The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เฉลยส่งกำลังรถยนต์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kriangsak, 2022-05-05 04:12:45

เฉลยส่งกำลังรถยนต์

เฉลยส่งกำลังรถยนต์

1

เฉลยงานส่งกาลังรถยนต์

หน่วยท่ี 1

ตอนท่ี 1 อธบิ ายความหมายของคาหรือขอ้ ความ

1. หลกั การใช้เครอื่ งมือทถ่ี กู ตอ้ งคืออะไร
หลักการพ้ืนฐานการใช้เคร่ืองมอื มดี งั นี้
1. ศึกษาวิธีการใช้และหน้าที่ให้ถูกต้อง
2. ศกึ ษาการใช้เคร่ืองมอื ใหถ้ กู กับงาน
3. เลอื กใช้ให้ถกู ต้อง
4. จัดเก็บใหเ้ ปน็ ระเบยี บ
5. ดแู ลรักษาเครือ่ งมืออย่างเครง่ ครัด

2. ขอ้ ดขี องประแจเลือ่ นคืออะไร
สามารถปรบั ขนาดของปากประแจใหพ้ อดกี ับหวั นอตได้หลายขนาด

3. เครอ่ื งมือชนิดใดท่ีสามารถออกแรงขนั ได้มาก และใช้ขนั หรอื คลายโบลต์และนัตได้ดีท่สี ดุ
ชุดประแจกระบอก เพราะมีลักษณะปากประแจเป็นแบบ 6 เหลี่ยม หรือ 12 เหลี่ยม มีหลายขนาด
มดี า้ มขนั หลาย ๆ แบบ มขี ้อต่อในกรณนี ตั อย่ลู ึก

4. เมื่อตอ้ งการขันหรอื คลายนตั และโบลต์ทีอ่ ยู่ลกึ ในระดับแคบ ควรเลือกเคร่ืองมือชนิดใดรว่ มกับดา้ มขัน
ใชช้ ดุ ประแจกระบอกแบบลึกพิเศษและตอ่ ด้วยกา้ นต่อด้ามขัน

5. เคร่อื งท่ใี ช้สาหรบั ตอกตาแหน่งบนชิ้นงานกอ่ นเจาะคืออะไร
การตอกตาแหน่งบนชิ้นงานก่อนเจาะจะใช้เหล็กตอกหมายตอกนาครั้งแรกก่อน หลังจากน้ันใช้
เหล็กนาศูนย์ตอกตาม

2

ตอนที่ 2 จงเลอื กคาตอบท่ีถูกตอ้ งที่สุดเพยี งคาตอบเดยี ว

1. เครอื่ งมอื ท่ใี ชส้ าหรบั ขันโบลตแ์ ละขันนัตใหไ้ ดแ้ รงขันเทา่ กันคือข้อใด
ก. ประแจวดั แรงบดิ

2. ข้อใดคอื วธิ ีการขันหรือคลายโบลตแ์ ละนตั ที่ถูกตอ้ ง
ไม่มคี าตอบท่ีถกู ต้อง

3. ค้อนชนิดใดป้องกนั ไมใ่ ห้ชน้ิ สว่ นของงานเสียหายได้
ข. คอ้ นยาง

4. คมี ชนิดใดเหมาะสาหรบั จบั ช้ินงานใหแ้ น่นมากๆ
ค. คีมลอ็ ก

5. ถ้าตอ้ งการคลายสกรแู น่นมากๆ ควรใชเ้ คร่อื งมอื ชนิดใด
ก. ไขควงตอก

6. ด้ามขันชนิดใดที่ใชส้ าหรับขนั หรือคลายโบลตแ์ ละนัตที่แนน่ มากๆ
ค. ดา้ มขันยาว

7. ประแจชนดิ ใดทใ่ี ช้สาหรับเริม่ ต้นการขนั หรือคลายโบลต์และนตั
ค. ประแจรวม

8. ขอ้ ใดคือวธิ ีการขนั หรอื คลายโบลตแ์ ละนัตทีถ่ กู ต้อง
ค. ดึงประแจเขา้ หาตัว

9. ประแจในข้อใดไมเ่ หมาะกบั งานทใี่ ช้แรงขันมากๆ
ง. ประแจปากตาย

10. การขนั โบลตฝ์ ากสบู ในลาดบั สุดท้ายควรเลอื กใชเ้ ครือ่ งมอื ชนิดใด
ก. ประแจวดั แรงบิด

3

หน่วยที่ 2

ตอนท่ี 1 จงอธิบายความหมายของคาหรอื ข้อความตอ่ ไปน้ี

1. รถยนต์ประกอบด้วยสว่ นทีส่ าคัญ คืออะไร

1. เครื่องยนต์ 4. ตัวถงั

2. โครงรถ 5. อุปกรณ์ต่าง ๆ

3. การสง่ กาลัง

2. ระบบสง่ กาลังประกอบด้วยส่วนท่สี าคญั อะไรบา้ ง

1. คลัตช์ 4. เฟืองทา้ ย

2. กระปุกเกียร์ 5. เพลาทา้ ย

3. เพลากลาง

3. การขบั เคล่ือนของรถยนต์โดยทัว่ ไปแบง่ ออกได้กี่ประเภท

การขบั เคล่ือนรถยนต์แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท

1. ขับเคลื่อนล้อหลัง

2. ขับเคล่อื นล้อหน้า

3. ขบั เคลื่อน 4 ล้อ

4. ข้อแตกต่างระหวา่ งการขับเคลือ่ นลอ้ หนา้ กบั การขบั เคลอื่ นลอ้ หลังท่สี าคัญคอื อะไร
ขอ้ แตกตา่ งระหว่างการขับเคลื่อนล้อหน้ากับการขับเคลื่อนล้อหลงั ที่สาคญั คอื
1. การวางตวั เครอ่ื งยนต์
ขับเคล่ือนลอ้ หน้าวางขวางกับตัวรถ ขบั เคลอื่ นล้อหลงั วางขนานกับตวั รถ
2. ระบบสง่ กาลงั
ขบั เคล่อื นลอ้ หน้าส่งกาลงั จากกระปุกเกียร์ไปยังเพลงขับล้อหน้าโดยตรง ส่วนขับเคลื่อนล้อหลัง
จะมกี ารส่งกาลงั จากกระปุกเกยี ร์ไปยงั เพลากลาง ต่อไปยังเฟอื งท้าย จนถึงเพลาขบั ล้อหลัง

5. อัตราทดของเฟอื ง หมายถงึ อะไร
อัตราทดของเฟือง หมายถึง อัตราส่วนระหว่างอัตราเร็วของเฟืองขับกับอัตราเร็วของเฟืองตาม
เช่น อัตราทดของเฟืองมีค่า 2.5:1 อัตราเร็วของเฟืองขับ 250 rpm อัตราเร็วของเฟืองตามหมุนจะ
มีค่า 100 rpm

4

6. แรงบิด หมายถงึ อะไร
แรงบิด หมายถงึ แรงพยายามทจ่ี ะบิดหรือหมุน เช่น แรงบิดของเคร่ืองยนต์ เป็นความพยายามใน
การบิดของเพลาข้อเหว่ียงทาให้เพลาข้อเหวี่ยงหมุนและจ่ายแรงบิดผ่านระบบส่งกาลังไปยังเพลา
ต่างๆ

ตอนที่ 2 จงเลอื กคาตอบทถี่ ูกตอ้ งทสี่ ดุ เพยี งคาตอบเดียว

1. กาลังผลักดนั ลูกสบู ผา่ นก้านสบู หมนุ เพลาชนิดใดก่อน
ก. เพลาข้อเหวยี่ ง

2. การส่งผ่านกาลังของเครื่องยนต์จะสง่ ผ่านสง่ิ ใด
ง. กระปุกเกียร์

3. ตวั กลางทที่ าหนา้ ท่ีติดต่อกาลังทส่ี ง่ จากเครอ่ื งยนต์ คือข้อใด
ข. คลัตช์

4. อปุ กรณท์ ี่ทาหน้าท่ีเปลย่ี นกาลังและอตั ราเร็วของเคร่ืองยนต์คือข้อใด
ก. กระปุกเกียร์

5. อุปกรณ์ท่ีทาหน้าทส่ี ่งกาลงั จากห้องเกยี ร์ไปยังเฟอื งทา้ ยคอื ข้อใด
ข. เพลากลาง

6. อปุ กรณ์ท่ีจะทาใหล้ ้อหมุนไม่เท่ากันขณะรถเลี้ยวคอื ขอ้ ใด
ค. เฟืองท้าย

7. ชุดเฟอื งท้ายตอ่ กับกระปุกเกยี ร์โดยไมใ่ ช้เพลากลาง เป็นการขับเคล่อื นแบบใด
ก. ขบั เคลอ่ื นล้อหนา้

8. ข้อดขี องรถยนต์ทข่ี ับเคล่ือนลอ้ หนา้ คอื ขอ้ ใด
ง. ถกู ทุกข้อ

9. สภาวะปกตริ ถขบั เคลอ่ื นส่ลี อ้ จะขบั เคลือ่ นแบบใด
ก. ขับเคล่อื นลอ้ หลัง

10. ระบบขับเคลอ่ื นสี่ลอ้ แตกต่างจากการขบั เคล่อื นทัว่ ไปอยา่ งไร
ง. เปลีย่ นระบบการขับเคลอื่ นได้

5

หนว่ ยที่ 3

ตอนที่ 1 จงอธบิ ายความหมายของคาหรือข้อความต่อไปน้ี

1. หนา้ ทขี่ องคลตั ช์ คืออะไร
คลัตช์มหี น้าทด่ี ังน้ี
1. ตดั ตอ่ กาลังงาน
2. ป้องกันไม่ใหเ้ กิดเสยี งดงั ขณะเขา้ เกยี ร์
3. ปอ้ งกนั การชารดุ เสียหายของฟันเฟือง
4. สะดวกในการเปล่ยี นเกียร์

2. คลัตช์ประกอบดว้ ยส่วนท่ีสาคัญอะไรบ้าง 6. ชุดกดแผน่ คลตั ช์
1. ฝาครอบคลัตช์ 7. ป๊ัมคลตั ช์ตัวบน
2. ล้อช่วยแรง 8. ปั๊มคลตั ช์ตัวล่าง
3. แผน่ คลัตช์ 9. อปุ กรณ์กลไกควบคุมการทางานของคลตั ช์
4. ผ้าคลัตช์ 10. เพลาคลัตช์ (Clutch Shaft)
5. ลูกปืนคลัตช์

3. การต่อกาลงั มลี ักษณะการทางานอยา่ งไร
การต่อกาลังของคลัตช์ มีการทางานโดยเร่ิมจากคลัตช์ประกอบเข้ากับล้อช่วยแรง แล้วแรงดัน
สปริงจะดันแผ่นกดคลัตช์ให้ติดสนิทกับล้อช่วยแรงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น แผ่นคลัตช์จึงหมุนไป
พร้อมกับล้อช่วยแรงและแผ่นกดคลัตช์ เพลาคลัตช์ซึ่งทาเป็นร่องสไปลน์สวมอยู่กับแผ่นคลัตช์ก็
จะหมนุ ไปดว้ ย ทาให้กาลังของเครื่องยนต์ผ่านคลตั ชไ์ ปยังเกียร์

4. คลัตช์ลื่นมวี ธิ กี ารสังเกตอยา่ งไร
วธิ ีสังเกตว่าคลัตช์ล่ืนขณะขับคือ
1. ระหว่างเรง่ เคร่ืองออกรถ ความเรว็ จะไมต่ อบสนองทันที
2. อัตราความเรว็ ของรถไม่ได้เต็มที่
3. กาลงั ของเครือ่ งยนต์ต่า ไม่เพยี งพอเม่ือขับข้ึนท่ีสงู
4. สิ้นเปลืองเชื้อเพลงิ มากกวา่ ปกติ

6

5. การทดสอบวา่ คลัตช์ล่ืนมีวธิ กี ารอยา่ งไร
1. เหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 4 จากนั้นเร่งเคร่ืองยนต์ขึ้นอย่างช้าๆ ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ ผ่อนคัน
เหยียบคลัตช์ ถ้าคลัตช์อยู่ในสภาพดีเคร่ืองยนต์จะส่ันและดับทันที ถ้าเคร่ืองยนต์ไม่ส่ันหรือดับก็
แสดงวา่ คลัตช์ลน่ื
2. ดึงเบรกมือ สตาร์ตเคร่ืองเพ่ือให้เคร่ืองยนต์ทางาน เหยียบคลัตช์เข้าเกียร์ 1 หรือเกียร์ 2
จากน้นั ค่อยๆ ปล่อยคลัตชพ์ รอ้ มกับเร่งเครื่องยนต์ ถ้าเคร่ืองยนต์ดับแสดงว่าคลัตช์อยู่ในสภาพดี
ถา้ เคร่ืองยนต์ไมด่ ับแสดงวา่ คลตั ช์ล่ืน

ตอนที่ 2 จงเลอื กคาตอบที่ถกู ต้องทีส่ ุดเพียงคาตอบเดยี ว

1. คลตั ชข์ องระบบสง่ กาลังอย่รู ะหว่างสง่ิ ใด
ง. เครื่องยนต์กับกระปุกเกียร์

2. แผ่นคลัตช์ติดตั้งอยู่ในตาแหน่งใด
ข. แผ่นกดคลตั ช์กับกระปุกเกียร์

3. แผ่นกดคลัตชม์ ีความร้อนสงู จะทาใหเ้ กิดอะไร
ง. คลตั ช์จะลน่ื

4. สปรงิ ขดรอบแผ่นคลัตชม์ ีหนา้ ทอ่ี ย่างไร
ค. เพือ่ ให้เกิดความสมดลุ

5. ลูกปืนคลตั ชจ์ ะทางานเม่ือใด
ข. เมือ่ เวลาไม่ได้ใชค้ ลตั ช์

6. แมป่ ั๊มคลัตชจ์ ะทาหน้าที่ใด
ก. เปล่ียนกาลงั จากของเหลวเป็นกาลังกล

7. คลตั ช์มเี สยี งดงั เกดิ จากข้อใด
ก. ปรับระยะแผ่นของคลัตชไ์ มถ่ ูกต้อง

8. แผน่ คลัตช์ไมค่ วรขาดสมดลุ เกินเทา่ ใด
ไมม่ ีคาตอบท่ีถกู ต้อง

7

9. แผ่นคลตั ชส์ กึ จะทาให้เป็นอย่างไร
ง. คลัตชล์ น่ื

10. การปรับตั้งคลัตชเ์ พอ่ื ให้เกดิ ตามขอ้ ใด
ก. แผ่นกดคลัตช์กดจานคลตั ชไ์ ด้เตม็ ที่

หนว่ ยที่ 4

ตอนที่ 1 จงอธบิ ายความหมายของคาหรือขอ้ ความต่อไปน้ี

1. การเปลย่ี นอัตราทด หมายถงึ อะไร
การเปลี่ยนอัตราทด หมายถึง การเปล่ียนอัตราทดของเฟืองจากเครื่องยนต์มาเพิ่มแรงบิดให้กับ
เพลา ทาใหร้ ถยนตว์ ิง่ เร็วข้นึ

2. เกยี รใ์ นระบบส่งกาลังรถยนต์ทาหน้าทอ่ี ย่างไร
เกียร์ทาหน้าท่ี
1. เพ่ิมแรงบดิ
2. เปล่ยี นอัตราทดเครื่องยนต์
3. ขบั เคลอ่ื นถอยหลัง
4. ตดั กาลังรถยนต์
5. เบรกด้วยเครอื่ งยนต์

3. เกยี ร์แบบซิงโครเมชแต่ละชนิดจะมีสว่ นประกอบท่เี หมือนกันคืออะไร
1. เฟืองเกยี ร์
2. ปลอกเลื่อน
3. ดมุ คลัตช์

4. ซิงโครเมชแบบเซอรโ์ วมีวิธกี ารเข้าเกียรอ์ ย่างไร
ซิงโครเมชแบบเซอร์โว มีวิธีการเข้าเกียร์โดยวิธีเล่ือนปลอกเข้าหาฟันคลัตช์ของเฟืองเกียร์
ดมุ ปลอกเล่อื นติดแนน่ กบั เพลากาลัง บ่าในปลอกเลื่อนท่ีหัวฟันปลอกเลื่อนเป็นบ่ามน เพื่อให้เป็น
บ่าบีบแหวนซิงโครไนส์ท่ีมีเส้นผ่านศูนย์กลางนอกใหญ่กว่าให้เล็กลงได้ ปลอกเลื่อนจะถูกแหวน
ซงิ โครไนสล์ อ็ กไว้ทัง้ ตาแหน่งเกยี รว์ า่ งและตาแหนง่ เข้าเกยี ร์

8

5. การป้องกันเกยี ร์เลยมวี ธิ ีการอยา่ งไร
วิธีป้องกันเกียร์เลย นอกจากนอกจากบนเฟืองเกียร์จะมีอุปกรณ์ป้องกันการเข้าเกียร์เลยอยู่แล้ว
อาจจะมีวิธีป้องกันโดยท่ีปลอกเล่ือนจะทาเป็นช่องเว้าเข้าหาตัวเองเพ่ือรับกับตัวซิงโครไนเซอริง
อาศัยแรงขยายตวั ของซงิ โครไนเซอรเ์ ป็นตวั ป้องกันไม่ให้ปลอกเลือ่ นหลุดออกมา

ตอนท่ี 2 จงเลือกคาตอบทถ่ี ูกต้องท่สี ุดเพียงคาตอบเดยี ว

1. เมื่อขับรถยนต์บนถนนราบเรียบ รถยนต์ตอ้ งการแรงขบั อย่างไร
ก. แรงขบั น้อย

2. เมื่อเร่ิมออกรถ รถต้องใช้แรงขับเปน็ อย่างไร
ก. ใช้แรงขบั มาก

3. แรงบดิ ของเคร่ืองยนต์คงที่ แรงขับของลอ้ จะเป็นอยา่ งไร
ก. รถว่งิ ช้าลง

4. กระปุกเกียร์ของรถยนต์ทาหน้าทอี่ ย่างไร
ค. เพม่ิ แรงบิดใหก้ ับรถยนต์

5. เฟอื งเกยี รท์ ดท่ตี ้องการใหร้ ถว่งิ ชา้ ลงคือขอ้ ใด
ข. เฟอื งขับจะต้องเลก็ กว่าเฟืองตาม

6. การส่งกาลงั ของเครอื่ งยนตท์ ีต่ ิดต้งั อย่หู น้าและขบั เคล่ือนที่ลอ้ หลัง ขอ้ ใดถูกตอ้ ง
ก. เครื่องยนต์-เกยี ร์-เฟืองท้าย-เพลาท้าย

7. ชนิ้ ส่วนใดทาหน้าที่รบั กาลงั งานจากเครอื่ งยนต์
ง. เพลาคลัตช์

8. เพลากาลังของเกียร์ทาหนา้ ท่ีใด
ค. เพลาท่ีรับกาลงั จากเกียร์

9. การสง่ แรงขับสูงสดุ ของเครื่องยนต์ไปยังเกยี ร์คอื ขอ้ ใด
ง. การสง่ แรงจากเพลาคลัตชผ์ ่านเพลากาลงั โดยตรง

10. การเข้าเกียร์ของรถยนต์ คอื ขอ้ ใด
ค. การปรบั เกียร์ในรถยนต์

9

หนว่ ยที่ 5

ตอนที่ 1 จงอธิบายความหมายของคาหรอื ข้อความตอ่ ไปน้ี

1. เกียร์โอเวอร์ไดรฟ์ หมายถึงอะไร
เกียร์โอเวอร์ไดรฟ์ หมายถึง เกียร์ที่มีชุดโอเวอร์ไดรฟ์เป็นอุปกรณ์ทาหน้าที่เพิ่มความเร็วให้กับ
เพลาส่งกาลังใหม้ ีความเรว็ มากกวา่ ความเร็วคลัตช์

2. ชุดเกียร์แพลเนตทารปี ระกอบดว้ ยส่วนที่สาคญั อะไรบา้ ง
1. เฟืองตัวกลาง
2. เฟืองบรวิ าร
3. โครงเฟืองแพลเนต
4. เฟืองวงแหวน

3. ชุดแพลเนตทารมี ีลักษณะการทางานอย่างไร
ชุดแพลเนตทารมี ลี กั ษณะการทางานดงั น้ี
1. การเพ่ิมความเรว็ กระทาได้โดยการล็อกเฟืองกลางหรือเฟืองวงแหวนให้อยู่กับท่ี ตัวเรือนเฟือง
แพลเนตเป็นตัวขับในทิศทางตามเข็มนาฬิกา ทาให้เฟืองแพลเนตทารีหมุนไปรอบๆ เฟืองกลาง
เป็นการเพิ่มความเร็วเพลากลาง จะขับให้เฟืองวงแหวนหมุนไปทางเดียวกับเฟืองแพลเนตทารี
ดว้ ยความเร็วสูงข้นึ ทาให้เฟืองวงแหวนจะหมนุ เรว็ กวา่ เรือนเฟอื งแพลเนตทารี
2. การลดความเร็ว ทาได้โดยลอ็ กเฟอื งกลางให้อยู่กับท่ี เฟืองวงแหวนจะเป็นตัวขับในทิศทางตาม
เข็มนาฬิกา ทาให้เฟืองแพลเนตหมุนรอบตัวเอง ขณะเดียวกันก็หมุนรอบเฟืองกลาง ช้าลง ดังนั้น
การหมุนของแพลเนตเกยี ร์จึงมคี วามเรว็ ลดลง
3. การหมุนถอยกลับ เฟืองแพลเนตจะถูกล็อกให้อยู่กับท่ีโดยท่ีเฟืองวงแหวนหรือเฟืองกลางจะทา
หน้าที่ขับเคลื่อน โดยจะหมุนเคลื่อนท่ีไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกา จึงทาให้เฟืองแพลเนตหมุน
เคลื่อนที่ไปในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา เช่นเดียวกับเฟืองกลาง ในตาแหน่งน้ีจะทาให้ชุดแพลเนต
ทารีหมนุ เคลื่อนทถี่ อยหลัง ทาให้ความเร็วลดลง
4. การขับตาแหน่งตรง ถ้าทาการล็อกเฟืองกลางและแคร์ริเออร์ (Carrier) เข้าด้วยกัน การส่งด้วย
กาลังของเฟืองทั้งชุดจะไปด้วยกัน จะทาให้ความเร็วของเพลารับและเพลาส่งกาลังมีความเร็วท่ี
เทา่ กบั ความเร็วท่ีส่งผ่านแพลเนตไมเ่ ปลี่ยนแปลง อตั ราทดเทา่ กบั 1:1

10

4. หน้าทีข่ องชดุ ฟรีวลิ ลิงคอื อะไร
ชุดฟรวี ลิ ลงิ ทาหน้าทด่ี งั น้ี
1. ทาหน้าท่เี ปน็ คลตั ช์ทางเดียว คือตัดกาลงั เมือ่ ล้อหมุนเร็วกว่าเพลากาลัง
2. สง่ กาลังไปขบั เพลางาน
3. ช่วยให้เพลาส่งกาลังมีศูนย์ทแี่ น่นอน

5. การปลดโอเวอรไ์ ดรฟ์มผี ลอยา่ งไร
การปลดโอเวอร์ไดรฟม์ ีผลดังนี้
1. ตัดวงจรไฟฟ้าโซลินอยด์ เดือยล็อกแผ่นควบคุมเฟืองจะกลับคืน แต่ยังไม่หลุดออก เสียทีเดียว
เนอ่ื งจากยงั มแี รงเบียดข้างเดอื ยล็อกอยู่
2. ต่อลัดวงจรไฟจุดระเบิดให้เคร่ืองดับช่ัวขณะ ให้เพลากลางเป็นตัวขับ เฟืองกลางเป็นตัวตาม
โดยการหมุนกลับทางขจัดแรงเบียดข้างเดือยลอ็ ก และปล่อยให้เดือยลอ็ กหลดุ ได้

ตอนที่ 2 จงเลือกคาตอบท่ถี ูกตอ้ งทสี่ ดุ เพยี งคาตอบเดียว

1. ชุดโอเวอรไ์ ดรฟ์ทาหน้าท่ีอะไร
ข. เพิ่มความเร็วเพลาส่งกาลงั ให้มากกว่าคลัตช์

2. เฟืองซิงโครเมชเกียร์ 5 ความเร็ว เกยี ร์ใดเป็นโอเวอร์ไดรฟ์
ง. เกียร์ 5

3. ขณะท่โี อเวอรไ์ ดรฟ์ไมท่ างาน กาลงั ถกู ถา่ ยทอดผ่านอุปกรณ์ใด
ข. ฟรีวิลลงิ

4. เฟอื งกลางถกู ล็อกระบบส่งกาลงั ความเรว็ ของการหมุนมลี ักษณะใด
ข. ความเร็วเพิ่มขึน้

5. ฟรวี ลิ ลงิ มีหน้าทอี่ ะไร
ค. ตดั กาลังเมื่อล้อรถหมุนเร็วกว่าเคร่ืองยนต์

6. ความเร็วสง่ ออกลดเมอื่ ใด
ข. เฟืองตัวเล็กขบเฟืองตัวใหญ่

7. เดอื ยล็อกแผ่นควบคุมจะกลบั คนื เมอื่ ใด
ก. ปลดโอเวอรไ์ ดรฟ์

11

8. เมื่อปลดโอเวอรไ์ ดรฟอ์ อก ทาให้รถมแี รงฉดุ เพราะเหตุใด
ง. เพลากลางหมุนเรว็ กว่าเพลากาลงั

9. ตาแหนง่ ยงั ไมเ่ ข้าเกยี รโ์ อเวอรไ์ ดรฟ์ ข้อใดถูกตอ้ ง
ง. ถูกท้ังขอ้ ก. และ ข.

10. เฟืองแพลเนตทารถี ูกยึด ความเร็วเฟอื งทดกับเพลากลางเท่ากับข้อใด
ง. 1:1

หน่วยท่ี 6

ตอนท่ี 1 จงอธบิ ายความหมายของคาหรอื ขอ้ ความต่อไปน้ี

1. ข้อดีของเกยี รอ์ ัตโนมตั ิมีอะไรบ้าง
ข้อดีของเกยี รอ์ ัตโนมตั ิมดี ังน้ี
1. ชว่ ยใหผ้ ขู้ บั ขไ่ี มต่ อ้ งเหยียบคลตั ชแ์ ละโยกคนั เกียรใ์ นการเปลีย่ นเกยี ร์
2. ทอร์กคอนเวอร์เตอร์ (Torque Converter) เปลย่ี นแรงบิดของเครื่องยนต์ได้อย่างต่อเน่ือง ทาให้
ภาระงานของเคร่อื งยนตส์ ม่าเสมอ
3. การสตารต์ และการเร่งรถยนตเ์ ปน็ ไปอยา่ งราบเรียบ
4. ขจัดปญั หาเก่ียวกบั การดับ เน่อื งจากการปลอ่ ยแป้นคลัตชไ์ ม่เหมาะสมเหมือนกับเกียรธ์ รรมดา
5. ป้องกันภาระงานของเครือ่ งยนตท์ ี่มมี ากเกินไป ขณะท่ขี ับขี่ด้วยอัตราเร็วต่า

2. ส่วนประกอบทสี่ าคัญของทอรก์ คอนเวอร์เตอรม์ ีอะไรบา้ ง
1. อิมเพลเลอร์
2. เทอร์ไบน์
3. สเตเตอร์

3. ลกั ษณะของการทางานของชดุ ขับเดนิ หน้ามอี ะไรบ้าง
การทางานของชดุ ขับเดินหนา้ มีดังน้ี มีชุดเฟืองแพลเนตทารี 2 ชนั้ มีเฟอื งวงแหวนเป็นตัวส่งกาลัง
ออก เฟอื งกลางตัวเล็กขบั เดินหน้า โดยมชี ุดคลตั ชข์ ับเดินหน้า ทาหนา้ ที่ตัด-ต่อกาลงั จากทอร์ก
คอนเวอร์เตอร์ใหส้ ง่ กาลังขบั ไปยังเฟืองกลางตัวเล็ก

12

4. การทางานตาแหนง่ D (เกยี ร์ 3) เปน็ อย่างไร
การทางานตาแหนง่ D (เกยี ร์ 3) คลัตชห์ น้าและคลัตช์หลังจะทางานในตาแหน่งเกยี ร์ 3 เพลารับ
กาลงั จะส่งกาลงั โดยตรงไปยังรงิ เกยี ร์ของชดุ แพลเนตทารเี กยี ร์หนา้ คลัตช์หน้า ซนั เกยี ร์หน้าและ
หลงั ตามลาดับ ในทิศทางเดียวกนั ด้วยความเร็วทเี่ ท่ากัน

5. จงอธิบายตาแหน่งของคันเกียร์อัตโนมัติแต่ละตาแหน่งมาพอเข้าใจ
คันเกียรอ์ ตั โนมตั จิ ะมีตาแหน่งการทางานดังน้ี
P (Park) เป็นตาแหน่งจอดรถยนต์ ตาแหน่งน้ีจะมีกลไกไปล็อกเพลาส่งกาลังของเกียร์ไว้
ทาใหร้ ถไม่เคลือ่ นที่ ใชเ้ ม่อื รถยนต์จอดรถอยกู่ บั ท่ี
R (Reverse) เปน็ ตาแหนง่ ทีผ่ ู้ขบั ขจ่ี ะใชเ้ ม่อื ต้องการถอยหลังรถยนต์
N (Neutral) เป็นตาแหน่งเกียร์ว่างเช่นเดียวกับเกียร์ธรรมดา ตาแหน่ง N จะใช้สาหรับ
การสตาร์ตเครื่องยนต์ จอดหรือหยุดรถเน่ืองจากการจราจรติดขัด หรือหยุดรอสัญญาณไฟ
การหยุดรถเนื่องจากการจราจรติดขัด ควรเข้าเกียร์ตาแหน่ง N แล้วดึงเบรกมือไว้ แต่ถ้าเข้าเกียร์
ตาแหน่ง P โดยไม่ดึงเบรกมือไว้ ถา้ มีรถวง่ิ เข้ามาชนท้ายระบบเกียร์จะเสยี หายได้
D (Drive) เป็นตาแหน่งสาหรับขับเคล่ือนรถยนต์เดินหน้า หรือตาแหน่งขับปกติ ตาแหน่งน้ี
เกียร์จะเรม่ิ ทางานตงั้ แต่เกยี ร์ 1, 2, 3 และ 3 โดยอัตโนมัติ

ตอนท่ี 2 จงเลือกคาตอบท่ถี ูกตอ้ งทีส่ ดุ เพียงคาตอบเดยี ว

1. สเตเตอรท์ าหนา้ ทีใ่ ด
ง. ถูกทุกข้อ

2. คลัตชท์ างเดียวในชดุ ทอร์กคอนเวอร์เตอร์ทาหน้าท่อี ะไร
ค. เปล่ียนทศิ ทางการไหลของนา้ มันเพ่ือชว่ ยเพ่ิมแรงหมุนให้กับป๊ัมอิมเพลเลอร์

3. เม่อื สเตเตอรเ์ ริม่ หมุนทิศทางเดยี วกับปั๊มอิมเพลเลอร์ และความเรว็ ของเทอรไ์ บน์ใกล้เคียงกบั จดุ ท่เี รียกวา่
อะไร

ง. ถูกทัง้ ข้อ ก. และ ข.

4. ทอร์กคอนเวอรเ์ ตอร์แตกต่างจากฟลูอิดคัปปลิงอยา่ งไร
ง. มีสเตเตอร์เปล่ียนทศิ ทางการไหลของเหลวเพิ่มแรงบดิ ให้ปัม๊

13

5. กลไกลอ็ กคลตั ช์ท่ีตดิ ตัง้ อยูบ่ นดุมด้านหน้าของเทอรไ์ บนม์ ีหน้าทส่ี าคัญอย่างไร
ข. ปอ้ งกันการลืน่ ขณะที่คลตั ชเ์ ข้าจบั

6. ชดุ แพลเนตทารีเกียรท์ ีใ่ ช้กบั เกยี ร์อตั โนมัตสิ ิง่ ทีต่ ้องมีคอื อะไร
ง. ถกู ทุกขอ้

7. เบรกกระปุกเกียรอ์ ตั โนมัติมีหน้าที่อยา่ งไร
ง. ลอ็ กดรัมคลัตช์ตวั หลงั ไมใ่ หห้ มุน

8. ตาแหนง่ D (เกยี ร์ 2) ซันเกียร์หน้าและหลงั หมุนลักษณะใด
ก. ทวนเข็มนาฬิกา

9. เม่ือเลอ่ื นคนั เกียรไ์ ปตาแหนง่ P และ N รถจะไมเ่ คลื่อนท่ีเพราะเหตุใด
ง. ถกู ทุกข้อ

10. ตาแหน่งท่ีตอ้ งการถอยหลงั รถยนต์ของเกียร์อัตโนมัตคิ ือข้อใด
ข. R (Reverse)

14

หนว่ ยท่ี 7

ตอนที่ 1 จงอธบิ ายความหมายของคาหรอื ข้อความตอ่ ไปน้ี

1. หน้าที่ของขอ้ ตอ่ และเพลากลางมอี ะไรบ้าง
1. รับแรงขับจากกระปกุ เกียร์
2. ส่งแรงขับให้ชุดเฟืองท้าย
3. รับแรงขับจากชุดเฟืองท้ายส่งให้กระปุกเกียร์
4. ลดแรงกระแทกเพลากาลงั ของเกียร์

2. ขอ้ ตอ่ อ่อนแบง่ ออกได้กปี่ ระเภท อะไรบ้าง
ขอ้ ต่ออ่อนแบ่งไดเ้ ปน็ 4 ประเภท คือ
1. แบบกากบาท
2. แบบสลักกับลกู กลิง้
3. แบบยางหรอื ผ้าใบ
4. แบบใช้กบั ความเร็วคงท่ี

3. เพลากลางที่มีลักษณะข้อต่ออ่อนมลี ักษณะอย่างไร
เพลากลางที่มีลักษณะข้อต่ออ่อนจะส่งแรงจะส่งผ่านทางเส้ือเฟืองท้ายซ่ึงยึดติดกับส่วนกลางของ
แหนบด้วยสลักรูปตัวยู แหนบน้ีจะยึดติดกับโครงรถด้วยสลักโตงเตง แรงบิดทางด้านท้ายจะถูก
ปรบั ด้วยแหนบ เมือ่ รถเคล่อื นทไ่ี ปดา้ นหน้าแหนบช่วงหนา้ ของเสื้อเฟืองท้ายจะเกิดการอัดตัวและ
ช่วงหลังจะเกิดการยึดตัว จึงทาให้แรงขับผลักดันผ่านแหนบและสลักยึดแหนบ ทาให้ตัวรถ
เคล่ือนที่และทรงตัวได้อยา่ งสมดุล

4. การออกแบบขอ้ ต่ออ่อนและเพลากลางตอ้ งพิจารณาเรื่องใด
การออกแบบของขอ้ ตอ่ อ่อนและเพลากลางจะต้องพิจารณาถึง
1. การสง่ กาลงั ไปยังเสอื้ เฟอื งทา้ ยจะต้องเป็นไปอย่างสม่าเสมอ
2. มีการเปลีย่ นแปลงมุมของเพลากลางได้ถูกต้องขณะทล่ี อ้ ส่งกาลังเกดิ การเตน้ ไดถ้ ูกต้อง
3. การปรับระยะความยาวของเพลากลางไดด้ ว้ ยตัวเอง โดยมีข้อต่อออ่ นและข้อตอ่ เล่อื นเป็นตวั
ทางาน

15

5. เพลากลางคดงอก่อให้เกิดปัญหาอย่างไร
ถ้าเพลากลางคดงอ จะทาใหเ้ พลากลางเกดิ การส่ันในขณะหมุน เกิดการเสียสมดลุ ระหว่างเพลา
ขับและเพลาตาม เปล่ยี นตัวเพลากลางใหม่

ตอนท่ี 2 จงเลือกคาตอบที่ถกู ตอ้ งท่สี ุดเพยี งคาตอบเดียว

1. สว่ นประกอบทสี่ าคัญของเพลากลางคือขอ้ ใด
ค. ข้อตอ่ ออ่ น

2. ขอ้ ตอ่ ทีป่ รบั ระยะการขึ้นลงของลอ้ ขบั เพลากลางคือขอ้ ใด
ก. ขอ้ ต่อเลอ่ื น

3. ขอ้ ตอ่ ทป่ี รับระยะความกวา้ งขวางของล้อสาหรับลอ้ ขับเพลาหลังคือขอ้ ใด
ข. ข้อตอ่ อ่อน

4. การที่เฟืองท้ายอยตู่ ่ากวา่ เคร่ืองยนต์และสามารถทาใหร้ ถเคล่ือนทไี่ ด้คือข้อใด
ง. ข้อต่ออ่อน

5. เม่ือใชง้ านแลว้ เพลากลางเกดิ สั่นจะต้องตรวจในขอ้ ใด
ข. ตรวจการสมดลุ ของเพลา

6. ขอ้ ต่อออ่ นทีใ่ ชก้ บั เพลากลางสว่ นมากจะทาเป็นแบบใด
ก. แบบขอ้ ต่อกากบาท

7. ข้อต่อแบบเลือ่ นทีใ่ ช้กบั เพลากลางส่วนมากเป็นแบบใด
ค. แบบเซาะรอ่ งตัวในให้เปน็ สไปลน์

8. ข้อต่อออ่ นแบบใดทีป่ รับระยะความยาวของเพลากลางได้
ง. แบบเลื่อน

9. ลูกปืนท่ีใชก้ ับกากบาทจะเปน็ ลักษณะใด
ง. ลกู ปืนเข็ม

10. กากบาทแบบใดที่ใช้กับรถยนตท์ ี่มีความเรว็ คงท่ี
ข. แบบใช้กับสลักยดึ

16

หนว่ ยท่ี 8

ตอนท่ี 1 จงอธบิ ายความหมายของคาหรือข้อความต่อไปนี้

1. หน้าทขี่ องเฟืองทา้ ยรถยนต์ขับล้อหลังท่สี าคญั คืออะไร
1. ยดึ ลอ้ ทั้งสองข้างใหต้ ้ังตรงและขบั เคลอ่ื นให้ล้อหมนุ ไปข้างหน้าและถอยหลังได้
2. ขับเคลอ่ื นลอ้ หลังท้ังสองข้างใหห้ มนุ ไปด้วยความเร็วเทา่ กนั และไม่เท่ากันในขณะเลี้ยวรถได้
3. รับแรงผลักดันจากลอ้ สง่ ไปยังโครงรถโดยผ่านแหนบหรือทอ่ นแรงบิด
4. รองรบั น้าหนักดา้ นทา้ ยรถ
5. ใช้ตดิ ต้ังส่วนประกอบอืน่ ๆ เช่น เสอ้ื เฟืองทา้ ย เพลาทา้ ย แหนบ คอยลส์ ปรงิ

2. เสื้อเพลาทา้ ยโดยทว่ั ไปแบง่ ออกได้เป็นกี่ชนดิ
1. เสอ้ื เพลาท้ายแบบแบนโจ (Banjo Type)
2. เสอ้ื เพลาทา้ ยแบบแยกส่วน (Split Type)
3. เส้ือเพลาทา้ ยแบบอิสระ (Independent Type)

3. ลกั ษณะการทางานของเฟอื งท้ายแบบแพลเนตทารเี กยี รค์ อื อะไร
การทางานของเฟืองทา้ ยแบบแพลเนตทารเี กยี ร์ จะมเี ฟอื งขบั และเฟอื งวงแหวน โดยเฟืองตัวในจะ
ยึดติดกับเฟอื งวงแหวน เฟอื งซนั เกยี ร์ แคร์รเิ ออร์ และเฟืองตัวเล็กซ่ึงมี 2 ตัวขบกันอยู่ มีแกนหมุน
ยดึ ตดิ อยกู่ ับแครร์ เิ ออร์ ประกอบเขา้ ดว้ ยกนั เป็นชุด โดยท่เี ฟืองตัวในจะขบอยู่กับเฟืองตัวเล็กด้าน
นอก สว่ นเฟืองตัวเล็กตัวในจะขบอยกู่ ับซันเกียร์

4. อัตราทดของเฟอื งทา้ ยมีความสาคัญอยา่ งไร
ความสาคัญของอัตราทดเฟืองท้าย จะทาให้เกิดอัตราทดข้ึนโดยเป็นอัตราส่วนระหว่างอัตรา
ความเร็วของเพลากลางกับอัตราความเร็วของเพลาท้าย โดยท่ีเฟืองวงแหวนมีจานวนฟันเฟือง
มากกวา่ เฟอื งขับ อตั ราทดจะไมเ่ ปน็ ตัวเลขจานวนเต็ม จะเปน็ เลขทศนิยม เพื่อไม่ให้เฟืองขับซ้า ๆ
รอยเดมิ

5. การทางานของเฟืองทา้ ยเมื่อรถเล้ยี วเขา้ โคง้ มีลักษณะการทางานอยา่ งไร
การทางานของเฟืองท้ายขณะรถเล้ียวโค้ง ล้อด้านในจะเกิดความฝืด กาลังจะส่งย้อนกลับไปยัง
เพลาข้างแล้วส่งมาที่เฟืองหัวเพลาของล้อด้านใน ทาให้หมุนช้า เฟืองดอกจอกซ่ึงหมุนเร็วกว่าจะ

17

หมุนรอบตัวเองไต่ไปบนเฟืองหัวเพลาขับ ทาให้เพลาขับทั้งสองเป็นอิสระต่อกัน ล้อด้านนอกจะ
หมนุ เร็วกว่าล้อด้านใน ทาใหร้ ถเขา้ โค้งทค่ี วามเร็วสงู ไดโ้ ดยไมเ่ สียสมดุล

ตอนท่ี 2 จงเลอื กคาตอบทถ่ี กู ตอ้ งท่ีสุดเพยี งคาตอบเดยี ว

1. การสง่ กาลงั ของชุดเฟืองทา้ ยคอื ขอ้ ใด
ข. เฟอื งขับหมุนสัมผสั เสื้อเฟอื งดอกจอก

2. เฟืองทา้ ยทาหน้าท่ีเปล่ียนการหมุนของสิง่ ใด
ข. เฟอื งขับ (เดอื ยหมู)

3. เมื่อเลี้ยวรถดว้ ยรัศมขี องลอ้ เทา่ กันจะทาให้เกิดอะไร
ง. ล้อยดึ และครดู ไปกับถนน

4. อุปกรณข์ องชุดเฟอื งท้ายที่รับกาลังงานจากเพลากลางคือข้อใด
ข. เฟอื งดอกจอก

5. อุปกรณช์ ุดเฟอื งท้ายทท่ี าให้ล้อของรถยนตห์ มุนด้วยความเรว็ รอบไมเ่ ท่ากนั ได้คือข้อใด
ข. เฟอื งวงแหวน

6. ชดุ เฟอื งดอกจอกจะทางานเมอื่ ใด
ค. รถวงิ่ เล้ยี ว

7. เมอ่ื เวลารถว่ิงทางตรง ชุดเฟืองดอกจอกจะทางานอยา่ งไร
ก. หมุนไปขา้ งหนา้

8. ชุดเสื้อของเฟอื งดอกจอกจะยึดอยูก่ บั อะไร
ง. เสอ้ื เพลาทา้ ย

9. อัตราทดของเฟืองท้ายจะทาให้เพลาท้ายมลี ักษณะการหมุนอยา่ งไร
ค. เพลากลางหมุนรอบเร็วกว่าเพลาทา้ ย

10. เหตใุ ดจงึ ตอ้ งติดตัง้ เฟอื งท้ายให้ต่ากว่าเพลากลาง
ง. เพอ่ื รองรับการรับแรงกระแทก

18

หนว่ ยท่ี 9

ตอนท่ี 1 จงอธิบายความหมายของคาหรือข้อความตอ่ ไปนี้

1. เพลาขบั ลอ้ (Driveshaft) หมายถึงอะไร
เพลาขับล้อ หมายถึง ส่วนท่ีทาหน้าท่ีส่งถ่ายกาลังขับจากชุดเฟืองดอกจอกไปยังเพลาขับล้อ และ
รับความเค้นจากการขับเคล่ือนรวมทงั้ แรงเบียดด้านข้างของล้อรถขณะที่เลี้ยว

2. ส่วนประกอบทส่ี าคัญของเพลาขับล้อหน้าคืออะไร
ส่วนประกอบท่ีสาคัญของเพลาขับล้อหน้า คือ การเอากระปุกเกียร์และเฟืองท้ายเข้าไว้ด้วยกัน
โดยไม่ต้องใช้เพลากลาง

3. อาการผิดปกติทเ่ี กดิ ข้นึ กับข้อต่อออ่ นความเร็วคงที่คอื อะไร
อ า ก า ร ผิ ด ป ก ติ ที่ เ กิ ด ขึ้ น จ า ก ข้ อ ต่ อ อ่ อ น จ ะ เ กิ ด ขึ้ น จ า ก ลู ก ปื น ก ล ม ที่ ก ล้ิ ง อ ยู่ ใ น ร่ อ ง โ ค้ ง ช า รุ ด
เคล่ือนท่ไี ม่สะดวก มปี ัญหาในการขบั เคล่อื นไปข้างหน้า

4. อาการรับแรงขับเพลาขับลอ้ หลงั มีลักษณะอย่างไร
อาการรับแรงขับของเพลาขับล้อหลังจะเกิดการสะบัดของเพลา เน่ืองจากเพลาที่ถ่ายทอดแรงไป
ยังล้อ แรงท่ที าปฏกิ ริ ยิ ากับเพลาจะพยายามหมุนเพลาในทิศตรงกันข้าม จะทาให้เกิดเสียงดังที่ล้อ
หลงั ในขณะที่เพลาถกู บิดไปมา

5. หนา้ ทข่ี องเพลาขับลอ้ หลงั คอื อะไร
หนา้ ท่ีของเพลาขบั ลอ้ มดี ังน้ี
1. ใชเ้ ป็นทยี่ ึดตดิ ลอ้ หลังและส่งถา่ ยกาลังการขับเคลื่อนผา่ นแหนบและโครงรถ
2. ขับเคลื่อนล้อหลงั ใหห้ มุนดว้ ยความเรว็ เท่ากันหรือต่างกัน
3. ใชเ้ สื้อเพลารองรับน้าหนักรถและเป็นท่ยี ดึ ติดของสว่ นประกอบอ่ืน

ตอนที่ 2 จงเลือกคาตอบทถี่ ูกตอ้ งทส่ี ุดเพยี งคาตอบเดยี ว

1. รถขบั เคลื่อนล้อหนา้ มสี ่วนประกอบกระปกุ เกยี รแ์ บบใด
ก. กระปุกเกยี ร์และเฟืองท้ายรวมอยดู่ ้วยกัน

2. การลดเพลากลางของรถยนตข์ ับเคลื่อนล้อหนา้ ทาไดอ้ ย่างไร
ข. ชดุ เฟอื งทดกาลังรวมกบั เฟอื งท้าย

19

3. เหตใุ ดเพลาขับลอ้ หน้าจึงตอ้ งมีข้อต่ออ่อนและข้อตอ่ เลอ่ื น
ง. ถูกทกุ ขอ้

4. ขอ้ ตอ่ ความเรว็ คงทแ่ี บบลกู ปนื มีมุมเอยี งช่วงใด
ก. 0-15 องศา

5. ข้อต่อแบบความเร็วคงทีแ่ ตกตา่ งจากขอ้ ต่อแบบกากบาทอย่างไร
ง. ถูกทุกข้อ

6. เพลาแข็ง หมายถึงอะไร
ง. เพลาแข็งแบบเพลากลางมีข้อต่อออ่ น

7. เพลาขับล้อหลงั ทน่ี ิยมใชม้ ากในปัจจุบันเปน็ แบบใด
ก. เพลาแข็งแบบเพลากลางมขี อ้ ต่อออ่ น

8. เพลาแบบอสิ ระ 2 ข้าง มลี ักษณะตามข้อใด
ง. ถูกทกุ ขอ้

9. รถยนต์สว่ นมากใช้เพลาขับลอ้ หลงั แบบใด
ค. เพลากึง่ ลอย

10. รถบรรทุกขนาดใหญใ่ ช้เพลาแบบใด
ค. เพลาลอยตัว

20

หน่วยที่ 10

ตอนที่ 1 จงอธิบายความหมายของคาหรือขอ้ ความตอ่ ไปน้ี

1. การประมาณงานราคาชา่ งรถยนต์ หมายถึงอะไร
หมายถงึ การประมาณราคาค่าใช้จา่ ยต่างๆ ท้งั หมดของงานชา่ ง ประกอบด้วย ค่าราคาชิ้นส่วน
อะไหล่ ราคาค่าแรงงาน ราคาค่าวสั ดรุ วมทั้งกาไร เปน็ ราคาที่ประมาณออกมาแจง้ ใหก้ ับลกู ค้า

2. งานท่ซี อ่ มบารุงเคร่อื งยนต์มีกป่ี ระเภทอะไรบ้าง
งานซ่อมบารงุ แบง่ ออก 2 ประเภท คือ งานเก่าและงานใหม่

3. การตรวจการขบั เคลือ่ น สว่ นท่ชี ่างจะตรวจไดแ้ ก่อะไรบ้าง
การตรวจการขับเคล่อื น ชา่ งจะตรวจสิง่ ตา่ งๆ ดงั ต่อไปน้ี ลูกหมากคันส่งท้งั หมด แขนพักคันสง่
มมุ แคมเบอร์ มุมแคสเปอร์ ระยะโท-อนิ ยางท้ังหมด ระบบไฟสอ่ งสวา่ ง

4. นักศึกษามีวธิ ีการเขียนการเรียงลาดับใบส่งั งานอย่างไร
กรอบของการเขยี นใบส่งั งานหลงั จากตรวจเช็กเรยี บรอ้ ยแล้วจะประกอบด้วย
1. ลาดับข้ันการปฏบิ ตั ิ
2. เครอื่ งมือ-อปุ กรณ์
3. วัสดุ
4. อะไหล่

5. นักศกึ ษามวี ิธีการคดิ คานวณงานช่างยนตอ์ ยา่ งไร พร้อมยกตัวอยา่ ง
วธิ ีการคานวณงานชา่ งยนต์ ประกอบดว้ ย
1. ราคางาน ประกอบดว้ ย ราคาแรงงาน + ราคาวสั ดุ + ราคาอะไหล่
2. กาไร คิดเป็น 25% ของราคางาน
3. ราคาประมาณการ ประกอบด้วย ราคางาน + กาไร
ตัวอยา่ ง งานเปลี่ยนหัวเทียนรถเครือ่ ง V 6 สูบ
- ราคาหัวเทียน หวั ละ 400
- คา่ แรงช่ัวโมงละ 100
- ค่าวัสดุอน่ื ๆ 50 % ของค่าแรง
- ใช้เวลาทางาน 1 ช่ัวโมง

21

วธิ ที า

ราคาแรงงาน = 100
ราคาอะไหล่ = 1 = 100 บาท
400 × 6 = 2,400 บาท

ราคาวสั ดอุ น่ื = 50 × 100 = 50 บาท
ราคางาน 100
= ราคาแรงงาน + ราคาอะไหล่ + ราคาวัสดุ
กาไร =
= 100 + 2,400 + 50
=
2,550 บาท

30% ของราคางาน

= 30 × 2,550
100
= 765 บาท
=
∴ ราคาประมาณ = ราคางาน + กาไร
=
2,550 + 765

3,315 บาท

ตอนท่ี 2 จงเลือกคาตอบทถ่ี กู ต้องที่สดุ เพียงคาตอบเดียว

1. การรับงานและตรวจสภาพ ชา่ งควรจะตอ้ งทาสง่ิ ใดก่อน
ก. ทาประวตั ิรถ

2. ยางสึกผิดปกติ มลี ักษณะเปน็ บงั้ แสดงว่าเกดิ อะไร
ข. ระบบโช้กผดิ ปกติ

3. การขับรถทดสอบ เมือ่ ออกรถควรตรวจสง่ิ ใด
ค. ระบบบังคับเลี้ยว

4. การเขียนใบสั่งงานจะเริ่มข้ึนเมอ่ื ใด
ค. ทราบปัญหาชัดเจน

5. ซ่อมเกยี รแ์ ละเฟอื งท้ายขับเคล่ือนล้อหนา้ ราคาการซ่อมจะอยู่ประมาณเท่าใด
ง. 900 บาท

22

6. หลักในการประมาณช่างยนต์ คือขอ้ ใด
ง. ถูกทุกขอ้

7. งานเปลีย่ นหวั เทียนและการตัง้ ระยะหัวเทยี น 4 หวั ชา่ งจะใช้เวลาประมาณเท่าใด
ก. 30 นาที

8. จับลอ้ หน้าด้านบนแล้วโยกคลอน แสดงวา่ อยา่ งไร
ง. ลกู ปืนหรอื ชิน้ สว่ นลอ้ หน้าชารุด

9. ราคาวัสดขุ องชา่ งยนตห์ มายถึงอะไร
ก. วัสดุทจี่ ดั เตรียมไว้ใชใ้ นการทางาน

10. งานเปลี่ยนลูกยางและโตงเตงหลังท้ังชุดของรถเบนซนิ ราคาจะอยู่ประมาณชดุ ละเท่าใด
ง. 120 บาท


Click to View FlipBook Version