ก
วธิ ีปฏิบตั ทิ ี่เปน็ เลศิ (Best Practices)
ในการพัฒนาเด็กปฐมวัยระดับจงั หวัด
ชื่อผลงาน
“กิจกรรมActive Learning พฒั นา EF ปฐมวยั ”
นางจริ วรรณ วงค์อรญั
ตาแหน่งครู
โรงเรียนบ้านส้มปอ่ ย อาเภอโนนดินแดง จังหวดั บุรีรมั ย์
สานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาบุรรี มั ย์ เขต ๓
ก
คานา
เอกสารฉบับน้ไี ดจ้ ดั ทาข้ึนเพื่อเป็นการรายงานผลการปฏบิ ตั ิงานท่ีเปน็ เลศิ (Best Practice)
เรื่อง การใช้รปู แบบของกิจกรรม Active Learning ส่งเสริมทักษะสมอง EF ของเด็กปฐมวัย โดย ความเป็นมาของ
Best Practice จุดประสงค์และเป้าหมายของการพัฒนาทักษะสมอง EF - Executive Functions ทักษะการ
บริหารจัดการตนเองข้ันสงู เป็นกระบวนการทางความคิดระดบั สงู ของสมองสว่ นหน้าที่มีความเกีย่ วข้องกบั ความคิด
ความรู้สึก และการกระทา เพื่อส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยมีทักษะสมองที่ดีและสามารถพัฒนาการท้ัง ๔ ด้านของเด็ก
ปฐมวัย รวมไปถึงการพัฒนาเองเติบโตเป็นผูใ้ หญ่ท่ีดีในอนาคตอีกด้วยเพราะการพัฒนาทักษะทางสมอง EF น้ันเป็น
พ้ืนฐานการคิดเป็น ทาเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น และปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อ่ืนอย่างมีความสุข อยู่กับคนอื่น
เป็น มคี วามสุขเป็นทจ่ี ะส่งผลในการใชช้ วี ติ ประจาวันอีกด้วย
ขอขอบคุณ นางวารุณี ก้านแก้ว ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านส้มป่อย และขอขอบคุณผู้มีส่วนเก่ียวข้องทุก
ฝา่ ยที่ใหค้ าปรึกษา การสนบั สนนุ ช่วยเหลอื และให้กาลงั ใจ จนผลงานประสบผลสาเร็จในคร้งั นี้
นางจริ วรรณ วงค์อรัญ
ครูโรงเรียนบา้ นส้มปอ่ ย
ข
สารบัญ
ชอ่ื ผลงาน……………………………………………………………………………………….……………………….………..….1
ช่อื ผู้นาเสนอผลงาน……………………………………………………………….………………………………..……….……๑
ความสาคญั ของผลงาน นวัตกรรมหรอื วิธีปฏิบัตทิ นี่ าเสนอ……………...……………………………………๑ - ๓
จุดประสงค์ และเป้าหมายของการดาเนินงาน……………………………..……………………………………………๓
กระบวนการผลติ ผลงาน หรอื ขน้ั ตอนการดาเนินงาน…………………………………………………………..๓ – ๖
ผลการดาเนินการ ผลสัมฤทธ์ิ และประโยชน์ทีไ่ ด้รบั ……………………………………………..…………….๖ – ๗
ปัจจยั ความสาเร็จ………………………………………………………………………………………………………………….๗
บทเรยี นท่ไี ด้รบั ……………………………………………………………………………………………………………………..๗
การเผยแพรแ่ ละการได้รับการยอมรบั ………………………………………………………………………………………๗
การขยายผลต่อยอด หรือประยกุ ตใ์ ช้ผลงาน นวตั กรรมหรอื แนวปฏิบตั ิ………………………………………..๘
1
๑.ช่ือผลงาน “กิจกรรมActive Learning พัฒนา EF ปฐมวัย”
๒.ช่อื ผนู้ าเสนอผลงาน นางจริ วรรณ วงค์อรญั
ตาแหนง่ ครู คศ.๑ โรงเรยี นบา้ นสม้ ป่อย
สงั กัด สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาบุรีรมั ย์ เขต 3
ตาบลสม้ ปอ่ ย อาเภอ โนนดินแดง จงั หวดั บรุ รี ัมย์ รหัสไปรษณีย์ ๓๑๒๖๐
E-mail [email protected] เว็บไซต์โรงเรียน https://sites.google.com/view/sompoi
๑.ความสาคญั ของผลงาน
ทักษะ EF หรือ Executive Functions ทักษะการบริหารจัดการตนเองข้ันสูง เป็นกระบวนการทางาน
ความคิดระดับสูงของสมองส่วนหน้าที่มีความเกี่ยวข้องกับความคิด ความรู้สึก และการกระทา เป็นทักษะที่ทุกคน
ต้องใช้และมีอิทธิพลต่อความสาเร็จในชีวิต ซ่ึงมนุษย์ไม่ได้เกิดมาพร้อมทักษะ EF แต่สามารถพัฒนาได้ด้วยการ
ฝกึ ฝนและพัฒนาอยา่ งต่อเนือ่ ง โดยช่วงเวลาท่ีดีท่ีสุดในการพัฒนาทกั ษะ EF คืออายุ 4 – 6 ขวบ เพราะสมองส่วน
หน้าพัฒนาได้มากที่สุด การคิดเป็น ทาเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น และปรับตัวเพ่ืออยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมี
ความสุข อยู่กับคนอ่ืนเป็น มีความสุขเป็น คือการฝึกทักษะสมองสาคัญท่ีเรียกว่า Executive Functions หรือ EF
ซ่ึงช่วยให้เด็กเติบโตได้อย่างมีคุณภาพและนาไปสู่ความสาเร็จในชีวิต โดยเฉพาะเด็กท่ีมีปัญหาทางด้านสมาธิ หาก
ไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างถูกต้องอาจทาให้มีปัญหาด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิต การเรียน และการเข้าสังคมในอนาคต
การฝึกทักษะสมองจึงเป็นสิ่งสาคัญที่ผู้ปกครองไม่ควรละเลย (พญ.มัณฑนา ชลานันต์ : กุมารเวช โรงพยาบาล
กรุงเทพ : www.bangkokhospital.com) EF หรือ Executive Function คือ ความสามารถที่เกิดจากการทางาน
ของสมองส่วนหน้าท่ีช่วยให้คนเราสามารถควบคุม ความคิด อารมณ์ พฤติกรรม เพ่ือให้ได้ผลลัพธ์ท่ีตนต้องการ
สาเร็จ โดยมีชอ่ื เรยี กในภาษาไทยไดห้ ลายอย่าง ไม่ว่าจะเปน็ “ความสามารถในการจัดการ” “ทักษะท่ีจาเปน็ ในการ
ทากิจทม่ี ีเป้าหมาย” หรือ “ทกั ษะการคดิ ” แม้ว่าปจั จบุ ันนกั วทิ ยาศาสตรย์ ังไมไ่ ด้ขอ้ สรุปท่ีตรงกนั เร่ืองหน้าที่ทงั้ หมด
ของ EF แต่ทฤษฎที ่ไี ด้จากการศึกษาสว่ นใหญเ่ ชอ่ื ว่า EF ประกอบไปดว้ ยหนา้ ท่ี 3 อย่าง คือ
• ความสามารถในการจดจา (Working Memory) ความสามารถของคนแต่ละคนที่จะจาข้อมูลต่างๆ ที่ได้
รับเข้ามาสู่สมอง และสามารถนาข้อมูลเหล่านี้ออกมาใช้ในเวลาต่อมาได้ ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่อ่านหนังสือเพื่อ
เตรียมสอบต้องใช้ EF ในการจาเน้ือหาที่อ่านเข้าไปได้ แล้วใช้ EF เพื่อนาเน้ือหาที่จานน้ั ออกมาตอบคาถามข้อสอบ
ถกู ตอ้ ง
• ความยืดหยุ่นทางความคิด (Cognitive Flexibility) ความสามารถที่ทาให้คนเราคิดเรื่องหนึ่งเร่ืองได้ใน
หลายๆ มุมมองหรือวิธีการ เด็กอาจจะใช้ความสามารถน้ีในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ข้อหนึ่ง โดยคิดวิธีคานวณได้
หลายวิธี หรือใช้หาความสมั พันธร์ ะหว่างของ 2 อย่างไดห้ ลายมุมมอง
2
• ความสามารถในการควบคุมและยับยั้งตนเอง (Inhibitory Control) ความสามารถในการเพิกเฉยต่อสิ่ง
เร้าต่างๆ ท่ีจะทาให้เราหลุดออกจากการทางานท่ีอยู่ตรงหน้าได้ รวมไปถึงความสามารถในการทนต่อส่ิงย่ัวยุทาง
อารมณ์ เด็กต้องใช้ EF เพื่อควบคุมตนเองระหว่างอยู่ในห้องเรียนไม่ให้พูดโพล่งระหว่างครูสอน หรือใช้คุมอารมณ์
ไม่ให้ทาพฤติกรรมหุนหนั พลันแล่นที่อันตรายได้ วัยเด็ก EF สาคัญอย่างมากตอ่ ความสาเร็จด้านการเรียนเพราะเด็ก
ใช้มันเพ่ือจดจาเนื้อหาท่เี รียน ทาตามคาสั่งไดต้ ่อเน่ือง หลีกเล่ียงต่อส่ิงเร้าท่ีจะทาให้วอกแวกกับการทางาน ปรับตัว
เม่ือมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ แก้ปัญหาต่างๆ ได้เหมาะสม และทางานที่ได้รับมอบหมายเป็นเวลายาวนานได้
นอกจากเรื่องการเรียนแล้วยังช่วยเรื่องสังคม เช่น การทางานเป็นกลุ่ม ความเป็นผู้นา กล้าคิดตัดสินใจ ปรับตัวกับ
การเปลี่ยนแปลง และทางานจนบรรลุเป้าหมาย EF ไม่ใช่สิ่งที่ติดตัวเรามาแต่กาเนิดแต่เป็นสิ่งท่ีสมองพัฒนาขึ้นได้
ซ่ึงในวัยเด็กจะเป็นช่วงที่สมองพัฒนา EF มากสุด โดยเฉพาะช่วงอายุ 3-5 ปี และจะพัฒนาไปเร่ือยๆ จนเข้าสู่ช่วง
ผู้ใหญ่ตอนต้นจงึ หยุดการเตบิ โต โดยส่ิงท่ีกระตุน้ ให้สมองพัฒนา EF คือ ประสบการณ์ชวี ิตท่ีได้รับในช่วงวัยเดก็ การ
มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง (แน่นอนว่าคนท่ีสาคัญที่สุดคือพ่อแม่) การได้มีโอกาสเรียนรู้ เล่น หรือทดลองส่ิงต่างๆ
ในขณะเดียวกันกม็ ีปจั จัยท่ีส่งผลเสียต่อการพฒั นา EF เชน่ การท่ีเดก็ มีความเครียดหรือมีโรคสมาธิส้ัน ซึ่งเป็นโรคท่ี
ส่งผลตอ่ การทางานของ EF โดยตรง (แพทย์หญงิ อรรตั น์ เชาว์กุลจรสั ศิริ : จิตแพทย์เด็กและวัยร่นุ โรงพยาบาลมนา
รมย์ : www.manarom.com)
เนื่องด้วยนักเรียนช้ันอนุบาลปีท่ี 3 โรงเรียนบ้านส้มป่อย หลังจากที่มีการปิดภาคเรียนเป็นเวลานานเน่ือง
ด้วยสถานการณ์โคโรน่าไวรัส ๑๙ ส่งผลกระทบให้เด็กนักเรียนไม่ได้รับการจัดประสบการณ์หรือการเรียนรู้ท่ี
ตอ่ เนื่อง ทาให้มีเด็กนักเรียนปัญหาเรื่องการไม่มีสมาธิในการทากิจกรรม วอกแวก ไม่จดจอ่ อยู่กับกิจกรรมท่ีทา อยู่
ไม่น่ิง ไม่สามารถคิดวางแผนง่ายๆได้ จากปัญหาท่พี บนี้ทาใหเ้ ด็กนักเรียนมพี ัฒนาการท่ีถดถอยลง ทางานล่าช้าและ
ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ซ่ึงคุณครูจะต้องคอยกระตุ้น ช่วยเหลือเด็กนักเรียนในการทากิจกรรมอยู่เสมอ ในปัจจุบัน
นักการศึกษา แพทย์กุมารเวชหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้ความสนใจเก่ียวกับ EF ทักษะ
สมองเพ่ือบริหารจัดการชีวิตให้สาเร็จ เป็นองค์ความรู้สมัยใหม่มากขึ้น เม่ือเราเข้าใจธรรมชาติของสมอง เข้าใจ
ธรรมชาติของพัฒนาการ 4 ด้านอย่างชัดเจน เราจะสามารถส่งเสริมพัฒนาการรอบด้านของเด็กได้ดีขึ้น คุณครู
เล็งเห็นว่าการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะสมอง EF จะเป็นตัวช่วยส่งเสริมพัฒนาเด็กนักเรียนได้ดี จึงนากิจกรรม
Active Learning จึงเป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการสร้างสรรค์ปัญญา (Constructivism) ท่ีเน้น
กระบวนการเรียนรู้มากกว่าเน้ือหาวิชา เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ หรือสร้างความรู้ให้เกิดข้ึนใน
ตนเอง ด้วยการลงมอื ปฏิบตั ิจริงผ่านสื่อหรอื กิจกรรมการเรียนรู้ ทม่ี ีครูผู้สอนเปน็ ผู้แนะนา กระตุ้น หรืออานวยความ
สะดวก ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การเรียนรู้ข้ึน โดยกระบวนการคิดข้ันสงู กล่าวคือ ผเู้ รยี นมกี ารวเิ คราะห์ สังเคราะห์ และการ
ประเมินค่าจากสิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมการเรียนรู้ ทาให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีความหมายและนาไปใช้ใน
สถานการณ์อ่นื ๆไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ (สถาพร พฤฑฒิกุล, 2558)
๔. จุดประสงค์และเปา้ หมายของการดาเนินงาน
เพื่อให้เดก็ นักเรยี นปฐมวยั ช้นั อนุบาลปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านส้มปอ่ ย ไดร้ ับการส่งเสรมิ พฒั นาการ 4 ดา้ น
และพัฒนาทักษะสมอง ให้คดิ เป็น ทาเป็น เรยี นร้เู ป็น แก้ปัญหาเป็น อยู่กับคนอ่ืนเป็น และมีความสุขเปน็ ดว้ ยการ
ใช้ทักษะสมอง EF ผ่านการจดั กจิ กรรม Active Learning ให้เด็กไดม้ ีการคิด พฒั นาศกั ยภาพทางสมอง ได้แก่ การ
คดิ การแกป้ ญั หา และการนาความรไู้ ปประยุกต์ใช้ มผี ลการประเมินพฒั นาการทางสมอง EF หลงั การจัดกจิ กรรม
Active Learning ของนกั เรียนชั้นอนบุ าลปที ี่ 3 โรงเรยี นบ้านสม้ ปอ่ ย มีพฒั นาการ 4 ดา้ นและการเรียนรู้ดขี ้ึน
3
เฉลยี่ รอ้ ยละ 80 ข้นึ ไป รวมไปถงึ เด็กนักเรียนมีทกั ษะการใช้ชีวิตประจาวนั ของตนเองและใชช้ วี ิต ทากิจกรรมอน่ื ๆ
ร่วมกับผู้อนื่ ไดด้ ี
เปา้ หมายของการดาเนนิ งาน
เชงิ ปริมาณ
นกั เรียน ชนั้ อนุบาลปที ี่ ๓ จานวน ๑๒ คน โรงเรยี นบา้ นสม้ ปอ่ ย สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา
ประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต ๓ ปกี ารศึกษา 256๔ มพี ฒั นาการทักษะสมองเพื่อจัดการชวี ิตใหส้ าเรจ็ (EF –
Executive Functions) ๙ ดา้ น มีพฒั นาการทด่ี ขี ้นึ เฉลี่ยรอ้ ยละ 80 ข้นึ ไป
เชงิ คณุ ภาพ
นักเรยี นช้นั อนบุ าลปีท่ี ๓ โรงเรียนบ้านส้มป่อย มมี ีพฒั นาการทกั ษะสมองเพื่อจัดการชีวิตใหส้ าเรจ็
(EF – Executive Functions) ๙ ดา้ น อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
๕. กระบวนการผลิตผลงาน
ขน้ั ตอนที่ ๑ วเิ คราะห์สภาพปญั หาภายในโรงเรียนเกยี่ วกับคุณลักษณะของนักเรยี นโดยการสารวจ
พฤติกรรมนกั เรียนเกี่ยวกับคุณลักษณะของนักเรยี น จัดทาแบบสังเกตพฤติกรรมคุณลักษณะที่ไม่พง่ึ ประสงคข์ อง
นกั เรียนแล้วสรุปปญั หา
ขน้ั ตอนท่ี ๒ วางแผนและออกแบบกิจกรรมการจัดประสบการณ์
ขนั้ ตอนท่ี ๓ ดาเนนิ การปฏิบัติกจิ กรรม
ขนั้ ตอนท่ี ๔ ประเมินผลการดาเนินกิจกรรมวา่ ประสบผลสาเร็จหรือไม่ หากไม่สาเรจ็ กป็ รบั ปรุงแก้ไข
ข้นั ตอนที่ ๕ สรุปผลการดาเนินกิจกรรม
ขน้ั ตอนที่ ๖ รายงานผลการจัดกจิ กรรมต่อผู้อานวยการโรงเรียน เผยแพร่และประชาสัมพันธ์กิจกรรม
4
ลาดับขน้ั ตอนกระบวนการ (Flow chart)
การดาเนนิ งาน
“Active Learning พฒั นาEF ปฐมวยั ”
การบรหิ ารงานกจิ กรรม
สารวจพฤติกรรมนักเรียน Action
Plan
วางแผน
Do ดาเนนิ กจิ กรรม
Check ประเมินผลการดาเนินกิจกรรม
บรรลุหรอื ไม่ N
ปรับปรุง/
แก้ไข (A)
Y
สรุปผลการดาเนินกจิ กรรม
รายงานผล/เผยแพร่
ประชาสัมพันธ์
5
กรอบความคิด
๖. ผลการดาเนนิ การ ผลสมั ฤทธ์ิ ประโยชน์ท่ไี ด้รบั
1. เด็กนักเรียน ชนั้ อนบุ าล ๓ จานวน ๑๒ คน ปีการศกึ ษา 256๔ มีพัฒนาการทางพฤติกรรมด้านทักษะ
สมอง EF สงู ข้ึน ซึง่ ดูได้จากผลแบบบนั ทกึ ผลการสังเกตพฤตกิ รรมดา้ นทักษะสมอง EF เดก็ ปฐมวัยขณะทากจิ กรรม
ทงั้ น้อี าจเน่ืองมาจาก การจัดกจิ กรรม เปน็ กิจกรรมท่ีเด็กช่ืนชอบ สามารถดงึ ดูดความสนใจและทาให้เดก็ เกิดความ
สนกุ สนาน
2. เด็กมีสมาธิเพมิ่ ขึ้นจากชุดกจิ กรรมพัฒนาสอ่ื EF เล่นล้อมรกั และกจิ กรรมที่ครูจัดให้
6
๗. ปจั จัยความสาเรจ็
๗.1. ผู้บริหารใหค้ วามสาคญั และไดร้ บั การสนับสนุน ส่งเสรมิ ตอ่ การพฒั นาศักยภาพเดก็ นักเรียนปฐมวัย
๗.2. ได้รบั การมสี ว่ นรว่ ม ความร่วมมือของเดก็ นักเรยี น ผู้ปกครอง บุคลากรของโรงเรียนบ้านส้มป่อยใน
การใหค้ าปรึกษาให้คาแนะนาในการออกแบบกจิ กรรม ส่อื นวัตกรรมและการทากิจกรรม
๗.3. ความพรอ้ มของวสั ดุอุปกรณแ์ ละเทคโนโลยีทเ่ี หมาะสม
๗.4. ผู้ปฏบิ ตั ิงานมคี วามพร้อมและความต้ังใจท่นี าประสบการณก์ ารทางานมาพฒั นาทักษะสมองของเด็ก
นักเรยี นปฐมวยั ใหม้ กี ารพัฒนาและดขี นึ้
๘. บทเรยี นทไ่ี ดร้ ับ /ข้อเสนอแนะ /ข้อควรระวงั (Lesson Learned)
๘.๑ บทเรียนทีไ่ ด้รบั
๘.1.๑ ผู้ปฏิบตั ิงานไดศ้ ึกษาและสืบคน้ เกี่ยวกับการนากิจกรรมรปู แบบ Active Learning มาพัฒนาทักษะ
สมอง EF เพ่อื นามาจัดกิจกรรมในการวจิ ัยครง้ั นี้ในเชงิ ลึก ทาให้เข้าใจกระบวนการ บทบาทของครูและได้ความรู้
มากขนึ้ ศกึ ษาข้ันตอน/รปู แบบการพฒั นาทักษะสมองเพื่อนามาปรบั ใช้กบั เด็กนักเรียนให้เปน็ ไปตามบริบทของเด็ก
และบริบทของโรงเรียน
๘.2.๒ การปฏบิ ตั ิงานท่ีเป็นระบบมแี นวปฏิบตั ิท่ีชดั เจน มีการวางแผน มีการสนบั สนนุ ส่งผลให้งาน
บรรลผุ ลสาเรจ็ ตามเป้าหมายทวี างไว้ สง่ ผลให้งานประสบผลสาเร็จไดผ้ ลงานที่มคี ุณภาพ
๘.3.๓ เดก็ นกั เรยี นได้รบั การพัฒนาทักษะสมอง EF ทช่ี ว่ ยให้พัฒนาสมองส่วนหนา้ ที่ ควบคุมอารมณ์ มี
สมาธิ การจดจอ่ และมีการยับย้งั ช่งั ใจได้ดียิง่ ข้นึ ซง่ึ ต้องอาศัยความรว่ มมอื จากผู้ปกครอง บทบาทของคณุ ครูผู้ท่ีชว่ ย
ส่งเสริมและตวั เดก็ เองทจ่ี ะเพื่อพัฒนาทักษะสองให้ดีขึน้ โดยเริ่มจากปฐมวยั เปน็ ข้ันแรกเพือ่ สง่ ผลการเป็นผใู้ หญ่ทด่ี ี
ในอนาคต
๘.๒ ข้อเสนอแนะ
๘.๒.1 ควรนาไปตอ่ ยอดในการสร้างสื่อพัฒนาทักษะดา้ นอน่ื ๆทนี่ กั เรียนควรรู้ หรอื กิจกรรมท่ีหลากหลาย
นา่ สนใจ
๘.๒.๒ ควรเลอื กกิจกรรมทเ่ี ด็กๆสนใจ
๘.3 ขอ้ ควรระวัง
๘.๓.๑ การใช้อุปกรณ์การทากจิ กรรม ควรอยู่ในความดูแลของครู เนือ่ งจากเป็นสื่อท่ีใช้กับนกั เรยี นวัยเลก็
เป็นสว่ นใหญ่ นักเรียนอาจทาใหส้ อื่ ก่อเกดิ ความเสยี หายได้ (ใช้กรรไกรตดั , พับเล่น ,กาวฯลฯ)
๙. การเผยแพร่ การได้รบั การยอมรบั รางวัลที่ได้รบั
7
๙.1 เผยแพร
1. เผยแพรใน Page Facebook หอ้ งส่ือครแู จงและ กลุ่มเพจเพ่อื นครูปฐมวยั
2. เผยแพรผลงานให้กับผู้ทสี่ นใจศึกษาดูงานให้กับโรงเรยี นตา่ งๆ ในเครือข่าย และจัดกจิ กรรมแสดงผลงาน
แลกเปล่ยี น
3. เผยแพรผลงานไปยังเวบไซต์โรงเรยี นบา้ นส้มปอ่ ย
๙.2 การไดรับการยอมรับ
รางวัลทไี่ ดรับ
-ไดรับเกียรตบิ ตั ร รางวลั Best Practice ระดบั ดี การประกวดคดั เลือก Best Practice ประเภทครผู ู้สอน
โครงการโรงเรยี นสจุ ริต จากสานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาบรุ รี มั ย์ เขต 3
-ไดรับเกยี รติบัตร รางวลั Best Practice ระดบั ดีเยยี่ ม ระดับกลุม่ โรงเรียนโนนดนิ แดง ประจาป 256๔
-ไดรับเกียรตบิ ัตร รางวัล งานวจิ ยั ระดับดีเยย่ี ม ระดบั กล่มุ โรงเรียนโนนดนิ แดง ประจาป 256๔
-ไดรับเกยี รตบิ ัตร รางวลั Best Practice ดีเดน่ ระดบั กล่มุ โรงเรียนโนนดินแดง ประจาป 2563
-ได้รบั รางวัล ครปู ฐมวยั ดีเด่น ระดบั กลุ่มโรงเรียนโนนดนิ แดง ปกี ารศึกษา 2562 รบั เกียรติบตั ร จากกลุ่ม
โนนดินแดง
10. การขยายผลต่อยอด หรอื ประยุกต์ใช้ผลงาน นวตั กรรมหรอื แนวปฏิบัติ
จากการศึกษาหาข้อมลู และการทาผลงาน เพ่ือส่งเสริมทักษะสมอง EF ของเด็กนักเรียนช้ันอนุบาลปที ่ี 3
โรงเรยี นบ้านสม้ ปอ่ ย โดยการใช้กิจกรรม Active Learning พัฒนาทักษะ EF พบวา่ นอกจากจะส่งเสริมในดา้ นการ
เรยี นแลว้ น้ัน ยังสามารถพัฒนาการทั้ง ๔ ด้านของเด็ก รวมไปถึงการพัฒนาเองเติบโตเปน็ ผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตอกี
ด้วย เพราะการพฒั นาทักษะทางสมอง EF นั้นเปน็ พ้นื ฐานการคดิ เปน็ ทาเป็น เรียนร้เู ป็น แกป้ ญั หาเป็น และ
ปรับตัวเพอ่ื อยรู่ ่วมกับผู้อ่ืนอย่างมีความสขุ อยู่กบั คนอนื่ เป็น มคี วามสขุ เป็นที่จะสง่ ผลในการใชช้ ีวติ ประจาวันดว้ ย
เป็นเหตุผลวา่ ทาไมเราจงึ ต้องสง่ เสริมทกั ษะสมอง EF การพัฒนาสมองส่วนหนา้ ต้ังแตป่ ฐมวยั เพราะเปน็ ชว่ งท่สี มอง
พัฒนา EF มากสุด โดยเฉพาะชว่ งอายุ 3-5 ปี ทางดา้ นผู้จดั ทาผลงานจะขยายผลนไ้ี ปยงั ผู้ปกครองทเ่ี ป็นด่านแรก
ของการส่งเสรมิ ทักษะสมองนี้ใหเ้ ข้าใจและรวมถงึ เพ่ือนรว่ มอาชีพภายในสถานศกึ ษาและภายนอกสถานศึกษาใน
ระดบั ปฐมวยั เพ่ือร่วมกันส่งเสรมิ เดก็ ปฐมวัยต่อไป
บรรณานกุ รรม
8
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2560). หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศักราช 2560.
กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ชมุ ชุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย
กุลยา ตันติผลาชวี ะ. (2546). การจัดการเรียนรสู้ าหรบั เด็กปฐมวยั . กรุงเทพฯ: เอดสิ ันเพรส
โปรดกั ส.์
สานักงานกองทนุ สนับสนนุ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.). (2561). คมู่ ือพัฒนาทักษะสมอง EF Executive
Functions สาหรบั ครปู ฐมวัย. กรุงเทพฯ: บรษิ ทั มตชิ น จากัด (มหาชน)
9
ภาคผนวก
-ภาพกิจกรรม
-ตารางผลประเมนิ
10
ภาพกิจกรรม Active Learning
พฒั นา EF ปฐมวัย
ภาพกิจกรรม Active Learning 11
พฒั นา EF ปฐมวัย
12
ผลการสังเกตพฤติกรรมดา้ นทักษะสมอง EF เด็กปฐมวัยขณะทากจิ กรรม
(ก่อนการจัดประสบการณ์โดยใชน้ วัตกรรม ขณะเด็กทากิจกรรม)
ทักษะสมอง EF ๙ ด้ำน
กลมุ่ ทักษะพ้ืนฐำน กลมุ่ ทักษะกำกับตนเอง กลมุ่ ทักษะปฏิบัติ
ท่ี ชอื่ -สกุล จำเพ่อื ยงั้ คิด ยืดหยนุ่ จดจ่อ ควบคุม ติดตำม รเ่ิ รมิ่ วำงแผน ม่งุ รวมคะแนน รอ้ ยละ
ใช้งำน ไตรต่ รอง ควำมคิด ใส่ใจ ตนเอง ประเมิน และลง จัดระบบ เป้ำหมำย
๑ เด็กชำยจิตติพัฒน์ ใจกลำ้ ตนเอง มือทำ ดำเนนิ กำร
๒ เด็กชำยพฒุ ธิ ร ยอดคง
๓ เด็กชำยพชร พรมษำ ๑ ๒ ๑๒๒ ๑ ๑ ๑ ๒ ๑๓ 48.15
๔ เด็กชำยกัญจน์ พรหมอำรีย์
๕ เด็กชำยปฏิคม กำงเนตร ๒ ๒ ๑๒๑ ๑ ๑ ๑ ๒ ๑๓ 48.15
๖ เด็กชำยศุภณฐั แจ่มใส
๗ เด็กชำยณฐั กำนต์ ไทยลอื นำม ๑ ๒ ๑๑๒ ๑ ๑ ๑ ๒ ๑๒ 44.44
๘ เด็กหญิงรัญชนำ มีเขมำ
๙ เด็กหญิงเบญญำภำ มำศเลงิ ๑ ๑ ๑๒๑ ๑ ๑ ๑ ๑ ๑๐ 37.04
๑๐ เด็กหญิงกญั ญำณฐั สุระสังข์
๑๑ เด็กหญิงกมลวรรณ ทองคำนชุ ๒ ๒ ๒๒๒ ๑ ๑ ๑ ๒ ๑๕ 55.56
๑๒ เด็กหญิงขรินทร์ทิพย์ บุรำนอก
๑ ๑ ๑๒๑ ๑ ๒ ๑ ๑ ๑๑ 40.74
๑ ๑ ๑๑๑ ๑ ๑ ๑ ๑ ๙ 33.33
๒ ๑ ๑๒๑ ๑ ๑ ๑ ๑ ๑๑ 40.74
๒ ๒ ๒๒๒ ๑ ๑ ๑ ๒ ๑๕ 55.56
๑ ๒ ๑๒๒ ๑ ๑ ๑ ๒ ๑๓ 48.15
๑ ๑ ๑๒๒ ๑ ๑ ๑ ๒ ๑๒ 44.44
๒ ๒ ๑๒๒ ๑ ๑ ๑ ๒ ๑๔ 51.85
ผลการสังเกตพฤติกรรมด้านทักษะสมอง EF เด็กปฐมวัยขณะทากจิ กรรม
(หลังการจดั ประสบการณโ์ ดยใช้นวัตกรรม ขณะเด็กทากิจกรรม)
กลมุ่ ทักษะพืน้ ฐำน ทักษะสมอง EF ๙ ด้ำน กลมุ่ ทักษะปฏิบัติ
กลมุ่ ทักษะกำกบั ตนเอง
ที่ ชอื่ -สกลุ จำเพ่อื ใช้ ยง้ั คิด ยืดหยนุ่ ควบคุม ติดตำม รเ่ิ รมิ่ และ วำงแผน มงุ่ รวมคะแนน รอ้ ยละ
งำน ไตร่ตรอง ควำมคิด ตนเอง ประเมิน ลงมือทำ จัดระบบ เป้ำหมำย
จดจ่อใส่ใจ ตนเอง ดำเนนิ กำร
๑ เด็กชำยจิตติพฒั น์ ใจกลำ้ ๓ ๓ ๒ ๓ ๒ ๒ ๓ ๒ ๓ ๒๓ 85.19
๒ เด็กชำยพฒุ ธิ ร ยอดคง ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๒ ๓ ๒๖ 96.30
๓ เด็กชำยพชร พรมษำ ๓ ๒ ๒ ๓ ๓ ๓ ๓ ๒ ๓ ๒๔ 88.89
๔ เด็กชำยกัญจน์ พรหมอำรีย์ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๘ 66.67
๕ เด็กชำยปฏิคม กำงเนตร ๓ ๓ ๓ ๓ ๒ ๓ ๓ ๓ ๓ ๒๖ 96.30
๖ เด็กชำยศุภณฐั แจ่มใส ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๘ 66.67
๗ เด็กชำยณฐั กำนต์ ไทยลอื นำม ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑ ๒ ๑๗ 62.96
๘ เด็กหญิงรญั ชนำ มีเขมำ ๓ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๒ ๑๙ 70.37
๙ เด็กหญิงเบญญำภำ มำศเลงิ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๒ ๒ ๓ ๒๕ 92.59
๑๐ เด็กหญิงกัญญำณฐั สุระสงั ข์ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๒ ๓ ๒๖ 96.30
๑๑ เด็กหญิงกมลวรรณ ทองคำนชุ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๒ ๒ ๓ ๒๕ 92.59
๑๒ เด็กหญิงขรินทร์ทิพย์ บุรำนอก ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๓ ๒ ๓ ๒๖ 96.30
13
แผนภูมิแสดงผลการประเมนิ เปรียบเทียบการจัดกจิ กรรมพัฒนาทักษะ EF
120.00
100.00
80.00
60.00
40.00
20.00
0.00
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒
ก่อน หลงั
คาช้แี จง ให้พิจารณารายการประเมนิ หรอื พฤติกรรมต่อไปน้ี แลว้ ใหร้ ะดับคะแนนท่ตี รงกบั การปฏบิ ตั ขิ องนักเรียน
ตามความเป็นจรงิ
ระดับคะแนน ๓ หมายถึง ปฏบิ ตั ไิ ดค้ ล่องแคล่ว
ระดบั คะแนน ๒ หมายถึง ปฏบิ ตั ไิ ดบ้ างคร้ัง
ระดับคะแนน ๑ หมายถึง ควรเสรมิ
14
ชอ่ งทางการเผยแพร่ผลงาน
หอ้ งส่ือครแู จง
หอ้ งอนุบาลโรงเรียนบ้านส้มปอ่ ย
https://contentcenter.obec.go.th
https://inskru.com
Jirawan wongaran
เวบไซตโ์ รงเรยี นบา้ นสม้ ป่อย
https://sites.google.com/view/sompoi