The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มหาชาติ หรือมหาเวสสันดรชาดก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thnidawrannthwnich, 2022-11-13 04:53:34

มหาชาติ หรือมหาเวสสันดรชาดก

มหาชาติ หรือมหาเวสสันดรชาดก

มหาชาติ
หรือ

มหาเวสสันดรชาดก

คำนำ

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้เป็ นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย(ท ๓๑๑๐๒) ชั้น
มัธยมศึกษาปี ที่ ๔ โดยมีจุดประสงค์ เพื่อการศึกษาความรู้เกี่ยวกับ มหาชาติหรือ
มหาเวสสันดรชาดก ซึ่งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับที่มา ประวัติ
ผู้แต่ง ลักษณะคำประพันธ์ จุดประสงค์ เนื้อเรื่อง ความรู้ประกอบในเรื่องต่างๆ
และข้อคิดต่างๆจากเรื่องมหาชาติ

ผู้จัดทำได้เลือก หัวข้อนี้ในการทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เนื่องมาจากเป็ น
เรื่องที่น่าสนใจ รวมถึงเป็ นการเพิ่มพูนความรู้ ผู้จัดทำจะต้องขอขอบคุณคุณครู
สุชาติ พิบูลย์วรศักดิ์ ผู้ให้ความรู้ และแนวทางการศึกษาเพื่อน ๆ ทุกคนที่ให้
ความช่วยเหลือมาโดยตลอด ผู้จัดทำหวังว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จะให้
ความรู้ และเป็ นประโยชน์แก่ผู้อ่าน

ผู้จัดทำ

สารบัญ หน้า

เรื่อง ๑

ผู้แต่ง ๔
ที่มาของเรื่อง ๕
ลักษณะคำประพันธ์ ๖
จุดประสงค์ในการแต่ง ๒๑
เนื้อหาของเรื่อง ๒๒
ตัวละครที่สำคัญในเรื่อง ๓๒
ความรู้ประกอบเรื่อง
บรรณานุกรม



ผู้แต่ง

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า สำนักวัดถนน พระบาทสมเด็จ
กรมพระปรมาชิตชิโนรส (นายทองอยู่หรือ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

แต่งกัณฑ์ : ทศพร พระทองอยู่ แต่งกัณฑ์ : วนประเวศน์
หิมพานต์ มหาราช แต่งกัณฑ์ : ทานกัณฑ์ ชูชก และสักกบรรณ
ฉกษัตริย์ และนครกัณฑ์

สำนักวัดสังขจาย พระเทพโมลี (กลิ่น) เจ้าพระยาพระคลัง
(พระเทพมุนี(ด้วง)) แต่งกัณฑ์ : มหาพน (หน)

แต่งกัณฑ์ : ชูชก แต่งกัณฑ์ : กุมาร และ
มัทรี



ที่มาและความเป็ นมาของ
มหาชาติหรือมหาเวสสันดรชาดก

“มหาชาติ” แปลว่าชาติที่ยิ่งใหญ่เป็ นคำที่พุทธศาสนิกชนชาวไทย
นิยมเรียกพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็ นพระ
เวสสันดรผู้มุ่งบำเพ็ญทานบารมี โดยเฉพาะการบริจาคบุตรและภรรยา
อันเป็ นเรื่องที่กระทำได้ยากยิ่งสำหรับบุคคลทั่วไป ซึ่งปรากฏเรื่องราวอยู่
ในมหาเวสสันดรชาดก ด้วยเหตุนี้เมื่อกล่าวถึง “มหาชาติ” จึงหมายถึง
มหาเวสสันดรชาดกโดยปริยาย

เรื่องมหาชาติหรือมหาเวสสันดรชาดกแพร่หลายในสังคมไทยมา
ตั้งแต่อดีตดังปรากฏหลักฐานในจารึกนครชุมสมัยสุโขทัยว่ามีการสวด
มหาชาติให้ประชาชนฟั งแล้ว ในสมัยอยุธยามีการแต่งและสวดมหาชาติ
คำหลวงและกาพย์มหาชาติเรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีการแต่ง
มหาชาติหรือมหาเวสสันดรชาดกขึ้นอีกหลายสำนวนและมีประเพณีเทศน์
มหาชาติในแต่ละท้องถิ่นภาคเหนือเรียกว่า ”ตั้งธรรมหลวง” ภาคอีสาน
เรียกว่า “บุญพระเวส หรือบุญผะเหวด” ส่วนภาคกลางและภาคใต้เรียกว่า
“ฟั งเทศน์มหาชาติ”



ที่มาและความเป็ นมาของ
มหาชาติหรือมหาเวสสันดรชาดก

มหาเวสสันดรชาดกเป็ นชาดกเรื่องหนึ่งในพระสุตตันตปิ ฎก ขุททกนิยายซึ่ง

มีชาดกจำนวนทั้งสิ้น ๕๔๗ เรื่อง มักเรียกว่า “นิบาตชาดก” เพราะได้แบ่งเรื่องออก
เป็ นหมวดๆ ตามจำนวนตามจำนวนคาถา เรียกว่า “นิบาต”รวม ๒๒ นิบาต โดยเรียง
ตามลำดับจำนวนคาถา ตั้งแต่ ๑ คาถาเรียกว่า ”เอกนิบาตชาดก”(นิบาตที่ ๑) เรื่อย
ไปจนถึง ๘๐ คาถาขึ้นไป (นิบาตที่ ๒๒) เรียกว่า “มหานิบาตชาดก” มหาเวสสันดร
ชาดกเป็ นชาดกที่มีจำนวนคาถามากที่สุดเกือบหนึ่งพันคาถา จึงได้รับการจัดให้อยู่ใน
ลำดับสุดท้ายของมหานิบาตชาดก (เป็ นชาดกลำดับที่ ๕๔๗ ของชาดกทั้งหมด)



ลักษณะคำประพันธ์ของ
มหาชาติหรือมหาเวสสันดรชาดก

มหาเวสสันดรชาดกเป็ นมหาชาติกลอนเทศน์ มีลักษณะคำประพันธ์
เป็ นร่ายยาวที่มีคาถาบาลีนำ การร่ายยาว บทหนึ่งไม่จำกัดจำนวนวรรค แต่
ที่นิยมคือตั้งแต่ ๕ วรรคขึ้นไป และแต่ละวรรคก็ไม่จำกัดจำนวนคำเช่นกัน
แต่ไม่ควรน้อยกว่า ๕ คำ ซึ่งคำสุดท้ายของวรรคหน้าจะส่งสัมผัสไปวรรค
หลังคำใดก้ได้ แต่เว้นคำสุดท้ายของวรรคอาจจบลงด้วย “คำสร้อย” (คำ
สร้อย เช่น ฉะนี้ ดังนี้ นั้นเกิด นั้นแล แล้วแล ด้วยประการฉะนี้ เป็ นต้น)

ตัวอย่างเช่น



จุดประสงค์ในการแต่ง
มหาชาติหรือมหาเวสสันดรชาดก

แต่งมาเพื่อใช้ในการสวด เทศนาสั่งสอนพุทธศาสนิกชน



กัณฑ์ที่ ๑
กัณฑ์ทศพร

เนื้อเรื่องย่อ
เมื่อครั้งอดีตกาลที่ล่วงมานครสีพีรัฐบุรีนั้นมีพระราชาพระนามสีพีราช ทรง
ครองเมืองโดยทศพิธราชธรรมพระราชาทรงยกบัลลังก์ให้พระโอรสขึ้นเสวย
ราชย์ แทน เมื่อเจริญวัยสมควรแล้วพระราชโอรสมีพระนามว่า "สญชัย" และได้
อภิเษกกับพระนางผุสดีพระธิดาแห่งราชากรุงมัททราช พรจากภพสวรรค์แต่ปาง
ก่อนนั้นผุสดีเทวีเสวยชาติเป็ นอัครมเหสีของพระอินทร์ เมื่อจะสิ้นพระชนมายุจึง
ขอกัณฑ์ทศพรจากพระอินทร์ได้ ๑๐ ข้อทั้งยังเคยโปรยผงจันทร์แดงถวายพระวิ
ปั สสีพุทธเจ้าและอธิษฐานให้ได้เกิดเป็ นมารดาพระพุทธเจ้าด้วย พร ๑๐ ข้อ



กัณฑ์ที่ ๑
กัณฑ์ทศพร

พร ๑๐ ข้อ ที่นางผุสดีขอกับพระอินทร์

๑. ขอให้พระนางได้ประทับในปราสาทพระเจ้าสีวีราช
๒. ขอให้มีดวงเนตรคมงาม และดำขลับดั่งลูกเนื้อ
ทราย
๓. ขอให้ขนคิ้วเรียวงามขำบริสุทธิ์ดุจสร้อยคอนกยูง
๔. ขอให้มีนามว่า ผุสดี
๕. ขอให้มีพระโอรสที่ทรงเกียรติยิ่งกว่ากษัตริย์ทั้ง
หลาย และมีพระราชศรัทธาในการกุศล
๖. ขออย่าให้พระครรภ์ปรากฏนูนดังสตรีสามัญ
๗. ขออย่าให้พระถันทั้งคู่หย่อนยาน
๘. ขอให้พระเกศาดำขลับตลอดไป
๙. ขอให้มีพระฉวีวรรณผุดผ่อง
๑๐. ขอให้มีอำนาจปลดปล่อยนักโทษประหารให้พ้น
โทษได้ ตามพระวินิจฉัยอันรอบคอบของพระนาง

คำศัพท์ที่ปรากฏในกัณฑ์ทศพร

ดวงเนตร หมายถึง ดวงตา
พระครรภ์ หมายถึง ตั้งครรภ์,ตั้งท้อง
พระถัน หมายถึง นม
พระเกศา หมายถึง ผม
พระฉวีวรรณ หมายถึง ผิวหนัง

ข้อคิดที่ได้

การทำบุญจะได้ดังประสงค์ ต้องอธิษฐานจิต ตั้ง
เป้ าหมายชีวิตที่ตน ปรารถนาไว้ ตั้งมั่นและบริบูรณ์
ในศีล ได้แก่ การทำความดี รักษาความดีนั้นไว้ และ
หมั่นเพิ่มพูนความดีให้มากยิ่งขึ้น



กัณฑ์ที่ ๒
กัณฑ์หิมพานต์

คำศัพท์ที่ปรากฏในกัณฑ์หิมพานต์ เนื้อเรื่องย่อ
ช้างปั จจัยนาค หมายถึง ช้างที่ท่อง เป็ นกัณฑ์ที่พระเวสสันดรบริจาคทาน
เที่ยวไปในอากาศ ช้างปั จจัยนาค ประชาชนสีพีโกรธแค้นจึงขับ
ไล่ให้ไปอยู่เขาวงกต
ข้อคิดที่ได้ พระนางผุสดีได้จุติลงมาเป็ นพระราช
ธิดาพระเจ้ามัททราช เมื่อเจริญชนม์ได้ ๑๖
การทำความดี มักมีอุปสรรค ชันษา จึงได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้ากรุงสญ
ชัย แห่งสีวิรัฐนคร ต่อมาได้ประสูติพระโอรส
นามว่า “เวสสันดร” ในวันที่ประสูตินั้นได้มี
นางช้างฉัททันต์ตกลูกเป็ นช้างเผือกขาว
บริสุทธิ์จึงนำมาไว้ในโรงช้างต้นคู่บารมีให้มี
นามว่า “ปั จจัยนาค” เมื่อพระเวสสันดรเจริญ
ชนม์ ๑๖ พรรษา พระราชบิดาก็ยกสมบัติให้
ครอบครองและทรงอภิเษกกับนางมัทรี พระ

ราชบิดาราชวงศ์มัททราช มีพระโอรส ๑ องค์
ชื่อ “ชาลี” ราชธิดา ชื่อ “กัณหา” พระองค์ได้
สร้างโรงทาน บริจาคทานแก่ผู้เข็ญใจ ต่อ
พระเจ้ากาลิงคะแห่งนครกาลิงครัฐได้ส่ง
พราหมณ์มาขอพระราชทานช้างปั จจัยนาค
พระองค์จึงพระราชทานช้างปั จจัยนาคแก่
พระเจ้ากาลิงคะ ชาวกรุงสัญชัย จึงเนรเทศ
พระเวสสันดรออกนอกพระนคร



กัณฑ์ที่ ๓
ทานกัณฑ์

เนื้อเรื่องย่อ
เมื่อพระมารดาของพระเวสสันดร(พระนางผุสดี)

ได้ทราบว่า พระเวสสันดรถูกขับไล่ออกนอกเมือง
พระมารดาของพระเวสสันดร(พระนางผุสดี) ได้ไป
ทูลขออภัยโทษจากพระบิดา(พระเจ้ากรุงสญชัย)ให้
กับพระเวสสันดร แต่พระบิดา(พระเจ้ากรุงสญชัย)
ไม่ให้ ก่อนออกเดินทางพระเวสสันดรได้ขอบริจา
คทานใหญ่ เรียกว่า สัตตสดกมหาทาน(อ่านว่า สัด-
ตะ-สะ-ดก-มะ-หา-ทาน) ประกอบด้วย ช้าง ม้า
รถ สตรี โคนม ทาสหญิงและทาสชาย อย่างละ
๗๐๐ เพื่อให้กับคนทั่วไป ออกไปพร้อมกับพระนา
งมัทรี พระชาลี พระกัณหา มุ่งหน้าสู่เขาวงกตและ
ระหว่างการเดินด้วยราชรถทองนั้น ได้มีพราหมณ์
๔ คน มาทูลขอม้า และราชรถ พระองค์ได้
พระราชทานให้จนหมดสิ้น

คำศัพท์ที่ปรากฏในทานกัณฑ์ ข้อคิดที่ได้

สัตตสดกมหาทาน หมายถึง มหาทาน พึงยอมเสียสละประโยชน์สุขส่วนตัว
อย่างละ ๑๐๐ จำนวน ๗ หมวด เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม

๑๐

กัณฑ์ที่ ๔
กัณฑ์วนประเวศน์

คำศัพท์ที่ปรากฏในกัณฑ์วนประเวศน์ เนื้อเรื่องย่อ
อาศรม หมายถึง ที่อยู่ของนักพรต นักบวช
พระเวสสันดร พระนางมัทรี และ

พระชาลี ( โอรส ) พระกัณหา (ธิดา )

เสด็จออกจากนครสีพี ด้วยความยาก
ลำบาก ระหว่างแวะพักที่หน้านครเจต
ราช กษัตริย์ทราบข่าวจึงอันเชิญพระ
เวสสันดรเข้าพักที่ในนครเจตราชไม่ให้
เข้าป่ าอีกทั้งยังยกเมืองให้ แต่พระ
เวสสันดรได้ตั้งใจเข้าป่ าเพื่อไปบำเพ็ญ
กุศล ทำจิตใจให้สงบ จึงปฏิเสธคำขอ
ของกษัตริย์ กษัตริย์จึงให้พรานบุตร
ติดตามไปเฝ้ าหน้าทางเข้าเขาวงกตเพื่อ
อารักขาพระเวสสันดร พอถึงเขาวงกต

ในป่ าหิมพานต์ ได้พบศาลาอาศรมที่
ท้าววิษณุกรรมเทพบุตร เนรมิตให้ พระ
เวสสันดร พระนางมัทรี พระชาลีและ

พระกัณหา จึงทรงผนวชเป็ นฤาษีพำนัก

ในอาศรม

ข้อคิดที่ได้

ยามยาก ยามเจ็บ ยามจน ยามจาก ควรได้รับการเหลียวแลจากมิตร มิตรแท้ไม่
ทอดทิ้งเพื่อนยามทุกข์ยาก ยามลำบาก มิตรแท้จักอุ้มชูเพื่อนยามตกต่ำ น้ำใจ
ของคนดีมักเสียสละตน สละโอกาส และ สละโชคลาภ อันพึงได้ โดยความชื่นชม

๑๑

กัณฑ์ที่ ๕
กัณฑ์ชูชก

เนื้อเรื่องย่อ

เฒ่าชูชกซึ่งเป็ นขอทาน ได้นำเงิน
ที่ขอทานมาได้ไปฝากไว้กับเพื่อน พอ
มาทวงเงินคืนเพื่อนได้ใช้เงินหมดแล้ว
เลยยกลูกสาวชื่ออมิตตดาให้ เมื่อนา
งอมิตตดาไปอยู่กับเฒ่าชูชก นางได้
ปรนนิบัติรับใช้มิได้ขาดตกบกพร่อง
จนทำให้เพื่อนบ้านต่างอิจฉามาต่อว่า
ตบตี นางจึงไม่ยอมปรนนิบัติรับใช้อีก
จึงบอกให้เฒ่าชูชกไปขอชาลี กัณหา
เพื่อเอามาเป็ นทาสรับใช้แทน

คำศัพท์ที่ปรากฏในกัณฑ์ชูชก
ปรนนิบัติ หมายถึง เอาใจใส่ คอยดูแลรับใช้

ข้อคิดที่ได้

อย่าฝากของมีค่า ของสำคัญ หรือของหวงแหนไว้กับผู้อื่น

๑๒

กัณฑ์ที่ ๕

กัณฑ์ชูชก

บุรุษโทษ ๑๘ ประการของชูชก

๑. เท้าทั้งสองข้างใหญ่และคด
๒. เล็บทั้งหมอกุด
๓. ปลีน่องทู่ยู่ยาน
๔. ริมฝี ปากบนย้อยทับริมฝี ปากล่าง
๕. นำลายไหลออกเป็ นยางยืดทั้งสอง
แก้ม
๖. เขี้ยวงอกออกพ้นปากเหมือนเขี้ยว
หมู
๗. จมูกหักฟุบดูน่าชัง
๘. ท้องป่ องเป็ นกระเปาะดั่งหม้อใหญ่
๙. สันหลังไหล่หักค่อม คด โกง
๑๐. ตาถล่มลึกทรลักษณ์ ข้างหนึ่ง
ใหญ่ ข้างหนึ่งเล็ก ไม่เสมอกัน
๑๑. หนวดเครามีพรรณดังลวด
ทองแดง
๑๒. ผมโหรง เหลืองดังสีลาน
๑๓. ตามตัสะครานคลำด้วยแถวเอ็น
นูนเกะกะ
๑๔. มีต่อมแมลงวัน และตกกระดังโรย
งา
๑๕. ลูกตาเหลือง เหลือก เหล่
๑๖. ร่างกายคดค้อมในที่ทั้งสามคือ
คอ หลัง สะเอว
๑๗. เท้าทั้งสองหัน เห ห่างเกะกะ
๑๘. ขนตามตัวหยาบดังแปลงหมู

๑๓

กัณฑ์ที่ ๖
กัณฑ์จุลพน

เนื้อเรื่องย่อ

เฒ่าชูชกออกเดินทางไปเขาวงกต
เพื่อขอชาลี และกัณหา ระหว่างทางได้
พบพรานเจตบุตรผู้คอยดูแลเฝ้ าอารักขา
จึงได้ออกอุบายลวงให้เชื่อว่าได้รับนำ
สาสน์จากพระเจ้ากรุงสัญชัยมาส่งให้
พระเวสสันดรเพื่อกลับวัง เพราะได้รับ
การอภัยโทษแล้ว เมื่อพรานป่ าได้ยินก็
เชื่อคำลวงนั้น และได้บอกทางไปเขา
วงกตอีกด้วย

คำศัพท์ที่ปรากฏในกัณฑ์จุลพน
คำลวง หมายถึง ล่อให้หลง, ทำให้หลงผิด
อารักขา หมายถึง ป้ องกัน, ดูแล, คุ้มครอง

ข้อคิดที่ได้

การรอบรู้กิจการงาน ผู้ที่ไม่รู้กิจการงานที่ทำ แม้จะเป็ นคนฉลาดเฉลียว ก็อาจ
ทำให้การงานเสียหายได้ แต่ถ้าคนฉลาดได้เรียนรู้ก็จะทำภารกิจได้ดี (มีอำนาจแต่

ขาดปั ญญาก็ไม่อาจประสบความสำเร็จในการทำกิจการงาน)

๑๔

กัณฑ์ที่ ๗
กัณฑ์มหาพน

เนื้อเรื่องย่อ

เฒ่าชูชกเดินทางมาถึงกลางป่ าใหญ่
พบกับพระอัจจุตฤาษี ได้หลอกลวงพระ
ฤาษีให้หลงกลว่าเป็ นกัลยาณมิตรของ
พระเวสสันดร จนได้พักค้างคืนที่อาศรม
พอรุ่งเช้าพระฤาษีให้กินผลไม้ พร้อม
บอกเส้นทาง และสภาพแวดล้อมในป่ าที่
จะเดินทางไปอาศรมของพระเวสสันดร

คำศัพท์ที่ปรากฏในกัณฑ์มหาพน
ปฏิสันถาร หมายถึง การทักทายปราศรัยแขกที่มาหา, การต้อนรับแขก
พรรณนา หมายถึง บรรยาย หรือกล่าวไว้โดยละเอียดเพื่อให้ผู้อ่าน หรือผู้ฟั งนึกเห็นภาพ

ข้อคิดที่ได้

การเป็ นคนฉลาด หากขาดสติ ก็อาจพลาดท่าเสียทีได้ ดังนั้นจึงต้องมีสติ
ไตร่ตรองและรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมคนอื่น

๑๕

กัณฑ์ที่ ๘
กัณฑ์กุมาร

เนื้อเรื่องย่อ

เฒ่าชูชกเดินทางไปถึงอาศรมของ
พระเวสสันดร เป็ นช่วงที่พระนางมัทรีไป
ป่ าหาผลไม้ จึงรีบเข้าไปขอพระชาลีและ
พระกัณหา ทั้ง ๒ กุมารได้ยินแล้วพากัน
ตกใจกลัว หนีไปซ่อนตัวอยู่ในสระบัวบัง
กายไว้ พระองค์ได้ขอร้องให้ทั้งสองออก
มา แล้วเฒ่าชูชกก็นำทั้งสองพระองค์ไป

คำศัพท์ที่ปรากฏในกัณฑ์กุมาร
ตกระกำลำบาก หมายถึง คำแสดงความรู้สึกเดือดร้อนเพราะกรรมหรือชะตากรรมของ
ตนในอดีต
ราตรี หมายถึง กลางคืน, เวลามืด

ข้อคิดที่ได้

ความเป็ นผู้รู้จักกาลเทศะ รู้จักโอกาส นู้ความควรไม่ควร จะเป็ นผู้ประสบความ
สำเร็จในสิ่งที่ตนเองปรารถนา

๑๖

กัณฑ์ที่ ๙
กัณฑ์มัทรี

เนื้อเรื่องย่อ

พระนางมัทรีเข้าป่ าหาผลไม้ ขณะ
เดินทางกลับอาศรมพบเจอเหตุการณ์
มหัศจรรย์ต่าง ๆ เช่น เกิดพายุใหญ่ มืด
ครึ้มไปทั่วบริเวณ อีกทั้งยังมีสิงห์สารา
สัตว์ร้ายมาขวางทางไว้ เมื่อมาถึงอาศรม
ได้ทราบเรื่องราวของกุมารทั้ง ๒ ทำให้
พระองค์เสียพระทัยมากจนสลบไป หลัง
จากฟื้ นคืนสติกลับมา พระนางได้
อนุโมทนากับพระเวสสันดรด้วย

คำศัพท์ที่ปรากฏในกัณฑ์กุมาร
เคหา หมายถึง บ้าน, เรือน, ที่อยู่
พระภัสดา หมายถึง สามี
สรวล หมายถึง หัวเราะ
พระชนนี หมายถึง เเม่
วิสัญญี หมายถึง หมดความรู้สึก, สิ้นสติ, สลบ

ข้อคิดที่ได้

ไม่มีความรักใดยิ่งใหญ่เท่าพ่อแม่

๑๗

กัณฑ์ที่ ๑๐
กัณฑ์สักกบรรพ

เนื้อเรื่องย่อ พร ๘ ประการมีดังนี้


๑. ให้ทรงได้รับอภัยโทษ
พระอินทร์เกรงว่าจะมีผู้มาขอพระนางมัทรี ๒. ให้ทรงช่วยคนถูกฆ่าได้
ไปอีก จักไม่มีผู้ปรนนิบัติพระเวสสันดร พระ ๓. ให้ไพร่ฟ้ าได้พึ่งพา
โพธิญาณจักเป็ นอันตราย จึงได้แปลงเป็ น ๔. ให้มั่นคงในมเหสี ไม่ลุ่มหลงสตรีอื่น
พราหมณ์ชราลงมาขอ เมื่อได้แล้วไม่เอาไป กลับ ๕. ให้ได้สืบสันติวงศ์
ถวายคืนแก่พระเวสสันดร โดยห้ามประทานนาง ๖. ให้มีสิ่งของบริจาคทานมิสิ้น
แก่ผู้ใดอีก พร้อมทั้งประสาทพร ๘ ประการ ให้ ๗. ให้มีอาหารทิพย์พอเพียงทุกรุ่งเช้า
แก่พระเวสสันดร แล้วท้าวสหัสนัยก็เนรมิตร่าง ๘. ให้ได้สำเร็จพระโพธิญาณ
เป็ นพระอินทร์เหาะขึ้นฟ้ าไปทันที

๑๘

กัณฑ์ที่ ๑๐
กัณฑ์สักกบรรพ

คำศัพท์ที่ปรากฏในกัณฑ์สักกบรรพ ข้อคิดที่ได้

ดำริ หมายถึง ตริ, คิด, ไตร่ตรอง การทำความดี แม้ไม่มีใครเห็น แต่
เข็ญใจ หมายถึง ยากจนข้นแค้น เทวดาอารักษ์เห็น
สำแดง หมายถึง แสดง, ทำให้เห็น

๑๙

กัณฑ์ที่ ๑๑
กัณฑ์มหาราช

เนื้อเรื่องย่อ



เฒ่าชูชกได้พาสองกุมารหลงทาง
ไปจนถึงเมืองสีพี จนกระทั่งได้พบกับ
พระเจ้าปู่ พระเจ้าย่า จึงรับสั่งให้ไถ่ถอน
ตัวทั้งสองพระองค์ และพระราชทาน
เลี้ยงอาหารชั้นดีแก่เฒ่าชูชก แต่ไม่มี
วาสนาเพราะบริโภคมากเกินไป เป็ นเหตุ

ให้ไฟธาตุพิการอาหารไม่ย่อยจนถึงแก่
ความตาย พระเจ้าสัญชัยรับสั่งให้เตรียม
กองทัพไปรับสองพระองค์กลับคืนสู่วัง

คำศัพท์ที่ปรากฏในกัณฑ์มหาราช
สุบิน หมายถึง ความฝั น
พระกรรณ หมายถึง หู
พระนาสา หมายถึง จมูก
บรรทม หมายถึง นอน
ปราโมทย์ หมายถึง ปราโมช, ความยินดี, ความบันเทิงใจ

ข้อคิดที่ได้

คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ย่อมได้รับการคุ้มครอง ปกป้ องทุกที่ในทุกสถาน

๒๐

กัณฑ์ที่ ๑๒
กัณฑ์ฉกษัตริย์

เนื้อเรื่องย่อ



พระเจ้ากรุงสัญชัย พร้อมด้วยพระนาง-
ผุสดีและจตุรงคเสนา เดินทางไปถึงเขา

วงกต กษัตริย์ทั้ง ๖ พระองค์ได้มาพบกัน
ในกลางป่ า โดยมิได้คาดฝั น ก็ทรงวิปโยค
โศกศัลย์จนถึงวิสัญญีภาพสลบลง ฝน
โบกขรพรรษบันดาลตกลงมาให้ทรงฟื้ น
แล้วพากันขอลุโทษ และทูลอาราธนาให้ลา
ผนวช

คำศัพท์ที่ปรากฏในกัณฑ์ฉกษัตริย์
วิปโยค หมายถึง ความพลัดพราก, ความกระจัดกระจาย, ความจากกัน, ความพ้นไปจาก
โศกศัลย์ หมายถึง ทุกข์โศกมาก
ฝนโบกขรพรรษ หมายถึง น้ำฝนวิเศษไม่เปี ยกผู้ที่ไม่ต้องการให้เปี ยก (เหมือนน้ำที่
ตกลงบนใบบัว) ตกลงแล้วไหลซึมซาบดินหายไปโดยเร็ว
อาราธนา หมายถึง เชื้อเชิญ, นิมนต์, อ้อนวอน, ใช้แก่พระภิกษุสามเณร และสิ่ง
ศักดิ์สิทธิ์

ข้อคิดที่ได้

การให้อภัยสามารถลบรอยร้าวฉานและความบาดหมางทั้งปวง ก่อให้เกิด
สันติสุขแก่ส่วนรวม

๒๑

กัณฑ์ที่ ๑๓
นครกัณฑ์

เนื้อเรื่องย่อ



พระเวสสันดรเมื่อลาผนวชแล้ว ทรงสั่ง
ลาพระอาศรม รับพระราชทานเครื่องทรง

กษัตริย์ แล้วเสด็จกลับไปครองเมืองสีพี
ด้วยความร่มเย็นเป็ นสุขจนพระชนมายุ
๑๒๐ พรรษา จึงสวรรคตแล้วไปปรากฏ
อุบัติเป็ นท้าวสันดุสิตเทพบุตร บนสวรรค์
ชั้นดุสิต

คำศัพท์ที่ปรากฏในนครกัณฑ์
ประวิง หมายถึง ถ่วงเวลาให้เนิ่นช้าออกไป, หน่วงไว้ให้นานออกไป
ทศพิธราชธรรม หมายถึง จริยาวัตรที่พระเจ้าแผ่นดินควรประพฤติเป็ นหลัก
ธรรมประจำพระองค์ หรือคุณธรรมของผู้ปกครองบ้านเมือง มี ๑๐ ประการ
คือ ทาน ศีล บริจาค อาชวะ มัทวะ ตบะ อักโกธะ อวิหิงสา ขันติ อวิโรธนะ
พงไพร หมายถึง คงหญ้าหรือดงไม้ที่รวมกันเป็ นผืนป่ า

ข้อคิดที่ได้

การทำความดี ย่อมได้รับผลตอบแทน การใช้ธรรมะในการปกครองจะทำให้บ้าน
เมืองมีแต่ความสงบร่มเย็น

๒๒

ตัวละครที่สำคัญในเรื่อง
มหาชาติหรือมหาเวสสันดรชาดก

พระเวสสันดร

เป็ นพระโอรสของพระเจ้ากรุงสญชัยและพระนางผุสดี
แห่งเมืองสีพีมีอุปนิสัยและพฤติกรรมที่สำคัญคือ การบริจาค
ทานพระราชกุมารเวสสันดรทรงบริจาคทานตั้งแต่เกิด

พระนางมัทรี

เป็ นพระราชธิดาแห่งกษัตริย์มัทราช อภิเษกสมรสกับพระ
เวสสันดร มีพระโอรสชื่อพระชาลีและมีพระธิดาชื่อพระกัณหา
พระนางตามเสด็จพระเวสสันดรไปยังเขาวงกต เพียบพร้อมไป
ด้วยคุณสมบัติต่างๆทั้งการเป็ นแม่ที่ประเสริฐของลูก และการ
เป็ นภรรยาที่ดีของสามี คือมีความอ่อนน้อม นอบน้อม และอดทน
เป็ นภรรยาแม่แบบผู้มีลักษณะเป็ นกัลยาณมิตรของสามี
สนับสนุนเป้ าหมายชีวิตอันประเสริฐที่พระสวามีได้ตั้งไว้ เป็ น
แบบอย่างของภรรยาตามทัศนะของคนตะวันออก เช่น ปฏิบัติ
ดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร และมีคุณธรรมสำคัญคือ ซื่อตรง จงรัก
และหนักแน่นต่อสามี

พระชาลี

เป็ นพระราชโอรสของพระเวสสันดรกับพระนางมัทรี
เป็ นพระเชษฐาของพระกัณหา พระนัดดาของพระเจ้ากรุงสญ
ชัยและพระนางผุสดีเมื่อเวลาประสูติพระประยูรญาติได้ทรง
นำตาข่ายทองมารองรับ จึงได้รับพระราชทานนามว่า ชาลี
แปลว่าผู้มีตาข่าย พระชาลีทรงมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและมี
คารมคมคายพระชาลีทรงมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและมีคารม
คมคาย

๒๓

ตัวละครที่สำคัญในเรื่อง
มหาชาติหรือมหาเวสสันดรชาดก

พระกัณหา

เป็ นผู้หนึ่งที่ทำให้พระเวสสันดรได้บำเพ็ญบุตรทานบารมีซึ่ง
เป็ นทานอันยิ่งใหญ่ที่มนุษย์ทั้งหลายไม่สามารถทำได้ พระกัณหา
เป็ นผู้ที่มีความกตัญญูเชื่อฟั งคำสั่งสอนและมีความเฉลียวฉลาด

ชูชก

เป็ นตัวละครประกอบอยู่ในวรรณคดีเรื่องร่ายยาวมหาเวสสันดร
ชาดกเป็ นผู้เกิดในตระกูลพราหมณ์โภวาทิกชาติซึ่งเป็ นพราหมณ์พวกที่
ถือตนว่ามีกำเนิดสูงกว่าผู้อื่นมักใช้คำว่า “โภ”แปลว่า “ผู้เจริญ” เป็ น
คำร้องเรียก แม้ชูชกจะเกิดในตระกูลพราหมณ์ที่ถือตนว่ามีกำเนิดสูงกว่า
ผู้อื่นแต่ชูชกก็ยากจนเข็ญใจยิ่ง ต้องเที่ยวขอทานเขาเลี้ยงชีพ ชูชกมีบ้าน
อยู่ในหมู่บ้านทุนนวิฐติดกับเมืองกลิงคราษฎร์ มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด
ประกอบด้วยบุรุษโทษ ๑๘ ประการ

ลักษณะนิสัยของชูชก
๑. มีความตระหนี่เหนียวแน่น ขอทานได้มากเท่าไรก็เก็บไว้ไม่ยอมนำไปใช้จ่ายจนได้ถึง ๑๐๐ กษาปณ์
๒. มีความโลภ เที่ยวขอทานจนมีเงินมากมายก็ยังไม่ยอมหยุดเพื่อนำเงินมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนยัง
คงขอเรื่อยไป
๓. รักและหลงเมีย ยอมให้นางทุกอย่าง
๔. เป็ นคนฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยมมาก ฉลาดทั้งในด้านการพูดและกลอุบาย
๕. มีความละเอียดรอบคอบ เมื่อจะจากนางอมิตตดาไป ได้หาฟื น ตักน้ำ และซ่อมบ้านให้เรียบร้อย ทั้ง
ยังสั่งสอนนางให้ระวังตัวเกรงจะถูกคนพาลมารังแก
๖. มีความยึดมั่นในพิธีทางไสยศาสตร์

๒๔

ตัวละครที่สำคัญในเรื่อง
มหาชาติหรือมหาเวสสันดรชาดก

พระเจ้ากรุงสญชัย

เป็ นพระราชาแห่งกรุงสีพีราษฎร์พระราชบิดาของพระ
เวสสันดร เมื่อพระโอรสมีพระชนมายุสมควรจะสืบราชสมบัติ
แล้วก็ทรงสละราชสมบัติให้ทรงปกครองต่อไปพระองค์ทรง
เป็ นกษัตริย์ที่เห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมืองมากกว่า
ประโยชน์ส่วนพระองค์เอง

พระผุสดี

เป็ นธิดากษัตริย์มัททราช มเหสีของพระเจ้ากรุงสญชัย
แห่งกรุงสีพีราษฎร์และพระมารดาของพระเวสสันดร พระนางผุ
สดีมีอุปนิสัยรักสวยรักงาม ในฐานะพระราชมารดาทรงเป็ นแม่
ที่รักลูก ห่วงใยลูก เมื่อลูกมีปั ญหาก็รีบหาทางช่วยแก้ไข

ฝนโบกขรพรรษ ๒๕

ครั้งพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดพระประยูรญาติ เมื่อพระองค์เสด็จถึงพระนครกบิล
พัสดุ์แล้ว ฝ่ ายพระประยูรญาติมีพระเจ้าสุทโธทนะเป็ นประธานเสด็จมาต้อนรับ ต่างก็ยังมีทิฐิ
มานะแรงกล้าไม่ยอมนอบน้อมนมัสการพระบรมศาสดา ด้วยเห็นว่าพระพุทธองค์มีวัยอ่อน
กว่าตนพระพุทธองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นเหตุดังนั้น จึงทรงแสดงปาฏิหาริย์เสด็จลอยขึ้นไป
จงกรมอยู่บนอากาศ ให้ธุลีละอองพระบาทหล่นลงมาบนพระเศียรเหล่าพระประยูรญาติ
ลำดับนั้นหมู่พระประยูรญาติต่างพากันคลายทิฐิมานะประคองอัญชลีนมัสการชื่นชมโสมนัส
ด้วยบุญญาภินิหารของพระพุทธองค์ ขณะนั้น “ฝนโบกขรพรรษ” ก็ตกลงมาเป็ นที่น่า
อัศจรรย์

ฝนโบกขรพรรษมีลักษณะ ดังนี้

๑. น้ำฝนมีสีแดงดังเท้านกพิราบ เสียงสนั่นลั่น
ออกไปดังสายฝนธรรมดา

๒. ผู้ใดปรารถนาจะให้เปี ยกกายจึงจะเปี ยก
หากมิได้ปรารถนาแม้แต่เม็ดหนึ่งก็มิได้เปี ยก
๓. เมื่อถูกกายแล้วจะหล่นสู่พื้นดินเสมือนหยาด
น้ำที่ตกลงสู่ใบบัวแล้วกลิ้งตกลงไปฉะนั้น
๔. ไม่เจิ่งนองพื้นดิน เมื่อตกลงแล้วก็ซึมหายไป
ในแผ่นดินทันที

ทศชาติ ๒๖

พระเจ้าสิบชาติ หรือ ทศชาติชาดก เป็ นชาดกสำคัญจำนวน ๑๐ เรื่องซึ่งแสดงถึงการบำเพ็ญ
บารมีของพระโพธิสัตว์ ก่อนที่จะมาถือกำเนิดเจ้าชายสิตทัตถะ แล้วตรัสรู้เป็ นพระพุทธเจ้า ชาดกทั้ง
๑๐ เรื่อง เพื่อให้จำง่าย มักนิยมท่องโดยใช้พยางค์แรกของแต่ละชาติ คือ เต ช สุ เน ม ภู จ นา วิ เว

๑. เตมีย์ชาดก ๒. มหาชนกชาดก

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญเนกขัมม ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญ
บารมี คือการออกบวชหรือออกจากกาม วิริยบารมี คือความพากเพียร

๓. สุวรรณสามชาดก ๔ . เนมิราชชาดก

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญ ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญ
เมตตาบารมี คือการแผ่ไมตรีจิตคิดจะ อธิษฐานบารมี คือความตั้งมั่นคง

ให้สัตว์ทั้งปวงเป็ นสุขทั่วหน้า

๒๗

ทศชาติ

๕ . มโหสถชาดก ๖ . ภูริทัตชาดก

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญ ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญ
ปั ญญาบารมี คือความทั่วถึงสิ่งที่ควรรู้ บำเพ็ญศีลบารมี คือการรักษาศีล

๗ . จันทกุมารชาดก ๘ . นารทชาดก

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญ ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญ
ขันติบารมี คือความอดทน อุเบกขาบารมี คือการวางเฉย

๒๘

ทศชาติ

๙ . วิฑูรชาดก ๑๐ . เวสสันดรชาดก

ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญ ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญ
สัจบารมี คือความสัตย์ ทานบารมี คือบริจากทาน

ข้อคิดที่ได้จากเรื่องมหาชาติหรือ ๒๙
มหาเวสสันดรที่สามารถนำไป
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

๑. ความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นยิ่งใหญ่นัก แนวคิด พระนางมัทรีมีความรักในสองกุมาร
ยิ่งนัก พระนางทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังสติปั ญญาที่มีเพื่อค้นหาสองกุมารจนหมดสิ้น
เรี่ยวแรง และสิ้นเสียงที่ร่ำร้องเรียกหา พระนางมัทรีดั้นด้นตามหาสองกุมารในป่ าโดย
มิได้พรั่นกลัวต่อภยันตรายเลยถึง ๓ รอบ จนกระทั่งหมดกำลังและสิ้นสติไปในที่สุด

๒. ผู้ที่ปรารถนาสิ่งต่างๆ อันยิ่งใหญ่จะต้องทำด้วยความอดทนและเสียสละอันยิ่งใหญ่
ด้วย แนวคิด เฉกเช่นพระเวสสันดรที่ทรงปรารถนาพระโพธิญาณ จึงต้องทรงบำเพ็ญ
บุตรทานที่ถือว่าเป็ นทานที่สูงส่ง พระองค์ต้องทรงตัดความอาลัยรักที่มีต่อพระลูกรัก
ทั้งสอง ทั้งยังทรงต้องตัดความรักความสงสารที่มีต่อพระมเหสีมัทรีด้วย ทั้งๆที่ใน
พระทัยนั้นต้องเจ็บปวดยิ่งนักเพราะไหนจะทรงห่วงใยพระลูกรัก และยังต้องเสแสร้ง
แกล้งทำเป็ นตัดพ้อต่อว่าพระนางมัทรีด้วยการกล่าวบริภาษที่รุนแรง และยังต้องทรง
ทนทำเฉยเมยไม่แยแสกับการตัดพ้อต่อว่าคร่ำครวญของพระนางมัทรีด้วย

ข้อคิดที่ได้จากเรื่องมหาชาติหรือ ๓๐
มหาเวสสันดรที่สามารถนำไป
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

๓. ความซื่อสัตย์ระหว่างสามีภรรยาทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุข แนวคิด เฉกเช่นพระนางมัทรีมี
ความจงรักภักดีต่อพระเวสสันดรยิ่งนัก ไม่ว่าพระเวสสันดรจะทรงกล่าวบริภาษพระนางอย่างรุนแรง
ก็ตาม อาทิ หาว่าพระนางคบชู้สู่ชาย แม้จะสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจแก่พระนางยิ่งนัก แต่พระนางมัทรีก็
มิได้ทรงถือโกรธ ทั้งยังกล่าวชี้แจงเหตุผลตามความเป็ นจริงอีกด้วย

๔. ผู้มีปั ญญาย่อมแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ดี แนวคิด เห็นได้จากพระเวสสันดรที่ทรงมี
ปฏิภาณไหวพริบเป็ นเยี่ยมในการแก้ปั ญหาเฉพาะหน้า เพราะเมื่อทรงเห็นว่าพระนางมัทรี
กำลังมีแต่ความทุกข์เศร้าโศกที่ตามหาสองกุมารไม่พบ พระองค์จึงทรงเบี่ยงเบนความคิด
และอารมณ์ทุกข์โศกของพระนางด้วยการทำเป็ นตัดพ้อต่อว่าด่าทอที่พระนางมัทรีกลับมาถึง
พระอาศรมค่ำๆ มืดๆ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็ นมาก่อนซึ่งก็ทำให้พระนางมัทรีบรรเทาความทุกข์โศก
ลง เพราะความน้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกต่อว่าทั้งๆ ที่ไม่มีความผิด ทั้งยังต้องคิดถ้อยคำกราบทูล
ถึงเหตุผลที่แท้จริงให้พระสวามีทรงทราบอีกด้วยและครั้นพระเวสสันดรทรงเห็นพระนาง
สร่างโศกแล้วจึงทรงเล่าความจริงให้ฟั ง

๓๑

ข้อคิดที่ได้จากเรื่องมหาชาติหรือ
มหาเวสสันดรที่สามารถนำไป
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

๕. การบริจาคบุตรทานบารมีเป็ นสิ่งที่ยากยิ่งที่ใครจะกระทำได้ง่ายๆ แนวคิด เฉกเช่นพระ
เวสสันดรที่ทรงกระทำด้วยการให้บุตรทั้งสองแก่ชูชกทั้งๆ ที่ทรงรู้ว่าชูชกจะนำไปเป็ นข้ารับ
ใช้ พระองค์ก็ยังมีพระทัยอันแน่วแน่ที่จะทรงกระทำ และอีกทั้งพระนางมัทรีเมื่อทรงทราบ
ว่าพระเวสสันดรได้ทรงบำเพ็ญทานดังกล่าว พระนางก็ยังทรงยินดีร่วมอนุโมทนาด้วยอีก

๓๒

บรรณานุกรม

จรรยวรรณ ศรีฉายา. (๒๕๖๔). วรรณคดีและวรรณกรรม ๔. (พิมพ์ครั้งที่ ๑). กรุงเทพฯ :
บริษัท คุรุมีเดีย จำกัด.

ณรงค์ศักดิ์. (๒๕๕๙). ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง. สืบค้นเมื่อ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕,
จาก http://maistdsru.blogspot.com/2016/05/blog-post_97.html

เทศน์มหาชาติทำนองหลวง. (๒๕๖๔). กัณฑ์ที่ ๑ - ๑๓. สืบค้นเมื่อ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕,
จาก https://www.xn--o3ce8b8evc.com/

พระไตรปิ ฎกสำหรับประชาชน. (ม.ป.ป.). ทศชาติ. สืบค้นเมื่อ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕,
จาก http://www.larnbuddhism.com/buddha/

มูลนิธิอุทยานธรรม. (ม.ป.ป.). ฝนโบกขรพรรษ. สืบค้นเมื่อ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕,
จาก https://uttayarndham.org/content/

วิจารณ์ชาดก. (ม.ป.ป.). ตัวละคร. สืบค้นเมื่อ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕,
จาก http://www.geocities.ws/sakyaputto/wijanchadok.htm

มหาชาติ

หรือ มหาเวสสันดรชาดก

จัดทำโดย

๑.นายณัฐวินท์ แสงสิริโรจน์อำไพ เลขที่๙
๒.นายพนธกร พรหมแย้ม เลขที่๔

๓.นางสาวนัทธมน จุยกระจาย เลขที่๒๔
๔.นางสาวโกลัญญา รุ่งวาวเลขที่๒๕
๕.นางสาวฐิติรัตน์ การะนัด เลขที่๒๖

๖.นางสาวธนิดา วรานนท์วนิช เลขที่๒๗
๗.นางสาวณัฐณิชา ศักดิ์รุ่งพงศากุล เลขที่๓๑

๘.นางสาวนภสร สิริโชติทวีสุข เลขที่๓๒
๙.นางสาวนันท์นภัส ตั้งภาวนา เลขที่๓๓
๑๐.นางสาวอลิสา โอภาสวรางกูร เลขที่๓๗



ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ ๔/๒



คุณครูผู้สอน
คุณครูสุชาติ พิบูลย์วรศักดิ์



งานนี้เป็ นส่วนหนึ่งของรายวิชา ภาษาไทย

(ท๓๑๑๐๒)
ปี การศึกษา ๒๕๖๕


Click to View FlipBook Version