สรุปมาตรฐานทางจริยธรรม แบบ one page สําหรับอยากทบทวนสั้น ๆ หรือพกพา การบังคับใช้ ส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน ใช้แค่ในฝ่ายบริหาร เท่านั้น องค์ประกอบที่สําคัญ keyword สถาบัน ซื่อสัตย์ตัดสินใจ ส่วนรวม มุ่งผลสัมฤทธิ์มีคุณธรรม และดํารงตน ผู้รับผิดชอบในการจัดทําประมวลจริยธรรม • คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน • คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา • คณะกรรมการครูและบุคลากรทางการศึกษา • คณะกรรมการข้าราชการตํารวจ • คณะกรรมการกลางของเจ้าหน้าที่รัฐในฝ่ายบริหาร • คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น ม.5 องค์ประกอบ 7 ข้อ ให้จัดทําเป็นประมวลจริยธรรม ให้ข้าราชการนําไปปฏิบัติ โดยคํานึงถึง สภาพคุณงาม ความดี ที่เจ้าน้าที่รัฐต้องยึดถือในการปฏิบัติงาน ม.3 กรณีไม่มีอค์กรกลางบริหารงานส่วนบุคคล คณะรัฐมนตรี (ครม.) → สําหรับข้าราชการการเมือง สภากลาโหม → ทหาร คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ → ผู้บริหารและพนักงาน คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน → ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ หากสงสัย มีข้อเสนอ ว่าหน่วยงานใดควรจัดทําประมวลจริยธรรม คณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม ( ก.ม.จ. ) เป็นผู้วินิจฉัย สํานักงานอยู่ใน สํานักงาน ก.พ. คณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม 1) นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกมอบหมายให้เป็น → ประธานกรรมการ (1 คน) 2) ผู้แทน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) → รองประธาน (1 คน) 3) กรรมการโดยตําแหน่ง 5 คน ประกอบด้วย 3.1 ผู้แทนจาก คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนใน สถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ) (1 คน) 3.2 คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) (1 คน) 3.3 คณะกรรมการข้าราชการตํารวจ (1 คน) 3.4 คณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (1 คน) 3.5 สภากลาโหม (สภา ก.ห.) (1 คน) 4) ผู้ทรงคุณวุฒินายกแต่งตั้ง ไม่เกิน 5 คน เป็นกรรมการ คุณสมบัติผู้ทรงคุณวุฒิ ดํารงตําแหน่งไม่เกิน 2 วาระ ดํารงตําแหน่ง 3 ปี อายุไม่เกิน 45 ปี • หากพ้นจากตําแหน่ง ก.ม.จ. ต้องมีมติไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของกรรมการที่มีอยู่ • ถ้าวาระที่เหลือของผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 180 วัน จะไม่สามารถแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิได้ (อยู่จนกว่าจะมีคนใหม่) • กรณีกรรมการพ้นจากตําแหน่งก่อนวาระ ให้ก.ม.จ. ปฏิบัติเท่าที่มีอยู่ จนกว่าจะแต่งตั้งใหม่ อํานาจและหน้าที่ 1) นโยบาย 2) ขับเคลื่อน 3) ส่งเสริม 4) กํากับ 5) ประจําปี 6) ตีความ 7) อื่น ๆ โดย ก.ม.จ. จะจัดทบทวนประมวลจริยธรรม ทุก ๆ 5 ปีหรือเร็วกว่านั้นตามสถานการณ์ รวมถึง มีหน้าที่ กําหนด คู่มือ และให้คําแนะนํา องค์กรกลางบริหารงานส่วนบุคคล หรือ หน่วยงานของรัฐ ในการจัดทําประมวลจริยธรรม หากการจัดทําประมวลจริยธรรมขององค์กร กลางบริหารงานส่วนบุคคลหรือข้อกําหนด จริยธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐไม่สอดคล้องกับ มาตรฐานทางจริยธรรม ให้ก.ม.จ. แจ้ง องค์กรกลาง บริหารงานส่วนบุคคลและหน่วยงาน ของรัฐ แก้ไขโดยเร็ววัน (ไม่ระบุวัน) การนําประมวลจริยธรรมมาปรับการบริหารงานส่วนบุคคล 1) กําหนดให้มีคนรับผิดชอบ ปฏิบัติตามประมวล จริยธรรม 2) ส่งเสริม อบรม พัฒนาเจ้าหน้าที่ + ส่งเสริม การมีส่วนร่วมของประชาชน 3) หน่วยงานของรัฐรายงานประจําปีต่อ ก.ม.จ. ผ่านองค์กรกลางบริหารงานส่วนบุคคล ม.13 เลขาธิการ ก.พ. เป็นกรรมการและเลขานุการ แต่งตั้งข้าราชการ ก.พ. เป็นผู้ช่วยเลขานุการ สําคัญนะ สําคัญนะ สําคัญนะ สําคัญนะ สําคัญนะ สําคัญนะ
พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิด ของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 สรุป ↑ -
หาก เจ้าหน้าที่ กระทําการละเมิด อยู่ในขณะปฏิบัติหน้าที่ หน่วยงานของรัฐ ต้องรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดอันเกิดจากการกระทําของเจ้าหน้าที่ การฟ้องคดีละเมิดอันเกิดจากการกระทําของเจ้าหน้าที่ การเรียกร้องและการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดําเนินกิจการต่าง ๆ ของหน่วยงานของรัฐ อันเป็นกระทําตามหน้าที่ และถูกฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน บางกรณีมีวงเงินที่สูง ซึ่งเป็นการบั่นทอนการทํางานของเจ้าหน้าที่ และทําให้บางกรณีไม่กล้าตัดสินใจ เพราะเกรงว่าอาจถูกฟ้องเรียก ค่าเสียหายได้ทําให้เกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติงาน สรุปคือ ทําให้เจ้าหน้าที่ได้รับความคุ้มครองอย่างเป็นธรรม เจ้าหน้าที่ หมายถึง ข้าราชการ ลูกจ้าง ผู้ปฏิบัติงานประเภทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งในฐานะเป็นกรรมการหรือฐานะอื่นใด มาตรา 4 หน่วยงานของรัฐ หมายถึง กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการอื่นที่มีชื่ออย่างอื่น และมีฐานะเป็นกรม (ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น) / รัฐวิสาหกิจ (ที่ตั้งโดยพระราชบัญญัติพระราชกฤษฎีกา) / หน่วยงานอื่นของรัฐ ที่กําหนดโดยพระราชกฤษฎีกา คุ้มครองเจ้าหน้าที่อย่างไรบ้าง ? 1) ไม่ให้โดนฟ้อง 2) ไม่ต้องจ่ายเต็ม 3) ไม่ต้องใช้หนี้แทนบุคคลอื่น มาตรา 5 ผู้เสียหาย หรือคู่กรณีต้องฟ้องหน่วยงานของรัฐ ผู้เสียหาย จะฟ้อง เจ้าหน้าที่ไม่ได้ หาก เจ้าหน้าที่ กระทําการละเมิด ไม่อยู่ในขณะปฏิบัติหน้าที่ หรือนอกเวลางาน หน่วยงานของรัฐ ไม่ต้องรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย ผู้เสียหาย หรือคู่กรณีต้องฟ้องเจ้าหน้าที่ ผู้เสียหาย จะฟ้อง หน่วยงานรัฐไม่ได้ ในกรณีที่ เจ้าหน้าที่ ไม่ได้สังกัดหน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่ง ผู้เสียหายต้องฟ้องที่ กระทรวงการคลัง และถือว่า กระทรวงการคลัง เป็นผู้รับผิดชอบแทน เจ้าหน้าที่ ผู้เสียหาย หมายถึง 1) บุคคล หรือนิติบุคคลที่ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทําการละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ 2) เจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ได้รับความเสียหาย จากการกระทําละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่น (1) (2) สามารถยื่นคําขอต่อหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่กระทําการละเมิดสังกัด ให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ตนได้ ผู้ที่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย → เจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือกระทรวงการคลัง ( กรณีเจ้าหน้าที่ไม่สังกัดหน่วยงาน ) ที่กระทําการละเมิด กรณีที่เจ้าหน้าที่ ไม่ได้สังกัดหน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่ง มาตรา 6
กรณีที่ ผู้เสียหาย หรือคู่กรณีฟ้องหน่วยงานของรัฐ ➡ มาตรา 7 หาก หน่วยงานรัฐ เห็นว่า เจ้าหน้าที่ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง หรือมีส่วนร่วมในการรับผิด หรือ เจ้าหน้าที่ เห็นว่า หน่วยงานของรัฐ มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยตรง หรือมีส่วนร่วมในการรับผิด หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ มีสิทธิขอให้ศาล ที่กําลังพิจารณาคดีเรียกเจ้าหน้าที่หรือ หน่วยงานของรัฐ มาเป็นคู่ความในคดี ในกรณีที่ ศาล ยกฟ้อง หน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ ไม่ได้กระทําผิด หรือไม่ใช่คู่ความในคดี ให้ขยายอายุความ 6 เดือน และเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่น เข้ามาหลังจากคําพิพากษาสิ้นสุด กรณีที่ เจ้าหน้าที่ รับผิดชอบโดยตรง หรือมีส่วนให้รับผิดชอบร่วมกับหน่วยงานของรัฐ ( จ่ายค่าสินไหม ) ในกรณีที่ หน่วยงานของรัฐ รับผิดชอบค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย จากการละเมิดของเจ้าหน้าที่ ( เจ้าหน้าที่ของรัฐ ) หน่วยงานของรัฐ สามารถเรียกให้เจ้าหน้าที่ ชําระค่าสินไหมทดแทนแก่หน่วยงานรัฐได้ ในกรณีที่ เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทําด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง 1) ระดับความร้ายแรงแห่งการกระทํา และความเป็นธรรม (มิต้องใช้เต็มจํานวน) 2) หน่วยงานของรัฐมีส่วนในความผิด หรือความบกพร่อง (ให้หักส่วนแห่งความรับผิดชอบออกด้วย) → เจ้าหน้าที่รัฐชดใช้ร่วมกับ หน่วยงานของรัฐ เช่น หน่วยงานของรัฐ 50% เจ้าหน้าที่ 50% 3) กรณีเกิดการละเมิดจากหน้าที่หลายคน (ห้ามนําหลักลูกหนี้มาใช้) → ใช้แค่ของตนเอง ถ้าหน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ หรือกระทรวงการคลัง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหาย (ชําระให้ก่อน) หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ หรือกระทรวงการคลัง มีสิทธิที่จะเรียกให้อีกฝ่าย (หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ หรือกระทรวงการคลัง) ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตน โดยกําหนดอายุความ 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ได้ชําระค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย ชดใช้ค่าเสียหาย ภายใน 1 ปี ถ้าเจ้าหน้าที่ กระทําการละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐ (สังกัดหรือไม่สังกัดหน่วยงาน) ถ้าเป็นการกระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ให้นํามาตรา 8 มาบังคับใช้อนุโลม ถ้าไม่ใช่การกระทําในการปฏิบัติหน้าที่ ให้บังคับใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฟ้องภายใน 1 ปี) มาตรา 8 การผ่อนชําระเงินที่เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบ คณะรัฐมนตรีจัดให้มีระเบียบเพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ต้องรับผิดสามารถผ่อนชําระค่าเสียหายได้ โดย คํานึงถึง 1) รายได้ 2) ฐานะ 3) ครอบครัว 4) ความรับผิดชอบ 5) พฤติการณ์แห่งกรณี สําคัญนะ โดย….. สิทธิเรียกให้เจ้าหน้าที่ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ให้คํานึงถึง สําคัญนะ
ในกรณีที่ เจ้าหน้าที่ ละเมิดต่อ หน่วยงานของรัฐ และ หน่วยงานของรัฐ รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวเจ้าหน้าที่ที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน (รู้ว่า เป็นใคร หรือรู้ว่ามีเหตุแห่งการละเมิด) ให้หน่วยงานของรัฐ เรียกค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่ โดยมีอายุความ 2 ปี ( ภายใน 2 ปี ) ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ไม่รับผิด แต่กระทรวงการคลังตรวจสอบว่า ต้องรับผิด ให้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน กําหนดอายุความ 1 ปี นับตั้งแต่หน่วยงานของรัฐมีคําสั่งตามความเห็นของกระทรวงการคลัง (ถ้ากระทรวงการคลังเห็นว่าผิด ก็ต้องชดใช้ภายใน1 ปี) เจ้าหน้าที่ไม่รับผิด แต่กระทรวงการคลังเห็นว่าละเมิด หน่วยงานของรัฐ รับรู้การละเมิดของเจ้าหน้าที่ กรณีผู้เสียหาย เห็นว่า หน่วยงานของรัฐต้องรับผิดชอบ ตามมาตรา 5 หาก เจ้าหน้าที่ กระทําการละเมิด อยู่ในขณะปฏิบัติหน้าที่ หน่วยงานของรัฐ ต้องรับผิดชอบต่อผู้เสียหาย ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่ไม่สังกัดหน่วยงาน ให้กระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบแทน มาตรา 5 ผู้เสียหาย ต่อหน่วยงานของรัฐ เพื่อพิจารณาค่าสินไหมทดแทน สําหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ยื่นคําขอ เมื่อมีการยื่นคําขอ ให้หน่วยงานของรัฐ ออกใบพิจารณาคําขอไว้เป็นหลักฐาน หน่วยงานของรัฐ พิจารณา ภายใน 180 วัน พิจารณาทัน หน่วยงานของรัฐ พิจารณาไม่ทัน ภายใน 180 วัน พิจารณาไม่ทัน ต้องรายงาน ปัญหา อุปสรรค แก่ รัฐมนตรีเจ้าสังกัดหรือที่กํากับดูแล เพื่อขอขยายระยะเวลาออกไป ไม่เกินอีก 180 วัน รายงานผลต่อผู้ยื่นคําขอ (ผู้เสียหาย) กรณีคู่กรณี ไม่พอใจต่อผลวินิจฉัย ยืนต่อศาลปกครอง ซึ่งมีสิทธิร้องทุกข์ต่อ คณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ตามกฎหมายว่าด้วย พระราชกฤษฎีกา ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันได้รับแจ้งผล เมื่อมีการจัดตั้งศาลปกครองแล้ว สิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยฯ ให้ถือเป็น สิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง รายงานผลต่อผู้ยื่นคําขอ (ผู้เสียหาย)
สรุปความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 แบบ one page สําหรับอยากทบทวนสั้น ๆ หรือพกพา คุ้มครองเจ้าหน้าที่ 1) ไม่ให้โดนฟ้อง 2) ไม่จ่ายเต็ม (คํานึงถึง รายได้ฐานะ ความรับผิดชอบ พฤติการณ์แห่งกรณี ) 3) ไม่ใช้หนี้แทน (ไม่นําหลักประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้) ยกเว้น ละเมิดนอกเหนือเวลาปฏิบัติงาน การละเมิดของเจ้าหน้าที่ ขณะปฏิบัติงาน (ในเวลางาน) ไม่เกี่ยวกับงาน ได้รับความคุ้มครอง ในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ไม่โดนฟ้องศาล ไม่จงใจประมาท และไม่ร้ายแรง ไม่ต้องจ่าย ฟ้องหน่วยงานของรัฐ หรือกระทรวงการคลัง กรณีเจ้าหน้าที่ไม่สังกัดหน่วยงาน จงใจประมาทและร้ายแรง พิจารณาตาม ม.8 หน่วยงานของรัฐ หรือกระทรวง การคลังออกให้ก่อน และให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ใน 1 ปี 1) ทุจริต 2) บันดาลโทสะ 3) หาผลประโยชน์ส่วนตัว ห้ามฟ้องหน่วยงาน แต่ ฟ้องเจ้าหน้าที่โดยตรง ให้นําหลักประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาใช้โดย เจ้าหน้าที่จ่ายเต็มและใช้หนี้แทน ผู้เสียหายฟ้องเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐ (กรณีรับผิดชอบร่วมกัน) ผู้เสียหาย ฟ้อง เจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงาน (รับผิดชอบร่วมกัน) สามารถให้ศาลเรียก เจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานเข้ามาเป็นคู่ความในการพิจารณาคดี ถ้าศาลยกฟ้อง ให้ขยายอายุความ 6 เดือน และเรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาหลังจากคําพิพากษาสิ้นสุด กรณีเจ้าหน้าที่ หน่วยงานรัฐ หรือกระทรวงการคลัง ออกค่าสินไหมทดแทนให้ก่อน หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่ หรือกระทรวงการคลัง ออกค่าสินไหมทดแทนให้ก่อน และเรียกให้ หน่วยงานรัฐ เจ้าหน้าที่ หรือกระทรวงการคลัง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนใน 1 ปี กรณีเจ้าหน้าที่ละเมิดและหน่วยงานรัฐ รู้ตัวเจ้าหน้าที่ผู้กระทําการละเมิด เจ้าหน้าที่ ละเมิด หน่วยงาน ( หน่วยงานรู้ว่าใคร ) ให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ภายใน 2 ปี กรณีที่ เจ้าหน้าที่ แจ้งว่าไม่ผิด แต่กระทรวงการคลังเห็นว่าละเมิด ต้องชดใช้ภายใน 1 ปี กรณีหักส่วนความรับผิดชอบของหน่วยงาน หรือเจ้าหน้าที่ กรณีเกิดการละเมิด หรือข้อบกพร่องของหน่วยงาน หรือเจ้าหน้าที่ ให้หักส่วนความรับผิดชอบของหน่วยงาน หรือเจ้าหน้าที่ จากค่าสินไหมทั้งก้อน กรณีผู้เสียหาย ยื่นคําขอให้หน่วยงาน ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ผู้เสียหาย ยื่นคําขอต่อหน่วยงาน พิจารณา 180 วัน ไม่ทัน รายงาน รัฐมนตรีต้นสังกัด อนุมัติอีก 180 วัน ส่งผลยื่นต่อผู้เสียหาย ไม่พอใจผลพิจารณา ยื่นต่อศาลปกครอง สิทธิร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ภายใน 90 วัน 1234 ↓
ประมวลกฎหมายอาญา ความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ มาตรา 147 - 166 (20 มาตรา) สรุป ↑ -
ประมวลกฎหมายอาญา ความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ มาตรา 147 - 166 (20 มาตรา) มาตรา 147 ยักยอกของหลวง ผู้ใดเป็น เจ้าพนักงานมีหน้าที่ ซื้อ ทํา จัดการ รักษาทรัพย์ใด ๆ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต โทษที่ต้องรับผิด จําคุก 5 - 20 ปีหรือตลอดชีวิต ปรับ 100,000 - 400,000 บาท เช่น เจ้าพนักงานดูแลเงิน และนําเงินไปใช้โดยทุจริต (เอาไปใช้เอง) การไถ บังคับ ให้ได้ทรัพย์สิน ผู้ใดเป็น เจ้าพนักงาน ใช้อํานาจในตําแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ จูงใจ เพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือ ประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น โทษที่ต้องรับผิด จําคุก 5 - 20 ปีหรือตลอดชีวิต ปรับ 100,000 - 400,000 บาท ประหารชีวิต มาตรา 149 ติดสินบน เรียก รับ หรือจะรับสินบน ผู้ใดเป็น เจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใดสําหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทําการหรือ ไม่กระทําการอย่างใดในตําแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วย หน้าที่ โทษที่ต้องรับผิด จําคุก 5 - 20 ปีหรือตลอดชีวิต ปรับ 100,000 - 400,000 บาท ประหารชีวิต เช่น เจ้าพนักงาน บอกว่า ฉันจะไปดูรายชื่อให้ว่าคุณสอบผ่าน ก.พ. ไหม แต่ต้องจ่ายให้ฉันก่อน 1,000 บาท ( เรียกรับสินบน ) ให้บุคคลอื่นรับรู้ ก่อนบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นการรับรู้ก่อนการประกาศผลของสํานักงาน ก.พ. มาตรา 148 มีโทษประหารชีวิต มีโทษประหารชีวิต มาตรา หัวข้อ เนื้อหาสําคัญ -
มาตรา 150 การรับสินบนล่วงหน้า ผู้ใดเป็น เจ้าพนักงาน กระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใดในตําแหน่ง โดยเห็นแก่ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ซึ่งตนได้เรียก รับ หรือยอม จะรับไว้ก่อนที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานในตําแหน่งนั้น โทษที่ต้องรับผิด จําคุก 5 - 20 ปีหรือตลอดชีวิต ปรับ 100,000 - 400,000 บาท ทําของหลวงเสียหาย เอาไปใช้ในทางที่ผิด ผู้ใดเป็น เจ้าพนักงานมีหน้าที่ ซื้อ ทํา จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์ โทษที่ต้องรับผิด จําคุก 5 - 20 ปีหรือตลอดชีวิต ปรับ 100,000 - 400,000 บาท มาตรา 152 มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ใดเป็น เจ้าพนักงานมีหน้าที่ จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สําหรับตนเองหรือผู้อื่น โทษที่ต้องรับผิด จําคุก 1 - 10 ปี ปรับ 20,000 - 200,000 บาท เช่น เจ้าพนักงานมีภรรยาขายของแผงลอย ณ สถานที่แห่งหนึ่ง แต่ไม่ยอม เก็บค่าแผงลอย หรือไม่ยอมตรวจสอบ เนื่องจากเป็นภรรยาของตนเอง (ประโยชน์ของตนเองและภรรยา ร่วมกัน) มาตรา 151 เช่น เจ้าพนักงาน บอกว่า หากไปตรวจผับแห่งหนึ่งให้และรายงานว่า ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย คุณจะได้รับการเลื่อนตําแหน่ง ซึ่งผับนั้นมีส่วน เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี ได้รับ ตําแหน่ง ก่อนที่ตนจะได้รับการแต่งตั้ง เช่น เจ้าพนักงาน นําตราประทับของหน่วยงาน A ไปใช้เพื่อปลอมแปลง เอกสารที่ดินของตนเอง ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐ มาตรา หัวข้อ เนื้อหาสําคัญ
มาตรา 153 การจ่ายทรัพย์ ผู้ใดเป็น เจ้าพนักงานมีหน้าที่ จ่ายทรัพย์จ่ายทรัพย์นั้น เกินกว่าที่ ควรจ่ายเพื่อประโยชน์สําหรับตนเองหรือผู้อื่น โทษที่ต้องรับผิด จําคุก 1 - 10 ปี ปรับ 20,000 - 200,000 บาท การละเว้นภาษี ผู้ใดเป็น เจ้าพนักงาน มีหน้าที่ หรือแสดงว่าตนมีหน้าที่เรียกเก็บหรือ ตรวจสอบภาษีอากร ค่าธรรมเนียม หรือเงินอื่นใด โดยทุจริต เรียกเก็บหรือละเว้นไม่เรียกเก็บภาษีอากร ค่าธรรมเนียมหรือเงินนั้น หรือกระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใด เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษี อากรหรือค่าธรรมเนียมนั้นมิต้องเสีย หรือเสียน้อยไปกว่าที่จะต้องเสีย โทษที่ต้องรับผิด จําคุก 5 - 20 ปีหรือตลอดชีวิต ปรับ 100,000 - 400,000 บาท มาตรา 155 กําหนดราคาเท็จ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ กําหนดราคาทรัพย์สินหรือสินค้าใด ๆ เพื่อเรียกเก็บภาษีอากรหรือค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย โดยทุจริต กําหนดราคาทรัพย์สินหรือสินค้านั้น เพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร หรือค่าธรรมเนียมนั้นมิต้องเสียหรือเสียน้อยไปกว่าที่จะต้องเสีย โทษที่ต้องรับผิด จําคุก 5 - 20 ปีหรือตลอดชีวิต ปรับ 100,000 - 400,000 บาท มาตรา 154 เช่น เจ้าพนักงาน ลงไปปฏิบัติหน้าที่ จ่ายถุงยังชีพในช่วงนํ้าท่วม ณ อําเภอแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอําเภอที่ครอบครัวของตนอยู่ แต่การจ่ายถุงยังชีพ กําหนดให้จ่ายครัวเรือนละ 2 ถุง แต่ครอบครัวตนเอง ได้รับ 10 ถุง มาตรา หัวข้อ เนื้อหาสําคัญ กําหนดราคาเท็จ เพื่อเสียภาษีน้อยลง หรือไม่ต้องเสีย เรียกเก็บภาษี
มาตรา 156 การจัดทําบัญชีเท็จ ผู้ใดเป็น เจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ตรวจสอบบัญชีตามกฎหมาย โดยทุจริต แนะนํา หรือกระทําการ หรือไม่กระทําการอย่างใด เพื่อให้มีการละเว้น การลงรายการในบัญชีลงรายการเท็จในบัญชีแก้ไขบัญชีหรือซ่อน เร้น หรือทําหลักฐานในการลงบัญชีอันจะเป็นผลให้การเสียภาษีอากร หรือค่าธรรมเนียมนั้นมิต้องเสีย หรือเสียน้อยกว่าที่จะต้องเสีย โทษที่ต้องรับผิด จําคุก 5 - 20 ปีหรือตลอดชีวิต ปรับ 100,000 - 400,000 บาท การละเว้นภาษี ผู้ใดเป็น เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริต โทษที่ต้องรับผิด จําคุก 1 - 10 ปี ปรับ 20,000 - 200,000 บาท มาตรา 158 เอกสารหาย ชํารุด นําเอกสารไปใช้ ในทางที่ผิด ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ทําให้เสียหาย ทําลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือ ทําให้สูญหายหรือทําให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์หรือเอกสารใดอันเป็น หน้าที่ของตนที่จะปกครองหรือรักษาไว้หรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทําเช่นนั้น โทษที่ต้องรับผิด จําคุก ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท มาตรา 157 มาตรา หัวข้อ เนื้อหาสําคัญ
มาตรา 159 ทําตรา (เครื่องหมาย) ชํารุด เสียหาย ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ดูแล รักษาทรัพย์หรือเอกสารใด กระทําการ อันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยถอน ทําให้เสียหาย ทําลายหรือทําให้ไร้ประโยชน์ หรือโดยยินยอมให้ผู้อื่นกระทําเช่นนั้น ซึ่งตราหรือเครื่องหมายอันเจ้า พนักงานได้ประทับหรือหมายไว้ที่ทรัพย์หรือเอกสารนั้นในการปฏิบัติการ ตามหน้าที่ เพื่อเป็นหลักฐานในการยึดหรือรักษาสิ่งนั้น โทษที่ต้องรับผิด จําคุก ไม่เกิน 5 ปี ปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท นําเครื่องหมายราชการ ไปใช้ในทางที่ผิด ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาหรือใช้ดวงตราหรือรอยตราของราชการ หรือของผู้อื่น กระทําการอันมิชอบด้วยหน้าที่ โดยใช้ดวงตราหรือรอยตรานั้น หรือโดยยินยอมให้ผู้อื่นกระทําเช่นนั้น ซึ่งอาจทําให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย โทษที่ต้องรับผิด จําคุก ไม่เกิน 5 ปี ปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท มาตรา 161 ปลอมแปลงเอกสาร ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทําเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสารหรือ ดูแลรักษาเอกสาร กระทําการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่ โทษที่ต้องรับผิด จําคุก ไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท มาตรา 160 มาตรา หัวข้อ เนื้อหาสําคัญ ทําให้ตราสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายราชการ ใช้งานไม่ได้หรือให้คนอื่นเอาไปใช้ในทางที่ผิด มาตรา 162 การรับรองเอกสาร (1) กระทําความผิด หรือรับรองเองสารด้วยตนเอง (2) โกหกว่า มีการแจ้งข้อความ (3) เปลี่ยนแปลง ไม่จดข้อคามในเอกสาร (4) คนอื่นแจ้งเอกสารเท็จ แต่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ถูกต้อง ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทําเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทําการดังต่อไปนี้ (1) รับรองเป็นหลักฐานว่า ตนได้กระทําการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทําต่อ หน้าตนอันเป็นความเท็จ (2) รับรองเป็นหลักฐานว่า ได้มีการแจ้งซึ่งข้อความอันมิได้มีการแจ้ง (3) ละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจด หรือจดเปลี่ยนแปลงข้อความ (4) รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ โทษที่ต้องรับผิด จําคุก ไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท #-
มาตรา 163 เกี่ยวกับไปรษณีย์ 1) เปิดก่อนคนอื่น 2) ทําให้เสียหาย 3) ส่งผิดที่ ส่งมั่ว 4) เปิดเผยข้อมูล ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ในการไปรษณีย์โทรเลขหรือโทรศัพท์ กระทําการ อันมิชอบด้วยหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) เปิด หรือยอมให้ผู้อื่นเปิด จดหมายหรือสิ่งอื่นที่ส่งทางไปรษณีย์หรือ โทรเลข (2) ทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้สูญหาย หรือยอมให้ผู้อื่นทําให้เสียหาย ทําลายหรือทําให้สูญหาย ซึ่งจดหมายหรือสิ่งอื่นที่ส่งทางไปรษณีย์หรือ โทรเลข (3) กัก ส่งให้ผิดทาง หรือส่งให้แก่บุคคลซึ่งรู้ว่ามิใช่เป็นผู้ควรรับ ซึ่งจดหมาย หรือสิ่งอื่นที่ส่งทางไปรษณีย์หรือโทรเลข หรือ (4) เปิดเผยข้อความที่ส่งทางไปรษณีย์ทางโทรเลขหรือทางโทรศัพท์ โทษที่ต้องรับผิด จําคุก ไม่เกิน 5 ปี ปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท เปิดเผยความลับ ราชการ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน รู้หรืออาจรู้ความลับในราชการ กระทําโดยประการใด ๆ อันมิชอบด้วยหน้าที่ ให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับนั้น โทษที่ต้องรับผิด จําคุก ไม่เกิน 5 ปี ปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจํา ทั้งปรับ มาตรา 165 ขัดขวางคําสั่ง ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมาย หรือคําสั่ง ซึ่งได้สั่งเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ป้องกันหรือขัดขวางมิให้การ เป็นไปตามกฎหมายหรือคําสั่งนั้น โทษที่ต้องรับผิด จําคุก ไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจํา ทั้งปรับ มาตรา 164 มาตรา หัวข้อ เนื้อหาสําคัญ มาตรา 166 กันข้าราชการ รวมกลุ่ม ก่อม๊อบ ประท้วง ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ละทิ้งงานหรือกระทําการอย่างใด ๆ เพื่อให้งานหยุด ชะงักหรือเสียหาย โดยร่วมกระทําการเช่นนั้นด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป โทษที่ต้องรับผิด จําคุก ไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท จําคุก ไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจํา ทังปรับ ถ้าความผิดนั้นได้กระทําลงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมาย แผ่นดินเพื่อบังคับรัฐบาลหรือเพื่อข่มขู่ประชาชน โทษที่ต้องรับผิด #-
สรุปประมวลกฎหมายอาญา ความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ มาตรา 147 - 166 ( 20 มาตรา ) แบบ one page สําหรับอยากทบทวนสั้น ๆ หรือพกพา โดยมิชอบ ไม่ถูกกฎหมาย ขัดแย้งกับระเบียบ ทุจริต การแสวงหาผลประโยชน์ของตนเอง และผู้อื่น เช่น ฝากลูกเข้าทํางาน ยักยอกทรัพย์ ทุจริตของหลวง ละเว้นภาษี เอารถของหลวงไปใช้ เจ้าพนักงาน เจ้าพนักงานมีหน้าที่ ม.148 การไถ ( บังคับ ) ม.149 การเรียก รับ จะรับ สินบน ม.150 การรับสินบนล่วงหน้า ม.157 ปฏิบัติละเว้น ทุจริต ม.166 กันข้าราชการประท้วง 5 คนขึ้นไป ม.152 มีส่วนได้ส่วนเสีย ม.153 การจ่ายทรัพย์เกินกําหนด ม.158 เอกสารหาย นําไปใช้ใน ทางที่ผิด ม.159 ทําลายเครื่องหมาย ราชการ ชํารุด เสียหาย ม.160 นําเครื่องหมายราชการไป ใช้ในทางที่ผิด ม.161 ปลอมแปลงเอกสาร ม.162 รับรองเอกสาร ม.163 ไปรษณีย์ ( แกะก่อน เสียหาย ส่งมั่ว เปิดเผยข้อมูล ) ม.164 เปิดเผยความลับราชการ ม.165 ขัดขวางคําสั่งราชการ เจ้าพนักงาน เจ้าพนักงานมีหน้าที่ ม.157 ปฏิบัติละเว้น ทุจริต ม.147 ยักยอกของหลวง ม.151 ทําของหลวงเสียหาย เอาไป ใช้ในทางที่ผิด ม.154 ละเว้นภาษี ม.155 กําหนดราคาเท็จ ม.156 ทําบัญชีเท็จ