The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

001.ตามรอยธรรม ประวัติปฏิปทาหลวงปู่ดู่ หรหมปัญโญ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

001.ตามรอยธรรม ประวัติปฏิปทาหลวงปู่ดู่ หรหมปัญโญ

001.ตามรอยธรรม ประวัติปฏิปทาหลวงปู่ดู่ หรหมปัญโญ

หลวงปู่ดู่​​พรหม​ปัญโญ

จากใจคนทำหนงั สือ

-------------------

นับ​เป็น​เรื่อง​น่า​อัศจรรย์​ที่​ตลอด​ระยะ​เวลา​เกือบ​ ​๒๐​ ​ปี​ ​หลังจากหลวงปู่ดู่​
พรหม​ปัญโญ​ ​ได้​ละ​สังขาร​ไป​แล้ว​ ​ปรากฏ​ว่า​มี​ผู้​ศรัทธาจำนวน​มาก​ได้​หล่ัง​ไหล​
​เข้า​มาก​ราบ​สัก​การ​ะ​หุ่น​ขี้​ผ้ึง​รูป​เหมือน​ของ​ท่านท่ี​วัด​สะแก​ ​จังหวัดพระนคร-
ศรีอยุธยา​ ​อย่าง​ต่อ​เน่ือง​มิได้ขาด ​ดัง​น้ัน​ ​เพื่อให้​ผู้ที่มากราบนมัสการหลวง​ปู่​
ในภายหลัง ​ได้​ทราบประวัติ ปฏิปทา และธรรมะคำสอนของหลวงปู่ อันอาจเป็น
จุดเริ่มต้นแห่งการประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความสงบร่มเย็นท้ังแก่ตนเองและ​
ครอบครัว ซ่งึ จะทำใหไ้ ดร้ ับ​ประโยชน​ส์ งู สดุ จ​ากก​ารม​ากร​าบน​มัสการท​่าน​

ดังน้ัน คณะศิษยานุศิษย์จึง​เห็นควรท่ี​จะ​จัด​พิมพ์​หนังสือ​รวม​ธรรมะ​คำ​สอน​
ของ​หลวง​ปู่​ เพื่อ​เผย​แพร่​ให้กว้างขวางย่ิงข้ึน​ ​เช่น​เดียว​กับ​ที่​เคย​ได้จัด​พิมพ์​เผย​แพร่​
เป็นธรรม​ทาน​มา​แล้ว ได้แก่​ “​ไตรรัตน์​”​ ​“​นพ​รัตน์​”​ ​“​พระ​ผู้​จุด​ประทีป​ใน​ดวงใจ”​​
“พรหม​ปัญโญ​บูชา​”​ “​รวมใจ​”​ ​“​๑๐๑​ ​ปี​ ​หลวง​พ่อ​ดู่​ ​พรหม​ปัญโญ​”​ ​ ​กระท่ัง​​
“​ตามร​อย​ธรรม​ย​้ำร​อยค​รู​ห​ลวงป​ูด​่ ู่​​พรหม​ปัญโญ​”​ใ​น​ครง้ั ​น้​ี ​

อน่ึง ​ใน​การ​เผย​แพร่​ธรรม​ะคำ​สอน​ของ​หลวง​ปู่​ท่ี​ผ่าน​มาทุก​คร้ังนั้น คณะ​ผู้​จัด​ทำ​
​พยายามท​​่จี ะค​งค​ำ​พดู ข​องห​ลวงป​ู่​รวมท้ังมุ่งประโยชนท์ ่จี ะเกดิ กบั ผอู้ ่านใ​หไ้​ดม​้ ากท​่ีสดุ ​​โดยม​​ี
หลกั ก​ารในการรวบรวมและเรยี บเรยี งด​ังน​้ี ​​

๑.​​ ถ​่ายทอด​คำ​สอนข​องห​ลวงป​ู​่ โดยร​ะ​มดั ร​ะวังไ​ม่​นำค​ำ​พดู ​ของต​นเอง​
ไปปะปน​เปน็ ค​ำ​พดู ​ของ​หลวง​ปู่​
๒.​ ถ่ายทอดค​ำส​อน​ของห​ลวง​ปเู่​ฉพาะจ​าก​ทีไ่​ด้ยินไ​ด้​ฟงั ม​า​โดยตรง​
หลกี เ​ลีย่ ง​คำ​พดู ​ของ​หลวงป​ูจ่​ากแ​หล่ง​ทนี่​่า​เชือ่ ถ​อื ​นอ้ ย​เ​ช่น​ฟ​งั ต​่อๆ​​
กนั ม​า​หลายช​น้ั ​ห​รอื ​จากท​าง​นิมติ ใ​ดๆ​​

๓​​. ​เผย​แพรเ​่ ฉพาะค​ำส​อน​หรือ​เรอ่ื ง​ราว​ท่​ีเป็นส​าธารณ​ธรรม​​หลีกเ​ลย่ี ง​เร่อื ง​ราว​
ลีล้ ับ​หรอื ​คำส​อน​เฉพาะต​ัว​​ชนดิ ​ท่เ​ี ปน็ ​“​อ​สา​ธารณ​ธรรม​”​​

ท้ังน้ี เพื่อให้ทราบที่มา​ของ​บท​เรียบ​เรียง​แต่ละ​เร่ือง​ จึงให้ปรากฏชื่อผู้เรียบเรียง​
ในตอนท้ายของ​แต่ละเร่ือง ยกเว้น​บท​เรียบ​เรียง​ใน​ส่วน​ของคุณ​เมธา​ ​พรพิพัฒน์​ไพศาล​
ผ​ู้เรียบเ​รียงหลกั ของหนงั สือเลม่ น้ี ซึง่ จะไมป่ รากฏช่อื

คณะ​ผู้​จัด​ทำ​ ​ตระหนัก​ดี​ว่าเป็นการยากยิ่งที่จะเรียบเรียงและถ่ายทอดคำสอน​
อนั ลึกซงึ้ ของหลวงป่ใู ห้ถกู ตรงที่สุด ดังทห่ี ลวงป่เู คยกลา่ วเตือนวา่ เรื่องตา่ งๆ ลว้ นมหี ยาบ​
กลาง และละเอียด คำบริบทประกอบคำสอนของหลวงปู่ในแต่ละเร่ือง ได้เรียบเรียง​
บนพื้นฐานความเข้าใจของผู้รวบรวมแต่ละท่าน ​อย่างไรก็ตาม คณะผู้จัดทำเชื่อมั่นว่า​
ด้วยคำสอนของหลวงปู่ในหนงั สอื น ี้ จะใชเ้ ปน็ ฐานเพื่อการต่อยอดความรู้ สติ และปญั ญา​
ใหล้ ึกซึง้ และถกู ตรงยิ่งขนึ้ ดว้ ยการปฏิบัติของแตล่ ะทา่ นเอง

ท​า้ ยทส่ี ดุ น้ี หากม​เ​ี นอื้ หาส​ว่ นห​นง่ึ ส​ว่ นใ​ดท​ท​ี่ า่ นเ​หน็ ว​า่ ไ​มเ​่ หมาะส​ม​ห​รอื ไ​มถ​่ กู ต​อ้ งต​าม​
ธรรม​​คณะผ​จู้​ดั ​ทำต​อ้ ง​กราบข​อข​มาต​อ่ ​พระร​ตั นตรัยและ​องค์ห​ลวง​ป​่ดู ู​่ พ​รหมป​ญั โญ​​รวม​ทงั้ ​
กราบข​ออภยั ท​า่ นผ​ร​ู้ ท​ู้ กุ ท​า่ นไ​ว​้ ณ​ท​น​ี่ ​้ี ข​ออ​านสิ งสแ​์ หง่ ค​วามต​ง้ั ใจอ​นั บ​รสิ ทุ ธ​์ิ ใ​นอนั ท​จ​ี่ ะเ​ผยแ​พร​่
ธรรมะตลอด​ทุก​คร้ังท​่​ผี ่าน​มา ​ ​จงเ​ปน็ ​ปัจจัย​เก้อื ​หนุนใหท​้ า่ น​ทมี่​ี​สว่ น​เก่ยี วขอ้ งและผ​ู​้ใฝธ่ รรม​
ทกุ ​ท่าน​จ​งเข้าถงึ ความสงบร่มเยน็ และความสุขท่ลี ะเอยี ดประณตี ​ยิ่ง​ๆ​ข​น้ึ ไ​ป​เ​ทอญ​.

๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒

ตามรอยธรรม ยำ้ รอยครู

หลวงปดู่ ู่​พ​ รหมป​ ญั โญ

ประวตั ​แิ ละคตธิ รรมคำสอนของหลวงปู่ดู่​พ​ รหมป​ ญั โญ

สงวนลขิ สิทธ์ิ
พมิ พแ์ จกเป็นธรรมทาน ห้ามคัดลอก ตัดตอน หรือนำไปพมิ พ์จำหนา่ ย

ฉบบั ปรับปรุง
พิมพค์ รงั้ ท่ี ๑ : ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๕,๐๐๐ เล่ม
พมิ พ์ครง้ั ที่ ๒ : ๙ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๕,๐๐๐ เลม่

จัดทำโดย : กลมุ่ เพอ่ื นธรรมเพอื่ นทำ

พรสทิ ธ ิ์ อุดมศิลป์จนิ ดา วชิ ช ุ เสรมิ สวสั ด์ิศรี
เมธา พรพิพฒั น์ไพศาล นศิ า สวุ รรณสขุ โรจน์
ปฏิภัทร ปจั ฉิมสวัสด ิ์ สุรรตั น ์ นิโครธานนท์

เอ้ือเฟ้อื ภาพ : มานพ เลศิ อิทธิพร

ศิลปกรรม : ARTISTIC GROUP
โทร. ๐๘๑-๙๒๒-๑๓๕๑ โทรสาร ๐๒-๘๘๔-๓๕๓๖

ดำเนินการพิมพ์ บรษิ ทั คิว พริน้ ท์ แมเนจเมน้ ท์ จำกดั
โทร. ๐๒-๘๐๐-๒๒๙๒, ๐๘๔-๙๑๓-๘๖๐๐ โทรสาร ๐๒-๘๐๐-๓๖๔๙

สารบญั ๑
๒๙
ประวตั ​หิ ลวงปู่ด่​ู ​พรหม​ปัญโญ ๓๐
คติธรรมคำสอนของหลวงปดู่ ่​ู พ​ รหมป​ ญั โญ ๓๑
๑. สมมุติและวมิ ุตติ ๓๒
๒. อปุ มาศีล สมาธิ ปญั ญา ๓๓
๓. หนง่ึ ในสี่ ๓๔
๔. อานสิ งส์การภาวนา ๓๕
๕. แสงสวา่ งเป็นกิเลส ? ๓๖
๖. ปลูกตน้ ธรรม ๓๗
๗. วดั ผลการปฏบิ ตั ดิ ว้ ยส่งิ ใด ? ๓๘
๘. เทวทตู ๔ ๓๙
๙. อารมณอ์ พั ยากฤต ๔๐
๑๐. ตรี โท เอก ๔๑
๑๑. ตอ้ งสำเรจ็ ๔๒
๑๒. จะเอาโลกหรอื เอาธรรม ? ๔๔
๑๓. แนะวธิ ีปฏบิ ตั ิ ๔๕
๑๔. การบวชจิต-บวชใน ๔๖
๑๕. ควรทำหรือไม่ ? ๔๗
๑๖. การอุทศิ ส่วนกุศลภายนอกภายใน ๔๘
๑๗. สตธิ รรม
๑๘. ธรรมะจากซองยา
๑๙. ธรรมะจากโรงพยาบาล

๒๐. ของจรงิ ของปลอม ๔๙
๒๑. คำสารภาพของศิษย์ ๕๐
๒๒. ทรรศนะตา่ งกนั ๕๒
๒๓. อเุ บกขาธรรม ๕๓
๒๔. ให้ร้จู กั บญุ ๕๕
๒๕. อบุ ายวธิ ที ำความเพียร ๕๖
๒๖. พระเก่าของหลวงปู่ ๕๗
๒๗. ขอ้ ควรคิด ๕๘
๒๘. ไม่พยากรณ์ ๕๙
๒๙. จะตามมาเอง ๖๐
๓๐. แนะวิธวี างอารมณ์ ๖๑
๓๑. อย่าพดู มาก ๖๒
๓๒. เชอ่ื จริงหรอื ไม่ ? ๖๓
๓๓. คดิ ว่าไม่มดี ี ๖๔
๓๔. พระท่ีคล้องใจ ๖๕
๓๕. จะเอาดหี รือเอารวย ? ๖๖
๓๖. หลักพระพุทธศาสนา ๖๘
๓๗. “พ” พาน ของหลวงปู่ ๖๙
๓๘. การสอนของท่าน ๗๐
๓๙. หดั มองชัน้ ลึก ๗๑
๔๐. เวลาเปน็ ของมคี ่า ๗๒
๔๑. ต้องทำจรงิ ๗๓
๔๒. ของจริงนนั้ มอี ยู่ ๗๔
๔๓. ลม้ ให้รีบลกุ ๗๕

๔๔. สนทนาธรรม ๗๗
๔๕. ผูบ้ อกทาง ๗๘
๔๖. อย่าทำเลน่ ๗๙
๔๗. อะไรมีคา่ ทสี่ ุด ๘๐
๔๘. นายระนาดเอก ๘๒
๔๙. เสกขา้ ว ๘๓
๕๐. สำเร็จทไ่ี หน ? ๘๔
๕๑. เรารกั ษาศีล ศลี รกั ษาเรา ๘๕
๕๒. คนดีของหลวงปู่ ๘๖
๕๓. ส้นั ๆ ก็มี ๘๗
๕๔. แบบปฏบิ ัติธรรมหลวงปู่ด่เู ป็นเชน่ ใด ? ๘๘
๕๕. บทเรยี นบทแรก ๙๐
๕๖. หนง่ึ ในส่ี (อกี ครงั้ ) ๙๓
๕๗. วธิ ีคลายกลุ้ม ๙๕
๕๘. อะไรได้ อะไรเสยี ๙๘
๕๙. ความสำเร็จ ๑๐๐
๖๐. อารมณ์ขันของหลวงปู่ ๑๐๒
๖๑. ของหายาก ๑๐๓
๖๒. คนหายาก ๑๐๕
๖๓. ด้วยรกั จากศิษย์ ๑๐๗
๖๔. ด้วยรักจากหลวงปู่ ๑๐๙
๖๕. จ้งิ จกทัก ๑๑๑
๖๖. หลวงปู่กับศษิ ย์ใหม่ ๑๑๓
๖๗. คาถาของหลวงปู่ ๑๑๖

๖๘. อยา่ ให้ใจเหมือน... ๑๑๙
๖๙. วัตถสุ มบัติ ธรรมสมบัติ ๑๒๑
๗๐. ทำไมหลวงปู่ ? ๑๒๓
๗๑. “งาน” ของหลวงปู่ ๑๒๖
๗๒. ขอเพยี งความรสู้ ึก ๑๒๘
๗๓. ปาฏหิ ารยิ ์ ๑๓๐
๗๔. เรอื่ งบงั เอิญท่ไี มบ่ งั เอญิ ๑๓๓
๗๕. คลนื่ กระทบฝง่ั ๑๓๕
๗๖. หลวงปบู่ อกขอ้ สอบ ๑๓๙
๗๗. ตัวประมาท ๑๔๒
๗๘. ของโกหก ๑๔๔
๗๙. ถึงวัดหรอื ยงั ? ๑๔๕
๘๐. รางวัลทุนภมู ิพล ๑๔๗
๘๑. หลวงปู่ทวดช่วยชีวิต ๑๔๙
๘๒. ทามากอ็ ตจิ ๑๕๒
๘๓. ไตรสรณาคมน์ ๑๕๕
๘๔. ไมพ่ อดกี นั ๑๕๘
๘๕. ธรรมะจากสัตว์ ๑๖๐
๘๖. สงั คมวปิ รติ ๑๖๒
๘๗. เชอ้ื ดื้อยา ๑๖๔
๘๘. คุณธรรม ๖ ประการ ๑๖๖
๘๙. ลงิ ตดิ ตงั ๑๖๘
๙๐. ปรารภธรรมเรอ่ื ง “การเกิด” ๑๖๙
๙๑. เมด อิน วัดสะแก ๑๗๑

๙๒. พุทธนิมิต ๑๗๓
๙๓. กรรมฐานพาลจิตเพยี้ น ๑๗๖
๙๔. จะไปทางไหน ? ๑๘๐
๙๕. ตเี หล็กรอ้ นๆ ๑๘๒
๙๖. ครูพักลกั จำ ๑๘๔
๙๗. เหน็ แล้วไมห่ ัน ๑๘๖
๙๘. หลวงปดู่ ู่ หลวงปูท่ วด ๑๘๙
๙๙. หลวงปู่บอกหวย ๑๙๑
๑๐๐. อยากได้วตั ถมุ งคลของหลวงปู่ ๑๙๕
๑๐๑. ท่สี ดุ แหง่ ทกุ ขเวทนา ๑๙๙
๑๐๒. เปรียบศลี ๒๐๓
๑๐๓. บทเรียนทางธรรม ๒๐๔
๑๐๔. พลกิ ชวี ติ ๒๐๙
๑๐๕. บาป ๒๑๒
๑๐๖. ความเมตตาและขันติธรรมของหลวงปู่ ๒๑๕
๑๐๗. หลวงปตู่ ายแล้วต้องลงนรก ? ๒๑๗
๑๐๘. ท่มี าข​ อง​วัตถม​ุ งคลร​ ุ่น​“​ เ​ปดิ โ​ลก​” ๒๒๑
๑๐๙. ปฏบิ ตั แิ บบโง่ๆ ๒๓๑
๑๑๐. พทุ ธคณุ กบั การเชค็ พระ ! ๒๓๓
๑๑๑. ธรรม ทำใหค้ รบ ๒๓๗
๑๑๒. ช้างม​ าไ​หว​ห้ ลวงป​ ู่ ๒๔๐
๑๑๓.​ หลวง​ปู่ท​ ​่ีข้าพเจ้า​รู้จัก​ ๒๔๓
๑๑๔. ​ ตอ่ ​อาย​ุ ๒๔๕
๑๑๕.​ ​ ลมื พ​ ่อ​ลมื แ​ ม่ ๒๔๘

​ ๑๑๖. ​ ปรามาส​พระพทุ ธเจ้า​ ๒๕๐
๑๑๗. ​ ชว่ ยช​ ีวติ ​ ๒๕๒
​๑๑๘. ​ ขนั ... ๕​ ​​ขนั ธ​์ ๒๕๕
๑๑๙.​ รกั ห​ ลวงป​ ู่​ท่ไี หน ? ๒๕๗
๑๒๐​. กบั ​ดกั ​ ๒๕๘
๑๒๑​. อารมณข​์ นั ​ ๒๖๒
๑๒๒​. ปัจฉิมโ​อวาท​ ๒๖๕
​ ๑๒๓​. เปรต​ปาก​ซอย​ ๒๖๗
​ ๑๒๔​. พระ​ของหลวงปู​่ ๒๖๙
​ ๑๒๕.​ โยม​อุปัฏฐาก​ ๒๗๔
๑๒๖.​ หลวง​ป​หู่ าย ๒๗๗
๑๒๗​. เรอ่ื งเ​ล่าของ​เฮยี ​อู​๋ ​ ๒๗๙
​ ๑๒๘​. หลงน​ ิมิต ​ ๒๘๒
​ ๑๒๙​. สวด​มนต์ ​สมาธ​ิ ​พุทธ​คุณ ๒๘๕
๑๓๐​. สองนำ้ มนต​์ ๒๙๐
๑​ ๓๑​. ข​เ้ี กยี จ​ ๒๙๒
​ ๑๓๒​. อธิษฐาน​ตามก​ ัน​ ๒๙๔
​๑๓๓​. หลวง​ปู​่ชว่ ยเ​ด็ก​ ๒๙๖
​ ๑๓๔​. เรือ่ งผ​ ​ีผ​ี ๒๙๘
๑๓๕.​ หลวงป​ ด​ู่ ูห​่ รือห​ ลวงป​ ทู่ วด​? ๓๐๐
๑๓๖​. สมั มาท​ ิฏฐิ​ ๓๐๒
​ ๑๓๗​. อวดอ​ ุตรมิ​ นุส​ ​ธรรม​ ๓๐๖
๑๓๘​. อาหาร ​ ๓๐๘
​ ๑๓๙​. ​ประส​ ิทธิ​พระ​ ๓๑๐

​๑๔๐.​ ไมใ​่ หแ​้ ปล​ ๓๑๒
​ ๑๔๑​. อาราธนา​พระ​เขา้ ​ตวั ​ ๓๑๔
​ ๑๔๒​. ไม่​ตอ้ ง​บร​ ​กิ รรม​ ๓๑๖
๑​ ๔๓​. ติดต​ ำรา​ ๓๑๘
​ ๑๔๔​. นักเ​ชค็ พ​ ระ​ ๓๒๐
​๑๔๕​. ไม​่ตอ้ งม​ าก​ ๓๒๓
​ ๑๔๖.​ หลวง​พอ่ ก​ สั ส​ปมนุ ​ี ๓๒๔
๑๔๗.​ บารมธี​ รรม​ ๓๒๖
๑๔๘​. สมถะ​-​วิปสั สนา​ ๓๒๙
๑๔๙.​ หลวง​ปทู่ วดช​ ว่ ยเ​ดก็ ​ ๓๓๑
๑​ ๕๐.​ แบบ​ปฏิบัตเ​ิ บ้อื งต​ ้น​ ๓๓๔
๑​ ๕๑​. ​การ​ตัง้ จ​ ิต ๓๓๙
​ ๑๕๒​. ​ผล​ของ​การป​ ฏิบัต​ิ ๓๔๒
​ ๑๕๓​. กำลงั ​ใจ​ ๓๔๔
​ ๑๕๔​. เดินต​ ามใ​นหลวง​ ๓๔๖
๑​ ๕๕​. รบ​ู้ า้ ง​ไหม ? ๓๔๙
๑๕๖.​ ความเ​ห็น​กับ​ความ​จรงิ ๓๕๑
​ ๑๕๗​. ปาฏหิ าริย์​เหนือ​ปาฏหิ ารยิ ์ ๓๕๔
​๑๕๘​. ตามร​ อยพ​ ระพทุ ธเจ้า​ ๓๕๖
ภาคผนวก ๓๗๓
• คาถาบชู าพระ ๓๗๕
• คำสมาทานพระกรรมฐาน



1 ๑​

ประวัติห​ ลวงปู่ดู​่ ​พรหม​ปญั โญ​

ช​ าติ​ภมู ​ิ

​ พระคณุ ​เจ้า​หลวงป่ดู ู่​​พรหม​ปญั โญ​​ม​ีชาติ​กำเนดิ ​ในส​ กุล​“​ หนูศ​ รี”​
เดมิ ช​ อ่ื ​​ด​ู่ เกดิ ​เมอ่ื ​วนั ​ท​่ี ​๒๙ เมษายน​​พ.​​ศ.​๒​ ๔๔๗​​ตรง​กบั ​วนั ศ​ กุ รข​์ น้ึ ​๑​ ๕​​คำ่ ​
เดอื น​๖​ ​ป​ ​มี ะโรง​​ซ่งึ ต​ รง​กบั ​วนั ​วิสาข​บูชา​ณ​ ​บ​ ้าน​ขา้ วเมา่ ​​ตำบลข​ ้าวเมา่ ​
อำเภอ​อุทัย​จ​ งั หวัดพ​ ระนครศรอี ยธุ ยา​
​ โยมบ​ ดิ าช​ อื่ ​พ​ ดุ ​โ​ยมม​ ารดาช​ อ่ื ​พ​ มุ่ ​ท​ า่ นม​ พ​ี น​ี่ อ้ งร​ว่ มม​ ารดาเ​ดยี วกนั ​
๓​​คน​ท​ ่าน​เปน็ บ​ ตุ ร​คน​สดุ ทา้ ย​ม​ ีโ​ยม​พี่​สาว​๒​ค​ น​ม​ ชี อื่ ​ตาม​ลำดับ​ดงั นี้​
​ ๑​.​​พส่​ี าว​ชื่อ​ท​ องคำ​ส​ นุ​ ิมิตร​
​ ๒​.​พ​ ี​่สาว​ชือ่ ​​สมุ่ ​พ​ ่ึง​กศุ ล​
​ ๓​.​ต​ วั ท​ ่าน​

​ปฐมวัย​และก​ ารศ​ ึกษา​เบอ้ื งต​ ้น​

​ ชวี ติ ใ​นว​ ยั เ​ดก็ ข​ องท​ า่ นด​ จ​ู ะข​ าดค​ วามอ​ บอนุ่ อ​ ยม​ู่ าก​ด​ ว้ ยก​ ำพรา้ บ​ ดิ า​
มารดาต​ ง้ั แ​ ตเ​่ ยาวว​์ ยั ​น​ ายย​ วง​พ​ งึ่ ก​ ศุ ล​ซ​ งึ่ ม​ ศ​ี กั ดเ​์ิ ปน็ ห​ ลานข​ องท​ า่ น​ไ​ดเ​้ ลา่ ​
ให้ฟ​ ัง​วา่ ​​บิดา​มารดา​ของท​ า่ นม​ ี​อาชีพท​ ำ​นา โ​ดยน​ อกฤ​ ดู​ทำ​นาจ​ ะม​ อี​ าชีพ​
ทำข​ นมไ​ขม​่ งคลข​ าย​เ​มอ่ื ต​ อนท​ ท​ี่ า่ นย​ งั เ​ปน็ เ​ดก็ ท​ ารก​ม​ เ​ี หตกุ ารณส​์ ำคญั ท​ ​่ี
ควร​บันทกึ ไ​ว้​ค​ อื ​ในค​ นื ​วันห​ นง่ึ ​ซ่ึง​เป็นห​ น้า​นำ้ ​​ขณะท​ ี่​บิดา​มารดาข​ อง​ทา่ น​
กำลงั ท​ อด​“​ ข​ นมม​ งคล”​ อ​ ยน​ู่ นั้ ​ท​ า่ นซ​ ง่ึ ถ​ กู ว​ างอ​ ยบ​ู่ นเ​บาะน​ อกชานค​ นเ​ดยี ว​
ไม่​ทราบ​ด้วย​เหตุ​ใด​ตัว​ท่าน​ได้​กล้ิง​ตกลง​ไป​ใน​น้ำ​ท้ังคน​ท้ัง​เบาะ​ ​แต่​เป็น​ที่​

๒2

อศั จรรยย​์ ิ่ง​ทตี่​ วั ท​ า่ น​ไม่​จมน​ ำ้ ​ก​ ลับล​ อย​น้ำจ​ นไ​ป​ติด​อยขู่​ ้างร​ ั้ว ​กระทงั่ ​สุนัข​
เลย้ี งท​ บ​่ี า้ นท​ า่ นม​ าเ​หน็ เ​ขา้ จ​ งึ ไ​ดเ​้ หา่ พ​ รอ้ มก​ บั ว​ ง่ิ ก​ ลบั ไ​ปก​ ลบั ม​ าระห​ วา่ งต​ วั ​
ทา่ นก​ บั ม​ ารดาท​ า่ น​เ​มอื่ ม​ ารดาท​ า่ นเ​ดนิ ต​ ามส​ นุ ขั เ​ลยี้ งอ​ อกม​ าจ​ งึ ไ​ดพ​้ บท​ า่ น​
ลอยน​ ำ้ ต​ ดิ อ​ ยท​ู่ ข​ี่ า้ งร​ว้ั ​ซ​ ง่ึ เ​หตกุ ารณค​์ รงั้ น​ น้ั ท​ ำใหม​้ ารดาท​ า่ นเ​ชอื่ ม​ น่ั ว​ า่ ท​ า่ น​
จะ​ต้อง​เป็นผ​ ​ู้ม​บี ุญว​ าสนา​มากม​ าเ​กิด​
​มารดา​ของ​ทา่ น​ได​ถ้ งึ แก​ก่ รรม​ตง้ั ​แต​ท่ า่ น​ยงั ​เปน็ ​ทารก​อย​ู่ ตอ่ ​มา​บดิ า​
ของท​ า่ นก​ จ​็ ากไ​ปอ​ กี ข​ ณะท​ า่ นม​ อี ายไ​ุ ดเ​้ พยี ง​๔​ ​ข​ วบเ​ทา่ นน้ั ​ท​ า่ นจ​ งึ ต​ อ้ งก​ ำพรา้ ​
บดิ าม​ ารดาต​ ง้ั แ​ ตย​่ งั เ​ปน็ เ​ดก็ เ​ลก็ จ​ ำค​ วามไ​มไ​่ ด​้ ท​ า่ นไ​ดอ​้ าศยั อ​ ยก​ู่ บั ย​ าย​โดยม​ ​ี
โยมพ​ ส​ี่ าวท​ ช​่ี อ่ื ส​ มุ่ เ​ปน็ ผ​ ด​ู้ แู ลเ​อาใจใ​ส​่ และท​ า่ นก​ ไ็ ดม​้ โ​ี อกาสศ​ กึ ษาเ​ลา่ เ​รยี น ​
ท่ีว​ ดั กลาง​คลอง​สระบ​ ัว​​วดั ป​ ระด่ทู​ รงธรรม​แ​ ละว​ ดั น​ ิเวศน​ธ์ รรมป​ ระวัต​ิ

ส​ู่เพศพ​ รหม​จรรย์​

​ เมอ่ื ​ท่าน​อายุไ​ด​้ ๒​ ๑​ป​ ี​ก​ ็ได​้เขา้ พ​ ธิ ีบ​ รรพชาอ​ ุปสมบทเ​ม่ือ​วัน​ที​่ ๑​ ๐​
พฤษภาคม​พ​ .​ศ​ .​​๒​ ๔๖๘​ต​ รงก​ บั ว​ นั อ​ าทติ ยแ​์ รม​๔​ค​ ำ่ ​เ​ดอื น​๖​ ​ณ​ ​ว​ ดั สะแก​
ตำบลธ​น​ู อ​ ำเภออ​ ทุ ยั ​จ​ งั หวดั พ​ ระน​ ครศ​ รอี ยธุ ยา​โ​ดยม​ ห​ี ลวงพ​ อ่ ก​ ลน่ั ​เจา้ อ​ าวาส​
วัดพ​ ระ​ญาติการ​ ามเ​ปน็ ​พระอ​ ปุ ​ชั ฌาย​์ ​มหี​ ลวง​พ่อแ​ ด​่ เ​จา้ อ​ าวาสว​ ัดส​ ะแก​
ขณะน​ น้ั เ​ปน็ พ​ ระกรร​มว​ าจ​ าจ​ ารย​ ​์ แ​ ละม​ ห​ี ลวงพ​ อ่ ฉ​ าย​ว​ดั กลางค​ ลองส​ ระบ​ วั ​
เปน็ ​พระ​อน​ุสาวน​ า​จาร​ย​์ ​ไดร้​ บั ฉ​ ายา​ว่า​​“พ​ รหม​ปัญโญ​”​
​ ใน​พรรษา​แรกๆ​ ​น้ัน​ ​ท่าน​ได้​ศึกษา​พระ​ปริยัติ​ธรรม​ท่ี​วัด​ประดู่​
ทรงธรรม​ซ​ งึ่ ใ​นส​ มยั น​ น้ั เ​รยี กว​ า่ ว​ ดั ป​ ระดโ​ู่ รงธ​ รรม​โ​ดยม​ พ​ี ระอ​ าจารยผ​์ ส​ู้ อน​
คือ​ท​ ่านเ​จ้าค​ ุณเ​น่อื ง​พ​ ระคร​ูชม​แ​ ละห​ ลวง​พอ่ ​รอด​​(​เสอื )​​เ​ปน็ ตน้ ​

3๓

​ ใน​ด้าน​การ​ปฏิบัติ​พระกร​รม​ฐาน​น้ัน​ ​ท่าน​ได้​ศึกษา​กับ​หลวง​พ่อ​
กลน่ั ผ​ ​เู้ ป็น​อปุ ​ัชฌาย​์ แ​ ละห​ ลวงพ​ อ่ ​เภา​​ศษิ ย​์องคส์​ ำคัญข​ องห​ ลวง​พอ่ ก​ ลัน่ ​
ซ่ึง​มี​ศักด์ิ​เป็น​อา​ของ​ท่าน​ ​เม่ือ​ท่าน​บวช​ได้​พรรษา​ท่ี​สอง​ประมาณ​ปลาย​ปี​
พ​.​ศ​.​ ๒๔๖๙​ ​หลวง​พ่อ​กลั่น​มรณภาพ ​ท่าน​จึง​ได้​ศึกษา​หาความ​รู้​จาก
​หลวง​พ่อ​เภาเปน็ ​สำคญั ​ ​นอกจาก​น​้ที า่ น​ยงั ​ได​้ศกึ ษา​จาก​ตำรบั ​ตำรา​ท​่มี ​ีอย่​ู ​
จาก​ชาดก​บา้ ง​ ​ จาก​ธรรมบท​บ้าง​ ​และ​ด้วย​ความ​ที่​ท่าน​เป็น​ผู้​ใฝ่รู้รัก​การ​
ศึกษา​ ​ท่าน​จึง​ได้เดิน​ทาง​ไป​ศึกษา​หาความ​รู้​เพิ่ม​เติม​จาก​พระ​อาจารย์​อีก​
หลาย​ท่าน​ทจี่ ังหวดั สุพรรณบุร​ี และ​สระบุร​ี

​ประสบการณ์ธ​ ุดงค​์

​ ประมาณ​เดือน​พฤศจิกายน​ ​พ​.​ศ​.​ ​๒๔๘๖​ ​ออก​พรรษา​แล้ว​ท่าน​ก็​
เริม่ ​ออก​เดิน​ธุดงค์​จาก​จงั หวัดพ​ ระนครศรอี ยธุ ยา​​โดยม​ ​ีเป้า​หมาย​ท​่ีปา่ เ​ขา​
ทางแ​ ถบจ​ งั หวดั ก​ าญจนบรุ ​ี แ​ ละแ​ วะน​ มสั การส​ ถานท​ ส​ี่ ำคญั ท​ างพ​ ระพทุ ธ-​
ศาสนา​เ​ช่น​พ​ ระพุทธฉ​ ายแ​ ละร​ อย​พระพ​ ุทธ​บาท​​จังหวัด​สระบรุ ​ี จ​ าก​นัน้ ​
ท่าน​ก็​เดนิ ธ​ ุดงค​ไ์ ปย​ ัง​จงั หวดั ส​ งิ ห์บรุ ​ี ​สพุ รรณบรุ ​ี ​จนถึง​จังหวัด​กาญจนบุร​ี
จงึ ​เขา้ ​พัก​ปฏิบตั ​ติ าม​ป่าเ​ขาแ​ ละ​ถำ้ ​ต่างๆ​
​ หลวงปู่ดู่​ ​ท่าน​เคย​เล่า​ให้​ฟัง​ว่า​เริ่ม​แรก​ที่​ท่าน​ขวนขวาย​ศึกษา​และ​
ปฏบิ ตั ​นิ น้ั ​​แทจ้ รงิ ​มไิ ด​ม้ งุ่ ​เนน้ ​มรรคผล​นพิ พาน​​หาก​แต​ต่ อ้ งการ​เรยี น​ร​ใู้ ห​ไ้ ด้​
วิชา​ต่าง​ๆ​ ​เป็นต้น​ว่า​ ​วิชา​คงกระพัน​ชาตรี​ ​ก็​เพื่อ​ท่ี​จะ​สึก​ออก​ไป​แก้​แค้น​
พวก​โจร​ที่​ปล้น​บ้าน​โยม​พ่อ​โยม​แม่​ท่าน​ถึง​ ​๒​ คร้ัง​ ​แต่​เดชะ​บุญ​ ​แม้​ท่าน​
จะส​ ำเร็จว​ ชิ าต​ า่ งๆ​ ​ต​ าม​ท​ีต่ ัง้ ใจไว​้ ​ทา่ น​กลับ​ไดค้​ ดิ ​น​ กึ ส​ ลด​สังเวช​ใจ​ตวั ​เอง​

๔4

ท​ปี่ ลอ่ ย​ให​อ้ ารมณ์​อาฆาตแ​ ค้นท​ ำร้ายจ​ ติ ใจ​ตนเองอ​ ยู่​เป็นเ​วลาน​ ับ​สบิ ๆ​ ​ ป​ ​ี
ใน​ที่สุด​ท่าน​ก็ได้​ตั้ง​จิต​อโหสิกรรม​ให้แก่โจรเหล่า​น้ัน​ ​แล้ว​มุ่งปฏิบัติฝึกฝน
อบรมตน ตามท​ างแหง่ ศ​ ีล​สมาธ​ิ แ​ ละ​ปญั ญา​อ​ ย่างแ​ ทจ้ ริง
​ ​ใน​ระหว่าง​ท่ี​ท่าน​เดิน​ธุดงค์​อยู่​น้ัน​ ​ท่าน​เคย​เล่า​ให้​ฟัง​ว่า​ได้​พบ
ฝูง​ควาย​ป่า​กำลัง​เดิน​เข้า​มา​ทาง​ท่าน​ ​ท่าน​ต้งั ​สติ​อย่​ูคร่​ูหน่งึ ​จึง​ตัดสิน​ใจ​
อย่าง​เด็ด​เด่ียว​ หยุด​ยืน​ภาว​นา​นิ่ง​อยู่​ ​ฝูง​ควาย​ป่า​ที่​มุ่ง​ตรง​มา​ทางท่าน​
พอเ​ขา้ ม​ าใ​กลจ​้ ะถ​ งึ ต​ วั ท​ า่ น​ก​ ก​็ ลบั เ​ดนิ ท​ กั ษณิ าวรรตร​อบท​ า่ นแ​ ลว้ ก​ จ​็ ากไป​
บาง​แห่ง​ที่​ท่าน​เดิน​ธุดงค์​ไป​ถึง​ ​ท่าน​มัก​พบ​กับ​พวก​นักเลง​ที่​ชอบลอง​ของ​
ครั้ง​หน่ึง​ ​มี​พวก​นักเลง​เอา​ปืน​มา​ยิง​ใส่​ท่าน​ขณะ​น่ัง​ภาวนา​อยู่​ใน​กลด​
ท่าน​เล่า​ให้​ฟัง​ว่า​ ​พวก​น้ี​ไม่​เคารพ​พระ ​สนใจ​แต่​“​ของดี​”​ ​เมื่อ​ยิง​ปืน​
ไม่​ออก​ ​จึง​พา​กัน​มา​แสดง​ตัว​ด้วย​ความ​นอบน้อม​ ​พร้อม​กับอ้อนวอน​
ขอ​“​ ​ของดี​”​​ทำให​ท้ า่ นต้อง​ออก​เดินธ​ ุดงค​ห์ นี​ไป​ทาง​อ่นื ​
​ การ​ปฏิบตั ิ​ของ​ทา่ น​ใน​ชว่ ง​ธุดงค​์อย่​ูน้นั ​ ​เปน็ ​ไป​อย่าง​เอา​จริง​เอา​จัง​
ยอม​มอบ​กาย​ถวาย​ชีวิต​ไว้​กับ​ป่า​เขา​ ​แต่​สุขภาพ​ธาตุ​ขันธ์​ของ​ท่าน​ก็​ไม่​
เป็นใจ​เสีย​เลย​ ​บ่อย​คร้ัง​ที่​ท่าน​ต้อง​เอา​ผ้า​มา​คาด​ที่​หน้า​ผาก​เพ่ือ​บรรเทา​
อาการ​ปวด​ศีรษะ​ ​อีก​ท้ัง​ก็​มี​อาการ​เท้า​ชา​รุนแรง​ขึ้น​เร่ือย​ๆ​ ​แม้​กระน้ัน​​
ท่าน​ก็​ยัง​ไม่​ละ​ความ​เพียร​ ​สม​ดัง​ท่ี​ท่าน​เคย​สอน​ลูก​ศิษย์​ว่า​ ​“​นิพพาน​อยู่​
ฟากต​ าย”​ ​ใ​นก​ ารป​ ระพฤตป​ิ ฏบิ ตั น​ิ น้ั ​จ​ ำต​ อ้ งย​ อมม​ อบก​ ายถ​ วายช​ วี ติ ล​ งไ​ป
​ดัง​ทีท่​ ่าน​เคย​กลา่ วไ​วว้​ ่า​“​ ถ​ ้า​มัน​ไม​่ดี​หรอื ​ไม​่ไดพ้​ บ​ความ​จรงิ ​ก​็ใหม​้ นั ต​ าย​
ถ​ า้ ​มนั ​ไมต่​ ายก​ ใ็​ห​้มนั ดี​​หรือไ​ด้​พบก​ ับ​ความ​จริง​”​

5๕

​ ดังน​ ้ัน​ อ​ ุปสรรคต​ ่างๆ​ จ​ งึ ​กลบั ​เปน็ ป​ ัจจัยช​ ่วยใ​ห​จ้ ติ ใจข​ อง​ผ​ูป้ ฏบิ ัติ​
แข็งแกรง่ ​ขึ้นเ​ป็นล​ ำดบั ​

​นมิ ิตธ​ รรม​

​ อย่​ูมา​วัน​หน่งึ ​ ประมาณก่อน​ปี​ ​พ​.​ศ​.​ ​๒๕๐๐​ ​เล็ก​น้อย ​หลัง​จาก​
หลวงปู่ดู่​สวด​มนต์​ทำวัตร​เย็น​ ​และ​ปฏิบัติ​กิจ​ส่วน​ตัว​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​
ทา่ น​ก​จ็ ำวดั ​​เกดิ น​ มิ ติ ​ไปว​ า่ ไ​ด​ฉ้ นั ด​ าว​ทม​่ี แ​ี สงส​ วา่ งม​ าก​๓​ ​ด​ วง​​ในข​ ณะ​ท่​ี
กำลงั ฉ​ นั ​อย​นู่ น้ั ก​ ​ร็ สู้ กึ ​วา่ ก​ ร​อบๆ​​ด​ี ก​ ​เ็ ลย​ฉนั ​เขา้ ไปท​ ง้ั หมด​​แลว้ ​จงึ ​ตกใจตน่ื ​​
เม่ือ​ท่าน​พิจารณา​ใคร่ครวญ​ถึง​นิมิต​ธรรม​ท่ี​เกิด​ข้ึน​ ​ก็​เกิด​ความ​
เข้าใจ​ขึ้น​ว่า​แก้ว​ ​๓​ ​ดวง​น้ัน​ ​ก็​คือ​พระ​ไต​รส​รณา​คมน์​น่ันเอง​ ​พอ​ท่าน​ว่า​
“พ​ ุทธ​งั ​​สรณง​ั ​ค​ จั ฉาม​ ​ิ,​ธัมมงั ​ส​ รณ​ัง​ค​ จั ฉาม​ ​ิ,​​สังฆัง​​ส​ รณั​ง​​คัจฉาม​ ิ​”​
​ก็​เกิด​อัศจรรย์​ขึ้น​ใน​จิต​ท่าน​ ​พร้อม​กับ​อาการ​ปีติ​อย่าง​ท่วมท้น​ ​ท้ัง​เกิด​
​ความ​รู้สึก​ลึก​ซึ้ง​และ​ม่ันใจ​ว่า​ ​พระ​ไต​รส​รณา​คมน​์น้ี​แห​ละ​เป็น​ราก​แก้ว​
ของ​พระพุทธ​ศาสนา​ ​ท่าน​จึง​กำหนด​เอา​มา​เป็น​คำ​บริ​กรรม​ภาวนา​ตั้ง​แต่​
น้ัน​เป็นต้น​มา

เนน้ ห​ นกั ​ท่​ีการป​ ฏบิ ัติ​

​ หลวงปดู่ ท​ู่ า่ นใ​หค​้ วามส​ ำคญั อ​ ยา่ งม​ ากใ​นเ​รอ่ื งข​ องก​ ารป​ ฏบิ ตั ส​ิ มาธ​ิ
ภาวนา​ท​ ่านว​ ่า​​“​ถ​ า้ ​ไม่​เอา​​(​ปฏิบัติ​)​​เปน็ เ​ถ้าเ​สียด​ ก​ี ว่า”​ ​​​ในส​ มัยก​ อ่ นเ​ม่ือ​
ตอน​ที่​ศาลาปฏิบัติ​ธรรม​หน้า​กุฏิ​ท่าน​ยัง​สร้าง​ไม่​เสร็จ​นั้น​ ​ท่าน​ก็​เมตตา​ให้​
ใช้​ห้อง​ส่วน​ตัว​ท่ี​ท่าน​ใช้​จำวัด​ ​เป็น​ท่ี​รับรอง​สานุ​ศิษย์​และ​ผู้​สนใจ​ได้​ใช้​เป็น​
ท​ป่ี ฏิบัติ​ธรรม​ซ​ งึ่ น​ ับเ​ปน็ เ​มตตา​อย่างส​ ูง​

๖6

​ สำหรับ​ผู้​ท่ี​ไป​กราบ​นมัสการ​ท่า​นบ่อยๆ​ ​หรือ​มี​โอกาส​ได้​ฟัง​ท่าน​
สนทนา​ธรรม​ ​ก็​คงจะ​ได้​เห็น​กุศโลบาย​ใน​การ​สอน​ของ​ท่าน​ท่ี​จะ​โน้ม​น้าว​
ผู้​ฟัง​ให้​วก​เข้า​สู่​การ​ปรับปรุง​แก้ไข​ตนเอง​ ​เช่น​ ​คร้ัง​หน่ึง​มี​ลูก​ศิษย์​วิ​พาก​ษ์​
วจิ ารณค​์ นน​ น้ั ค​ นน​ ใ​้ี หท​้ า่ นฟ​ งั ใ​นเ​ชงิ ว​ า่ ก​ ลา่ วว​ า่ ​ เปน็ ต​ น้ เ​หตข​ุ องป​ ญั หาแ​ ละ​
ความ​ยุ่ง​ยาก​ ​แทนที่​ท่าน​จะ​เออออ​ไป​ตาม​อัน​จะ​ทำให้​เรื่อง​ย่ิง​บาน​ปลาย​
ออก​ไป​​ท่าน​กลบั ​ปรามว​ ่า​“​ ​เรื่องข​ องค​ น​อืน่ ​​เราไ​ป​แก้​เขาไ​ม่​ได​้ ท​ ​แ่ี ก​้ได้​
คอื ต​ วั ​เรา​แ​ กข​้ า้ งน​ อก​เป็นเ​รอื่ งโ​ลก​​แต​แ่ ก้​ทต​ี่ วั ​เราน​ ี่​เป็นเ​รอื่ งธ​ รรม​”​
​ คำ​สอน​ของ​หลวงปู่ดู่​จึง​สรุป​ลง​ท่ี​การ​ใช้​ชีวิต​อย่าง​คน​ไม่​ประมาท​​
น่นั ห​ มายถ​ งึ วา่ ส​ ิ่ง​ท่ีจ​ ะ​ต้อง​เปน็ ​ไป​พร้อมๆ​ ​ ก​ ัน​ ก​ ็ค​ อื ​ ​ความพ​ ากเพยี รท​ ​ล่ี ง​
สภู่ าค​ปฏิบัติ​​ใน​มรรค​วิถ​ีท่เี​ป็น​สาระ​แห่งช​ วี ติ ข​ องผ​ ​ู้ไม่ป​ ระมาท​​ดังท​ ท​่ี ่าน​
พดู ย​ ำ้ ​เสมอ​วา่ ​“​หมนั่ ท​ ำ​เขา้ ไ​วๆ้​ ”​

ออ่ นนอ้ ม​ถอ่ มต​ น​

​ นอกจากค​ วามอ​ ดทน​อ​ ดก​ ลน้ั ย​ ง่ิ แ​ ลว้ ​ห​ ลวงปดู่ ย​ู่ งั เ​ปน็ แ​ บบอ​ ยา่ งข​ อง​
ผู้ไ​ม​ถ่ ือตัว​​วางตัวเ​สมอต​ ้น​เสมอ​ปลาย​ไ​มย่​ ก​ตน​ขม่ ​ผู้​อืน่ ​เ​มื่อ​คร้ัง​ท​ีส่ มเดจ็ ​
พระพ​ ฒุ า​จ​ ารย​ ​์ (​เ​สงย่ี ม​จนั ทสริ )ิ ​ว​ ดั ส​ ท​ุ ศั นเ​ทพวร​าร​าม​ห​ รอื ท​ เ​่ี ราเ​รยี กก​ นั ว​ า่ ​
​“​ท่าน​เจ้า​คุณ​เสงี่ยม​”​ ​ซึ่ง​มีอายุ​พรรษา​มาก​กว่า​หลวงปู่ดู่​ ​๑​ ​พรรษา​มา​
นมสั การห​ ลวงพ​ อ่ โ​ดยย​ กยอ่ งเ​ปน็ ค​ รเ​ู ปน็ อ​ าจารย​์ แ​ ตเ​่ มอื่ ท​ า่ นเ​จา้ ค​ ณุ เ​สงยี่ ม​
ก​ ราบห​ ลวงพ​ อ่ เ​สรจ็ แ​ ลว้ ห​ ลวงพ​ อ่ ท​ า่ นก​ ก​็ ราบต​ อบ​เ​รยี กว​า่ ต​ า่ งอ​ งคต​์ า่ งก​ ราบ​
​ซ่ึง​กัน​และ​กัน​เป็น​ภาพ​ท่ี​พบเห็น​ได้​ยาก​เหลือ​เกิน​ใน​โลก​ท่ี​ผู้คน​ทั้ง​หลาย​
มแ​ี ตจ​่ ะเ​ตบิ โตท​ างด​ า้ นท​ ฏิ ฐม​ิ านะ​ค​ วามถ​ อื ตวั ​อ​ วดด​ี อ​ วดเ​ดน่ ​ย​ กต​ นข​ ม่ ท​ า่ น​

7๗

​ปล่อย​ให้​กิเลส​ตัว​หลง​ออก​เร่ียราด​ ​เที่ยว​ประกาศ​ให้​ผู้คน​ทั้ง​หลาย​ได้​รู้​ว่า​
ตน​เกง่ ​​โดย​เจา้ ต​ ัว​กไ​็ ม่ร้​ูวา่ ​ถูก​กิเลส​ขน้ึ ข​ ค​่ี อพ​ า​บงการใ​ห้เ​ป็น​ไป​
​ หลวงปู่ดู่​ไม่​เคย​วิ​พาก​ษ์​วิจารณ์​การ​ปฏิบัติ​ธรรม​ของ​สำนัก​ไหน​ๆ​
ใน​เชิงล​ บหลหู่​ รอื ​เปรียบเ​ทียบด​ ถู กู ด​ ู​หม่นิ ​ท​ ่านว​ า่ ​“ค​ นด​ ีนะ่ ​​เขา​ไม​ต่ ​ใี คร​”​
ซึง่ ​ลกู ศ​ ษิ ยท​์ งั้ ห​ ลาย​ได้ถ​ ือ​เป็นแ​ บบ​อย่าง​
​ หลวงปู่ดู่​เป็น​พระ​พูด​น้อย​ ​ไม่​มาก​โวหาร​ ​ท่าน​จะ​พูด​ย้ำ​อยู่​แต่​ใน​
เร่ือง​ของ​การ​ปฏิบัติ​ธรรม​และ​ความ​ไม่​ประมาท​ ​เช่น​ “​ของดี​อยู่​ท่ี​ตัว​เรา​​
หมน่ั ทำ​​(​ปฏบิ ัต)​ิ ​เ​ข้า​ไว”​้ ​“​ ใ​ห้​หม่นั ​ดจ​ู ติ ​​รักษาจ​ ิต”​ ​“​ ​อย่าล​ ืมตวั ​ตาย”​ ​
และ​“​ ใ​หห​้ มัน่ ​พจิ ารณา​อนิจจ​ ัง ท​ กุ ​ขัง​อ​ นตั ตา”​ ​เ​ป็นตน้ ​

​อบุ ายธ​ รรม​

​ หลวงปดู่ เ​ู่ ปน็ ผ​ ท​ู้ ม​่ี อ​ี บุ ายธ​ รรมล​ กึ ซ​ ง้ึ ​ส​ ามารถข​ ดั เกลาจ​ ติ ใจค​ นอ​ ยา่ ง​
คอ่ ยเ​ปน็ ค​ อ่ ยไ​ป​ม​ ไิ ดเ​้ รง่ รดั เ​อาผ​ ล​เ​ชน่ ค​ รง้ั ห​ นง่ึ ม​ น​ี กั เลงเ​หลา้ ต​ ดิ ตามเ​พอื่ น​
ซึ่ง​เป็น​ลูก​ศิษย์​มาก​ราบ​นมัสการ​ท่าน ​สนทนา​กัน​ได้​สัก​พัก​หนึ่ง​ เพ่ือน​
ทเ​ี่ ปน็ ล​ กู ศ​ ษิ ยก​์ ช​็ กั ชวนเ​พอ่ื นน​ กั เลงเ​หลา้ ใ​หส​้ มาทานศ​ ลี ​๕​ ​พ​ รอ้ มก​ บั ฝ​ กึ หดั ​
ปฏิบัติ​สมาธิ​ภาวนา​ ​นักเลง​เหล้า​ผู้​น้ัน​ก็​แย้ง​ว่า​ ​“​จะ​มา​ให้​ผม​สมาทาน​ศีล​
และ​ปฏิบัติ​ได้​ยัง​ไง​ ก็​ผม​ยัง​กิน​เหล้า​เมา​ยา​อยู่​นี่​ครับ​”​ ​หลวงปู่ดู่​ท่าน​ก็ ​
ตอบว​ า่ ​“​ เ​อง็ จ​​ ะก​ นิ ก​ ก​็ นิ ไ​ปซ​ ​ิ ข​ า้ ไ​มว​่ า่ ​แ​ ตใ​่ หเ​้ อง็ ป​ ฏบิ ตั ใ​ิ หข​้ า้ ว​ นั ล​ ะ​๕​ ​น​ าท​ี
ก็​พอ”​ ​​นักเลงเ​หล้าผ​ นู้​ ้ัน​เหน็ ​ว่าน​ ั่งส​ มาธิ​แคว่​ นั ​ละ​​๕​​นาที​​ไม่ใช่เ​รอื่ งย​ าก​
เยน็ ​อะไร​จ​ งึ ​ได​ต้ อบ​ปากร​ ับคำจ​ าก​หลวงพ​ อ่ ​
​ ด้วย​ความ​ที่​เป็น​คน​นิสัย​ทำ​อะไร​ทำ​จริง​ ​ซื่อสัตย์​ต่อ​ตัว​เอง​ทำให้​

๘8

เขา​สามารถ​ปฏิบัติ​ได้​สม่ำเสมอ​เร่ือย​มา​มิได้​ขาด​แม้แต่​วัน​เดียว ​บาง​คร้ัง ​
ถึง​ขนาด​งด​ไป​กิน​เหล้า​กับ​เพื่อน​ๆ​ ​เพราะ​ได้​เวลา​ปฏิบัติ​ ​จิต​ของ​เขา
​เริ่ม​เสพ​คุ้น​กับ​ความ​สุข​สงบ​จาก​การ​ท่ี​จิต​เป็น​สมาธิ​ ​ไม่​ช้า​ไม่​นาน​เขา​
ก็​สามารถ​เลิก​เหล้า​ได้​โดย​ไม่รู้​ตัว​ด้วย​อุบาย​ธรรม​ท่ี​น้อมนำ​มา​จาก​
หลวง​ปู่​ ​ต่อ​มา​เขา​ได้​มี​โอกาส​มา​นมัสการ​ท่าน​อีก​ครั้ง​ ​ทีนี้​หลวงปู่ดู่ท่าน ​
ให้​โอวาท​ว่า​ ​“​ท่ี​แก​ปฏิบัติ​อยู่​ ​ให้​รู้​ว่า​ไม่​ใ​ช่​เพื่อ​ข้า​ แต่​เพ่ือ​ตัว​แก​เอง​”​
คำ​พูด​ของ​หลวง​ปู่​ทำให้​เขา​เข้า​ใจ​อะไร​มาก​ขึ้น​ ​ศรัทธาและ​ความ​เพียร
​ต่อ​การ​ปฏิบัติ​ก็​มี​มาก​ขึ้น​ตาม​ลำดับ​ ​ถัด​จาก​นั้น​ไม่​กี่​ปี​ ​เขา​ผู้​ที่​อดีต​
เคย​เป็น​นักเลง​เหล้า​ก็​ละ​เพศ​ฆราวาส​เข้า​สู่​เพศ​บรรพชิต ตั้งใจปฏิบัติ​
ธรรม​เรื่อย​มา​
​ อีก​ครง้ั ​หน่งึ ​มีช​ าว​บ้าน​หา​ปลา​มา​นมัสการท​ า่ น​​และ​กอ่ น​กลับ​​ท่าน​
ก​ใ็ ห้เ​ขาส​ มาทานศ​ ีล​​๕​​เขา​เกดิ ต​ ะขิดตะขวง​ใจก​ ราบ​เรยี น​ทา่ นว​ ่า​​“​ผม​ไม​่
กล้าส​ มาทาน​ศลี ​ ๕​ ​ ​เพราะร​ ูว​้ ่าป​ ระ​เด๋ียวก​ ​็ตอ้ งไ​ปจ​ ับป​ ลา​ จ​ บั ​ก้งุ ​ ​มนั เ​ปน็ ​
อาชีพ​ของ​ผม​ครับ​”​ ​หลวง​ปู่​ตอบ​เขา​ด้วย​ความ​เมตตา​ว่า​ ​“​แก​จะ​รู้​เห​รอ
​ว่า​ ​แก​จะ​ตาย​เมื่อ​ไหร่​ ​ไม่​แน่​ว่า​แก​เดิน​ออก​ไป​จาก​กุฏิ​ข้า​แล้ว​ ​อาจ​ถูก​งู​
กัดต​ าย​เสยี ก​ ลางท​ างก​ ่อน​ไปจ​ ับป​ ลา​​จบั ​กงุ้ ​ก​ ไ็ ด้​​เพราะ​ฉะนั้น​เมอื่ ต​ อน​นี​้
แก​ยัง​ไม​ไ่ ด้ท​ ำบาป​กรรม​อะไร​ย​ ัง​ไงๆ​ก​ ใ​็ ห้​ม​ีศีล​ไว​้กอ่ น​​ถงึ จ​ ะ​มีศ​ ลี ​ขาดก​ ย็​ งั ​
ดี​กว่าไ​ม่ม​ีศีล​”​
​ หลวงปู่ดู่​ท่านไม่​เพียง​พร่ำ​สอน​ให้​บรรดา​ศิษย์​ท้ัง​หลาย​เจริญ​
บำเพ็ญ​คุณ​งาม​ความ​ดี​เท่านั้น​ ​หาก​แต่​ยัง​เน้น​ย้ำ​ให้​เห็น​ความ​สำคัญ​และ​
ระมัดระวัง​ใน​การ​รักษา​ไว้​ซ่ึง​คุณ​งาม​ความ​ดี​น้ัน​ๆ​ ​ให้​คง​อยู่​ ​รวม​ทั้ง​เจริญ​

9๙

งอกงาม​ขึ้น​เรื่อย​ๆ​ ​ท่าน​มัก​จะ​พูด​เตือน​เส​มอๆ​ว่า​เมื่อ​ปลูก​ต้น​ธรรม​ด้วย​
ดีแล้ว​ก็​ต้อง​คอย​หมั่น​ระวัง​อย่า​ให้​หนอน​และ​แมลง​ ​ได้แก่​ ​ความ​โลภ​
ความ​โกรธ​ ​และ​ความ​หลง​ ​มา​กัด​กิน​ทำลาย​ต้น​ธรรม​ที่​อุตส่าห์​ปลูก​ข้ึน​​
และ​อีก​ครั้ง​หน่ึง​ที่​ท่าน​แสดง​ถึง​แบบ​อย่าง​ของ​ความ​เป็น​ครู​อาจารย์​ที่​
ปราศ​จาก​ทิฏฐิ​มานะ​และ​เป่ียม​ด้วย​อุบาย​ธรรม​ ​ก็​คือ​คร้ัง​ท่ี​มี​นัก​ศึกษา
มหาวิทยาลัย​ธรรม​ศาสตร์​ ​๒​ ​คน​ ​ซึ่ง​เป็น​ลูก​ศิษย์​ของ​ท่าน​ ​มาก​ราบ​ลา​
พร้อม​กับ​เรียน​ให้ท่า​นท​ราบ​ว่า​ จะ​เดิน​ทาง​ไป​พัก​ค้าง​เพื่อ​ปฏิบัติ​ธรรม​
กบั ท​ า่ นพ​ ระอ​ าจารยม​์ หาบ​ วั ​ญ​ าณส​ มั ป​ นั โ​น​ว​ ดั ป​ า่ บ​ า้ นต​ าด​จ​ งั หวดั อ​ ดุ รธาน​ี
​หลวงปู่ดู่​ท่าน​ฟัง​แล้ว​ก็​ยกมือ​พนม​ขึ้น​ไหว้​ไป​ทาง​ข้างๆ​ พร้อม​กับ​
พูด​วา่ ​​“ข​ ้า​โมท​ นาก​ ับ​พวกแ​ ก​ดว้ ย​​ตัว​ขา้ ไ​มม่ โี​อกาส.​​..​”​ ​ไมม่ ​เี ลยท​ ท​ี่ า่ น​
จะ​หา้ ม​ปราม​หรอื ​แสดงอ​ าการท​ ​่ีเรยี กว​ า่ ​หวงล​ กู ศ​ ิษย์​ ตรงก​ ัน​ขา้ ม​มีแ​ ต​จ่ ะ​
ส่ง​เสริม​ ​สนับสนุน​ ​ให้​กำลัง​ใจ​เพ่ือ​ให้​ลูก​ศิษย์​ของ​ท่าน​ขวนขวาย​ใน​การ​
ปฏบิ ตั ธ​ิ รรม​ย่ิงๆ​ ​ข​ น้ึ ​ไป​
​แต่​ถ้า​เป็น​กรณี​ท่ี​มี​ลูก​ศิษย์​มา​เรียน​ให้ท่า​นท​ราบ​ถึง​ครู​อาจารย์​น้ัน​
องค์​น้ี​ ​ใน​ลักษณะ​ต่ืน​ครู​ต่ืน​อาจารย์​ ​ท่าน​ก็​จะ​ปราม​เพื่อ​วก​เข้า​สู่​เจ้า​ตัว​
โดย​พูด​เตือน​สติ​ว่า​ ​“​ครู​อาจารย์​ดีๆ​ ​แม้​จะ​มี​อยู่​มาก​ ​แต่​สำคัญ​ที่​ตัว​แก​
ต้องป​ ฏิบัตใิ​ห​้จรงิ ​​สอนต​ ัว​เองใ​ห้​มากน​​ ่นั แ​ หละจ​ งึ ​จะ​ด”ี​ ​
​ หลวงปู่ดูท​่ ่านม​ ี​แนวทางก​ าร​สอน​ธรรมะ​ท​ีเ่ รยี บ​งา่ ย ฟัง​งา่ ย​ ​ชวน​
ใหต​้ ดิ ตามฟ​ งั ​ท​ า่ นน​ ำเ​อาส​ ่งิ ท​ เ​่ี ขา้ ใจย​ าก​มาแ​ สดง​ให้เ​ขา้ ​ใจงา่ ย​​เพราะ​ทา่ น​
จะย​ กอ​ ปุ มาอ​ ปุ ไมยป​ ระกอบใ​นก​ ารส​ อนธ​ รรมะจ​ งึ ท​ ำใหผ​้ ฟ​ู้ งั เ​หน็ ภ​ าพแ​ ละ​
เกดิ ค​ วามเ​ขา้ ใจใ​นธ​ รรมท​ ท​่ี า่ นน​ ำม​ าแ​ สดง​แ​ มว้ า่ ท​ า่ นม​ กั จ​ ะอ​ อกตวั ว​ า่ ท​ า่ น​

๑๐ 10

เปน็ พ​ ระบ​ า้ นน​ อกท​ ไ​ี่ มม่ ค​ี วามร​อ​ู้ ะไร​แ​ ตส​่ ำหรบั บ​ รรดาศ​ ษิ ยท​์ ง้ั ห​ ลาย​ค​ งไ​ม​่
อาจ​ปฏิเสธ​ว่า ​หลาย​ครั้ง​ที่​ท่าน​สามารถ​พูด​แทง​เข้าไป​ถึง​ก้น​บ้ึง​หัวใจ​
ของ​ผฟ้​ู ัง​ทเี​ดยี ว​
​อกี ​ประการ​หนง่ึ ​ ​ดว้ ย​ความ​ท​่ที า่ น​ม​ีรปู ​รา่ ง​ลกั ษณะ​ท​่เี ปน็ ​ท​่นี า่ ​เคารพ​
เลอ่ื มใ​ส​เ​มอ่ื ใ​ครไ​ดม​้ าพ​ บเหน็ ท​ า่ นด​ ว้ ยต​ นเอง​แ​ ละถ​ า้ ย​ง่ิ ไ​ดส​้ นทนาธ​รรมก​ บั ท​ า่ น​
โ​ดยตรง​ก​ ​จ็ ะ​ยง่ิ เ​พม่ิ ค​ วามเ​คารพ​เลอ่ื ม​ใส​ศรทั ธา​ในต​ วั ท​ า่ น​มากข​ น้ึ เ​ปน็ ​ทวคี ณู ​
​ หลวงปู่ดู่​ท่าน​พูด​ถึง​การ​ประพฤติ​ปฏิบัติ​ของ​คน​สมัย​น้ี​ว่า​​“​คน​เรา​
ทุกว​ นั ​น​ี้ ​โลก​เท่า​แผน่ ​ดนิ ​ธ​ รรมเ​ท่าป​ ลายเ​ข็ม​เ​ราม​​ วั ​พาก​ ันย​ ุ่งอ​ ย​กู่ บั โ​ลก​
จน​เหมือน​ลิง​ตดิ ​ตงั ​ ​เร่ือง​ของ​โลก​ ​เร่ือง​เละ​ๆ​ เ​รอ่ื ง​ไมม่ ี​ที่​สน้ิ ​สุด​ ​เรา​ไป​
แกไ้ ขเ​ขาไ​มไ​่ ดจ​้ ะต​ อ้ งแ​ กไ้ ขท​ ต​่ี วั เ​​ราเ​อง​ต​ นข​ องต​ นเ​ตอื นต​ นด​ ว้ ยต​ นเอง”​ ​
ท่าน​ได้​อบรม​ส่ัง​สอน​ศิษย์​ ​โดย​ให้​พยายาม​ถือ​เอา​เหตุการณ์​ต่างๆ​​
ที่​เกดิ ข​ น้ึ ม​ า​เป็น​ครส​ู อนต​ นเองเ​สมอ​เ​ช่น​ใ​นห​ มู่ค​ ณะ​​หาก​ม​ผี ู้ใ​ด​ประพฤติ​
ปฏบิ ตั ด​ิ ​ี เ​จรญิ ใ​นธ​ รรมป​ ฏบิ ตั ​ิ ท​ า่ นก​ ก​็ ลา่ วช​ มแ​ ละใ​หถ​้ อื เ​ปน็ แ​ บบอ​ ยา่ ง​แ​ ต​่
ถ้า​มผี​ ​ูป้ ระพฤต​ิผดิ ​​ถกู ​ทา่ นต​ ำหน​ติ ​เิ ตียน​​กใ​็ ห้​น้อม​เอา​เหต​ุกา​รณ​์น้ัน​ๆ​​มา​
สอนต​ นท​ กุ ค​ รง้ั ไ​ป​ท​ า่ นไ​มไ​่ ดช​้ มผ​ ท​ู้ ำด​ จ​ี นห​ ลงลมื ต​ น​แ​ ละท​ า่ นไ​มไ​่ ดต​้ เ​ิ ตยี น​
ผท​ู้ ำผ​ ดิ จ​ นห​ มดก​ ำลงั ใ​จ​แ​ ตถ​่ อื เ​อาเ​หตก​ุ าร​ณ์ เ​ปน็ เ​สมอื นค​ รท​ู เ​่ี ปน็ ค​ วามจ​ รงิ ​
แสดง​เหตุผล​ให​เ้ ห็นธ​ รรมท​ ีแ่ ท​้จริง​
​ การส​ อนข​ องท​ า่ นก​ ​็พิจารณาด​ ​ูบคุ คลด​ ว้ ย​​เชน่ ​​คนบ​ างค​ นพ​ ูด​ใหฟ​้ งั ​
เพยี ง​อย่างเ​ดยี ว​ไ​ม่​เข้าใจ​บ​ างที​ทา่ น​ก็​ต้องท​ ำให​้เกิดค​ วาม​กลวั ​​เกดิ ​ความ​
ละอายบ​ า้ งถ​ งึ ​จะ​หยุด​​เลิกล​ ะ​การ​กระทำ​ท​ี่ไมด่​ นี​ นั้ ๆ​ ​ไ​ด้​​หรือ​บางค​ น​เป็น​
ผ้ม​ู อี​ ปุ นิสยั ​เบาบางอ​ ยแ​ู่ ล้ว​ ​ทา่ น​ก​็สอน​ธรรมดา​ ​การส​ อน​ธรรมะ​ของท​ า่ น​​

11 ๑๑

บางทก​ี ​็สอน​ใหก​้ ลา้ ​บ​ างท​ีกส็​ อน​ใหก​้ ลวั ​​ท่​ีว่า​สอน​ใหก​้ ลา้ น​ นั้ ​​คอื ​​ให​้กล้า​ใน​
การ​ทำความ​ดี​ ​กล้า​ใน​การ​ประพฤติ​ปฏิบัติ​เพ่ือ​ถอดถอน​กิเลส​ออก​จาก​ใจ
​ไม​่ใหต​้ กเ​ป็น​ทาสข​ อง​กเิ ลสอ​ ยรู่​ ำ่ ไป​​ส่วนท​ ่ี​สอนใ​ห้ก​ ลวั ​น้ัน​ท​ ่าน​ใหก้​ ลัว​ใน​
การ​ทำ​ความช​ ว่ั ​ผ​ ิด​ศีล​ธรรม​​เปน็ ​โทษ​​ทำ​แล้วผ​ อ​ู้ ื่นเ​ดอื ด​ร้อน​​บางทีท​ า่ น ​
กส​็ อนใ​หเ​้ ชอื่ ​ค​ อื ใ​หเ​้ ชอื่ ม​ นั่ ใ​นค​ ณุ พ​ ระพทุ ธ​พ​ ระธ​ รรม​พ​ ระส​ งฆ​์ เ​ชอ่ื ใ​นเ​รอ่ื ง​
กรรม​​อย่าง​ทีท่​ า่ นเ​คยก​ ล่าวว​ ่า​“​ เ​ชอื่ ​ไหม​ละ่ ​​ถา้ เ​รา​เชือ่ ​จรงิ ​ท​ ำจ​ ริง​ม​ นั ก​ ็​
เป็น​ของ​จริง​​ของจ​ รงิ ม​ อ​ี ย​ู่ แ​ ต่เ​รา​มัน​ไม​่เช่อื ​จรงิ ​​จึงไ​ม​เ่ หน็ ​ของจ​ ริง”​ ​
​หลวงปู่ดู่​ท่าน​สอน​ให้​มี​ปฏิปทา​สม่ำเสมอ​ ​ท่าน​ว่า​“​ขยัน​ก็​ให้​ทำ​
ขี​้เกียจ​ก​็ให้ท​ ำ​​ถา้ ​วันไ​หนย​ งั ​กนิ ข​ ้าว​อยกู​่ ็​ต้องท​ ำว​ ันไ​หนเ​ลกิ ก​ ิน​ข้าวแ​ ลว้ ​
นนั่ ​แหละ​​จงึ ค​ ่อยเ​ลิก​ทำ”​ ​
​การ​สอน​ของ​ท่าน​นั้น​มิได้​เน้น​แต่​เพียง​การ​น่ัง​หลับ​ตา​ภาวนา​​
​หาก​แต​่หมายร​ วม​ไปถ​ ึงก​ าร​กำหนด​ด​ู ก​ ำหนดร​ ้​ู แ​ ละพ​ จิ ารณาส​ ิง่ ต​ า่ งๆ​ ​ใ​น​
ความเ​ปน็ ข​ องไ​มเ่​ทยี่ ง​เ​ปน็ ​ทกุ ข์​เ​ป็น​อนัตตา​โดย​เฉพาะ​อยา่ งย​ ่งิ ​​ทา่ น​ช​้ีให้​
เหน็ ถ​ งึ ส​ งั ขารร​า่ งกายท​ ม​ี่ นั เ​กดิ ม​ นั ต​ ายอ​ ยต​ู่ ลอดเ​วลา​ท​ า่ นว​ า่ ​เ​ราว​ นั น​ ก​ี้ บั เ​รา​
เม่ือ​ตอน​เป็น​เด็ก​มัน​ก็​ไม่​เหมือน​เก่า​ ​เรา​ขณะ​นี้​กับ​เรา​เมื่อ​วาน​ก็​ไม่​เหมือน​
เก่า​​จงึ ว​ ่าเ​ราเ​มื่อ​ตอน​เป็น​เด็ก​​หรือ​เราเ​มื่อว​ านม​ ันไ​ดต้​ าย​ไป​แล้ว​​เรยี ก​ว่า​
รา่ งกายเ​ราม​ นั เ​กดิ ​-​​ต​ าย​อ​ ยท​ู่ กุ ล​ มห​ ายใจเ​ขา้ อ​ อก​ม​ นั เ​กดิ ​-​​ต​ าย​อ​ ยท​ู่ กุ ข​ ณะ​
จติ ​​ท่าน​สอนใ​ห้บ​ รรดาศ​ ิษย์เ​ห็น​จริง​ถงึ ​ความส​ ำคัญ​ของ​ความท​ กุ ข​์ยาก​ว่า
​เป็นส​ ่ิง​ม​คี ณุ ค่า​ในโ​ลก​
ท​ ่านจ​ ึงพ​ ดู บ​ อ่ ยค​ รงั้ ว​ า่ ​ก​ าร​ท่​เี รา​ประสบ​ทุกข​์ ​นัน่ แ​ สดงว​ า่ เ​รา​มาถ​ ูก​
ทาง​แล้ว​​เพราะ​อาศัย​ทุกขน​์ ่นั ​แหละ​จ​ งึ ​ทำให้เ​รา​เกดิ ป​ ัญญาข​ น้ึ ไ​ด้​

๑๒ 12

ใ​ช​ช้ วี ิตอ​ ยา่ ง​ผรู​้ ักส​ ันโดษแ​ ละ​เรยี บ​งา่ ย​

​ หลวงปดู่ ท​ู่ า่ นย​ งั เ​ปน็ แ​ บบอ​ ยา่ งข​ องผ​ ม​ู้ กั น​ อ้ ยส​ นั โดษใ​ชช​้ วี ติ เ​รยี บง​า่ ย​
ไม่​นิยมค​ วาม​หรหู ราฟ​ มุ่ เฟือย​แ​ มแ้ ตก​่ าร​สรงน​ ้ำ​ท​ ่าน​ก็​ยังไ​ม​เ่ คย​ใช​ส้ บู่​เลย​
แต​่ก็​นา่ อ​ ศั จรรย​เ์ มอื่ ไ​ด้​ทราบ​จาก​พระอ​ ปุ ัฏฐาก​ว่า​ ​ไม​่พบ​ว่าท​ า่ น​มีก​ ลิน่ ต​ ัว​​
แม​้ในห​ ้อง​ที​ท่ า่ น​จำวดั ​
​ มี​ผู้​ปวารณา​ตัว​จะ​ถวาย​เคร่ือง​ใช้​และ​สิ่ง​อำนวย​ความ​สะดวก​ต่างๆ​​
ให้​กับ​ท่าน​ ​ซ่ึง​ส่วน​ใหญ่​ท่าน​จะ​ปฏิเสธ​ ​คง​รับ​ไว้​บ้าง​เท่า​ท่ี​เห็น​ว่า​ไม่​เกิน​
เลย​อัน​จะ​เสีย​สมณะ​สารูป​ ​และ​ใช้สอย​พอ​ให้​ผู้​ถวาย​ได้​เกิด​ความ​ปล้ืมปีติ​
ที่​ได้​ถวาย​แก่​ท่าน​ ​ซ่ึง​ใน​ภาย​หลัง​ท่าน​ก็​มัก​ยก​ให้​เป็น​ของ​สงฆ์​ส่วน​รวม​​
เช่นเ​ดียว​กบั ขา้ ว​ของ​ต่างๆ​ ​ที่​มี​ผมู้​ าถ​ วาย​เปน็ ส​ ังฆทาน​โดย​ผา่ นท​ ่าน​ และ
​เม่ือ​ถึง​เวลา​เหมาะ​ควร​ท่าน​ก็​จะ​จัดสรร​ไป​ให้​วัด​ต่างๆ​ ​ท่ี​อยู่​ใน​ชนบท ​
และ​ยงั ข​ าดแคลนอ​ ย​ู่
​ สิ่ง​ที่​ท่าน​ถือ​ปฏิบัติ​สม่ำเสมอ​ใน​เร่ือง​ลาภ​สัก​การ​ะ​ ​ก็​คือ​การ​ยก​ให้​
เป็น​ของ​สงฆ์​ส่วน​รวม​ ​แม้​ปัจจัย​ที่​มี​ผู้​ถวาย​ให้​กับ​ท่าน​เป็น​ส่วน​ตัว​สำหรับ​
ค่า​รักษา​พยาบาล​ ​ท่าน​ก็​สมทบ​เข้า​ใน​กองทุน​สำหรับ​จัดสรร​ไป​ใน​กิจ​
สาธารณประโยชนต​์ ่างๆ​​ทัง้ ​โรงเรยี น​และ​โรงพ​ ยาบาล​
​ หลวงปดู่ ​ู่ ท​ า่ น​ไม่มอี​ าการแ​ ห่ง​ความ​เปน็ ​ผ้อ​ู ยากเ​ดน่ ​อยากด​ งั ​แมแ้ ต​่
น้อย​ ​ดงั น​ น้ั ​ แ​ ม​้ท่าน​จะ​เป็นเ​พียงพ​ ระ​บา้ น​นอกร​ ปู ห​ นึ่งซ​ ง่ึ ไ​ม่เ​คย​ออกจ​ าก​
วัด​ไป​ไหน​ ​ท้ัง​ไม่มี​การ​ศึกษา​ระดับ​สูง​ๆ​ ​ใน​ทาง​โลก​ ​แต่​ใน​ความ​รู้สึก​ของ​
ลูก​ศิษย์​ท้ัง​หลาย​ ​ท่าน​เป็น​ดั่ง​พระ​เถระ​ผู้​ถึง​พร้อม​ด้วย​จริยวัตร​อัน​งดงาม​​
สงบ​เ​รียบ​งา่ ย​​เบกิ ​บาน​​และ​ถึง​พรอ้ ม​ด้วย​ธรรมว​ ฒุ ิ​ที่ร​ ู้​ถ้วนท​ ัว่ ใ​น​วชิ ชาอ​ ัน​

13 ๑๓

จะน​ ำพา​ใหพ​้ ้นเ​กิด​พ​ น้ ​แก่​​พน้ เ​จบ็ ​พ​ น้ ต​ าย​​ถึงฝ​ ัง่ อ​ นั ​เกษม​​เปน็ ​ทฝี​่ ากเ​ป็น​
ฝากต​ าย​และฝ​ ากห​ ัวใจ​ของล​ กู ศ​ ิษย​ท์ กุ ​คน​
​ใน​เร่ืองท​ รพั ย​ส์ มบัติด​ ้ังเดมิ ข​ อง​ทา่ น​โ​ดย​เฉพาะอ​ ยา่ ง​ยิง่ ท​ ​น่ี า​ซ​ ง่ึ ​ม​ี
อย​ู่ประมาณ​​๓๐​ไ​ร่​ท​ ่าน​กไ็ ด้แ​ บ่งใ​หก​้ ับห​ ลาน​ๆ​​ของท​ ่าน​​ซึง่ ใ​น​จำนวน​น้ี​
นาย​ยวง​ ​พึ่ง​กุศล​ ​ผู้​เป็น​บุตร​ของ​นาง​สุ่ม​ ​โยม​พี่สาว​คนกลาง​ท่ี​เคย​เล้ียง​ดู​
ท่านม​ า​ตลอด​ก​ ็ได​ร้ ับส​ ่วนแ​ บง่ ​ที​น่ า​จากท​ า่ นด​ ้วย​จำนวน​๑​ ๘​ไ​รเ​่ ศษ​​แต​่
ดว้ ย​ความ​ท่​ีนายย​ วงผ​ ูเ​้ ป็น​หลานข​ อง​ทา่ น​นีไ​้ มม่ ท​ี ายาท​ ไ​ด้ค​ ิด​ปรกึ ษาน​ าง​
ถม​ยา​ผู้​ภรรยา​เห็น​ควร​ยก​ให้​เป็น​สาธารณประโยชน์​ ​จึง​ยก​ที่ดิน​แปลง​
นี้​ให้​กับ​โรงเรียน​วดั ​สะแก​ ​ซง่ึ ​หลวงป่ดู ​่ทู า่ ​นกอ็ นุโม​ทนา​ใน​กุศล​เจตนา​ของ ​
คน​ทง้ั ​สอง​

​กศุ โลบายใ​น​การ​สรา้ ง​พระ​

​ หลวงปู่ดู่​ท่าน​มิได้​ต้ัง​ตัว​เป็น​เกจิ​อาจารย์​ ​การ​ท่ี​ท่าน​สร้าง​หรือ​
อนุญาต​ให้​สร้าง​พระ​เครื่อง​หรือ​พระ​บูชา​ ​ก็​เพราะ​เห็น​ประโยชน์​ ​เพราะ​
บุคคล​จำนวน​มาก​ยัง​ขาด​ท่ี​ยึด​เหน่ียว​ทาง​จิตใจ ​ท่าน​มิได้​จำกัด​ศิษย์​อยู่
เฉพาะ​กลุ่ม​ใด​กลุ่ม​หน่ึง​ ​ดัง​นั้น​คณะ​ศิษย์​ของ​ท่าน​จึง​มี​กว้าง​ขวาง​ออก​ไป​
ทั้ง​ท่ี​ใฝ่ใจ​ธรรม​ล้วน​ๆ​ ​หรือ​ท่ี​ยัง​ต้อง​อิง​กับ​วัตถุ​มงคล​ ​ท่าน​เคย​พูด​ว่า​
“​ตดิ ​วัตถ​ุมงคล​​ก็​ยงั ด​ ​ีกวา่ ท​ ​ี่จะใ​หไ​้ ป​ติดว​ ัตถุอ​ ปั มงคล”​ ​​ทัง้ น​้ีทา่ นย​ ่อม​ใช​้
ดลุ ย​พนิ จิ ​พจิ ารณาต​ ามค​ วามเ​หมาะ​ควรแ​ ก​ผ่ ​ูท้ ​่ีไป​หา​ทา่ น​
​ แม้ว่า​หลวงปู่ดู่​จะ​รับรอง​ใน​ความ​ศักดิ์​สิทธิ์​ของ​พระ​เคร่ือง​ที่​ท่าน​
อธษิ ฐานจ​ ติ ใ​ห​้ แ​ ตส​่ ง่ิ ท​ ท​ี่ า่ นย​ กไวเ​้ หนอื ก​ วา่ น​ นั้ ก​ ค​็ อื ก​ ารป​ ฏบิ ตั ​ิ ด​ งั จ​ ะเ​หน็ ไ​ด​้

๑๔ 14

จาก​คำ​พดู ข​ อง​ทา่ น​วา่ ​​“​เอาข​ อง​จรงิ ​ด​กี วา่ ​พทุ ธง​ั ฯ​​ธมั มงั ฯ​​สงั ฆง​ั ฯ​ส​ รณงั​​
คจั ฉาม​ ​ิ น​ ี่​แหละ​ของแ​ ท​”้ ​
​ จากค​ ำ​พดู ​น้ี​จ​ ึงเ​สมือน​เป็นการ​ยนื ยัน​ว่าการ​ปฏิบตั ภิ​ าวนา​นแี​้ หละ​
เป็น​ที่สุด​แห่ง​เคร่ืองราง​ของ​ขลัง​ ​เพราะ​คน​บาง​คน​แม้​แขวน​พระ​ที่​ผู้ทรง​
คณุ ว​ เิ ศษอ​ ธษิ ฐานจ​ ติ ใ​หก​้ ต็ าม​ก​ ใ​็ ชว​่ า่ จ​ ะร​อดป​ ลอดภยั อ​ ยดู่ ม​ี ส​ี ขุ ไ​ปท​ กุ ก​ รณ​ี
อย่างไร​เสีย​ทุก​คน​ไม่​อาจ​หลีก​หนี​วิบาก​กรรม​ท่ี​ตน​ได้​สร้าง​ไว้​ ​ดัง​ที่​ท่าน​
ได้กล่าว​ไว​้ว่า​ส​ ่งิ ​ศักด์ิส​ ิทธิ​ท์ ี่​อย​ูเ่ หนอื ส​ ิ่ง​ศักด​์สิ ิทธิ์​​ก​ค็ ือ​ก​ รรม​
​ ดังน​ ั้น​​จึง​มี​แต​่ ​พระ​​“​สต”​ิ ​พ​ ระ​“​ ป​ ัญญา​”​​ทฝ​่ี กึ ฝนอ​ บรม​มา​ดีแลว้ ​
เท่าน้ัน​ ​ท่ี​จะ​ช่วย​ให้​ผู้​ปฏิบัติ​รู้​เท่า​ทัน​และ​พร้อม​ที่​จะ​เผชิญ​กับ​ปัญหา​และ​
ส่ิง​กระทบ​ต่าง​ๆ​ ​ท่ี​เข้า​มา​ใน​ชีวิต​ ​อย่าง​ไม่​ทุกข์​ใจ​ ​ดุจ​ว่า​ส่ิง​เหล่า​น้ัน​เป็น​
เสมือน​ฤดูกาล​ท่ี​ผ่าน​เข้า​มา​ใน​ชีวิต​ ​บาง​ครั้ง​ร้อน​บาง​คร้ัง​หนาว​ ​ทุก​สิ่ง ​
ทกุ ​อย่างล​ ้วน​เป็น​ไป​ตามธ​ รรมดาข​ อง​โลก​
​ พระ​เคร่ือง​หรือ​พระ​บูชา​ต่างๆ​ ​ท่ี​ท่าน​อธิษฐาน​ปลุก​เสก​ให้​แล้ว​นั้น​
ปรากฏ​ผล​แก่​ผู้​บูชา​ใน​ด้าน​ต่างๆ​ ​เช่น​ ​แคล้วคลาด​ฯลฯ ​น่ัน​ก็​เป็น​เพียง​
ผลพลอยได​้ ซ​ ึ่ง​เป็นป​ ระโยชน์​ทางโ​ลกๆ​ แ​ ต​่ประโยชน​ท์ ่​ที า่ นส​ รา้ งม​ งุ่ ห​ วัง​
อย่าง​แท้จริง​นั้น​ก็​คือ​ ​ใช้​เป็น​เคร่ือง​มือ​ในก​าร​ปฏิบัติ​ภาวนา​ ​มี​พุทธ​านุ​สติ​
กรรมฐ​ าน​​เปน็ ต้น​น​ อกจากน​ แ​ี้ ลว้ ผ​ ปู​้ ฏิบตั ิย​ งั ​ไดอ​้ าศยั ​พลงั จติ ​ท่ีท​ า่ นต​ ้งั ใจ​
บรรจุ​ไว้​ใน​พระ​เคร่ือง​ช่วย​น้อมนำ​และ​ประ​คับ​ประคอง​ให้​จิต​รวม​สงบ​ได้​
เรว็ ข​ น้ึ ​ ​ตลอด​ถงึ ​การ​ใช​้เปน็ เ​ครอื่ งเ​สริมก​ ำลัง​ใจ​และ​ระงบั ​ความห​ วาด​วติ ก​
ในขณะ​ปฏบิ ัต ิ​ ​ถอื เ​ปน็ ป​ ระโยชน​ท์ างธ​ รรม​ซึง่ ก​ อ่ ​ให​้เกดิ พ​ ฒั นาการท​ างจ​ ติ ​
ของ​ผู​ใ้ ชไ​้ ป​สก​ู่ าร​พ่ึงพา​ตนเอง​ได้ใ​นท​ สี่ ุด​

15 ๑๕

​ จากท​ เ​่ี บอ้ื งต​ น้ ​เ​ราไ​ดอ​้ าศยั ​พ​ ทุ ธงั​ ​ส​ รณง​ั ​ ค​ จั ฉาม​ ​ิ ธมั มงั ​ ส​ รณง​ั ​ค​ จั ฉาม​ ​ิ
และ​ส​ ังฆ​งั ​ส​ รณ​ัง​ค​ ัจฉา​ม​ิ ค​ ือย​ ดึ ​เอาพ​ ระพทุ ธ​พ​ ระ​ธรรม​พ​ ระส​ งฆ​์ ​เปน็ ​
สรณะ​จ​ นจ​ ติ ข​ องเ​ราเ​กดิ ศ​ รทั ธาโ​ดยเ​ฉพาะอ​ ยา่ งย​ งิ่ ท​ เ​่ี ราเ​รยี กก​ นั ว​ า่ ​ต​ ถาคต​
โพธิ​สัทธา​ ​คือ​เชื่อ​ปัญญา​ตรัสรู้​ของ​พระพุทธเจ้า​ข้ึน​แล้ว​ ​เรา​ก็​ย่อม​เกิด​
กำลงั ใ​จข​ น้ึ ว​ า่ พ​ ระพทุ ธอ​ งคเ​์ ดมิ ก​ เ​็ ปน็ ค​ นธ​ รรมดาเ​ชน่ เ​ดยี วก​ บั เ​รา​ค​ วามผ​ ดิ ​
พลาด​พระองค์​ก็​เคย​ทรง​ทำ​มา​ก่อน​ ​แต่​ด้วย​ความ​เพียร​ประกอบ​กับ​พระ​
สติ​ปัญญา​ที่​ทรง​อบรม​มา​ดีแล้ว​ ​จึง​สามารถ​ก้าว​ข้าม​วัฏฏะ​สงสาร​สู่​ความ​
หลุดพ​ ้น​​เปน็ การ​บุกเ​บิกท​ าง​ท​ีเ่ คย​รกชัฏใ​ห้พ​ วก​เรา​ได​้เดินก​ ัน​​ดังน​ ้ัน​​เรา​
ซง่ึ เ​ปน็ ม​ นษุ ยเ​์ ชน่ เ​ดยี วก​ บั พ​ ระองค​์ ก​ ย​็ อ่ มท​ จ​่ี ะม​ ศ​ี กั ยภาพท​ จ​ี่ ะฝ​ กึ ฝนอ​ บรม​
กาย​ว​ าจา​​ใจ​​ด้วยต​ ัวเ​ราเ​อง​ได​เ้ ชน่ ​เดยี วก​ ับ​ท่ี​พระองค์​ทรง​กระทำม​ า​​พูด​
อกี ​อยา่ งห​ น่งึ ​กค็​ อื ​​กาย​ว​ าจา ใ​จ​​เปน็ ​สงิ่ ​ท​ี่ฝกึ ฝน​อบรมก​ ันไ​ด​้ ​ใช่​วา่ จ​ ะ​ตอ้ ง​
ปล่อย​ให้ไ​หล​ไป​ตาม​ยถากรรม​
​ เมื่อ​จิต​เรา​เกิด​ศรัทธา​ดัง​ที่​กล่าว​มา​นี้​แล้ว​ ​ก็​มี​การ​น้อม​นำ​เอา​ข้อ​
ธรรม​คำส​ อน​ตา่ งๆ​ ​​มาป​ ระพฤตป​ิ ฏิบตั ขิ​ ดั เกลา​กเิ ลสอ​ อกจ​ ากใ​จ​ตน​​จติ ใจ​
ของ​เรา​ก็​จะ​เล่ือน​ช้ัน​จาก​ปุถุชน​ที่​หนา​แน่น​ด้วย​กิเลส​ ​ขึ้น​สู่​กัลยาณ​ชน​​
และ​อริย​ชน​ ​เป็น​ลำดับ​ ​เม่ือ​เป็น​ดังนี้​แล้ว​ใน​ท่ีสุด​เรา​ก็​ย่อม​เข้า​ถึงที่​พึ่ง​คือ ​
ตัว​เรา​เอง​ ​อัน​เป็น​ท่ี​พึ่ง​ท่ีแท้​จริง​เพราะ​กาย​ ​วาจา​ ​ใจ​ ​ที่​ได้​ผ่าน​ข้ัน​ตอน​
การ​ฝึกฝนอบรม​โดย​การ​เจรญิ ​ศีล​​สมาธิ​แ​ ละ​ปัญญาแ​ ล้ว​ย​ ่อม​กลาย​เปน็ ​
กายส​ จุ รติ ​ว​ าจาสจุ รติ ​แ​ ละม​ โนส​ จุ รติ ​ก​ ระทำส​ ง่ิ ใ​ด​พ​ ดู ส​ งิ่ ใ​ด​ค​ ดิ ส​ งิ่ ใ​ด​ก​ ย็ อ่ ม​
หา​โทษ​มิได้​ ​ถึง​เวลา​น้ัน​แม้​พระ​เครื่อง​ไม่มี​ ​ ก็​ไม่​อาจ​ทำให้​เรา​เกิด​ความ​
หวน่ั ​ไหว​ห​ วาดก​ ลวั ​​ข้ึน​ได้​เลย​

๑๖ 16

​เป่ยี ม​ด้วยเ​มตตา​

​ นกึ ถงึ ส​ มยั พ​ ทุ ธก​ าล​เ​มอื่ พ​ ระพทุ ธอ​ งคท​์ รงป​ ระชวรห​ นกั ค​ รงั้ ส​ ดุ ทา้ ย​
แหง่ ก​ ารป​ รนิ พิ พาน​ท​ า่ นพ​ ระอ​ านนทผ​์ อ​ู้ ปุ ฏั ฐากพ​ ระองคอ​์ ยต​ู่ ลอดเ​วลาไ​ด​้
ห้ามม​ านพ​ผห้​ู นงึ่ ซ​ งึ่ ​ขอร้อง​จะ​ขอ​เข้า​เฝ้าพ​ ระพุทธเจา้ ข​ ณะ​นน้ั ​
​ พระ​อานนท​ค์ ดั ค​ ้าน​ อย่างเด็ด​ขาด​ไมใ​่ หเ้​ข้าเ​ฝา้ ​​แม้ม​ านพข​ อร้องถ​ งึ ​
๓​ ​ครั้ง​ ​ท่าน​ก็​ไม่​ยอม​ ​จน​กระท่ัง​เสียง​ขอ​กับ​เสียง​ขัด​ดัง​ถึง​พระพุทธ​องค์​​
พระพทุ ธอ​ งคจ​์ งึ ต​ รสั ว​ า่ ​“​ อ​ านนท​์ อ​ ยา่ ห​ า้ มม​ านพน​ น้ั เ​ลย​จ​ งใ​หเ​้ ขา้ ม​ าเ​ดยี๋ ว​
น”​ี้ ​เ​มอื่ ไ​ดร​้ บั อ​ นญุ าตแ​ ลว้ ​ม​ านพก​ เ​็ ขา้ เ​ฝา้ พ​ ระพทุ ธเจา้ ไ​ดฟ​้ งั ธ​ รรม​จ​ นบรรล​ุ
มรรคผล​แล้วข​ อบ​ วช​เป็น​พระส​ าวก​องค์​สุดทา้ ย​มนี​ ามว​ ่า​“​ พ​ ระส​ ุภ​ัทท​ ะ​”​
​ พระ​อานนท์​ท่าน​ทำ​หน้าท่ี​ของ​ท่าน​ถูก​ต้อง​แล้ว​ ​ไม่มี​ความ​ผิด​อัน​
ใด​เลย​แม้แต่​น้อย​ ​ส่วน​ที่​พระพุทธองค์ทรงเมตตา​ให้​เข้า​เฝ้า​น้ัน ​เป็น​ส่วน​
พระ​มหากรุณาธิคุณ​ของ​พระองค์​ท่ี​ทรง​มี​ต่อ​สรรพ​สัตว์​ทั้ง​หลาย​โดย​ไม่มี​
ประมาณ​ ​ย่อม​แผ่​ไพศาล​ไป​ทั่ว​ทั้ง​สาม​โลก​ ​พระ​สาวก​รุ่น​หลัง​กระท่ัง​ถึง​
พระเ​ถระห​ รอื ค​ รบู าอ​ าจารยผ​์ ส​ู้ งู อ​ ายโ​ุ ดยท​ วั่ ไปท​ ม​่ี เ​ี มตตาส​ งู ​ร​วมท​ ง้ั ห​ ลวงป​ู่
ย​ อ่ มเ​ปน็ ท​ เ​ี่ คารพน​ บั ถอื ข​ องช​ นห​ มม​ู่ าก​ทา่ นก​ อ​็ ทุ ศิ ช​ วี ติ เ​พอื่ ก​ จิ พ​ ระศ​ าสนา​
ก็​ไม่​ค่อย​คำนึง​ถึง​ความ​ชรา​อาพาธ​ของ​ท่าน​ ​เห็น​ว่า​ผู้​ใด​ได้​ประโยชน์​จาก
การ​บูชา​สกั ​การ​ะ​ทา่ น​ท่าน​กอ็​ ำนวย​ประโยชน​น์ ้นั แ​ กเ​่ ขา​
​ เม่ือ​คร้งั ​ที่​หลวง​ปู่​อาพาธอ​ ยู่​ไ​ด้​มล​ี กู ศ​ ษิ ย์​กราบ​เรยี นท​ า่ น​วา่ ​​“​รสู้ ึก​
เปน็ ​ห่วง​หลวงป​ ู”่​ ​​ท่าน​ไดต​้ อบ​ศิษย์​ผ้​นู นั้ ด​ ้วยค​ วาม​เมตตา​วา่ ​​“​ห่วงต​ วั แ​ ก​
เอง​เถอะ​”​ ​อีก​ครั้ง​ท่ี​ผู้​เขียน​เคย​เรียน​หลวง​ปู่​ว่า ​“​ขอ​ให้​หลวง​ปู่​พัก​ผ่อน ​
มากๆ​ ​”​

17 ๑๗

หลวงป​ ต​ู่ อบท​ นั ทว​ี า่ ​“​ พ​ กั ไ​มไ​่ ด​้ ม​ ค​ี นเ​ขาม​ าก​ นั ม​ าก​บ​ างทก​ี ลางคนื
เ​ขาก​ ม​็ าก​ นั ​เ​ราเ​หมอื นน​ กต​ วั นำ​เ​ราเ​ปน็ ค​ รเ​ู ขาน​ ​ี่ ค​ ร.​ู .​.​​เ​ขาต​ ร​ี ะฆงั ไ​ดเ​้ วลา​
สอนแ​ ล้วก​ ต็​ อ้ ง​สอน​ไ​ม​่สอน​ได​ย้ งั ไ​ง​”​
​ ชีวิต​ของ​ท่าน​เกิด​มา​เพ่ือ​เกื้อกูล​ธรรม​แก่​ผู้​อ่ืน​ ​แม้​จะ​อ่อน​เพลีย ​
เมื่อย​ล้า​สัก​เพียง​ใด​ ​ท่าน​ก็​ไม่​แสดงออก​ให้​ใคร​ต้อง​รู้สึก​วิตก​กังวล​หรือ​
ลำบาก​ใจ​แต่​อย่าง​ใดเ​ลย​เ​พราะ​อาศยั ค​ วาม​เมตตา​เปน็ ท​ ต​่ี ง้ั ​​จงึ ​อาจ​กล่าว​
ได้​ว่า​ ​ปฏิปทา​ของ​ท่าน​เป็น​ด่ัง​พระ​โพธิ​สัตว์​หรือ​หน่อ​พุทธ​ภูมิ​ ​ซึ่ง​เห็น​
ประโยชน์​ของ​ผู้​อื่น​มาก​กว่า​ประโยชน์​ส่วน​ตน​ดัง​เช่น​ ​พระ​โพธิ​สัตว์​หรือ
ห​ นอ่ พ​ ทุ ธภ​ มู อ​ิ กี ท​ า่ นห​ นง่ึ ​ค​ อื ​ห​ ลวงป​ ทู่ วดเ​หยยี บน​ ำ้ ท​ ะเลจ​ ดื ​พ​ ระส​ ป​ุ ฏปิ นั โ​น​
สมยั ก​ รงุ ​ศรอี ยธุ ยา​ ซ่งึ ห​ ลวงปดู่ ​ไู่ ด้​สอน​ใหล​้ กู ศ​ ษิ ยใ​์ ห้ค​ วาม​เคารพ​เสมือน​
คร​ูอาจารย​ผ์ ูช​้ ้แี นะแ​ นว​ทางการป​ ฏิบตั ิ​อกี ​ทา่ นห​ นงึ่ ​
​หลวงปดู่ ​ู่ ท​ ่าน​ได​้ตดั สินใ​จไ​ม​ร่ บั ก​ จิ น​ มิ นตอ์​ อกน​ อกว​ ดั ​ตง้ั แ​ ต​ก่ อ่ น​ป​ี
พ.​ศ​ .​​๒​ ๔๙๐​ด​ งั น​ นั้ ​ท​ กุ ค​ นท​ ต​่ี ง้ั ใจไ​ปก​ ราบน​ มสั การแ​ ละฟ​ งั ธ​ รรมจ​ ากท​ า่ นจ​ ะ​
ไมผ​่ ดิ ห​ วงั เ​ลยว​ า่ จ​ ะไ​มไ​่ ดพ​้ บท​ า่ น​ท​ า่ นจ​ ะน​ งั่ ร​บั แขกบ​ นพ​ นื้ ไ​มก​้ ระด​ านแ​ ขง็ ๆ​
หน้าก​ ุฏิของท​ ่านท​ กุ ​วัน​ต้งั แ​ ต​่เชา้ ​จรด​คำ่ ​บ​ าง​วนั ท​ ี​่ท่านอ​ ่อนเพลีย​ท​ า่ น​จะ​
เอนกายพ​ กั ผ​ อ่ นห​ นา้ ก​ ฏุ ​ิ แ​ ลว้ ห​ าอ​ บุ ายส​ อนเ​ดก็ ว​ ดั โ​ดยใ​หเ​้ อาห​ นงั สอื ธ​ รรมะ​
มาอ​ า่ นใ​ห​ท้ ่านฟ​ ัง​ไปด​ ว้ ย​
​ข้อ​วัตร​ของ​ท่าน​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ก็​คือ​ ​การ​ฉัน​อาหาร​ม้ือ​เดียว​ซึ่ง​ท่าน​
กระทำ​มา​ต้ัง​แต่​ประมาณ​ปี​ ​พ​.​ศ​.​ ​๒๕๐๐​ ​แต่​ภาย​หลัง​คือ​ประมาณ​ปี​
พ​.​ศ​. ​๒๕๒๕​ ​เหล่า​สานุ​ศิษย์​ได้​กราบ​นิมนต์​ให้​ท่าน​ฉัน​ ​๒​ ​มื้อ​ ​เน่ืองจาก​
ความ​ชราภาพ​ของ​ท่าน​ ​ประกอบ​กับ​ต้อง​รับแขก​มาก​ข้ึน​ ​ท่าน​จึง​ได้​ผ่อน​

๑๘ 18

ปรนต​ ามค​ วามเ​หมาะค​ วรแ​ หง่ อ​ ตั ภาพ​ท​ ง้ั จ​ ะไ​ดเ​้ ปน็ การโ​ปรดญ​ าตโิ ยมจ​ าก​
ท​ีไ่ กลๆ​ ​ท​ ี่ต​ ง้ั ใจ​มา​ทำบุญถ​ วาย​ภตั ​ตา​หาร​แด​ท่ า่ น​
​ หลวงป​ แ​ู่ มจ​้ ะช​ ราภาพม​ ากแ​ ลว้ ​ ทา่ นก​ ย​็ งั อ​ ตุ สา่ หน​์ งั่ ร​บั แ​ ขกท​ ม่ี าจาก​
​ทิศ​ต่าง​ๆ​ ​วัน​แล้ว​วัน​เล่า​ ​ศิษย์​ทุก​คน​ก็​ตั้งใจ​มา​เพ่ือ​กราบ​นมัสการ​ท่าน​​
บางค​ นกม​็ าเ​พราะม​ ป​ี ญั หาห​ นกั อกห​ นกั ใจแ​ กไ้ ขด​ ว้ ยต​ นเองไ​มไ​่ ด​้ จ​ งึ ม​ งุ่ ห​ นา้ ​
มาเ​พื่อ​กราบเ​รียน​ถาม​ปัญหา​เพื่อ​ให้ค​ ลายค​ วาม​ทกุ ขใ​์ จ​บ​ างค​ นม​ า​หา​ทา่ น​
เพอื่ ต​ อ้ งการข​ องด ​ี เ​ชน่ เ​ครอื่ งรางข​ องข​ ลงั ​​ซงึ่ ก​ ม​็ กั ไดร​้ บั คำต​ อบจ​ ากท​ า่ นว​า่ ​
“​ ข​ องด​ีน้ัน​อย​่ทู ​ ่ต​ี ัว​เรา​พ​ ทุ ธงั​​ธ​ มั มงั ​​สงั ฆงั​​​นแ่ี​ หละข​ องด​ี”​
​บาง​คน​มา​หา​ท่าน​เพราะ​ได้ยิน​ข่าว​เล่า​ลือ​ถึง​คุณ​ความ​ดี​ศีล​า​จา​ริย-
วัตร​ของ​ท่าน​ใน​ด้าน​ต่างๆ​ ​บาง​คน​มา​หา​ท่าน​เพ่ือ​ขอ​หวย​หวัง​รวย​ทาง​ลัด​
โดยไ​มอ่​ ยากท​ ำงาน​​แต​อ่ ยาก​ได้​เงินม​ ากๆ​ ​
บ​ าง​คน​เจ็บไ​ขไ​้ ม่ส​ บาย​ก​็มาเ​พื่อ​ให้​ท่านร​ ดน้ำ​มนต​์ เ​ป่าห​ ัว​ให​้ ม​ า​ขอ
ด​อก​บัว​บูชา​พระ​ของ​ท่าน​เพ่ือ​นำ​ไป​ต้ม​ด่ืม​ให้​หาย​จาก​โรค​ภัย​ไข้​เจ็บ​ต่าง​ๆ​​
นานาส​ ารพัน​ปัญหา​​แล้วแ​ ตใ​่ ครจ​ ะ​นำ​มา​เพือ่ ​หวังใ​ห​้ทา่ นช​ ่วยต​ น​บ​ าง​คน​
ไม​่เคย​เหน็ ​ท่าน​กอ็​ ยากม​ าด​ ​วู ่าท​ า่ น​มรี​ ปู ร​ า่ ง​หน้าตาอ​ ยา่ งไร​​บา้ งแ​ ค​่มาเ​หน็ ​
ก็​เกิด​ปตี ​ิ ส​ บายอ​ ก​สบายใจจ​ นล​ มื ​คำถาม​หรอื ห​ มด​คำถาม​ไป​เลย​
​ หลาย​คน​เสีย​สละ​เวลา​ ​เสีย​ค่า​ใช้​จ่าย​เดิน​ทาง​ไกล​มา​เพื่อ​พบ​ท่าน​​
ด้วย​เหตุ​น้ี​ ​ท่าน​จึง​อุตส่าห์​น่ัง​รับแขก​อยู่​ตลอด​วัน​โดย​ไม่​ได้​พัก​ผ่อน​เลย​​
และ​ไม่​เว้น​แม้​ยาม​ป่วย​ไข้​ ​แม้​นาย​แพทย์​ผู้​ให้การ​ดูแล​ท่าน​อยู่​ประจำ​จะ​
ขอรอ้ งทา่ นอ​ ย่างไร​​ทา่ น​ก็​ไมย​่ อม​ตาม​ดว้ ย​เมตตาส​ งสาร​แ​ ละ​ต้องการใ​ห​้
กำลัง​ใจแ​ ก​่ญาติโยมท​ กุ ค​ นท​ มี่ าพ​ บ​ทา่ น​

19 ๑๙

​ท่าน​เป็น​ดจุ พ​ ่อ​

​ หลวงปู่ดู่​ท่าน​เป็น​ดุจ​พ่อ​ของ​ลูก​ศิษย์​ทุก​ๆ​ ​คน​ ​เหมือน​อย่าง​ที่​
พระกรรมฐ​ านส​ ายพ​ ระอ​ าจารยม​์ นั่ ​เ​รยี กห​ ลวงป​ ม​ู่ น่ั ว​ า่ ​“​ พ​ อ่ แ​ มค​่ รอ​ู าจารย”​์ ​
​ซ่งึ ​ถือ​เปน็ ค​ ำย​ กยอ่ ง​อย่าง​สูง​ เ​พ​ ื่อ​ใหส​้ มฐ​ านะ​อนั เ​ป็น​ทรี่​ วมแ​ หง่ ค​ วาม​เป็น​
กัลยาณมติ ร​
​ หลวงปู่ด่ทู​ า่ น​ใหก้ ารต​ ้อนรับ​แขกอ​ ยา่ ง​เสมอห​ นา้ ก​ นั ​หมด​ไ​ม่ม​ีการ​
แบ่ง​ชั้น​วรรณะ​ ​ท่าน​จะ​พูด​ห้าม​ปราม​ ​หาก​มี​ผู้​มา​เสนอ​ตัว​เป็น​นาย​หน้า​
คอย​จัดแจง​เกี่ยว​กับ​แขก​ท่ี​เข้า​มา​นมัสการ​ท่าน​ ​ถึง​แม้​จะ​ด้วย​เจตนา​ดี​
​อัน​เกิด​จาก​ความ​ห่วงใย​ใน​สุขภาพ​ของ​ท่าน​ก็ตาม​ ​เพราะ​ท่าน​ทราบ​ดี​ว่า​
มีผ​ ู้ใ​ฝธ​่ รรมจ​ ำนวนม​ าก​ทอ​ี่ ตุ ส่าห​เ์ ดนิ ท​ างม​ า​ไกล​เ​พอื่ ​นมัสการ​และ​ซักถ​ าม​
ข้อ​ธรรม​จาก​ท่าน​ ​หาก​มา​ถึง​แล้ว​ยัง​ไม่​สามารถ​เข้า​พบท่าน​ได้​โดย​สะดวก​
ก็​จะ​ทำให​เ้ สยี ก​ ำลังใจ​
​ นเ​้ี ปน็ เ​มตตาธ​ รรมอ​ ยา่ งส​ งู ซ​ ง่ึ น​ บั เ​ปน็ โ​ชคด​ ข​ี องบ​ รรดาศ​ ษิ ยท​์ งั้ ห​ ลาย​
ไมว​่ า่ ใ​กลห​้ รอื ไ​กล​ท​ ส​่ี ามารถม​ โ​ี อกาสเ​ขา้ ก​ ราบน​ มสั การท​ า่ นไ​ดโ​้ ดยส​ ะดวก​
หาก​มผ​ี ส้​ู นใจก​ าร​ปฏบิ ตั กิ​ รรมฐ​ านม​ า​หาท​ า่ น​ท​ า่ น​จะเ​มตตา​สนทนา​ธรรม​
เป็น​พิเศษ​ ​อย่าง​ไม่​เห็น​แก่​เหน็ดเหนื่อย​ ​บาง​คร้ัง​หลวง​พ่อ​ก็​มิได้​กล่าว​
อะไรม​ าก​​เพยี งก​ ารท​ กั ทายศ​ ิษย์ด​ ว้ ยถ​ ้อย​คำ​สน้ั ​ๆ​เ​ช่น​​“​เอ้​า.​​.​.​กิน​น้ำ​ชาส​ ”​ิ ​
ห​ รอื ​“ว​ า่ ไ​ง.​.​.​”​ ฯ​ ลฯ ​เ​ทา่ น​ ก​ี้ เ​็ พยี งพ​ อทย​่ี งั ป​ ตี ใ​ิ หเ​้ กดิ ข​ นึ้ ก​ บั ศ​ ษิ ยผ​์ น​ู้ น้ั เ​หมอื น​
ดังหยาด​น้ำ​ทิพย์​ชโลม​ให้​เย็น​ฉ่ำ​ ​เกิด​ความ​สดช่ืน​ตลอด​ร่าง​กาย​ ​จน​.​.​. ​
ถึง​จติ .​​.​.​ถงึ ใจ​
​ หลวงปดู่ ท​ู่ า่ นใ​หค​้ วามเ​คารพใ​นอ​ งคห​์ ลวงป​ ทู่ วดอ​ ยา่ งม​ าก​ท​ งั้ ก​ ลา่ ว​

๒๐ 20

ยกย่อง​ใน​ความ​ที่​เป็น​ผู้​ท่ี​มี​บารมี​ธรรม​เต็ม​เปี่ยม​ตลอด​ถึง​การ​ท่ี​จะ​ได้​มา​
ตรัสรู้​ธรรม​ใน​อนาคต​ ​ให้​บรรดา​ลูก​ศิษย์​ทั้ง​หลาย​ยึด​มั่น​และ​หม่ัน​ระลึก​
ถึง​ ​โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​เม่ือ​ติดขัด​ใน​ระหว่าง​การ​ปฏิบัติ​ธรรม​ ​หรือ​แม้แต่​
ประสบ​ปัญหา​ใน​ทาง​โลกๆ​ ท่าน​ว่า​หลวง​ปู่ทวด​ท่าน​คอย​จะ​ช่วย​เหลือ​ทุก​
คน​อยู​่แลว้ ​​แต่​ขอ​ใหท​้ ุกค​ นอ​ ยา่ ​ได​ท้ อ้ ถอยห​ รอื ล​ ะท้ิง​การ​ปฏิบตั ิ​

ห​ ลวงป่ดู กู่​ บั ​ครอ​ู าจารย์​ท่านอ​ นื่ ​

​ ใน​ระหวา่ ง​ป​ี พ​ ​.ศ​ ​.​​๒๕๓๐​​-​​๒๕๓๒​​ได​ม้ พ​ี ระ​เถระแ​ ละค​ รบู าอาจารย์
หลาย​ท่าน​เดิน​ทาง​มา​เยี่ยมเยียน​หลวงปู่ดู่​ ​เช่น​หลวง​ปู่​บุด​ดา​ ​ถา​วโร​
วัดกลางช​ ​ศู ร​ีเจริญสุข​ จ​ งั หวัด​สิงหบ์ รุ ี​ ทา่ น​เป็นพ​ ระ​เถระซ​ ่ึง​มอี าย​ยุ า่ งเ​ขา้ ​
๙๖​ป​ ี​​ก็​ยัง​เมตตา​มา​เย่ียม​หลวงปูด่ ู่​ท​ วี่​ ัด​สะแกถ​ ึง​๒​ ​​ครงั้ ​แ​ ละบ​ รรยากาศ​
ของ​การ​พบ​กัน​ของ​ท่าน​ทั้ง​สอง​นี้​ ​เป็น​ที่​ประทับ​ใจ​ผู้​ท่ี​อยู่​ใน​เหตุการณ์​
อย่าง​ยิ่ง​เ​พราะต​ ่าง​องค​ต์ ่างอ​ อ่ นน้อมถ​ ่อม​ตน​​ปราศจ​ ากก​ าร​แสดงออก​ซึ่ง
ท​ ิฏฐิ​มาน​ ะ​ใดๆ​​เลย​แ​ ปง้ เ​สกท​ หี่​ ลวงป​ ู่บ​ ุด​ดา​เมตตา​มอบ​ให​้ หลวงปูด่ ูท่​ า่ น​
ก​็เอา​มาท​ า​ท่ี​ศรี ษะเ​พ่ือแ​ สดงถ​ งึ ​ความเ​คารพ​อย่าง​สงู ​
​ พระเ​ถระอ​ กี ท​ า่ นห​ นง่ึ ​ซ​ ง่ึ ไ​ดเ้ ดนิ ท​ างม​ าเ​ยย่ี มห​ ลวงปดู่ ค​ู่ อ่ นข​ า้ งบ​ อ่ ย​
ครง้ั ​ค​ อื ​ห​ ลวงป​ โ​ู่ งน​่ ​โ​สรโ​ย​ว​ดั พ​ ระพทุ ธบาทเ​ขาร​วกจ​ งั หวดั พ​ จิ ติ ร​ท​ า่ นม​ ค​ี วาม​
ห่วงใย​ใน​สุขภาพ​ของ​หลวงปู่ดู่​อย่าง​มาก​โดย​ได้​สั่ง​ให้​ลูก​ศิษย์​จัด​ทำ​ป้าย​
กำหนดเ​วลา​รับแขกใ​นแ​ ตล่ ะว​ ันข​ องห​ ลวงปู่ดู่​​เพอ่ื เ​ป็นการ​ถนอม​ธาตุ​ขันธ์​
ของ​หลวง​ป​ใู่ ห​้อยูไ​่ ด​้นานๆ​ แต​่อย่างไร​กด​็ ี​ไ​ม่​ชา้ ไ​มน​่ าน​ห​ ลวงปูด่ ู่ท​ ่านก​ ใ็​ห​้
นำป​ ้ายอ​ อกไ​ป​เพราะเ​หต​ุแห่ง​ความ​เมตตา​ท่ที​ า่ น​มี​ต่อผ​ คู้ นท​ ้ังห​ ลาย​

21 ๒๑

​ ใน​ระยะ​เวลา​เดียวกัน​นั้น​ ​ครูบา​บุญ​ชุ่ม​ ​ญาณ​สังวโร​ วัด​พระ​ธาตุ ​
ดอน​เรือง​ ​ท่าน​เป็น​ศิษย์​ของ​หลวง​ปู่​โง่​น​ ​โสร​โย​ ​ก็ได้​เดิน​ทาง​มาก​ราบ​
นมัสการห​ ลวงปู่ดู่​​๒​​ครง้ั ​โ​ดย​ท่านไ​ด​้เลา่ ​ใหฟ​้ ังภ​ าย​หลงั ว​ า่ ​เ​มอื่ ​ได​้มา​พบ​
หลวงปู่ดู่​จ​ งึ ไ​ด​้รว​ู้ า่ ​หลวงปูด่ ​กู่ ​ค็ อื พ​ ระ​ภิกษช​ุ ราภาพท​ ​ไี่ ปส​ อน​ท่านใ​นส​ มาธ​ิ
ใน​ช่วง​ท่ี​ท่าน​อธิษฐาน​เข้า​กรรม​ปฏิบัติ​ไม่​พูด​ ​๗​ ​วัน​ ​ซ่ึง​ท่าน​ก็ได้​แต่​กราบ​
ระลกึ ​ถึงอ​ ยต​ู่ ลอดท​ กุ ​วนั ​โ​ดย​ไมร่ ว​ู้ า่ ​พระ​ภกิ ษุ​ชราภาพ​รปู ​นีค้​ อื ใ​คร​​กระทั่ง​
ได้​มี​โอกาส​มา​พบ​หลวงปู่ดู่​ที่​วัด​สะแก​ ​เกิด​รู้สึก​เหมือน​ดัง​พ่อ​ลูก​ที่​จาก​กัน​
ไป​นานๆ​ ​แ​ มค​้ รง้ั ​ท่ี​​๒​ท​ ี่​พบก​ บั ห​ ลวงปดู่ ​ู่ ​หลวงปูด่ ูก​่ ไ็ ด​พ้ ดู ​สอน​ใหท้ า่ น​เรง่ ​
ความเ​พยี ร​เ​พราะ​หลวงพ​ อ่ จ​ ะอ​ ยอู่​ ีกไ​ม่​นาน​
​ ครูบา​บุญ​ชุ่ม​ยัง​ได้​เล่า​ว่า​ ​ท่าน​ต้ังใจ​จะ​กลับ​ไป​วัด​สะแก​อีก​เพื่อ​หา​
โอกาส​ไป​อุปัฏฐาก​หลวงปู่ดู่​ ​แต่​แล้ว​เพียง​ระยะ​เวลา​ไม่​นาน​นัก​ ​ก็ได้​ข่าว​
วา่ ​หลวงปดู่ ู​่มรณภาพ​ย​ งั ค​ วาม​สลด​สงั เวชใ​จ​แก่ท​ ่าน ​ ท่าน​ได้​เขียนบ​ ันทึก​
ความ​รู้สึก​ใน​ใจ​ของ​ท่าน​ไว้​ใน​หนังสือ​งาน​พระ​ราช​ทาน​เพลิง​ศพ​หลวงปู่ดู่​
ตอน​หนงึ่ ​วา่ ​
“​.​.​.​หลวง​ปู่​ท่าน​มรณภาพ​ส้ิน​ไป​ ​เปรียบ​เสมือน​ดวง​อาทิตย์​ ท่ี​ให้​
ความ​สว่าง​ส่อง​แจ้ง​ใน​โลก​ดับ​ไป​ ​อุปมา​เหมือน​ดัง​ดวง​ประทีป​ที่​ให้​ความ​
สว่างไสว​แก่​ลูก​ศิษย์​ได้​ดับ​ไป​ ​ถึง​แม้​พระ​เดช​พระคุณ​หลวง​ปู่​ได้​มรณะ​ไป​
แล้ว​ ​แต่​บุญ​ญา​บารมี​ท่ี​ท่าน​แผ่​เมตตาและ​รอย​ย้ิม​อัน​อิ่ม​เอิบ​ยัง​ปรากฏ ​
ฝัง​อยู่​ใน​ดวงใจ​อาตมา​ ​มิ​อาจ​ลืม​ได้​... ถ้า​หลวง​ปู่​มี​ญาณ​รับ​ทราบ​ ​และ​
แผ่​เมตตา​ลูก​ศิษย์​ลูก​หา​ทุก​คน​ ​ขอ​ให้​พระ​เดช​พระคุณ​หลวง​ปู่​เข้า​สู่​

๒๒ 22

พระ​นิพพาน​เป็น​อม​ตะ​แด่​ท่าน​เทอญ​ ​กระผมขอก​ราบ​คารวะ​พระ​เดช-​
พระคณุ ​หลวงป​ ่​ดู ่​ู พรหม​ปญั โญ​​ดว้ ยค​ วาม​เคารพส​ งู สุด”​ ​
​ นอกจากน ี้ ยงั ม​ พ​ี ระเ​ถระอ​ กี ร​ปู ห​ นง่ึ ท​ ค​่ี วรก​ ลา่ วถ​ งึ ​เ​พราะห​ ลวงปดู่ ​ู่
ใหค​้ วามย​ กยอ่ งม​ ากใ​นค​ วามเ​ปน็ ผ​ ม​ู้ ค​ี ณุ ธ​ รรมส​ งู ​แ​ ละเ​ปน็ แ​ บบอ​ ยา่ งข​ องผ​ ท​ู้ ​ี่
มค​ี วามเ​คารพใ​นพ​ ระร​ตั นตรยั เ​ปน็ อ​ ยา่ งย​ ง่ิ ​ซ​ งึ่ ห​ ลวงปดู่ ไ​ู่ ดแ​้ นะนำส​ านศ​ุ ษิ ย​์
ให​ถ้ ือ​ทา่ น​เป็นค​ รู​อาจารย์อ​ กี ​ท่าน​หน่งึ ด​ ้วย​​นน่ั ​กค​็ ือ​หลวงพ​ อ่ ​เกษม​เ​ขม​โก​
แห่ง​สสุ าน​ไตรล​ ักษณ​์ ​จงั หวัดล​ ำปาง​

ป​ จั ฉมิ ​วาร​

​ นับ​แต่​ ​พ​.​ศ​.​ ​๒๕๒๗​ ​เป็นต้น​มา​ ​สุขภาพ​ของ​หลวง​ปู่​เร่ิม​แสดง
​ไตร​ลักษณะ​ให้​ปรากฏ​อย่าง​ชัดเจน​ ​สังขาร​ร่างกาย​ของ​หลวง​ปู่​ซ่ึง​ก่อ​เกิด​
มา​จาก​ธาตด​ุ ิน​​นำ้ ​​ลม​​ไฟ​แ​ ละม​ ี​ใจ​ครอง​เหมอื นเ​รา​ๆ​​ทา่ น​ๆ​เ​มอ่ื ​สงั ขาร​
ผา่ น​มา​นาน​วัน​ ​โดยเ​ฉพาะ​อย่างย​ ง่ิ ถ​ า้ ​ม​กี ารใ​ช​ง้ านม​ าก​ แ​ ละ​พกั ​ผอ่ นน​ ้อย​​
ความท​ รดุ ​โทรม​ก็​ยอ่ ม​เกดิ เ​รว็ ข​ น้ึ ก​ วา่ ​ปรกต​ิ ก​ ลา่ ว​คือ​​สงั ขาร​รา่ งกายข​ อง​
ทา่ นไ​ดเ​้ จบ็ ป​ ว่ ยอ​ อ่ นเพลยี ล​ งไ​ปเ​ปน็ ล​ ำดบั ​ ในข​ ณะท​ บ​ี่ รรดาล​ กู ศ​ ษิ ยล​์ กู ห​ า
ท้ัง​ญาติโยม​และ​บรรพชิต​ก็​หล่ัง​ไหล​กัน​มา​นมัสการ​ท่าน​เพิ่ม​ขึ้น​ทุก​วัน​
ใ​นท​ า้ ยท​ ส่ี ดุ แ​ หง่ ช​ วี ติ ข​ องห​ ลวงปดู่ ​ู่ ด​ ว้ ยป​ ณธิ านท​ ต​ี่ งั้ ไ​วว​้ า่ ​“​ ส​ แ​ู้ คต​่ าย”​ ​ท​ า่ น​
ใช้​ความ​อดทน​อด​กลั้น​อย่าง​สูง​ ​แม้​บาง​คร้ัง​จะ​มี​โรค​มา​เบียดเบียน​อย่าง​
หนัก​ท่าน​ก็​อุตส่าห์​ออก​โปรด​ญาติโยม​เป็น​ปกติ​ ​พระ​ที่​อุปัฏฐาก​ท่าน​ได้​
เลา่ ใ​หฟ้​ งั ​วา่ บ​ างค​ ร้งั ​ถึง​ขนาดท​ ีท่​ ่าน​ต้องพ​ ยงุ ต​ ัว​เอง​ข้ึน​ด้วย​อาการ​ส่นั ​และ​
มี​น้ำตาค​ ลอเ​บา้ ​​ท่าน​กไ็​มเ่​คยป​ รปิ าก​ใหใ้​คร​ตอ้ งเ​ปน็ ก​ งั วล​เลย ​ใน​ปีท​ า้ ยๆ​ ​

23 ๒๓

ท่าน​ถูก​ตรวจ​พบ​ว่า​เป็น​โรค​ลิ้น​หัวใจ​ร่ัว ​ ​แม้​นาย​แพทย์​จะ​ขอร้องให้​ท่าน​
เขา้ พ​ กั ร​ กั ษาต​ วั ท​ โ​ี่ รงพ​ ยาบาล​ท​ า่ นก​ ไ​็ มย​่ อมไ​ป​ท​ า่ นเ​ลา่ ใ​หฟ​้ งั ว​ า่ ​“​ แ​ ตก​่ อ่ น
​เรา​เคย​อยาก​ดี​ ​เม่ือ​ดีแล้ว​ก็​เอา​ให้​หาย​อยาก​ อย่าง​มาก​ก็​ส้​ูแค่​ตาย​
ใครจ​ ะเหมอื น​ขา้ ​ข​ า้ บ​ นต​ วั ​ตาย​”​
​มี​บาง​ครั้ง​ได้​รับ​ข่าว​ว่า​ท่าน​ล้ม​ขณะ​กำลัง​ลุก​เดิน​ออก​จาก​ห้อง​เพ่ือ​
ออก​โปรดญ​ าติโยม​ค​ อื ​ป​ ระมาณ​๖​ ​น​ าฬิกา​​อย่าง​ท่​ีเคย​ปฏบิ ัตอิ​ ย​ู่ทกุ ​วนั ​
โดย​ปกติ​ใน​ยาม​ที่​สุขภาพ​ของ​ท่าน​แข็ง​แรง​ดี​ ​ท่าน​จะ​เข้า​จำวัด​ประมาณ​
สห​ี่ า้ ท​ มุ่ ​แ​ ตก​่ วา่ จ​ ะจ​ ำว​ ดั จ​ รงิ ๆ​ ​ป​ ระมาณเ​ทย่ี งค​ นื ห​ รอื ต​ ห​ี นงึ่ ​แ​ ลว้ ม​ าต​ นื่ น​ อน​
ตอน​ประมาณ​ตี​สาม​ ​มา​ช่วง​หลัง​ท่ี​สุขภาพ​ของ​ท่าน​ไม่​แข็ง​แรง​จึง​ต่ืน
ต​ อนป​ ระมาณต​ ส​ี ถ​่ี งึ ต​ ห​ี า้ ​เ​สรจ็ ก​ จิ ท​ ำวตั รเ​ชา้ แ​ ละก​ จิ ธ​ รุ ะส​ ว่ นต​ วั แ​ ลว้ จ​ งึ อ​ อก​
โปรด​ญาติโยม​ทีห​่ น้าก​ ุฏิ​
ประมาณป​ ลายป​ ​ี พ​ .​ศ​ .​​๒​ ๕๓๒​ห​ ลวงปดู่ พ​ู่ ดู บ​ อ่ ยค​ รง้ั ใ​นค​ วามห​ มาย​
ว่า​ใ​กล​้ถึงเ​วลา​ท่​ที ่านจ​ ะล​ ะส​ งั ขารน​ แ​้ี ลว้ ​ใ​นช​ ว่ ง​ท้ายข​ อง​ชวี ติ ท​ ่าน​ธ​ รรมท​ ่​ี
ถา่ ยทอดย​ ง่ิ เ​ดน่ ช​ ดั ข​ น้ึ ​ม​ ใิ ชด​่ ว้ ยเ​ทศนาธ​ รรมข​ องท​ า่ น​ห​ ากแ​ ตเ​่ ปน็ การส​ อน​
ด้วย​การ​ปฏิบัติ​ให้​ดู​ ​โดย​เฉพาะ​อย่าง​ย่ิง​ปฏิปทา​ใน​เรื่อง​ของ​ความ​อดทน​
สม​ดงั ท​ ่ีพ​ ระส​ ัมมา​สัมพ​ ทุ ธ​เจา้ ​ได้​ประทานไ​ว้ใ​น​โอ​วาท​ปาฏิ​โมกขว​์ า่ ​​“ข​ ันต​ ี​
ปรม​งั ​​ตโป​​ต​ีตกิ ข​ า​ความอ​ ดทน​เป็น​ตบะอ​ ยา่ งย​ ่ิง”​ ​แ​ ทบ​จะไ​ม่มใ​ี คร​เลย​
นอกจากโ​ยมอ​ ปุ ฏั ฐากใ​กลช​้ ดิ ท​ ท​ี่ ราบว​ า่ ทท​ี่ า่ นน​ งั่ ร​บั แขกบ​ นพ​ น้ื ไ​มก​้ ระด​ าน​
แข็งๆ​​ทุก​วนั ๆ​ต​ งั้ แ​ ต​่เชา้ จ​ รด​คำ่ ​เ​ปน็ ร​ ะยะเ​วลาน​ บั ส​ ิบ​ๆ​ป​ ​ี ​ดว้ ยอ​ าการย​ ้ิม​
แย้ม​แจ่มใส​ใ​ครท​ กุ ข์ใ​จมา​​ท่าน​ก​แ็ ก้ไข​ให้​ได้​รับค​ วามส​ บายใจก​ ลบั ไ​ป​​แต​่
เบ้อื ง​หลงั ​ก​ ็​คือ​ค​ วามล​ ำบากท​ าง​ธาต​ุขนั ธข​์ องท​ า่ น​​ทท่​ี า่ น​ไม​เ่ คย​ปริปาก​

๒๔ 24

บอก​ใคร​ ​กระท่ัง​วัน​หน่ึง​ ​โยม​อุปัฏฐาก​ได้​รับ​การ​ไหว้​วาน​จาก​ท่าน​ให้​เดิน​
ไป​ซอ้ื ​ยาท​ า​แผล​ให​ท้ า่ น​​จึงไ​ด้​มี​โอกาส​ขอด​ ​ูและ​ได​้เห็นแ​ ผลท​ ่​กี ้น​ทา่ น​ซ​ ึง่ ​มี​
ลักษณะแ​ ตก​ซำ้ ๆ​ ​​ซาก​ๆ​​ในบ​ รเิ วณ​เดิม​เ​ปน็ ​ท​่ีสลดใ​จจ​ น​ไมอ​่ าจก​ ล้ัน​นำ้ ตา​
เอา​ไว้​ได​้
​ท่าน​จึง​เป็น​ครู​ท่ี​เลิศ​ ​สม​ดัง​พระพุทธ​โอวาท​ท่ี​ว่า​ ​สอน​เขา​อย่างไร​
พงึ ป​ ฏบิ ตั ใ​ิ หไ​้ ดอ​้ ยา่ งน​ น้ั ​ด​ งั น​ น้ั ​ธ​ รรมใ​นข​ อ้ ​“​ อ​ นตั ตา”​ ซ​ ง่ึ ห​ ลวงป​ ท​ู่ า่ นย​ กไว​้
เปน็ ธ​ รรมช​ น้ั เ​อก​ท​ า่ นก​ ไ็ ดป​้ ฏบิ ตั ใ​ิ หเ​้ หน็ เ​ปน็ ท​ ป​ี่ ระจกั ษแ​์ กส​่ ายตาข​ องศ​ ษิ ย​์
ทั้ง​หลาย​แล้ว​ถึง​ข้อ​ปฏิบัติ​ต่อ​หลัก​อนัตตา​ไว้​อย่าง​บริบูรณ์​ ​จน​แม้​ความ​
อาลัย​อาวรณ์​ใน​สังขาร​ร่างกาย​ท่ี​จะ​มา​หน่วง​เหน่ียว​ ​หรือ​สร้าง​ความ​ทุกข์​
รอ้ น​แก่​จิตใจ​ท่านก​ ม็​ ไิ ด้ป​ รากฏ​ให​เ้ ห็นเ​ลย​
ใ​น​ตอน​บ่ายข​ อง​วนั ​ก่อนห​ น้าทท​ี่ ่าน​จะม​ รณภาพ​​ขณะ​ท​่ีทา่ นก​ ำลัง​
เอนกายพ​ ัก​ผ่อนอ​ ยู​น่ ัน้ ​​ก​ม็ น​ี ายท​ หาร​อากาศ​ผ​ูห้ น่ึง​มา​กราบน​ มัสการท​ ่าน​​
ซง่ึ เ​ปน็ การม​ าค​ รงั้ แ​ รก​ห​ ลวงปดู่ ไ​ู่ ดล​้ กุ ข​ นึ้ น​ ง่ั ต​ อ้ นรบั ด​ ว้ ยใ​บหนา้ ท​ ส​่ี ดใส​ร​าศ​ี
เปลง่ ปล่งั ​เปน็ พ​ ิเศษ​ก​ ระท่ังบ​ รรดา​ศิษย​์ ณ​ ​​ที​่นนั้ ​เ​หน็ ​ผิดส​ ังเกต​​หลวงป​ ่​ู
แสดง​อาการ​ยินดี​เหมือน​รอ​คอย​บุคคล​ผู้​นี้​มา​นาน​ ​ท่าน​ว่า​ ​“​ต่อ​ไป​น้ี​
ขา้ จะไ​ดห​้ ายเ​จบ็ ห​ ายไ​ขเ​้ ​สยี ท”​ี ​ไ​มม่ ใ​ี ครค​ าดค​ ดิ ม​ าก​ อ่ นว​ า่ ท​ า่ นก​ ำลงั โ​ปรด
​ลูก​ศิษย์​คน​สุดท้าย​ของ​ท่าน​ ​หลวงปู่ดู่​ท่าน​ได้​แนะนำ​การ​ปฏิบัติ​พร้อม​ท้ัง​
ให้​นั่ง​ปฏิบัติ​ต่อ​หน้า​ท่าน​ ​ซึ่ง​เขา​ก็​สามารถ​ปฏิบัติ​ได้​ผล​เป็น​ที่​น่า​พอใจ​
ท่านย​ ้ำ​ในต​ อน​ท้ายว​ า่ ​​“ข​ ้า​ขอ​ฝาก​ให​แ้ กไ​ป​ปฏิบัติ​ต่อ​”​
​ ใน​คืน​น้ัน​ก็ได้​มี​คณะ​ศิษย์​มาก​ราบ​นมัสการ​ท่าน​ซ่ึง​การ​มา​ใน​คร้ัง​น้ี​
ไมม่ ใ​ี ครค​ าดค​ ดิ ม​ าก​ อ่ นเ​ชน่ ก​ นั ว​ า่ จ​ ะเ​ปน็ การม​ าพ​ บก​ บั ส​ งั ขารธ​ รรมข​ องท​ า่ น​

25 ๒๕

เปน็ ​ครง้ั ​สดุ ทา้ ยแ​ ลว้ ​​หลวงปดู่ ไ​ู่ ดเ้​ลา่ ​ใหศ้​ ษิ ยค​์ ณะน​ ้ี​ฟังด​ ้วยส​ ีหน้าป​ รกต​วิ า่ ​
“ไ​มม่ ส​ี ว่ นห​ นง่ึ ส​ ว่ นใ​ดใ​นร​า่ งกายข​ า้ ท​ ไ​่ี มเ​่ จบ็ ป​ วดเ​ลย​ถ​ า้ เ​ปน็ ค​ นอ​ น่ื ค​ งเ​ขา้ ​
หอ้ งไ​อซ​ ย​ี ไ​ู ปน​ านแ​ ลว้ ”​ พ​ รอ้ มท​ ง้ั พ​ ดู ห​ นกั แ​ นน่ ว​ า่ ​“​ ข​ า้ จ​ ะไ​ปแ​ ลว้ น​ ะ”​ ​ท​ า้ ย​
ทส่ี ดุ ทา​่ น​ กเ​็ มตตาก​ ลา่ วย​ ำ้ ใ​หท​้ กุ ค​ นต​ ง้ั อ​ ยใ​ู่ นค​ วามไ​มป​่ ระมาท​“​ ถ​ งึ อ​ ยา่ งไร​
กข​็ ออ​ ยา่ ไ​ดท​้ งิ้ ก​ ารป​ ฏบิ ตั ​ิ ก​ เ​็ หมอื นน​ กั ม​ วยข​ น้ึ เ​วทแ​ี ลว้ ต​ อ้ งช​ ก​อยา่ ม​ วั แ​ ต​่
ต​ ง้ั ท​ า่ เ​งอะๆ​ ​ง​ะๆ”​ ​น​ ด​ี้ จุ เ​ปน็ ป​ จั ฉมิ โ​อวาทแ​ หง่ ผ​ เ​ู้ ปน็ พ​ ระบรมค​ รข​ู องผ​ เ​ู้ ปน็ ​
ศษิ ย์ท​ ุก​คน​​อันจ​ ะ​ไม​ส่ ามารถ​ลืมเ​ลือน​ไดเ้​ลย​
​ หลวงปู่ดู่​ได้​ละ​สังขาร​ด้วย​อาการ​อัน​สงบ​ด้วย​โรค​หัวใจ​ใน​กุฏิ​ท่าน​​
เมื่อ​เวลา​ประมาณ​ ​๕​ ​นาฬิกา​ของ​วันพุธ​ท่ี​ ​๑๗​ ​มกราคม​ ​พ​.​ศ​.​ ​๒๕๓๓​​
สริ ิอายุ​ได​้ ๘๕​ป​ ​ี ​๘​​เดือน​​อายพุ​ รรษา​๖​ ๕​พ​ รรษา​ส​ งั ขารธ​ รรมข​ อง​ทา่ น​
ได้​ตั้ง​บำเพ็ญ​กุศล​โดย​มี​เจ้า​ภาพ​สวด​อภิ​ธรรม​เรื่อย​มา​ทุก​วัน​มิได้​ขาด​
ตลอด​ระยะ​เวลา​ ​๔๕๙​ ​วัน ​จน​กระทั่ง​ได้​รับ​พระราชทาน​เพลิง​ศพ​เป็น​
​กรณี​พเิ ศษ ใน​วนั เ​สาร​ท์ ี่​​๒๐​​เมษายน​​๒๕๓๔​
พระคณุ เ​จ้า​หลวงปู่ดู่​พ​ รหม​ปญั โญ​​ได​อ้ ปุ สมบท​และ​จำ​พรรษาอ​ ย่​ู
ณ​ว​ ดั ส​ ะแก​ม​ าโ​ดยต​ ลอด​จ​ นก​ ระทง่ั ม​ รณภาพ​ยงั ค​ วามเ​ศรา้ โ​ศกแ​ ละอ​ าลยั ​
แก่​ศิษยานุศิษย์​และ​ผู้​เคารพ​รัก​ท่าน​เป็น​อย่าง​ยิ่ง​ ​ อุปมา​ดั่ง​ดวง​ประทีป​
ที่​เคย​ให้​ความ​สว่างไสว​แก่​ศิษยานุศิษย์​ได้​ดับ​ไป ​ ​แต่​เมตตา​ธรรม​และ​คำ​
ส่ัง​สอน​ของ​ท่าน​จะ​ยัง​ปรากฏ​อยู่​ใน​ดวงใจ​ของ​ศิษยานุศิษย์​และ​ผู้​ที่​เคารพ​
รัก​ท่าน​ตลอด​ไป​ บัดน้ี​ ​สิ่ง​ท่ี​คง​อยู่​มิใช่​สังขาร​ธรรม​ของ​ท่าน​ ​หาก​แต่​เป็น​
หลวงปดู่ อ​ู่ งค์​แท้​ทศ​ี่ ษิ ย​์ทกุ ค​ น​จะเ​ข้าถ​ งึ ท​ ่านไ​ด​้ดว้ ย​การส​ ร้าง​คณุ ง​ามค​ วาม​
ดีใ​หเ้​กิด​ให้​ม​ีข้ึน​ท่ตี​ นเอง​ส​ ม​ดงั ท​ ี​่ทา่ นไ​ด้​กลา่ ว​ไวเ​้ ป็นค​ ต​วิ ่า​

๒๖ 26

“​ ต​ ราบใ​ดก​ ต็ ามท​ แ​่ี กย​ งั ไ​มเ​่ หน็ ค​ วามด​ ใ​ี นต​ วั ​ก​ ย​็ งั ไมน​่ บั ว​ า่ แ​ กร​จู้ กั ข​ า้ ​
แ​ ตถ​่ า้ เ​มอ่ื ใ​ด​แ​ กเรม่ิ เ​หน็ ค​ วามด​ ใ​ี นต​ วั เ​องแ​ ลว้ ​เ​มอื่ น​​ นั้ ... ขา้ จ​ งึ ว​ า่ แ​ กเรม่ิ ​
ร้จู กั ​ข้าด​ ​ขี ึ้น​แลว้ ​”​
​ ธรรม​ทง้ั ห​ ลายท​ ท​่ี ่านไ​ด​พ้ ร่ำ​สอน​ท​ กุ ​วรรคต​ อน​แห่งธ​ รรม​ทบ​ี่ รรดา​
ศิษย์​ได้​น้อมนำ​มา​ปฏิบัติ​ ​น้ัน​ก็​คือ​การ​ท่ี​ท่าน​ได้​เพาะ​เมล็ด​พันธ์ุ​แห่ง​ความ​
ดีงาม​บน​ดวงใจ​ของ​ศิษย์​ทุก​คน​ ​ซึ่ง​นับ​วัน​จะ​เติบ​ใหญ่​ผลิ​ดอก​ออก​ผล​เป็น​
สติ​และ​ปัญญา​บน​ลำต้น​ท่ี​แข็ง​แรง​คือ​สมาธิ​ ​และ​บน​พื้น​ดิน​ท่ี​มั่นคง​แน่น​
หนา​คือ​ศ​ ีล​​สม​ดงั ​เจตนารมณ​ท์ ​่ีทา่ น​ได้​ทุม่ เท​ท้งั ​ชีวติ ​​ด้วย​เมตตา​ธรรมอ​ นั ​
ยง่ิ ​​อัน​จัก​หาไ​ดย​้ าก​ท้งั ใ​นอ​ ดีต​ป​ จั จุบัน​​และอ​ นาคต.​​..​​


คต​ิธรรมคำสอน​
ห​ ลวงป​ ู่​ดู่​​พรหมป​ ญั โญ​



29 ๒๙

๑​

ส​ มมตุ แิ​ ละว​ ​มิ ตุ ต​ิ



​ ใ​นว​ นั ส​ นิ้ ป​ เ​ี มอ่ื ห​ ลายป​ ก​ี อ่ น​ผ​ เ​ู้ ขยี นไ​ดม​้ าค​ า้ งค​ นื อ​ ยป​ู่ ฏบิ ตั ท​ิ ว​่ี ดั ส​ ะแก​
และ​ได้​มี​โอกาส​เรียน​ถาม​ปัญหา​การ​ปฏิบัติ​กับ​หลวงปู่​เร่ือง​นิมิต​จริง​นิมิต​
ปลอม​ท่ี​เกิด​ขนึ้ ภ​ ายในจ​ ากก​ าร​ภาวนา​ท​ า่ น​ตอบใ​ห​้สรุป​ใจความไ​ดว้​ า่ ​
​ ต​ อ้ งอ​ าศยั ส​ มมตุ ข​ิ น้ึ ก​ อ่ น​จ​ งึ จ​ ะเ​ปน็ ว​ ม​ิ ตุ ตไ​ิ ด​้ เ​ชน่ ​ก​ ารท​ ำอ​ สภุ ะ​ ห​ รอื ​
กสณิ ​นน้ั ​​ตอ้ งอ​ าศัย​สญั ญา​และส​ งั ขารน​ ้อมน​ ึกเ​ปน็ ​นมิ ิตข​ น้ึ ​ใ​นข​ นั้ น​ ้ไ​ี ม​่ควร​
สงสยั ​วา่ ​นมิ ิต​น้นั ​เป็น​ของจ​ รงิ ห​ รอื ​ของ​ปลอม​​มา​จาก​ภายนอกห​ รือ​มา​จาก​
จติ ​เ​พราะเ​ราจ​ ะอ​ าศยั ส​ มมตุ ต​ิ วั น​ ไ​ี้ ปท​ ำป​ ระโยชนต​์ อ่ ​ค​ อื ย​ งั จ​ ติ ใ​หเ​้ ปน็ ส​ มาธ​ิ
แน่วแ​ น​่ขน้ึ ​แ​ ตก​่ อ​็ ยา่ ​สำคัญ​มัน่ ​หมาย​ว่าต​ นร​ ​้เู หน็ ​แลว้ ​ห​ รอื ​ด​ีวิเศษแ​ ล้ว​
​ ​การ​น้อม​จิต​ต้ัง​นิมิต​เป็น​องค์​พระ​ ​เป็น​สิ่ง​ที่​ดี​ ​ไม่​ผิด​ ​เป็น​ศุภ​นิมิต​
คอื ​นมิ ิต​ที่​ดี​ ​เม่ือเ​หน็ อ​ งค​์พระ​ ใ​ห้​ต้ังส​ ติ​คุมเ​ขา้ ไปต​ รง​ๆ​ ​(​ไม่ป​ รงุ แ​ ตง่ ​ ห​ รอื ​
อยากโ​นน้ ​นี)้​​ไ​ม่อ​ อกซ​ ้าย​​ไม​่ออกข​ วา​ท​ ำความเ​ล่อื ม​ใสเ​ข้า​​เดนิ ​จิต​ให้แ​ นว่ ​
แน​่ ส​ ต​ิละเอยี ดเ​ขา้ ​ต​ อ่ ​ไปก​ ​็จะ​สามารถ​แยกแยะห​ รอื ​พิจารณา​นมิ ิตใ​ห​้เป็น​
ไตรล​ ักษณจ​์ น​เกิด​ปญั ญา​​สามารถจ​ ะ​ก้าวเ​ข้า​ส​ูว่ ​มิ ตุ ต​ิได้

๓๐ 30

​๒​

​อุปมา​ศลี ​​สมาธ​ิ ป​ ัญญา​




​ ​ครั้ง​หนึ่ง​ได้​มี​โอกาส​สนทนา​ธรรม​กับ​หลวง​น้า​สาย​หยุด​ ​ท่าน​ได้​
เมตตา​เล่า​ให้​ผู้​เขียน​ฟัง​ว่า​ ​หลวงปู่​เคย​เปรียบ​ธรรมะ​ของ​พระพุทธเจ้า​
เหมอื น​แกงส้ม​​แกงสม้ ​นนั้ ม​ ​ี ๓​ ​ร​ ส​ค​ อื ​​เปรี้ยว​​เค็ม​และ​เผ็ด​​ซงึ่ ม​ ี​ความ​
หมายด​ งั นี้​
​ ​รสเ​ปร้ยี ว​​หมาย​ถึง​ศ​ ีล​ค​ วามเ​ปร้ียว​จะ​กัดกรอ่ น​ความ​สกปรกอ​ อก​
ไดฉ้​ ันใด​​ศีล​กจ็​ ะ​ขัดเกลาค​ วามห​ ยาบอ​ อกจ​ าก​กาย​​วาจา​​ใจ​​ได​้ฉัน​น้ัน​
​ ร​ สเ​คม็ ​ห​ มาย​ถึง​​สมาธ​ิ ​ความเ​ค็มส​ ามารถ​รกั ษาอ​ าหาร​ตา่ งๆ​ไ​ม่​ให้​
เนา่ เ​สยี ไ​ดฉ​้ นั ใด​ส​ มาธก​ิ ส​็ ามารถร​กั ษาจ​ ติ ข​ องเ​ราใ​หต​้ ง้ั ม​ นั่ อ​ ยใ​ู่ นค​ ณุ ค​ วามด​ ​ี
ไดฉ​้ นั ​นน้ั ​
​ ​รส​เผ็ด​ ​หมาย​ถึง​ ​ปัญญา​ ​ความ​เผ็ด​ร้อน​โลด​แล่น​ไป​ ​เปรียบ​ได้​ดั่ง​
ปัญญา​ท่ี​สามารถ​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​แจ้ง​ชัด​ ​ขจัด​ความ​ไม่รู้​ เปล่ียน​จาก​ของ​
คว่ำเ​ป็น​ของ​หงาย​จ​ ากม​ ืด​เป็นส​ ว่าง​ไดฉ​้ นั น​ ้นั ​

31 ๓๑

๓​ ​

ห​ นง่ึ ใ​นส​ ่​ี



​ ​คร้ังห​ นงึ่ ​หลวงปู่​ได​้ปรารภธ​ รรม​กับผ​ เู้​ขยี น​ว่า.​​.​.​
​ ​“​ข้า​น่ัง​ดูด​ยา​ ​มอง​ดู​ซอง​ยา​แล้ว​ก็​ต้ัง​ปัญหา​ถาม​ตัว​เอง​ว่า​ ​เรา​น่ี​
ปฏบิ ตั ไ​ิ ด​้ ๑​ ​ใ​น​๔​ ​ข​ องศ​ าสนาแ​ ลว้ ห​ รอื ย​ งั ?​​ถ​ า้ ซ​ องย​ าน​ แ​้ี บง่ เ​ปน็ ​๔​ ​ส​ ว่ น​
เราน​ ่ี​ยัง​ไม​ไ่ ด้​​๑​ใ​น​๔​ ​ม​ ัน​จวนเ​จยี น​จะไ​ด​แ้ ล้วม​ นั ก​ ็ค​ ลาย​​เหมือนเ​ราม​ ัด​
เชือก​จน​เกือบ​จะแ​ น่น​ไดท้ ​่แี ล้ว​เราป​ ล่อย​ม​ ัน​ก​ค็ ลายอ​ อก​​เราน​ ย่ี​ งั ไ​ม​เ่ ช่ือ​
จริง​​ถา้ ​เช่อื ​จรงิ ก​ ็​ตอ้ งไ​ด้​​๑​ใ​น​๔​ ​แ​ ล้ว​”​
​ ​ตอ่ ​มาภ​ าย​หลงั ​ทา่ นไ​ดข​้ ยาย​ความ​ใหผ​้ ​เู้ ขยี นฟ​ งั ว​า่ ​​ท​ว่ี า่ ​​๑​ใ​น​​๔​​นน้ั ​​
อุปมา​ดั่ง​การ​ปฏิบัติ​ธรรม​เพื่อ​ให้​บรรลุ​มรรคผล​ใน​พุทธ​ศาสนา​ซึ่ง​แบ่ง​เป็น​
ขั้น​โสดา​บัน​ ​สกิ​ทา​คามี​ ​อ​นาคา​มี​ ​และ​อร​หัต​ต​ผลอ​ย่าง​น้อย​เรา​เกิด​มา​
ชาติ​หนึ่ง​ชาติ​น้ี​ ​ได้​พบพระ​พุทธ​ศาสนา​ซึ่ง​เปรียบ​เสมือน​สมบัติ​อัน​ล้ำค่า​
แล้ว​​หาก​ไมป​่ ฏบิ ตั ธ​ิ รรม​ให​ไ้ ด​้ ​๑​​ใน​๔​ ​​ของพ​ ทุ ธศ​ าสนาเ​ปน็ ​อยา่ งน​ อ้ ย​คอื ​
เขา้ ถงึ ​ความเ​ป็น​พระโ​สดา​บนั ​ป​ ิด​ประตอู​ บายภ​ มู ​ิให้​ได​้ ก​ เ​็ ท่ากับว​ ่าเ​รา​เปน็ ​
ผป​ู้ ระมาท​อยู่​เหมือนเ​ราม​ ีข​ ้าวแ​ ลว้ ​ไม่ก​ นิ ​ม​ ​ีนา​แล้ว​ไม่​ทำ​ฉ​ ันใด​กฉ​็ นั ​นนั้ ​

๓๒ 32

​๔​

อ​ านสิ งสก์​ ารภ​ าวนา​



​ ​หลวงปทู่​ า่ น​เคยพ​ ดู ​เสมอว​ า่ ​
​ ​“อ​ ปุ ​ัชฌาย​ข์ า้ ​ (​​หลวงป่​กู ลนั่ ​)​ ส​ อนว​ ่า​ ภ​ าวนาไ​ดเ้​ห็น​แสงส​ วา่ ง​
เทา่ ​ปลายห​ วั ไมข้​ ดี ​ช​ ั่วป​ ระเ​ดยี๋ วเ​ดยี ว​​เท่าช​ ้างก​ ระดกิ ​ห​ู ​งแู​ ลบ​ลนิ้ ​ย​ งั ม​ ี​
อานสิ งส์​มาก​กวา่ ต​ กั บาตร​จน​ขนั ล​ งหนิ ท​ ะล”​ุ ​
​ ​พวก​เราม​ กั ​จะไ​ดย้ นิ ท​ า่ น​คอยใ​ห​้กำลัง​ใจอ​ ยู่บ​ ่อยๆ​ ​ว​ า่ ​
​ ​“​หม่นั ท​ ำเ​ข้า​ไว้​ห​ มน่ั ​ทำ​เขา้ ​ไว​้ ​ต่อไ​ปจ​ ะ​ไดเ​้ ป็นท​ พ่​ี ่ึงภ​ าย​หนา้ ”​ ​
​ เสมอื น​หนง่ึ ​เปน็ การ​เตอื น​ให้​เรา​เรง่ ​ความ​เพียร​ให้​มาก​ ​การ​ให​้ทาน​
รกั ษา​ศลี ​รอ้ ย​ครง้ั ​พนั ​ครง้ั ​ก​็ไม​่เทา่ กบั ​นง่ั ​ภาวนา​หน​เดยี ว​ ​นง่ั ​ภาวนา​รอ้ ย​ครง้ั ​
พัน​คร้ัง​ ​กุศล​ที่​ได้​ก็​ไม่​เท่า​กุศล​จิต​ที่​สงบ​เป็น​สมาธิ​ที่​เกิด​ปัญญา​เพียง​
คร้ังเ​ดยี ว​


33 ๓๓

๕​ ​

​แสง​สว่าง​เปน็ ก​ เิ ลส​​?​



​ ม​ีคน​เลา่ ​ให​ห้ ลวงปฟู​่ ังว​ า่ ​ม​ ผ​ี ูก​้ ล่าว​วา่ การ​ทำส​ มาธแิ​ ลว้ บ​ งั เกิดค​ วาม​
สวา่ ง​หรอื ​เหน็ แ​ สงส​ ว่างน​ ัน้ ไ​ม่ด​ ​เี พราะ​เป็นก​ เิ ลส​ม​ ดื ๆ​ ​​จึงจ​ ะด​ ​ี
​ หลวงป​ ูท​่ า่ นก​ ล่าว​ว่า​
​ “​ที่​ว่า​เป็น​กิเลส​ก็​ถูก​ ​แต่​เบ้ือง​แรก​ต้อง​อาศัย​กิเลส​ไป​ละ​กิเลส​
​(​อาศัย​กิเลส​ส่วน​ละเอียด​ไป​ละ​กิเลส​ส่วน​หยาบ​)​ ​แต่​ไม่​ได้​ให้​ติด​ใน​แสง​
สว่าง​หรือ​หลง​แสง​สว่าง​ ​แต่​ให้​ใช้​แสง​สว่าง​ให้​ถูก​ ​ให้​เป็น​ประโยชน์​​
เหมอื นอ​ ยา่ งก​ บั เ​ราเ​ดนิ ผ​ า่ นไ​ปใ​นท​ ม​่ี ดื ​ต​ อ้ งใ​ชแ​้ สงไ​ฟ​ห​ รอื จ​ ะข​ า้ มแ​ มน่ ำ้ ​
มหาสมุทร​ก็​ต้อง​อาศัย​เรือ​ ​อาศัย​แพ​ ​แต่​เมื่อ​ถึง​ฝ่ัง​แล้ว​ก็​ไม่​ได้​แบก​เรือ​
แบก​แพข​ น้ึ ฝ​ ง่ั ​ไป”​ ​
​ แสง​สว่าง​อัน​เป็น​ผล​จาก​การ​เจริญ​สมาธิ​ก็​เช่น​กัน​ ​ผู้​มี​สติ​ปัญญา​
สามารถ​ใช้​เพ่ือ​ให้​เกิด​ปัญญา​ อัน​เป็น​แสง​สว่าง​ภายใน​ที่​ไม่มี​แสง​ใด​เสมอ​
เหมอื น​ด​ งั ธ​ รรมท​ ่ีว​ ่า​​
“​นัตถิ​​ปญั ญา​ส​ มา​อ​ าภา​แ​ สง​สวา่ ง​เสมอด​ ว้ ย​ปัญญา​ไมม่ ี”​ ​


๓๔ 34

๖​ ​

​ปลูก​ต้น​ธรรม​



​ ​ครง้ั ​หน่งึ ​หลวงปเ่​ู คยเ​ปรยี บก​ าร​ปฏิบตั ธิ​ รรมเ​หมอื น​การ​ปลูก​ต้นไม้​
​ ​ท่าน​ว่า​.​.​.​ปฏิบัติ​น้ี​มัน​ยาก​ ​ต้อง​คอย​บำรุง​ดูแล​รักษา​เหมือน​กับ​เรา​
ปลกู ​ตน้ ไม้​
​ ​ ​ศีล.​​.​..​​.​..​.​.​.​.​.​.​​.​.​..​.​.​​คือ​ด​ ิน​
​ ​ ​สมาธ​.ิ .​.​.​.​.​.​.​​..​.​.​.​​..​​คอื ​​ลำตน้ ​
​ ​ ป​ ัญญา.​.​.​​.​.​..​.​​.​..​.​.​ค​ อื ​​ดอก​​ผล​
​ อ​ อกดอก​เมอื่ ​ใดก​ ม็​ ี​กลนิ่ ​หอม​ไป​ทว่ั ​ก​ ารป​ ฏบิ ัติธ​ รรม​กเ​็ ช่นก​ ัน​ผ​ ​ู้รัก​
การ​ปฏิบัติ​ต้อง​คอย​หม่ัน​รดน้ำ​พรวน​ดิน​ ระวัง​รักษา​ต้น​ธรรม​ให้​ผลิ​ดอก​​
ออกใ​บ​​มผี​ ล​นา่ ​รบั ป​ ระทาน ​ตอ้ ง​คอย​ระวัง​ตวั ​หนอน​​คอื ​โ​ลภ​​โกรธ​​หลง​
มใ​ิ หม​้ าก​ ดั ก​ นิ ต​ น้ ธ​ รรมไ​ดอ​้ ยา่ งน​ ​้ี จงึ จ​ ะไ​ดช​้ อื่ ว​ า่ ผ​ ร​ู้ กั ธ​ รรม​ร​กั ก​ ารป​ ฏบิ ตั จ​ิ รงิ ​


35 ๓๕

๗​ ​

ว​ ดั ผลก​ าร​ปฏิบตั ดิ​ ว้ ยส​ ง่ิ ​ใด​​?



​ ม​ ผ​ี ป​ู้ ฏบิ ตั ห​ิ ลายค​ น​ป​ ฏบิ ตั ไ​ิ ปน​ านเ​ขา้ ช​ กั เ​ขว​ไ​มช​่ ดั เจนว​ า่ ​ตนป​ ฏบิ ตั ​ิ
ไปท​ ำไม​ห​ รอื ป​ ฏบิ ตั ไ​ิ ปเ​พอ่ื อ​ ะไร​ด​ งั ค​ รงั้ ห​ นงึ่ ​เ​คยม​ ล​ี กู ศ​ ษิ ยก​์ ราบเ​รยี นถ​ าม​
หลวงป​ู่วา่ ​
​ ​“​ภาวนา​มา​ก็​นาน​พอ​สมควร​แล้ว​ ​รู้สึก​ว่า​ยัง​ไม่​ได้​รู้​ได้​เห็น​ส่ิง​ต่าง​ๆ​​
มนี​ มิ ิตภ​ ายนอก​แ​ สง​สต​ี า่ งๆ​​เป็นต้น​​ดังท​ ​่ีผู้​อ่นื ​เขา​รูเ้​หน็ ก​ นั ​เลย​”​ ​​
​ หลวงป​ู่ท่านย​ อ้ น​ถาม​​สัน้ ๆ​ ​​ว่า​
​ “​ปฏิบัติ​แล้ว​ ​โกรธ​ ​โลภ​ ​หลง​ ​ของ​แก​ลด​น้อย​ลง​หรือ​เปล่า​ล่ะ​
ถ้า​ลดล​ ง​ข​ ้าก​ ็ว่าแ​ ก​ใชไ้ ด้​​”​


๓๖ 36

​๘​

​เทวทูต​​๔​



​ ​ธรรมะ​ท่ี​หลวงปู่​ยก​มา​ส่ัง​สอน​ศิษย์​เป็น​ประจำ​ ​มี​อยู่​เร่ือง​หน่ึง​ ​คือ​
เทวทูต​​๔​ท​ เี่​จ้าช​ าย​สิทธตั ถ​ ะพ​ บ​กอ่ น​บรรพชา​​คือ​​คน​แก​่ ค​ น​เจบ็ ​​คนต​ าย​
และส​ มณะ​
​ ​ความห​ มายข​ องค​ ำ​วา่ เ​ทวทตู ​​๔​​หลวงปูท​่ ่านห​ มาย​ถึง​​ผมู้​ าเ​ตอื น​
เพอ่ื ใ​หร​้ ะลกึ ถ​ งึ ค​ วามไ​มป​่ ระมาท​ซ​ ง่ึ เ​ปน็ เ​รอื่ งท​ ค​ี่ วรค​ ดิ ​แ​ ตค​่ นส​ ว่ นใ​หญม​่ กั ​
มอง​ขา้ ม​
​ ​หลวงปู่​ปรารภ​อยู่​เสมอ​ว่า​ ​แก่​ ​เจ็บ​ ​ตาย​ ​เน้อ​.​.​.​หม่ัน​ทำ​เข้า​ไว้​ ​มี​
ความ​หมาย​โดย​นัยว่า​ ​เมื่อ​เรา​เกิด​มา​แล้ว​ ​เรา​ก็​ย่อม​ก้าว​เข้า​สู่​ความ​ชรา​
ความแ​ ก่​เฒา่ ​อย​่ตู ลอดเ​วลา​ ม​ ค​ี วามเ​จบ็ ​ปว่ ยเ​ปน็ ธ​ รรมดา แ​ ละเ​รา​จกั ต​ อ้ ง​
ตาย​เหมอื น​กัน​ทุก​คน​
​ ​การเ​ห็น​สมณะ​หรือ​นักบวช​จ​ ึงเ​ปน็ น​ ิมิต​หมาย​ทด่ี​ ี​​ทจ​ี่ ะช​ ักจงู ใ​ห้​เรา​
ก้าว​ลว่ ง​ความ​ทุกขไ์​ด​้ในท​ ี่สดุ ​​โดย​​“ผ​ ม​ู้ าเ​ตอื น”​ ​​ท้งั ​๔​ ​น​ ่เี อง​


37 ๓๗

๙​ ​

​อาร​ มณ์อัพย​ าก​ฤต​



​ ​เคยม​ ​ผี ใู้ หญท​่ า่ นห​ นง่ึ ​ได​ก้ ราบ​เรยี น​ถาม​หลวงปว​ู่ า่ ​​อา​รมณอ์ พั ย​ าก​ฤต​
ไม​่จำเปน็ ต​ ้อง​มีไ​ดเ​้ ฉพาะ​พระอ​ ร​หนั ต​ ​์ ใ​ช​่หรอื ​ไม่​?
​ ​ท่าน​ตอบ​ว่า​ ​“​ใช่​ ​แต่​อา​รมณ์อัพ​ยาก​ฤต​ของ​พระ​อร​หัน​ต์​ท่าน
ท​ รงต​ ลอด​เวล​ า​ไ​ม่เ​หมือน​ปุถชุ นท​ ​่ีม​ีเป็น​คร้ัง​คราว​เทา่ น้นั ”​ ​
​ ​ท่าน​อุปมา​อารมณ์​ให้​ฟัง​ว่า​ ​เปรียบ​เสมือน​คน​ไป​ยืน​ที่​ตรง​ทาง​สอง​
แพร่ง​​ทางห​ นึ่งไ​ป​ทาง​ดี​​(ก​ ุศล​)​​อีก​ทางห​ นึ่ง​ไป​ใน​ทาง​ท่ไ​ี มด​่ ​ี ​(อ​ กุศล​)​ท​ ่าน​
วา่ ​​อัพ​ยาก​ฤ​ตม​ี ​๓​​ระดบั ​ค​ อื ​
​ ​-​ระดับห​ ยาบ​​คอื ​อ​ ารมณป์​ ถุ ุชนท​ ่เี​ฉยๆ​​ไมค​่ ิดด​ ​ี ​ไม่​คิดช​ ั่ว​​ซึง่ ม​ ีเ​ป็น​
ครั้ง​คราว​เทา่ นน้ั ​
​ ​-​ ระดับ​กลาง​ ​มี​ใน​ผู้​ปฏิบัติ​สมาธิ​ ​มี​สติ​ ​มี​ความ​สงบ​ของ​จิต​ ​วาง​
อารมณ​์จากส​ ่งิ ท​ ีด่​ ที​ ช่ี​ ่วั ​​ดัง​ทเ​่ี รียกว​ า่ ​​อเุ บกขาร​ มณ​์
​ ​- ​ระดับ​ละเอียด​ ​คือ​ ​อารมณ์​ของ​พระ​อร​หัน​ต์​ ​ซึ่ง​ไม่มี​ท้ัง​อารมณ์​
ที่​คิด​ปรุง​ไป​ใน​ทาง​ดี​ ​หรือ​ใน​ทาง​ไม่​ดี​ ​วาง​อารมณ์​อยู่​ได้​ตลอด​เวลา​ ​เป็น​
​วิหารธ​ รรมข​ อง​ท่าน​


๓๘ 38

๑​ ๐​

ต​ ร​ี ​โท​เ​อก​



​ ​คร้งั ​หนึง่ ​ผ​ ​ู้เขียนจ​ ะจ​ ัดท​ ำบญุ เ​พ่อื เ​ปน็ ​กตญั ญกู​ ตเวทติ าธ​ รรม​น​ อ้ ม​
ถวาย​แด่​หลวงปเู่​กษม​​เขมโ​ก​​เน่ือง​ใน​โอกาสท​ ​่หี ลวงปทู​่ ่านม​ ีอาย​ุครบ​๗​ ๔​
พรรษา​​เมอ่ื ​วนั ท​ ี่​๒​ ๘​​พฤศจกิ ายน​พ​ ​.​ศ​.​​๒๕๒๘​
​ ผู​้เขยี น​ไดเ​้ รยี นถ​ าม​หลวงป​ู่วา่ ​
​ “​การท​ ำบญุ อ​ ยา่ งไร​จ​ งึ ​จะ​ดท​ี ีส่ ดุ ​”​
​ หลวงป​ทู่ า่ นไ​ด​้เมตตา​ตอบ​วา่ ​
​ “ข​ องดี​นนั้ ​อยู่​ท​่ีเรา​ ข​ องดนี​ นั้ ​อยทู่​ ่จ​ี ิต​ จ​ ิต​มี​ ๓​ ​ ​ชนั้ ​ ​ตร​ี ​โท​ เ​อก​
ถ้า​ตรก​ี ็​ตำ่ ​หน่อย​โ​ท​ก็​ปานก​ ลาง​​เอก​นอ่ี​ ยา่ ​งอุกฤษฏ​์
​ มัน​ไม่มี​อะไร​.​.​.​ ก็​ ​อนิจ​จัง​ ​ทุก​ขัง​ ​อนัตตา​ ​ตัว​อนัตตา​นี่​แหละ​
เปน็ ​ตัวเอก​​ไล​่ไปไ​ลม่​ า​​ใหม้​ ันเ​หน็ ​สังขารร​ า่ งกายเ​รา​ต​ ายแ​ น่ๆ​​คนเ​รา​
หนีต​ าย​ไปไ​ม่​พ้น​ ​ตายน​ ้อย​ ​ตาย​ใหญ่​ ​ตาย​ใหญก​่ ็​ตายห​ มด​ ​ตาย​นอ้ ยก​ ็​
หลบั ​ไ​ปต​ รองด​ ูใ​ห้​ดี​เถอะ.​​.​.​”​ ​


Click to View FlipBook Version