The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Cara Linda, 2023-09-23 03:20:29

การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล

การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล

วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม SRIMAHASARAKHAM NURSING COLLEGE จัดทำ โดย นักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่2 รุ่น40 การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล (Rational Drug Use : RDU) ปีการศึกษา 2566


คำ นำ สื่อE-book(electronic book) ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของวิชาการพยาบาลขั้นพื้นฐาน ของนักศึกษาพยาบาล ศาสตร์ชั้นปีที่2 รุ่น40 โดยมีจุดประสงค์ เพื่อการศึกษา ความรู้ที่ได้จากเรื่อง การใช้ยาอย่างสมเหตุสม ผล(Rational Drug Use : RDU) ทั้งนี้ ใน สื่อ Ebook(electronic book) นี้มีเนื้อหาประกอบด้วยความรู้ เกี่ยวกับ ความหมายของการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล แนวคิดและหลักการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล สาเหตุ/ ปัญหาของการใช้ยาไม่เหมาะสม ชนิดหรือกลุ่มยาที่ใช้ ไม่เหมาะสมที่พบบ่อย คณะผู้จัดทำ ได้เลือกหัวข้อนี้ เนื่องมาจากเป็นเรื่อง ที่น่าสนใจ ผู้จัดทำ ต้องขอขอบคุณอาจารย์พวงแก้ว สาระโภค ผู้ให้ความรู้ และแนวทางการศึกษา หวังว่าสื่อ E-book(electronic book) ฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็น ประโยชน์แก่ผู้อ่านทุก ๆ ท่าน หากมีข้อเสนอแนะ ประการใด คณะผู้จัดทำ ขอรับไว้ด้วยความขอบพระคุณ ยิ่ง คณะผู้จัดทำ


เรื่อ รื่ ง หน้า ความหมายของการใช้ยาอย่า ย่ งสมเหตุส ตุ มผล 1 แนวคิดและหลักการใช้ยาอย่า ย่ งสมเหตุส ตุ มผล 2-5 สาเหตุ/ ตุ ปัญ ปั หาของการใช้ย ช้ าไม่เ ม่ หมาะสม 6-10 ชนิด นิ หรือ รื กลุ่มยาที่ใช้ไม่เ ม่ หมาะสมที่พบบ่อ บ่ ย 11 เอกสารอ้างอิง 12 สารบัญ


ความหมายของการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล การใช้ย ช้ าอย่า ย่ งสมเหตุผ ตุ ล หมายถึง การใช้ย ช้ าโดย มีข้ มี อ ข้ บ่ง บ่ ชี้ เป็น ป็ ยาที่มีคุ มี ณภาพ มีปมี ระสิท สิ ธิภ ธิ าพจริง ริ สนับ นั สนุน นุ ด้วยหลักฐานที่เชื่อ ชื่ ได้ ให้ปห้ ระโยชน์ท น์ างคลินิก นิ เหนือ นื กว่าความเสี่ย สี่ งจากการใช้ย ช้ าอย่า ย่ งชัด ชั เจน มีร มี าคาเห มาะสมคุ้มค่าตามหลักเศรษฐศาสตร์ส ร์ าธารณสุข สุ ไม่เ ม่ ป็น ป็ การใช้ย ช้ าอย่า ย่ งซ้ำ ซ้อ ซ้ น คำ นึง นึ ถึงปัญ ปั หาเชื้อ ชื้ ดื้อยา เป็น ป็ การใช้ย ช้ าในกรอบบัญ บั ชีย ชี ายัง ยั ผลอย่า ย่ งเป็น ป็ ขั้น ขั้ ตอน ที่ถูก ถู ต้องตามแนวทางพิจ พิ ารณาการใช้ย ช้ า โดยใช้ย ช้ าใน ขนาดที่พอเหมาะกับผู้ป่ ผู้ วยในแต่ละกรณี ด้วยวิธีก ธี าร ให้ย ห้ าและความถี่ในการให้ย ห้ าที่ถูก ถู ต้องตามหลัก เภสัช สั วิทยาคลินิก นิ ด้วยระยะเวลาการรัก รั ษาที่เหมาะสม ผู้ป่ผู้ ว ป่ ยให้ก ห้ ารยอมรับ รั และสามารถใช้ย ช้ าดังกล่าวได้อย่า ย่ งถูก ถู ต้องและต่อเนื่อ นื่ ง กองทุน ทุ ในระบบประกันสุข สุ ภาพหรือ รื ระบบสวัสดิการ สามารถให้เ ห้ บิก บิ จ่ายค่ายานั้น นั้ ต่ออย่า ย่ ง ยั่ง ยั่ ยื่น ยื่ เป็น ป็ การใช้ย ช้ าที่ไม่เ ม่ ลือกปฏิบัติ บั ติ เพื่อ พื่ ให้ผู้ ห้ ป่ผู้ ว ป่ ยทุก ทุ คน สามารถใช้ย ช้ านั้น นั้ ได้อย่า ย่ งเท่าเทียมกันและไม่ถู ม่ ก ถู ปฏิเสธยา ที่สมควรได้รับ รั -1-


แนวคิดและหลักการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล 1.ใช้ย ช้ าเมื่อ มื่ มีค มี วามจำ เป็น (เกิดประโยชน์ม น์ ากกว่าโทษ) ได้แก่ การให้ย ห้ าลดไขมัน มั ในผู้ป่ผู้ ว ป่ ยที่ไขมัน มั ในเลือดสูง สู และมีค มี วามเสี่ย สี่ ง ต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัว หัใจ ในขณะที่การใช้ย ช้ าอย่า ย่ งไม่ สมเหตุส ตุ มผล โดยไม่เ ม่ ป็น ป็ ไปตามข้อ ข้ บ่ง บ่ ชี้ที่ ชี้ ที่ เราพบกันได้บ่อ บ่ ยๆ เช่น ช่ การใช้ย ช้ าต้านแบคทีเรีย รี ในผู้ป่ผู้ ว ป่ ยที่เป็น ป็ หวัดที่ไม่มี ม่ ก มี าร ติดเชื้อ ชื้ แบคทีเรีย รี 2. ประสิท สิ ธิผล (Efficac) ยานั้น นั้ เป็น ป็ ประโยชน์ต่ น์ ต่ อผู้ป่ผู้ ว ป่ ยอย่า ย่ ง แท้จริง ริ โดยอาจพิจารณาจาก กลไกการออกฤทธิ์ - ยาคลายกล้ามเนื้อ นื้ ใช้ใช้ นโรคกล้ามเนื้อ นื้ หดเกร็ง ร็ ไม่ใม่ ช่สำ ช่ สำหรับ รั โรคที่มีก มี ารอักเสบของกล้ามเนื้อ นื้ เช่น ช่ RA, OA มีห มี ลักฐานเชิง ชิประจักษ์สนับ นั สนุน นุ เพีย พี งพอ - พาราเซตามอล ใช้แ ช้ ก้ปวดลดไข้ - กลูโ ลู ตซามีน มี ใช้ส ช้ ตภาวะข้อ ข้ เสื่อ สื่ ม ยัง ยั มีข้ มี อ ข้ ขัด ขั แย้ง ย้ โดยในบาง การศึก ศึ ษาพบว่าช่ว ช่ ยได้จริง ริ ในขณะที่บางการศึก ศึ ษาพบว่า ไม่แ ม่ ตกต่างกับผู้ที่ผู้ ที่ ไม่ไม่ ด้ใช้ย ช้ านี้ก นี้ ลไกการออกฤทธิ์ -2-


แนวคิดและหลักการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล -3- 3. ความเสี่ย สี่ ง (Risk) • คำ นึง นึ ถึงความปลอดภัยของผู้ป่ผู้ ว ป่ ยเป็น ป็ หลัก – ประโยชน์ม น์ ากกว่าโทษ • ยาลดไขมัน มั ในผู้ป่ผู้ ว ป่ ยไขมัน มั สูง สู หรือ รื ผู้ป่ผู้ ว ป่ ยเบาหวานที่มี ความเสี่ย สี่ งโรคหัว หัใจ • การใช้ย ช้ าคลายกล้ามเนื้อ นื้ (Orphenadrine) ในผู้สูผู้ ง สู อายุ – ไม่มี ม่ ข้ มี อ ข้ ห้า ห้ มในผู้ป่ผู้ ว ป่ ย • การใช้ Atorvastatin พาราเซตามอล ในคนที่เป็น ป็ โรคตับ • การใช้แ ช้ อสไพริน ริ ในเด็กต่ำ กว่า 12 ปี 4. ค่าใช้จ่ ช้ จ่ าย (Cost) • ใช้ย ช้ าอย่า ย่ งพอเพียงและคุ้ม คุ้ ค่า – การใช้ย ช้ าตามชื่อ ชื่ สามัญ มั (พาราเซตามอล กับ ไทลินอล) – การใช้ย ช้ าต้นแบบที่ผลิตจากต่างประเทศ – ยากลุ่ม ลุ่ ยับ ยั ยั้ง ยั้ COX-II กับ NSAIDs 5. องค์ประกอบอื่นๆที่จำ ที่ จำ เป็น (Other considerations) – รอบรู้ รอบคอบ ระมัด มั ระวัง รับ รั ผิด ผิ ชอบและใช้ย ช้ าอย่า ย่ ง เป็น ป็ ขั้น ขั้ ตอนตามมาตรฐานทางวิชาการ • ไม่ใม่ ช้ย ช้ าซ้ำ ซ้อ ซ้ น : Norgesic กับ พาราเซตามอล • ไม่ใม่ ช้ย ช้ าพร่ำ เพรื่อ รื่ : ยาปฏิชีว ชี นะ • ใช้ย ช้ าตามแนวทางการรัก รั ษา


แนวคิดและหลักการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล -4- 6. ขนาดยา (Dose) • ใช้ย ช้ าถูก ถู ขนาด ไม่น้ ม่ อ น้ ยหรือ รื มากเกินไป ไม่ปม่ รับ รั ยาเอง 7. วิธีใธี ห้ย ห้ า (Method of administration) • ใช้ย ช้ าถูก ถู วิธี – ยาก่อนอาหาร กินตอนท้องว่าง – หลีกเลี่ยงการใช้ย ช้ าฉีด ฉี โดยไม่จำ ม่ จำ เป็น ป็ – หลังพ่น พ่ ยาสเตียรอยด์ควรบ้ว บ้ นปาก – ยาหยอดจมูก มู แก้คัดจมูก มู ไม่ค ม่ วรใช้เ ช้ กิน 3 วัน 8. ความถี่ใถี่ นการให้ย ห้ า • ใช้ย ช้ าด้วยความถี่ที่เหมาะสม – Amoxicillin ใช้วั ช้ วั นละ 2-3 ครั้ง รั้ ( ไม่ค ม่ วรใช้ 4 ครั้ง รั้) – Cloxacillin ใช้วั ช้ วั นละ 4 ครั้ง รั้ 9. ระยะเวลาในการให้ย ห้ า (Duration of treatment) – ใช้ย ช้ าในระยะเวลาการรัก รั ษาที่เหมาะสม ไม่น ม่ านหรือ รื สั้น สั้ เกินไป • การใช้ย ช้ ารัก รั ษาแผลในกระเพาะควรใช้ต่ ช้ ต่ อเนื่อ นื่ ง 4 สัปสั ดาห์ • การใช้ย ช้ ารัก รั ษาสิว สิใช้ต่ ช้ ต่ อเนื่อ นื่ ง 6-8 สัปสั ดาห์


แนวคิดและหลักการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล -5- 10. ความสะดวก (Patient compliance) • ใช้ย ช้ าโดยคำ นึง นึ ถึงความสะดวกและการยอมรับ รั ของผู้ป่ผู้ ว ป่ ย – อธิบ ธิ ายหรือ รื ให้ข้ ห้ อ ข้ มูล มู ให้ผู้ ห้ ป่ผู้ ว ป่ ยเข้า ข้ใจ • Tretinoin ชนิด นิ ทาทำ ให้ร ห้ ะคายเคือง สิว สิ เห่อ ห่ ในสัปสั ดาห์แ ห์ รก หลีกเลี่ยงแสงแดด – เลือกยาที่ใช้ส ช้ ะดวก เช่น ช่ กินวันละ 1-2 ครัั้งมากกว่ากิน วันละ 3-4 ครั้ง รั้ – มีก มี ารตรวจสอบความเข้า ข้ใจและติดตามผลการใช้ย ช้ าทุก ทุ ครั้ง รั้


สาเหตุ/ปัญหาของการใช้ยาไม่เหมาะสม -6- 1. การปรับ รั ขนาดยาด้วยตัวเอง จากความเชื่อ ชื่ ที่ว่าการรับ รั ประทานยามากเกินไปทำ ให้เ ห้ กิดผลเสีย สี ต่อร่า ร่ งกาย เมื่อ มื่ โรค ของผู้ป่ผู้ ว ป่ ย ไม่แ ม่ สดง อาการหรือ รื อาการมีแ มี นวโน้ม น้ ที่ดีขึ้น ขึ้ เช่น ช่ ในผู้ป่ผู้ ว ป่ ยโรคความดันโลหิต หิ สูง สู เมื่อ มื่ สามารถควบคุม คุ ความดัน โลหิต หิ หรือ รื ไม่มี ม่ อ มี าการแสดงของโรค ผู้ป่ผู้ ว ป่ ยจึงหยุดรับ รั ประทานยาตัวยตนเองโดยไม่ปม่ รึก รึ ษาแพทย์ ส่ง ส่ ผลให้ผู้ ห้ ป่ผู้ ว ป่ ยไม่ส ม่ ามารถควบคุม คุ ความดันโลหิต หิ ให้อ ห้ ยู่ใยู่ นช่ว ช่ ง เป้า ป้ หมายได้ หรือ รื ในผู้ป่ผู้ ว ป่ ยที่จำ เป็น ป็ ต้อง รับ รั ประทานยาปฏิชีว ชี นะ เมื่อ มื่ อาการดีขึ้น ขึ้ หลังจากใช้ย ช้ าไป ระยะหนึ่ง นึ่ จึงหยุดยา เป็น ป็ ผลให้เ ห้ ชื้อ ชื้ โรคในร่า ร่ งกายไม่ส ม่ ามารถ ถูก ถู กำ จัดได้อย่า ย่ งสมบูรณ์และนำ มาซึ่ง ซึ่ปัญ ปั หาการดื้อยาได้ 2. การนำ ยาขอผู้อื่ผู้ อื่ นมาใช้ จากความเชื่อ ชื่ ที่ว่า ผู้ป่ผู้ ว ป่ ยที่มี อาการใกล้เคียงกันจำ เป็น ป็ ต้องได้รับ รั ยาชนิด นิ และขนาด เดียวกัน ความรู้เ รู้ ท่าไม่ถึ ม่ ถึ งการณ์ดั ณ์ ดั งกล่าวนำ ไปสู่ก สู่ ารแบ่ง บ่ ปัน ปั ยาสู่ผู้ สู่ อื่ผู้ อื่ น ซึ่ง ซึ่ อาจก่อให้เ ห้ กิดอันตรายจากการใช้ย ช้ านั้น นั้ เช่น ช่ การเกิดอาการไม่พึ ม่ ง พึประสงค์จากยา การแพ้ย พ้ า เป็น ป็ ต้น


สาเหตุ/ปัญหาของการใช้ยาไม่เหมาะสม -7- 3.ผู้ป่ผู้ ป่ วยไม่พร้อ ร้ มรับ รัฟังคำ อธิบายจากเภสัช สั กร พฤติกรรมนี้พบ ได้บ่อ บ่ ยกับผู้ป่วยที่มารับยาในสถานพยาบาลที่ผู้ป่วยมักจะมี ความเร่ง ร่ รีบในการเดินทางกลับ โดยไม่ใม่ ห้ความสนใจในการ อธิบายวิธีการใช้ยาจากเภสัชกรเนื่องจากผู้ป่วยมีความคิดว่า สามารถเข้าใจวิธี ใช้ตามฉลากยาได้อย่า ย่ งถูกต้อง ซึ่งหากผู้ป่วยมี ความสงสัยในการใช้ยา ดังกล่าวก็อาจทำ ให้ใช้ยาผิดวิธีได้ โดย เฉพาะอย่า ย่ งยิ่งหากแพทย์มีการปรับเปลี่ยนชนิดหรือวิธีการใช้ยา ก็อาจทำ ให้ผู้ป่วยยังรับประทานยาในรูปแบบเดิม ซึ่งส่ง ส่ ผลต่อความไม่มี ม่ ประสิทธิภาพในการรักษาของยานั้น นอกจากนี้เภสัชกรอาจมีการบอกกล่าวเกี่ยวกับอาการไม่พึ ม่ พึ ง ประสงค์สำ หรับการใช้ยานั้นเพื่อทำ ให้ผู้ป่วยคอยติตตามและ สังเกตอาการดังกล่าว หากผู้ป่วยไม่มี ม่ มี ความสนใจในการรับฟัง ข้อมูลจากเภสัชกรอาจทำ ให้เกิดความวิตกกังวลหรือไม่ส ม่ ามารถ จัดการกับปัญหาที่เกิดจากการใช้ยาได้อย่า ย่ งถูกต้อง 4. การจัดเก็บยาในสภาวะที่ไที่ ม่เหมาะสม เมื่อผู้ป่วยได้รับยาจาก สถานพยาบาลแล้วนำ มาจัดเก็บในสภาวะที่ไม่เ ม่ หมาะสม เช่น ช่ การจัดเก็บยาในรถยนต์ ที่จอดทิ้งไว้กลางแสงแดดซึ่งมีอุณหภูมิ ที่มากกว่าปกติ การวางยาในบริเวณที่มีแสงแดดจ้า การจัดเก็บยา ในตู้เย็นช่อ ช่ งแช่แ ช่ ข็ง เป็นต้น การกระทำ ดังกล่าวอาจนำ มาซึ่ง ความเสื่อมสลายของยาและทำ ให้ยานั้นไม่มี ม่ มีประสิทธิภาพใน การรักษาโรคของผู้ป่วย


สาเหตุ/ปัญหาของการใช้ยาไม่เหมาะสม -8- 5. การไม่ตรวจสอบวันหมดอายุของยา เมื่อผู้ป่วยได้รับยาจาก สถานพยาบาลควรตรวจสอบวันหมดอายุการใช้งานของยานั้น ซึ่งมักอยู่บ ยู่ ริเวณแผง ยา ขวดยา หรือหลอดบรรจุยานั้น โดยยาที่ ผู้ป่วยได้รับควรมีวันหมดอายุอย่า ย่ งน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีหลังจาก ได้รับยา เพื่อทำ ให้มั่นใจว่าการใช้ยานั้นจะยังมีประสิทธิภาพ ในการรักษาโรคของผู้ป่วย 6. การลืมรับ รัประทานยา การรับประทานยาให้ตรงเวลาตาม ฉลากยาเป็นสิ่งจำ เป็นอย่า ย่ งมากสำ หรับผู้ป่วยโดยเฉพาะอย่า ย่ งยิ่ง ผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเพื่อรักษาโรคเรื้อรัง เช่น ช่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไตวาย เรื้อรัง เป็นต้น ผู้ป่วยในกลุ่มโรคเหล่านี้ จำ เป็นต้องใช้ยาในการรักษาโรคติดต่อกันทุกวัน ทำ ให้อาจเกิด การลืมรับประทานยาได้บ่อ บ่ ยมากขึ้น เช่น ช่ ยามื้อกลางวัน ยามื้อ ก่อนอาหาร ดังนั้น ผู้ป่วยจำ เป็นต้องใช้ยาอย่า ย่ งต่อเนื่อง และ สม่ำ เสมอเพื่อทำ ให้การควบคุมโรคของผู้ป่วยเป็นไปได้อย่า ย่ ง มีประสิทธิภาพมากที่สุด 7. การใช้ยาไม่ถูก ถู ต้อง ผู้ป่วยที่จำ เป็นต้องใช้ยาเทคนิคพิเศษ เช่น ช่ ยาสูดพ้นทางปาก ยาฉีดอินซูลิน ยาแผ่น ผ่ แปะ เป็นต้น ซึ่ง ควรมีความเข้าใจในวิธีการใช้ยาอย่า ย่ งถูกต้องเพื่อทำ ให้ได้รับยา อย่า ย่ งถูกต้องและมีประสิทธิภาพมาก


สาเหตุ/ปัญหาของการใช้ยาไม่เหมาะสม -9- 8. การไม่นำ ม่ นำยาใช้อ ช้ ย่า ย่ งเป็น ป็ ประจำ มาเพื่อ พื่ ตรวจสอบในระหว่าง เข้า ข้ รับ รั การรัก รั ษาตัวในสถาน พยาบาล ผู้ป่ผู้ ว ป่ ยที่ต้องใช้ย ช้ าโรค ประจำ ตัวติดต่อกันทุก ทุ วัน เช่น ช่ โรคความดันโลหิต หิ สูง สู โรคเบาหวาน เป็น ป็ ต้น จำ เป็น ป็ ต้องนำ ยาดังกล่าวมาระหว่าง รัก รั ษาตัวในสถานพยาบาล เพื่อ พื่ ให้เ ห้ ภสัช สั กรตรวจสอบ และ แพทย์สั่ ย์ สั่ ง สั่ใช้ย ช้ าเพื่อรัก รั ษาโรคของผู้ป่ผู้ ว ป่ ยได้อย่า ย่ งต่อเนื่อ นื่ งใน ระหว่างเข้า ข้ รับ รั การรัก รั ษาตัวในสถานพยาบาล 9.ผู้ป่ผู้ ว ป่ ยได้รับ รั การรัก รั ษาจากหลายสถานพยาบาล ผู้ป่ผู้ ว ป่ ยที่ได้รับ รั การรัก รั ษาหลายเเห่ง ห่ มัก มั ได้รับ รั ยาร่ว ร่ มกันหลายชนิด นิ จึงอาจก่อให้ เกิดปัญ ปั หาการได้รับ รั ยาซ้ำ ซ้อ ซ้ น การได้รับ รั ยาที่มีอั มี อั นตรกิริย ริ ากัน (อันตรกิริย ริ า คือ ปฏิกิริย ริ าระหว่างยากับยา หรือ รืปฏิกิริย ริ าระหว่าง ยากับ อาหาร) การได้รับ รั ยาที่เสริม ริ ฤทธิ์ห ธิ์ รือ รื ทำ ให้ฤ ห้ ทธิ์ข ธิ์ องยาอื่น ลดลง เป็น ป็ ต้น ดังนั้น นั้ หากผู้ป่ผู้ ว ป่ ยไปรับ รั บริก ริ ารในสถาน พยาบาล ควรนำ ยาประจำ ทั้งหมดติดตัวไปด้วยทุก ทุ ครั้ง รั้ เพื่อ พื่ เป็น ป็ ข้อ ข้ มูล มู แก่ แพทย์แ ย์ ละเภสัช สั กรใช้ปช้ ระเมิน มิ ความเหมาะสมของ ยาที่ผู้ป่ผู้ ว ป่ ยได้รับ รั ในปัจ ปั จุบัน บั และหลีกเสี่ย สี่ งการจ่ายยาซ้ำ ช้อ ช้ นหรือ รื การเกิดอันตรกิริย ริ าระหว่างยาเดิมกับยาใหม่ที่ ม่ ที่ จะจ่ายให้แ ห้ ก่ ผู้ป่ผู้ ว ป่ ย


สาเหตุ/ปัญหาของการใช้ยาไม่เหมาะสม -10- 10. ความเชื่อ ชื่ ของผู้ป่ผู้ ว ป่ ยที่ว่า "การใช้ย ช้ ามีปมี ระสิท สิ ธิภ ธิ าพมากกว่า การป้อ ป้ งกันการเกิตโรค" ผู้ป่ผู้ ว ป่ ยส่ว ส่ นใหญ่มั ญ่ ก มั มีค มี วามคิดว่าการได้ รับ รั ยาจากสถานพยาบาลเพื่อ พื่ กรรัก รั ษาตนเองมีปมี ระสิท สิ ธิภ ธิ าพ มากกว่า การปฏิบัติ บั ติ ตัวเพื่อ พื่ป้องกันการเกิดโรค ซึ่ง ซึ่ในความเป็น ป็ จริง ริ แล้ว หากผู้ป่ผู้ ว ป่ ยสามารถปรับ รั เปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อ พื่ป้อ ป้ งกัน การเกิดโรคในอนาคตมัก มั มีปมี ระโยชน์ม น์ ากกว่าการโช้ย ช้ าเพื่อ พื่ รัก รั ษาโรค นอกจากนี้ห นี้ ากผู้ป่ผู้ ว ป่ ยต้องใช้ย ช้ าเพื่อ พื่ รัก รั ษาโรคเรื้อ รื้ รัง รั เช่น ช่ โรคความดันโลหิต หิ สูง สู โรคเบาหวาน โรคไขมัน มั เลือดสูง สู เป็น ป็ ต้น จำ เป็น ป็ ต้องปรับ รั เปลี่ยน พฤติกรรมของผู้ป่ผู้ ว ป่ ย ร่ว ร่ มด้วยเพื่อทำ ให้ส ห้ ามารถควบคุม คุ โรคได้อย่า ย่ งมีปมี ระสิท สิ ธิภ ธิ าพ


ชนิดหรือกลุ่มยาที่ใช้ไม่เหมาะสมที่พบบ่อย -11- 1. ยาระบาย ถูก ถู นำ มาใช้เ ช้ป็น ป็ ยาลดความอ้วน โดยไม่มี ม่ มี ข้อ ข้ บ่ง บ่ ใช้ ไม่มี ม่ ห มี ลักฐานทางวิชาการสนับ นั สนุน นุ และกลไก การออกฤทธิ์ไธิ์ ม่ส ม่ นับ นั สนุน นุ 2. พาราเซตามอล ปกติรับ รั ประทานวันละไม่เ ม่ กิน 4 กรัม รั รับ รั ประทานติดต่อกันไม่เ ม่ กิน 5 วัน หลีกเลี่ยงการใช้ใช้ นคนที่ เป็น ป็ G-6PD ผู้ที่ผู้ ที่ ดื่มสุร สุ าหรือ รื สูบ สู บุหรี่ ปัญ ปั หาพบบ่อ บ่ ย เช่น ช่ รับ รั ประทานติดต่อกันทุก ทุ วัน บางรายรับ รั ประทานยาร่ว ร่ มกับ การดื่มสุร สุ า หรือ รื รับ รั ประทาน ยาเกินขนาด 3. ไม่ส ม่ บายต้องฉีด ฉี ยาจึงจะหาย 4. การหยุดยาเอง หรือ รืปรับ รั ยาเอง 5. การกินยาปฏิชีว ชี นะพร่ำ เพรื่อ รื่ เมื่อ มื่ มีอ มี าการท้องเสีย สี เจ็บคอ 6. การฉีด ฉี ยาให้ผิ ห้ ว ผิ ขาว เช่น ช่ กลูต ลู า วิตามิน มิ ซี


เอกสารอ้างอิง -12- จริย ริ า วิทยะศุภ ศุ ร,จุฬารัก รั ษ์ กวีวิวิธชัย ชั.(2562).Why need RDU teaching?.http://drug - fdmoph.go.th โรงพยาบาลศิริ ศิ ร ริ าชปิย ปิ มหาราชการุณย์.ย์(2564).10 พฤติกรรมการ ใช้ยาเเบบผิดๆ.https://www.siphhospital.com/th/news/article ปวิตรา จริย ริ สกุล กุ วงศ์.ศ์(2562).Rational use of medicines: การใช้ ยาอย่า ย่ งสมเหตุส ตุ มผล.https://ns.mahidol.ac.th/english/th/ departments/MN/th/km/57/rational.html เวียงพิง พิ ค์ ทวีพูน พู.(2564).การใช้ย ช้ าอย่า ย่ งสมเหตุผ ตุ ล Rational Drug Use :RDU [PowerPoint slides]. SlideShare. http://www.dspace.bru.ac.th/xmlui/bitstream/handle ศศิน ศิ มากุสุ กุ มา ณ อยุธยา ผู้ลิผู้ ลิ ขิต ขิ ปวิตรา จรยสกุล กุ วงศ์ (2562,12 กุม กุ ภาพัน พั ธ์)ธ์. การจัดการความรู้ เรื่อ รื่ ง "Patient safety & Nursing safety: Roles of Nurse Educators" ในหัว หั ข้อ ข้ "Rational use of medicines: การใช้ยาอย่า ย่ งสมเหตุส ตุ มผล


จัดทำ โดย -12- 1.นางสาวอโรชา โพธิ์ษ ธิ์ าจันทร์ 65113301154 2.นางสาวอัชราภรณ์ น้อ น้ ยสำ ราญ 65113301155 3.นางสาวอาภัสรา เครือ รืฟ้า ฟ้ 65113301156 4.นางสาวอารีรั รี ต รั น์ วรรณปะเข 65113301157 5.นางสาวอิสริย ริ าภรณ์ ไชยขัน ขั ธ์ 65113301158 6.นางสาวอุษมา สุชิ สุ น ชิ ศัก ศั ดิ์ 65113301159 7.นางสาวเอมธิต ธิ รา ชาญฉลาด 65113301160 นัก นั ศึก ศึ ษาพยาบาลศาสตร์ชั้ ร์ ชั้ น ชั้ ปีที่ ปี ที่ 2 รุ่น รุ่ 40 ปีก ปี ารศึก ศึ ษาที่ 2566 เสนอ อาจารย์ พวงแก้ว สาระโภค วิทยาลัยพยาบาลศรีม รี หาสารคาม สถาบัน บั พระบรมราชนก


Click to View FlipBook Version