฯ การจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ควรจัดให้เด็กทุกวัน ๔. กิจกรรมเสรี/การเล่นตามมุม เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เล่นอิสระตามมุมประสบการณ์ ที่ จัดไว้ภายในห้องเรียน เช่น มุมบล็อก มุมหนังสือ มุมบ้าน มุมวิทยาศาสตร์หรือมุมธรรมชาติ มุมร้านค้า เด็กมี โอกาสเลือกเล่นได้อย่างเสรีตามความสนใจและความต้องการของเด็ก เป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่มย่อย บางครั้งใน กิจกรรมเสรีนอกจากการเล่นตามมุมแล้ว ผู้ดูแลเด็กอาจให้เด็กทำกิจกรรมเสริมที่จัดขึ้น เช่น เครื่องเล่นสัมผัส กิจกรรมสร้างสรรค์ เกมการศึกษา ฯลฯ ๕. กิจกรรมกลางแจ้ง เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้มีโอกาสออกไปนอกห้องเรียน เพื่อออกกำลังเคลื่อนไหว ร่างกายและแสดงออกอย่างอิสระ โดยยึดความสนใจและความสามารถของเด็กแต่ละคนเป็นหลัก กิจกรรมกลางแจ้งที่ ครูผู้สอนควรจัดให้เด็กได้เล่น เช่น การเล่นเครื่องเล่นสนาม การเล่นทราย การเล่นน้ำ การเล่นบทบาทสมมติในมุมบ้าน การเล่นในมุมช่างไม้ การเล่นกับอุปกรณ์กีฬา และการเล่นเกมการละเล่นของไทย


46 ๖ .เกมการศึกษา เป็นเกมการเล่นที่ช่วยพัฒนาสติปัญญา มีกฎเกณฑ์กติกาง่าย ๆ เด็กสามารถเล่นคนเดียวและ เล่นเป็นกลุ่มได้ เพราะจะช่วยให้เด็กสังเกต คิดหาเหตุผล และเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับ สี รูปร่าง จำนวน ประเภท และความสัมพันธ์เกี่ยวกับพื้นที่ระยะ เกมการศึกษาที่เหมาะกับเด็ก เช่น เกมจับคู่ แยกประเภท จัด หมวดหมู่ เรียงลำดับ โดมิโน ลอตโต ภาพตัดต่อ ฯลฯ การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้มีความสำคัญต่อเด็กเนื่องจากหลักสูตรกำหนดว่าเด็กจะเรียนรู้ทั้งใน สภาพแวดล้อมในห้องเรียนและนอกห้องเรียน สถานศึกษาจำเป็นต้องสร้างบรรยากาศการเรียนรู้โดยคำนึงถึง ธรรมชาติ ความต้องการ ความสนใจ และการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยซึ่งเรียนรู้ผ่านการเล่น เรียนรู้จาก ประสบการณ์ตรงซึ่งสถานศึกษาจะต้องแสดงภาพของสภาพแวดล้อมในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ซึ่งมีทั้งด้าน จินตภาพและกายภาพไว้เป็นแนวทางในการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้การพัฒนาเด็กบรรลุจุดมุ่งหมายของ หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ. 2560 มีประเด็นสำคัญ ดังนี้ สภาพแวดล้อมในห้องเรียน บรรยากาศภายในห้องเรียนด้านจินตภาพของเด้กปฐมวัยต้องมีความปลอดภัย ความสะอาด มีความ เป็นระเบียบ เด็กมีความเป็นตัวของตัวเอง เด็กรู้สึกอบอุ่น มั่นใจ เป็นมิตร และเป็นสุข สามารถจัดแบ่งพื้นที่ได้ ดังนี้ ๑. พื้นที่อำนวยความสะดวกเพื่อเด็กและผู้สอน ได้แก่ o ที่แสดงผลงานของเด็กอาจเป็นแผ่นป้ายหรือที่แขวนผลงาน o ที่เก็บแฟ้มผลงานของเด็ก อาจเป็นกล่องหรือแฟ้มรายบุคคล o ที่เก็บเครื่องใช้ส่วนตัวของเด็ก เป็นช่องตามจำนวนของเด็ก o ที่เก็บเครื่องใช้ของผู้สอน ได้แก่อุปกรณ์การสอน ของส่วนตัวผู้สอน o ป้ายนิเทศตามหน่วยการสอนหรือเรื่องที่เด็กสนใจ ๒. พื้นที่ปฏิบัติกิจกรรมและการเคลื่อนไหว ต้องกำหนดให้ชัดเจน ควรมีพื้นที่ที่เด็กสามารถทำงาน ได้ด้วยตนเองและทำกิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่และกลุ่มเล็ก เด็กสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระจากกิจกรรม หนึ่ง ไปยังกิจกรรมหนึ่งโดยไม่รบกวนผู้อื่น ๓. พื้นที่จัดมุมประสบการณ์หรือมุมเล่น สามารถจัดได้ตามความเหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพของห้องเรียน การแยกส่วนที่ใช้เสียงดังและเงียบออกจากกัน ที่สำคัญจะต้องมีของเล่น วัสดุอุปกรณ์ในมุมอย่างเพียงพอต่อ การ เรียนรู้ของเด็ก การจัดมุมประสบการณ์ในห้องเรียนควรคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้ o ในห้องเรียนควรมีมุมประสบการณ์อย่างน้อย ๓-๕ มุม o ควรมีการปรับเปลี่ยนของเล่นในมุมตามความสนใจของเด็ก o ควรจัดให้มีประสบการณ์ที่เด็กได้เรียนรู้ไปแล้วปรากฏอยู่ในมุมประสบการณ์ o ควรเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในการจัดมุมประสบการณ์ เพื่อจูงใจให้เด็กรู้สึกเป็น เจ้าของ อยากเรียนรู้ o ควรเสริมสร้างวินัยให้กับเด็ก โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่า เมื่อเล่นเสร็จแล้วจะต้องมีการ จัดเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าที่ให้เรียบร้อย สภาพแวดล้อมนอกห้องเรียน


47 สภาพแวดล้อมนอกห้องเรียน คือการจัดสภาพแวดล้อมภายในอาคารบริเวณรอบๆ โรงเรียน รวมทั้งจัด สนามเด็กเล่น พร้อมเครื่องเล่นสนาม จัดระวังรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณโรงเรียนและบริเวณรอบนอก โรงเรียน ดูแลรักษาความสะอาด ปลูกต้นไม้ให้ความร่มรื่นรอบๆ บริเวณสถานศึกษา สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นส่วน หนึ่งที่ส่งผลต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก ๑. บริเวณสนามเด็กเล่น ต้องจัดให้สอดคล้องกับหลักสูตรดังนี้ คือ ควรมีพื้นผิวหลายประเภท เช่น ดิน ทราย หญ้า พื้นที่ สำหรับเล่นของเล่นที่มีล้อ รวมทั้งที่ร่ม ที่โล่งแจ้ง พื้นดินสำหรับขุด ที่เล่นน้ำ บ่อ ทราย พร้อมอุปกรณ์ ประกอบการเล่น เครื่องเล่นสนามสำหรับปีนป่าย ทรงตัว ทั้งนี้ไม่ติดกับบริเวณที่มีอันตราย ต้องหมั่นตรวจตรา เครื่องเล่นให้อยู่ในสภาพแข็งแรงปลอดภัยอยู่เสมอ และหมั่นดูแลรักษาความสะอาด ๒. ที่นั่งเล่นพักผ่อน จัดที่นั่งเล่นไว้ใต้ต้นไม้มีร่มเงา ๓. บริเวณธรรมชาติ ปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ พืชผักสวนครัว สื่อและแหล่งการเรียนรู้ สื่อเพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดเรื่องราวเนื้อหาจากครูหรือที่ครูจัดให้เด็ก ได้ลงมือกระทำ สัมผัส ค้นหา ด้วยตนเอง เพื่อให้เด็กเกิดความเข้าใจได้เร็วขึ้น อยากเรียนรู้และมาโรงเรียน สื่อ ประกอบการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ควรเป็นสื่อ๒ มิติ และสื่อ ๓มิติ สื่อที่เป็นของจริง สื่อธรรมชาติ สื่อที่อยู่ใกล้ตัวเด็ก สื่อสะท้อนวัฒนธรรม สื่อที่ปลอดภัยต่อ ตัวเด็ก สื่อที่พัฒนาเด็กในด้านต่าง ๆ ได้ครบทุกด้าน สื่อที่เอื้อให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง ๕ เป็นสื่อที่ เหมาะสมกับวัย วุฒิภาวะ ความแตกต่างระหว่างบุคคล ความสนใจและความต้องการของเด็กที่หลากหลาย และควรมีการการนำเสนอการเลือกซื้อสื่อ การจัดหาสื่อ การใช้สื่อ และการประเมินการใช้สื่อ ๑. แหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียนและชุมชนเป็นแหล่งที่ให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ซึ่งจัดไว้ใน โรงเรียนเพื่อให้ผู้เรียนสามารถศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมได้ภายในโรงเรียน การจัดและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ของแต่ละ โรงเรียนมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละโรงเรียน เช่น ห้องสมุด ห้องปฏิบัติการ แหล่งธรรมชาติ ในโรงเรียน ฯลฯ ๒. แหล่งเรียนรู้นอกโรงเรียนเป็นสถานที่ บุคคล เรื่องราว วัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่นและวัน สำคัญทางราชการ ที่มีในชุมชน ท้องถิ่น และเป็นห้องเรียนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยข้อมูล ความรู้หลากหลาย การประเมินพัฒนาการ การประเมินพัฒนาการเด็กอายุ ๓ - ๖ปีเป็นการประเมินพัฒนาการทางด้านร่างกายอารมณ์จิตใจสังคม และสติปัญญาของเด็กโดยถือเป็นกระบวนการต่อเนื่องและเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมปกติที่จัดให้ เด็กในแต่ละวันผลที่ได้จากการสังเกตพัฒนาการเด็กต้องนำมาจัดทำสารนิทัศน์หรือจัดทำข้อมูลหลักฐาน หรือเอกสารอย่างเป็นระบบด้วยการรวบรวมผลงานสำหรับเด็กเป็นรายบุคคลที่สามารถบอกเรื่องราวหรือ ประสบการณ์ที่เด็กได้รับว่าเด็กเกิดการเรียนรู้และมีความก้าวหน้าเพียงใดทั้งนี้ให้นำข้อมูลผลการประเมิน พัฒนาการเด็กมาพิจารณาปรับปรุงวางแผนการจัดกิจกรรมและส่งเสริมให้เด็กแต่ละคนได้รับการพัฒนา ตามจุดหมายของหลักสูตรอย่างต่อเนื่องการประเมินพัฒนาการควรยึดหลักดังนี้ ๑. วางแผนการประเมินพัฒนาการอย่างเป็นระบบ ๒. ประเมินพัฒนาการเด็กครบทุกด้าน ๓. ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นรายบุคคลอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องตลอดปี ๔. ประเมินพัฒนาการตามสภาพจริงจากกิจกรรมประจำวันด้วยเครื่องมือและวิธีการที่หลากหลาย ไม่ควรใช้แบบทดสอบ


48 ๔. สรุปผลและรายงานผลการประเมินจัดทำข้อมูลและนำผลการประเมินไปใช้พัฒนาเด็กสำหรับ วิธีการประเมินที่เหมาะสมและควรใช้กับเด็กอายุ ๓ - ๖ปีได้แก่ การสังเกต การบันทึกพฤติกรรมการ สนทนากับเด็ก การสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ข้อมูลจากผลงานเด็กที่เก็บอย่างมีระบบ การจัดการศึกษาระดับปฐมวัย (เด็กอายุ๓ - ๖ปี) สำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ การจัดการศึกษาระดับปฐมวัย (เด็กอำยุ๓ - ๖ปี) สำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะสามารถนำหลักสูตร การศึกษาปฐมวัยไปปรับใช้ได้ทั้งในส่วนของโครงสร้างหลักสูตรสาระการเรียนรู้การจัดประสบการณ์และการประเมิน พัฒนาการให้เหมาะสมกับสภาพบริบทความต้องการและศักยภาพของเด็กแต่ละประเภทเพื่อพัฒนาให้เด็กมี คุณภาพตามมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่หลักสูตรกาศึกษาปฐมวัยกำหนดโดยดำเนินการดังนี้ ๑. การกำหนดเป้าหมายคุณภาพเด็กซึ่งหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้กำหนดมารฐานคุณลักษณะที่ พึงประสงค์และสาระการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใช้ในการพัฒนาเด็ก สถานศึกษาหรือผู้จัดการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะสามารถเลือกหรือปรับใช้ตัวบ่งชี้และสภาพที่พึงประสงค์ ใน การพัฒนาเด็กเพื่อนำไปจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลให้ครอบคลุมพัฒนาการของเด็กทั้งด้านร่างกาย อารมณ์จิตใจสังคมและสติปัญญา ๒. การประเมินพัฒนาการเด็กจะต้องคำนึงถึงปัจจัยความแตกต่างของเด็กอาทิเด็กที่มีความพิการ แต่ละด้านอาจต้องมีการปรับการประเมินพัฒนาการที่เอื้อต่อสภาพความพิการของเด็กทั้งวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ควร ให้สอดคล้องกับเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้านดังกล่าว ๓. สถานศึกษาที่มีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะควรได้รับการสนับสนุนครูพี่เลี้ยงให้การดูแลช่วยเหลือและ ส่งเสริมพัฒนาการกรณีที่มีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะมีผลพัฒนาการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ควรมีการส่งต่อไปยัง สถานพัฒนาเด็กที่มีความต้องกาพิเศษเพื่อให้ได้รับการพัฒนาต่อไป การสร้างรอยเชื่อมต่อระหว่างการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ การสร้างรอยเชื่อมต่อระหว่างการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับชั้นประถมศึกษาปีที่๑มีความสำคัญ อย่างยิ่งส่งผลดีต่อการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยในการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดีสามารถ พัฒนาการเรียนรู้ได้อย่างราบรื่นการเชื่อมต่อของการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับชั้นประถมศึกษาปีที่๑ จะประสบผลสำเร็จได้บุคลากรทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการดังต่อไปนี้ ๑. ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทเป็นผู้นำในการสร้างรอยเชื่อมต่อระหว่าง หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ โดยต้องศึกษาหลักสูตรทั้งสองระดับเพื่อทำความเข้าใจและจัดระบบการบริหารงานด้านวิชาการที่จะเอื้อต่อ การสร้ารอยเชื่อมต่อการศึกษาโดยผู้บริหารสถานศึกษาควรดำเนินการดังนี้ ๑.๑จัดประชุมผู้สอนระดับปฐมวัยและผู้สอนระดับประถมศึกษาร่วมกันสร้างความเข้าใจ รอยเชื่อมต่อของหลักสูตรทั้งสองระดับให้เป็นแนวปฏิบัติของสถานศึกษาเพื่อผู้สอนทั้งสองระดับจะได้เตรียม การสอนได้สอดคล้องกับเด็กวัยนี้ ๑.๒ จัดทำเอกสารหลักสูตรและเอกสารทางวิชาการของทั้งสองระดับมาไว้ให้ผู้สอนและบุคลากรอื่นๆ ได้ศึกษาทำความเข้าใจอย่างสะดวกและเพียงพอ ๑.๓ จัดกิจกรรมให้ผู้สอนทั้งสองระดับมากแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ความรู้ใหม่ๆร่วมกัน ๑.๔ จัดหาสื่อวัสดุอุปกรณ์และจัดสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมกำรสร้างรอยเชื่อมต่อ


49 ๑.๕ จัดกิจกรรมให้ความรู้กิจกรรมสัมพันธ์ในรูปแบบต่ำงๆและจัดทำเอกสารเผยแพร่ให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครองอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองเข้าใจการศึกษาทั้งสองระดับและให้ความร่วมมือในการช่วยเด็ก ให้สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ดี ในกรณีที่สถานศึกษาไม่มีระดับชั้นประถมศึกษาปีที่๑ในสถานศึกษาของตนเองผู้บริหารสถานศึกษาควร ประสานกับสถานศึกษาที่คาดว่าเด็กจะไปเข้าเรียนเพื่อสร้างความเข้าใจให้พ่อแม่ผู้ปกครองในการช่วยเหลือเด็กให้ สามารถปรับตัวเข้ากับสถานศึกษาใหม่ได้ ๒. ผู้สอนระดับปฐมวัย ผู้สอนระดับปฐมวัยต้องศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานการจัดการเรียนการสอน ในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่๑และสร้างความเข้าใจให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองและบุคลากรอื่นๆรวมทั้งช่วยเหลือเด็ก ใน การปรับตัวก่อนเลื่อนขึ้นระดับชั้นประถมศึกษาปีที่๑โดยผู้สอนระดับปฐมวัยควรดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กเป็นรายบุคคลเพื่อส่งต่อผู้สอนระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่๑ ซึ่งจะทำให้ผู้สอนระดับประถมศึกษาสามารถใช้ข้อมูลนั้นช่วยเหลือเด็กในการปรับตัวเข้ากับการเรียนรู้ใหม่ ต่อไป ๒.๒ พูดคุยกับเด็กถึงประสบการณ์ที่ดีๆเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๑ เพื่อให้เด็กเกิดเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ ๒.๓ จัดให้เด็กได้มีโอกาสทำความรู้จักกับผู้สอนตลอดจนการสำรวจสภาพแวดล้อมและบรรยากาศ ของห้องเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่๑ ๒.๔ จัดสื่อวัสดุอุปกรณ์หนังสือที่เหมาะสมกับวัยเด็กที่ส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ พื้นฐานที่สอดคล้องกับการสร้างรอยเชื่อมต่อในการเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่๑ ๓. ผู้สอนระดับประถมศึกษา ผู้สอนระดับประถมศึกษาต้องมีความรู้ความเข้าใจในพัฒนาการเด็กปฐมวัยและมีเจตคติที่ดีต่อการจัด ประสบการณ์ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยเพื่อนำมาเป็นข้อมูลการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ระดับชั้นประถมศึกษา ปี ที่๑ให้ต่อเนื่องกับการพัฒนาเด็กในระดับปฐมวัยโดยผู้สอนระดับประถมศึกษาควรดำเนินการดังนี้ ๓.๑ จัดกิจกรรมให้เด็กพ่อแม่และผู้ปกครองมีโอกาสได้ทำความรู้จักคุ้นเคยกับผู้สอนและห้องเรียน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ก่อนเปิดภาคเรียน ๓.๒ จัดสภาพห้องเรียนให้ใกล้เคียงกับห้องเรียนระดับปฐมวัยโดยจัดให้มีมุมประสบการณ์ภายในห้อง เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสทำกิจกรรมได้อย่างอิสระเช่นมุมหนังสือมุมของเล่นมุมเกมการศึกษาเพื่อช่วยให้เด็กชั้น ประถมศึกษาปีที่๑ได้ปรับตัวและเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ๓.๓ จัดกิจกรรมร่วมกันกับเด็กในการสร้างข้อตกลงเกี่ยวกับการปฏิบัติตน ๓.๔ จัดกิจกรรมช่วยเหลือส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับเด็กตามความแตกต่างระหว่างบุคคล ๓.๕ เผยแพร่ข่าวสารด้านการเรียนรู้และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กพ่อแม่ผู้ปกครองและชุมชน ๔. พ่อแม่ผู้ปกครอง พ่อแม่ผู้ปกครองเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมการศึกษาของบุตรหลาน และเพื่อช่วยบุตรหลานของตนเองในการศึกษาต่อชั้นประถมศึกษาปีที่๑พ่อแม่ผู้ปกครองควรดำเนินการดังนี้ ๔.๑ ศึกษาและทำความเข้าใจหลักสูตรของการศึกษาทั้งสองระดับ ๔.๒ จัดหาหนังสืออุปกรณ์ที่เหมาะสมกับวัยเด็ก ๔.๓ มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับบุตรหลานให้ความรักความเอาใจใส่ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ๔.๔ จัดเวลาในการทำกิจกรรมร่วมกับบุตรหลานเช่นเล่านิทานอ่านหนังสือร่วมกันสนทนา พูดคุยซักถามปัญหาในการเรียนให้การเสริมแรงและให้กำลังใจ


50 ๔.๕ ร่วมมือกับผู้สอนและสถานศึกษาในการช่วยเตรียมตัวบุตรหลานเพื่อช่วยให้บุตรหลานของตน ปรับตัวได้ดีขึ้น การสร้างเชื่อมรอยต่อระหว่างการศึกษาปฐมวัยกับระดับประถมศึกษาปีที่ 1 โดยโรงเรียนราชประชานุเคราะห์1ได้ดำเนินการเชื่อมต่อระหว่างการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับ ประถมศึกษาปีที่ 1 ดังนี้ 1. ครูประจำชั้นอนุบาลปีที่ 3 ศึกษาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แล้วนำ กิจกรรมการเรียนรู้มาปรับให้เหมาะกับบริบทของระดับอนุบาลปีที่ 3 มีการพัฒนาทักษะการอ่าน เขียน พื้นฐาน ในภาคเรียนที่ 2 เพื่อสร้างรอยเชื่อมต่อระหว่างการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ของโรงเรียน ราชประชานุเคราะห์ 1 2.คุณครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 สอบถามข้อมูลนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่จะเลื่อนชั้นมาเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1 พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคุณครูประจำชั้นอนุบาล 3 เกี่ยวพัฒนาการของนักเรียน ด้านสติปัญญาการเรียนรู้ อารมณ์ พฤติกรรม และความพร้อมทางด้านร่างกาย 3.ประเมินความพร้อม ของนักเรียน เป็นรายบุคคลหลังจากได้ปรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชื่อมต่อ ระหว่างการศึกษาระดับปฐมวัยกับระดับประถมศึกษาปีที่ 1 การบริหารจัดการหลักสูตร การนำหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยสู่การปฏิบัติให้เกิดประสิทธิภาพตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรผู้ที่ เกี่ยวข้องกับการบริหารหลักสูตรในระบบสถานศึกษา ได้แก่ผู้บริหาร ผู้สอน พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และชุมชน มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพของเด็ก ๑. บทบาทผู้บริหารสถานศึกษาปฐมวัย ๑. ศึกษาทำความเข้าใจหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยและมีวิสัยทัศน์ด้านการจัดการศึกษา ปฐมวัย ๒. สร้างความตระหนักให้แก่ครู บุคลากรโดยการประชุมชี้แจงความสำคัญและความจำเป็นที่ต้อง ร่วมมือกันบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา ๓. แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการโรงเรียน ๔. จัดทำโครงการ งบประมาณเพื่อปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษา ๕. แต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาเพื่อดำเนินการดังนี้ ๑. ประเมินผลการใช้หลักสูตรสถานศึกษาเดิม ๒. ระดมความคิดเห็น การวิเคราะห์สภาพ/ปัญหาการจัดการศึกษาที่ผ่านมา ๓. ออกแบบหลักสูตรสถานศึกษากับคณะกรรมการจัดทำร่างหลักสูตรสถานศึกษา ๖. นำร่างหลักสูตรสถานศึกษาเสนอต่อคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวิชาการ โรงเรียนเพื่อให้ข้อเสนอแนะ และปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ ๗. ขออนุมัติต่อกรรมการสถานศึกษาและประกาศใช้หลักสูตรสถานศึกษา ๘. จัดทำข้อมูลสารสนเทศของสถานศึกษา และแหล่งเรียนรู้เพื่อนำไปจัดทำแผนพัฒนา คุณภาพการศึกษาของโรงเรียนให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.๒๕๖๐ ๙. การรับและพัฒนาครู ดำเนินการคัดเลือกบุคลากรที่ทำงานกับเด็ก โดยคำนึงถึงคุณสมบัติ


51 หลักตามเกณฑ์ พัฒนาครูประจำการให้สามารถใช้หลักสูตรสถานศึกษาได้ตามวัตถุประสงค์ และมาตรฐาน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของหลักสูตร ๑๐.จัดทำโครงการ/งบประมาณสนับสนุนการจัดกระบวนการเรียนรู้ การจัดสภาพแวดล้อม ตลอดจนสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้และกิจกรรมเสริมหลักสูตร ๑๑. นิเทศ กำกับ การติดตามใช้หลักสูตร โดยครูนำหลักสูตรไปออกแบบหน่วยการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้/แผนการจัดประสบการณ์ โดยจัดให้มีการนิเทศภายในอย่างเป็นระบบ ๑๒. นิเทศ กำกับ การติดตามประเมินผลการเรียนรู้และประเมินพัฒนาการเด็กตามมาตรฐาน ตัวบ่งชี้ และสภาพที่พึงประสงค์ ตรวจสอบการประเมินผลการเรียนรู้ และรายงานผลการ ดำเนินการสอนของครู รายงานการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาระหว่างการใช้หลักสูตรทุกปีการศึกษา ปรับปรุง หลักสูตรให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางนวัตกรรมและเทคโนโลยี ๑๓. กำกับติดตามให้มีการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาและนำผลการประเมินไปใช้ใน การปรับปรุงหลักสูตรเพื่อการพัฒนาคุณภาพเด็ก ๑๔. กำกับติดตามให้มีการประเมินการนำหลักสูตรไปใช้เมื่อครบรอบปีที่ ๓เพื่อนำผลจากการ ปรับปรุงและพัฒนาสาระของหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็ก บริบทสังคมและให้มี ความทันสมัย ๒. ผู้สอนระดับปฐมวัยในบทบาทผู้นำหลักสูตรไปใช้ ผู้สอนร่วมเป็นกรรมการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา ศึกษาผลลัพธ์การเรียนรู้ตามมาตรฐาน กำหนด สาระการเรียนรู้รายปี กระบวนการจัดการเรียนการสอนสำหรับยุคศตวรรษที่ ๒๑ ต้องส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนา ตามศักยภาพ สอดคล้องกับพัฒนาการและเต็มตามศักยภาพ ครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก เป็นโค้ช ดังนั้น ผู้สอนจึงมีบทบาทสำคัญยิ่งที่จะทำให้กระบวนการจัดการเรียนรู้ดังกล่าวบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้สอนจึงมี บทบาท/หน้าที่ ดังนี้ ๒.๑ บทบาทของผู้สอนในฐานะผู้ใช้หลักสูตร ๑. ออกแบบหน่วยการเรียนรู้ และวิเคราะห์ความสอดคล้องของมาตรฐานตังบงชี้ สภาพที่พึง ประสงค์ กับสาระการเรียนรู้รายปี ๒. จัดทำแผนการจัดประสบการณ์ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ หรือแผนการจัดการเรียนรู้ให้เด็กมีอิสระ การเรียนรู้ทั้งกายและใจ จัดประสบการณ์/จัดการเรียนรู้โดยเปิดโอกาสให้เด็กเล่น/ทำงานและเรียนรู้ทั้งรายบุคคล และเป็นกลุ่ม สอดคล้องกับผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดหวัง ทดลองใช้นวัตกรรมการเรียนการสอน การประเมิน พัฒนาการที่มีความทันสมัย ดำเนินการจัดการเรียนการสอนตามวงจรคุณภาพ PDCA ๓. จัดสภาพแวดล้อมตลอดจนสื่อ วัสดุ อุปกรณ์เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ ๔. จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร/กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๕. ประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ และการประเมินพัฒนาการเด็กตามมาตรฐาน ตัวบ่งชี้ และสภาพ ที่พึ่งประสงค์ ตรวจสอบการประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ การรายงานผลการดำเนินการสอนของครู ร่วมจัดทำ รายงานการประเมินหลักสูตรสถานศึกษาระหว่างการใช้หลักสูตรทุกปีการศึกษา ปรับปรุงหลักสูตรให้มีความ ทันสมัยสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางนวัตกรรมและเทคโนโลยี ๖. จัดทำวิจัยในชั้นเรียน เพื่อนำไปปรับปรุง พัฒนาหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้และพัฒนาสื่อ การเรียนรู้ ๒.๒ บทบาทในฐานะผู้ดูแลเด็ก/กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน/เสริมหลักสูตร ๑. ส่งเสริมและพัฒนาการเด็กทุกด้านทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา ๒. ฝึกให้เด็กช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวัน


52 ๓. ฝึกให้เด็กมีความเชื่อมั่น มีความภูมิใจในตนเองและกล้าแสดงออก ๔. ฝึกการเรียนรู้หน้าที่ ความมีวินัย และการมีนิสัยที่ดี ๕. จำแนกพฤติกรรมเด็กและสร้างเสริมลักษณะนิสัยและแก้ปัญหาเฉพาะบุคคล ๖. ประสานความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา บ้าน ชุมชน เพื่อให้เด็กพัฒนาเต็มตามศักยภาพ และมีมาตรฐานคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ ๓. บทบาทของพ่อแม่หรือผู้ปกครองเด็กปฐมวัย การศึกษาระดับปฐมวัยเป็นการศึกษาที่จัดให้แก่เด็กที่ผู้สอนและพ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องสื่อสาร กันตลอดเวลา เพื่อความเข้าใจตรงกันและพร้อมร่วมมือกันในการจัดการศึกษาให้กับเด็ก พ่อแม่หรือผู้ปกครองควร มีบทบาทหน้าที่ ดังนี้ ๑. มีส่วนร่วมในการกำหนดแผนพัฒนาสถานศึกษา และให้ความเห็นชอบกำหนดสาระการเรียนรู้ รายปี แผนการเรียนรู้ของเด็กร่วมกับผู้สอนและเด็ก ๒. ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมสถานศึกษา และกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กตามศักยภาพ สนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษาตามความเหมาะสมและจำเป็น ๓. มีส่วนร่วมในการประเมินผลการเรียนรู้ของเด็กและในการประเมินการจัดการศึกษาของ สถานศึกษา ๔. บทบาทของชุมชน ชุมชนมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเด็กปฐมวัยในการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยการ/ ประสานความร่วมมือเพื่อร่วมพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ ดังนั้น ชุมชนจึงมีบทบาทในการจัดการศึกษาปฐมวัย ดังนี้ ๑. มีส่วนร่วมในการบรารสถานศึกษาในบทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษา สมาคม/ชมรม ผู้ปกครอง ๒. มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพัฒนาสถานศึกษาเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของ สถานศึกษา ๓. เป็นแหล่งเรียนรู้ เครือข่ายการเรียนรู้ ให้เด็กได้เรียนรู้และมีประสบการณ์จากสถานการณ์จริง ๔. ส่งเสริมให้ระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา ตลอดจนวิทยากรภายนอกและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการเด็กทุกด้าน รวมทั้งสืบสานจารีตประเพณีศิลปะวัฒนธรรมของท้องถิ่นและของชาติ ๕. ประสานงานกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้สถานศึกษาเป็นแหล่งวิทยากรของชุมชน และท้องถิ่น ๖. มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และประเมินผลการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ทำหน้าที่ เสนอแนะในการพัฒนาการจัดการศึกษาของสถานศึกษา การจัดการศึกษาปฐมวัย (เด็กอายุ ๓-๕) สำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ การจัดการศึกษาระดับปฐมวัยสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะสามารถนำหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยไปปรับ ใช้ได้ ทั้งในส่วนของโครงสร้างหลักสูตร สาระการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ และการประเมินพัฒนาการให้ เหมาะกับสภาพ บริบท ความต้องการ และศักยภาพของเด็กแต่ละประเภท เพื่อพัฒนาให้เด็กมีคุณภาพตาม มาตรฐานคุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ ที่หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกำหนด โดยดำเนินการ ดังนี้ ๑. การกำหนดเป้าหมายคุณภาพเด็ก ซึ่งหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยได้กำหนดมาตรฐานคุณลักษณะที่พึง ประสงค์ และสาระการเรียนรู้ เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาเด็ก สถานศึกษาหรือผู้จัดการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ สามารถเลือกหรือปรับใช้ได้ ตัวบ่งชี้ และสภาพที่พึง


53 ประสงค์ในการพัฒนาเด็ก เพื่อนำไปจัดทำแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลให้ครอบคลุมพัฒนาการของเด็กทั้ง ทางด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ๒. การประเมินพัฒนาการเด็กจะต้องคำนึงถึงปัจจัยความแตกต่างของเด็ก อาทิ เด็กที่มีความพิการแต่ละ ด้าน อาจจะต้องมีการปรับการประเมินพัฒนาการที่เอื้อต่อสภาพความพิการของเด็ก ทั้งวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ ควรสอดคล้องกลับเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้านดังกล่าว ๓. สถานศึกษาที่มีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้านควรได้รับการสนับสนุนครูพี่เลี้ยงให้การดูแลช่วยเหลือ และส่งเสริมพัฒนาการ กรณีที่มีเด็กกลุ่มเป้าหมายเฉพาะด้านมีผลพัฒนาการไม่เป็นไปตามเป้าหมายควรมีการส่ง ต่อไปยังสถานพัฒนาเด็กที่มีความต้องการพิเศษเพื่อให้ได้รับการพัฒนาต่อไป


54 ภาคผนวก


55 คําสั่งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 1 ที่ 47 /2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะทํางานจัดทําหลักสูตรสถานศึกษาระดับปฐมวัย .................................................. ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้มีคําสั่งที่ สพฐ.1223/2560 ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2560 เรื่อง ให้ใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 แทนหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 ตั้งแต่ ปีการศึกษา 2561 เป็นต้นไป โดยกําหนดให้สถานศึกษาจัดทําหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย ฉะนั้นเพื่อให้ การจัดทําหลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัยโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 1 พุทธศักราช 2561 (ฉบับปรับปรุง 2566) ดําเนินไปด้วยความเรียบร้อย จึงแต่งตั้งบุคคลต่อไปนี้เป็นคณะกรรมการจัดทําหลักสูตร ดังนี้ 1. คณะกรรมการอํานวยการ มีหน้าที่อํานวยการ เสนอแนะ และสนับสนุนการดำเนินงาน 1.1 นายพรชัย สัสดีเดช ผู้อํานวยการโรงเรียน ประธาน 1.2 นางสาวขวัญใจ สัสดีเดช รองผู้อำนวยการ รองประธาน 1.3 นายณกฤษณ์ จำปีพันธ์ รองผู้อำนวยการ รองประธาน 1.4นางสุมาลี ฮ้อบุตร ครู ชำนาญการพิเศษ กรรมการ 1.5 นางสุดาดวง เพชรทอง ครู ชำนาญการพิเศษ กรรมการ 1.6นางจิตราภรณ์ วุ่นแก้ว ครู ชำนาญการพิเศษ กรรมการ 1.7นางพิทยา ศรีสุวรรณ ครู ชำนาญการพิเศษ กรรมการ 1.8นางอัจฉรา พะโยม ครู ชำนาญการพิเศษ กรรมการ/เลขานุการ 2. คณะกรรมการจัดทําหลักสูตรสถานศึกษา 2.1 นางอัจฉรา พะโยม ครู ชำนาญการพิเศษ ประธาน 2.2 นางลดารมณ์ กังวานเกียจติกุล ครู ชำนาญการพิเศษ กรรมการ 2.3 นางสุภานี รอดภัย ครู กรรมการ 2.4 นางสาววิริยา ชูสัง ครู กรรมการ 2.5 นางอนุสรณ์ เม่งบุตร ครู ชำนาญการพิเศษ กรรมการ/เลขานุการ มีหน้าที่ วางแผนการดําเนินการและดําเนินการปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้อง กับหลักสูตร การศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 และสภาพเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 (ลงชื่อ) (นายพรชัย สัสดีเดช) ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๑


56


โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๑ สำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ สำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน


Click to View FlipBook Version