èĀÐùĀÜ×òéèúèśāÐòÿãāø
ëĈśČùöÖúāÓöāðòĈśČôÿïĈðăêŠÜÜāðāéòòâāÐāòèĀÐüŚāè
Spain: The Empire on which the Sun Never Set
čğþü éĔâĆĊĆĆ÷ėúĘħāĆēĐĕúėøąŋģĄŇğåąøâ÷ėü
Ćċ üëě û÷ė ĕ ĆĕċĘĊčė ěúûėī ğãĘąü
Ćĕåĕ ýĕú
ãňĐĄĜĈúĕèýĆĆöĕüâě ĆĄãĐèčĖüâĔ ĎĐčĄ÷ě ĠĎèŇ ëĕøė
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
นชุ ธดิ า ราศีวสิ ุทธิ์.
สเปน จกั รวรรดทิ ่พี ระอาทิตย�� มเ� คยตกดนิ
= The empire on which the sun never set.-- กรุงเทพฯ : ยิป�ี กรป�ุ � 2562.
432 �น�า.
1. สเปน--ประวัติศาสตร�. 2. สเปน--การเม�องและการปกครอง. I. ช�่อเรอ่� ง.
946
ISBN 978-616-301-690-4
c ขอ� ความ�น�นังสอ� เลม� น�ี สงวนลิขสิทธ์ติ ามพระราชบัญญัตลิ ิขสทิ ธิ์ (ฉบับเพ่ิมเตมิ ) พ.ศ. 2558
การคดั ลอกสว� น�ด� �น�นังสอ� เลม� น��ี ปเ�ยแพร��ม�ว�า�นรปู แบบ�ดตอ� ง�ดร� ับอนุญาตจากเจ�าของลิขสทิ ธิ์ก�อน
ยกเว�นเพ�่อการอา� งองิ การวิจารณ� และประชาสมั พันธ�
ýĆĆöĕûâė ĕĆĐĖüĊąâĕĆ : คธาว�ุ ิ เกนุย�
: สรุ ชัย พิงชัยภูมิ
ýĆĆöĕûâė ĕĆýĆėĎĕĆ : วาสนา ชรู ัตน�
: คณิตา สตุ ราม พรรณกิ า ครโสภา ดารยี า ครโสภา
ÿëňĜ ŇĊąýĆĆöĕûâė ĕĆýĆėĎĕĆ : สุพ�ั ศจี เพ�ชรภักดี พิมพศิ า ขนั ธ�บุญ
: อรทัย ดสี วัสด์ิ
âĐèýĆĆöĕûâė ĕĆ : วนัชพร เขียวชอุม� สวภัทร เพช� รรัตน�
: ประเสริฐศักดิ์ ประดษิ ฐเกษร
üĔâċęâČĕĀâŀ èĕüâĐèýĆĆöĕûėâĕĆ : Rabbithood Studio
: นุชนนั ท� ทกั ษณิ าบณั �ติ
ğĈãĕâĐèýĆĆöĕûėâĕĆ : ชติ พล จนั สด
: เวชพงษ� รัตนมาลี
āčė éĜ üŋĐĔâČĆ : บรษิ ัท ยิป�ี กร�ุป จำกดั เลขที่ 37/145 รามคำแ�ง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
ĆþĜ ğĈŇĄ โทร. 0 2728 0939 โทรสาร. 0 2728 0939 ต�อ 108
www.gypsygroup.net
ĐĐâĠýýþâ : บรษิ ทั วชิ นั่ พรีเพรส จำกัด โทร. 0 2147 3175-6
: บริษทั ยิป�ี กรปุ� จำกดั โทร. 0 2728 0939
ÿĐĜň ĖüĊąâĕĆĀĕł ąâĕĆøĈĕ÷ www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
LINE ID : @gypzy
ÿĜéň Ĕ÷âĕĆĀĕł ąâĕĆøĈĕ÷
ÿĜňé÷Ĕ âĕĆúħĔĊģþ
éĔ÷āĄė āġŋ ÷ą
āĄė āŋú Ęħ
é÷Ĕ éĖĎüŇĕą
สน�จสัง่ ��อ�นงั ส�อจำนวนมากเพ�อ่ สนบั สนุนทางการศก� ษา สำนักพิมพล� ดราคาพิเศษ ตดิ ต�อ โทร. 0 2728 0939
Spain: The Empire on which the Sun Never Set
สเปน
จักรวรรดทิ ่ีพระอาทติ ยไ์ ม่เคยตกดิน
(ค.ศ. 1474–1598)
รศ.นชุ ธิดา ราศีวสิ ทุ ธิ์
คาํ นําสาํ นักพิมพ์
นับตัง้ แต่จักรวรรดิโรมันล่มสลายช่วงปลายศตวรรษท่ี 5 ยุโรปไม่เคย
ประสบกบั จกั รวรรดขิ นาดใหญโ่ ตท่แี ผข่ ยายอาณาเขตออกไปนอกทวปี
สถานการณ์เปล่ียนไปเม่ือโปรตเุ กสและสเปนเร่ิมออกเดินทางบกุ เบกิ
ในช่วงกลางศตวรรษท่ี 15 ก้าวย่างแรกของการสร้างจักรวรรดิสเปน
เร่ิมต้นท่ีการรวมอาณาจักรคาสตีลและอารากอนเข้าด้วยกันผ่านการ
อภิเษกสมรสของเจ้าหญิงอซิ าเบลแห่งคาสตีลและเจา้ ชายเฟอรด์ นิ ันด์
แหง่ อารากอน ทาํ ใหข้ อบเขตประเทศสเปนเร่มิ เป็นรปู เป็นรา่ งขนึ้ กา้ ว
ท่สี องคอื การคน้ พบโลกใหมข่ องครสิ โตเฟอร์ โคลมั บสั ในปี ค.ศ. 1492
ซ่ึงนําไปสู่การบุกเบิก การพิชิต และการตัง้ อาณานิคมในพ้ืนท่ีอัน
กว้างใหญ่ของทวีปอเมริกา ตัง้ แต่พ้ืนท่ีท่ีปัจจุบันคือประเทศเม็กซิโก
ไล่ลงมาจนถึงประเทศอาร์เจนตินา ในเวลาต่อมาสเปนจะใช้อเมริกา
เป็นสะพานเช่ือมเข้าสู่ทวีปเอเชีย นั่นก็คือฟิลิปปินส์
ก้าวต่อมาคือการสืบสันตติวงศ์ของกษัตริย์ชาร์ลส์ท่ี 1 ในช่วง
ทศวรรษท่ี 1510 ส่งผลให้กษัตริย์สเปนรับสืบทอดอํานาจปกครอง
เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก และดินแดนของราชวงศ์
ฮับส์บูร์ก ย่ิงไปกว่านั้นกษัตริย์ชาร์ลส์ท่ี 1 ได้รับเลือกตัง้ ให้ดํารง
ตําแหน่งจักรพรรดิจักรวรรดิโรมันอันศักดิส์ ิทธิใ์ นปี ค.ศ. 1519 อีกทัง้
สเปนยังสามารถพิชิตเม็กซิโกและเปรูในปี ค.ศ. 1521 และ 1532 ตาม
ลําดับ ก้าวสุดท้ายของการสร้างจักรวรรดิคือการอ้างสิทธิในการครอง
บัลลังก์โปรตุเกสและอาณานิคมทัง้ หมดของโปรตุเกสในปี ค.ศ. 1580
ขณะนี้จักรวรรดิสเปนแผ่ขยายพ้ืนท่ีในยุโรป อเมริกา เอเชีย
และแอฟริกา ครอบคลุมดินแดนกว้างใหญ่ท่ีสุดอย่างท่ีไม่เคยปรากฏ
มาก่อนในประวัติศาสตร์ จนได้รับการขนานนามว่าเป็นจักรวรรดิแรก
ท่ีพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน ความมัง่ คัง่ จากอาณานิคมในอเมริกาหลัง่
ไหลผ่านเข้ามาท่ีเมืองเซบียา กองเรือของสเปนได้รับการกล่าวขวัญว่า
เป็นกองเรอื ท่ี “ไมส่ ามารถเอาชนะได”้ จกั รวรรดสิ เปนเป็นมหาอาํ นาจ
ท่ีมีทัง้ ผู้ท่ียกย่อง ยําเกรง เกลียดชัง และดูถูกดูแคลน อย่างไรก็ตาม
ตําแหน่งมหาอํานาจก็มาพร้อมกับภาระอันใหญ่หลวง สถานะความ
เป็นจกั รวรรดสิ รา้ งภาระอนั หนักหน่วงใหแ้ กส่ เปน งบประมาณจาํ นวน
มหาศาลหมดเปลืองไปกับเร่ืองท่ีไม่ได้เก่ียวข้องกับตัวเองมากนัก โดย
เฉพาะการทําสงครามท่ีไม่ได้นํามาซ่ึงประโยชน์อันใด ชัยชนะและการ
ดาํ รงอยขู่ องจกั รวรรดสิ เปนกลบั เป็นภาระท่ชี าวสเปนตอ้ งคอยแบกรบั
จุสตุส ลิปซิอัส นักปราชญ์ชาวเฟลมิชซ่ึงมีชีวิตอยู่ในช่วงคร่ึง
หลังของศตวรรษท่ี 16 ได้เคยกล่าวถึงจักรวรรดิสเปนว่า “พวกท่าน
พิชิตโลกใหม่ แต่โลกใหม่ก็ได้พิชิตพวกท่านกลับคืนมาและทําให้พลัง
ความเข้มแข็งท่ีพวกท่านเคยมีมาในอดีตอ่อนแรงลง”
ขอเชญิ ทา่ นผอู้ า่ นเดนิ ทางสจู่ กั รวรรดสิ เปนอนั ย่งิ ใหญ่ ดนิ แดน
ท่ีพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน...
สํานักพิมพ์ยิปซี
คํานําผเู้ ขยี น
นักประวัติศาสตร์ชาวสเปนผู้หน่ึงได้กล่าวไว้ในปี ค.ศ. 1597 ว่า
“จกั รวรรดทิ งั้ มวลกอ่ ตวั ขนึ้ จากความรนุ แรงและการใชก้ าํ ลงั จกั รวรรดิ
สเปนเท่านั้นท่ีเร่ิมก่อตัวจากหนทางท่ีถูกต้องเท่ียงธรรม เน่ืองจาก
ดินแดนส่วนใหญ่ได้มาจากการสืบสันตติวงศ์” คํากล่าวอ้างดังกล่าว
ไม่ได้เป็นคําพูดท่ีเกินจริง ดินแดนส่วนใหญ่ในจักรวรรดิสเปนไม่ได้
ได้มาด้วยการพิชิต สเปนไม่มีทรัพยากรและกําลังคนมากพอท่ีจะทํา
สงครามในวงกว้างเพ่ือครอบครองดินแดนทัง้ หมด
การก่อตัวของจักรวรรดิสเปนเร่ิมต้นท่ีการอภิเษกสมรสของ
เจ้าหญิงอิซาเบลและเจ้าชายเฟอร์ดินันด์ซ่ึงเป็นการรวมอาณาจักร
คาสตีลและอารากอนเข้าด้วยกัน เหตุการณ์สําคัญสองเหตุการณ์ท่ี
ผลักดันให้สเปนก้าวขึ้นเป็นจักรวรรดิคือ การค้นพบอเมริกาของ
คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสในปี ค.ศ. 1492 และการขึ้นครองราชย์ของ
กษัตริย์ชาร์ลส์ท่ี 1 ในปี ค.ศ. 1516 รัชสมัยของกษัตริย์ชาร์ลส์ท่ี 1
ถือเป็ นจุดเร่ิมต้นของการปกครองของราชวงศ์ฮับส์บูร์กในสเปน
จักรวรรดิสเปนแผ่ขยายพ้ืนท่ีครอบคลุมดินแดนในยุโรป อเมริกา
เอเชีย และแอฟริกา อาจกล่าวได้ว่าจักรวรรดิสเปนเป็นจักรวรรดิแรก
ท่ีพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน สเปนกลายเป็นประเทศมหาอํานาจของ
ยุโรปในศตวรรษท่ี 16
อย่างไรก็ดี สเปนในศตวรรษท่ี 16 เป็นมหาอํานาจทาง
ดินแดน แต่มิใช่มหาอํานาจทางเศรษฐกิจ อํานาจของสเปนคงอยู่ไม่
นาน สถานะความเป็นจักรวรรดิกลับสร้างภาระอันหนักหน่วง สเปน
หมดเปลืองงบประมาณจํานวนมหาศาลไปกับเร่ืองท่ีไม่ได้เก่ียวข้อง
กับตัวเองมากนัก สเปนทําสงครามกับดินแดนโดยรอบ แต่สงคราม
ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดต่อสเปน สเปนจําเป็นต้องกู้ยืมเงินทัง้
จากนายธนาคารในประเทศและต่างประเทศ จนมีหนี้สินล้นพ้นตัว
ถึงกับต้องประกาศพักชําระหนี้อยู่หลายครัง้ งบประมาณหมดไปกับ
การทหาร แทนท่ีจะนํามาใช้พัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้น
อาจกล่าวได้ว่าภาระความเป็ นจักรวรรดิเป็ นปั จจัยหน่ึ งท่ีทําให้สเปน
ตกต่ําในศตวรรษต่อมา
สเปนในศตวรรษท่ี 17 ตกอยู่ในภาวะเส่ือมถอย ทัง้ จากสาเหตุ
ท่กี ษัตรยิ ด์ อ้ ยความสามารถและมอบอาํ นาจการปกครองใหก้ บั ขนุ นาง
คนสนิท การบริหารราชการแผ่นดินท่ีผิดพลาด ปัญหาเศรษฐกิจและ
หนี้สินท่ีสืบทอดมาจากศตวรรษท่ี 16 ปัญหาการก่อกบฏของคาทา-
โลเนีย และการประกาศแยกตัวเป็นเอกราชของดินแดนในปกครอง
อย่างเนเธอร์แลนด์และโปรตุเกส สเปนให้ความสําคัญกับสงคราม
ภายนอกมากเกินความจําเป็น อีกทัง้ ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับ
สภาพเศรษฐกิจท่ีแท้จริงและไม่ค่อยเปิ ดรับแนวทางการปฏิรูป
สถานการณ์ของสเปนเลวร้ายลงถึงขีดสุดเม่ือกษัตริย์ชาร์ลส์
ท่ี 2 เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1700 โดยไม่มีรัชทายาท ก่อนเสียชีวิต
พระองค์ตัดสินใจมอบบัลลังก์สเปนให้กับเจ้าชายจากราชวงศ์บูร์บงซ่ึง
เป็นพระญาตสิ ายหน่ึง สเปนเผชญิ กบั สงครามสบื บลั ลงั ก์ ฝ่ายฮบั สบ์ รู ก์
และฝ่ายบูร์บงต่างต่อสู้เพ่ือแย่งชิงบัลลังก์สเปน ทัง้ อังกฤษ ฝรัง่ เศส
เนเธอร์แลนด์ จักรวรรดิโรมันอันศักดิส์ ิทธิ์ และโปรตุเกสต่างมีส่วน
รว่ มในสงครามครงั้ นี้ แมว้ า่ ฝ่ายบรู บ์ งไดร้ บั ชยั ชนะในสงครามกจ็ รงิ แต่
สเปนตอ้ งยอมยกเบลเยยี ม ลกั เซมเบริ ก์ และดนิ แดนในอติ าลที ่สี เปน
ปกครองให้กับฝ่ายฮับส์บูร์กไป เท่ากับสเปนสูญเสียดินแดนในยุโรป
ทัง้ หมด
ศตวรรษท่ี 18 ของสเปนถือเป็นยุคแห่งการปฏิรูป สเปนเลิก
พะวงกบั ดนิ แดนภายนอกและมโี อกาสหนั มาปฏริ ปู ตนเองอยา่ งจรงิ จงั
อยา่ งไรกด็ ี การปฏริ ปู ตอ้ งมาหยดุ ชะงกั ลงเม่อื เกดิ การปฏวิ ตั ฝิ รงั่ เศสใน
ปี ค.ศ. 1789 สเปนพยายามสกัดกัน้ กระแสการปฏิวัติมิให้แทรกซึม
เข้ามาภายใน ซ่งึ หมายรวมถึงการจํากัดเสรภี าพทางความคิดและการ
ควบคุมส่ือส่ิงพิมพ์ไปด้วย ต่อมาไม่นานกองทัพของนโปเลียนบุกยึด
สเปน ทําให้สเปนต้องวุ่นวายกับการทําสงครามประกาศอิสรภาพจาก
ฝรัง่ เศสอีกเป็นเวลา 6 ปี
หากถามว่าจักรวรรดิสเปนปิดฉากลงเม่ือใด บ้างอาจตอบว่า
ปิดฉากลงในชว่ งทศวรรษท่ี 1820 เม่อื อาณานิคมสว่ นใหญใ่ นอเมรกิ า
ประกาศเอกราช หรือคนส่วนใหญ่อาจตอบว่าปี ค.ศ. 1898 เม่ือสเปน
สูญเสียอาณานิคมท่ีสุดท้ายในอเมริกาและเอเชียให้กับสหรัฐอเมริกา
ซ่ึงก็คือคิวบา เปอร์โตริโก และฟิลิปปินส์ หรือบางคนอาจตอบว่า
ปี ค.ศ. 1968 เม่ือสเปนมอบเอกราชคืนให้กับอาณานิคมในแอฟริกา
จักรวรรดิสเปนครอบคลุมช่วงเวลายาวนานกว่า 4 ศตวรรษ
ด้วยเหตุนี้หนังสือเล่มนี้จึงครอบคลุมเน้ือหาเฉพาะช่วงเวลาระหว่าง
ปี ค.ศ. 1474 จนถึงปี ค.ศ. 1598 หรือช่วงเวลา 3 รัชสมัยซ่ึงเป็นยุค
รุ่งเรืองท่ีสุดของจักรวรรดิสเปน ได้แก่ ยุคของกษัตริย์เฟอร์ดินันด์
และราชินีอิซาเบล (ค.ศ. 1474-1516), ยุคของกษัตริย์ชาร์ลส์ท่ี 1
(ค.ศ. 1516-1556) และยุคของกษัตริย์ฟิลิปท่ี 2 (ค.ศ. 1556-1598)
การศึกษาประวัติศาสตร์ช่วงเวลาดังกล่าวจะทําให้เข้าใจว่าจักรวรรดิ
สเปนก่อตัวขึ้นในยุโรป ลาตินอเมริกา และฟิลิปปินส์ได้อย่างไร การ
สวมบทบาทมหาอํานาจผลักดันให้สเปนแทรกแซงการเมืองภายใน
ของดินแดนอ่ืนในยุโรปอย่างไร บทบาทความเป็นจักรวรรดิส่งผล
กระทบต่อสภาพการคลังของสเปนอย่างไร นอกจากนี้หนังสือเล่มนี้
จะแสดงให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะท่ีทําให้สเปนแตกต่างจากประเทศ
อ่ืนในยุโรปในขณะนั้น อันได้แก่ แร่เงินจากอเมริกาท่ีหลัง่ ไหลเข้ามา
ในสเปน การยึดติดกับศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ศาลศาสนา
และการปฏิบัติต่อชาวมุสลิมและชาวยิว เป็นต้น
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอขอบคุณคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์ ท่ีให้ทุนสนับสนุนการเขียนหนังสือ ขอขอบคุณผู้ช่วย
ศาสตราจารย์ ดร.โอฬาร พฤติศรัณยนนท์และรองศาสตราจารย์
ศฤงคาร พันธพุ งศ์ ท่ีกรุณาอา่ นต้นฉบับรอบสุดทา้ ยและให้คําแนะนํา
ท่ีเป็นประโยชน์อย่างย่ิง และขอขอบคุณสํานักพิมพ์ยิปซีท่ีช่วยผลัก
ดันให้หนังสือออกสู่สายตานักอ่านคนไทย หากหนังสือมีข้อผิดพลาด
ประการใด ผู้เขียนขออภัยมา ณ ท่ีนี้
รองศาสตราจารย์นุชธิดา ราศีวิสุทธิ์
สารบัญ
บทท่ี 1 19-160
ช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์: สเปนในรัชสมัยกษัตริย์
และราชินีคาทอลิก (ค.ศ. 1474-1516) 26
1. การรวมอาณาจักรคาสตีลและอาณาจักรอารากอน 26
1.1 การอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงอิซาเบลแห่ง 35
อาณาจักรคาสตีลและเจ้าชายเฟอร์ดินันด์ 43
แห่งอาณาจักรอารากอน
46
1.2 “การรวมอาณาจักร” ท่ีไม่สมดุลกัน 49
2. การรักษาความสงบเรียบร้อยและการดึงอํานาจ
การปกครองเข้าสู่ส่วนกลาง 52
53
2.1 การลดทอนอํานาจของขุนนางชัน้ สูง 56
2.2 การจัดตัง้ กองกําลังตํารวจหลวง 59
61
หรือ “ซานตา เอร์มันดัด” 61
2.3 การยึดอํานาจกองกําลังนักรบเพ่ือศาสนา 64
2.4 การปฏิรูปราชสภา 67
2.5 การแทรกแซงการทํางานของสภาเมือง 89
2.6 การปฏิรูปการศาล
3. นโยบายด้านศาสนา
3.1 การควบคุมศาสนจักรสเปน
3.2 การฟ้ืนฟูศีลธรรมและพระวินัย
3.3 ปัญหาเร่ืองกอนเบร์โซและการก่อตัง้ ศาลศาสนา
3.4 การขับไล่ชาวยิวในปี ค.ศ. 1492
4. การขยายดินแดน 94
4.1 การขับไล่มุสลิมและการพิชิตกรานาดา 96
ในปี ค.ศ. 1492
4.2 การขยายดินแดนเข้าไปในแอฟริกาเหนือ 107
4.3 การบุกเบิกหมู่เกาะคะเนรี 109
4.4 การค้นพบอเมริกา 118
4.5 การขยายอิทธิพลในคาบสมุทรอิตาลี 138
4.6 การผนวกอาณาจักรนาวาร์ 142
146
5. พ้ืนฐานเศรษฐกิจ 151
6. ปัญหาการสืบบัลลังก์ 151
6.1 การอภิเษกสมรสของพระโอรสและพระธิดา 154
ของกษัตริย์และราชินีคาทอลิก
6.2 ปัญหาการสืบบัลลังก์อาณาจักรคาสตีล
บทท่ี 2
สู่ฝั นอันย่ิงใหญ่: จักรวรรดิสเปนในรัชสมัย 161–298
กษัตริย์ชาร์ลส์ท่ี 1 (ค.ศ. 1516-1556)
1. การก่อตัวของจักรวรรดิสเปน 166
1.1 ดัชชีเบอร์กันดี 168
1.2 อาณาจักรคาสตีลและอเมริกา 172
1.3 อาณาจักรอารากอน 174
1.4 จักรวรรดิโรมันอันศักดิส์ ิทธิ์ 177
2. กบฏโกมูเนโรในคาสตีลและกบฏเฆร์มาเนียในบาเลนเซีย 185
2.1 กบฏโกมูเนโรในคาสตีล 185
2.2 กบฏเฆร์มาเนียในบาเลนเซีย 195
3. การบุกเบิกอเมริกา 199
3.1 การเดินเรือรอบโลกของเฟอร์ดินันด์ แมค็ เจลเลน 199
3.2 การพิชิตอาณาจักรแอซเท็ก 202
3.3 การพิชิตอาณาจักรอินคา 208
3.4 ผลกระทบจากการบุกเบิกอเมริกา 215
3.5 การค้าระหว่างสเปนและอเมริกา 226
236
4. สงครามกับภายนอก 237
4.1 สงครามกับฝรัง่ เศส 246
4.2 สงครามกับเติร์ก 251
4.3 สงครามกับโปรเตสแตนต์ 260
272
5. การบริหารราชการแผ่นดิน 272
6. ปัญหาการคลัง 281
288
6.1 ปัญหาหนี้สิน
6.2 การปฏิวัติทางราคา
7. การแบ่งจักรวรรดิสเปนและการสืบบัลลังก์
บทท่ี 3 299 – 412
ความฝั นอันเหลือเช่ือ: สเปนในรัชสมัยกษัตริย์ฟิ ลิปท่ี 2
(ค.ศ. 1556-1598) 310
1. สงครามกับมุสลิมและโมริสโก 310
313
1.1 การโจมตีโจรสลัดบาร์บารี 319
1.2 กบฏอัลปูฆารัสครัง้ ท่ี 2 321
1.3 ยุทธนาวีเลปันโต
2. การแพร่ขยายลัทธิคาลแวงในฝรั่งเศสและ
กบฏในเนเธอร์แลนด์
2.1 การแพร่ขยายลัทธิคาลแวงในฝรัง่ เศส 321
และปฏิกิริยาของสเปน
329
2.2 กบฏในเนเธอร์แลนด์ 348
3. การผนวกโปรตุเกส 354
4. กองเรืออาร์มาดาและสงครามกับอังกฤษ 366
5. สงครามกับฝรั่งเศสและสนธิสัญญาสงบศึกแวร์แวง 368
6. การประท้วงในดินแดนอารากอน 368
374
6.1 การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายระหว่างขุนนางในคาสตีล 376
6.2 ปัญหาการใชพ้ ระราชอาํ นาจในดนิ แดนอารากอน 381
6.3 ปัญหาสังคมในดินแดนอารากอน 385
7. การบุกเบิกฟิลิปปินส์ 385
8. การบริหารราชการแผ่นดิน 391
8.1 ลักษณะการบริหารราชการแผ่นดิน 395
8.2 ข้อจํากัดในการใช้พระราชอํานาจในคาสตีล 402
8.3 การสถาปนามาดริดเป็นเมืองหลวง
9. ปัญหาการคลัง
บทส่งท้าย 413
บรรณานุกรม 418
ดัชนี 421
สารบัญแผนท่ี
แผนท่ี 1.1 คาบสมุทรไอบีเรียกลางศตวรรษท่ี 15 25
แผนท่ี 1.2 เมืองท่ีกษัตริย์เฟอร์ดินันด์และราชินีอิซาเบล 45
เคยเดินทางไปเยือน 78
แผนท่ี 1.3 เขตอํานาจของศาลศาสนา (ค.ศ. 1570-1820) 93
แผนท่ี 1.4 การขับไล่ชาวยิวออกจากอาณาจักรคาสตีล
97
และอาณาจักรอารากอน 106
แผนท่ี 1.5 การพิชิตกรานาดา (ค.ศ. 1484-1492)
แผนท่ี 1.6 การผนวกรวมดินแดนในรัชสมัยกษัตริย์ 111
114
เฟอร์ดินันด์และราชินีอิซาเบล 115
แผนท่ี 1.7 เกาะต่างๆ ในมหาสมุทรแอตแลนติก 117
แผนท่ี 1.8 การแบ่งโลกระหว่างสเปนและโปรตุเกส 120
แผนท่ี 1.9 การพิชิตหมู่เกาะคะเนรี (ค.ศ. 1478-1496)
แผนท่ี 1.10 การเดินทางบุกเบิกครัง้ สําคัญ 122
แผนท่ี 1.11 โลกในความคิดของโคลัมบัส 139
147
และโลกในความเป็นจริง 167
แผนท่ี 1.12 การเดินทางไปอเมริกาของโคลัมบัสทัง้ 4 ครัง้
แผนท่ี 1.13 สงครามในเนเปิลส์ (ค.ศ. 1494-1504) 169
แผนท่ี 1.14 เส้นทางการเคล่ือนย้ายฝูงแกะ 190
แผนท่ี 2.1 จักรวรรดิสเปนในยุโรปในรัชสมัย
กษัตริย์ชาร์ลส์ท่ี 1
แผนท่ี 2.2 ดัชชีเบอร์กันดีในปี ค.ศ. 1477
แผนท่ี 2.3 กบฏโกมูเนโรในคาสตีลและกบฏเฆร์มาเนีย
ในบาเลนเซีย
แผนท่ี 2.4 การเดินทางรอบโลกของเฟอร์ดินันด์ แม็คเจลเลน 199
และฆวน เซบัสเตียน เอลกาโน
202
แผนท่ี 2.5 การแบ่งโลกระหว่างสเปนและโปรตุเกส 204
แผนท่ี 2.6 การพิชิตอาณาจักรแอซเท็กของเอร์นัน กอร์เตส 209
แผนท่ี 2.7 การพิชิตอาณาจักรอินคาของฟรานซิสโก ปิซาโร 232
แผนท่ี 2.8 เส้นทางการเดินเรือค้าขายระหว่างสเปน
238
และอาณานิคมระหว่างปี ค.ศ. 1561-1748 247
แผนท่ี 2.9 สงครามในคาบสมุทรอิตาลี (ค.ศ. 1515-1530) 250
แผนท่ี 2.10 จักรวรรดิออตโตมัน 311
แผนท่ี 2.11 การแตกแยกทางศาสนาในช่วงการปฏิรูปศาสนา 340
แผนท่ี 3.1 กบฏและสงครามในรัชสมัยกษัตริย์ฟิลิปท่ี 2 352
แผนท่ี 3.2 กบฏเนเธอร์แลนด์ (ค.ศ. 1566-1609)
แผนท่ี 3.3 จักรวรรดิสเปนภายหลังการผนวก 355
356
โปรตุเกสในปี ค.ศ. 1580 364
แผนท่ี 3.4 การเดินเรือของจอห์น ฮอว์กินส์ 382
แผนท่ี 3.5 การเดินเรือของฟรานซิส เดรค 390
แผนท่ี 3.6 สงครามกองเรืออาร์มาดา (ค.ศ. 1588)
แผนท่ี 3.7 การบุกเบิกฟิลิปปินส์ในศตวรรษท่ี 16
แผนท่ี 3.8 เส้นทางสเปน
สารบญั แผนภาพ
แผนภาพ 1.1 กษัตริย์ของอาณาจักรคาสตีลและอาณาจักร 22
อารากอน (ค.ศ. 1369-1479) 23
แผนภาพ 1.2 ราชวงศ์สเปน (ค.ศ. 1474-1598)
แผนภาพ 1.3 ลําดับเหตุการณ์สําคัญในรัชสมัยกษัตริย์ 24
และราชินีคาทอลิก
แผนภาพ 1.4 ปัญหาการสืบบัลลังก์ของอาณาจักรนาวาร์ 143
แผนภาพ 2.1 ลาํ ดบั เหตกุ ารณส์ าํ คญั ในรชั สมยั กษัตรยิ ช์ ารล์ สท์ ่ี 1 164
แผนภาพ 2.2 ระบบสภา 269
แผนภาพ 3.1 ครอบครัวของกษัตริย์ฟิลิปท่ี 2 305
แผนภาพ 3.2 ครอบครวั ของกษัตริย์ฟรานซิสท่ี 1 แห่งฝรงั่ เศส 324
แผนภาพ 3.3 ลาํ ดบั เหตกุ ารณ์สาํ คญั ในรชั สมยั กษัตรยิ ฟ์ ิลปิ ท่ี 2 350
แผนภาพ 3.4 ราชวงศ์โปรตุเกสในศตวรรษท่ี 16 351
สารบัญแผนภูมิ
แผนภูมิ 2.1 การปฏิวัติทางราคาตามความคิดของ 285
เอิร์ล เจ แฮมิลตัน
สารบญั ตาราง
ตาราง 2.1 การกู้ยืมเงินจากนายธนาคารในรัชสมัย 279
กษัตริย์ชาร์ลส์ท่ี 1 284
314
ตาราง 2.2 ปริมาณโลหะมีค่าท่ีนําเข้ามาในสเปน 417
ตามข้อมูลของเอิร์ล เจ แฮมิลตัน
ตาราง 3.1 การทํางานของศาลศาสนาในกรานาดา
ระหว่างปี ค.ศ. 1520-1570
ตาราง 4.1 สงครามของสเปนระหว่างปี
ค.ศ. 1474-1598
สารบัญรูป
รูป 1.1 การูชา โตกา และโปโตร 84
รูป 1.2 เส้ือซานเบนิโต 86
รูป 1.3 การเดนิ ขบวนไปยงั สถานทป่ี ระกอบพธิ เี อาโต เด เฟ 87
รูป 1.4 การยอมจํานนของกรานาดา 98
รูป 1.5 โคลัมบัสเข้าเฝ้ากษัตริย์เฟอร์ดินันด์ 125
และราชินีอิซาเบลท่ีบาร์เซโลนา 126
รูป 1.6 สนธิสัญญาตอร์เดซียัส 157
รูป 1.7 ท่ีฝังพระศพของกษัตริย์เฟอร์ดินันด์
162
และราชินีอิซาเบล 225
รูป 2.1 กษัตริย์ชาร์ลส์ท่ี 1 แห่งสเปน 300
รูป 2.2 การผสมผสานระหว่างเช้ือชาติ 401
รูป 3.1 กษัตริย์ฟิลิปท่ี 2 แห่งสเปน 411
รูป 3.2 อารามหลวงซาน โลเรนโซ เด เอล เอสโกเรียล
รูป 3.3 ภาพประกอบหนังสือ “บันทึกการทําลายล้างอินดีส์
โดยสังเขป” ซ่ึงวาดโดยเธโอดอร์ เดอ บราย
คาํ อธบิ ายเร่ืองการเขยี นคําทบั ศัพทภ์ าษาสเปน
และภาษาโปรตเุ กส
ผูเ้ ขยี นใช้หลักเกณฑใ์ นการเขยี นคําทับศัพทภ์ าษาสเปนและภาษา
โปรตุเกสท่ีปรากฏในหนังสือเล่มนี้ดังต่อไปนี้
1. ช่ือบุคคล ช่ืออารยธรรม ช่ือสถานท่ี และคําศัพท์เฉพาะ
หากมีการเทียบเคียงช่ือบุคคล ช่ืออารยธรรม ช่ือสถานท่ี และคําศัพท์
เฉพาะในภาษาสเปน / ภาษาโปรตเุ กสเป็นภาษาอังกฤษไวแ้ ล้ว ผู้เขียน
จะใชช้ ่อื ในภาษาองั กฤษเพ่อื ใหผ้ อู้ า่ น (ซ่งึ สว่ นใหญไ่ มม่ คี วามรภู้ าษาสเปน
และภาษาโปรตเุ กส) อา่ นเขา้ ใจงา่ ยขนึ้ และเพ่อื ไมใ่ หเ้ กดิ ความสบั สน เชน่
Carlos V เป็นช่ือในภาษาสเปน ถ้าเป็นภาษาอังกฤษจะเทียบเคยี งเป็น
Charles V ดังนั้น ในหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนจะเขียนว่า “กษัตริย์ชาร์ลส์
ท่ี 5” หากไมม่ ีการเทียบเคยี งกับภาษาอังกฤษไว้ ผเู้ ขยี นจะเขยี นช่ือนั้น
ตามคาํ อา่ นออกเสียงภาษาสเปน / ภาษาโปรตุเกส
2. ช่ือเมือง ช่ือแคว้น และช่ือประเทศ
ผู้เขียนสะกดช่ือเมือง ช่ือแคว้น และช่ือประเทศเป็นภาษาไทยตามท่ี
ราชบัณฑิตยสถานกําหนดไว้ในประกาศราชบัณฑิตยสถาน เร่ืองกําหนด
ช่ือประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ลงวันท่ี 22
กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 หากช่ือเมืองใดไม่ได้มีกําหนดไว้ ผู้เขียนจะสะกด
ตามคาํ อา่ นออกเสยี งภาษาสเปน / ภาษาโปรตเุ กส หากตวั สะกดช่อื เมอื ง
ช่ือแคว้น และช่ือประเทศท่ีราชบัณฑิตยสถานกําหนดไว้ออกเสียงไม่ตรง
กับคําอ่านออกเสียงจริง ผู้เขียนจะเขียนให้ตรงกับคําอ่านออกเสียงจริง
บทท่ี 1
ช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์: สเปนในรัชสมัยกษัตริย์และราชนิ ีคาทอลิก
(ค.ศ. 1474–1516)
สเปน จักรวรรดิท่ีพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
กลางศตวรรษท่ี 15 ประวัติศาสตร์ยุโรปรวมทัง้ ประวัติศาสตร์สเปน
อยู่ในช่วงหัวเลีย้ วหัวต่อระหว่างยุคกลางและยุคสมัยใหม่ คาบสมุทร
ไอบีเรียในขณะนั้นแบ่งออกเป็น 5 อาณาจักร ดูแผนท่ี 1.1 ได้แก่
1. อาณาจักรคาสตีล (Castile)
2. อาณาจักรอารากอน (Aragon) ประกอบไปด้วย อารากอน,
คาทาโลเนีย (Catalonia), บาเลนเซยี (Valencia) และดนิ แดน
ต่างๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อนั ไดแ้ ก่ หมเู่ กาะแบลีแอริก
(Balearic Islands), ซซิ ลิ ี (Sicily) และซาร์ดเิ นีย (Sardinia)
การอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงเปโตรนีลา (Petronila) แห่ง
อาณาจักรอารากอนและเคานต์รามอน เบเรงเกร์ท่ี 4 (Ramón
Berenguer IV) แห่งมณฑลคาทาโลเนียในปี ค.ศ. 1137 ส่งผลให้ทัง้
สองดินแดนรวมตัวกันอย่างเป็นทางการ และใช้ช่ือเรียกรวมกันว่า
“อาณาจักรอารากอน” เน่ืองจากอารากอนมีสถานะเป็นอาณาจักร
มกี ษัตรยิ ป์ กครอง ในขณะท่คี าทาโลเนียมสี ถานะเป็นเพยี งมณฑลและ
มีเคานต์ปกครอง แม้ว่าสถานะของอาณาจักรอยู่เหนือกว่ามณฑล
แต่ในความเป็นจริงคาทาโลเนียซ่ึงมีบาร์เซโลนาเป็นเมืองศูนย์กลาง
มีฐานะร่ํารวยกว่าและมีอํานาจมากกว่า ในเวลาต่อมากษัตริย์ฆัยเม
ท่ี 1 (Jaime I) แห่งอาณาจักรอารากอนพิชิตหมู่เกาะแบลีแอริกและ
บาเลนเซียคืนมาจากพวกมุสลิมในปี ค.ศ. 1235 และ ค.ศ. 1238
ตามลําดับ หลังจากนั้นกษัตริย์เปโดรท่ี 3 (Pedro III) ผนวกซิซิลี
ในปี ค.ศ. 1282 และกษัตริย์ฆัยเมท่ี 2 (Jaime II) ยึดครองอํานาจ
ซาร์ดิเนียได้ในปี ค.ศ. 1325
20
บทท่ี 1 – ช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์: สเปนในรัชสมัยกษัตริย์และราชินีคาทอลิก (ค.ศ. 1474-1516)
ดังนั้น เพ่ือมิให้ผู้อ่านเกิดความสับสน ผู้เขียนจะใช้คําว่า
“อาณาจักรอารากอน” เรียกรวมทัง้ อาณาจักร อันได้แก่ อารากอน,
คาทาโลเนีย, บาเลนเซีย และดินแดนต่างๆ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
และหากต้องการกล่าวถึงเฉพาะดินแดนส่วนท่ีเป็นอารากอน ผู้เขียน
จะใช้คําว่า “ดินแดนอารากอน”
3. นาวาร์ (Navarre)
4. กรานาดา (Granada) ซ่ึงเป็นดินแดนมุสลิมแห่งสุดท้ายใน
คาบสมุทรไอบเี รีย
5. โปรตเุ กส
ราชินีอิซาเบลขึ้นครองบัลลังก์คาสตีลในปี ค.ศ. 1474 ใน
ขณะท่ีกษัตริย์เฟอร์ดินันด์ครองบัลลังก์อาณาจักรอารากอนในปี ค.ศ.
1479 รัชสมัยของทัง้ สองพระองค์ถือได้ว่าเป็นช่วงปาฏิหาริย์ของ
ประเทศสเปนก็ว่าได้ ก่อนท่ีทั้งสองพระองค์จะขึ้นครองราชย์
สเปนอยใู่ นสภาพแตกออกเป็นอาณาจกั รตา่ งๆ อยา่ งท่กี ลา่ วไปขา้ งตน้
อาณาจกั รคาสตลี อยใู่ นสภาวะปั่นป่วน ขนุ นางมอี ทิ ธพิ ลเหนือกษัตรยิ ์
ปัญหาการสบื บลั ลงั กย์ งั คาราคาซงั ในขณะเดยี วกนั อาณาจกั รอารากอน
อยู่ในสภาวะตกต่ํา เศรษฐกิจถดถอย ชาวนาก่อกบฏ ฝรั่งเศสยัง
รุกลํา้ พรมแดนเป็นระยะๆ ย่ิงไปกว่านั้นฝ่ายมุสลิมยังคงยึดครอง
กรานาดา อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีท่ีทัง้ สองพระองค์
ปกครองสเปน เหตกุ ารณ์ท่ไี มม่ ใี ครคาดคดิ เกดิ ขนึ้ หลายประการ ไมว่ า่
จะเป็น (1) การรวมอาณาจักรคาสตีลและอาณาจักรอารากอนเข้าด้วย
กันส่งผลให้ขอบเขตประเทศสเปนชัดเจนขึ้น (2) การปรับระบบการ
21
คาสตลี อารากอน แผนภาพ 1.1
อัลฟองโซที่ 4 กษัตริย์ของอาณาจักรคาสตีล
อลั ฟองโซท่ี 11 (Alfonso IV, ค.ศ. 1327–1336) และอาณาจักรอารากอน
(Alfonso XI, ค.ศ. 1312–1350) (ค.ศ. 1369-1479)
เปรโดรที่ 4
เปโดรที่ 1 เฮนรีที่ 2
(Pedro I, ค.ศ. 1350–1369) (Henry II, ค.ศ. 1369–1379) (Predo IV, ค.ศ. 1336–1387)
จอห์นแห่งกอนท์ กอนสตันซา ฆวนที่ 1 เลโอนอร์ ฆวนที่ 1 มาร์ติน กอนสตันซา เฟเดรโิ กที่ 4
(John of Gaunt) (Constanza) (Juan I, แห่งซิซิลี
ค.ศ. 1379–1390) (Leonor) (Juan I, (Martin, (Constanza)
ค.ศ. 1387–1396) ค.ศ. 1396–1410) (Federico IV,
เฮนรีที่ 3 มาเรยี แห่งซิซลิ ี ค.ศ. 1355–1377)
(Henry III, (Maria, ค.ศ. 1377–1401)
แคเธอรนี แหง่ แลงแคสเตอร์ ค.ศ. 1390–1406) เฟอรด์ ินันดแ์ หง่ อนั เตเกรา / มารต์ นิ
(Catherine of Lancaster) เฟอร์ดนิ ันดท์ ี่ 1
(Martin, เสียชีวิต ค.ศ. 1409)
(Ferdinand I, ค.ศ. 1412–1416)
✺ ✺ มาเรยี อัลฟองโซท่ี 5 ✺ ฆวนที่ 2 (1) บลังกา เฮนรี ✺
คาทาลีนา ✺ ฆวนท่ี 2 (María) (อารากอน + นาวาร์) แหง่ นาวาร์ คาทาลีนา ✺
(Catalina) (Juan II, (Alfonso V, มาเรีย (Blanca (Henry) (Catalina)
ค.ศ. 1406–1454) ค.ศ. 1416–1458) (Juan II, ค.ศ. 1458–1479) of Navarre)
(Maria)
(2)
เฮนรีที่ 4 อิซาเบลที่ 1 อลั ฟองโซ เฟรันเตแห่งเนเปิ ลส์
(Henry IV, (ราชินีคาทอลกิ ) (Alfonso) (Ferrante, ค.ศ. 1458–1494) ฆวนนา เอนรเิ กซ
ค.ศ. 1454–1474) (Juana Enríquez)
(Isabel I, อลั ฟองโซท่ี 2 แหง่ เนเปิลส์ ชาร์ลส์ บลังกา เลโอนอร์
ฆวนนา ค.ศ. 1474–1504) (Alfonso II, ค.ศ. 1458–1494) เฟอร์ดนิ ันด์ แห่งเวยี นา (Blanca) (Leonor)
(Juana) (กษัตริย์คาทอลกิ ) (Charles of Viana)
(Ferdinand,
ค.ศ. 1479–1516)
หมายเหตุ: ปี ค.ศ. ท่ีอยู่ในวงเล็บคือช่วงปีท่ีครองราชย์
(1) (2) เจอรแ์ มนแห่งฟัวส์
1469 1506 ค.ศ. 1488-1538
ราชินีอิซาเบลที่ 1, ค.ศ. 1451-1504 กษัตรยิ ์เฟอรด์ นิ ันด์, ค.ศ. 1452-1516
(ราชนิ ีคาสตลี ค.ศ. 1474-1504 และ ราชินีอารากอน ค.ศ. 1479-1504) (กษัตรยิ ์คาสตีล ค.ศ. 1474-1504 และ กษัตรยิ ์อารากอน ค.ศ. 1479-1516)
อซิ าเบล มาร์กาเร็ต 1497 ฆวน ฟิ ลิป มาเรีย แคเธอรนี
ค.ศ. 1470-1498 (ออสเตรยี ) ค.ศ. 1482-1517 ค.ศ. 1485-1536
(ออสเตรีย) ค.ศ. ค.ศ. 1478-1506 1496 ฆวนนา
ค.ศ. 1479-1555
ค.ศ. 1480-1530 1478-1497 (ค.ศ. 1504-1516)
(1) 1500
1490 (1)
(2) 1501
1497 (2)
1509
อฟองซู กษัตรยิ ม์ านูเอลท่ี 1 ✺ กษัตรยิ ม์ านเู อลท่ี 1 ✺ อาเธอร์ กษัตรยิ เ์ ฮนรที ่ี 8
แห่งโปรตเุ กส แห่งโปรตุเกส แหง่ อังกฤษ
(โปรตุเกส) (อังกฤษ)
ค.ศ. ค.ศ. 1469-1521 (ค.ศ. 1495-1521) ค.ศ. 1469-1521 (ค.ศ. 1495-1521) ค.ศ. 1486-1502 ค.ศ. 1491-1547
(ค.ศ. 1509-1547)
1475-1491
มเิ กล เลโอนอร์ อซิ าเบล เฟอร์ดนิ ันด์ที่ 1 มาเรีย แคเธอรีน อซิ าเบล ราชีนีแมรี ✺
แห่งโรมันฯ ✺
ค.ศ. ค.ศ. กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 1 ค.ศ. ค.ศ. ค.ศ. ค.ศ.
1498-1500 1498-1558 1501-1526 ค.ศ. 1503-1564 1505-1558 1507-1578 1503-1539 ที่ 1
ค.ศ. 1500-1558 (ค.ศ. 1558-1564)
(สเปน ค.ศ. 1516-1556) แห่งองั กฤษ
(โรมนั ฯ ค.ศ. 1519-1556) 1526
แมก็ ซมิ เิ ลยี นท่ี 2 แหง่ โรมนั ฯ ค.ศ. 1516-1558
ค.ศ. 1527-1576 (ค.ศ. 1564-1576) (ค.ศ. 1553-1558)
แผนภาพ 1.2 1548
ราชวงศ์สเปน (ค.ศ. 1474-1598)
ครงั้ ท่ี 1 ค.ศ. 1543 มาเรยี (โปรตเุ กส) ค.ศ. 1527-1545 มาเรีย ฆวนนา 1552 ชูเอา
ครงั้ ท่ี 2 ค.ศ. 1554 ราชนิ ีแมรที ่ี 1 แหง่ องั กฤษ ค.ศ. 1516-1558 ✺✺
กษัตรยิ ์ฟิลิปที่ 2 ค.ศ. 1528-1603 ค.ศ. 1537-1573 (โปรตเุ กส)
ครงั้ ท่ี 3 ค.ศ. 1559 เอลซิ าเบธแหง่ วาลวั ส์ (ฝรงั่ เศส) ค.ศ. 1545-1568
ค.ศ. 1527-1598 ค.ศ. 1537-1554
ครงั้ ท่ี 4 ค.ศ. 1570 แอนแหง่ ออสเตรยี (โรมนั ฯ) ค.ศ. 1549-1580 (สเปน ค.ศ. 1556-1598)
กษัตริย์เซบสั เตยี นที่ 1 แหง่ โปรตเุ กส
ค.ศ. 1554-1578 (ค.ศ. 1557-1578)
หมายเหตุ: ปี ค.ศ. ท่ีไม่มีวงเล็บคือปีท่ีเกิดและเสียชีวิต และปี ค.ศ. ท่ีมีวงเล็บคือช่วงปีท่ีครองราชย์
1469 1476 1493 1502
อิซาเบลแห่งคาสตีล ราชินีอิซาเบลและกษัตริย์เฟอร์ดินันด์ • พระสันตะปาปาออก กษัตริย์เฟอร์ดินันด์และราชินี
อภิเษกสมรสกับ ก่อตัง้ ซานตา เอร์มันดัด พระราชโองการอินเทอร์คาเทรา อิซาเบลประกาศขับไล่มุสลิม
เฟอร์ดินันด์แห่ง • ฝรั่งเศสคืนรูซิยอนและ ท่ีไม่ยอมเปล่ียนศาสนา
อารากอน 1479 เซร์ดานญ์ให้กับอาณาจักร ให้ออกไปจากคาสตีล
อารากอน
• เฟอร์ดินันด์ครองบัลลังก์อารากอน 1504 1516
• สงครามแย่งชิงบัลลังก์คาสตีลยุติ 1494
• คาสตีลและโปรตุเกสตกลงกัน กษัตริย์เฟอร์ดินันด์ผนวก กษัตริย์เฟอร์ดินันด์
ในสนธิสัญญาอัลกาโซวัส คาสตีลและโปรตุเกส เนเปิ ลส์เข้าเป็ นส่วนหน่ึ ง เสียชีวิต
ตกลงกันในสนธิสัญญา ของอาณาจักรอารากอน
ตอร์เดซียัส
ค.ศ.
1470
1480
1490
1500
1510
แผนภาพ 1.3 ลําดับเห ุตการณ์ ํสาคัญ 1478 1486 1499
ใน ัรชสมัยก ัษตริ ์ยและรา ิช ีนคาทอลิก
พระสันตะปาปาอนุญาต กษัตริย์เฟอร์ดินันด์ ชาวมุสลิมก่อการประท้วง
ให้ก่อตัง้ ศาลศาสนา ออกประกาศ ครัง้ ใหญ่ท่ีเมืองอัลปูฆารสั
กวาดาลูเปเพ่ือ
1475-1479 ยกเลิกทาสติดท่ดี ิน 1496
ในคาทาโลเนีย
สงครามแย่งชิงบัลลังก์คาสตีล คาสตีลพิชิตหมู่เกาะ
ระหว่างราชินีอิซาเบลและ คะเนรีได้ทัง้ หมด 1512
เจ้าหญิงฆวนนา
1492 กษัตริย์เฟอร์ดินันด์ผนวกนาวาร์
1474 เข้าเป็นส่วนหน่ึงของคาสตีล
• กษัตริย์เฟอร์ดินันด์และราชินีอิซาเบลพิชิตกรานาดา
อิซาเบลขึ้นครองบัลลังก์คาสตีล • กษัตริย์เฟอร์ดินันด์และราชินีอิซาเบลประกาศขับไล่ยิว
ท่ีไม่ยอมเปล่ียนศาสนาออกจากสเปน
• โคลัมบัสค้นพบอเมริกา
• เนบริฆาตีพิมพ์หนังสือไวยากรณ์สเปน
บทท่ี 1 – ช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์: สเปนในรัชสมัยกษัตริย์และราชินีคาทอลิก (ค.ศ. 1474-1516)
แผนท่ี 1.1 คาบสมุทรไอบีเรียกลางศตวรรษท่ี 15
Ώ คาสตีล ΐ นาวาร์ Α อารากอน Β คาทาโลเนีย Γ บาเลนเซีย Δ กรานาดา
Ε แบลีแอริก Ζ ซาร์ดิเนีย Η ซิซิลี
ท่ีมา: A. Fernández García et al., Historia (Barcelona: Vicens Vives, 2005), 110.
ปกครองและดึงอํานาจกลับคืนสู่กษัตริย์จนประสบผลสําเร็จ (3) การ
ยึดครองกรานาดากลับคืนมาจากฝ่ายมุสลิมซ่ึงถือเป็นจุดสิน้ สุดของ
สงคราม “เรกองกิสตา” (Reconquista) หรือสงครามช่วงชิงดินแดน
คนื จากมสุ ลมิ ซ่งึ ดาํ เนินมายาวนานกวา่ 700 ปี (4) การขบั ไลช่ าวมสุ ลมิ
และชาวยิวท่ีไม่ยอมเปล่ียนมานับถือศาสนาคริสต์ออกไปจากสเปน
และ (5) การค้นพบโลกใหม่ของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher
Columbus) ด้วยเหตุนี้อาจกล่าวได้ว่ารัชสมัยของกษัตริย์เฟอร์ดินันด์
25
สเปน จักรวรรดิท่ีพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
และราชินีอิซาเบลเป็นก้าวย่างแรกของการสร้างจักรวรรดิสเปนท่ี
พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
1
การรวมอาณาจกั รคาสตีลและอาณาจักรอารากอน
1.1 การอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงอิซาเบลแห่งอาณาจักร
คาสตีลและเจ้าชายเฟอร์ดินันด์แห่งอาณาจักรอารากอน
เหตุการณ์ท่ีสําคัญท่ีสุดเหตุการณ์หน่ึงในประวัติศาสตร์สเปนในช่วง
ศตวรรษท่ี 15 คอื การอภเิ ษกสมรสระหว่างเจา้ หญงิ อซิ าเบลรชั ทายาท
ของอาณาจักรคาสตีลและเจ้าชายเฟอร์ดินันด์รัชทายาทของอาณาจักร
อารากอนในวันท่ี 19 ตุลาคม ค.ศ. 1469 การอภิเษกสมรสครัง้ นี้
ถูกจัดขึ้นอย่างหลบๆ ซ่อนๆ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง
เจ้าหญิงอิซาเบลซ่ึงขณะนั้นอายุ 18 ปี ฝ่ าฝื นคําสั่งพระเชษฐา
ต่างพระมารดาซ่ึงก็คือกษัตริย์เฮนรีท่ี 4 หลบหนีออกจากท่ีพักและ
เดินทางมาเข้าพิธีอภิเษกสมรสท่ีเมืองบายาโดลิด (Valladolid) ส่วน
เจ้าชายเฟอร์ดินันด์ซ่ึงขณะนั้นอายุ 17 ปี ต้องปลอมตัวแอบเข้า
อาณาจกั รคาสตลี ทงั้ สองพระองคพ์ บกนั ครงั้ แรก 4 วนั กอ่ นเขา้ พธิ ี ย่งิ
ไปกว่านั้นเน่ืองจากทัง้ สองพระองค์มีพระปัยกา (ป่ทู วด) องคเ์ ดยี วกนั
จึงถือว่าเป็นญาติใกล้ชิดและไม่สามารถอภิเษกสมรสกันได้ ดูแผนภาพ 1.1
นอกเสยี จากวา่ พระสนั ตะปาปาจะออกเอกสารอนญุ าตการสมรสครงั้ นี้
อย่างไรก็ดี ทัง้ สองฝ่ายสามารถจัดหาเอกสารจากพระสันตะปาปามา
แสดงได้ ซ่ึงภายหลังมีการพิสูจน์ว่าเอกสารฉบับนี้เป็นเอกสารปลอม
26
บทท่ี 1 – ช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์: สเปนในรัชสมัยกษัตริย์และราชินีคาทอลิก (ค.ศ. 1474-1516)
โดยมบี าทหลวงอลั ฟองโซ การโี ย (Alfonso Carrillo) พระอคั รสงั ฆราช
แห่งโตเลโด, กษัตริย์ฆวนท่ี 2 แห่งอาณาจักรอารากอน (ซ่ึงเป็น
พระบิดาของเจ้าชายเฟอร์ดินันด์) และตัวเจ้าชายเฟอร์ดินันด์เองร่วม
มือกันปลอมแปลง
หากจะทําความเข้าใจกับการอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงอิซาเบล
และเจ้าชายเฟอร์ดินันด์ เราคงต้องย้อนกลับไปพูดถึงสถานการณ์
ภายในราชสํานักคาสตีลก่อนหน้านี้ กล่าวคือ ขณะนั้นกษัตริย์เฮนรี
ท่ี 4 อยู่ในสถานะอ่อนแอและเผชิญกับการท้าทายอํานาจจากพวก
ขุนนาง ย่ิงไปกว่านั้นขุนนางท่ีต่อต้านกษัตริย์เฮนรีท่ี 4 ปล่อยข่าวลือ
ในราชสํานักว่า เจ้าหญิงฆวนนา (Juana) พระธิดาเพียงคนเดียวของ
พระองค์แท้จริงแล้วเป็นลูกชู้ ดูแผนภาพ 1.1 และชายชู้ก็คือเบลตรัน เด ลา
กูเอบา (Beltrán de la Cueva) ขุนนางคนสนิทของกษัตริย์เฮนรี
ท่ี 4 เอง เจ้าหญิงฆวนนาจึงถูกตัง้ ฉายาว่า “ฆวนนา ลา เบลตรัน
เนฆา” (Juana la Beltraneja) ซ่ึงมีความหมายว่า “ฆวนนาบุตรสาว
ของเบลตรัน” ขุนนางในราชสํานักส่วนใหญ่เช่ือว่ากษัตริย์เฮนรีท่ี 4
เป็ นหมันเพราะพระองค์เคยอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงบลังกาแห่ง
นาวาร์ (Blanca) เป็นเวลา 13 ปี แต่ไม่มีพระโอรสหรือพระธิดาเลย
ในเวลาต่อมาพระองค์อภิเษกสมรสครัง้ ท่ี 2 กับเจ้าหญิงฆวนนาแห่ง
โปรตุเกสและใช้เวลา 7 ปี กว่าจะมีพระธิดาฆวนนา และกษัตริย์
เฮนรีท่ี 4 ไม่มีทายาทกับนางสนมคนใดเลย เฟร์นันโด เดล ปุลการ์
(Fernando del Pulgar) นักประวัติศาสตร์ร่วมสมัยกับกษัตริย์เฮนรี
ท่ี 4 ได้บันทึกไว้ว่า “เม่ือครัง้ ดํารงตําแหน่งเป็นเจ้าชายรัชทายาท
พระองค์อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงบลังกาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี
27
สเปน จักรวรรดิท่ีพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
การอภิเษกครัง้ นั้นจบลงด้วยการหย่าร้างโดยให้เหตุผลว่าไม่มีพระ
โอรส เจ้าชายเฮนรีกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของนาง ในขณะท่ีนาง
ก็กล่าวโทษว่าเป็นความผิดของพระสวามี ในเวลาต่อมาในขณะท่ี
อดีตพระมเหสียังมีชีวิตอยู่ กษัตริย์เฮนรีท่ี 4 อภิเษกสมรสอีกครัง้
กับพระธิดาของกษัตริย์โปรตุเกส ความไร้สมรรถภาพทางเพศของ
พระองค์เป็นท่ีประจักษ์ในการอภิเษกสมรสครัง้ ท่ี 2 แม้ว่าพระองค์
ใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันและมีความสัมพันธ์กับหญิงอ่ืนด้วย แต่พระองค์
ไม่ประสบความสําเร็จในการทําหน้ าท่ีของบุรุษเพศ” 1
ขุนนางในราชสํานักกดดันให้กษัตริย์เฮนรีท่ี 4 แต่งตัง้
เจ้าชายอัลฟองโซ พระอนุชาต่างพระมารดาขึ้นเป็นรัชทายาท (เจ้า
ชายอัลฟองโซเป็นพระอนุชาแท้ๆ ของเจ้าหญิงอิซาเบล) ดูแผนภาพ 1.1
พระองค์จําต้องยอมปฏิบัติตาม อย่างไรก็ดี เจ้าชายอัลฟองโซเสียชีวิต
ในปี ค.ศ. 1468 สถานการณ์จึงพลิกผัน บรรดาขุนนางวางแผนให้
กษัตริย์เฮนรีท่ี 4 แต่งตัง้ เจ้าหญิงอิซาเบลเป็นรัชทายาทแทน แต่
เจา้ หญงิ อซิ าเบลไม่ต้องการเป็นหนุ่ เชิดของขุนนางจงึ เจรจากบั กษัตริย์
เฮนรีท่ี 4 พระเชษฐาและได้ข้อตกลงว่ากษัตริย์เฮนรีท่ี 4 จะแต่งตัง้
เจ้าหญิงอิซาเบลเป็นรัชทายาท ในขณะเดียวกันเจ้าหญิงอิซาเบล
ยินยอมให้กษัตริย์เฮนรีท่ี 4 เลือกคู่ครองให้ ตําแหน่งพระสวามี
ของว่าท่ีราชินีในอนาคตจึงเป็นท่ีต้องการของอาณาจักรรอบข้าง
เจ้าหญิงอิซาเบลมีทางเลือกอยู่ 3 ทาง ทางเลือกแรกคือสมรส
กับเจ้าชายชาร์ลส์แห่งราชวงศ์วาลัวส์ (Valois) ของฝรั่งเศสซ่ึงเป็น
1 John Edwards, The Spain of the Catholic Monarchs: 1474-1520 (Malden, Massachusetts:
Blackwell, 2000), 4.
28
บทท่ี 1 – ช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์: สเปนในรัชสมัยกษัตริย์และราชินีคาทอลิก (ค.ศ. 1474-1516)
พระโอรสของกษัตริย์ชาร์ลส์ท่ี 7 ทางเลือกต่อมาคือสมรสกับกษัตริย์
อฟองซูท่ี 5 (Afonso V) ของโปรตุเกส และทางเลือกสดุ ท้ายคอื สมรส
กับเจ้าชายเฟอร์ดินันด์ รัชทายาทแห่งอาณาจักรอารากอน กษัตริย์
เฮนรีท่ี 4 ต้องการให้พระขนิษฐาอภิเษกสมรสกับกษัตริย์อฟองซู
ท่ี 5 แต่หากไม่สําเร็จ พระองค์จะเลือกเจ้าชายชาร์ลส์เป็นตัวเลือก
ลําดับถัดมา ในทางกลับกัน เจ้าหญิงอิซาเบลตัดสินใจเลือกเจ้าชาย
เฟอร์ดินันด์ การตัดสินใจของเจ้าหญิงอิซาเบลมาจากสาเหตุหลาย
ประการ ประการแรก ครอบครัวชาวยิวท่ีมัง่ คัง่ และมีบทบาทในราช-
สํานักของทัง้ สองอาณาจักรสนับสนุนเจ้าชายเฟอร์ดินันด์ เพราะเช่ือ
ว่าชาวยิวจะได้รับผลประโยชน์เน่ืองจากพระมารดาของเจ้าชายเคยมี
เช้ือสายยิวมาก่อน ประการต่อมา ขุนนางฝ่ายอาณาจักรอารากอน
พยายามวง่ิ เตน้ และตดิ สนิ บนขนุ นางคาสตลี เพ่อื ใหส้ นับสนนุ การอภเิ ษก
สมรสครัง้ นี้ เพราะว่าอาณาจักรอารากอนในขณะนั้นกําลังอยู่ในภาวะ
วิกฤต เผชิญกับกบฏชาวนา และท่ีสําคัญคือฝรั่งเศสพยายามขยาย
ดินแดนและรุกรานเข้ามา อาณาจักรอารากอนจําเป็นต้องอาศัยความ
ช่วยเหลือจากคาสตีลในการสู้รบกับฝรั่งเศส และประการสุดท้าย
เจา้ หญงิ อิซาเบลเช่อื ว่าอาณาจกั รอารากอนไมอ่ ย่ใู นสถานะท่จี ะตอ่ รอง
อะไรได้มากนัก พระองค์เองต่างหากจะสามารถกาํ หนดข้อตกลงใน
การสมรสครัง้ นี้ให้เป็นไปตามท่ีพระองค์ต้องการ2
ทัง้ สองฝ่ายกําหนดข้อตกลงในการอภิเษกสมรสและลงนาม
ร่วมกันในวันท่ี 7 มกราคม ค.ศ. 1469 โดยมีใจความสําคัญคือ
2 John H. Elliott, Imperial Spain: 1469-1716 (London: Penguin Books, 1990), 21.
29
สเปน จักรวรรดิท่ีพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
“10. ข้า [เฟอร์ดินันด์] จะเดินทางไปพํานักอยู่ท่ีคาสตีล-เลออนกับ
เจ้าหญิงอิซาเบล ข้าจะไม่ออกเดินทางจากคาสตีล-เลออนหากนาง
ไม่ยินยอม และข้าจะไม่พาเจ้าหญิงอิซาเบลออกจากคาสตีล-เลออน
หากนางไม่ยินยอม, 11. หากพระเจ้าได้มอบทายาทให้แก่เรา ไม่ว่าจะ
เป็นพระโอรสหรือพระธิดา ข้าจะไม่พรากพระโอรสหรือพระธิดาจาก
นาง และจะไม่พาพวกเขาออกจากคาสตีล-เลออน, 12. ข้าจะไม่สละ
หรือมอบเมอื งหรือป้อมปราการใดๆ ในอาณาจกั รหากนางไมย่ นิ ยอม,
13. ไม่ว่าข้าหรือเจ้าหญิงอิซาเบลร่างเอกสิทธิ์ จดหมาย หรือเอกสาร
ใดๆ ก็ตาม เราทัง้ สองจะลงพระนามร่วมกัน, 14. ข้าจะไม่แต่งตัง้ ผู้ใด
กต็ ามท่ไี มใ่ ชช่ าวคาสตลี ในสภาตา่ งๆ ของคาสตลี -เลออนหากเจา้ หญงิ
อิซาเบลไม่ยินยอม, 18. หากตําแหน่งพระอัครสังฆราช พระสังฆราช
หรือเจ้าอาวาสว่างลง เราจะตัดสินใจร่วมกัน โดยยึดถือการตัดสินใจ
ของเจ้าหญิงอิซาเบลเป็นสําคัญ, … 21. เจ้าหญิงอิซาเบลสามารถ
แต่งตัง้ รัชทายาทตามท่ีนางเห็นสมควร, 22. ข้าจะไม่เดินทางไปยัง
ดินแดนใดๆ ในอาณาจักรหากนางไม่ยินยอม, 23. เม่ือเราได้อํานาจ
ปกครองอาณาจักรคาสตีล-เลออนร่วมกัน เราจะสานต่อภารกิจการ
ทําสงครามกับพวกมุสลิมผู้เป็นศัตรูของศาสนาคริสต์อันศักดิส์ ิทธิ”์ 3
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเจ้าชายเฟอร์ดินันด์อยู่ในสถานะเจ้าชายพระสวามี
(prince consort) พระองค์มีอํานาจปกครองในคาสตีลรองจาก
เจ้าหญิงอิซาเบล ต้องยอมรับธรรมเนียมประเพณีและกฎระเบียบ
ต่างๆ ของคาสตีล และต้องช่วยคาสตีลรบกับมุสลิมในกรานาดา
3 Jon Cowans, ed., Early Modern Spain: A Documentary History (Philadelphia: Univer-
sity of Pennsylvania Press, 2003), 7-9.
30
บทท่ี 1 – ช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์: สเปนในรัชสมัยกษัตริย์และราชินีคาทอลิก (ค.ศ. 1474-1516)
อยา่ งไรกด็ ี กษัตรยิ เ์ ฮนรที ่ี 4 ยงั คงเดนิ หน้าวางแผนการอภเิ ษก
สมรสระหว่างเจ้าหญิงอิซาเบลและกษัตริย์อฟองซูท่ี 5 แห่งโปรตุเกส
กษัตริย์ทัง้ สองพระองค์บรรลุข้อตกลงร่วมกันในวันท่ี 30 เมษายน
ค.ศ. 1469 โดยกษัตรยิ ์อฟองซูท่ี 5 จะเดนิ ทางเข้ามาในคาสตีลเพ่ือเข้า
พธิ อี ภิเษกสมรส หากเจา้ หญิงอซิ าเบลและกลมุ่ ขนุ นางท่ีสนับสนนุ ไม่
ยนิ ยอม กษัตรยิ เ์ ฮนรที ่ี 4 จะถอื วา่ ฝ่าฝืนคาํ สงั่ และกระทาํ ผดิ กฎหมาย
และพระองค์จะประกาศสงครามกับฝ่ายท่ีต่อต้าน นอกจากนี้หลังจาก
ท่ีอภิเษกสมรสแล้ว พระโอรสหรือพระธิดาท่ีเกิดกับเจ้าหญิงอิซาเบล
และกษัตริย์อฟองซูท่ี 5 จะต้องถูกเลีย้ งดูในคาสตีล ภายหลังจากท่ี
กษัตริย์เฮนรีท่ี 4 เสียชีวิตไปแล้ว ทัง้ สองพระองค์จะได้ครองบัลลังก์
คาสตีล แต่ถ้าหากเจ้าหญิงอิซาเบลเสียชีวิตก่อน กษัตริย์อฟองซูท่ี 5
จะได้ครองบัลลังก์ต่อจนกระทัง่ ทายาทของทัง้ สองพระองค์โตพอท่ีจะ
ขึ้นครองบัลลังก์ได้ ในกรณีท่ีเจ้าหญิงอิซาเบลไม่ยอมอภิเษกสมรส
กษัตริย์อฟองซูท่ี 5 จะอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงฆวนนาแทน อีกทัง้
กษัตริย์เฮนรีท่ี 4 จะยกเมืองบาดาฆอซ (Badajoz) และซิวดัดโรดริโก
(Ciudad Rodrigo) ให้กับกษัตริย์อฟองซูท่ี 5 หลังจากนั้นกษัตริย์
ทัง้ สองพระองค์จะร่วมกันทําสงครามกับฝ่ายเจ้าหญิงอิซาเบล ดังนั้น
จะเหน็ ไดว้ า่ ไมว่ า่ สถานการณ์จะออกมาเป็นอยา่ งไร แผนการท่กี ษัตรยิ ์
เฮนรีท่ี 4 วางไว้ทําให้คาสตีลเสียเปรียบโปรตุเกสอย่างมาก4
เจ้าหญิงอิซาเบลไม่สนใจแผนการของกษัตริย์เฮนรีท่ี 4 และ
อภิเษกสมรสกับเจ้าชายเฟอร์ดินันด์ หลังจากกษัตริย์เฮนรีท่ี 4 ทราบ
4 Edwards, The Spain of the Catholic Monarchs: 1474-1520, 12.
31
สเปน จักรวรรดิท่ีพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
เร่ือง พระองค์แต่งตัง้ พระธิดาฆวนนาขึ้นเป็นรัชทายาทแทน ต่อมา
เม่ือกษัตริย์เฮนรีท่ี 4 เสียชีวิตในวันท่ี 11 ธันวาคม ค.ศ. 1474
เจ้าหญิงอิซาเบลประกาศขึ้นครองราชย์อย่างรวดเร็วในเวลา 2 วัน
ตอ่ มา พระองคไ์ ดร้ บั การสนับสนนุ จากขนุ นางและเมอื งตา่ งๆ ในพ้นื ท่ี
ทางตอนเหนือของคาสตีล เช่น เซโกเบีย (Segovia), อาบิลา (Ávila),
เซปุลเบดา (Sepúlveda), บายาโดลิด, ตอร์เดซียัส (Tordesillas),
โตเลโด (Toledo), มูร์เซีย (Murcia) เป็นต้น ขณะท่ีเมืองชายแดน
ติดกับโปรตุเกสอย่างซาโมรา (Zamora) และพ้ืนท่ีในกาลิเซีย (Gali-
cia), อันดาลูเซีย (Andalucía) และเอสเตรมาดูรา (Extremadura)
สนับสนุนฝั่งโปรตุเกส กษัตริย์อฟองซูท่ี 5 แห่งโปรตุเกสท่ีพลาดหวัง
จากการแตง่ งานกบั เจา้ หญงิ อซิ าเบลกอ่ นหน้านี้ตดั สนิ ใจอภเิ ษกสมรส
กับเจ้าหญิงฆวนนาและส่งกองทัพเข้ามาในคาสตีลเพ่ือแย่งชิงบัลลังก์
คาสตีลเข้าสู่ภาวะสงครามกลางเมืองระหว่างฝ่ ายราชินี อิซาเบลโดยมี
อาณาจักรอารากอนเป็นกําลังสนับสนุน และฝ่ายเจ้าหญิงฆวนนาซ่ึง
มีโปรตุเกสหนุนหลัง สงครามครัง้ นี้ไม่ใช่เพียงแค่การแย่งชิงบัลลังก์
ระหว่างสตรีสองคน แต่เป็นการตัดสินขอบเขตของประเทศสเปนเลย
ทีเดียว เพราะถ้าฝ่ายเจ้าหญิงฆวนนาชนะ คาสตีลจะรวมกับโปรตุเกส
และนโยบายต่างๆ จะหันเหไปทางชายฝั่งแอตแลนติก แต่ถ้าฝ่าย
ราชินีอิซาเบลชนะ คาสตีลจะรวมกับอาณาจักรอารากอนและจะหัน
ไปให้ความสนใจกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ในระหว่างสงคราม กษัตรยิ ์เฟอรด์ ินันด์และราชินีอซิ าเบลยอ้ น
กลับมาทบทวนเง่ือนไขการอภิเษกสมรสท่ีได้ตกลงกันไปแล้วเม่ือ
ปี ค.ศ. 1469 ทัง้ สองพระองค์ตกลงกันอีกครัง้ ในปี ค.ศ. 1475 โดย
32
บทท่ี 1 – ช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์: สเปนในรัชสมัยกษัตริย์และราชินีคาทอลิก (ค.ศ. 1474-1516)
เพ่ิมอํานาจให้กษัตริย์เฟอร์ดินันด์มีสถานะเท่าเทียมกับราชินีอิซาเบล
เช่น พระฉายาลักษณ์ของทัง้ สองพระองค์จะปรากฏบนเหรียญของ
อาณาจักรคาสตีลและอาณาจักรอารากอน ทัง้ สองพระองค์ใช้อํานาจ
ตัดสินคดีความร่วมกัน และพระราชลัญจกรประจําแผ่นดินของทัง้
สองอาณาจักรจะปรากฏร่วมกันบนธง ย่ิงไปกว่านั้นในรัชสมัยของ
ทัง้ สองพระองค์มีการใช้ภาษิต “Tanto monta, monta tanto” ซ่ึง
หมายความว่าทัง้ สองพระองค์มีอํานาจเท่าเทียมกัน อย่างไรก็ดี ใน
ประเด็นเร่ืองการสืบบัลลังก์ ราชินีอิซาเบลยังคงยืนยันเช่นเดิมว่า
หากพระองค์เสียชีวิตก่อนกษัตริย์เฟอร์ดินันด์ รัชทายาทของทัง้ สอง
พระองคจ์ ะเป็นผคู้ รองบลั ลงั กค์ าสตลี มใิ ชก่ ษัตรยิ เ์ ฟอรด์ นิ ันด์5 ตลอด
รัชสมัยของทัง้ สองพระองค์ กษัตริย์เฟอร์ดินันด์มีบทบาทสําคัญใน
การบริหารราชการแผ่นดินในคาสตีล พระองค์ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ใน
คาสตีลและพํานักอยู่ในอาณาจักรอารากอนเพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น
ในทางกลับกัน ราชินีอิซาเบลไม่ได้มีบทบาทมากนักในการปกครอง
อาณาจักรอารากอน
ในปี ค.ศ. 1479 กษัตริย์ฆวนท่ี 2 แห่งอาณาจักรอารากอน
เสียชีวิต เจ้าชายเฟอร์ดินันด์ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักร
อารากอน ดูแผนภาพ 1.1 นอกจากนี้ในปี เดียวกันสงครามกลางเมือง
ระหว่างราชินีอิซาเบลและเจ้าหญิงฆวนนายุติลง คาสตีลและโปรตุเกส
ตัดสินใจลงนามในสนธิสัญญาอัลกาโซวัส (Treaty of Alcáçovas)
สนธิสัญญามีใจความสําคัญ ดังนี้
5 Henry Kamen, Spain 1469-1714: A Society of Conflict, 3rd ed. (Harlow: Pearson Longman,
2005), 10; Edwards, The Spain of the Catholic Monarchs: 1474-1520, 22.
33
สเปน จักรวรรดิท่ีพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
1. เจา้ หญงิ ฆวนนาและกษัตรยิ อ์ ฟองซทู ่ี 5 แหง่ โปรตเุ กสสละสทิ ธิ์
การครองบัลลังก์คาสตีลและยอมรับตําแหน่งราชินีของราชินี
อซิ าเบล
2. ฝ่ ายราชินีอิซาเบลต้องยอมอภัยโทษให้ขุนนางผู้สนับสนุน
ฝ่ ายเจ้าหญิงฆวนนา
3. เจ้าหญิงอิซาเบล (พระธดิ าองคโ์ ตของกษัตริยเ์ ฟอร์ดินันดแ์ ละ
ราชินีอิซาเบล) จะอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอฟองซู พระโอรส
ของเจา้ ชายชเู อา (João) แหง่ โปรตเุ กสเม่อื ทงั้ สองพระองคอ์ ยใู่ น
วัยท่ีเหมาะสม (เจ้าชายชูเอาเป็นพระโอรสองค์โตของกษัตริย์
อฟองซูท่ี 5 และจะขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ชูเอาท่ี 2 ในปี
ค.ศ. 1481)
4. เจ้าหญิงฆวนนาต้องเลือกระหว่างใช้ชีวิตท่ีเหลือท่ีสํานักชีใน
โปรตเุ กสหรอื อภเิ ษกสมรสกบั เจา้ ชายฆวนซ่งึ เป็นพระโอรสของ
กษัตริย์เฟอร์ดินันด์และราชินีอิซาเบล เจ้าหญิงฆวนนาเลือก
ทางเลอื กแรก6
5. ประเด็นเร่ืองสิทธิในการบุกเบิกมหาสมุทรแอตแลนติก
และชายฝั่งแอฟริกา ดินแดนและชายฝั่งแอฟริกาทัง้ หมดเป็น
สทิ ธขิ องโปรตเุ กส นั่นหมายรวมถงึ หมเู่ กาะมาเดรา (Madeira),
หมูเ่ กาะอาซอเรส (Azores), หมเู่ กาะเคปเวิร์ด (Cape Verde)
และกนิ ี (Guinea) ยกเวน้ หมเู่ กาะคะเนรี (Canary) ใหเ้ ป็นสทิ ธิ
ของคาสตลี และการบกุ เบกิ ชายฝั่งแอฟรกิ าตงั้ แตท่ างใตข้ องหมู่
6 เจ้าหญิงฆวนนาใช้ชีวิตท่ีเหลืออีกกว่า 50 ปีในสํานักชีท่ีโปรตุเกส ทุกครัง้ ท่ีเจ้าหญิงฆวนนาเขียน
จดหมาย พระองค์จะลงพระนามว่า “ราชินี”
34
บทท่ี 1 – ช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์: สเปนในรัชสมัยกษัตริย์และราชินีคาทอลิก (ค.ศ. 1474-1516)
เกาะคะเนรเี ป็นตน้ ไปใหเ้ ป็นสทิ ธขิ องโปรตเุ กสแตเ่ พยี งผเู้ ดยี ว
(ในขณะนั้นคาสตีลและโปรตุเกสกําลังแข่งขันกันบุกเบิกทาง
ทะเลและแย่งชิงพ้ืนท่ีในมหาสมุทรแอตแลนติกและแอฟริกา
ประเดน็ นี้จะกล่าวถึงต่อไปในภายหลงั )
ดงั นั้น ตงั้ แตป่ ี ค.ศ. 1479 เป็นตน้ มาเขตแดนของประเทศสเปน
เป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้น อาณาจักรคาสตีลและอาณาจักรอารากอน
มีกษัตริย์และราชินีองค์เดียวกัน อย่างไรก็ตาม การรวมอาณาจักรนี้
เป็นในลักษณะการรวมราชวงศ์มากกว่ารวมการปกครองเข้าด้วยกัน
เพราะทัง้ สองอาณาจักรต่างมีสภาและกฎหมายเป็นของตนเอง มี
การเก็บภาษีค่าผ่านทางระหว่างสองอาณาจักร ย่ิงไปกว่านั้นทัง้ สอง
พระองค์ไม่เคยต้องการรวมดินแดนเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง ทัง้ สอง
พระองคไ์ ม่เคยใช้คําว่า “สเปน” เพ่ือแทนดินแดนในปกครอง ทกุ ครัง้
ท่ีลงนามพระองค์จะเขียนว่า “กษัตริย์และราชินีแห่งคาสตีล เลออน
อารากอน ซิซิลี…”
1.2 “การรวมอาณาจักร” ท่ีไม่สมดุลกัน
การรวมกันระหว่างอาณาจักรคาสตีลและอาณาจักรอารากอนเป็น
เหมือนหุ้นส่วนท่ีทัง้ ไม่สมดุลและแตกต่างกันอย่างชัดเจนในหลายๆ
ด้าน ประการแรก อาณาจักรคาสตีลมีพ้ืนท่ีประมาณ 378,000 ตาราง
กิโลเมตรซ่ึงคิดเป็นสองในสามของพ้ืนท่ีทัง้ หมดในคาบสมุทร ใน
ขณะท่ีอาณาจักรอารากอนมีพ้ืนท่ี 100,000 ตารางกิโลเมตร ประการ
ท่ีสอง อาณาจักรคาสตีลมีประชากรประมาณ 5-6 ล้านคน ในขณะท่ี
35
สเปน จักรวรรดิท่ีพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
อาณาจักรอารากอนมีประชากรไม่เกิน 1 ล้านคน7 คาสตีลยังมีความ
หนาแน่นของประชากรต่อพ้ืนท่ีสูงกว่า เมืองท่ีมีจํานวนประชากรมาก
ท่สี ดุ 3 อนั ดบั แรกของสเปนในขณะนั้นอยใู่ นคาสตลี ทงั้ หมดคอื เซบยี า
(Sevilla) และกรานาดาซ่ึงมีประชากรประมาณเมืองละ 50,000 คน
และโตเลโดซ่ึงมีประชากรประมาณ 30,000 คน ในขณะท่ีเมืองท่ีมี
ประชากรมากท่ีสุดในอาณาจักรอารากอนคือ บาเลนเซีย, บาร์เซ
โลนา และซาราโกซา (Zaragoza) ซ่ึงมีประชากรประมาณ 30,000 คน
25,000 คน และ 15,000 คนตามลําดับ8
ประการท่ีสาม ระบบการปกครองของทัง้ สองอาณาจักรมี
ความแตกต่างกัน อาณาจักรคาสตีลมีลักษณะเป็นรัฐท่ีเป็นอันหน่ึง
อันเดียวกัน กล่าวคือ มีโครงสร้างการจัดเก็บภาษีระบบเดียว มีภาษา
ราชการภาษาเดยี ว มรี ะบบเงนิ ตราเดยี ว และไมม่ กี ารเกบ็ ภาษีศลุ กากร
ค่าผ่านทางภายในอาณาจักร นอกจากนี้มีการจัดตัง้ สภากอร์เตส
(cortes) ของอาณาจักรขึ้น9 แต่ในความเป็นจริงแล้วสภากอร์เตส
7 Elliott, Imperial Spain: 1469-1716, 24-25.
8 Kamen, Spain 1469-1714: A Society of Conflict, 13-14.
9 สภากอร์เตส คือสภาท่ีทําหน้าท่ีให้คําปรึกษาแก่กษัตริย์ กษัตริย์อัลฟองโซท่ี 9 แห่งเลออนเรียก
ประชุมสภากอร์เตสเป็นครัง้ แรกในปี ค.ศ. 1188 สมาชิกในสภากอร์เตสประกอบไปด้วยผู้แทนจาก
3 ชนชัน้ ได้แก่ พระ ขุนนาง และตัวแทนชาวเมือง ในอดีตพระสังฆราชและขุนนางระดับสูงเป็นผู้
ท่ีใกล้ชิดและคอยให้คําปรึกษากับกษัตริย์อยู่ก่อนแล้ว แต่ในศตวรรษท่ี 13 ปรากฏการณ์ใหม่ท่ีเกิด
ขึ้นคือการยินยอมให้ผู้แทนจากชาวเมืองเข้ามาเป็นส่วนหน่ึงของสภากอร์เตสด้วย โดยหลักการ
แล้วพระอัครสังฆราช พระสังฆราช เจ้าอาวาส และเจ้าคณะกองกําลังนักรบเพ่ือศาสนาได้รับเรียก
ให้เข้าประชุม แต่ในทางปฏิบัติพระอัครสังฆราชและพระสังฆราชประมาณ 20 รูปเป็นผู้ท่ีเข้าประชุม
ผู้แทนจากขุนนางมักประกอบไปด้วยขุนนางระดับสูงและอัศวิน ในส่วนของผู้แทนจากชาวเมือง
เมืองท่ีจะส่งผู้แทนมาได้ต้องเป็นเมืองท่ีอยู่ภายใต้อํานาจของกษัตริย์ เมืองท่ีอยู่ในอาณัติของพระ
และขุนนางไม่ได้รับสิทธินี้ แต่ละเมืองส่งผู้แทนได้เมืองละ 2 คน
36
บทท่ี 1 – ช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์: สเปนในรัชสมัยกษัตริย์และราชินีคาทอลิก (ค.ศ. 1474-1516)
แทบไม่มีบทบาทในการปกครอง เพราะกษัตริย์เป็นผู้ท่ีมีอํานาจ
สูงสุดและมีอํานาจในการออกกฎหมายโดยไม่จําเป็นต้องได้รับความ
เห็นชอบจากสภา อีกทัง้ ยังไม่มีการจัดประชุมสภาอย่างสม่ําเสมอ
เหมือนอย่างสภาในอาณาจักรอารากอน ถึงแม้ว่าเป็นธรรมเนียม
ปฏิบัติท่ีกษัตริย์จะต้องเรียกประชุมสภาทุกครัง้ ท่ีจะจัดเก็บภาษีเพ่ิม
เติม แต่กษัตริย์ยังสามารถหารายได้จากวิธีอ่ืน และถึงแม้ว่าจะเรียก
ประชุม สภากอร์เตสไม่ค่อยคัดค้านหรือยับยัง้ กษัตริย์ เพราะสมาชิก
สภาส่วนใหญ่มาจากชนชัน้ ขุนนางและบาทหลวงซ่ึงเป็นชนชัน้ ท่ีได้
รับการละเว้นภาษี ดังนั้น สภากอร์เตสในคาสตีลจึงไม่ค่อยมีบทบาท
ในการบรหิ ารหรอื ปกป้องผลประโยชน์ของอาณาจกั ร ในขณะท่กี ษัตรยิ ์
สามารถใช้อํานาจของพระองค์ได้อย่างไม่จํากัด
การเรียกประชุมสภาเป็นอํานาจของกษัตริย์ กษัตริย์จําเป็นต้องเข้าร่วมประชุมเพ่ือให้
การประชมุ สภาถกู ตอ้ งตามหลกั กฎหมาย จดหมายเรยี กประชมุ จะระบวุ ตั ถปุ ระสงคข์ องการประชมุ
รวมถึงระยะเวลาและสถานท่จี ดั ประชมุ ช่วงปลายศตวรรษท่ี 13 ถึงตน้ ศตวรรษท่ี 14 สภากอร์เตส
ของคาสตลี จดั ประชุมสภาทกุ 3-4 ปี การประชมุ แตล่ ะครัง้ ใช้เวลาตัง้ แต่ 2-3 สปั ดาห์จนถึง 1 เดอื น
บางครงั้ ใชเ้ วลานานกวา่ นั้น การประชมุ จดั ขนึ้ ในพระราชวงั หรอื มหาวหิ ารของเมอื งท่เี ป็นศนู ยก์ ลาง
เชน่ บรู โ์ กส, บายาโดลดิ เป็นตน้ ในอาณาจกั รอารากอนกษัตรยิ เ์ รยี กประชมุ สภาบอ่ ยกวา่ คาสตลี
เร่ืองหลักๆ ท่ีกษัตริย์คาสตีลจะเรียกประชุมสภาคือ การออกกฎหมาย และการเรียกเก็บภาษี
อยา่ งไรกด็ ี กษัตริย์คาสตีลมีอํานาจในการออกกฎหมายเองโดยไม่จําเป็นต้องผ่านสภา แต่บางครัง้
กษัตริย์อาจขอคําปรึกษาจากสภากอร์เตส การอนุมัติการจัดเก็บภาษีเป็นหน้าท่ีท่ีสําคัญท่ีสุดของ
สภาและเป็นเหตใุ หก้ ษัตรยิ เ์ รยี กประชมุ สภาบอ่ ยครงั้ ท่สี ดุ กษัตรยิ ค์ าสตลี หรอื อาณาจกั รอารากอน
อาจจําเป็นต้องเรียกเก็บภาษีเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือจากภาษีปกติ เน่ืองจากรายได้ท่ีมีอยู่
ไมเ่ พียงพอหรอื จาํ เป็นตอ้ งใช้เงินในกรณีเร่งด่วน กษัตริยไ์ ม่สามารถเรียกเกบ็ ภาษีได้ตามอาํ เภอใจ
และต้องเรียกประชุมสภากอร์เตสเพ่ือขออนุมัติ แต่เน่ืองจากขุนนางและพระเป็นฐานันดรท่ีได้รับ
การยกเว้นภาษี การเรียกประชุมจึงกระทําเพ่อื ขออนุมตั จิ ากฐานันดรท่ีสาม
37
สเปน จักรวรรดิท่ีพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
ในทางตรงขา้ ม การปกครองของอาณาจกั รอารากอนมลี กั ษณะ
เป็นสมาพันธรัฐซ่ึงประกอบไปด้วยดินแดนอารากอน, คาทาโลเนีย,
บาเลนเซีย, หมู่เกาะแบลีแอริก, เกาะซาร์ดิเนีย และเกาะซิซิลี แต่ละ
ดินแดนมีกษัตริย์องค์เดียวกัน แต่ปกครองแยกออกจากกัน แต่ละ
ดินแดนมีสภากอร์เตส กฎหมาย ระบบเงินตราและการจัดเก็บภาษี
ของตนเอง มีการเก็บภาษีค่าผ่านทางภายในอาณาจักรเม่ือเดินทาง
ระหว่างดินแดน แต่ละดินแดนจัดประชุมสภากอร์เตสกันเอง มีการ
นัดประชุมสภากอร์เตสอย่างสม่ําเสมอ เช่น สภากอร์เตสของคาทา
โลเนียเรียกประชุมทุก 3 ปี สภากอร์เตสมีอํานาจในการออกกฎหมาย
กษัตริย์ไม่สามารถใช้อํานาจได้ตามอําเภอใจ นอกจากนี้เน่ืองจากสภา
กอร์เตสจัดประชุมนานๆ ครัง้ อาจทําให้ไม่สามารถบริหารได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพ ในแตล่ ะดนิ แดนจงึ จดั ตงั้ คณะกรรมการท่เี รยี กวา่ “เชเน
ราลิตัต” (Generalitat) หรือ “ดิปูตาซิโอ” (Diputació) ซ่ึงประกอบ
ไปด้วยผู้แทนจากสภากอร์เตสจํานวน 6 คนเพ่ือมาบริหารงานทัว่ ไป
ควบคุมดูแลการบังคับใชก้ ฎหมาย การจัดเก็บภาษี การจา่ ยภาษีใหก้ ับ
กษัตริย์ตามจํานวนท่ีได้รับอนุมัติจากสภากอร์เตส และเพ่ือปกป้อง
ผลประโยชน์ของดินแดน ดังนั้น กษัตริย์จึงใช้อํานาจได้อย่างจํากัด
และอยู่ภายใต้กฎหมาย กษัตริย์เฟอร์ดินันด์ตระหนักดีว่าพระองค์
มีอํานาจอย่างล้นเหลือในอาณาจักรคาสตีล แต่สามารถใช้อํานาจ
อย่างจํากัดในอาณาจักรอารากอน พระองค์ถึงกับกล่าวว่า “หากไม่มี
คาสตีล ก็ไม่มีการปกครอง”10
10 Alfredo Floristán, ed., Historia de España en la Edad Moderna (Barcelona: Ariel, 2015),
137.
38