หนงั สืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
วิชา เทคโนโลยี
(วทิ ยาการคานวณ)
ช้ัน ม.3
1
ยนิ ดตี ้อนรบั
เข้าสู่บทเรียนดว้ ยหนังสืออเิ ล็กทรอนกิ ส์
คาชี้แจง
หนังสืออเิ ล็กทรอนกิ ส์บนเวบ็ เรอื่ ง เทคโนโลยี
(วทิ ยาการคานวณ) ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 3 มุ่งเน้นให้
ผเู้ รยี นใชค้ วามรู้ และความคิดอยา่ งมรี ะบบโดยให้ผเู้ รียน
ศึกษาความรู้จากหนงั สืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ มที ้งั หมด 4 หนว่ ย
วธิ ีการใหผ้ เู้ รยี นปฏบิ ตั ิ ดังนี้
1.ใหผ้ ้เู รยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน ก่อนทาการ
สู่บทเรียน
2.เมอื่ ทาแบบทดสอบก่อนเรียนเสร็จ ใหผ้ เู้ รียน
ทาการศึกษาบทเรยี นในหนงั สืออเิ ล็กทรอนิกส์ท้งั หมด
4 หนว่ ย ในแต่ละหนว่ ยให้ผูเ้ รียนทาแบบทดสอบท้าย
หนว่ ยให้ครบท้ัง 4 หน่วย
3.เมือ่ ผเู้ รยี นศึกษาเนือ้ หาครบถ้วนแลว้ ให้ผ้เู รียน
ทาแบบทดสอบหลงั เรียน
2
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
คาชแี้ จง
1.ข้อสอบเปน็ แบบปรนยั 4 ตวั เลือก
2.มีจานวน 20 ขอ้ คะแนนเต็ม 20 คะแนน
3.คลกิ ทเี่ รมิ่ ทาแบบทดสอบ หรือสแกน QR CODE
หรอื คลกิ
https://forms.g
le/vn4pDPvyv9
GmPycKA
3
คานา
หนังสืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-book) เล่มนี้ มเี นือ้ หา
เกย่ี วกบั วิชาเทคโนโลยี(วทิ ยาการคานวณ) ช้นั
มัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
ซ่ึงมเี น้อื หาท้ังหมด 4 หน่วยการเรยี นรู้
เพ่ือจะได้นาความรู้ดงั กลา่ วไปใชใ้ นการดาเนิน
ชีวติ ผู้จัดทาหวงั วา่ หนงั สืออเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-book)
เลม่ นี้ จะมีส่วนช่วยพัฒนาให้ผเู้ รียนมคี วามรู้ ความ
เขา้ ใจและสามารถใชป้ ระโยชนข์ องเทคโนโลยีไดอ้ ยา่ ง
ชานาญและหากมขี อ้ ผดิ พลาดประการใด ผู้จดั ทาขอ
อภยั มา ณ ท่นี ี้ดว้ ย
สารบัญ
เรือ่ ง หน้า
หนว่ ยที่ 1 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ 1
อยา่ งรูเ้ ท่าทนั 8
16
หน่วยที่ 2 การประมวลผลข้อมูล 24
หน่วยที่ 3 อนิ เตอรเ์ น็ตของสรรพสิ่ง
หน่วยที่ 4 การพัฒนาแอปพลิเคชัน
5
1
1
การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งรเู้ ทา่ ทัน
ตวั ชวี้ ดั
ว.4.2 ม.3/3 ประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถือของข้อมูล วเิ คราะห์
สื่อและผลกระทบจากการให้ข่าวสารทผี่ ดิ เพื่อการใช้งาน อย่าง
รเู้ ทา่ ทัน
6
2
การประเมนิ ความนา่ เชอื่ ถอื ของขอ้ มลู
การนาขอ้ มลู มาใชใ้ นการเรียน การทางาน และการ
ตัดสินใจตา่ ง ๆ จะตอ้ งพิจารณาความ ถูกต้องของขอ้ มูลที่
นามาจากหลายแหล่งข้อมลู โดยตอ้ งเปน็ แหล่งขอ้ มลู ทมี่ คี วาม
น่าเชอื่ ถือ มคี วาม ถูกตอ้ งสมบรู ณ์ สอดคล้องตรงตามความ
ตอ้ งการ และมคี วามทันสมัย
เพื่อให้ไดข้ อ้ มูลทมี่ คี ุณภาพ นกั เรยี นอาจใช้ การ
ประเมินความน่าเชอื่ ถือของข้อมลู โดยใช้ ประเด็นการพิจารณา
ของ “พรอมท์” ได้แก่ การนาเสนอ ความสัมพันธ์ วัตถปุ ระสงค์
วธิ ีการ แหล่ง ทมี่ า และเวลา (Presentation, Relevance,
Objectivity, Method, Provenance, Timeliness: PROMPT)
ซ่งึ มรี ายละเอียดดังนี้
7
3
การนาเสนอ (Presentation)
การนาเสนอข้อมลู ทดี่ ีจะตอ้ งมีการวางเค้าโครง ทเี่ หมาะสม
มรี ายละเอียดชัดเจน ไม่คลมุ เครอื ใชภ้ าษาและสานวนถกู ตอ้ ง มี
ข้อมูลตรงตามที่ ตอ้ งการ เนือ้ หามคี วามกระชับ สามารถจับ
ใจความ หรือประเดน็ สาคญั ได้
ความสัมพันธ์ (Relevance)
การพิจารณาประเด็นเกย่ี วกบั ความสัมพันธ์ จะต้อง
คานงึ ถงึ ความสอดคลอ้ งของข้อมูลกบั ส่ิงที่ ต้องการ
ถึงแม้ว่าข้อมูลน้ันอาจมคี ุณภาพมาก แตถ่ า้ ไม่สัมพันธห์ รอื
สอดคล้องกบั วัตถปุ ระสงค์ กไ็ ม่ สามารถนาไปใชไ้ ด้ เชน่
นักเรยี นจะไปเที่ยวเกาะภูเกต็ ซ่งึ อยู่ทะเลฝ่ั งอันดามันแต่
ค้นหาข้อมลู ท่เี กีย่ วกับ ทะเลฝ่ั งอา่ วไทย
4
วัตถุประสงค์ (Objectivity)
ข้อมูลทีจ่ ะนามาใช้ต้องมวี ตั ถปุ ระสงคท์ ชี่ ดั เจน ไม่ใช่
ข้อมลู ทเี่ ปน็ การแสดงความคิดเหน็ หรอื มเี จตนาแอบแฝง
วธิ ีการ (Method)
ขอ้ มูลทนี่ ามาใช้ เปน็ ขอ้ มลู ทมี่ กี ารวางแผน การเก็บ
รวบรวมข้อมูลอย่างเปน็ ระบบ เช่น หากนักเรียนตอ้ งการใช้แอป
พลิเคชันตรวจสอบ คะแนนสอบวชิ าวทิ ยาการคานวณของตน
วา่ อยูใ่ นระดบั ใดของโรงเรียน
5
แหล่งท่มี า (Provenance)
ขอ้ มลู ทีน่ า่ เชอื่ ถือตอ้ งมีการระบุแหลง่ ทมี่ า อยา่ งชัดเจน
และเปน็ แหลง่ ขอ้ มลู ทเี่ ชอื่ ถอื ได้
เวลา (Timeliness)
ขอ้ มลู ทมี่ ีคณุ ภาพจะต้องมคี วามเปน็ ปั จจบุ นั หรือมคี วาม
ทนั สมัย และมกี ารระบชุ ่วงเวลาในการ สร้างขอ้ มูลทตี่ รงกับ
ความเปน็ จรงิ
10
6
สรุปท้ายบท
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมคี วามปลอดภยั และ และมี
ความสุขน้นั ผใู้ ช้จาเปน็ ต้องมีความรู้ความเข้าใจเพียง เกีย่ วกับ
เทคโนโลยี และมีศิลปะในการใชช้ วี ิตในสังคม เปลยี่ นดิจทิ ลั ทมี ีความ
ซบั ซ้อนได้อย่างเหมาะสม ก่อนทีจ่ ะใช้ข้อมลู ต่าง ๆ จะตอ้ งประเมนิ
ความนา่ เชอื่ ถอื โดย พิจารณาในประเด็นของพรอมท์ ไดแ้ ก่ การ
นาเสนอ ความสัมพันธ์ วตั ถปุ ระสงค์ วิธีการ แหล่งทมี่ า และเวลา
โดยต้องตรวจสอบความนา่ เชอื่ ถือของแหลง่ ข้อมลู และต้องตระหนัก
ถึงการใหเ้ หตุผลทถี่ กู ต้องและ สอดคลอ้ งกับความเปน็ จริงเพื่อให้
สามารถนาไป แก้ปั ญหาได้ ผู้ใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศตอ้ งมี
ความ รอบคอบ ระมัดระวัง รู้เท่าทนั สื่อ และขา่ วลวงตา่ ง ๆ และ
ปฏบิ ัตติ ามทกี่ ฎหมายกาหนด เพราะความผดิ พลาด เขา้ ใจเพียง
เลก็ นอ้ ยอาจกอ่ ปั ญหาใหญแ่ ละอาจทาใหช้ วี ิต สังคม เปลยี่ นไปในทาง
ทไี่ มเ่ หมาะสมได้
11
7
คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝกึ หัดทา้ ยบทที่ 1
โดยให้นักเรียนทาการสแกนควิ อาร์โคด้
หรอื คลกิ
https://forms.
gle/XdyRVHg
ToSvzFmVVA
12
8
หนว่ ยท่ี 2
การประมวลผลขอ้ มลู
ตัวชวี้ ัด
ว 4.2 ม3/2 รวบรวมข้อมลู ประมวลผล ประเมินผล นาเสนอ
ขอ้ มลู และสารสนเทศ ตามวตั ถุประสงคโ์ ดยใชซ้ อฟตแ์ วรห์ รอื
บริการบนอนิ เทอรเ์ น็ตทหี่ ลากหลาย 13
9
การนาขอ้ มลู มาใชแ้ กป้ ั ญหา
การนาขอ้ มลู มาใชใ้ นการแกป้ ั ญหาทสี่ นใจไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธิภาพ มขี ้ันตอนดงั นี้
1.การนยิ ามปั ญหา (problem definition) หมายถึง การต้ัง
คาถามทสี่ นใจและตอ้ งการหาคาตอบ เมอื่ เราตอ้ งการแกป้ ั ญหา
อย่างใดอย่างหน่ึง เราควรเรมิ่ ตน้ จากการนยิ ามปั ญหาทีก่ ระชับ
และชดั เจน โดยระบุถงึ ผลลพั ธ์ทตี่ อ้ งการจากกระบวนการ
แกป้ ั ญหาพรอ้ ม รายละเอยี ด เงือ่ นไข และสถานการณ์เฉพาะที่
เกยี่ วขอ้ งกบั ปั ญหาอยา่ งครบถ้วน ความชัดเจนของปั ญหา เปน็
จดุ เริม่ ตน้ ทสี่ าคัญของการแก้ปั ญหา
14
10
2. การวเิ คราะหป์ ั ญหา (problem analysis) หมายถงึ
การทาความเขา้ ใจปั ญหา เพื่อกาหนดสาระสาคัญของปั ญหา
และข้อมูลทเี่ กยี่ วข้อง การวิเคราะหป์ ั ญหาเปน็ กระบวนการที่
เราจะทาความเข้าใจกบั ปั ญหา ค้นหาสาระสาคญั ของปั ญหา
โดยพิจารณาวา่ สิ่งใดเปน็ ผลลัพธ์จากการแกป้ ั ญหา และข้อมลู
ต่าง ๆ ทจี่ าเปน็ ในการหาผลลพั ธ์ โดยมีรายละเอียดการ
ดาเนินการทเี่ กยี่ วข้อง คือ
1. กาหนดขอ้ มลู หลกั ทใี่ ชใ้ นการประมวลผล เพื่อหา
คาตอบ
2. กาาหนดปรมิ าณข้อมลู ทตี่ อ้ งรวบรวม ให้มีปริมาณที่
เพียงพอและเหมาะสมกับการนาไปหาข้อสรุป
3. กาหนดกรอบเวลาในการรวบรวมขอ้ มลู
4. กาหนดชนิดของขอ้ มูล รปู แบบข้อมลู หนว่ ยของขอ้ มลู
15
11
3. การรวบรวมขอ้ มลู (data collection) หมายถึง การ
ได้มาซ่งึ ข้อมูลทถี่ กู ต้อง ครบถ้วน และจาเปน็ ต่อการแก้ปั ญหา
ขอ้ มลู ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั แตล่ ะปั ญหาอาจมจี านวน ลักษณะ และ
ประเภททแี่ ตกต่างกนั การรวบรวมขอ้ มลู ข้นึ อยู่กับผลการ
วิเคราะห์ปั ญหาว่ามขี อ้ มลู ใดบ้างทเี่ กยี่ วข้อง และต้องเก็บ
รวบรวม การดาเนนิ การในข้ันตอนการรวบรวมข้อมลู
ประกอบดว้ ย
1. กาหนดแหล่งขอ้ มูล อาจเปน็ การรวบรวมจาก แหล่งที่
เปน็ ตน้ กาเนดิ ของข้อมลู ทเี่ รยี กวา่ ขอ้ มูลปฐมภมู ิ หรอื รวบรวม
จากแหล่งอืน่ ทไี่ ด้ มกี ารรวบรวมไว้ ทเี่ รียกว่าขอ้ มูลทตุ ิยภูมิ
แหลง่ ขอ้ มลู ทมี่ ีความนา่ เชอื่ ถือ
2. กาหนดวิธีการรวบรวมข้อมูล ข้นึ อยกู่ ับลกั ษณะของ
ขอ้ มูล แหลง่ ขอ้ มูล และปรมิ าณขอ้ มูล
3. กาหนดวิธกี ารจดั เกบ็ ขอ้ มูลทรี่ วบรวมได้ โดย
คานึงถึงการนาขอ้ มูลไปใช้ในข้ันตอนการประมวลผลขอ้ มูล
16
12
4. การเตรยี มขอ้ มลู (data preparation) หมายถึง การ
ดาเนินการกบั ขอ้ มูลทรี่ วบรวมมา เพื่อใหเ้ ปน็ ข้อมูล ทมี่ คี ณุ ภาพ
พร้อมนาไปประมวลผล เนอื่ งจากข้อมูลมีบทบาทสาคัญในการ
แก้ปั ญหา จงึ จาเปน็ อย่างยงิ่ ทีเ่ ราตอ้ งคานึงถึงคณุ ภาพของขอ้ มูล
ก่อนนาไปประมวลผล แนวทางการตรวจสอบความผิดปกตขิ อง
ขอ้ มลู เพื่อทาความสะอาดขอ้ มูล มีดังนี้
1. ความสมบรู ณ์ (validity) ขอ้ มลู ทรี่ วบรวม มคี วามถกู
ตอ้ งตามขอ้ กาหนด เช่น 3 ข้อมูลและชนดิ ขอ้ มลู มีความสอดคล้อง
กนั เชน่ อายเุ ปน็ ข้อมูลชนดิ ตัวเลข ชอื่ เปน็ ขอ้ มลู ชนิดข้อความ
2. รูปแบบเดยี วกนั (uniformity) ขอ้ มูลเรอื่ งเดยี วกัน
ต้องเก็บอยูใ่ นรูปแบบเดยี วกัน วนั ทใี่ นรปู แบบ วว/ดด/ปป
หรอื ดด/วว/ปป หรอื ใชร้ ปู แบบปี พ.ศ. หรือ ค.ศ.
3. ความครบถว้ น (completeness) ข้อมูลทเี่ กยี่ วขอ้ ง
ต้องถกู รวบรวมอยา่ งครบถ้วน
4. ความทันสมัย (timeliness) ขอ้ มลู มีค่าทสี่ อดคลอ้ ง
กับเวลา หรอื สถานการณ์
17
13
5. การประมวลผลขอ้ มลู (data processing) หมายถงึ การ
ดาเนินการกบั ขอ้ มูลเพื่อใหไ้ ด้สารสนเทศ ตามวตั ถุประสงค์ โดย
อาจไดข้ อ้ ค้นพบอนื่ ทมี่ ีความหมายซ่อนอยู่ นาไปสู่ข้อสรปุ ที่
สอดคล้องกบั ปั ญหาทกี่ าหนด หรอื นาไปใช้ประโยชน์ได้
1. การวเิ คราะหข์ ้อมลู เชิงอนมุ าน (inferential analysis)
ตัวอย่างการนาไปใช้ เชน่ ตอ้ งการรู้จานวนเงนิ ทนี่ ักเรียนแตล่ ะ
คนได้รับจากผูป้ กครองในแตล่ ะวัน โดยสุ่ม ตัวอย่างจากนกั เรยี น
บางส่วน เพื่อนาไปอนุมานเปน็ ข้อมลู ของนกั เรยี นท้งั โรงเรยี น
2. การวิเคราะหเ์ ชิงทานาย (predictive analysis) ตวั อย่าง
การนาไปใช้ เชน่ วิเคราะหพ์ ฤติกรรมการซือ้ สินคา้ เพื่อ
แนะนาสินค้าทคี่ าดว่าลูกค้าจะซอื้ วเิ คราะหเ์ พื่อจัดนักเรียน
ออกเปน็ กลุม่ ทเี่ หมาะสมเพื่อเลือกสถานที่ ทศั นศึกษาให้เหมาะกับ
นักเรยี น แต่ละกลมุ่
3. วเิ คราะห์เชิงปั ญญา (Cognitive analysis) นาไปใช้เพื่อ
วเิ คราะหข์ ้อมูลขนาดใหญ่ และหลากหลาย รปู แบบเพื่อนามาใช้
ออกแบบให้คอมพิวเตอรส์ ามารถช่วย มนุษยใ์ นการทางานและ
ตัดสินใจได้อย่างถกู ต้องแม่นยา และมปี ระสิทธภิ าพ เชน่ การ
วเิ คราะหข์ ้อมลู สุขภาพเพื่อช่วยแพทยใ์ นการหาสาเหตุ
18
14
สรปุ ท้ายบท
ปั ญหาหรอื สิ่งทีส่ นใจลว้ นมขี ้อมูลเปน็ องคป์ ระกอบ
สาคญั เมอื่ ได้มกี ารนิยามปั ญหาและวิเคราะหป์ ั ญหาเรยี บรอ้ ย
แล้ว การนาข้อมูลมาช่วยแกป้ ั ญหาจะเรมิ่ ต้น จากการรวบรวม
ข้อมลู ใหไ้ ดข้ อ้ มลู ทถี่ กู ต้อง ครบถ้วน การเตรยี มขอ้ มูลให้เปน็
ขอ้ มูลทมี่ คี ุณภาพอยู่ในรปู แบบ ทสี่ อดคลอ้ งกบั วิธีการ
ประมวลผลขอ้ มลู โดยเลอื กวิธีการวิเคราะห์ขอ้ มูลทจี่ ะนาไปสู่
คาตอบของปั ญหา หรอื เปน็ ประโยชนใ์ นการแก้ปั ญหา และ
การนาาเสนอ ข้อมลู ในรปู แบบทนี่ ่าสนใจ สื่อความหมายชดั เจน
เขา้ ใจง่าย จะเห็นไดว้ า่ ข้อมูลเปน็ สิ่งทมี่ ีคณุ คา่ มีความหมายซ่อน
อยูภ่ ายในดว้ ยตัวขอ้ มลู เอง หรอื เมอื่ มีการสรา้ งความสัมพันธก์ บั
ขอ้ มูลอืน่ ๆ ข้อมลู เปน็ พื้นฐานสาคัญในการตดั สินใจของบคุ คล
สังคม องคก์ รและประเทศ โดยคานงึ ถึงจริยธรรม และ
ประโยชน์ ทีจ่ ะเกิดข้ึนกับทุกฝ่ายทเี่ กีย่ วข้อง
19
15
คาชีแ้ จง : ให้นักเรยี นทาแบบฝกึ หัดท้ายบทที่ 2
โดยให้นักเรยี นทาการสแกนควิ อาร์โคด้
หรอื คลกิ
https://forms.
gle/PYZJUvT
w2J9F3RBk6
20
16
หน่วยท่ี 3
อนิ เตอร์เน็ตของสรรพส่ิง
ตวั ชวี้ ดั
ว 4.2 ม3/1 พัฒนาแอปพลิเคชนั ทมี่ ีการบูรณาการกบั วชิ าอนื่
อย่างสรา้ งสรรค์
21
17
อนิ เตอรเ์ นต็ ของสรรพสิ่ง
อินเทอรเ์ นต็ ของสรรพสิ่งหรอื ไอโอที (Internet of Things:
IoT) เปน็ การเชอื่ มโยงอปุ กรณ์ต่าง ๆ เชน่ อปุ กรณ์ไฟฟา้ ตัวรบั รู้
หรือเซนเซอร์ (Sensor) เขา้ กบั โครงขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ ทาให้
สามารถส่งข้อมลู ที่ เซนเซอรว์ ัดจากสภาพแวดลอ้ มไปยังเครอื่ ง
คอมพิวเตอร์และอปุ กรณอ์ นื่ ๆ ทเี่ ชอื่ มอยกู่ ับระบบอินเทอรเ์ นต็ ได้
จึงเปน็ กลไกทใี่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากเซนเซอร์ได้สะดวก
22
18
องค์ประกอบของไอโอที
1. อปุ กรณไ์ อโอที 2. อุปกรณเ์ กตเวย์
(IoT device) (gateway]
3.เครือ่ งบริการ 4. อุปกรณ์ฝั ง
(server) ผู้ใช้
(user device)
23
19
องคป์ ระกอบของไอโอที
1. อุปกรณไ์ อโอที (IoT device) เปน็ คอมพิวเตอร์ ขนาด
เล็กทมี่ ีความสามารถในการตรวจวดั สถานะในบรเิ วณทสี่ นใจ
อาจมกี ารเชอื่ มตอ่ กบั กลไกควบคุม อุปกรณ์ไฟฟา้ อนื่ ๆ เพื่อ
ส่ังงาน เช่น การเปดิ หรอื ปดิ การทางานของอุปกรณ์ ดงั น้นั
อปุ กรณไ์ อโอทีส่วนใหญจ่ ะประกอบด้วยหน่วยประมวลผล
และส่วนสื่อสารซ่งึ อาจอย่ใู นรปู แบบการสื่อสาร ไรส้ าย เช่น
ไวไฟ เซนเซอร์ ส่วนแสดงผลและแหลง่ จา่ ยไฟ แสดง
แผงวงจร IPST-WiFi พัฒนาโดย สสวท.
24
20
2. อปุ กรณ์เกตเวย์ (gateway) เปน็ อปุ กรณ์ ทเี่ ปน็
ทางผา่ นใหก้ ับอปุ กรณ์ไอโอทเี ชือ่ มตอ่ กบั โครงขา่ ย
อนิ เทอรเ์ น็ต เชน่ อปุ กรณไ์ อโอทที ีร่ องรับการเชอื่ มตอ่
แบบไวไฟ อุปกรณ์เกตเวย์กค็ ือไวเลสเราเตอร์ทีอ่ ยู่ใน
บรเิ วณน้ัน
25
21
3. เครอื่ งบรกิ าร (server) หรอื โบรกเกอร์ (broker)
เปน็ เครอื่ งคอมพิวเตอร์ในอนิ เทอร์เน็ตทที่ าหน้าที่ เปน็ จุด
รวบรวม ประมวลผล หรือเชอื่ มโยงข้อมลู เนอื่ งจากอปุ กรณ์
ไอโอทมี่ ักใชห้ นว่ ยประมวลผลกลาง ขนาดเลก็ ทมี่ ีขอ้ จากดั
ด้านหนว่ ยความจาและความสามารถในการคานวณ จงึ ไม่
สามารถจดั เกบ็ และประมวลผลขอ้ มลู จานวนมากได้ เครอื่ ง
บรกิ ารจะทาหนา้ ทรี่ วบรวมขอ้ มลู ทรี่ ับมาจากอุปกรณ์ไอโอที
แตล่ ะตัว ประมวลผลแลว้ ส่งตอ่ ไปยงั อปุ กรณอ์ นื่ ทตี่ ้องการใช้
ขอ้ มูล
26
22
4. อปุ กรณฝ์ ั งผใู้ ช้ (user device) เปน็ ส่วนของการ
แสดงผลสถานะทตี่ รวจวดั ไดจ้ ากอปุ กรณไ์ อโอที ใหผ้ ใู้ ช้ไดร้ บั
ทราบในรปู ของแอปพลิเคชัน ซ่งึ อาจมกี ารต้ังค่าใหแ้ สดงผล
ได้ท้ังค่าปั จจุบันหรือค่าทไี่ ด้ มกี ารบนั ทกึ ไวก้ อ่ นหน้านแี้ ละ
ควบคุมสถานะของอปุ กรณ์ไฟฟา้ ทเี่ ชอื่ มตอ่ อยกู่ บั อปุ กรณไ์ อ
โอที
27
23
สรปุ ทา้ ยบท
อนิ เทอรเ์ น็ตของสรรพสิ่งหรอื ไอโอที ทาใหเ้ รา สามารถส่ง
คา่ จากเซนเซอรต์ ่าง ๆ เข้าสู่อินเทอรเ์ นต็ ข่าวสาร เพื่อรวบรวม
และนาขอ้ มลู มาประมวลผล โดยอาจนาผลลพั ธไ์ ปใชใ้ นการ
ตัดสินใจส่ังงานอุปกรณ์อนื่ ๆ ได้ ต่าง ๆ ระบบไอโอที
ประกอบดว้ ยอุปกรณ์ไอโอที ซ่งึ เปน็ ไฟฟา้ คอมพิวเตอร์ขนาด
เลก็ ทเี่ ชอื่ มตอ่ กับเซนเซอรเ์ พื่อวดั ค่าต่าง ๆ ซ่งึ สามารถส่ังงาน
อุปกรณ์ไฟฟา้ ให้เปดิ หรือปดิ การทางานได้และสามารถ
แลกเปลีย่ นขอ้ มูลกับอุปกรณ์ ไอโอทีอนื่ ๆ ได้ โดยเชอื่ มต่อเข้า
กับระบบอินเทอรเ์ นต็ 7 ผ่านอุปกรณเ์ กตเวย์
28
24
คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นทาแบบฝึกหดั ทา้ ยบทที่ 3
โดยให้นักเรียนทาการสแกนคิวอาร์โค้ด
หรอื คลกิ
https://forms.
gle/6HkXeZcb
7hSy32B79
29
25
หนว่ ยท่ี 4
การพัฒนาแอปพลเิ คชัน
ตวั ชวี้ ดั
ว 4.2 ม3/1 พัฒนาแอปพลิเคชันทมี่ กี ารบูรณาการกับวชิ าอนื่
อยา่ งสรา้ งสรรค์
30
26
การพัฒนาแอปพลเิ คชนั
การพัฒนาแอปพลิเคชนั (application) หรอื ซอฟต์แวร์
คอมพิวเตอรน์ ้ัน อาจทาได้โดยใชเ้ ครอื่ งคอมพิวเตอร์เพียง
เครอื่ งเดียว ทาให้สามารถเรมิ่ ต้นไดง้ า่ ย แตกตา่ งจากการ
พัฒนาผลิตภณั ฑ์ทางวศิ วกรรมอนื่ ๆ ทตี่ อ้ งการแรงงานและ
เครอื่ งจกั รจานวนมาก เชน่ การผลิตรถยนต์ การสรา้ งรถไฟ
ความเรว็ สูง การสร้างเครอื่ งบนิ โดยสาร
อย่างไรกต็ าม แอปพลเิ คชนั น้นั อาจมีความซบั ซ้อนมาก
ดังน้ันการพัฒนาแอปพลิเคชนั ทดี่ ีตอ้ งมกี ารวางแผนการ
ดาเนินการอย่างเปน็ ระบบ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในการพัฒนา
แอปพลิเคชันทีม่ ีผู้รว่ มพัฒนาหลายคน ไม่เชน่ น้นั อาจจะทาให้
เกดิ ความลม้ เหลวหลายดา้ น เชน่ การผลติ แอปพลิเคชันทไี่ ม่
ตรงกบั ความต้องการของลกู คา้ หรือผใู้ ชง้ าน องคป์ ระกอบ
ของผลติ ภณั ฑ์ไม่ครบถ้วนตามความตอ้ งการ การส่งมอบงาน
ไม่ทันตามกาหนดเวลา มีการทางานทผี่ ดิ พลาด
31
27
การพัฒนาแอปพลิเคชนั
แอปพลเิ คชันทมี่ ีองคป์ ระกอบทางซอฟตแ์ วร์เพียงอย่างเดียว
จดั เปน็ ผลติ ภณั ฑอ์ ย่างหน่งึ การพัฒนาแอปพลิเคชนั จึงสามารถนา
กระบวนการทางวศิ วกรรมทใี่ ชใ้ นการพัฒนาผลิตภณั ฑ์ประเภทอนื่
มาประยกุ ตใ์ ช้ในการวางแผนการดาเนนิ งานได้ โดยท่วั ไปข้ันตอน
การพัฒนา แอปพลเิ คชนั ดังนี้
1. การศึกษาความตอ้ งการ แอปพลเิ คชนั ถูกสรา้ งข้นึ เพื่อ
ตอบสนองความต้องการและแก้ปั ญหาของผใู้ ช้ ผ้พู ัฒนาจงึ
จาเปน็ ต้องทราบถงึ ความตอ้ งการและปั ญหากอ่ นจะเรมิ่ ออกแบบ
หรอื ลงมอื แก้ปั ญหา การศึกษาความตอ้ งการเพื่อใหไ้ ดข้ อ้ กาหนด
ต่าง ๆ ของแอปพลิเคชนั เชน่ รปู แบบในการตดิ ตอ่ สื่อสารระหวา่ ง
ผู้ใชก้ ับแอปพลเิ คชัน
32
28
2. การออกแบบ ข้นั ตอนการออกแบบนับเปน็ หัวใจสาคัญใน
การพัฒนาแอปพลิเคชับ แอปพลเิ คชันทีพ่ ร้อมนาไปใชง้ านได้น้ัน
มกั มีความซับซ้อนและรายละเอยี ดปลีกย่อยจานวนมาก จงึ มคี วาม
จาเปน็ ในการนาแนวคดิ เชงิ คานวณมาประยกุ ต์ในการออกแบบ
อยา่ งเปน็ ระบบ โดยใชก้ ารแบง่ ปั ญหาใหญ่เปน็ ปั ญหาย่อย การ
พิจารณารูปแบบ การคิดเชงิ นามธรรมและการออกแบบอลั กอริทึม
ผลลัพธ์จากข้นั ตอนนคี้ อื โครงร่างของแอปพลิเคชนั ทปี่ ระกอบด้วย
ส่วนยอ่ ยตา่ ง ๆ ทมี่ กี ารกาหนดหนา้ ทแี่ ละการทางานชัดเจน
3. การสรา้ งแอปพลเิ คชนั ในข้ันตอนนผี้ พู้ ัฒนาเริม่ ลงมือเขียน
โปรแกรมในส่วนประกอบต่าง ๆ ตามทไี่ ดอ้ อกแบบไว้ ผูพ้ ัฒนาจะ
เรมิ่ พบความบกพร่องหรอื ข้อจากัดทมี่ องขา้ มไปในการออกแบบ
หรือข้นั ตอนการศึกษาความตอ้ งการของผู้ใช้ รวมถงึ อุปสรรคใน
ด้านอืน่ ๆ เพิ่มข้นึ เชน่ ข้อจากัดของอุปกรณ์ ซอฟตแ์ วร์ ไลบรารี
หรือภาษาโปรแกรมทนี่ ามาใช้ จึงเปน็ เรอื่ งปกติทจี่ ะต้องมีการ
ยอ้ นกลบั ไปแก้ไขการออกแบบหรอื ทาความเขา้ ใจกบั ความตอ้ งการ
ผู้ใชอ้ ีกคร้ัง
33
29
4. การทดสอบ การทดสอบแอปพลเิ คชันเปน็ การตรวจสอบ
คุณภาพของผลติ ภัณฑ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อค้นหาขอ้ ผิดพลาดและ
ปรบั ปรงุ แกไ้ ข เพื่อใหแ้ นใ่ จวา่ แอปพลเิ คชนั ทางานไดถ้ กู ต้องและ
ลงดองกับความตอ้ งการของผู้ใช้ การทดสอบทไี่ ม่ครอบคลุมทกุ
กรณมี ีโอกาสสูงทที่ าให้แอปพลเิ คชันทางานผิดพลาดระหวา่ งการ
นาไปใชง้ านจรงิ ซ่งึ อาจก่อใหเ้ กดิ ความเสียหายต่อข้อมลู หรอื
อปุ กรณข์ องผใู้ ช้ และหากมีการนาไปใช้ในวงกว้างอาจนากลบั มา
แกไ้ ขได้ยาก
34
30
สรุปทา้ ยบท
การพัฒนาแอปพลเิ คชนั ทดี่ ตี ้องมกี ารวางแผน ไดแ้ ก่การ
ดาเนนิ การอย่างเปน็ ระบบกระบวนการทางวศิ วกรรม สามารถนามา
ประยุกต์ในการวางแผนการดาเนินงาน ได้แก่การศึกษาความ
ต้องการของผู้ใชง้ าน การออกแบบการสรา้ งแอปพลิเคชันและการ
ทดสอบในแตล่ ะข้ันตอนเหลา่ นหี้ ากพบความไม่เหมาะสม อาจมีการ
ย้อนกลับไปปรบั ปรงุ การดาเนนิ การในข้นั ตอนอนื่ ๆ กอ่ นหน้าได้
ข้นั ตอนเหล่านเี้ มอื่ นามาปฏบิ ัตจิ ริงอาจประกอบ ไปด้วยรายละเอียด
ปลีกย่อยจานวนมาก กระดานคัมบงั และการด์ คัมบังเปน็ เทคนิคทไี่ ม่
ซบั ซอ้ นและนยิ ม นามาใช้ในการจัดลาดับความเร่งด่วนและ
ความสาคญั ของงานย่อยแตล่ ะงาน ง่ายต่อการกาหนดผรู้ ับผดิ ชอบ
และตดิ ตามความก้าวหน้า
ช่วยให้สามารถบริหารเวลา และกาลังคนอย่างเหมาะสม ใน
ปั จจุบนั มแี อปพลิเคชัน ออนไลนม์ ากมายทใี่ ห้บรกิ ารจัดการงานในรปู
กระดานคมั บัง โปรแกรมเทรลโลเปน็ แอปพลิเคชนั หน่งึ ทใี่ ช้ง่าย
รองรับการทางานร่วมกับผูอ้ นื่ ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ และสมัครใช้
งานได้ทันทโี ดยไมม่ คี ่าใชจ้ ่าย
35
31
คาชแี้ จง : ให้นกั เรยี นทาแบบฝกึ หดั ท้ายบทที่ 4
โดยใหน้ ักเรยี นทาการสแกนควิ อาร์โค้ด
หรือคลกิ
https://forms.
gle/adYy1oyCf
Nj5eb8E8
36
32
แบบทดสอบหลงั เรียน
คาชีแ้ จง
1.ขอ้ สอบเปน็ แบบปรนยั 4 ตัวเลอื ก
2.มจี านวน 20 ขอ้ คะแนนเตม็ 20 คะแนน
3.คลิกทเี่ รมิ่ ทาแบบทดสอบ หรอื สแกน QR CODE
หรอื คลกิ
https://forms.
gle/EpsAPUnV
6E8VcgKh7
37
33
บรรณานุกรม
สถาบันส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี .
(2562). เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ช้นั
มธั ยมศึกษาปีที่ 3 :หนังสือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน
วทิ ยาศาสตร์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั .
ชนินทร เฉลมิ สุข และ อภชิ าติ คาปลิว. (2562).
เทคโนโลยี(วทิ ยาการคานวณ) ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 3.
กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์อักษรเจริญทัศน.์
38
ผ้จู ดั ทา
นายวัชรปั ญญา ชมราษี
รหสั นกั ศึกษา 620113189009
นายปาฏโิ มกข์ สุภศร
รหัสนกั ศึกษา 62011318034
นักศึกษาสาขาเทคโนโลยีและคอมพิวเตอรเ์ พื่อการศึกษา รนุ่ 62 39
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภฏั บุรีรัมย์
THANK YOU
40