The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-09-11 14:13:35

ธรณีภาค

ธรณีภาค

GEO BOOK

ธรณีภาค

PERFACE




ธรณี ภาค

การเลื่อน โครงสร้าง
ของทวีป ของโลก

การเปลี่ยนแปลง กาเปลี่ยนแปลง
ภายในโลก ของธรณี ภาค

กระบวนการเปลี่ยน
แปลงภายในโลก

กระบวนการปรับ

ระดับพื้นผิวโลก
7

เรามาเริ่มผจญภัยในดินแดน
อันมหัศจรรย์นี้ ไปพร้อมกันเลย

แล้วอย่าลืมมองหา
ดาวให้ครบ
กันด้วยน๊ า

LET'S GO!





อย่าลืมตามหาดาวให้ครบทั้ง 3 ดวงกันด้วยน๊า

ธรณี ภาค

LITHOSPHERE

ธรณีภาค หรือ Lithosphere หมายถึง พื้นผิวโลกซึ่งห่อหุ้ม
ด้วยเปลือกแข็ง โลกเป็นดาวเคราะห์ที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
เวลา (Dynamic Planet) โครงสร้างภายในของโลกมีสถานะทั้งเป็น
ของแข็งและของเหลว หินหนืดที่บรรจุอยู่ภายในเคลื่อนหมุนวนด้วย
การพาความร้อน ที่ทำให้แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนตัวดันกัน ก่อให้เกิด
ภูเขา ที่ราบ และหุบเหว การรีไซเคิลของเปลือกโลกทำให้เกิดการ
หมุนเวียนของแร่ ธาตุ และวัฏจักรหิน การผุพังของหินเปลือกโลก
เนื่องจากแรงโน้มถ่วง การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและความชื้น และ
อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดดิน ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมี
ชีวิตต่อไป

NEXT

โครงสร้างของโลก

หลังการถือกำเนิดเมื่อกว่า 4,500 ล้านปีที่แล้ว โลกผ่าน
การปะทะและหลอมรวมกันของสสาร กลุ่มก๊าซ และธาตุต่างๆ
มากมาย จากเศษซากการกำเนิดของดวงอาทิตย์
ในระบบสุริยะ จนมีมวล ขนาดและรูปร่างอย่างที่เราเห็นอยู่ใน
ปัจจุบัน แต่ความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงภายในดาว
เคราะห์หินดวงนี้ไม่เคยหยุดนิ่ง

การแบ่งชั้นโครงสร้างของโลก

การแบ่งโครงสร้างของโลกมีอยู่หลายวิธี แต่นักวิทยาศาสตร์นิยมใช้มี
อยู่ 2 ประเภทที่สำคัญคือ
-แบ่งจากการศึกษาความเร็วของคลื่นไหวสะเทือน
-แบ่งจากการศึกษาส่วนประกอบทางเคมี

NEXT

แบ่งจากการศึกษาความเร็วของคลื่นไหวสะเทือน

1. ธรณีภาค (lithospherer) เป็นชั้นนอกสุดของโลก
2. ฐานธรณีภาค (asthenosphere) เป็นบริเวณที่คลื่นไหวสะเทือนมี
ความเร็วไม่สม่ำเสมอ
3. มีโซสเฟียร์ (mesosphere) เป็นชั้นที่อยู่ใต้ฐานธรณีภาค
4. แก่นโลกชั้นนอก (outer core) เป็นชั้นที่อยู่ใต้มีโซสเฟียร์ มีความลึก
ประมาณ 2,900-5,140 กิโลเมตร
5. แก่นโลกชั้นใน (inter core) อยู่ที่ระดับความลึกประมาณ 5,140
กิโลเมตร จนถึงจุดศูนย์กลางของโลก

NEXT

แบ่งจากการศึกษาส่วนประกอบทางเคมี

1. เปลือกโลก (Crust) เป็นผิวโลกชั้นนอก ประกอบด้วยเปลือกโลกทวีป
และเปลือกโลกมหาสมุทร
2. เนื้อโลก (Mantle) คือส่วนซึ่งอยู่อยู่ใต้เปลือกโลกลงไปจนถึงระดับ
ความลึก 2,900 กิโลเมตร แบ่งออกป็น 3 ชั้น ได้แก่

-เนื้อโลกตอนบนสุด
-เนื้อโลกตอนบน
-เนื่อโลกตอนล่าง
3. แก่นโลก (Core) คือส่วนที่อยู่ใจกลางของโลก มีองค์ประกอบหลักเป็น
เหล็ก แบ่งออกเป็น 2 ชั้น
-แก่นโลกชั้นนอก (Outer core)
-แก่นโลกชั้นใน (Inner core)

NEXT

การเลื่อนของทวีป

การเลื่อนไหลของทวีปหรือทวีปเลื่อน เป็นแนวคิดซึ่งเสนอโดยนักอุตุนิยมวิทยา
และนักธรณีฟิสิกส์ชาวเยอรมัน อัลเฟรด เวเกเนอร์ เมื่อ พ.ศ. 2455 ซึ่งกล่าวไว้ว่า
ทวีปที่อยู่ทั้งสองฝั่ งของมหาสมุทรแอตแลนติกน่าจะเคยเชื่อมต่อกันเป็นมหาทวีปมา
ก่อน ซึ่งเรียกว่า พันเจีย (Pangea)และล้อมรอบด้วยมหาสมุทรผืนเดียวกันเรียก
"Panthalassa" โดยอ้างหลักฐานจากข้อมูลสภาพภูมิศาสตร์บริเวณขอบทวีปต่าง ๆ

แม้ว่าแนวคิดการเลื่อนไหลของทวีปนั้น จะไม่เป็นที่ยอมรับกระทั่งคริสต์ทศวรรษ
1950 มีผู้เสนอทฤษฎีสนับสนุนหลายทฤษฎี เช่นการขยายตัวของพื้นมหาสมุทร
(sea-floor spreading) สามารถอธิบายถึงสาเหตุและแรงที่ทำให้แผ่นทวีปมีการ
เลื่อนไหล จึงทำให้แนวคิดของเวเกเนอร์เริ่มได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายมากขึ้น
ซึ่งต่อมาแนวคิดและทฤษฎีเหล่านี้กลายเป็นหนึ่งในทฤษฎีใหม่ที่สำคัญที่สุดทาง
ธรณีวิทยานั่นคือ ทฤษฎีเพลทเทคโทนิค (plate tectonic)

หินแข็งที่ลอยอยู่บนฐานธรณีภาคและแมกมา เมื่อเคลื่อนไหว
จากการถ่ายเทพลังานความร้อน ส่งผลให้แผ่นธรณีเคลื่อนที่อย่างช้าๆ

ทฤษฎีการเลื่อนของทวีป Alfred wegener นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน
สมมติฐานว่าแผ่นธรณีภาคมีการเคลื่อนไหวช้าๆตลอดเวลา
การชนกันทหรือการเฉือนกันในแนวราบ

-แผ่นธรณีภาคมีการเลื่อนช้าๆ ตลอดเวลา มีทั้งการชนกันและแยกออกจากกัน

-หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีนี้ คือ การพบซากดึกดำบรรพ์ที่เหมือนกันบนแต่ละ
ทวีป จังสันนิษฐานว่าผ่นเหล่านั้นอาจจะเคยเชื่อมต่อกัน

อัลเฟรดเวเกเนอร์ได้แบ่งช่วงเวลาทางธรณี
เป็น 5 ยุค

ยุคเพอร์เมียน ยุคไทรแอสซิก

เมื่อประมาณ 250ล้านปีมาแล้วเปลือกโลก เมื่อประมาณ 200 ล้านปีมาแล้ว แผ่นธรณี
เชื่อมต่อกันเป็นผืนแผ่นดินใหญ่เพียงผืนเดียว ภาค ค่อยแยกออกจากกัน เกิดแผ่นธรณีภาค
ครอบคลุมซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้เรียกว่า ขนาดใหญ่ 2 แผ่น คือ แผ่นดินลอเรเซีย
แผ่นดิน พันเจีย (pangea/pangaea) และ (Laurasia) ทางซีกโลก วานา
ด้านตะวันตก มีมหาสมุทรพันทาลัสซา (Gondwanaland) ทาง เหนือ และแผ่นดิน
(Panthalassa Ocean) ด้านตะันออกมีมหา กอน ซีกโลกใต้ และยังคงมีมหาสมุทรพันทา
สมุทรเททิส (Thethys Ocean) ลัสซาทางด้าน ตะวันตก และทะเลเททิส
(Tethys Sea) อยู่ทาง ด้านตะวันออก

ยุคจูแรสซิก ยุคครีเทเชียส

เมื่อ 145 ล้านปีมาแล้ว แผ่นดินลอเรเซียและ เมื่อ 65 ล้านปีมาแล้ว แผ่นเปลือกโลกแยก
แผ่นดินกอนด์วานาเริ่มแยกจากกัน แผ่นดิน ออก จากกันมากขึ้น เกิดเป็นแผ่นดินยูเรเชีย
ลอเรเซีย เริ่มแยกออกเป็นแผ่นทวีปเอเชียและ กับแผ่นดิน แอฟริกา ส่วนอเมริกาใต้แยกออก
อเมริกาเหนือ ส่วนแผ่นดินกอนด์วานามีแผ่น จากแอฟริกาอย่าง ชัดเจน แผ่นดินอินเดีย
ดินอเมริกาใต้และ แอฟริกายังติดกันอยู่ แต่ เลื่อนไปทางเหนือมากขึ้น แต่ ออสเตรเลียยัง
แผ่นดินอินเดียเคลื่อนขึ้น ทิศเหนือ ส่วนแผ่น คงอยู่ที่ขั้วโลกใต้ เมื่อมีการเกิดแผ่นดิน ใหม่
ออสเตรเลียยังติดอยู่ขั้วโลกใต้ ปลายยุคเกิด มากขึ้นจึงเริ่มมีมหาสมุทรใหม่เกิดขึ้น
มหาสมุทรแปซิฟิก

ยุคปัจจุบัน
แผ่นดินยังคงมีการเลื่อนไหลอย่างต่อเนื่อง จน เมื่อประมาณ 55-50 ล้านปีที่ผ่านมา
แผ่นดินอินเดีย เริ่มชนกับแผ่นดินยูเรเชีย ซึ่งคือ เอเชียในปัจจุบัน ทำให้เกิดเทือกเขา
หิมาลัยขึ้น จนถึงปัจจุบันจึงเกิดเป็น แผ่นธรณีภาคหรือแผ่นเปลือกโลกใหญ่ถึง 15
แผ่น ที่เป็นลักษณะของแผ่นทวีปและแผ่นมหาสมุทรเช่น ในปัจจุบัน และในอนาคต
การเลื่อนไหลของทวีปจะยัง คงเกิดขึ้นต่อเนื่องกันไป

การเปลี่ยนแปลงของ
ธรณี ภาค

การเปลี่ยนแปลงภายในโลก ทำให้เปลือกโลกแตกออกเป็นแผ่น
ความร้อนภายในโลกทำให้แมก ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟปะทุ

มาใต้เปลือกโลกเกิดการไหล

หรือปะทุออกมาบนผิวโลก






อัตราการเคลื่อนตัวของแมกมาในชั้นเนื้อโลกไม่เท่ากัน จึงทำให้แผ่น

มธรหณาีสภมุาทครเ
คเลืล่ือ่อนนไทถี่ไลมผ่่เาท่นาแกัลนะดเ้ฉวืยอสน่งกัผนลใเกหิ้ดเปเปล็ืนอกรอโลยกเลแื่อลนะเเทฉืืออนกเรขะานาใบต้ด้านข้าง

ขนาดใหญ่ สันเขากลางมหาสมุทรเลื่อนเป็นแนวเหลื่อมกันอยู่ มีลักษณะเป็น
แนวรอยแตกแคบยาวมีทิศทางตั้งฉากกับเทือกเขากลางมหาสมุทรและร่อง
ใต้ทะเลลึก มักจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในระดับตื้นๆ ระหว่างขอบของแผ่น
ธรณีภาคที่ซ้อนเกยกัน เช่น รอยเลื่อนซานแอนเดรียส ประเทศอเมริกา รอย
เลื่อนอัลไพล์ ประเทศนิวซีแลนด์

การเปลี่ยนแปลง
ภายในโลก

การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีภาค ทั้งส่วนที่เป็น
ภาคพื้นทวีป และภาคพื้นมหามุทร



แผ่นธรณีเคลื่อนที่เข้าหากัน (Convergent boundaries) เกิดขึ้นในบริเวณที่แผ่น
ธรณีปะทะกันซึ่งเรียกว่า “เขตมุดตัว” (Subduction zone) การปะทะกันเช่นนี้ทำให้
เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงที่ระดับลึก (300 – 700 กิโลเมตร) และหากเกิดขึ้นใน
มหาสมุทรก็จะทำให้เกิดคลื่นสึนามิ เช่น สันเขาใต้สมุทรใกล้เกาะสุมาตรา และ เกาะ
ฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น

ขอบแผ่นธรณีภาคแยกออกจากกันขอบแผ่นธรณีภาคที่แยกจากกันนี้เนื่องจากการดันตัว
ของแมกมาในชั้นธรณีภาค ทำให้เกิดรอยแตกในชั้นหินแข็งแมกมาสามารถถ่ายโอนความ
ร้อนสู่ชั้นเปลือกโลกอุณหภูมิและความดันของแมกมาลดลงเป็นผลให้เปลือกโลกตอนบนทรุด
ตัวกลายเป็นหุบเขาทรุด (rift valley)

แผ่นธรณีเคลื่อนที่ผ่านกัน (Transform fault) แม้ว่าแผ่นธรณีจะเคลื่อนที่ผ่านกันด้วย
ความเร็วเพียงปีละประมาณ 3 – 6 เซนติเมตร แต่เมื่อเวลาผ่านไปเป็นเวลานาน จะสามารถ
ปลดปล่อยพลังงานมหาศาลได้ ดังเช่น รอยเลื่อนซานแอนเดรียส์ที่เคยทำลายเมือง
ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา จนประสบความเสียหายหนักเมื่อปี พ.ศ.2449
แต่โดยทั่วไปแล้ว

NOTE !

แผ่นธรณีภาคเคลื่อนเข้าหากัน
เมื่อแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่เข้าหากัน
แผ่นที่มีความหนาแน่นมากกว่าจะมุดเข้า
ไปใต้แผ่นที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า

แผ่นที่มุดลงไปจะหลอมละลาย
หากลงไปถึงชั้นที่มีแมกมา

และเมื่อแผ่นหนึ่งมุดลงไปใต้อีกแผ่น

ทำให้แผ่นที่อยู่ด้านบนถูกดัน
จากนั้นจะสููงชัน จนเกิดเป็นเทือกเขา

การเคลื่อนที่เข้าหากันของแผ่น NEXT
ธรณี3 แบบ

2.แผ่นดินไหว

แผ่นดินไหว เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของ
พื้นดิน อันเนื่องมาจากการปลดปล่อยพลังงานเพื่อลดความเครียดที่สะสมไว้
ภายในโลกออกมาเพื่อปรับสมดุลของเปลือกโลกให้คงที่ ปัจจุบันนัก
วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถทำนายเวลา สถานที่ และความรุนแรงของแผ่น
ดินไหวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นจึงควรศึกษา เรียนรู้ เพื่อให้เข้าใจถึง
กระบวนการเกิดของแผ่นดินไหวที่แท้จริง เพื่อเป็นแนวทางในการลดความ
เสียหายที่เกิดขึ้น

การเกิดแผ่นดินไหวมีสาเหตุมาจาก 2 สาเหตุใหญ่ สาเหตุแรกเกิดจาก
การกระทำของมนุษย์ ได้แก่ การทดลองระเบิดปรมาณู การกักเก็บน้ำใน
เขื่อน และแรงระเบิดจากการทำเหมืองแร่ ส่วนสาเหตุที่สองเป็นสาเหตุหลัก
ของการเกิดแผ่นดินไหว โดยเป็นการเกิดตามธรรมชาติอันเนื่องมาจากการ
เคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก

3.การปะทุของภูเขาไฟ

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภูเขาไฟปะทุ คือการที่แรงดันหินหนืดเพิ่มขึ้น
หินหนืดประกอบด้วยธาตุและส่วนประกอบมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะ
ละลายอยู่ในหินหนืดเอง หากมีปริมาณที่เข้มข้นพอ ส่วนประกอบ
เช่น น้ำหรือกำมะถันจะไม่ละลายอีก แต่จะรวมตัวเป็นฟองแก๊สแรง
ดันสูงแทน เมื่อฟองแก๊สลอยตัวถึงพื้นผิวหินหนืด ฟองสามารถ
ระเบิดออกด้วยความแรง

4.โครงสร้างทางธรณีวิทยา

การเคลื่อนเข้าหากันของงแผ่นเปลืกโลก ทำให้เกิดแรงอัด
ระหว่างแผ่นเปลือกโลกก่อให้เกิดโครงสร้างทางธรณีวิทยา
ที่หลากหลาย เช่น รอยเลื่อน

โครงสร้างรอยเลื่อน เกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกใน
แนวดิ่งหรือแนวราบ

รอยเลื่อนปกติ รอยเลื่อนซ้อน รอยเลื่อนตามแนวระดับ

NEXT

กระบวนการเปลี่ยนแปลง
ภายในโลก

เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในโลกแล้วส่งผลกระทบ
ออกมาสู่พื้นผิวโลก เช่น การขับเคลื่อนตัวของแผ่นธรณีภาค แผ่นดิน
ไหว ภูเขาไฟระเบิด เป็นต้น กล่าวคือ เมื่อความร้อนไหลวนจากแมกมา
ส่วนที่อยู่ลึกขึ้นสู่ที่สูงจนมาถึงส่วนผิวของแมกมาที่อยู่ใต้แผ่นธรณีภาค
จะเกิดการกระจายความร้อน และในขณะเดียวกันความร้อนนั้นและ
แรงดันทำให้พื้นผิวที่เป็นเหมือนฝาครอบอยู่นั้นปริและแตกออกเกิด
เป็นเขตแยกตัว ส่วนที่วงจรการพาความร้อนสองแนวหมุนวนมาเจอ
กันจะทำให้วัตถุที่เย็นกว่าจมลงไปทำให้เกิดแรงลอยตัว มีวัตถุลอยอยู่
บนแมกมา ได้บริเวณที่แนวการพาความร้อนมาปะทะกันเรียกว่า
ขอบเขตของการรวมตัว

กระบวนการปรับระดับพื้น
ผิวโลก

เป็นการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก
อย่างช้า ๆ ทำให้ระดับพื้นผิวโลกมีระดับราบ
หรือลาดสม่ำเสมอ อันเนื่องมาจากตัวการ
ทางธรรมชาติที่สำคัญ เช่น การผุพังอยู่กับ
ที่ การกร่อน การพัดพาและการทับถม

NEXT

แหล่งอ้างอิง

http://www.lesa.biz/earth/lithosphere

https://sites.google.com/a/samakkhi.a
c.th/thrniwithya32/thrni-phakh

http://www.dhevil.com/kulachatr/cont
inental%20drift/Continental_Drift.htm

เสนอ GEOBOOK

ธรณี ภาค

งานชิ้นนี้ เป็นส่วนหนึ่ งของรายวิชา
สัคมศึกษา (ส32101)

ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา 2564
โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์

คุณครูวาสนา ทองจิบ คุณครูยามาล สารี่ฝีน

จัดทำโดย

ดามียาอ์ อุศมา

sxn.dameeya NEXT
0634291236
0816374662 นางสาวดามียาอ์ อุศมา
เลขที่20 ม.5/7

FINISH





เฉลยตำแหน่ งที่ซ่อนแอบ


Click to View FlipBook Version